ธรรมชโย วัดพระธรรมกาย จริงๆแล้วเป็นใคร??มีคำตอบ..

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย maxgatod, 16 มกราคม 2011.

  1. Willam

    Willam สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +18
    ฟ้ามีตา ครับ ใครเค้าอะไร ก็ได้อย่างงั้น
     
  2. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    ถามกลับกันไปไม่ได้ป่วนนะครับ
    ที่ทำอย่างนั้นคุณหวังอะไรครับ

    หวังว่าเขาจะมีความสุขหรือ
    หวังความสุขทางใจของตัวเอง ใช่หรือไม่
    นั่นคือสิ่งตอบแทนไงครับ

    เพราะมนุษย์ทำการใดๆลงไปแบบมีสติสัมมปะชัญญะแล้วต้องมีความหวังครับ

    การที่บอกว่าเลิกทำบุญทางศาสนาแล้วนั้น
    มันเกิดจากความเสื่อมนั่นเอง เพราะศรัทธาเป็นอริยะทรัพย์
    ถ้าเราทำให้มันเจริญในใจไม่ได้ มันจะเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ

    เสื่อมในที่นี้คือเสื่อมจากสัมมาทิฏฐิ มันก็น่าเป็นห่วงอยู่ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2011
  3. afseven

    afseven เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    783
    ค่าพลัง:
    +510
    กระผมมาแล้วครับ ไม่เคยหายศรีษะไปใหน เพียงแต่โน็ทบุ๊คตัวเดิมมันเจ้ง เลยถอยมาใหม่
    ก็กลับเข้ากระแสพลังจิตอยู่สักพัก ก็ยังคงเดิมๆ ก็ตามอ่านทุกกระทู้ ไม่คลาดสายตาอยู่แล้ว แต่ไม่อยากตอบกลับ ไม่ใช่ไม่รู้จริง ( บางท่านที่พูดไว้) แต่ต้องดูความเหมาะสม
    เมตตา สามัคคี เป็นที่ตั้งครับ
     
  4. Willam

    Willam สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +18
    เค้าทำตามจริตของตนครับ ศรัทธาให้ใช้ทรัพย์ไม่จำเป็นครับ ขอให้ทำตามจริตของตนตาม หนทางของตน ไม่ต้องมาบังคับ กัน แค่นี้ก็พอแล้ว ครับท่าน! ข้าพเจ้า ได้สนทนาอย่างเป็นกลางแล้ว
     
  5. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    หากว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านปล่อยให้สัตว์ทั้งหลายหลงอยู่ในทิฏฐิชั่ว
    ไม่สั่งสอนให้อยู่ในทิฏฐิที่ดีงาม อันมีทานเป็นต้นแล้ว

    พุทธศาสนาอันประเสริฐก็ไม่เกิดมีขึ้นมาเป็นที่พึ่งแก่สัตว์โลกได้

    สัตว์โลกก็ยังคงมืดบอดอยู่ แต่ด้วยอาศัยมหากรุณาของท่านจึงมีคำสอนเป็นแนวทาง

    ให้ดำเนินตาม มันก็น่าเสียดายที่ปุถุชนรุ่นหลังมองไม่เห็นค่า กล่าวได้แค่ว่า

    ก็ปล่อยให้เขาทำตามจริตไป ไม่มีกรุณาที่จะบอกว่าสิ่งใดผิดถูกตามหลักของศาสนาพุทธ
    หรือตนเองก็ไม่ทราบก็ยากจะตอบได้


