ท่านผู้ปรารถนาพุทธภูมิเมื่อจิตเศร้าหมองเกิดขึ้น ท่านมีวิธีจัดการอย่างไร?

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Norlnorrakuln, 14 กันยายน 2014.

  1. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,814
    ค่าพลัง:
    +15,099
    ในชีวิตประจำวันทุกคนต่างต้องเผชิญสิ่งที่มากระทบหลากหลายรูปแบบ (ทั้งแบบปกติธรรมดาและ มารมาทดสอบกำลังใจ) แต่ในฐานะท่านผู้บำเพ็ญปรารถพุทธภูมิ ท่านจะมีวิธีขจัดดวงจิตที่เศร้าหมองของท่านอย่างไรบ้างครับ?

    ทั้งนี้ เพื่อเป็นกรณีศึกษาและใช้เป็นแนวทางให้เกิดองค์ความรู้เพื่อจะได้ไม่เกิดความประมาท เมื่อเหตุการณ์นั้นๆเกิดขึ้นจริง เช่น ลูกน้องบริวารไม่เชื่อฟัง ตัดสินใจผิดพลาด ผู้อื่นเข้าใจผิด โดนคดโกง ถูกใส่ร้ายป้ายสี ทำผิดศีลทั้งที่เจตนาและไม่เจตนา ญาติพี่น้องล้มหายตายจาก ฯลฯ
     
  2. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,814
    ค่าพลัง:
    +15,099
    ขอยกตัวอย่างเรื่องราวที่มักเกิดขึ้น ในกรณีของข้าพเจ้า เช่น การเข้าห้องสุขาทั้งในที่สาธารณะและที่ประจำ บางครั้งก็พบแมลง คางคก หรือแม้แต่หน!ู ฯลฯ ตกลงไปในโถส้วม เผอิญตอนนั้นปวดหนักมาก หากไม่เหลือวิสัยจริงๆแล้วข้าพเจ้าจะใช้มือ หรือวัตถุที่พอเขี่ยออกได้ตักมันออกไป หรือหากมีห้องน้ำหลายห้องข้าพเจ้าก็จะเลือกห้องที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตตกลงไป แต่ถ้าหากสัตว์นั้นมุดหายเข้าไปในคอห่านแล้ว จะทำไง? ห้องน้ำก็มีห้องเดียว! ทั้งที่รู้ว่ามันต้องตายแน่ๆแต่ข้าพเจ้าก็ต้องทำใจ (โดยเฉพาะห้องน้ำสาธารณะที่เปิดไฟทิ้งไว้ทั้งคืนแมลงจะเยอะมาก) ถ่ายเสร็จก็เรียบร้อย ได้แต่ปลงอนิจจาสังขารไม่เที่ยงหนอ แผ่เมตตาให้มันไป

    แต่ก็ยังไม่วายเป็นทุกข์ไปกับมัน จิตเศร้าหมอง เพราะความสงสารสัตว์ผู้โง่เขลาต้องมาตายเพราะเราทั้งที่ไม่มีเจตนาจะฆ่ามัน แต่ก็ปลงไม่ตกง่ายๆ ยิ่งถ้าหากเป็นพวกเขียด คางคก หนู ด้วยแล้วข้าพเจ้าจะเกิดความเครียดจิตตกมาก เห็นมันมุดหายเข้าไปต่อหน้าต่อตา คงจะตกใจเพราะกลัวเรา เป็นเพราะเราแท้ๆ มันคงจะไม่มีชีวิตรอดกลับออกมาอีกแล้ว!

    เวลาหลับตาจะเห็นภาพสัตว์ตัวนั้นติดขึ้นมาง่ายดายมากเลยครับ(ไม่รู้ใครเคยเป็นบ้าง หรือเป็นเฉพาะกรณีของข้าพเจ้า) พอเห็นภาพนิมิตแล้วก็พยายามขอโทษขออโหสิกรรม ขอขมาอภัยอย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย ฯลฯ ทุกครั้งที่ระลึกได้ในเวลาที่เราทำบุญ หรือสวดมนต์ภาวนาอยู่ จิตจะนึกย้อนหลังส่งบุญไปให้มันเสมอ ทำอย่างนี้นอกจากจะเกิดความสบายใจแล้ว ยังทำให้เกิดความสำรวมในจิตมากขึ้นด้วยครับ ^_^
     
  3. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ทำใจครับ
    ยอมรับสัจธรรมให้ได้ เมื่อปรารถนาพุทธภูมิ ชีวิตมันก็ต้องเน้นให้ มากว่าเอา
    ความสูญเสียจึงเป็นเรื่องธรรมดา หากยอมรับความจริงนี้ได้
    แม้จะเศร้าหมองเสียใจ ผิดหวัง ทุกข์ใจ แต่ไม่นานนักก็จะปล่อยวางได้ ( คือจมทุกข์ไม่นานหรอก )
     
  4. view2004

    view2004 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +1,107
    ผมเจริญอานาปานสติให้เป็นอารมณ์ครับ

    ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุเหล่าใดยังเป็นเสขะ
    ยังไม่ลุถึงธรรมที่ต้องประสงค์แห่งใจ
    ปรารถนาอยู่ซึ่งโยคเขมธรรมอันไม่มีอะไรยิ่งกว่า;
    ภิกษุเหล่านั้น เมื่อเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว
    ซึ่งอานาปานสติสมาธิ
    ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย.



    ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ รู้สึกว่า
    “เราอยู่โดยมาก โดยความเป็นผู้มากด้วยอภิชฌา มีจิตพยาบาท
    ถีนมิทธะกลุ้มรุม ฟุ้งซ่าน มีวิจิกิจฉา มักโกรธ มีจิตเศร้าหมอง
    มีกายเครียดครัด เกียจคร้าน มีจิตไม่ตั้งมั่น” ดังนี้แล้ว

    ภิกษุนั้น พึงกระทำซึ่งฉันทะ (ความพอใจ) วายามะ (ความพยายาม)
    อุสสาหะ อุสโสฬ๎หี (ความขมักเขม้น) อัปปฏิวานี (ความไม่ถอยหลัง)
    สติและสัมปชัญญะ อย่างแรงกล้า
    เพื่อละเสียซึ่งธรรมอันเป็นบาปอกุศลเหล่านั้น
    เช่นเดียวกับ บุคคลผู้มีเสื้อผ้าหรือศีรษะอันไฟลุกโพลงแล้ว จะพึงกระทำ
    ฉันทะ วายามะ อุสสาหะ อุสโสฬ๎หี อัปปฏิวานี สติและสัมปชัญญะอันแรงกล้า
    เพื่อจะดับไฟที่เสื้อผ้าหรือที่ศีรษะนั้นเสีย, ฉันใดก็ฉันนั้น
    .

    ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ รู้สึกว่า
    “เราอยู่โดยมาก โดยความเป็นผู้ไม่มีอภิชฌา ไม่มีจิตพยาบาท
    ไม่ถีนมิทธะกลุ้มรุม ไม่ฟุ้งซ่าน หมดวิจิกิจฉา ไม่มักโกรธ มีจิตไม่เศร้าหมอง
    มีกายไม่เครียดครัด ปรารภความเพียร มีจิตตั้งมั่น” ดังนี้แล้ว

    ภิกษุนั้น พึงตั้งอยู่ในกุศลธรรมเหล่านั้นแหละ
    แล้วประกอบโยคกรรม เพื่อความสิ้นอาสวะทั้งหลายให้ยิ่งขึ้นไป.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2014
  5. 26

    26 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +374
    ส่วนมากของผมเวลาใจเศร้าหมองเเละขาดกำลังใจ จะสำรวจคุณธรรมต่างต่างไล่ไปเรื่อยเรื่อย สุดท้ายที่เห็นคือ ขาดพรหมวิหาร4เเละนึกว่าตัวเองเก่ง วิธีเเก้ขอขมาพระรัตนตรัย จับภาพพระ ทรงอารมณ์สบาย ภาพพระครุมตัว ถ้าใจมืดมากจนดำ จะอาราธนาพระเป็นสีเเดงเเละยันต์เกราะเพรชรอบตัวพระเเละ เป็นประกายออกมา เเละไปนั่งที่เมืองนิพพาน หากกำลังใจยังไม่ใสพออีก ลงมาเเล้วใช้อานาปาควบภาพพระที่ปลายจมูกครับ
    ส่วนมากประมาณนี้ครับ เเล้วเเต่สถานะการณ์ปรับใช้เอา
     
  6. 26

    26 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +374
    ปกติเวลาไม่ทำงานจะจับภาพพระเหนือหัวสูงบ้างต่ำบ้าง ทรงอารมณ์สบาย นกจากอยากอะไรมากมากก็จะทิ้ง ตอนนั้นละจะมีเรื่องซวย เเก้ก็ตามวิธีนะครับ
    ก่อนนอนหรือตื่นนอนก็จะจับภาพพระนะครับถ้าไม่เหนื่อยมากจนหลับไปเลย
     
  7. tutong

    tutong เมสัมมุขขา สัพพาหะระติ เตสัมมุขขา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +236
    ใช้วิปัสนาญาณสองตัวคือนิพพิทานุปัสสนาญาณคำนึงด้วยความเบื่อหน่ายและสังขารุเปกขาญาณคำนึงด้วยความวางเฉยและใช้ขันติกับโสรัจจะ(ถึงแม้จะกระทบกระทั่งทำให้ใจตนไม่สบายเพียงใดทำหน้าแช่มชื่นไว้เสมอ)
     
  8. wayokasin

    wayokasin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +277
    คำตอบ จากหลวง พ่อ :cool:

