ท็อปดารณีนุช-โพธิปิติชีวิตเปลี่ยน!เพราะปฏิบัติธรรม

ในห้อง 'พุทธศาสนากับคนดัง' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 4 กุมภาพันธ์ 2007.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    'ท็อป'ดารณีนุช-โพธิปิติชีวิตเปลี่ยน!เพราะปฏิบัติธรรม

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ท็อป-ดารณีนุช โพธิปิติชีวิตเปลี่ยน!...เพราะปฏิบัติธรรม





    </TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG][/IMG] [​IMG] "เลิกงานเมื่อไรเป็นต้องไป สี่ทุ่มห้าทุ่มก็ยังอุตส่าห์แวะไปสักหน่อยก็ยังดี พี่เป็นคนที่ดื่มหนักมาก ถึงขั้นติดเลยก็ว่าได้ เพราะทำให้พี่รู้สึกปลดปล่อย และหายเครียดจากการทำงาน แต่พอกลับบ้านแล้ว

    มาเจอลูกเขาก็จะพูดว่า เวลาแม่กินเหล้า แม่เหมือนคนบ้า พูดจาไม่รู้เรื่อง ลูกพูดอย่างนี้บ่อยเข้า จนทำให้เรารู้สึกว่าที่ผ่านมาเป็นแม่ที่แย่มาก ทำให้เขาต้องมาเห็นตัวอย่างที่ไม่ดีอีก"
    นี่เป็นช่วงหนึ่งชีวิตของ "ท็อป" ดารณีนุช โพธิปิติ ก่อนที่จะขจัดกิเลสเหล่านี้ลงได้ด้วยการปฏิบัติธรรม
    "ท็อป" ดารณีนุช เล่าว่า สมัยเรียนนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ก็จะกินเหล้า สูบบุหรี่ ประมาณว่าเท่มาตั้งแต่บัดนั้น กระทั่งมีลูก ประกอบกับมีอาการโรคหืดหอบ จึงเลิกสูบบุหรี่ แต่ชีวิตก็ยังคงวนเวียนอยู่กับการดื่มเหล้าที่ถูกใจกับเพื่อนที่เป็นนักแสดงด้วยกัน พอเลิกงานเสร็จ เราก็จะมีข้ออ้างว่า กลับบ้านลูกและสามีก็หลับแล้ว ดื่มเหล้ากันจนเกือบเช้าทุกวัน คิดว่าการกินเหล้าแบบนี้เป็นการพักผ่อน
    แต่มีวันหนึ่ง ก็กลับมาคิดว่ากินเหล้าทุกคืนชีวิตอยู่กับความซ้ำซากเป็นปีๆ กลับมาทบทวนตัวเองว่า ศีล ๕ ยังรักษาไม่ครบ ยิ่งได้เห็นเหล่าบรรดานักแสดงที่ไปปฏิบัติธรรม เราก็ชอบไปโม้ว่า อยากไปมากเลย
    "แอน" สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ บอกว่า พี่ลองไปซิ เราตอบกลับไปว่าพี่อยากไป แต่ไม่มีเวลา จนสองครั้งผ่านไป มาถึงครั้งสุดท้าย แอนชวนอีก เราก็ยังปฏิเสธเหมือนเช่นเคย พี่ไปไม่ได้หรอก เพราะต้องหาเลี้ยงครอบครัวคนเดียว
    จนแอนพูดออกมาคำหนึ่งว่า ถ้าพี่จะสะสมทรัพย์ทางโลกก็แล้วแต่พี่ แต่ถ้าพี่ท็อปไปก็จะได้สะสมอริยทรัพย์ ตรงนี้ก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่า อะไรคืออริยทรัพย์
    กระทั่งเจอ ธงธง มกจ๊ก บอกกับเขาว่า พี่เจอเธอรู้สึกว่ามีความสุขจังเลย ธงธง ก็ตอบกลับมาว่า หนูเจอพี่หนูก็มีความสุขเหมือนกัน เขาก็ชวนให้ไปนั่งสมาธิ โดยเอาใบสมัครในรถมาให้ แต่ก็ยังไม่ได้สมัครสักที สุดท้ายมาเจอคำพูดของแอน ทำให้ฉุกคิดได้ว่า ต้องไปปฏิบัติธรรม จึงบอกสามีว่าจะไปปฏิบัติธรรม ให้ไปเป็นเพื่อนด้วย
    "สามีก็ดี๊ดี ก็นึกว่าเมียต้องไปนั่งในกระท่อม ใส่ชุดขาว สามีก็จะได้ประเคนอาหาร เทกระโถนให้เมียอะไรแบบนี้ จริงๆ ผัวเมียพอๆ กัน ไม่รู้เลยว่าเขาปฏิบัติธรรมกันอย่างไง เลยสมัครไปปฏิบัติธรรมที่วัดผานิการาม ฉะเชิงเทรา จึงไปกันสองคน แบบไม่รู้ทั้งคู่ เป็นเวลา ๓ วัน พอไปถึงนึกในใจสถานที่สะอาดกว่าบ้านเราอีก จึงน้อมนำตั้งใจปฏิบัติ ห้ามพูด ห้ามโทรศัพท์ และสมาทานศีล ๘ แบบไม่ต้องอดอาหาร แต่กินอาหารมังสวิรัติ ไปตอนแรกยังไม่ได้สอนเรื่องการกำหนดดู เราก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ตักอาหารกินกว่าจะกิน ต้องตักแล้วยก เราก็มีอกุศลในใจว่า อีเว่อร์ ทำไมต้องทำช้าอะไรขนาดนั้น" นี่เป็นความในใจก่อนปฏิบัติธรรม
