ท่านพุทธทาสเป็นพระอริยะเจ้ารึเปล่าครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ballbeamboy2, 29 ธันวาคม 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    พอหอมปากหอมคอแล้วมั้งครับ

    โต้กันไป ก็ไม่มีใครชนะหรอกครับ เพราะแพ้ทุกคน

    การปรามาสพระ "บาปแน่ ๆ" ไม่ว่าท่านจะเป็นเช่นไรก็ตามครับ

    ถ้าไม่เชื่อ ก็อยู่เฉย ๆ ปลอดภัยที่สุดครับ
     
  2. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ก็ว่าอย่างงั้น ผมก็อยากหาความจริงแค่นั้นแหละ ถามหาความจริง
     
  3. กสิน9

    กสิน9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +270
    ก็อยากแค่คิดสงสัย ก็อยากจะคิดสงสัย เมื่อเห็นสาวจันทร์นั่งซึม

    อะไรคือความจริงของนาย ถ้านายขืนแต่มัวลังเลสงสัยขนาดนี้ นายจะไม่ได้แม้กระทั่งปฐมฌาณ ที่นายอ้างว่าได้ปฐมฌาณแล้ว นายมันหลอกตัวเองมาตลอดโดยไม่รู้ตัว เลิกสงสัยเสียบ้างแต่ไม่ได้ห้ามสงสัย แล้วมันจะดีขึ้นกับตัวเองอย่างมหัศจรรย์น๊ะ ตะเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2012
  4. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,962
    ค่าพลัง:
    +356
    เรื่องความสงสัย

    ก็เมื่อในช่วงเเรก มันเกิดความสงสัยขึ้น จึง ถาม

    เเล้วทําไมจึงตัดเอาความสงสัย ออก ไปเสียก่อนซะล่ะจ๊ะ

    ได้คําตอบเเล้วหรือ ว่า เหตุใดมันเป็นเช่นไร

    ได้คําตอบเเล้ว ก็รบกวน บอกน้องด้วย อยากเข้าใจเหมือนกัน



    เเต่ถ้าสิ้นสงสัย ด้วยเหตุที่ว่า สภาวะนั้น นั้น มาพาไปให้ไม่กล้าที่ จะสงสัยต่อ
    ไอ้ตัวความสงสัยนี้ มันยังค้าง ยังคา ปักเเน่นอยู่กลางอกนั้น
    ก็ เข้าไปสงสัย เเล้วใช้กําลังในความสงสัย ลงไปศึกษาต่อดีกว่า เพื่อที่มันจะได้หมดสงสัย เเบบ ใส ใส
    เพื่อวันหน้า กําลังของ สภาวะที่มันคั้นให้ไม่กล้าขึ้นมาสงสัย มัน เกิดทวีกําลังขึ้นเป็น ยกกําลัง เเล้วทีนี้มันอาจจะพลั่งพรู ออกมา ถามกันใหม่ อีกยกก็เป็นได้ น่ะเจ้าค่ะ

    เอาให้สุด สงสัยไปเลย

    เเต่ถ้าเข้าใจเเล้ว สิ้นในสงสัยเเล้ว ก็ ช้วยชี้เเจงให้น้องเข้าใจที

    อยากหายสงสัย เหมือนพี่ พี่ บ้างค่ะ

    ขอบคุณค่ะ
     
  5. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ก็ว่าอย่างงั้นแต่ตอนนั้นไม่ได้สงสัยอะไร คือแบบว่า มาใหม่ๆความรู้ไม่มี พระให้ทําอะไรก็ทําท่าน จิตก็ไม่ได้สงสัยไรตอนนั้น ก็นอบน้อมทําตาม เชื่อง่ายๆนั้นแหละ แล้วก็ลองนั่งดูก็พอนั่งสักพักแล้วสบายจิตดี แล้วก็รู้สึก โดนพักจากหน้าผา พอโดนรู้สึกยังงั้นก็ลองใหม่ก็รู้สึกดี มาตอนนี้ก็ไม่มีแหละ คงจริงอย่างที่ท่านว่า ผมสงสัยมากเกินไป ควรตัดเสีย

