ท่องพระนคร-ตอนวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย paang, 23 ตุลาคม 2005.

แท็ก: แก้ไข
  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    [​IMG]

    วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เป็นวัดซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นแทนวัดเก่าซึ่งเป็นวัดร้างเรียกกันว่า วัดแหลม และวัดไทรทอง โปรดให้สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงเป็นนายช่างออกแบบพระอุโบสถนี้สร้างด้วยหินอ่อนงดงามมาก ชั้นต้นมีพระราชดำริจะอัญเชิญพระพุทธชินราช จากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ราชวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก มาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ แต่ประชาชนชาวพิษณุโลก แสดงความหวงแหน กราบบังคมทูลยับยั้ง จึงโปรดเกล้าฯ ให้ช่างกรุงเทพฯ ขึ้นไปจำลองหล่อพระพุทธชินราชองค์ใหม่มาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ วัดเบญจมบพิตรฯ สืบต่อมาจนทุกวันนี้
    ที่มา คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่
    http://www.watbencha.com/

    [​IMG]

    [​IMG]
    หน้าบันมุขตะวันออก จำหลักไม้ ผูกลายประกอบตราเป็นพระนารายณ์ทรงครุฑ ซึ่งถอดจากพระราชลัญจกร "พระครุฑพาห์" ในลายมีหมู่เทวดาอัญเชิญเครื่องสูงประกอบซ้ายขวาด้วย
    [​IMG]
    ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ลำยอง ลงรักปิดทองทึบ อ่อนช้อยรับกันทุกชิ้นมีคันทวยรับเชิงชายเป็นระยะ ๆ
    [​IMG]
    มีเสากลมหินอ่อน 4 ต้น ข้างบันไดหินอ่อนมีสิงห์สลักหินอ่อน 2 ตัว ซึ่งโปรดเกล้าฯให้ ขุนสกลประดิษฐ์ ช่างในกรมช่างสิบหมู่ เป็นผู้ปั้นแบบ ตามภาพที่สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงเขียน
    [​IMG]
    หน้าบันมุขตะวันตก จำหลักไม้ ผูกลายประกอบตราเป็นอุณาโลมในบุษบก ซึ่งถอดจากพระราชลัญจกร "มหาอุณาโลม" หรือ "มหาโองการ มีเสาและสิงห์เช่นเดียวกับด้านหน้า และที่ซุ้มจรนำ ประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณ เป็นพระยืนทรงเครื่องสมัยลพบุรี ปางห้ามญาติ ถวายพระนามว่า "พระธรรมจักร" เพราะที่ฝ่าพระหัตถ์สลักเป็นรูปพระธรรมจักร
    [​IMG]
    พระระเบียง พื้นพระระเบียงนั้น ปูด้วยหินอ่อนสีเหลืองอ่อนและสีขาวตลอด ส่วนเสาพระระเบียงนั้นเป็นเสากลมหินอ่อนทั้งแท่ง 68 ต้น เสาเหลี่ยมประกบแผ่นหินอ่อน 28 ต้น ปลายเสาปั้นบัวประดับกระจกทั้งหมด
    [​IMG]
    ภายในพระระเบียง ขื่อลงรักปิดทองลายรดน้ำ เพดานล่องชาด ประดับดาวทอง 610 ดวง ประดิษฐานพุทธรูปต่าง ๆ จำนวน 52 องค์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหล่อสัมฤทธิ์มีทั้งพระพุทธรูปโบราณ และหล่อขยายหรือย่อส่วนจากพระพุทธรูปโบราณ โดยโปรดเกล้าฯให้สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเสาะหามาทั้งในกรุงเทพฯและหัวเมือง ตลอดจนถึงต่างประเทศ เช่น อินเดีย ญี่ปุ่น พม่า ลังกา
    [​IMG]
    ภายในพระอุโบสถ มุขตะวันตก ประดิษฐานพระพุทธชินราช ด้านหน้าพระพุทธชินราชเป็นรั้วหินอ่อนกลมสีเขียวหยก
    [​IMG]
    บานประ*้านนอกติดแผ่นโลหะนูน ภาพเทวดารักษาประตู (ทวารบาล)
    [​IMG]
    ด้านในเขียนลายรดน้ำภาพเหมือนกับด้านนอก
    [​IMG]
    บานหน้าต่างด้านนอกติดแผ่นโลหะนูนภาพมาร (ยักษ์) แบก


    [​IMG]
    บานหน้าต่างด้านในเป็นภาพมาร(ยักษ์)แบกเหมือนกับด้านนอก
    [​IMG]