    อย่างไรก็ตาม หลังจากปฏิบัติธรรมแล้ว "ท็อป" ดารณีนุช กลับรู้สึกว่าพอได้เรียนรู้เรื่องกำหนดจิตว่า การทำอะไรช้าๆ เราจะเห็นกิริยาของเรา เรียกได้ว่าการปฏิบัติธรรมตรงนั้น เป็นเหมือนโลกใหม่ที่ไม่รู้จักมาเลย ยิ่งเข้าห้องน้ำก็ให้กำหนดเห็นหนอ ยื่นหนอ บิดหนอ ต้องกำหนดทุกอิริยาบถ เพื่อให้เรามีสติ ส่วนเวลานั่งสมาธิต้องมีการเดินจงกรม ทำให้รู้ว่าใจเราใน ๑ วันสับสนมาก จังหวะเดินจงกรมใจที่จะต้องอยู่กับตัวเรากลับไม่ไปคิดเรื่องต่างๆ นั่งสมาธิบางครั้งหลับ บางครั้งก็เห็นภาพการ์ตูน เรียกว่าจิตเราฟุ้งซ่านตลอด
    กระทั่งไปปฏิบัติธรรมครั้งที่สอง ๗ วัน โดยพาพ่อไปด้วย ครั้งนั้นใจพะวงเป็นห่วงท่าน จนมาถึงครั้งที่สาม พี่ชายอยากปฏิบัติธรรมพอดี แต่ที่วัดผานิการามต้องสมัครล่วงหน้าหลายเดือน จึงโทรศัพท์ปรึกษากับ พี่ตุ๊ก (ดวงตา ตุงคะมณี) จึงแนะนำให้ไปปฏิบัติกับหลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน จ.ขอนแก่น ซึ่งท่านสอนปฏิบัติธรรมได้ดีมาก ท่านพูดมาคำหนึ่งว่า ที่วัดแห่งนี้ก็เหมือนบ้าน ท่านเมตตาสูงมาก พอเวลาเราล้างจาน ท่านก็บอกว่า ล้างจานก็ให้ล้างใจ ดูใจไปด้วย ดูให้เห็นว่าจิตมันเกิดอะไร หรือกวาดลานวัด ก็ให้คิดใจเราตลอดเวลา เพราะถ้าเกิดอกุศลก็ให้ดับ
    "ท็อป" ดารณีนุช บอกด้วยว่า เมื่อปีใหม่ไปปฏิบัติธรรมอีกครั้งที่ขอนแก่น แต่ลูกกับสามีไม่ได้ไป แม้ว่าวัดแห่งนี้จะเป็นป่าช้าก็ตาม กลับมีความรู้สึกไม่กลัว เดินอยู่คนเดียวในวัด จากนั้นไปนั่งสมาธิอยู่ริมสระน้ำใหญ่ ระหว่างนั่งสมาธิอยู่นั้นก็เห็นภาพหลวงพ่อกล้วย ทันใดนั้นก็รู้ทันทีว่าหลวงพ่อกล้วยกลับมาถึงวัดแล้ว
    สำหรับความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจนหลังจากปฏิบัติธรรมนั้น "ท็อป" ดารณีนุช บอกว่า "พอคิดว่าการปฏิบัติธรรมมันดี ก็จะไปบอกเขาไปทั่ว หลายๆ คนก็นึกว่าเราเพ้อเจ้อ ระยะหลังเราก็ไม่คิดบอกใครอีก แต่บอกกับหม่อมน้อย ท่านก็ถามว่า ปฏิบัติธรรมดีจริงหรือ หม่อมน้อยก็เลยนั่งปฏิบัติธรรมบ้าง เชื่อไหมว่า หม่อมน้อยเดี๋ยวนี้เลิกเหล้าไปเลย เราเองเมื่อก่อนตู้เย็นมีไวน์เต็มตู้เลย เดี๋ยวนี้กลายเป็นตู้แช่ผักไปแล้ว"
    อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้หากมีเวลาจะต้องทำวัตรเช้า ส่วนก่อนนอนมีการสวดมนต์เป็นประจำ เพราะการสวดมนต์เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตเหมือนกัน ฟังพระอาจารย์สิงห์ทนว่า การสวดมนต์ไม่ได้เพื่อต้องการให้สะสมบุญ แต่การสวดมนต์ทำให้ใจเราเป็นกุศล ตรงนี้เชื่อว่าการที่คนเราเกิดมาเป็นมนุษย์ในแต่ละภพแต่ละชาติ เป็นการอัพเดทจิตวิญญาณเรา ทำจิตใจเราให้สูงขึ้น เป็นการยกระดับจิตใจเราขึ้นไป
    "ส่วนตัวเป็นคนเชื่อเรื่องกรรม พระอาจารย์ท่านบอกว่า กรรมดีกรรมชั่วเหมือนรถแข่งสองคัน เป็นคันสีขาวกับคันสีดำ เวลาทำกรรมดี สีขาวก็นำ แต่ถ้าทำกรรมชั่ว สีดำก็นำ แต่ถ้าเราหยุดทำความชั่วทำแต่กรรมดี รถคันสีขาวก็นำไปๆ เลยๆ ถามว่ารถคันดำหายไปไหม คำตอบคือไม่หาย เหมือนเดินทางไปกี่ภพกี่ชาติ เราก็ไม่รู้ เมื่อหยุดทำความดี ไอ้รถคันดำก็จะตามเราอยู่ดี แต่ถ้าทำดีไปเลยๆ จนยาวนาน ทิ้งกันไม่เห็นแล้ว กรรมชั่ว หรือรถคันดำก็จะอโหสิกรรมให้เรา" ท็อป กล่าวทิ้งท้าย0 เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง / ภาพ เจษฏา จันทรรักษ์ 0