    ถ้าตัดความสงสัยก็ไม่ต้องสงสัย แล้วผมจะรู้เหตุรู้ผลได้ไงหว่า ขนาด พระเจ้ามิลินท ยังถามปัญหา พระนาคเสน มากมาย ก็เกิดจากความสงสัยไม่ใช่เหรอ ? นักวิทย์ศาตร์เก่งๆ เค้าก็เริ่มมาจากความสงสัยหาเหตุหาผล เชื่อมโยงแบบนั้นหนิแล้วตอนนี้ผมไม่รู้ว่า พระเจ้ามิลินท นิพพานหรือยัง ถ้ายังไม่นิพพานก็เป็นพระอริยเจ้า
     
  6. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ความจริงของผมก็น่าจะเป็นสัจธรรม ก็คือ มันอยู่ตายตัวเป็นกฏธรรมชาติไม่มีใครจะไป เปลี่ยนมันได้กฎตายตัวประมาณนี้ ผมก็ไม่แน่ใจว่าได้ปฐมฌาณ รึยัง เพราะตอน ที่นั่งสมาธิจริงๆจังๆ ขอพรจากพระพุทธรุปด้วย เป็นวันพระด้วย แล้วตอนนั้นไม่ได้สงสัยอะไรมาก แทบไม่สงสัยเลยรู้แค่ว่านั่งสมาธิมันดี ตอนนั้น แต่ไม่ได้คิดลึกไปว่า มันดียังไง รู้แค่มันดี แล้วก็นั่งสมาธิ พระท่านให้ทําไรก็ทําตาม ตอนแรก ผมนั่งแล้วก็รุ้สึกตัวว่า ตัวผมเหมือนโดนพักจากหน้าผา จากที่สูง แล้วก็ตามดู ไปเรื่อยๆ ก็แปลกดี แล้วไปอ่าน คือ คนที่ฝึกใหม่ๆพอทรงฌาณได้ แต่ทรงได้ไม่นานเลยรู้สึกแบบนั้น หรืออีกอย่างก็อ่านมาอีก จิตเทวดาจิตเทพ ไรพวกนี้ ถึงเวลา แล้วก็มาอยู่ร่าง ผมก็ไม่เข้าใจไรมาก พอเสร็จแล้วผมก็ ดีใจ มันไม่รู้สึกเหมือนดีใจ ได้เงินพันล้าน ถูกหวย มีแฟนสวย sexy ไรพวกนี้ มันดีใจแบบสงบ ประมาณนี้

    ถ้าตัดสงสัยทิ้งไป ก็ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป ที่ตัดไปเพราะว่า เมื่อจิตยังสงสัยยังคิดว่าประมาณว่า นี่อะจริงดิ แน่เหรอ พอจิตคิดแบบนี้ ไปเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุดสงสัย มันก็ไม่ไปไหนอะมั้งครับ

    แต่ผมอยากรู้เหตุรู้ผลมากกว่านี้ เช่นพระเจ้ามิลินท ถามปัญหา พระนาคเสน จํานวนมาก ตอนแรกพระองค์ก็สงสัย หลายอย่าง จะว่าสงสัยแบบผมก็ว่าได้ (แต่พระเจ้ามิลินทสงสัยในสิ่งที่ดี ผมสงสัยในสิ่งที่เลวและดีและไร้สาะ ปนๆกันไป) แล้วก็พระเจ้ามิลินท ก็ถามสิ่งที่พระองค์ไม่รู้ว่า ปัญญาคืออะไร ศีลคืออะไร สมาธิ คืออะไร พระพุทธเจ้ามีจริงไหมทั้งๆที่ท่านไม่เคยเห็น
    คําถามหมดนี้ พระนาคเสนก็ตอบได้หมดทุกข้อ จริงถามเยอะกว่านี้แต่ผมจําได้แค่นี้

