ท่องเที่ยวนครนายก เมืองเจ้าพ่อขุนด่าน

วัดป่าศรีถาวรนิมิต

วัดป่าศรีถาวรนิมิต จ.นครนายก
วัดป่าศรีถาวรนิมิต ตั้งอยู่ที่บ้านบุ่งเข้ ตำบลหนองแสง อ.ปากพลี จ.นครนายก เป็นวัดราษฎร์ สายธรรมยุติกนิกาย ซึ่งผู้ก่อตั้งวัดแห่งนี้คือ พระราชพิพัฒนาทร (ถาวร จิตตถาวโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร บริเวณวัดมีเนื้อที่ประมาณ 350 ไร่ อยู่ติดกับเทือกเขาใหญ่ที่รายล้อมด้วยภูเขาน้อยใหญ่ บริเวณโดยรอบมีไม้ยืนต้นร่มรื่นและเงียบสงบ มีกุฏิปฏิบัติธรรมนับร้อยหลัง สำหรับพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา และประชาชนผู้สนใจปฏิบัติธรรมทั่วไป ที่มาของชื่อวัด คือ คำว่า "ศรี" มาจากพระนามของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และ "ถาวร" คือชื่อของ พระราชพิพัฒนาทร (ถาวร จิตตถาวโร) นั่นเอง
ในบริเวณนี้ยังมีโครงการเมืองสหกรณ์อันเนื่องมาจากพระราชดาริ มีการทำสวนผักปลอดสารพิษและนาข้าวโดยใช้ระบบเกษตรธรรมชาติ วัดนี้อยู่ในความอุปถัมภ์ของมูลนิธิถาวรจิตตถาวโรวงศ์มาลัย ภายในบริเวณจะมีสถานีวิทยุเจริญธรรมถาวร 99.75 MHz
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ พระครูสรพาจน์พิไล (เจ้าอาวาส) โทร. (037) 308-366, (081) 866-1304
ข้อมูลเพื่อการเดินทาง
จากตัวเมืองสี่แยกวัดอุดมธานีเลี้ยวซ้ายมือจากถนนสุวรรณศรไปตามทางหลวงสายนครนายก-ท่าด่าน (ถนนสาย 3239) ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตรก่อนถึงสามแยกวัดเขานางบวช มีทางแยกขวามือเข้าไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร วัดจะมีทางเข้าอยู่ด้านซ้ายมือครับ

 

น้ำตกวังม่วง

น้ำตกวังม่วง

เป็นน้ำตกขนาดเล็กอีกน้ำตกหนึ่งที่มีอาณาบริเวณอยู่ในเขตวนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดนครนายก อยู่ที่ ต.นาหินลาด มีทางแยกซ้ายมือจากถนนสุวรรณศร แยกหน้าที่ว่าการอำเภอปากพลี ไปยังน้ำตกวังม่วง ระยะทาง 16 กม. การเดินทาง สะดวกไปจนถึงบริเวณลานด้านหน้าน้ำตก เป็นลำธารน้ำตกที่ไหลผ่าน แนวหิน เป็นระยะ ๆ แล้วไหลลงมายังอ่างรับน้ำสุดท้าย มีความสวยงามของธรรมชาติ

 

อ่างเก็บน้ำวังบอน

อ่างเก็บน้ำวังบอน

ตั้งอยู่บ้านวังบอน หมู่ที่ 7 ตำบลนาหินลาด จากตัวเมืองนครนายกใช้ทางหลวงหมายเลข 33 เลี้ยวซ้ายก่อนถึงอำเภอปากพลี (เส้นทางไปน้ำตกวังม่วง) แต่ต้องเลี้ยวไปทางบ้านโคกสว่าง เส้นทางลัดไปอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ระยะทางประมาณ 24 กิโลเมตร บริเวณรอบอ่างเก็บน้ำเป็นพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ซึ่งยังคงความอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ และกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว เช่น เดินป่า ดูนก พายเรือแคนูชมความงามของน้ำตกวังบอน เป็นต้น
ที่นั่นจะมีเรือให้เช่า และสามารถตกปลาได้ด้วยนะครับ น่าจะเป็นช่วงระยะเวลาที่เปิดให้หาสัตว์น้ำได้

