ทุกข์เพราะไม่พอ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย jinny95, 26 กันยายน 2013.

  1. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,077
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,669
    ทุกข์เพราะไม่พอ


    เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

    เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๓๘



    ไปอยู่ประเทศไหนก็อย่าลืมพุทโธนะ ไม่มีอะไรเลิศยิ่งกว่าพุทโธ ธัมโม สังโฆนะ ไปอยู่ประเทศไหนเมืองใดก็ตามแดนใดก็ตาม ไม่มีอะไรเลิศยิ่งกว่าพุทโธ ธัมโม สังโฆ ให้จำนี้ไว้ให้ดี ไปอยู่ที่โน่นที่นี่มาแล้วพูดด้วยความลืมเนื้อลืมตัวโดยไม่ได้สำนึกคิดบ้างเลย คนเรามันเป็นบ้าเห่อ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ไม่สนใจ เห่อบ้าไปตามกิเลส ไปไหนอย่าลืมพุทโธ ธัมโม สังโฆ นะ ถ้าไม่ลืมอันนี้เป็นหลักเป็นเกณฑ์ได้ดี ไปอยู่ไหนชุ่มเย็น ถ้าลืมอันนี้แล้วไปไหนไปเถอะ มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้อยู่ในหัวใจ เพราะไม่มีน้ำดับไฟ

    โลกอันนี้มันเย็นเมื่อไร มันร้อนเหมือนฟืนเหมือนไฟ คนเรายิ่งดีดยิ่งดิ้นยิ่งเป็นบ้าเข้าทุกวัน ๆ ศีลธรรมไม่มองดูเลย ที่จะให้ความร่มเย็นไม่มองดู มองดูแต่ฟืนแต่ไฟคว้าแต่ฟืนแต่ไฟ ทุเรศจริง ๆ ว่าสนุกดูโลกก็ว่าได้ แต่จะสนุกดูยังไงคนหนึ่งจะตายอยู่ จะไปสนุกดูอยู่ได้เหรอ ก็ต้องได้วิ่งช่วยเหลือกันนั่นแหละ

    เราน่ะวิตกวิจารณ์กับโลกมากเข้าทุกวัน ๆ จวนตายเท่าไรยิ่งวิตกวิจารณ์กับโลก เพราะร้อนมาก โลกไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยว่าร้อน ร้อนเพราะกิเลสเผาไม่ใช่เพราะอะไรนะ ไม่มีอะไรมาเผามีแต่กิเลสเท่านั้นเผาอยู่ในหัวใจให้ดีดให้ดิ้น ต่างคนต่างดีดต่างดิ้น ออกมาจากหัวใจที่กิเลสเผาทั้งนั้น ไม่ได้ดูจุดนั้นน่ะซิ นี่ดูจุดนั้นนะที่เอามาพูดนี่ พระพุทธเจ้าก็สอนลงจุดนี้จุดหัวใจนี่ ไม่ได้สอนดินฟ้าอากาศต้นไม้ภูเขา สอนหัวใจคน คนไม่ได้มองดูหัวใจเจ้าของนั่นซิถึงได้ดีดได้ดิ้น ถ้ามองดูบ้างทุกสิ่งทุกอย่างจะได้มีประมาณบ้าง มีการยับยั้งชั่งตัวบ้าง ไม่ร้อนมาก

    ความเป็นอยู่เรื่องธาตุเรื่องขันธ์ไม่ได้ทำคนให้ลำบากมากนักนะ ความโลภนี่แหละทำคนให้ลำบาก ราคะตัณหาทำคนให้ลำบากเอามากทีเดียว ตัวนี้ตัวสำคัญสองตัวนี้ ราคะตัณหาดีดขึ้นมาแล้วความโลภก็ดีดไปตาม ๆ กัน ได้เท่าไรไม่พอ ๆ สิ่งที่ได้มาไม่เป็นทุกข์ มันเป็นทุกข์อยู่กับความอยากนั่นน่ะ ดูความอยากเป็นไร ความอยากพาดีดพาดิ้นให้เป็นบ้าอยู่เวลานี้ สิ่งของเงินทองที่ได้มาเพราะความอยากนั้นไม่ได้เป็นทุกข์นะอันนั้น มันเป็นทุกข์ที่หัวใจ ได้มาก็เป็นทุกข์อยู่ที่นี่ไม่ได้เป็นทุกข์อยู่ที่นั่นนะ ไม่ได้ดูตรงนี้นะตรงไม่พอนี่ ความไม่พอของโลกอยู่ที่หัวใจ เหมือนไสเชื้อไฟเข้าไป แสดงเปลวจรดเมฆ ๆ ได้เท่าไร ๆ ยิ่งดีดยิ่งดิ้นเหมือนไฟได้เชื้อ น่าทุเรศนะ โลกไม่มองกัน