    [​IMG]
    รูปหล่อราชสีห์ ข้างบันไดขึ้นด้านหน้าของพระวิหารสมเด็จ
    [​IMG]
    คลองนี้โปรดเกล้าฯให้ขุดขึ้นตั้งแต่เริ่มการสถาปนาวัด เพื่อแบ่งเขตเป็นส่วนพุทธาวาสและสังฆาวาส สองฝั่งคลองโปรดเกล้าฯให้ปลูกต้นไม้ และฝังเสาศิลายอดบัวตูม สอดเหล็กหล่อลายดอกไม้เป็นรั้วตลอดแนวทั้ง 2 ข้าง
    [​IMG]
    เชิงสะพานตั้งตุ๊กตาจีนประดับ 12 ตัว
    [​IMG]
    ต้นดอกสาละที่อยู่ในบริเวณวัด
    [​IMG]

    [​IMG]
     
  2. Hades

    Hades เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +199
    สวยจัง
     
  3. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>....รายละเอียดเพิ่มเติมค่ะ..

    ************************



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระพุทธอังคีรส พระประธานภายในพระอุโบสถที่มีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เวลาเกิดอาการเบื่อๆ เซ็งๆ กับการทำงาน วิธีแก้เบื่ออย่างหนึ่งของฉันก็คือการพลิกดูปฏิทินเพื่อหาดูว่า วันหยุดครั้งถัดไปจะมาถึงเมื่อไร เพื่อวางแผนหาที่เที่ยวแก้เซ็ง เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงเป็นแบบฉันเหมือนกันละสิ

    วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันเปิดดูปฏิทิน และเห็นว่า วันที่ 23 ตุลาคม นี้เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์อีกหนึ่งวัน คือเป็น วันปิยมหาราช นั่นเอง วันหยุดติดต่อกันสามวันอย่างนี้บางคนอาจจะไปเที่ยวต่างจังหวัด แต่สำหรับหนุ่มลูกทุ่งอย่างฉันซึ่งเห็นต่างจังหวัดมาทั้งชีวิตแล้ว ขอเที่ยวเมืองกรุงแทนดีกว่า

    เมื่อมีวันหยุดเนื่องในวันปิยมหาราชทั้งที ก็ต้องไปเที่ยวในสถานที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับรัชกาลที่ 5 กันสักหน่อย ซึ่งฉันก็ตกลงใจว่าน่าจะไปเที่ยวที่ “วัดราชบพิธ” วัดประจำรัชกาลที่ 5 ซึ่งตั้งอยู่ข้างกระทรวงมหาดไทย ริมคลองคูเมืองเดิมนี่เอง


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=240 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=240>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระอุโบสถด้านนอก งดงามไม่แพ้ด้านใน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>วัดราชบพิธ มีชื่อเต็มๆ ว่า “วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร” คำว่า “ราชบพิธ” หมายถึง พระราชาทรงสร้าง ซึ่งก็คือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกสำหรับพระอัครมเหสี พระราชเทวี และเจ้าจอมพระสนมเอกของพระองค์ ส่วน “สถิตมหาสีมาราม” ก็คือเป็นวัดที่ประดิษฐานเสมาขนาดใหญ่ และตามปกติแล้ว เสมาของวัดโดยทั่วไปจะอยู่ตามมุม หรือติดอยู่กับตัวพระอุโบสถ แต่เสมาของวัดนี้ตั้งอยู่บนกำแพงรอบวัดถึง 8 ด้าน จึงเป็นการขยายเขตทำสังฆกรรมของสงฆ์ให้กว้างขึ้น

    วัดนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 5 เท่านั้น แต่ยังเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 7 อีกพระองค์หนึ่งด้วย เพราะในรัชสมัยของ ร.7 มิได้มีการสร้างวัด แต่ท่านก็ได้รับพระราชภาระในการทำนุบำรุงและบูรณปฏิสังขรณ์วัดราชบพิธนี้ด้วย ดังนั้นจึงถือวัดนี้เป็นวัดประจำพระองค์ด้วยเช่นกัน

    ชื่อเสียงที่ฉันได้ยินมาเกี่ยวกับวัดนี้ก็คือ ความงดงามภายในอุโบสถที่มีคนบอกว่าภายนอกเป็นแบบไทยๆ แต่ภายในเป็นแบบยุโรป มาคราวนี้จึงต้องเข้าไปดูด้วยตาตัวเองสักหน่อยว่าจะงามขนาดไหน แต่ก่อนที่จะเข้าไปข้างในก็ได้ลองเดินชมภายนอกอุโบสถที่ประดับตกแต่งอย่างงดงามด้วยกระเบื้องเคลือบเบญจรงค์จากประเทศจีน บานประตูและหน้าต่างประดับด้วยมุกที่ทำเป็นลายไทยและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างๆ ส่วนซุ้มประตูหน้าต่างเป็นซุ้มมงกุฎประดับปูนปั้นปิดทอง ประดับกระจกแพรวพราวสวยงามมาก