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ชมรมเรารักธรรมชาติอ่างเก็บน้ำวังบอน
โทร. 0 7129 4838

ขอบคุณบทความจากหมอชิตดอทคอม

 

สักการะองค์พระแก้วมรกตจำลอง วัดคีรีวัน

วัดคีรีวัน ตำบลศรีนาวา อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก

ห่างจากตัวเมืองนครนายกประมาณ 9 กิโลเมตรไปตามทางถนนนครนายก-ท่าด่าน

วัดคีรีวัน เป็นวัดเก่าแก่ มีพระแก้วมรกตองค์จำลองขนาดใหญ่ องค์พระแก้วจำลองมีเนื้อเป็นเรซิ่น ขนาดหน้าตักกว้าง 49 นิ้ว สูง 32.9 นิ้ว หนัก 1 ตัน และมีเครื่องทรงครบทั้ง 3 ฤดู ประดับตกแต่งด้วยเพชรแท้ 7 กะรัต พลอยแท้ 2,000 กว่าเม็ด และทับทิม ประดิษฐานอยู่ที่พระวิหารบนยอดเขา ในสมัยก่อนวัดนี้เคยอยู่กลางทุ่งมาก่อน และได้ย้ายวัดไปอยู่ที่เขากระเหรี่ยง เดิมชื่อ วัดสว่างอารมณ์ ต่อมาวัดนี้จึงได้ย้ายไปอยู่ที่ภูเขาแห่งใหม่ และตั้งชื่อวัดใหม่ว่า วัดคีรีวัน โดยมีพระครูคีรีวนานุกูลโอภาโส (หลวงพ่อรี) เป็นเจ้าอาวาสประจำวัดแห่งนี้

กำหนดการนมัสการพระแก้วมรกตบนยอดเขาคีรีวัน
วันธรรมดา 6.30 น. ถึง 17.30 น. ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์ 6.30 น. ถึง 18.00 น.

 

อยากไปวัดลำบัวลอยครับ พอแนะนำเส้นทางได้ไหมครับ ขับรถไปเอง ขอบคุณครับ

 

วัดลำบัวลอย ตำบลท่าเรือ อ.ปากพลี จ.นครนายก
ใช้เส้นทางถนนสุวรรณศร ทางหมายเลข 33 มุ่งหน้าจังหวัดปราจีนบุรี เข้าเขตอำเภอปากพลีเลยวัดเกาะหวาย กลับรถหน้าวัดบ้านใหม่ วิ่งตรงมาเจอสามแยกเกาะหวายเลี้ยวซ้าย วิ่งตรงไปเรื่อยๆ เจอสามแยกก็เลี้ยวซ้าย จะมีป้ายบอกทางไปวัดลำบัวลอยครับ อีกไม่ไกลครับ

 

ขอบคุณมากครับ ชัดเจนครับ

 

ข่าวประชาสัมพันธ์

มูลนิธิีศิลปะเพื่อมวลมนุษย์ " Art for all " ขอเชิญชวนนักเรียน
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เข้าร่วม
ประกวดวาดภาพ ประกวดวรรณศิลป์ เสาร์ที่ 16 กรกฎาคม 2554
ภายในค่ายศิลปะ Art for all ณ วังรี รีสอร์ท จ.นครนายก




ค่ายศิลปะArt for All ปีที่ 15 : ความต่างคือความงาม




“Art for All” เปิดมิติแห่งศิลปะ ร่วมสร้างปรากฏการณ์แห่งความงดงาม ด้วยการหลอมรวมศักยภาพของเยาวชนพิการที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งเด็กตาบอด หูหนวก พิการแขนขา และบกพร่องด้านสติปัญญา ให้เกิดเป็นพลังสร้างสรรค์

