ท่านเจ้าประคุณ พระพุทธพจนวราภรณ์ ละสังขารแล้วด้วยโรคชรา 18:33 น. วันที่ 11/7/2551

ท่านเจ้าประคุณ พระพุทธพจนวราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เชียงใหม่
ละสังขารแล้วด้วยโรคชรา เมื่อเวลา 18:33 น.
วันที่ 11 กรกฎาคม 2551
สิริอายุรวม 91 ปี 71 พรรษา
รายละเอียดจะแจ้งให้ทราบในลำดับต่อไป...









ที่มา : www.watpa.com



ขอกราบนมัสการ ท่านเจ้าประคุณ พระพุทธพจนวราภรณ์
พระสงฆ์สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ปฏิบัติดีแล้ว ผู้ปฏบัติตรง ผู้ปฏิบัติความรู้ ผู้ปฏิบัติชอบ
จัดเป็นบุรุษ ๔ คู่, เป็นบุคคล ๘
เป็นผู้ควรบูชา เป็นผู้ควรรับทักษิณา
เป็นผู้ควรทำกราบไหว้ เป็นเนื้อนาบุญของโลก, หาสิ่งอื่นเปรียบมิได้

หากกรรมใดเคยล่วงเกินต่อองค์พระคุณเจ้า และองค์พระรัตนตรัย
ด้วยกาย วาจา หรือใจก็ดี
นับแต่ชาติต้น จนถึงชาติปัจจุบัน ข้าพพุทธเจ้า กราบขอเมตตา
งดโทษอโหสิกรรม กรรมนั้นๆ ให้ข้าพพุทธเจ้า ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ



พุทโธ เมนาโถ
ธัมโม เม นาโถ
สังโฆ เม นาโถ

 

หากกรรมใดเคยล่วงเกินต่อองค์พระคุณเจ้า และองค์พระรัตนตรัย
ด้วยกาย วาจา หรือใจก็ดี
นับแต่ชาติต้น จนถึงชาติปัจจุบัน ข้าพพุทธเจ้า กราบขอเมตตา
งดโทษอโหสิกรรม กรรมนั้นๆ ให้ข้าพพุทธเจ้า ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ

สาธุ กราบ กราบ กราบ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ครับ

 

ยัสสะ สัทธา ตะถาคะเต อะจะลา สุปะติฏฐิตา
ศรัทธาในพระตถาคตของผู้ใดตั้งมั่นอย่างดีไม่หวั่นไหว ​

สีลัญจะ ยัสสะ กัลฺยาณัง อะริยะกันตัง ปะสังสิตัง ​

และศีลของผู้ใดงดงาม, เป็นที่สรรเสริญที่พอใจของพระอริยเจ้า ​

สังเฆ ปะสาโท ยัสสัตถิ อุชุภูตัญจะ ทัสสะนัง ​

ความเลื่อมใสของผู้ใดมีในพระสงฆ์, และความเห็นของผู้ใดตรง ​

อะทะลิทโทติ ตัง อาหุ อะโมฆันตัสสะ ชีวิตัง ​

บัณฑิตกล่าวเรียกเขาผู้นั้นว่าคนไม่จน, ชีวิตของเขาไม่เป็นหมัน ​

ตัสฺมา สัทธัญจะ สีลัญจะ ปะสาทัง ธัมมะทัสสะนัง,
อะนุยุญเชถะ เมธาวี สะรัง พุทธานะสาสะนัง ​

เพราะฉะนั้น, เมื่อระลึกได้ถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอยู่,
ผู้มีปัญญาควรก่อสร้างศรัทธาศีล, ความเลื่อมใส,
และความเห็นธรรมให้เนืองๆ ​

 

เคยได้กราบและตั้งใจฟังเทศน์จากท่านครั้งหนึ่ง ครับ
ธรรมใดที่หลวงปู่เห็นแล้วขอให้ข้าพเจ้าเห็นซึ่งธรรมนั้นเถิด และ
หากกรรมใดเคยล่วงเกินต่อท่านเจ้าประคุณ พระพุทธพจนวราภรณ์ ด้วยกาย วาจา หรือใจก็ดี
นับแต่ชาติต้น จนถึงชาติปัจจุบัน ข้าพเจ้ากราบขอเมตตา
งดโทษอโหสิกรรม กรรมนั้นๆ ให้ข้าพเจ้า ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ

 

หากกรรมใดเคยล่วงเกินต่อองค์พระคุณเจ้า และองค์พระรัตนตรัย
ด้วยกาย วาจา หรือใจก็ดี
นับแต่ชาติต้น จนถึงชาติปัจจุบัน ข้าพพุทธเจ้า กราบขอเมตตา
งดโทษอโหสิกรรม กรรมนั้นๆ ให้ข้าพพุทธเจ้า ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ

สาธุ กราบ กราบ กราบ

 

กำหนดการ
พระราชทานน้ำหลวงสรงศพ และประทานน้ำสรงศพ
พระเดชพระคุณพระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) อดีตเจ้าอาวาสวัดเจดีย์วรวิหาร
อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะธรรมยุติ ภาค 4-5-6-7 อายุ 91 ปี พรรษา 71
ณ พระวิหารหลวง วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2551

*********************

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม 2551

เวลา 10.00 น. พิธีเชิญศพจากกุฎิจันทร์ กุสโล สู่พระวิหารหลวงวรวิหาร
- ประโคมกลองจุม
- แถวพระเถระผู้ใหญ่
- เครื่องทองน้อย
- รูปพระเดชพระคุณพระพุทธพจนวราภรณ์
- สรีระร่างของพระเดชพระคุณพระพุทธพจนวราภรณ์
- พระสงฆ์สามเณร คณะศรัทธา ประชาชน ตั้งแถวสองข้างทางจากกุฏิจันทร์ กุสโล ถึงพระวิหารหลวง

เวลา 10.30 น.
- ประธานสงฆ์จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
- จุดเทียนเหนือศีรษะศพ
- ประธานสงฆ์ถวายน้ำสรงศพ
- พระสงฆ์สามเณรและศรัทธาประชาชน ถวายน้ำสรงศพ

เวลา 15.00 น.
- พิธีอัญเชิญน้ำสรงและผ้าไตรประทาน จากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช โดยประธานสงฆ์

เวลา 15.30 น.
- พนักงานพระราชพิธีอัญเชิญน้ำหลวงพระราชทานและผ้าไตรประทานจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ สู่วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร

เวลา 16.00 น.
- ขบวนอัญเชิญน้ำหลวงพระราชทานและผ้าไตรพระราชทานถึงวัดเจดีย์หลวง
- พนักงานพระราชพิธีอัญเชิญน้ำหลวงพระราชทานและผ้าไตร ผ่านแถวข้าราชการและประชาชน เข้าสู่มณฑลพิธีในพระวิหารหลวง
- ประธานในพิธีถวายคำนับพระบรมฉายาลักษณ์ เปิดกรวยดอกไม้ถวายราชสักการะ
- กราบศพ
- อัญเชิญผ้าไตรพระราชทานถวาย
- พนักงานพระราชพิธีอัญเชิญน้ำหลวงพระราชทานมอบให้ประธาน
- ประธานถวายน้ำหลวงพระราชทานสรงศพ เสร็จแล้วคำนับ เป็นเสร็จพิธี
- ประธานในพิธีอัญเชิญผ้าไตรประธานจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชทอดถวาย
- พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูป สดัปกรณ์
- พระสงฆ์อนุโมทนา
- ประธานในพิธีกรวดน้ำ

เวลา 17.00 น. คณะสงฆ์และศรัทธาประชาชน ประกอบพิธีขอขมา
- บรรจุศพลงในหีบทองทึบ
- เสร็จพิธี

 

กาย วาจา ใจ อันใดได้ล่วงเกิน ตั้งใจไม่ตั้งใจก็ดี ขอหลวงตางดโทษ อโหสิกรรม สาธุ

 