    ผมสนทนาตามธรรมครับ
     
  6. center-in-center

    center-in-center เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2009
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,716
    ....สวัสดีท่านผู้มีธรรม upanya
    ....รัตนะทั้งสาม อยู่ในตัวเราทุกคน สำเร็จที่ใจ ใจประเสริฐสุด
    ในอดีต มานพหนุ่มกับผองเพื่อนรวม 33 คน ก็ช่วยบำเพ็ญสาธารณประโยชน์แก่ชุมชนและเพื่อนมนุษย์ ด้วยอานิสงส์แห่งจิตที่เป็นสาธารณะ ส่งผลให้เป็นท้าวสักกะเทวราช
    เมื่อใจเป็นกุศล ก็มีกุศลเป็นแดนเกิด เป็นเหตุและผลให้เป็นกุศลชาติ กุศลภพ
    ....อริยทรัพย์ เป็นทรัพย์ภายใน เกิดขึ้นเพราะใจเป็นกุศล มิได้ขึ้นกับ ทรัพย์ภายนอก
    ....อนึ่ง การสละทรัพย์ภายนอก เป็น "จาคะ" เป็นสิ่งน่าสรรเสริญ โดยเฉพาะให้เพื่อประโยชย์ของส่วนรวม มิใช่ให้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว "จาคะ" เมื่อทำบ่อยๆ ย่อมเข้าถึง การสละซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ยึดติด ไม่พยาบาท ไม่เศร้าหมอง
    ....เข้าถึงอภัยทาน และเมตตาอันหาประมาณไม่ได้
    .....อย่างไรเสีย เมื่อเข้าถึงทางแห่งความดีแล้ว ความดีย่อมถึงดูดคนดีด้วยกันให้ได้เจอกัน ความดีย่อมดึงดูดคนดีให้เจอพระธรรมที่แท้จริง เจอพระธรรมภายใน
    ....ธรรมะแท้ ไม่มีพรรคไม่มีพวก ไม่มีวัดเรา วัดเขา ผู้ที่ปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์หรือพระพุทธเจ้านั้น คือต้องการช่วย 3 ภพให้พ้นทุกข์ แม้มาร พระพุทธองค์ก็โปรดได้ เพียงแต่มาร ไม่ต้องการให้พระพุทธองค์โปรดเท่านั้นเอง
    ....พูทธแท้ ไม่แบ่งแยกเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะต่างก็อยู่ในทะเลทุกข์เหมือนกัน มีธุลีนัยน์ตาเหมือนกัน หนาบ้างบางบ้าง ไม่ควรเลยที่จะเสียดสีกัน หรือ ดูหมิ่นบุญของผู้อื่น
    หากท่านใดยังมีใจที่คิดเปรียบเทียบ ดูหมิ่นบุญของผู้อื่น แบ่งพรรคแบ่งพวก ดูหมิ่นครูบาอาจารย์ของผู้อื่น ...นับว่า จิตใจยังห่างไกลจากจิตใจพระโพธิสัตว์มากนัก
    ......เจ้าชายสิทธัตถะ เคารพครูบาอาจารย์ทุกแขนง ครั้นได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ทรงนึกถึงครูบาอาจารย์ก่อน เพราะเห็นวิสัยที่จะบรรลุอรหันต์ได้
    ......อนึ่ง เรื่องการให้ทาน ขอให้ดูน้ำใจที่มากล้น ของอนาถฐบิณฑิกเศรษฐี และ นางวิสาขาอุบาสิกาให้ถ่องแท้ ท่านทั้งสองไม่เพียงอุปถัมภ์พระศาสนา แม้โรงทานต่างๆที่ท่านได้สร้างขึ้น ก็ไม่เลือกที่รักมักที่ชังที่จะให้ทานคนดีหรือคนไม่ดี และข้าพเจ้าเชื่อว่าท่านทั้งสองไม่เคยดูหมิ่นบุญของผู้อื่น แม้ว่าผู้นั้นจะทำบุญให้พระศาสดา หรือ ทำบุญเพือสาธารณะประโยชน์ เพราะ ผู้ทำความดีนั้น ย่อมเข้าถึง พระในตัว
    .... แตกต่างกับบางคน เช่นพระเทวทัต แม้อยู่บวชเข้ามาในพระศาสนา อยู่ในหมู่อริยสงฆ์ของพระตถาคต แต่ก็ไมได้ทราบซึ้งพระธรรมที่แท้จริง
    .......หาก เราพิจารณาตัวเราเองแล้วว่า ความเป็นจิตสาธารณะ ของเรายังไม่มี ย่อมแสดงว่า จิตใจของเรา ยังห่างไกลใจพระโพธิสัตว์ ยิ่งนัก
     