    -->
    [​IMG]


    "เลิกงานเมื่อไรเป็นต้องไป สี่ทุ่มห้าทุ่มก็ยังอุตส่าห์แวะไปสักหน่อยก็ยังดี พี่เป็นคนที่ดื่มหนักมาก ถึงขั้นติดเลยก็ว่าได้ เพราะทำให้พี่รู้สึกปลดปล่อย และหายเครียดจากการทำงาน แต่พอกลับบ้านแล้ว

    มาเจอลูกเขาก็จะพูดว่า เวลาแม่กินเหล้า แม่เหมือนคนบ้า พูดจาไม่รู้เรื่อง ลูกพูดอย่างนี้บ่อยเข้า จนทำให้เรารู้สึกว่าที่ผ่านมาเป็นแม่ที่แย่มาก ทำให้เขาต้องมาเห็นตัวอย่างที่ไม่ดีอีก"

    นี่เป็นช่วงหนึ่งชีวิตของ "ท็อป" ดารณีนุช โพธิปิติ ก่อนที่จะขจัดกิเลสเหล่านี้ลงได้ด้วยการปฏิบัติธรรม

    "ท็อป" ดารณีนุช เล่าว่า สมัยเรียนนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ก็จะกินเหล้า สูบบุหรี่ ประมาณว่าเท่มาตั้งแต่บัดนั้น กระทั่งมีลูก ประกอบกับมีอาการโรคหืดหอบ จึงเลิกสูบบุหรี่ แต่ชีวิตก็ยังคงวนเวียนอยู่กับการดื่มเหล้าที่ถูกใจกับเพื่อนที่เป็นนักแสดงด้วยกัน พอเลิกงานเสร็จ เราก็จะมีข้ออ้างว่า กลับบ้านลูกและสามีก็หลับแล้ว ดื่มเหล้ากันจนเกือบเช้าทุกวัน คิดว่าการกินเหล้าแบบนี้เป็นการพักผ่อน