    ศิษย์น้อย : หลวงพ่อครับ บางทีเรา อาบน้ำ มด แมลง โดนสบู่ ก็ ตายหมด แต่ถ้าผมเห็นก่อน ผมช่วยทุกครั้ง บางที หอยทาก ก็เหยียบโดยไม่เจตนา (เป็นวัดป่า) หอยทากเพียบ แบบนี้เกิด กรรมหรือป่าว ครับ :'(


    หลวงพ่อ: แล้วเอ็งมีเจตนามั้ย ล่ะ เราไม่ตั้งใจ นี่ กรรมมันไม่ครบ องค์ 3 นะ เอ็งมัวไปคิด วนไป วนมา จะบาปมั้ย จะบาปมั้ย จิตมัน ก็เศร้าหมอง น่ะซิ พอไปนั่งสมาธิ ก็ เห็นแต่หอยทาก ใช่มั้ย.....อย่าเอา จิตไปเกาะเกี่ยว กับมัน ให้วางซะตรงนั้น ไม่ต้องเอามา คิด ขอโทษเขา ซะ เราไม่ตั้งใจ ตอน ปฏิบัติ ก็ อุทิศให้เขาด้วย เขาจะได้ อโหสิ ได้ไปเกิดที่ ดี ๆ....... ไม่ต้อง มาเป็นหอยทากอีก

    หลวงพ่อท่าน อธิบาย ประมาณนี้นะครับ (จำได้เท่านี้)
     
  9. wayokasin

    wayokasin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +277
    คนบำเพ็ญโพธิสัตว์ ธรรม ย่อมมีเมตตาต่อ สรรพสัตว์ ทุกชีวิต ไร้ขอบเขต

    มดสักตัว ไม่อยากบี้ ยุง ไม่อยากตบ เห็นความตาย ถูกฆ่า อย่างโหดเหี้ยม กินเนื้อเขาไม่ลง กลืนไม่ลง....มีแต่จะสลดสังเวช อนาถใจ เห็นทุกข์ของเขาแล้ว อยากช่วยอยู่เสมอ

    ไม่มีสิ่งใด ยิ่งใหญ่เท่าส่วนรวม นึกถึงผู้อื่นก่อน และนึกถึงตนเอง เป็นอันดับสุดท้าย
    ความสุขเกิดจาก การได้เห็น ทุกชีวิตบนโลก มีความสุข
    โพธิจิต
     
  10. ปทุมมุต

    ปทุมมุต ผมเป๋นใตร?

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +286
    เห็นด้วยกับกระทู้คุณ bae1982 ครับ ช่วยได้ก็ช่วย(สรรพสัตว์) ช่วยไม่ได้ก็
    โยนิโสมนสิการ ทำในใจให้แยบคาย อย่าให้ติดค้างเกาะกินใจเรา ตามหลักพรหมวิหารข้อสุดท้าย อุเบกขาทั้งกายและจิต ส่วนการกระทบผัสสะอันไม่เป็นที่พอใจ หรือเศร้าโศก ฯลฯ. ก็ย้อนถามตัวเองว่าเราปรารถนาและกำลังเดินทางไปสู่จุดใด ซึ่งมันยิ่งใหญ่กว่าเรื่องเหล่านี้นัก(วิบากต่างๆที่ได้เสวย).........
    ...คำที่ลึกซึ้งกินใจ ฟังไม่เคยเบื่อ สำหรับกระผมคือ"รื้อขนสัตว์โลก"
     
  11. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,814
    ค่าพลัง:
    +15,099
    บางครั้งเราต้องการจะฝึกสัตว์เลี้ยงเช่น หมา แมว ฯลฯ ก็ต้องตีต้องขู่กันบ้าง ก็ยังมีพลาดไปเตะมันร้องเสียงหลงเลย(หมา) ใจนี้หายวาบ นึกสงสารจับใจ ด้วยความที่เราอยากจะให้เขามีความประพฤติที่ดีงามจึงจำต้องใช้พระเดชเข้าจัดการ

    สุนัขจรจัดพลัดหลงมาจึงอนุเคราะห์ไว้ แต่หลายตัวเข้าก็จำต้องปรามกันไป

    จิตเศร้าหมองทุกครั้งที่ใช้อำนาจพระเดช ไม่งั้นก็ปกครองยากเพราะเขาโตๆหมดแล้ว มาทีหลังแค่ใช้เสียงตะวาดก็เอาอยู่ หมอบทุกตัวเรียบร้อยหมดมารยาทดี

    เหมือนเขาจะรู้จิตเราเวลาใดที่เรียกหาหยอกเล่นด้วยเมตตา เขาจะดีใจมาก มากกว่าคนอื่น คงเหมือนนักเรียนพอได้ลิ้มรสไม้เรียวแล้วจำขึ้นใจ
     

แชร์หน้านี้

Loading...