    ผมก็หาเหตุหาผล แต่ผมไม่ใช่แบบพระพุทธเจ้า ผมยังไม่มีพระสัพพัญญ ฉลาดทุกสิ่งยังไม่ขนาดนั้น ตั้งกระทู้นี้ ก็อยากรู้ว่า ท่านพุทธทาสเป็นพระอริยเจ้าหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุใดจึงกล่าว่า โอปะปาติกะ นั้นไม่มีจริง พระพุทธเจ้าพูดโกหก เอออวย ตามพราหมณ์ไป เหตุใดถึงคิดเช่นนั้น ขนาดหลวงพ่อฤาษีลิงดํา ยังเชื่อว่าโอปะปาติกะมีจริง ท่านเป็นพระอรหันต์ทรงอภิญญาด้วย แล้วทําไมท่านพุทธทาส สอนแบบนี้ ทั้งๆที่พระสองรูปนี่ก็พระในศาสนาพุทธเลยสอน ผิดวิธี ทําไมเป็นแบบนั้น ? เพราะว่า ผมศึกษาธรรมจากหลวงพ่อฤาษีลิงดําก่อน แล้วก็มาศึกษาพระธรรมหลวงพ่ออืนๆตามมา ก็มาติดใจที่ท่านพุทธทาสไมคิดเช่นนั้นหว่า
    ก็แค่นั้น แต่ผมก็ควรจะมาดูโทษตัวเองดีกว่าจะไปดูจับผิดคนอื่นทําไม :p
     
  7. คนมีกำกึด

    คนมีกำกึด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +278
    ท่านเจ้าของกระทู้คราวหลังถ้าจะสงสัยให้สงสัยในธรรมที่เราได้สดับแล้ว ไตร่ตรองแล้ว แล้วไม่เข้าใจ ดีกว่านะครับ อย่าสงสัยตัวบุคคลเลย คนที่เขารักก็มี คนที่เขาชังก็มาก ยกประเด็นขึ้นมาบุคคลขึ้นมาจะพาลให้คนที่เขาเห็นขัดแย้งเกิดความเกลียดชังกันได้นะครับ ไม่คุ้มเลยกบัความสงสัยเพียงเล็กน้อย แต่ทำให้คนหลง หลงไปตามอำนาจของอัตตาที่ไปยึดถือตามบุคคลว่า เป็นผู้เลิศ เป็นผู้ไม่เลิศ แล้วก็ถกเถียงกัน ครั้งต่อไป อย่าสงสัยในตัวบุคคลเลย ยิ่งคำถามที่ตั้งมันเหมือนกับพวก อภิปรัชญา ที่ตั้งคำถามว่า โลกเกิดขึ้นได้ยังไง นั่นแหละครับ

    ส่วนสงสัยในธรรม ผมย้ำว่า สดับแล้ว ไตร่ตรองแล้ว ไม่เข้าใจ ตั้งกระทู้ถาม ในเว็บบอร์ดนี้ รับรองว่า มีคำตอบที่ดีให้ท่านแน่นอนครับ เพราะผมเองก็ทำบ่อยๆ เมื่อไม่เข้าใจ เจริญในธรรมครับ
     
  8. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    การทำให้สิ่งที่หลายๆคนสงสัย ให้กระจ่างขึ้นมาได้ ผมว่าน่าจะเป็นบุญมากกว่าบาปนะครับ เพื่อที่คนรุ่นเราและรุ่นต่อๆไป จะได้หมดความสงสัยในธรรม ผมไม่ได้คิดอยากให้ใครตกนรกนะครับ แต่คุณลองนึกถึงลูกหลานรุ่นต่อๆไป อาจจะเป็นคนในตระกูลของเราก็ได้ใครจะไปรู้ อาจจะมาเจอกับปัญหานี้อีก ส่วนตัวผมนะครับ ไหว้พระทุกองค์ครับ เห็นเป็นพระก็ไหว้แล้ว เพราะคิดเป็นพระอรหันต์หรือว่าที่พระอรหันต์ แต่ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาได้กับคนไทย? ในประเทศไทย?
     