ศาสตราจารย์ ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ประธานมูลนิธิศิลปะเพื่อมวลมนุษย์ (Art for All)
[FONT=Cordia New,Cordia New][FONT=Cordia New,Cordia New]เปิดเผยว่า มูลนิธิศิลปะเพื่อมวลมนุษย์ ร่วมกับ เอสแคป องค์การสหประชาชาติ กระทรวงวัฒนธรรม และจังหวัดนครนายก จัดกิจกรรมค่ายศิลปะเพื่อมวลมนุษย์ ปีที่ 15 ขึ้น ระหว่างวันที่ 14-18 กรกฎาคม 2554 นี้ ณ องค์การสหประชาชาติ กรุงเทพฯ และวังรี รีสอร์ท จ.นครนายก [/FONT][/FONT]
[FONT=Cordia New,Cordia New][FONT=Cordia New,Cordia New]“สาหรับค่ายศิลปะ Art for All ในปี 2554 นี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด [/FONT]

[/FONT]ความต่างคือความงาม (Celebrating Diversity) [FONT=Cordia New,Cordia New][FONT=Cordia New,Cordia New]ด้วยการส่งเสริมให้เยาวชนที่บกพร่องทางการมองเห็น การได้ยิน การเคลื่อนไหว และสติปัญญา ตลอดจนเยาวชนที่ไม่พิการ ที่มีความแตกต่างกันทั้งร่างกายและจิตใจ ได้รับการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ควบคู่คุณธรรมอย่างมีความสุข ด้วยการประสานความแตกต่างหลากหลายให้เกิดเป็นพลังขับเคลื่อนไปสู่สังคมแห่งความงดงาม” [/FONT][/FONT]
[FONT=Cordia New,Cordia New][FONT=Cordia New,Cordia New]ค่ายศิลปะ Art for All เป็นกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ที่สอดแทรกกระบวนการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เปิดโอกาสให้เยาวชนพิการและไม่พิการทั้ง 5 ประเภท ได้สัมผัสโลกแห่งจินตนาการและเรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิตร่วมกัน โดยการใช้ศิลปะและกิจกรรมค่ายเป็นเครื่องมือ ส่งเสริมให้เยาวชนค้นหาศักยภาพในตัวเอง เสริมสร้างคุณค่าของการมีชีวิต [/FONT]
[FONT=Cordia New,Cordia New]เพราะความพิการมิได้เป็นข้อจากัดหรืออุปสรรคปิดกั้นการเรียนรู้ เยาวชนเหล่านี้แม้จะไร้โอกาสแต่ไม่ขาดความสามารถ หากได้รับการส่งเสริม ทุกคนก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีศักยภาพและมีความสุข [/FONT]
[FONT=Cordia New,Cordia New]“ไม่เพียงแต่เยาวชนเท่านั้น กระบวนการขับเคลื่อนของค่ายศิลปะเพื่อมวลมนุษย์ ยังได้หลอมรวมบุคลากรที่มีความแตกต่างกันในด้านต่างๆ อาทิ วิทยากร ซึ่งประกอบไปด้วยศิลปินแห่งชาติ วิทยากรผู้มีชื่อเสียง ที่มีความเชี่ยวชาญในศิลปะแขนงต่างๆ แตกต่างกันไป คณะทางานที่มาจากหลากหลายอาชีพ ทั้งองค์กรภาครัฐ-เอกชน เหล่าอาสาสมัครจากต่างสถาบันการศึกษาที่มีจิตอาสา ซึ่งมาร่วมกันขับเคลื่อนและผลักดันให้กิจกรรมค่ายครั้งนี้ก้าวไปสู่เป้าหมายที่งดงามภายใต้มิติชีวิตที่หลากหลาย” [/FONT]
[FONT=Cordia New,Cordia New]ท่ามกลางบรรยากาศของห้องเรียนธรรมชาติในค่ายศิลปะ Art for All ปีที่15 จะมีการจัดสภาพแวดล้อมและหลักสูตรที่เอื้อให้เกิดการประสานความร่วมมือระหว่างเยาวชนทั้งที่พิการและไม่พิการได้เรียนรู้ร่วมกัน ประกอบด้วย ฐานกิจกรรมที่คละศาสตร์ทางด้านศิลปะแขนงต่างๆ ถึง 24 ฐานกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นทัศนศิลป์ วรรณศิลป์ ดุริยางคศิลป์ นาฏศิลป์ และศิลปหัตถกรรม รวมถึงกิจกรรมนันทนาการ อาทิ [/FONT]
[FONT=Cordia New,Cordia New] ศิลป์ภาษา(วรรณศิลป์) อ.เนาวรัตน์พงษ์ไพบูลย์(ศิลปินแห่งชาติ) [/FONT]
[FONT=Cordia New,Cordia New] วาดสุขด้วยศิลป์(ทัศนศิลป์) ดร.สุชาติวงษ์ทอง(ศิลปินสีน้าอิสระ) [/FONT]
[FONT=Cordia New,Cordia New] สนุกกับการ์ตูน(ทัศนศิลป์) อ.ศักดาแซ่เอียว(การ์ตูนนิสต์ชื่อดัง- เซียไทยรัฐ) [/FONT]
[FONT=Cordia New,Cordia New] ปั้นดิน-ปั้นคุณธรรม(ประติมากรรม) อ.เฉลียวนิลม่วง(แม่ปั้นดิน-ศิลปินล้านนา) [/FONT]
[FONT=Cordia New,Cordia New] Earth Art (ทัศนศิลป์) ศ.วิบูลย์ลี้สุวรรณ-โน้ตวัชรบูลย์ลี้สุวรรณ(คู่พ่อ-ลูกศิลปิน) [/FONT]
[FONT=Cordia New,Cordia New] จิตรกรรมศ.ปรีชาเถาทอง(ศิลปินแห่งชาติ) [/FONT]
[FONT=Cordia New,Cordia New] ดุริยางคศิลป์รศ.ภิญโญสุวรรณคีรี[/FONT]
[FONT=Cordia New,Cordia New] ปลุกรักชาติด้วยภาษาศิลป์ศ.กิตติคุณอาไพสุจริตกุลและพันตรีวันชนะสวัสดี[/FONT]
[FONT=Cordia New,Cordia New](นักแสดงจากภาพยนต์พระนเรศวร) [/FONT]
[FONT=Cordia New,Cordia New] ฐานจาลองประสบการณ์ในโลกมืดโลกแห่งความเงียบ[/FONT]
[FONT=Cordia New,Cordia New]สาหรับผู้ที่สนใจกิจกรรมสร้างสรรค์สังคมเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตเยาวชนพิการ[/FONT]