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระระเบียงคดล้อมรอบมหาเจดีย์ไว้ภายใน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ชมแค่ภายนอกฉันก็ว่างามแล้ว แต่เมื่อเข้าไปด้านใน พระอุโบสถ ฉันกลับพบสิ่งที่งามกว่า เมื่อเข้าไปภายใน สิ่งแรกที่รู้สึกก็คือ ความมลังเมลืองของสีทองที่สะท้อนเข้าตา ฉันต้องใช้คำว่ามลังเมลือง เพราะคิดว่าคำนี้เหมาะสมที่สุดแล้วที่จะบรรยายถึงความงดงามภายใน

    เพดานและผนังของพระอุโบสถตกแต่งด้วยสีทอง เป็นศิลปะยุโรปแบบโกธิค ที่มีคนกล่าวกันว่ามีลักษณะคล้ายพระที่นั่งแห่งหนึ่งในพระราชวังแวร์ซาย ผนังพระอุโบสถมีตราสัญลักษณ์ประจำรัชกาล ส่วนบนเพดานประดับด้วยโคมไฟระย้าที่ให้แสงสีเหลืองอาบทุกสิ่งทุกอย่างจนกลายเป็นสีทองไปหมด ฉันรู้มาว่า เหตุที่ตกแต่งภายในเป็นแบบยุโรปก็เนื่องจากในช่วงยุคสมัยของรัชกาลที่ 5 นั้น เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการล่าอาณานิคม พระองค์ท่านทรงมีพระราชดำริว่า หากไม่ปรับตัวเองแล้ว ประเทศไทยก็จะกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนในสายตาของผู้อื่น วัดราชบพิธแห่งนี้จึงได้มีช่างชาวต่างประเทศ เช่น อิตาลีและเยอรมันเข้ามาร่วมสร้างด้วย

    ฉันมัวแต่ยืนทึ่งในความงามจนเกือบลืมไปว่า สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อเข้ามาในพระอุโบสถก็คือการกราบประธาน ซึ่งพระประธานในพระอุโบสถนี้มีนามว่า “พระพุทธอังคีรส” แปลว่า มีรัศมีซ่านออกจากพระวรกาย ซึ่งฉันคิดว่าชื่อนี้เหมาะสมกับท่านที่สุดแล้ว พระพุทธอังคีรสประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีหินอ่อนจากอิตาลี โดยที่ใต้ฐานพระได้บรรจุพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ด้วยกัน เช่น พระบรมอัฐิของรัชกาลที่ 2 รัชกาลที่ 3 รัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 7


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ศิลปะแบบต่างๆ ของอนุสาวรีย์ในสุสานหลวง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>หลังจากกราบพระเสร็จ ฉันนั่งชมสิ่งต่างๆ ภายในอุโบสถอย่างเงียบๆ ความสงบยิ่งช่วยเพิ่มความงามให้มากขึ้น และสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกก็คือ ความเป็นตะวันตกและตะวันออกในบางครั้งเมื่อมารวมกันแล้วกลับดูขัดแย้ง ไม่กลมกลืน แต่สำหรับพระอุโบสถแห่งนี้ฉันยืนยันได้ว่าไม่เป็นเช่นนั้นเลย การตกแต่งแบบยุโรปกับพระพุทธรูปศิลปะไทย สามารถผสมกลมกลืนกันได้อย่างงดงามไม่มีที่ติในพระอุโบสถวัดราชบพิธแห่งนี้

    ไหว้พระเสร็จฉันออกจากพระอุโบสถมาเพื่อมาไหว้พระเจดีย์ต่อ แต่ก่อนอื่นขอชมก่อนว่า วัดแห่งนี้มีการจัดผังได้สวยงาม โดยมีพระเจดีย์เป็นศูนย์กลาง ล้อมรอบด้วยพระระเบียงวิหารคดเป็นวงกลม ด้านข้างจะมีทางเข้าไปในรอบๆ พระเจดีย์ได้ ส่วนพระอุโบสถกับพระวิหารซึ่งอยู่ตรงข้ามกันนั้น ตั้งอยู่ด้านนอกพระระเบียงอีกที ใครที่นึกภาพไม่ออกก็ให้ดูตัวอย่างจากวัดพระปฐมเจดีย์ เพราะการวางตัวของสิ่งก่อสร้างนั้นเป็นแบบเดียวกัน