  7. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    ลองพิจารณาดูเถิดท่าน center

    นี่เป็นเรื่องจริงในดรงงานของผม

    มีพนักงานไม่สวมรองเ้ท้าsefty แต่สวมรองเท้าผ้าใบธรรมดาทำงานอยู่ในlineการผลิต
    ซึ่งก็มีข้อชี้บ่งอยู่ชัดเจนอยู่แล้ว

    ผมเข้าไปตักเตือนตามหน้าที่ แต่ก็มีหัวหน้างานบางคนเข้ามาบอกว่าก็เขาก้ใส้รองเท้าแล้วไงถึงแม้จะเป็นรองเท้าผ้าใบธรรมดาก็เถอะ

    คุณคิดว่าหัวหน้าคนนั้น เพราะไม่อยากจะไปเตือนลูกน้องตัวเองเพราะอะไร

    กลัวลูกน้องโกรธ หรือไม่ใส่ใจ จริงๆแล้วก็คือความเห้นแก่ตัวของหัวหน้างานนั่นเอง

    ไม่เตือนเพราะเห้นแก่ความสบายส่วนตัวไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง
     
  8. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    "พระตถาคตสรรเสริญการเลือกให้"
    คุณcenter เคยได้ยินมั๊ยครับ อังกุระเทพบุตรกับอินทกะเทพบุตร
    เรื่องนี้ย่อมสรุปเรื่องเนื้อนาบุญได้

    อริยะทรัพย์เป็นทรัพย์ภายในถูกต้องครับ แต่มันจะเกิดขึ้นได้ไม่ได้ใช้การนึกคิดเอานะครับ
    มันต้องเกิดจากการลงมือทำเท่านั้น ทำจนเป็นนิสัยจึงจะติดตัวเป้นอริยะทรัพยืได้

    ทานกับจาคะต่างกันอย่างไรเป็นเรื่องที่ฝากให้ไว้เป็นการบ้านไปลองศึกษาดูนะครับ
    ในศาสนาไม่มีจาคะบารมีเพราะอะไร

    การสงเคราะห์โลกและสงเคราะห์ตนเองต้องทำไปพร้อมกัน
    สงเคราะห์ตนเองคือการทำบุญในเนื้อนาบุญ
    สงเคราะห์โลกคือการบริจาคทานให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย

    แต่พระตถาคตสรรเสริญการเลือกให้ แต่ก็ไม่ตำหนิการสงเคราะห์โลก
    ท่านยกมาให้เห็นการแตกต่าง

    แต่ถ้ามีใครบอกว่าเลิกทำบุญในศาสนา แต่เน้นช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์แทน
    นั่นสัมมาทิฏฐิเสื่อมแล้วครับ
     
  9. center-in-center

    center-in-center เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2009
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,716
    ยังห่างไกล....ล...ล...ล

    ตามสบายท่านเถิด เชิญๆ
     
  10. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    ถ้ายังมองไม่เห็น รู้ไม่ทันกรณีนี้ก็ยังห่างไกลจริงๆนั้นแล

    แต่ที่กล่าวกันมา ยังไม่แน่ชัดว่ากำลังปฏิเสธอะไรกัน

    กำลังปฏิเสธเรื่องการทำบุญในบุญเขตหรือครับ

    หรือเรื่องควรจะวางเฉยกรณีที่เห็นว่า
    เพื่อนศาสนิกเดียวกันสัมมาทิฏฐิกำลังอ่อนกำลังลงหรือไม่
     