[FONT=Cordia New,Cordia New] [FONT=Cordia New,Cordia New][FONT=Cordia New,Cordia New]ต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าให้กับเยาวชน[/FONT][/FONT][/FONT][FONT=Cordia New,Cordia New]
[FONT=Cordia New,Cordia New][FONT=Cordia New,Cordia New]ด้วยการสมทบทุนบริจาคเข้าร่วมโครงการ[/FONT]
[/FONT] [FONT=Cordia New,Cordia New][FONT=Cordia New,Cordia New]เข้าเยี่ยมชมการดาเนินกิจกรรมค่ายศิลปะเพื่อมวลมนุษย์(Art for All Camp) ปีที่15 ระหว่างวันที่15-18 กรกฎาคม2554 ณวังรีรีสอร์ทจ.นครนายก[/FONT][/FONT]
[FONT=Cordia New,Cordia New][FONT=Cordia New,Cordia New]สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คุณสมถวิลบุญน้อม[/FONT]
[FONT=Cordia New,Cordia New]มูลนิธิศิลปะเพื่อมวลมนุษย์(Art for All) โทรศัพท์0-2219-2606-7 [/FONT]

[FONT=Cordia New,Cordia New]ขอขอบคุณข้อมูลจาก[/FONT]
[FONT=Cordia New,Cordia New]http://www.artforall.or.th/information/information_54.pdf[/FONT]
[/FONT][/FONT][/FONT]

 

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก
มูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กลุ่มรักษ์เขาใหญ่
และองค์กรอนุรักษ์รอบแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