    พระเจดีย์ ที่ว่านี้เป็นเจดีย์ทรงกลม ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบลายเบญจรงค์สวยงาม บนยอดปลีเป็นลูกแก้วกลมครอบผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ ส่วนฐานเจาะเป็นซุ้มคูหา 16 ซุ้ม ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ สำหรับด้านในพระเจดีย์นั้น มีพระพุทธรูปศิลาสมัยลพบุรี ปางนาคปรกอยู่ด้วย 4 องค์ ซึ่งเล่ากันมาว่าขุดพบใต้ต้นตะเคียนริมคลองหลอด และเชื่อกันว่าคนที่อยากมีลูกให้มาขอพรที่นี่ก็จะได้มีลูกสมใจ


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=230 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=230>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ซุ้มคูหาประดิษฐานพระพุทธรูปและรูปหล่อของสมเด็จพระสังฆราช (วาสน์มหาเถร)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>สิ่งที่น่าสนใจอย่างมากอีกอย่างหนึ่งที่วัดราชบพิธที่แตกต่างจากวัดอื่นๆ ก็คือ ที่วัดแห่งนี้มีสุสานหลวงตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตก สุสานหลวง นี้เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ซึ่งรัชกาลที่ 5 โปรดให้สร้างไว้เพื่อประดิษฐานพระสรีรังคารแห่งสายพระราชสกุลในพระองค์ ซึ่งอนุสาวรีย์เหล่านั้นก็มีรูปทรงที่หลากหลาย มีทั้งแบบไทย แบบฝรั่ง หรือแม้แต่แบบขอมก็มี ซึ่งอนุสาวรีย์บางส่วนก็ได้สร้างขึ้นเองภายหลังบ้าง

    อนุสาวรีย์ที่ว่านั้นก็มีอนุสาวรีย์ของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ราชสกุลอาภากร อนุสาวรีย์ของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี อนุสาวรีย์สุขุมาลนฤมิตร์ ราชสกุลบริพัตร อนุสาวรีย์รังษีวัฒนา ราชสกุลมหิดล ซึ่งมีพระสรีรังคารของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกและสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือพระราชบิดาและพระราชมารดาของในหลวงอยู่ด้วย

    ส่วนอนุสาวรีย์รูปร่างเหมือนปรางค์สามยอดแบบขอมนั้นเป็นของราชสกุลยุคล และล่าสุดอังคารของ ม.ร.ว.อดุลยกิติ์ กิติยากร พระบิดาของพระองค์เจ้าโสมสวลีฯ ก็ได้นำมาไว้ในอนุสาวรีย์ของราชสกุลกิติยากร และอัฐิของคุณพุ่ม เจนเซ่น ก็ได้นำมาไว้ ณ อนุสาวรีย์นี้ด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นก็เป็นอนุสาวรีย์ของราชสกุลอื่นๆ รวมทั้งหมด 36 องค์


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=230 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=230>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ในบริเวณสุสานหลวงนี้มีต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้ม แต่ความสงบนั้นไม่ได้ทำให้บรรยากาศของสุสานหลวงดูอึมครึม หรือน่าหวาดกลัว แต่ฉันว่าเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมานั่งสงบสติอารมณ์ คิดอะไรเงียบๆ หรือนั่งระลึกถึงความตาย และความไม่เที่ยงแท้ของสังขาร อันเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนจะต้องเจอไม่วันใดก็วันหนึ่ง

    ชมวัดราชบพิธเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ฉันยังคงคิดถึงเรื่องราวของรัชกาลที่ 5 อยู่ สิ่งที่ฉันคิดถึงเกี่ยวกับพระองค์ท่านก็คือ พระมหากรุณาธิคุณของท่านที่มีต่อพสกนิกร เช่น การประกาศเลิกทาส การพัฒนาเมืองไทยให้ทัดเทียมกับอารยประเทศ และทรงนำพาประเทศไทยให้รอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของประเทศตะวันตก และอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ดังนั้น พระสมัญญานามของท่านซึ่งก็คือ “พระปิยมหาราช” ซึ่งเป็นชื่อที่ประชาชนชาวไทยถวายแด่ท่านด้วยความรักอย่างแท้จริงนั้น จึงเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง

    * * * * * * * * * * *

    วัดราชบพิธ ตั้งอยู่ที่ถนนเฟื่องนคร แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กทม. ข้างกระทรวงมหาดไทย มีรถเมล์สาย 2 ผ่าน

    พระอุโบสถของวัดราชบพิธจะเปิดให้เข้าชมเฉพาะในวันสำคัญทางศาสนาและวันพระเท่านั้น สนใจสอบถามรายละเอียด โทร. 0-2222-3930


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...