  11. ธรรมเกิน

    ธรรมเกิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    487
    ค่าพลัง:
    +140
    เห็นด้วยเรื่องทำบุญนะครับ แต่ไม่เห็นด้วยเรื่องที่ต้องเอาสวรรค์มาหลอก มาล่อ เพื่อให้ทำบุญเยอะๆ จะได้ขึ้นสวรรค์ ดูยังไงก้อไม่ถูกต้องอยู่ดี บางคนถึงขนาดแทบหมดเนื้อหมดตัวเพื่อทำบุญกับวัดธ..... แบบนี้ถุกต้องแล้วใช่ไหมครับ การที่เป็นพระ ไม่ใช่ว่าจะต้องรับทั้งหมด คงน่าจะมองเห็นได้บ้างว่า ใครทำอย่างไร อย่าบอกนะครับ ว่าคนเข้ามาทำบุญเยอะจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แบบนั้นเขาเรียกว่า แถไปวันๆ เพราะมีความละโมบโลภมากในจิตใจมากไป สารพัดที่จะอ้างว่าทำเพื่ออย่างนั้น อย่างนี้ สุดท้ายแล้วไปอยู่ไหนล่ะครับ กลายเป็นวัตถุ สิ่งก่อสร้างที่สวยงาม เพื่อดึงดูดคนเข้าวัดนั่นแหละ ตกลงยุคนี้ สมัยนี้ต้องทำแบบนี้แล้วใช่ไหมครับ การที่จะใช้คุณธรรมในจิตใจออกมาเป็นเครื่องมือในการทำให้คนเข้าหาพระศาสนา มันทำไม่ได้แล้วใช่ไหม....ถ้าใช่ แสดงว่า ทุกวันนี้ศาสนาเราถึงยุคเสื่อมตามจิตใจคนเราลงทุกวันๆ แทนที่จะมาช่วยจรรโลงศาสนา กับพยายามเอาศาสนวัตถุ (ซึ่งพยายามเปลี่ยนรูปแบบ ) มาเป็นเครื่องดึงดูดมนุษย์ขี้เหม็นอย่างเราๆ ให้เข้าหาพระธรรมคำสอน โดยมนุษย์ขี้เหม็น หัวโล้น นุ่งผ้าเหลืองแทน
     
  12. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    ยุคสมัยมันเสื่อมจริงหรือไม่คุณก็พิจารณาเองได้นะครับ

    อะไรที่จะทำให้คนทำความดีได้ก็ต้องทำ จะผ่านทางอะไรก็แล้วแต่กุศโลบาย

    จะเฟสบุคก็ได้ ไม่ต้องรอให้เขาเข้าไปกราบขอ เพราะยุคสมัยมันเปลื่ยนไปแล้ว

    เรื่องเอาสวรรค์มาล่อเอานรกมาขู่นี่ ผมว่าอย่าเอามาอ้างเพื่อต่อว่ากันเลยครับ

    เพราะเขาก็ทำตามอนุบุพพิกถาอย่างที่เคยยกมาให้ศึกษากันแล้ว

    ถ้าไม่เข้าใจก็อย่าติติงโดยอาศัยความไม่เข้าใจเลย

    เรื่องบางเรื่องมันอาจเป้นความเข้าใจผิดของคุณเอง อย่างเรื่องเครื่องประดับสวรรค์ที่คุณเคยเข้าใจผิดนั่นไงครับ
     
  13. warrrior

    warrrior Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +64
    อืม กรรมใครกรรมมัน ครับ ทำแบบไหนแล้วเราสบายใจก้อทำไปเถิด
     
  14. หน้าใส

    หน้าใส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +128
    เห็นด้วยครับ ไม่รู้มาเถียงกันทำไม

    เงินใครก็เงินมัน ต่อให้เอานรกมาขู่สวรรค์มาล่อหรือเอาเทวดามาบอกก็ตาม เงินมันเงินในกระเป๋าเรา
    ถ้าเราไม่ควัก ใครมันจะควักแทนเราครับ

    พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง
     
  15. meephoo

    meephoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    ค่าพลัง:
    +2,133
    รู้ไม่จริง เป็นการโกหก พูดจาส่อเสียด เดพ้อเจอ ผิดศีลข้อ 4
    พูดจาให้ร้ายพระอริยสงฆ์ ตกอเวจีนะครับ
    บอกมาเพราะเกรงกลัวต่อบาปอันมีความสงสัยเป็นอาจิณ. นะครับ
    หากศรัทธาในพระพุทธเจ้า อย่าไปสงสัย ให้ตัดออกไป สาวกท่านที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เช่นกัน ครับ ตกอเวจีดั่งกันครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  16. Willam