เชิญชวนถ่ายภาพทุกระดับร่วมสร้างความภูมิใจจากมุมมอง
ตัวเองในการประกวดภาพถ่าย หัวข้อ คืนพื้นที่สีเขียวให้เขาใหญ่
เปิดรับภาพ วันที่ 1 มิถุนายน 2554 - 31 สิงหาคม 2554

ติดตามรายละเอียดได้ที่
http://www.tat8.com/thai/handbook/khao yai 54.pdf

 

วิ่งเขื่อนขุนด่านปราการชล ครั้งที่ 6

วิ่งเขื่อนขุนด่านปราการชล ครั้งที่ 6
เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
วโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ
วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2554 ณ เขื่อนขุนด่านปราการชล ต.หินตั้ง
อ.เมือง จ.นครนายก

ชิง 3 ถ้วยพระราชทานเกียรติยศ.... พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ในการแข่งขันเดิน-วิ่ง... เขื่อนขุนด่านปราการชลมาราธอน ​

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2554 ณ เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก​

เมื่ออดีตทุกๆ ปี ปัญหาดินเป็นกรด ภัยแล้งและน้ำท่วม สร้างความทุกข์ยากแก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครนายก
และจังหวัดใกล้เคียงเป็นอย่างยิ่ง ด้วยพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงห่วงใยราษฎร ทรงพระราชทาน
พระราชดำริวางโครงการเขื่อนคลองท่าด่าน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อช่วยเหลือราษฎรให้มีน้ำใช้ตลอดปี บรรเทาปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วมที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี เขื่อนขุนด่านปราการชล เริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ.2542 แล้วเสร็จปลายปี 2548 และเริ่มกักเก็บน้ำเรื่อย
มา ด้วยความจุ 224 ล้านลูกบาศก์เมตร ความยาวสันเขื่อน 2,549 เมตร ความสูง 93 เมตร นอกจากประโยชน์โดยตรงในเรื่องการ
จัดการทรัพยากรน้ำแล้ว เขื่อนขุนด่านปราการชลยังเอื้อประโยชน์ทางอ้อมหลายประการด้วย เช่น ด้านการท่องเที่ยว ด้วยภูมิประเทศ
ของตัวเขื่อนที่รายล้อมด้วยป่าในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงกับตัวเขื่อน ส่งผลให้เขื่อนเป็น
แหล่งท่องเที่ยวหลักแห่งใหม่ของจังหวัดนครนายก และน้ำที่ระบายออกจากเขื่อนยังส่งผลดีต่อกิจกรรมล่องแก่งที่สามารถล่องแก่ง
ได้ตลอดทั้งปี สร้างอาชีพและรายได้ให้กับชุมชนมากยิ่งขึ้น

​

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก เปิดเผยว่า เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาส
เฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ รวมถึงประชาสัมพันธ์โครงการเขื่อนขุนด่านปราการชล อันเนื่องมาจากพระราชดำริและส่งเสริม
การท่องเที่ยวของจังหวัดนครนายก จังหวัดนครนายก ร่วมกับองค์กรและหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจัดการแข่งขันเดิน-วิ่ง
“เขื่อนขุนด่านปราการชลมาราธอน” ในวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2554 ชิงถ้วยพระราชทานเกียรติยศ



ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ, สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ เขื่อนขุนด่านปราการชล ตำบลหินตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก แบ่งการแข่งขันได้ดังนี้

1. ประเภทมาราธอน ระยะทาง 42.20 กิโลเมตร ชิงถ้วยพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปล่อยตัวผู้แข่งขันเวลา 04.00 น.ค่าสมัคร 400 บาท
2. ประเภทฮาล์ฟมาราธอน ระยะทาง 21.50 กิโลเมตร ชิงถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ปล่อยตัวผู้แข่งขันเวลา 05.30 น. ค่าสมัคร 350 บาท
3. ประเภทมินิมาราธอน ระยะทาง 11.00 กิโลเมตร ชิงถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ปล่อยตัวเวลา 06.00 น. ค่าสมัคร 250 บาท
4. ประเภทเดินวิ่งเพื่อสุขภาพ (Fun-Run) ระยะทาง 4 กิโลเมตร ชิงถ้วยรางวัลเกียรติยศ ปล่อยตัวเวลา 07.30 น.
   ค่าสมัคร 200 บาท