  9. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    เหตุการณ์แบบไหนครับ

    ครับจะเอาไว้ทําที่กล่าวว่าท่านพุทธทาสเพราะว่าท่านสอนเองไม่ใช่เหรอ ลูกศิษย์ของท่านอาจจะเข้าใจธรรมของท่านก็ได้ แต่ผมไม่เข้าใจ
     
  10. Soundless

    Soundless สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +15
    ใครในที่นี้รู้มาจากไหนว่าท่านเกิดวันอะไร
    นี่รู้ตามพ่อแม่หรือใครเล่ามาก็ตามตามแต่
    แน่ใจหรือว่าจริงเพราะท่านจำความไม่ได้ขณะที่เกิด
    เมื่ออยากรู้ว่าจริงอย่างไรก็ปฏิบัติไปให้ระลึกได้
    เมื่อระลึกได้ เห็นด้วยตัวเองและพิจารณาแล้วว่าจริงจึงเชื่อ
    แต่ระหว่างที่ยังไม่ระลึกได้นั้น เมื่อมีใครถามก็ต้องตอบตามที่เขาบอกมาว่าเกิดวันไหน
    หรือจะไม่ตอบเพราะยังไม่แน่ว่าเป็นจริงอย่างไรก็แล้วแต่พิจารณา

    ฉันใดก็ฉันนั้น เรื่องนานาจิตตังที่ทุกท่านเสวนาอยู่นี้ก็เหมือนกัน
     
  11. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    สงสัย..???

    ขออนุโมทนากับผู้ที่รู้จักอารมณ์สงสัย ด้วยนะคะ...สงสัย คือ สงสัย (มันมีหน้าที่ สงสัย มันก็ทำหน้าที่ของมัน) ถ้าเรารู้จักมันดีเราก็ใช้ประโยชน์จากมันได้ แต่ถ้าไม่ ...เมื่อเกิดสงสัย(เหตุ)ขึ้นเมื่อใด เราก็พยายามหาคำตอบ(ผล)เป็นเรื่อง..ซึ่งมีหลายร้อย พัน หมื่น...เรื่อง หาคำตอบไม่หมดไม่สิ้น เหมือนพยายามแก้ที่ผล ไม่ใช่ต้นเหตุ ถ้ามีอารมณ์สงสัยเกิดขึ้นอีกเมื่อใด ใช้ประโยชน์จากมันซะเลย ( เรียนรู้ กาย และ ใจ ตนเอง ) ความคิดเห็นส่วนตัวค่ะ
     
  12. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    พระวจนะ" อริยสัจสี่ มีีสามรอบ อาการ สิบสอง" ภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาน ปัญญา วิชชา และแสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้ว ในธรรมที่เราไม่เคยได้ยินได้ฟัมาแต่ก่อนว่า 1) นี้คือความจริงอันประเสริฐคือ ทุกข์ 2 ความจริงอันประเสริฐคือทุกข์ นี้ควรกำหนดรู้ 3 ความจริงอันประเสริฐคือทุกข์นี้ เราได้กำหนดรอบรู้แล้ว................... 2) ภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาน ปัญญา วิชชา แสงสว่างของเราได้เกิดขึ้นแล้ว ในธรรมที่เราไม่เคยได้ยินได้ฟังมาแต่ก่อนว่า 1 นี้เป็นความจริงอันประเสริฐ คือเหตุให้เกิดทุกข์ 2 ความจริงอันประเสริฐคือ เหตุเกิดทุกข์ ให้ละเสีย 3 ความจริงอันประเสริฐคือเหตุให้เกิดทุกข์ นี้ เราได้ละเสียแล้ว.............................3) ภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญานปัญญา วิชชาและแสงสว่างของเราได้เกิดขึ้นแล้ว ในธรรมที่เราไม่เคยได้ยินได้ฟังมาแต่ก่อนว่า 1 นี้คือความจริงอันประเสริฐ คือความดับไม่เหลือของทุกข์ 2 ความจริงอันประเสริฐของการดับไม่เหลือของทุกข์ควรทำให้แจ้ง 3 ความจริงอันประเสริฐคือ ความดับไม่เหลือของทุกข์ เราทำให้แจ้งแล้ว........................4)ภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญานปัญญา วิชชาและแสงสว่างของเราได้เกิดขึ้นแล้ว ในธรรมที่เราไม่เคยได้ยินได้ฟังมาแต่ก่อนว่า 1 นี้คือความเป็นจริงอันประเสริฐของการดับไม่เหลือของทุกข์ 2 ความจริงอันประเสริฐคือทางดับไม่เหลือของทุกข์ ควรทำให้เจริญ 3 ความจริงอันประเสริฐของทางดับไม่เหลือของทุกข์ เราทำให้เจริญแล้ว .........................ภิกษุทั้งหลาย ตลอดเวลา ที่ปัญญาเครื่องรู้เห็นตามเป็นจริง ในอริยสัจสี่ อันมีรอบสาม มีอาการสิบสองเช่นนี้ ยังไม่บริสุทธิ์ สะอาดด้วยดี เราก็ยังไม่ปฎิณญาว่า ได้ตรัสรู้รู้พร้อมเฉพาะ ซึ่งอนุตรสัมมาสัมโพธิญาน อยู่เพียงนั้น เมื่อใดบริสุทธิ์สะอาดด้วยดี เมื่อนั้นเราปฎิณญาว่า ได้ตรัสรู้รู้พร้อมเฉพาะแล้ว ซึ่งอนุตรสัมมาสัมโพธิญาน-------- -มหาวาร.สํ.19/529-530/1666-1670...:cool:
     