    Willam สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +18
    สาธุ สาธุ สาธุ วัดจานบินจงเจริญ :boo:
     
  17. ออร์แกนิค

    ออร์แกนิค สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +11
    เฮ้อ...แม้เมื่อพระศาสดาเสวยพระชาติเป็นพญานาค พระภูริทัต ทรงบำเพ็ญศีลบารมีในช่วงแรก ก็เพราะไปเห็นทิพยสมบัติของพระอินทร์เมื่อครั้งติดตามบิดานาคราชไปดาวดึงส์ เรื่องแล้วแต่คนว่าจะเริ่มเข้าเรื่องเพราะอะไร

    เอาภาพมาฝาก 26/7/2554

    [​IMG]
     
  18. Willam

    Willam สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +18
    แล้วท่านถืออะไร ถือ ทิฐิ ป่าว เกิดทันยุคพุทธกาลป่าว ผมเกิดไม่ทัน แล้วคุณจะเปลี่ยนโลกได้หรือ เค้ามาโจมตี ว. นี้ทำไม ข่าวมั่วหรือเคยสำผัสจริง ทำไมคนถึง คน. ทำลาย ศ. ไม่จริงมั้ง แก้ พระไตรปิ.... ทำไม ใครทำลายกันแน่หรือ.....
     
  19. Willam

    Willam สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +18
    ย้อนคดี ธัมมชโย ยักยอกทรัพย์วัดพระธรรมกาย อัยการตัดตอนถอนฟ้อง

    [​IMG]

    เรื่องของวัดพระธรรมกาย ที่กำลังจะจับมือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. กวาดต้อนนักเรียนและครู 10 ล้าน 7 แสนคน ไปปลูกฝังลัทธิธรรมกาย แต่ถูกกลุ่มนักวิชาการ และผู้ทำงานในองค์กรพัฒนาเอกชน 43 คน ยื่นหนังสือคัดค้าน ให้นายอภิสิทธิ์ เวช ชาชีวะ นายกรัฐมนตรีระงับโครงการนั้น นอกจากจะมีปัญหาในเรื่องคำสอน ที่นอกรีต นอกรอยไปจากหลักการที่แท้จริงของพุทธศาสนาแล้ว ตัวเจ้าอาวาส พระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือ ธัมมชโยเอง ยังมีข้อครหาหลายเรื่อง รวมทั้งพฤติกรรมยักยอกทรัพย์สินของวัดพระธรรมกานยไปเป็นสมบัติส่วนตัว

    เมื่อปี 2541 พระอดิศักดิ์ วิริสโก อดีตพระลูกวัดพระธรรมกาย กล่าวหาธัมมชโยว่า ยักยอกเงินและที่ดินที่บรรดาญาติโยมบริจาคให้วัด และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น ใกล้ชิดสีกา และอวดอุตริมนุสธรรม ต่อมา กรมที่ดินได้สำรวจพบ ธัมมชโยมีชื่อเป็นเจ้าของโฉนดที่ดินและบริษัทที่เกี่ยวกับวัดพระธรรมกายกว่า 400 แปลง เนื้อที่กว่า 2 พันไร่ ใน จังหวัดพิจิตร และเชียงใหม่

    มหาเถรสมาคม จึงมอบหมายให้ พระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ซึ่งเป็นเจ้าคณะภาค 1 ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งมีข้อสรุปว่า เป็นจริงตามที่ถูกกล่าวหา มหาเถรสมาคม จึงมีมติให้ธัมมชัยโย ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของเจ้าคณะภาค 1 คือ ให้ปรับปรุงคำสอนของวัดพระธรรมกายว่า นิพพานเป็นอนัตตา ไม่ใช่อัตตา และยุติการเรี่ยไรเงินนอกวัด และสมเด็จพระสังฆราชฯ สกลมหาสังฆปรินายก ได้มีพระลิขิตให้ธัมมชโยคืนที่ดินและทรัพย์สินขณะเป็นพระให้วัดพระธรรมกาย แต่ ธัมมชโย ไม่ยอม กรมการศาสนาจึงได้เข้าแจ้งความต่อกองปราบปราม กล่าวโทษธัมมชโยในคดีอาญา ม.137 ,147 และ 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังยักยอกทรัพย์และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