ทั้งนี้ ผู้สมัครอายุไม่เกิน 15 ปี และอายุ 70-84 ปี ค่าสมัคร 150 บาท ทุกระยะ และผู้สมัครอายุ 84 ปีขึ้นไป ไม่เสียค่าสมัคร
วิธีการรับสมัคร



สมัครโดยตรงที่จุดรับสมัคร ได้แก่

1. สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครนายก โทร.0-3731-3283
2. ที่ทำการปกครองจังหวัดนครนายก โทร.0-3731-4265
3. สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดนครนายก โทร.0-3731-4484
4. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก โทร.0-3731-2282, 0-3731-2284 หรือ tat8
5. สมัครทางไปรษณีย์ไปยัง สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครนายก ถนนนครนายก-รังสิต แยกสามสาว ตำบลท่าช้าง อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก 26000 หรือทาง E-mail : khundanmarathon2011@hotmail.com หรือส่งใบสมัครทางโทรสารหมายเลข 0-3731-3283, 0-3731-3149 ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 25 สิงหาคม 2554
6. สมัครตามจุดรับสมัครสัญจรที่คณะกรรมการผู้จัดการแข่งขันจัดขึ้นในงานวิ่งต่าง ๆ สอบถามได้ที่ 0-3731-3283
7. สมัคร ณ จุดรับสมัครหน้างานวิ่งเขื่อนขุนด่านปราการชลในวันที่ 3 กันยายน 2554 เวลา 13.00 – 23.00 น. และในวันที่ 4 กันยายน 2554 เวลา 03.00 น.เป็นต้นไป

ในวันที่ 4 กันยายน 2554 นอกจากการแข่งขันวิ่งฯ เพื่อสุขภาพจะเป็นกิจกรรมเด่นของการจัดงานแล้ว ยังมีกิจกรรมเสริมเพิ่มความน่าสนใจภายในงานอีกหลายรายการ เช่น จักรยานท่องเที่ยว จำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์กีฬาและสินค้าการเกษตรพื้นเมือง นิทรรศการและบริการด้านสร้างเสริมสุขภาพ

นายบูรศักดิ์ ฤกษ์สำรวจ ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.สำนักงานนครนายก กล่าวเพิ่มเติมว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาในช่วงของการ
แข่งขันวิ่งเขื่อนขุนด่านปราการชลมาราธอน สามารถจะแวะชมและสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เริ่มต้นเดินทางออกจากบ้านแต่เช้าตรู่
มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองนครนายกใช้เส้นทางได้ 2 เส้นทาง คือ เส้นทางแรกแยกรังสิตตามทางหลวงหมายเลข 305 เลียบคลองรังสิต ผ่านอำเภอองครักษ์ระยะทาง 105 กิโลเมตร อีกเส้นทางหนึ่งตามทางหลวงหมายเลข 1 เลี้ยวขวาที่หินกองไปตามถนนสุวรรณศร ทางหลวงหมายเลข 33 จนถึงนครนายก ระยะทาง 137 กิโลเมตร

จุดท่องเที่ยวจุดแรกแวะชมพิพิธภัณฑ์ รร.จปร.100 ปี หรือจะเลือกทดสอบกิจกรรมทางทหารหาญที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม “เขตทหารน่าเที่ยว” ณ โรงเรียนนายร้อย จปร. หรือที่โรงเรียนเตรียมทหาร จากนั้นมุ่งหน้าสู่ถนนสายน้ำตก ทางหลวงหมายเลข 3049 ชมน้ำตกงาม 3 แห่ง – น้ำตกสาริกา น้ำตกนางรอง อุทยานวังตะไคร้ หรือจะสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดด้วยกิจกรรมล่องแก่งลำน้ำ
นครนายกปั่นจักรยานชมทิวทัศน์และวิถีชีวิตชาวสวน ออกกำลังโยกย้ายไปมากับกิจกรรมมันส์ๆ “ขับรถ ATV” โรยตัวจากหน้าผาจริง
/จำลอง ณ ศูนย์ผจญภัยเขาหล่น ยามเย็นพักผ่อนนอนหลับฝันดีในโรงแรม/รีสอร์ท หลากบรรยากาศให้เลือกมากกว่า 70 แห่ง