ดวงประทีปแก้ว แห่งนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ ลาลับดับแล้วจากโลก จากวัฏวน
ดวงประทีปแก้ว อันส่องสว่างขับไล่ความมืดมนอนธกาล แห่งกิเลส ตัณหา อวิชชา ดุจดังพระจันทร์ในวันเพ็ญ ขับไล่ราตรีแห่งความมืด ได้ประทับไว้แล้วซึ่งคำสอนแห่งพระศาสดา และ ประดิษฐานไว้ ซึ่งธรรมอันพิสุจน์ไว้ดีแล้ว ณ.ดินแดนธรรม แผ่นดินทอง
ต่อแต่นี้ไป จะไม่มีแล้ว ดวงประทีปแก้ว ส่องธรรม
ต่อแต่นี้ไป จะไม่มีแล้ว สังขาร อันกอปรไปด้วยทุกข์
ต่อแต่นี้ไป จะเหลือแต่ธาตุ แต่ธรรมอันบริสุทธิ์
เพื่อยืนยันต่อโลกว่า ธรรมของพระบรมศาสดา เป็นอกาลิโก หาได้จำกัดกาลเวลา
แม้พระองค์จะเสด็จปรินิพพานนานแล้ว แต่ธรรมหาเสื่อมสูญ
หากแม้นได้เห็นพระจันทร์ในวันใด
ขอให้ระลึกไว้เถิดว่า พระอริยะเจ้า นามจันทร์ กุสโล ได้ตามเสด็จองค์พระประทีปแก้ว ไปแล้วด้วยดี สมเป็นพุทธบุตรแห่งพระศาสดาโดยสมบูรณ์เที่ยงแท้

กรรมใดที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินท่านไว้ นับเอนกชาติ ขอพระอริยะเจ้าจงงดโทษ
เพื่อความเจริญในธรรมด้วยเทอญ

มาเถิดเพื่อนผู้ร่วมทุกข์ทั้งหลาย มาประพฤติ เพื่อความดับไม่เหลือเชื้อของกิเลสเถิด

 

<TABLE width="100%" bgColor=#e4f3f3 border=0><TBODY><TR><TD>ความคิดเห็นที่ 26 : (blessing)</TD><TD>

อ้างอิง |​

</TD><TR><TD colSpan=2>

พูดถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่จันทร์ กุสโล วันนี้ เมื่อตะกี้ ขณะกำลังเข้าเน็ตอยู่ มีน้องโทร.มาบอกว่า หลวงปู่บ้านตาด ได้สั่งมาให้นำหลวงปู่วัดเจดีย์หลวงกลับวัด หลังจากท่านเข้ารักษาตัวที่ รพ.มหาราชเชียงใหม่ได้ ประมาณ 50 วันแล้ว ผมขอลงภาพรำลึกถึ
งหลวงปู่จันทร์ เป็นรูปที่ถ่ายกับหลวงปู่บ้านตาด หลวงปู่จันทร์ เคารพหลวงปู่บ้านตาดมาก เคยได้ยินหลวงปู่บ้านตาดบอกว่า เมื่อก่อนนี้เป็นเพื่อนกันแต่ตอนนี้ท่านไม่ยอม ท่านให้เป็นอาจารย์แทน และเคยได้ยินว่าสมัยหลวงปู่บ้านตาดมาเรียนหนังสือที่วัดเจดีย์หลวงก็เดินไปฉันข้าวที่บ้านโยมแม่หลวงปู่จันทร์ที่ จ.ลำพูนด้วย แสดงว่าพระเถระทั้ง 2 องค์มีความสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นหนุ่มโน้น

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=10 width=700 align=center bgColor=#853a7b border=0><TBODY><TR><TD width="100%"><TABLE width="100%" bgColor=#e4f3f3 border=0><TBODY><TR><TD>ความคิดเห็นที่ 27 : (blessing)</TD><TD>

อ้างอิง |​

</TD><TR><TD colSpan=2>

ลืมไปครับ รูปข้างบนเมื่อเดือนสิงหาคม 2541

ต่อไปเป็นรูปที่ หอประชุม ม.ช. เมื่อปี 2542


​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE width="100%" bgColor=#e4f3f3 border=0><TBODY><TR><TD>ความคิดเห็นที่ 28 : (blessing)</TD><TD>

อ้างอิง |​

</TD><TR><TD colSpan=2>

ในปี 2545 หลวงปู่จันทร์ ท่านยังเดินรับบิณฑบาตรได้สบายๆ ภาพท่านนำครูบาอาจารย์และพระภิกษุออกบิณฑบาตร มีหลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ และหลวงปู่เพียร วิริโย ตามมาอยู่ด้านหลัง