    นอกจากนี้ ยังมีอดีตทนายความวัดพระธรรมกายและประชาชนที่เคยเลื่อมใสศรัทธา ในวัดพระธรรมกาย เข้าแจ้งความดำเนินคดีธัมมชโยเช่นกัน ฐานฉ้อโกงเงิน 35 ล้าน โดยแยกเป็นคดีความทั้งหมด 5 คดี

    เกือบ 7 ปี ของการดำเนินคดี ตั้งแต่ปี 2542-2547 เหลือสืบพยานจำเลยอีก 2 นัด ในวันที่ 23 และ 24 สิงหาคม 2549 เท่านั้น แต่แล้วในวันที่ 21 สิงหาคม พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 ซึ่งเป็นโจทก์ ก็ขอถอนฟ้องจำเลย คือ ธัมมชัยโย และ นายถาวร พรหมถาวร ลูกศิษย์

    จากปี 2542 มาถึงวันนี้ เกือบ 7 ปีเต็ม มีการสืบพยานไปแล้วกว่า 100 นัด เหลือเพียงการสืบพยานจำเลยอีก 2 นัดในวันที่ 23-24 ส.ค. 49 แต่แล้ว ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่ออยู่ๆ ศาลอาญาได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2549 อนุญาตให้โจทก์ในคดีนี้ คือ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 ถอนฟ้องจำเลยได้ คือ ธัมมชโย และนายถาวร พรหมถาวร ลูกศิษย์คนสนิท

    ทั้งสองคน ถูกฟ้องฐานเป็นเจ้าพนักงานและสนับสนุนเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยร่วมกันยักยอกทรัพย์และเงินบริจาคของวัดพระธรรมกาย จำนวน 6.8 ล้านบาท ไปซื้อที่ดินเขาพนมพา ต.หนองพระ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร โดยโอนกรรมสิทธิ์ใส่ชื่อนายถาวร จำเลยที่ 2 และนำเงินอีกเกือบ 30 ล้านไปซื้อที่ดินกว่า 900 ไร่ ใน ต.หนองพระ (จ.พิจิตร) และที่ ต.ท่าข้าม อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ โดยโอนกรรมสิทธิ์ให้นายถาวรเช่นกัน

    เรืออากาศโทวิญญู วิญญกุล อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา5 ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาล สรุปว่า ปัจจุบันจำเลยที่1 กับพวก ได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาตรงตามพระไตรปิฎกและนโยบายของคณะสงฆ์ ด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้เป็นที่ยอมรับทั่วไป ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งได้ให้ความร่วมมือช่วยเหลือกิจการของศาสนา ทั้งของคณะสงฆ์ ภาครัฐและเอกชนจำนวนมาก ส่วนด้านทรัพย์สินนั้น จำเลยที่1กับพวก ได้มอบทรัพย์สินทั้งหมดคืน ทั้งที่ดินและเงินจำนวน 959,300,000บาท คืนให้แก่วัดพระธรรมกาย การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 1 กับพวก จึงเป็นการปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ครบถ้วนทุกประการแล้ว ประกอบกับขณะนี้ บ้านเมืองต้องร่วมกันสร้างความสามัคคีของคนในชาติทุกหมู่เหล่า เห็นว่าหากดำเนินคดีกับจำเลยทั้งสองต่อไป อาจก่อให้เกิดความแตกแยกในศาสนจักรและไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณะ

    อัยการสูงสุด ( นายพชร ยุติธรรมดำรง) จึงมีคำสั่งให้ถอนฟ้องคดีนี้ โจทก์จึงขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีนี้ทุกข้อกล่าวหา

