ท้วม ทรนงตาดีเพราะ-กรรมดี

'ท้วม ทรนง'ตาดีเพราะ-กรรมดี

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top></TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [/IMG] -->

​

๔๙ ปี ในวงการมายาของ "ท้วม ทรนง" หรือ "นายชูชีพ ช่ำชองยุทธ" ผ่านเรื่องราวและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านการแสดงมามากมาย ในสมัยที่หนังยังคงเป็น ๑๖ มม. เขาเคยเป็นพระเอกหนังหลายเรื่อง เช่น แผลเก่า เกาะสวาทหาดสวรรค์ เงิน เงิน เงิน และ อีแตน

ชีวิตก็เหมือนฟองน้ำ ถ้าคุณแช่ไว้ในน้ำขันหนึ่งก็อยู่ได้ขันหนึ่ง ราดมาโอ่งก็อยู่ได้โอ่ง คือไม่ต้องการอะไรมากแล้ว อย่าไปทะเยอทะยาน เพราะเราจะอยู่ไม่ได้ เราอยู่แบบมีน้อยรับน้อย มีมากรับมาก อย่าไปมองคนอื่นดีกว่าเรา เราก็มองว่าเรามีเท่าที่มีแล้วเท่าที่มีเรามีความสุขนั่นก็พอใจแล้ว แล้วเราก็ไม่ไปทำให้ใครเดือดร้อน แค่นี้ชีวิตก็มีความสุข และอยากฝากถึงนักแสดงรุ่นใหม่ว่า ต้องให้ความเคารพนักแสดงอาวุโส เพราะไม่เช่นนั้น วันหนึ่งเมื่อคุณแก่ลงก็ไม่ต่างอะไรกับศิลปินอาวุโสในยุคนี้ที่ถูกคนรุ่นใหม่มองข้าม" นี่คือสัจธรรมชีวิตในมุมมองของนักแสดงวัย ๘๐ ปี

แม้ว่าต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว เวลาเดินก็ต้องมีไม้เท้าใช้ยันอยู่ตลอด เพราะวันดีคืนดีขาทั้งสองข้างไม่แข็งแรง แต่เขาก็ยังหาความสุขให้ชีวิตได้ โดยเฉพาะการนึกถึงภาพความทรงจำเก่าๆ ในอดีต สมัยที่ยังรุ่งโรจน์อยู่ ท้วม ทรนง เล่าว่า ชีวิตผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาหลายครั้ง ทุกครั้งที่จะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง คล้ายๆ มีอะไรมาคอยปกป้อง หรือเหมือนพรายกระซิบ เช่น ครั้งหนึ่งจะเดินลงไปในดงหนาม แต่มีเสียงจากไหนไม่รู้มาบอกว่าอย่าลงไปในนั้นไม่ดี พอมารู้ตอนหลังก็ทำให้กลัวๆ เหมือนกัน เพราะถ้าไม่เชื่อ หลงเดินเข้าไปอาจได้รับบาดเจ็บก็ได้ สำหรับพระเครื่องที่เคยแขวนติดตัวประจำ คือ พระหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ พระซุ้มกอ ฯลฯ สมัยเดินสายไปกับ สุเทพ วงศ์คำแหง จะได้รับพระเครื่องมากมาย ระยะหลังบ้านพักอยู่ในย่านอโคจร พอเราแขวนพระติดตัวรู้สึกไม่สบายใจ จึงเก็บบูชาเอาไว้ที่บ้านพัก จะรู้สึกสบายใจมากกว่า จริงๆ แขวนพระก็มาจากความศรัทธา


ไปไหนมาไหนทำให้เกิดความเมตตากับตัวเรา ปกป้องรักษาให้ชีวิตปลอดภัย ท้วม ทรงนง ยังมีความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม โดยสัมผัสมาด้วยตัวเอง เมื่อหลายสิบปีก่อน เคยเก็บลูกแมวตาบอดมีขี้ตาอยู่เต็มเบ้าตา จึงช่วยแคะขี้ตาออก แล้วเอายามาหยอดตาให้แมวจนหายเป็นปกติ ผลพวงจากกรรมดีนี้ ทำให้วันหนึ่งตาของตัวเองเสีย ก็มี นันทวัน เมฆใหญ่ กับ กำธร สุวรรณปิยะศิริ และคนอื่นๆ ช่วยออกเงินช่วยรักษาตาจนหายเป็นปกติ ด้วยประสบการณ์กฎแห่งกรรมที่สัมผัสมาด้วยตนเอง ท้วม ทรนง จึงแนะนำว่า การทำบุญเป็นสิ่งที่เรามองข้ามไม่ได้ บางคนไปโกงเขามา สุดท้ายบั้นปลายชีวิตก็ไม่มีความเจริญรุ่งเรือง มีแต่จะถอยต่ำลงเรื่อยๆ

ทำให้ตนเองไม่เคยที่จะไปว่าหรือไปด่าใคร ทุกวันพระจะต้องทำบุญใส่บาตรเป็นประจำ เพื่ออุทิศให้พ่อแม่ เพื่อนฝูง เจ้ากรรมนายเวร ชีวิตเราก็จะไม่เป็นทุกข์ กลับได้ความสบายใจ ยิ่งใครต้องการความช่วยเหลือ เราช่วยได้เราก็จะช่วยไป โดยไม่เอาเปรียบใครเลย และความดีที่เราทำไปอาจกลับมาช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับกรรมไม่ดีที่เราเคยทำเอาไว้ด้วย

ชีวิตทุกวันนี้ ท้วม ทรนง บอกว่า ตนเองไม่มีครอบครัว จึงเช่าแฟลตอยู่แถววัดสังเวช มีรายได้จากการแสดงบ้าง รวมทั้งจากพี่ป้าน้าอาน้อง และเพื่อนๆ ให้มาบ้าง การกินอยู่ก็พอมีพรรคพวกแถวนี้ช่วย ส่วนเวลาไม่สบาย จะมีเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกันมาช่วยดูแล นอกจากนี้ยังมี มูลนิธิสวัสดิการนักแสดงอาวุโส ที่ปัจจุบันมี ต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา เป็นประธาน คอยให้ความช่วยเหลือศิลปินอาวุโสกว่าร้อยชีวิต

ท่านผู้ใดพบเห็นนักแสดงอาวุโสที่ยากไร้ ขาดที่พึ่งพิง ขอให้แจ้งได้ที่มูลนิธิสวัสดิการนักแสดงอาวุโส ๖๖ ศาลาเฉลิมกรุง ชั้น ๔ ถนนเจริญกรุง แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ๑๐๒๐๐ โทร.๐-๒๖๒๓-๗๘๐๖



ที่มา...







</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เรื่องราวดีๆ แบบนี้.. ต้องเผยแพร่ ให้คนในวงการ
เด็กรุ่นใหม่ ได้อ่านกันค่ะ ..

พี่ก็อปเอาไปโพสไว้ ที่ห้องเฉลิมไทย พันทิป
ตอนนี้มี 9 ความคิดเห็น.. และ มีคนให้กำลังใจ ลุงท้วม สู้ๆ