    เราจวนตายเท่าไรยิ่งเปิดออก ๆ นะแต่ก่อนไม่ค่อยว่าเท่าไรนัก เพราะความเป็นห่วงเป็นใยนั่นเอง โลกไม่มองดูหัวใจเจ้าของ มองดูแต่เรื่องการตื่นกัน เห็นกันตื่นละตื่นบ้ากัน ไม่ทราบว่าตื่นหาอะไร ทุเรศจริง ๆ นะ มองไปไหน ๆ ลูกตานี้แตกละถ้าจะดูถ้าพิจารณา แต่นี้ไม่ตั้งใจพิจารณาก็เห็นก็รู้ก็ได้พิจารณาอยู่นั้นแหละ ไปไหน ๆ นอนอยู่ในรถเหมือนกระสอบ หัวใจไม่ได้เหมือนกระสอบ พูดฟังให้ชัดนะพูดขนาดนี้แหละ เปิดออกเรื่อย ๆ ใครจะว่าเราอวด เอ้า ว่ามา นอกจากกิเลสว่าเท่านั้นอย่างอื่นไม่ว่า ถ้าธรรมแล้วท่านไม่ว่าท่านชมเชยกัน

    พระพุทธเจ้าพอลูกศิษย์ลูกหาบรรลุธรรมแต่ละองค์ ๆ นี้ อญฺญาสิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ อญฺญาสิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ พระอัญญาโกณฑัญญะผู้เจริญได้รู้แล้วหนอ ๆ นั่นชมหรือไม่ชมพิจารณาซิ กิเลสเท่านั้นมันคัดมันค้าน ถ้าพูดธรรมออกมาพูดไม่ได้กิเลสเหยียบเลย ๆ เข็มเย็บปากเลย เวลานี้เป็นอย่างนั้นนะ เข็มกิเลสมากมันเย็บปากธรรมให้พูดไม่ได้ วันนี้เราพูด กิเลสตัวไหนเก่งออกมาเราจะเย็บปากกิเลสละวันนี้ มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ จะให้ว่ายังไง เป็นอย่างไหนก็ว่าไปตามเรื่องตามอรรถตามธรรมสอนโลก

    มีแต่กิเลสสอนเห็นไหมมันสอนไปสวรรค์นิพพานที่ไหน กิเลสสอนคนสอนให้จมลงนรกยังไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย เป็นบ้ากันทั้งโลกยังไม่รู้อยู่เหรอเวลานี้ น่าทุเรศจริง ๆ นี่นะ อยู่ที่นั่นเจริญอยู่ที่นี่เจริญ อยู่เมืองนั้นเป็นอย่างนั้นอยู่เมืองนี้เป็นอย่างนี้ เมืองไหนก็เมืองนรกเมืองเรือนจำนั่นแหละ ถูกกักถูกขังไว้ด้วยอำนาจแห่งความโลภความโกรธราคะตัณหา ขังอยู่นั้นบีบอยู่นั้น ไปอยู่ไหนก็ดิ้นตายกันอยู่นั้น พอมาก็ว่าบ้านนั้นดีบ้านนี้ดี บ้านไหนเจริญเอามาอวดกัน อวดบ้าอะไรแผ่นดินที่ไหนก็มี บ้าเห่อกันเมืองไทยเรา บ้าเห่อจริง ๆ อะไร ๆ มาเห่อ แม้ที่สุดผลไม้ถ้าได้มาจากเมืองนอก นี่ผลไม้มาจากเมืองนั้นเมืองนี้ ฟาดเข้าป่าเป็นไร เป็นบ้าอะไรประสาผลไม้อยู่ไหนก็มี อดอยากอะไรเอามาอวดทำไมประสาผลไม้ อย่างนั้นก็เอามาอวด ของดีไม่มีก็เอาผลไม้มาอวดพ่อแก่ เข้าใจไหมพ่อแก่ เลยหนุ่มมาแล้วก็เรียกพ่อแก่ เอาผลไม้มาอวดก็ปาเข้าป่าซิ