โครงการช่วยชาติที่เชียงใหม่ทุกครั้ง ล้วนได้บารมีของหลวงปู่วัดเจดีย์หลวงช่วย ทำให้การดำเนินงานทุกครั้งได้ลุ่ล่วงสำเร็จด้วยดี

อนึ่ง หลังจากงานปี 2545 แล้วก็มีลูกศิษย์ร่วมสร้างวิหารหลวงปู่มั่นฯ เข้าใจว่าได้ปัจจัยประมาณ 3 ล้าน และทีเหลืออีก 3 ล้าน ได้มีคุณถาวรา ทำบุญรวมเป็นประมาณ 6 ล้านบาท และต่อมาคุณถาวราก็ได้นำสร้างวิหารบูรพาจารย์ซึ่งมีรูปเหมือนหลวงปู่บ้านตาดและพระธาตุของครูบาอาจารย์สมัยปัจจุบันไว้ให้ประชาชนสักการะ ส่วน ดร.วินัยและ อ.จรรยา ก็ได้ไปร่วมสร้างวัดป่าศาลาปางสัก อ.ดอยสะเก็ด ทุกอย่างดูลงตัวและเป็นช่วงจังหวะของแต่ละท่าน ที่ได้ทำบุญใหญ่กันจริงๆ กระผมขออนุโมทนากับคุณถาวรา เป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งท่าน ดร.วินัย และ อ.จรรยาด้วยครับ
​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE width="100%" bgColor=#e4f3f3 border=0><TBODY><TR><TD>ความคิดเห็นที่ 32 : (blessing)</TD><TD>

อ้างอิง |​

</TD><TR><TD colSpan=2>

ครับ ขอแจ้งข่าวคุณวีระวงศ์ และศิษยานุศิษย์พระเดชพระคุณหลวงปู่พุทธพจนวราภรณ์(หลวงปู่จันทร์ กุสโล) ผ่านกระทู้นี้นะครับ เนื่องจากกระผมได้ลงข่าวปัจจุบันต่อเนื่องกันมา จึงอยากจะสรุปให้จบกระบวนข่าวเกี่ยวกับหลวงปู่จันทร์ฯ ด้วยในกระทู้นี้เลยนะครับ

ตามที่ความได้แจ้งออกไปแล้วว่า หลวงปู่ฯ ได้ละสังขารไปแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม 2551 เมื่อเวลา 18.33 น. ณ กุฎิจันทร์ กุสโล วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร นั้น

หลวงปู่ฯ ได้ละสังขารไปด้วยอาการสงบ สมฐานะพระมหาเถระ องค์ท่านประสงค์จะกลับวัดตั้งแต่อยู่ที่ โรงพยาบาล แต่ไม่มีใครกล้าตัดสินใจ หลวงปู่ฯ ท่านได้แสดงปาฏิหาร จนได้กลับวัดตามความประสงค์ โดย รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ได้ยก ไอซียูมาอยู่ที่กุฏิ เป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน มีแพทย์มาเยี่ยมตรวจถวายการรักษาเสมอ มีพยาบาล กะละ2 คนวันละ 3 กะ อยู่ครบ 24 ชั่วโมง บางวันก็มีแพทย์มานอนเฝ้าอยู่ด้วย ท่าน รศ.นพ.ชายชาญฯ แพทย์เจ้าของไข้ ท่านก็มาดูตลอด บางครั้งก็มา 4-5 ทุ่ม บางครั้งก็มายามเช้า หรือสายบางอยู่เสมอๆ นับตั้งแต่หลวงปู่ได้กลับวัด เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2551 เป็นต้นมา

ก่อนหลวงปู่ฯจะละสังขาร ความดันนั้น ต่ำมาตั้งแต่เมื่อวาน และตอนเช้าอยู่แล้ว ดังนั้นจึงสังเกตที่สัญญาณชีพของหลวงปู่ฯ เมื่อร้องเตือน พระ-เณร-ศิษย์จึงมาสวดมนต์ถวายหลวงปู่ฯ จากนั้นก็ขอขมา พอขอขมาเสร็จปุ๊บ สัญญาณชีพหลวงปู่ก็หมด หลวงปู่ฯ ละสังขารง่ายมาก ด้วยอาการสงบมาก หากไม่มีเครื่องตรวจจับ ก็จะไม่ทราบเลยว่าท่านได้ละสังขารไปแล้ว