    แต่มีวันหนึ่ง ก็กลับมาคิดว่ากินเหล้าทุกคืนชีวิตอยู่กับความซ้ำซากเป็นปีๆ กลับมาทบทวนตัวเองว่า ศีล ๕ ยังรักษาไม่ครบ ยิ่งได้เห็นเหล่าบรรดานักแสดงที่ไปปฏิบัติธรรม เราก็ชอบไปโม้ว่า อยากไปมากเลย

    "แอน" สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ บอกว่า พี่ลองไปซิ เราตอบกลับไปว่าพี่อยากไป แต่ไม่มีเวลา จนสองครั้งผ่านไป มาถึงครั้งสุดท้าย แอนชวนอีก เราก็ยังปฏิเสธเหมือนเช่นเคย พี่ไปไม่ได้หรอก เพราะต้องหาเลี้ยงครอบครัวคนเดียว

    จนแอนพูดออกมาคำหนึ่งว่า ถ้าพี่จะสะสมทรัพย์ทางโลกก็แล้วแต่พี่ แต่ถ้าพี่ท็อปไปก็จะได้สะสมอริยทรัพย์ ตรงนี้ก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่า อะไรคืออริยทรัพย์
    กระทั่งเจอ ธงธง มกจ๊ก บอกกับเขาว่า พี่เจอเธอรู้สึกว่ามีความสุขจังเลย ธงธง ก็ตอบกลับมาว่า หนูเจอพี่หนูก็มีความสุขเหมือนกัน เขาก็ชวนให้ไปนั่งสมาธิ โดยเอาใบสมัครในรถมาให้ แต่ก็ยังไม่ได้สมัครสักที สุดท้ายมาเจอคำพูดของแอน ทำให้ฉุกคิดได้ว่า ต้องไปปฏิบัติธรรม จึงบอกสามีว่าจะไปปฏิบัติธรรม ให้ไปเป็นเพื่อนด้วย

    "สามีก็ดี๊ดี ก็นึกว่าเมียต้องไปนั่งในกระท่อม ใส่ชุดขาว สามีก็จะได้ประเคนอาหาร เทกระโถนให้เมียอะไรแบบนี้ จริงๆ ผัวเมียพอๆ กัน ไม่รู้เลยว่าเขาปฏิบัติธรรมกันอย่างไง เลยสมัครไปปฏิบัติธรรมที่วัดผานิการาม ฉะเชิงเทรา จึงไปกันสองคน แบบไม่รู้ทั้งคู่ เป็นเวลา ๓ วัน พอไปถึงนึกในใจสถานที่สะอาดกว่าบ้านเราอีก จึงน้อมนำตั้งใจปฏิบัติ ห้ามพูด ห้ามโทรศัพท์ และสมาทานศีล ๘ แบบไม่ต้องอดอาหาร แต่กินอาหารมังสวิรัติ ไปตอนแรกยังไม่ได้สอนเรื่องการกำหนดดู เราก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ตักอาหารกินกว่าจะกิน ต้องตักแล้วยก เราก็มีอกุศลในใจว่า อีเว่อร์ ทำไมต้องทำช้าอะไรขนาดนั้น" นี่เป็นความในใจก่อนปฏิบัติธรรม

    อย่างไรก็ตาม หลังจากปฏิบัติธรรมแล้ว "ท็อป" ดารณีนุช กลับรู้สึกว่าพอได้เรียนรู้เรื่องกำหนดจิตว่า การทำอะไรช้าๆ เราจะเห็นกิริยาของเรา เรียกได้ว่าการปฏิบัติธรรมตรงนั้น เป็นเหมือนโลกใหม่ที่ไม่รู้จักมาเลย ยิ่งเข้าห้องน้ำก็ให้กำหนดเห็นหนอ ยื่นหนอ บิดหนอ ต้องกำหนดทุกอิริยาบถ เพื่อให้เรามีสติ ส่วนเวลานั่งสมาธิต้องมีการเดินจงกรม ทำให้รู้ว่าใจเราใน ๑ วันสับสนมาก จังหวะเดินจงกรมใจที่จะต้องอยู่กับตัวเรากลับไม่ไปคิดเรื่องต่างๆ นั่งสมาธิบางครั้งหลับ บางครั้งก็เห็นภาพการ์ตูน เรียกว่าจิตเราฟุ้งซ่านตลอด
    กระทั่งไปปฏิบัติธรรมครั้งที่สอง ๗ วัน