    ฟังให้ดีนะเราไม่ได้เอาโลกเข้ามาเจือปนนะ พูดเด็ดขนาดไหนมีธรรมอยู่ในนั้นเต็มเม็ดเต็มหน่วย เราไม่ได้เรื่องของกิเลสเข้ามาแทรก เราฟัดกับกิเลสจนเดนตายถึงได้มาพูดถึงเรื่องกิเลสว่ามันเป็นภัยขนาดไหน โลกยังไม่เห็นโทษของมัน จมนะถ้าไม่เห็นโทษของมัน อย่าพากันโลภนักโลภหนา จะตายเพราะความโลภนี่แหละ เพียงปากเพียงท้องไม่ได้ยุ่งเหยิงวุ่นวายอะไรมากนัก การใช้การสอยกินอยู่ปูบายในครอบครัวหนึ่ง ๆ นี้ไม่ได้ลำบากลำบนอะไรมากนัก ตัวความโลภนี่แหละ ความโลภเป็นตัวสำคัญมากทีเดียวทำโลกให้กระเทือนอยู่เวลานี้ ร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ หาความเมตตาสงสารกันไม่ได้ก็คือตัวนี้เอง

    คนเราเมื่ออยู่ด้วยกันมากขนาดไหนหาความไว้วางใจกันไม่ได้ เป็นสุขที่ตรงไหนมนุษย์เรา อยู่กี่คนก็ตามมีความไว้ใจได้เหมือนอวัยวะเดียวกันนี้ อยู่มากขนาดไหนเป็นสุขหมดนั่นแหละ นี่ละธรรมเข้าตรงไหนเป็นอย่างนั้นนะ ถ้ากิเลสเข้าตรงไหนแตกฮือ ๆ

    นี่อดคิดไม่ได้ เดี๋ยวนี้ก็หยุดแล้วการเทศนาว่าการต่าง ๆ ในที่ไหน ๆ ก็ไม่เอาแล้ว แน่ะเห็นไหมตัดลงมา ๆ แล้วความห่วงใยก็ยิ่งห่วงมากสงสารมากขึ้น เพราะทำงานไม่ได้แล้วโลกก็ยิ่งนับวันร้อนขึ้นทุกวันๆ เห็นธรรมะเป็นของเล่นไปได้นะ ธรรมะที่จะลากเข็นคนขึ้นจากนรกอเวจีเห็นเป็นของเล่นไปได้ แต่กิเลสที่จะลากลงนรกเห็นเป็นของจริงของจังไปหมด เป็นอย่างนั้นนะเดี๋ยวนี้มนุษย์เราเป็นขนาดนั้นละ ชาวพุทธเรานี่แหละไม่ใช่ใคร เป็นบ้ากันทั้งโลก

    นั่งภาวนาให้เห็นดูซิน่ะคำพูดพระพุทธเจ้าจะผิดไปตรงไหน สด ๆ ร้อน ๆ เหมือนพระองค์ประทับอยู่ตรงหน้า ภาวนาจิตให้จ้าดูซิเป็นยังไง พระพุทธเจ้าว่าตรงไหน ๆ เป็นยังไง ๆ มันจ้าในหัวใจนี้แล้วค้านพระพุทธเจ้าได้ยังไง นั่นละสาวกทั้งหลายกราบพระพุทธเจ้ากราบตรงนั้นเอง กราบตรงของจริงต่อของจริงเข้าบวกกันนั่นแหละ นั่งภาวนาจิตให้สว่างจ้าดูซิน่ะ ดูโลกนี่เป็นยังไง มีแต่ฟืนแต่ไฟทั้งนั้นเผาไหม้ตลอดเวลาไม่มีเวลาสงบได้เลย ก็คือไฟกิเลสเผาโลก ไม่มีดับไม่มีสงบเลย หมุนติ้ว ๆ อยู่นั้นตลอดเวลา

    มองไปไหนสามแดนโลกธาตุเป็นเหมือน ๆ กันหมดเลย มีแต่สัตว์เสวยกรรม ๆ ยังดิ้นยังดีดยังเพลินยังเป็นบ้าเขียนใบสมัครตายจมกันอยู่นี่ มีแต่เขียนใบสมัครตายจม ๆ ไม่ได้เขียนใบสมัครเพื่อจะเล็ดลอดโดดออกจากกองทุกข์ทั้งหลายนะ ไม่ค่อยมี แม้แต่ไปเดินจงกรมก็ยังเขียนใบสมัครใส่หมอนอยู่อีก นอนเสียก่อนค่อยเดิน กิเลสกล่อมแล้วเห็นไหม ไปเดินจงกรมห่วงหมอน เขียนใบสมัครแล้วนะ พักผ่อนเสียก่อนค่อยภาวนาดีกว่า ฟาดเสียดังครอก ๆ ออกจากครอก ๆ ก็คนตายซิอย่างนั้น

    เอาละพอ


    คัดลอกจาก http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1216&CatID=2
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...