คณะหมอ และพยาบาลทึ่งในองค์หลวงปู่มาก เขาเล่าให้ฟังว่าธรรมดาเมื่อไตไม่ทำงาน ของเสียในร่างกายจะมาก ธรรดาค่าจะอยู่ที่ 7-24 แต่ของหลวงปู่ฯ ตรวจก่อนวันละสังขารได้ 158 ท่านยังอยู่ด้วยความสงบได้ มีสติรับรู้ เขาบอกว่าหากเป็นคนไข้ทั่วไปก็จะเพ้อ บางคนถึงกับต้องมัดมือมัดเท้า แต่หลวงปู่กลับอยู่ในอาการสงบ เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยพบมาก่อนเลย...

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE width="100%" bgColor=#e4f3f3 border=0><TBODY><TR><TD>ความคิดเห็นที่ 33 : (blessing)</TD><TD>

อ้างอิง |​

</TD><TR><TD colSpan=2>

วันที่ 11 ก.ค.2551 นี้ ที่วัดเจดีย์หลวงก็มีการประชุมพระสังฆาธิการและเจ้าอาวาสวัดธรรมยุติพอดี คณะสงฆ์จึงได้มากราบหลวงปู่ฯกันก่อนเข้าประชุม และหลังประชุมเสร็จหลายองค์ท่านก็มาภาวนาอยู่ที่กุฏิหลวงปู่ฯ จนหลวงปู่ฯละสังขารไป สำหรับผมแล้ว นับว่าเป็นการละสังขารที่เหมาะสมกับสมณเพศมาก คณะสงฆ์และศิษย์ได้ประชุมกันมีมติให้หลวงปู่ฯได้ละสังขารด้วยความสงบ ไม่ต้องปั๊มหัวใจ ไม่ให้ใครไปรบกวนท่าน ให้องค์ท่านได้ละสังขารด้วยความสงบ สาธุ สาธุ สาธุ

ช่วงค่ำ พระ-เณร จึงมีการสวดอภิธรรม และ ขมาหลวงปู่อีกครั้ง
​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE width="100%" bgColor=#e4f3f3 border=0><TBODY><TR><TD>ความคิดเห็นที่ 34 : (blessing)</TD><TD>

อ้างอิง |​

</TD><TR><TD colSpan=2>

พระเถระมากราบคารวะพระคุณของหลวงปู่ฯ กระผมไม่ทราบนามที่ถูกต้องของทุกองค์นะครับ ก็จะลงเท่าที่ทราบนะครับ
แถวหน้า ท่านเจ้าคุณพระราชเจติยาจารย์ รองเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง , ท่านเจ้าคุณวัดพระราม 9 , พระพุทธิสารโสภณ เจ้าคณะ จ.เชียงใหม่-ลำพูน-แม่ฮ่องสอน , หลวงพ่อไพโรจน์ วิโรจโน วัดดอยปุย , ท่านพระครูจิตตภัทราภรณ์ วัดโรงธรรมสามัคคี ,
แถวสอง พระครูใบฏีกาเกษมฯ วัดเจดีย์หลวง, หลวงพ่อวัดปานกว้าง ,
แถวหลัง ท่านเจ้าคุณศรีฯ วัดพระราม 9 , อีก 2 องค์ผมไม่ทราบนามท่านครับ
และท่านเจ้าคุณ วัดป่าดาราภิรมย์ ท่านยืนดูอยู่ที่ด้านหลังของผมครับ

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE width="100%" bgColor=#e4f3f3 border=0><TBODY><TR><TD>ความคิดเห็นที่ 35 : (blessing)</TD><TD>

อ้างอิง |​

</TD><TR><TD colSpan=2>

กุฏิหลวงปู่ฯ มองจากด้านนอก ในวันที่ พระ-เณร-ศิษย์-นักเรียน-นักศึกษา มาสวดมนต์ ทำจิตภาวนาถวายหลวงปู่ฯ รวมทั้งมีการไถ่ชีวิตโค 2 ตัวด้วย
​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE width="100%" bgColor=#e4f3f3 border=0><TBODY><TR><TD>ความคิดเห็นที่ 36 : (blessing)</TD><TD>