    ศาลสอบถามจำเลยทั้งสองแล้วไม่คัดค้านที่โจทก์ถอนฟ้อง จึงอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องพร้อมจำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอาญา

    คดียักยอกทรัพย์วัดพระธรรมกายที่อัยการยื่นฟ้องต่อศาลอาญามีเพียง 2 คดีเท่านั้น อีก 3 คดีอยุ่ในขั้นตอนรอการสั่งคดีในชั้นอัยการ ประกอบด้วย 1.คดีที่พระราชภาวนาวิสุทธิ์,นางกมลศิริ คลี่สุวรรณและนายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิค ลูกศิษย์คนสนิท เป็นผู้ต้องหา ซึ่งถูกกล่าวหาว่าร่วมกันเบียดบังนำเงินวัด 95ล้านบาทเศษไปซื้อที่ดิน 2.คดีที่พระราชภาวนาวิสุทธิ์,นางสงบ ปัญญาตรง,นายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิคและนายชาญวิทย์ ชาวงษ์ ลูกศิษย์คนสนิท เป็นผู้ต้องหาเบียดบังเงิน 845ล้านบาทเศษ และ3.คดีที่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ร่วมกับนายเทิดชาติ ศรีนพรัตน์,นายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิคและนางอมรรัตน์ สุวิพัฒน์ หรือสีกาตุ้ย ลูกศิษย์คนสนิท ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารและสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

    เมื่ออัยการสูงสุดมีนโยบายให้ถอนฟ้อง การสั่งคดีของพนักงานอัยการที่เหลือทั้งหมด ก็ต้องยุติไปโดยปริยาย

    ก่อนหน้าที่อัยการจะถอนฟ้องเพียงเดือน เศษ ในวันที่ 18 กรกฎาคม 2549 พล.อ.อ. คงศักดิ์ วันทนา รับมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ได้ใช้สถานที่วัดพระธรรมกาย จัดงาน “ รวมใจทุกศาสนา พัฒนาท้องถิ่นไทย ถวายองค์ราชา ครองราช์ย์ 60 ปี “ โดยระดมเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั่วประเทศ 80,000 คน มาร่วมงาน ซึ่งมี นช. ทักษิณ ชินวัตร เป็นประธานและกล่าวปาฐกถา ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมขับไล่ นช.ทักษิณ
     
  20. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=ipOCDEG3gGE]**Heath Ledger best scene** The Imaginarium of Doctor Parnassus Movie Trailer: EDITED - YouTube[/ame]

    ผิดตรงไหนที่เปลี่ยนกลุ่มผู้ชมเพื่อความอยู่รอดของโรงละคร

    ผิดตรงไหนที่ไม่ได้ตั้งราคาของความฝัน แต่เมื่อได้ฝันคนเขาพอใจที่จะมอบทุกสิ่งอย่างให้

    ผิดตรงไหนที่จะเอาทรัพย์สินที่ได้มาโดยไม่ได้บังคับ ไปพัฒนาโรงละครให้น่าดูชม

    และมีความอลังการเพื่อดึงดูดลูกค้า


    ผิดตรงไหนที่ใช้ถ้อยคำอันหรูหรา บรรยายภาพอันอลังการที่ผู้เคยเข้าไปในกระจกวิเศษ

    นั้นได้เคยไปพบไปเห็นมา



    หากมัวแต่กลัวการถูกติติง ซ้ายก็ติด ขวาก็ขัด หน้าก็ยันหลังก็บีบ คงไม่เป็นอันืทำอะไร

    1 ชั่วชีวิตคนถ้าไม่กล้าหาญและปณิธานแรงกล้าจริงๆ สิ่งเหล่านี้คงไม่เกิด

    ปัจจุบัน หลวงพ่อธัมมชโย 67 แล้ว คงไม่มีทางทำได้จริงๆ ถ้ามัวแต่คำคน

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=b7NVc7x8y1o]When You Belive(Thai Version)-The New Revelations - YouTube[/ame]
     

แชร์หน้านี้

Loading...