    โดยพาพ่อไปด้วย ครั้งนั้นใจพะวงเป็นห่วงท่าน จนมาถึงครั้งที่สาม พี่ชายอยากปฏิบัติธรรมพอดี แต่ที่วัดผานิการามต้องสมัครล่วงหน้าหลายเดือน จึงโทรศัพท์ปรึกษากับ พี่ตุ๊ก (ดวงตา ตุงคะมณี) จึงแนะนำให้ไปปฏิบัติกับหลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน จ.ขอนแก่น ซึ่งท่านสอนปฏิบัติธรรมได้ดีมาก ท่านพูดมาคำหนึ่งว่า ที่วัดแห่งนี้ก็เหมือนบ้าน ท่านเมตตาสูงมาก พอเวลาเราล้างจาน ท่านก็บอกว่า ล้างจานก็ให้ล้างใจ ดูใจไปด้วย ดูให้เห็นว่าจิตมันเกิดอะไร หรือกวาดลานวัด ก็ให้คิดใจเราตลอดเวลา เพราะถ้าเกิดอกุศลก็ให้ดับ

    "ท็อป" ดารณีนุช บอกด้วยว่า เมื่อปีใหม่ไปปฏิบัติธรรมอีกครั้งที่ขอนแก่น แต่ลูกกับสามีไม่ได้ไป แม้ว่าวัดแห่งนี้จะเป็นป่าช้าก็ตาม กลับมีความรู้สึกไม่กลัว เดินอยู่คนเดียวในวัด จากนั้นไปนั่งสมาธิอยู่ริมสระน้ำใหญ่ ระหว่างนั่งสมาธิอยู่นั้นก็เห็นภาพหลวงพ่อกล้วย ทันใดนั้นก็รู้ทันทีว่าหลวงพ่อกล้วยกลับมาถึงวัดแล้ว

    สำหรับความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจนหลังจากปฏิบัติธรรมนั้น "ท็อป" ดารณีนุช บอกว่า "พอคิดว่าการปฏิบัติธรรมมันดี ก็จะไปบอกเขาไปทั่ว หลายๆ คนก็นึกว่าเราเพ้อเจ้อ ระยะหลังเราก็ไม่คิดบอกใครอีก แต่บอกกับหม่อมน้อย ท่านก็ถามว่า ปฏิบัติธรรมดีจริงหรือ หม่อมน้อยก็เลยนั่งปฏิบัติธรรมบ้าง เชื่อไหมว่า หม่อมน้อยเดี๋ยวนี้เลิกเหล้าไปเลย เราเองเมื่อก่อนตู้เย็นมีไวน์เต็มตู้เลย เดี๋ยวนี้กลายเป็นตู้แช่ผักไปแล้ว"
    อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้หากมีเวลาจะต้องทำวัตรเช้า ส่วนก่อนนอนมีการสวดมนต์เป็นประจำ เพราะการสวดมนต์เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตเหมือนกัน ฟังพระอาจารย์สิงห์ทนว่า การสวดมนต์ไม่ได้เพื่อต้องการให้สะสมบุญ แต่การสวดมนต์ทำให้ใจเราเป็นกุศล ตรงนี้เชื่อว่าการที่คนเราเกิดมาเป็นมนุษย์ในแต่ละภพแต่ละชาติ เป็นการอัพเดทจิตวิญญาณเรา ทำจิตใจเราให้สูงขึ้น เป็นการยกระดับจิตใจเราขึ้นไป

    "ส่วนตัวเป็นคนเชื่อเรื่องกรรม พระอาจารย์ท่านบอกว่า กรรมดีกรรมชั่วเหมือนรถแข่งสองคัน เป็นคันสีขาวกับคันสีดำ เวลาทำกรรมดี สีขาวก็นำ แต่ถ้าทำกรรมชั่ว สีดำก็นำ แต่ถ้าเราหยุดทำความชั่วทำแต่กรรมดี รถคันสีขาวก็นำไปๆ เลยๆ ถามว่ารถคันดำหายไปไหม คำตอบคือไม่หาย เหมือนเดินทางไปกี่ภพกี่ชาติ เราก็ไม่รู้ เมื่อหยุดทำความดี ไอ้รถคันดำก็จะตามเราอยู่ดี แต่ถ้าทำดีไปเลยๆ จนยาวนาน ทิ้งกันไม่เห็นแล้ว กรรมชั่ว หรือรถคันดำก็จะอโหสิกรรมให้เรา" ท็อป กล่าวทิ้งท้าย


    0 เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง / ภาพ เจษฏา จันทรรักษ์ 0



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ----------------------------------
    ที่มา: คมชัดลึก
    http://www.komchadluek.net/2007/02/04/j001_87829.php?news_id=87829
     