  13. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    จขกท.........พระพุทธองค์ สำเร็จตรัสรู้ อนุตรสัมมาสัมโพธิญาน บันลือ สีหนาท ประกาศจตุราริยสัจ(อริยสัจสี่)ด้วยอริยสัจสี่ มีสามรอบ มีอาการ สิบสอง... ถ้าพระองค์ไม่ค้นพบอริยสัจสี่ พระองค์จะไม่ปฎิณญาว่าตรัสรู้ รู้พร้อมเฉพาะ อนุตรสัมมาสัมโพธิญาน....................จขกท ไตร่ตรองดูแล้วกัน ว่า จะมัวไปคุ้ยใบไม้ทั้งป่า..กับ ใบประดู่ลายที่อยู่ในมือ พระองค์ ที่พระองค์ประกาศนั้น อะไรสำคัญกว่ากัน(ถ้ามี ปัญญาอยู่บ้าง).....คือ ถ้าพูดอย่างนี้แล้ว ยัง งง ถือว่าไม่มีปัญญา ไม่ใช่เด็กฉลาด ชาติ เจริญ({)(})......... ศิลข้อแรก ข้อที่1 คือ ห้ามเบียดเบียนสัตว์....ธรรมข้อแรก คือ เมตตากรุณา.....ก้าวแรกยังไม่ได้เลย..จะมีก้าวที่สองเหรอ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2012
  14. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    หลวงปู่ดู่สอนศิษย์

    หลวงปู่ท่านมักกล่าวถึงมงคลที่สำคัญที่ท่านอยากให้ลูกศิษย์ได้
    นำไปปฏิบัติ คือ มงคล 38 ประการ มงคลที่ท่านพูดถึงบ่อย ๆ
    นั่นคือ สัมมาวาจาชอบ คือ พูดแต่สิ่งที่เป็นมงคล

    ท่านว่าคนส่วนมากมักสร้างกรรมทางวาจา เพราะกรรมนี้สร้างได้ง่าย
    แต่เขาไม่รู้หรอกว่าผลของกรรม เมื่อส่งผลจะร้ายแรงเพียงไร
    คำพูดนั้นสำคัญมาก บางคนพูดไม่ดีกับผู้อื่น
    จนเป็นเหตุถึงโกรธเกลียดกันชั่วชีวิตก็มี

    บางรายคำพูดเพียงไม่กี่คำ ก็ทำให้ไม่พูดกันไปหลายปี
    คนส่วนมากที่ขึ้นโรงขึ้นศาล หรือทะเลาะกันจนไปถึงฆ่ากันตาย
    ก็เพราะคำพูดที่ไม่ดีนี่แหละ

    หลวงปู่ท่านสอนอยู่เสมอว่า อย่าไปพูดไม่ดีกับใครเขา
    ถ้ามีคนมาว่าหรือด่าเราแต่เราไม่ว่าหรือด่าเขาตอบมันก็จะไม่มีเรื่องกัน
    แต่ถ้าแกไปด่าเขาเมื่อไรนั่นแหละเรื่องใหญ่ ท่านสอนศิษย์เสมอว่า
    อย่าไปพูดทำลายความหวังของใครเขา
    เพราะนั้นอาจจะเป็นความหวังเดียวที่เขามีอยู่
    ถ้าแกไปพูดเข้าเมื่อไหร่กรรมใหญ่จะตกแก่ตนเอง