เช้าตรู่ของวันที่ 4 กันยายน 2554 เดินทางมาชมหรือจะร่วมทดสอบกำลังขาด้วยการแข่งขันเดิน-วิ่ง “เขื่อนขุนด่านปราการชลมาราธอน ครั้งที่ 6” แวะชิมก๋วยเตี๋ยวกะลาลุงเผ่า/ไก่ย่าง ส้มตำ ที่มีขายตลอดเส้นทาง เรียนรู้และเพลิดเพลินกับทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง
ที่ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ หรือที่สวนพ่อมด สวนศรียา ซื้อผักผลไม้พื้นบ้านได้ที่ตลาดข้างทาง/ที่วัดพราหมณี ซึ่งทุกท่านจะได้
สัมผัสกับความสนุกสนานและอิ่มอร่อยกับนครนายกมรดกธรรมชาติที่ใกล้กรุง

ติดต่อสอบถามข้อมูลและขอรับตัวอย่างเส้นทางท่องเที่ยวได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก
โทร. 0-3731-2282, 0-3731-2284 หรือดาวน์โหลดข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.tat8.com

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก
Tourism Authority of Thailand : Nakhon Nayok Office

 

Download หนังสือแนะนำการท่องเที่ยวนครนายกจาก ททท.เขต8​

​

ตรวจสอบสภาพอากาศ จังหวัดนครนายกก่อนเดินทางมาท่องเที่ยว
http://www.tmd.go.th/province.php?id=60
...............................................................................................................................
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก
Tourism Authority of Thailand : Nakhon Nayok Office<!-- google_ad_section_end --> ​

 

วัดเขานางบวช ( รอยพระพุทธบาทจำลอง )

​

วัดเขานางบวช
มีความสำคัญวัดหนึ่งในจังหวัดนครนายก มีรอยพุทธบาทจำลองเขานางบวช ประดิษฐานอยู่ในมณฑปบนยอดเขานางบวช ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลสาริกา อำเภอเมืองนครนายก ห่างจากตัวเมืองจังหวัดประมาณ 9 กิโลเมตร เขานางบวชสูงประมาณ 100 เมตร มีบันไดคอนกรีตจากเชิงเขาถึงมณฑป 248 ชั้น รอยพระพุทธบาทนี้ สร้างไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2401 แรม 8 ค่ำ เดือน 12 ปีระกา จะมีงานเทศกาลนมัสการรอยพระพุทธบาทในกลางเดือน 5 ของ ทุก ๆ ปี และยังเป็นสถานที่จัดงานตักบาตรเทโวโรหณะของจังหวัดนครนายกอีกด้วย

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3732 8289, 0 1772 9535

ตักบาตรเทโวโรหนะวัดเขานางบวช จ.นครนายก
สืบทอดประเพณีดีงามย้อนรอยพุทธกาล ประจำปี 2554
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=P4zOQP_MDNQ&feature=player_embedded"]YouTube[/ame]​