  2. 3แสนแรงเทียน

    3แสนแรงเทียน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +1
    ยินดีกับคุณท็อปด้วย เมื่อเช้าก็ดูรายการทั้งสองวันเลย รู้สึกหน้าตาผ่องใสกว่าแต่ก่อนน่ะ
     
  3. piya0101

    piya0101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +255
    มาถูกทางแล้วเพื่อน พยายามต่อไป
     
  4. สงบระงับ

    สงบระงับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +2,919
    อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ ทำต่อไปอย่าละเสียนะค่ะ
     
  5. Ws:Wslnw

    Ws:Wslnw สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +14
    ขอเจริญพรให้กับสีกาด้วยที่เลิกสุราได้ ได้อ่านคำพูดของสีกาแล้วไช้ได้ดีทีเดียว
    ถือว่าเป็นเนื้อนาบุญโดยแท้ ขอให้สีกาเจริญยิ่งๆขึ้นไปนะ สาธุ.
     
  6. miss_aommie

    miss_aommie สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +21
    ชอบค่ะ..........
    อ่านแล้วรู้สึกดี.............


    " พระอาจารย์ท่านบอกว่า กรรมดีกรรมชั่วเหมือนรถแข่งสองคัน เป็นคันสีขาวกับคันสีดำ เวลาทำกรรมดี สีขาวก็นำ แต่ถ้าทำกรรมชั่ว สีดำก็นำ แต่ถ้าเราหยุดทำความชั่วทำแต่กรรมดี รถคันสีขาวก็นำไปๆ เลยๆ ถามว่ารถคันดำหายไปไหม คำตอบคือไม่หาย เหมือนเดินทางไปกี่ภพกี่ชาติ เราก็ไม่รู้ เมื่อหยุดทำความดี ไอ้รถคันดำก็จะตามเราอยู่ดี แต่ถ้าทำดีไปเลยๆ จนยาวนาน ทิ้งกันไม่เห็นแล้ว กรรมชั่ว หรือรถคันดำก็จะอโหสิกรรมให้เรา"
     
  7. miss_aommie

    miss_aommie สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +21
    อนุโมทนา กับ คุณท็อป ด้วยค่ะ..........สู้ๆๆนะค่ะ
    ทำดีได้ดีค่ะ
     
  8. อันวา(อันเป็นที่รัก)

    อันวา(อันเป็นที่รัก) Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +42
    ขออนุโมทนากับคุณท๊อปด้วยนะคะ ดิฉันเองก็ได้ไปปฏิบัติมาแล้วเหมือนกัน แต่ได้ไปปฏิบัติเพียง 3 วันเอง หากมีโอกาสจะไปปฏิบัติมากกว่า 3 วัน
     
  9. hamm

    hamm สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +13
    เจ๋งเป้ง.
     
  10. @^น้ำใส^@

    @^น้ำใส^@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    2,330
    ค่าพลัง:
    +4,673
    อนุโมทนาคะ

    คิดดี พูดดี ทำดี มีความสุข สาธุ ค่ะ *-*
     
  11. pierroh

    pierroh สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ขออนุโมธนาด้วยค่ะ ชอบมากอ่านแล้วเข้าใจง่าย เป็นคําสอนที่เข้าใจง่าย ขอบคุณค่ะ
     
  12. ANUWART

    ANUWART เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,669
    ค่าพลัง:
    +14,320
    อนุโมทนาสาธุครับ

    เชิญทำบุญซื้อ อิฐ หิน ดิน ทราย เหล็ก ปูน สร้างศาลาแก้วครอบสมเด็จองค์ปฐม

    เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างพระประธานสมเด็จองค์ปฐมและศาลาแก้วพระจุฬามณี ที่ จ.นครศรีธรรมราช (สำนักสงฆ์ธรรมเจริญ)

    [​IMG]

    [​IMG]

    " บุญกุศลใดที่พึงจะได้รับ ก็ขอให้ทุกท่านได้รับเช่นเดียวกันถ้วนหน้าสถาพร ทั้งโลกนี้และโลกหน้า ที่สุดถึงซึ่งพระนิพพานด้วยกันเทอญฯ สาธุ"<!-- google_ad_section_end -->
     
  13. ลุงชาลี

    ลุงชาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,958
    ค่าพลัง:
    +4,763
  14. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    สาธุ ดีจัง...ดอกไม้เมื่อบานเองจะสวยงามที่สุด อนุโมทามิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...