    ท่านบอกไว้อีกว่า คนที่ชอบด่าหรือใส่ร้ายผู้อื่นรวมไป
    ถึงการพูดไม่ดีต่าง ๆ กับคนอื่นนั้น กรรมจะมาเร็วมาก
    เขาผู้นั้นจะเป็นคนที่มีศัตรูทั้งภายนอกและภายใน
    ไม่เป็นที่รักของคนทั่วไป ตรงกันข้ามกับเป็นคนที่น่ารังเกียจ
    แก่คนทั้งหลาย กรรมนี้จะทำให้เขามีเรื่องและเดือดร้อนอยู่เสมอ ๆ
    ทั้งทางกายและทางใจ บางคนทำกรรมนี้ไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้ตัว
    พอกรรมดีที่ตนเคยสร้างมาแต่ปางก่อนหมดหรือเหลือน้อยลง
    กรรมชั่วที่สร้างนี้ก็จะสนองเขาอย่างหนักทั้งในภพนี้และภพหน้า

    ในภพนี้เวลาที่กรรมดีแต่ปางก่อนจะส่งผลให้มีความสุขหรือมีโชคลาภ
    กรรมชั่วก็จะเข้ามาตัดรอนกรรมดี เหมือนอย่างเขาผู้นั้น
    ซื้อหวยเลข 56 หวยก็จะออกเลข 55 หรือ 57 บางที
    ก็ติดต่อการค้าหรืองานต่าง ๆ มองเห็นอยู่ว่างานนี้ได้แน่นอน
    แต่พอถึงเวลาก็ไปไม่ทันบ้าง ไปแล้วไม่เจอหรือมีเหตุต่าง ๆ
    มาทำให้มีอุปสรรคอยู่เสมอ ๆ

    ซึ่งที่จริงแล้วผู้นั้นจะมีโชคที่ควรได้ประมาณเป็นล้าน ๆ เขาก็
    จะได้แค่หมื่นสองหมื่นหรือโชคครั้งนี้จะได้หลายหมื่น
    แต่เขากับได้เพียงไม่กี่พันบาทหรือเพียงได้ไม่กี่ร้อยเท่านั้นเอง

    นี้เป็นเพราะกรรมชั่วเข้ามาตัดรอนกรรมดี
    และรวมถึงญาติพี่น้องลูกหลาน เขาเหล่านั้นก็จะทำความ
    เดือดร้อนเสียหายมาให้ มีพี่น้องหรือญาติไปจนถึงเพื่อนฝูง
    ก็จะโกงทรัพย์สินเงินทองของเราบ้าง

    บางครั้งก็พูดใส่ร้ายให้โทษ ด่าว่าทะเลาะวิวาท
    ทำให้เราไม่สบายกายและสบายใจเป็นอย่างมาก
    มีเรื่องเดือดร้อนต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลาอย่างไม่จบสิ้น
    มีลูกหลานก็จะดื้อด้าน ว่านอนสอนยาก ทำความเดือดร้อน
    ให้เสียเงินทองอยู่มิได้ขาด ว่ากล่าวลูกหลานไม่เชื่อฟัง
    ไม่เคารพนับถือ ลูกหลานบางคนก็จะอกตัญญูตนเองมัก
    จะเดือดร้อนด้วยการเป็นโรคร้ายที่รักษายากหรือรักษาไม่หาย
    เช่น อัมพฤต อัมพาต มะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ และโรคร้ายต่าง ๆ
    อีกมากมายหลายชนิด
    หลวงปู่ท่านบอกไว้ว่า กรรมทางวาจามีร้ายแรงมาก
    การที่เราพูดใส่ร้ายหรือพูดไม่ดีจนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนและเสียใจ
    หรือไปพูดทำลายความหวังต่าง ๆ ของเขาถ้ารู้ตัวให้หยุดเสีย
    ถ้าไม่หยุดหรือเลิกทำเสียกรรมไม่สนองแต่ในชาตินี้
    พอตายลงไปยังต้องไปใช้กรรมยังนรกตามขุมต่าง ๆ อีก
    ท่านจะพูดและสอนศิษย์อยู่เสมอว่า "คนดีเขาไม่ตีใคร"
    ความหมายว่าคนดีไม่ตีใคร ไม่ใช่เอาไม้หรือของแข็ง ๆ ไปตีเขา
    แต่ท่านไม่ให้พูดจากไม่ดีด่าว่าใส่ร้ายทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเสียหาย
    และ "ทุกข์ใจ"

    หลวงปู่บอกว่าคนดีเขาไม่ว่าใคร
    ถ้าแกไปว่าเขาแกก็จะเป็นคนไม่ดี
    ...............................................................................................