ประวัติความเป็นมา
การสร้างวัดเขานางบวชไม่สามารถหาหลักฐานการสร้าง แต่มีการบูรณะซ่อมแซม และมีความเชื่อถือ กันว่า มีความเจริญรุ่งเรือง และมีความสำคัญวัดหนึ่งในจังหวัดนครนายก มีการเล่าตำนานการสร้างวัดอยู่ ๒ ตำนาน คือ ท้าวปาจิตกุมารและนางอรพิม และหญิงหม้ายหนีมาบวชชี และเจริญธรรมจนเป็นที่ศรัทธาของชาวบ้าน
ต่อมาประมาณ พ.ศ. ๒๔๖๔ มีพระเถระฉายาว่า พระอมราภิรักขิต สำนักวัดบรมนิวาส กรุงเทพมหานครได้จาริกมาถึงวัดเขานางบวช จึงดำริก่อสร้างมณฑปบนยอดเขานางบวช พร้อมกับหลวงพ่อทา เจ้าอาวาสวัดเขานางบวชร่วมกับชาวบ้านที่ใจบุญ โดยนายอุ่น เชี่ยวชาญ เป็นกำลังสำคัญ
บอกบุญตามที่ต่าง ๆ ทั้งกำลังคนและกำลังทรัพย์มาก่อสร้างเริ่มก่อสร้างต้นพ.ศ.๒๔๖๔ เมื่อเริ่มพิธีบวงสรวงก็เกิดอัศจรรย์ มีแก้วลูกโตประมาณเท่าฝาบาตรโผล่ขึ้นตรงศาลเพียงตา การสร้างมณฑปนี้ เสียค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ๑๕,๑๗๕ บาท ๑๘ สตางค์ มีบันไดขึ้น ๒๔๘ ขั้น โดยช่างฝีมือ
ชาวจีนชื่อนายหลา การก่อสร้างได้สำเร็จเมื่อปลาย พ.ศ. ๒๔๖๔ มีงานฉลองเดือน ๕ ของทุกปีเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน มีประชาชนจากถิ่นต่าง ๆ ไปทัศนาจร ปิดทองรอยพระพุทธบาทจำลองบนยอดเขานี้เป็นจำนวนมาก ทุกปี ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายกสมัยนั้น (นายชูสง่า ฤทธิประศาสน์) ได้ทำพิธี
แห่พระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษ ไปบรรจุไว้ในมณฑปด้วย

การเดินทาง

มาได้หลายเส้นทางจากตัวเมืองนครนายก ไปตามถนนสาริกา ถึงสี่แยกประชาเกษมเลี้ยวขวาเข้าถนนซอยประมาณ 1 กิโลเมตร หรือจากตัวเมืองนครนายก ไปตามถนนสาริกาและแยกเข้าถนนเฉลิมพระเกียรติ (ท่าข่อย) ประมาณ 8 กิโลเมตร

 

วัดเขานางบวช กับลานกว้างก่อนขึ้นบันไดพญานาคไปนมัสการพระพุทธบาท สักการะพระสีวลี พระสังกัจจายน์ พระพุทธปางพระทานพร

นมัสการพระสีวลีบริเวณลานจอดรถ

สักการะพระสังกัจจายน์หน้าบันไดทางขึ้น​

​

และพระพุทธรูปปางประทานพร​

​

ซุ้มประตูวัดเขานางบวช ​

 

วัดเขานางบวช กับบันไดทางขึ้นสู่มณฑปยอดเขานางบวช

 

วัดเขานางบวช ป้ายประกาศต่างๆ เต็มบริเวณลานวัด

 

วัดเขานางบวช กับเจ้าพ่อเจ้าแม่ ที่ผู้คน ชาวบ้านเขานางบวชเคารพนับถือ

 

วัดเขานางบวช ยอดเขานางบวชสถานที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง

 

ถนนคนเดินนี้ ตอนนี้เลิกไปแล้วนะครับ เพราะไม่มีคนเดิน...55+

เสียดายงบประมาณ ที่ใช้ส่งเสริมการทำถนนคนเดินจริงๆครับ ไฟทางที่ประดับ

ตั้งแต่งสะพานข้ามแม่น้ำนครนายกมาถึงตลาดคนเดิน ดับหมดไม่มีเหลือ

ต่ำน้ำพลิกละลายแม่น้ำของแท้ครับ

 

โอเค โปรโมทดีมากครับ
ทำให้อยากไปเที่ยวเลย
น่าจะบอกเป็นแผนที่อีกหน่อยจะดีมาก ครับ

 

อนุโมทนา สาธุ ๆ
กับทุกท่านที่ได้สร้างถาวรวัตถุ
ไว้ในพุทธศาสนาทุกอย่างด้วยครับ
นิพพานัง ปัจจโย โหตุ