อ้างอิง |​

</TD><TR><TD colSpan=2>

ไม่ทราบว่าวัดเจดีย์หลวงฯ ในวันที่ไม่มีหลวงปู่ฯ แล้วจะมีบรรยากาศเป็นอย่างไรบ้าง
กระผมเคยกราบเรียนถามองค์ท่านว่า " ...หลวงปู่ฯ ห่วงวัดเจดีย์หลวงไหมครับ..."
ท่านส่ายหน้าตอบว่า "หึ...สมบัติผลัดกันเฝ้า...." "...บ่ได้ผลัดกันชม..."

องค์ท่านเป็นพระที่มีปฏิภาณไวมากจริงๆ จำได้ว่าตอนนั้นมีเรื่องเกี่ยวกับยึดทรัพย์ท่านผู้ยิ่งใหญ่บางคนกำลังดัง ผมได้พูดขึ้นว่า
" คนรวย มีเงินมาก นี่ก็เป็นทุกข์จริงๆนะครับ"
(คือเราเป็นคนจน เลยได้ทีพูดปลอบใจตนเอง)
แต่องค์ท่านก็ตอบสวนมาทันทีในสไตล์นิ่งๆ ค่อยๆพูดว่า
" ..รวยก็ทุกข์ ... จนก็ทุกข์...รวยดีกว่า...)
ผมงี้..ทำหน้าไม่ถูกเลย ได้แต่หัวเราะในความโง่เขลาของตนเอง

ความจริงผมมีรูปที่อยากลงอีก 2-3 รูป เช่น รูปพระ-เณร-ทหาร-ชาวบ้าน แห่กันไปบริจาคโลหิต ถวายเลือดกรุ๊ป เอ แด่องค์หลวงปู่ ,รูปไถ่ชีวิตโค , รูปคณะศิษย์ถวายผ้าป่าแก่วัดป่าแดดแม่สาร จ.ลำพูน ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของหลวงปู่ฯ เป็นต้น
แต่เมื่อครบ 5 ตามกติกาแล้วก็ต้องจำใจตัดไป

จึงขอแจ้งข่าวผ่านกระทู้นี้ พร้อมภาพให้ศิษยานุศิษย์ทราบโดยทั่วกันนะครับ
​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE width="100%" bgColor=#e4f3f3 border=0><TBODY><TR><TD>ความคิดเห็นที่ 38 : (blessing)</TD><TD>

อ้างอิง |​

</TD><TR><TD colSpan=2>

ภาพเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2551 วันที่หลวงปู่กลับวัด มีนักเรียนโรงเรียนเมตตาศึกษา ที่หลวงปู่ฯท่านได้เป็นหลักก่อตั้งขึ้นมา ตลอดทั้งพระภิกษุ สามเณร ทั้งฝ่ายธรรมยุติและมหานิกายตั้งแถวรอรับตั้งแต่ปากทางเข้าวัดจนถึงกุฏิ วันนั้น เป็นวันที่หลวงปู่มีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นพิเศษ เป็นที่ปลาบปลื้มยินดีต่อเหล่าศิษยานุศิษย์


ช่วงที่หลวงปู่ฯ พักรักษาธาตุขันธ์อยู่ที่กุฏิ ทุกเช้าคณะศิษย์จะใส่บาตรพระเณรที่หน้ากุฏิหลวงปู่ฯ เป็นประจำเป็นการทำความดีถวายองค์หลวงปู่ฯ ซึ่งบางวันท่านเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน-แม่ฮ่องสอน พระพุทธิสารโสภณ วัดล้านนาญาณสังวราราม อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ท่านจะเมตตามาใส่บาตรพระเณรด้วยตนเอง


ท่านเจ้าคุณวัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ทำบุญไถ่ชีวิตโค ถวายเป็นกุศลแด่องค์หลวงปู่ฯ พร้อมด้วยศิษยานุศิษย์หลวงปู่ฯที่มาร่วมงานก็บริจาคปัจจัยร่วมสมทบทุนด้วย
​

</TD></TR></TBODY></TABLE>