    ที่มา สัมมาวาจาชอบ คือ พูดแต่สิ่งที่เป็นมงคล
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  15. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +452
    (งั้นก็เข้าสู่ขบวนการยุติธรรมเลยก็แล้วกัน)

    ตามที่พยาน โจทย์ และจำเลยยื่นหลักฐานมา

    ในฐานะ ผู้พิพาษเก่า

    มีความเห็น ไปทิศทางเดียวกับคุณหมอกฤช ฟันธง รึ คอนเฟิร์มอะไรนี่แหละ

    และขอพิจรณาคดีเลยก็แล้วกัน

    เพราะจากประจักษ์พยาน และหลักฐานที่เป็นลายลักอักษรณ์

    เต็มอยุ่ทุกร้านท่ีขายหนังสือ ซึ่งหาดู หาซื้อได้ ดาษดื่นเต็มประเทศไทย

    หลักฐานชี้ชัด หลักฐานแน่นมาก ผู้ต้องหายากที่ยากทีจะหลุดพ้นจากความผิดนี้ได้

    กระผมผู้พิพากษา ขอตัดสินคดีความนี้ว่า จำเลยมีความผิดจริง

    จึงตัดสินไห้เอาจำเลยไปคังคุก เป็นเวลา หลายล้านปี (นรก)

    พิจรณาคดีความเส็จสิ้นแล้ว


    ไม่ได้มีอคติคิดร้ายใดๆ

    เท่าที่ทำไป ก็ว่าไปตามหลักฐาน

    ไม่เคยรู้สึกโกรธหรือเกียจ เป็นการส่วนตัว

    ไม่เคยมีอะไรกันมาก่อนเลย ไม่ว่าทั้งรัก และก็เกียจ
     
  16. โลน้อย

    โลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    351
    ค่าพลัง:
    +695
    ใครทำหนังสือเล่มนี้คงได้อยู่ อเวจีนานโข ผมหวาดเสียวแทนจริงๆ การสอนมนุษย์ยากยิ่ง
     
  17. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    แหม่..
    ไอ้เราก็คิดว่า ศาสนาพุทธ เน้นเรื่องเหนือเวรเหนือกรรม ทำนิพพานให้แจ้งเสียอีก ถึงได้แตกต่างจากศาสนาอื่นๆ

    พระอรหันต์ ก็เน้นเรื่องสิ้นทุกข์ (สิ้นเวรสิ้นกรรม) บางท่านขนาดไม่สนใจเรื่องบุญอะไรด้วย.. แต่สอนอริยสัจจ์สี่ อริยมรรคองค์แปด และสติปัฎฐานสี่.. ตลอด..

    ว่าแต่กฎแห่งกรรมนี่มันสำคัญมากเลยนะ สำหรับพวกยังตกอยู่ในวัฎฎะนี่น่ะ ...ว่าแต่ว่าหากสนใจเรื่องกรรมกันมากขาดนี้ กลับยังมีพวกแยกชั่วดีไม่ค่อยจะออก แล้วความสนใจจะช่วยอะไรเขาได้นะ ทำไงดีล่ะ
     
  18. ลมไหว

    ลมไหว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +9
    พุทธองค์ทรงตรัสว่า บาปมี บุญมี นรกมี สวรรค์มี พรหมมี นิพพานมี มิได้ตรัสเพียงว่า นิพพานมี
     
  19. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    บาปมี บุญมี ระวังกันให้มากก็แล้วกัน
    และเหนือยิ่งกว่าบุญ ก็คือ กุศล
    คนที่เขาเห็นแล้ว เขาไม่หวังผล แต่ผลกลับยิ่งมาก ตัดภพ ตัดชาติ ตัดวัฏฏะ
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465

    [​IMG]
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...