ธรรมนำใจ..ธรรมนำชัย ‘ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์’

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย aprin, 26 สิงหาคม 2011.

  1. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    [​IMG]

    ธงชัยในชีวิตผ่านธรรมบรรยายที่ทำให้'ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์'ทรงยิ้มได้ทุกวัน ก้าวข้ามทุกอุปสรรคแม้เผชิญพระอาการประชวรด้วยโรค SLEหรือโรคพุ่มพวง

    นอกเหนือจากถ้อยคำที่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเปิดพระทัยอย่างตรงไปตรงมา และไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ทั้งในพระราชฐานะเจ้าฟ้าหญิงของแผ่นดิน พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ฯลฯ ร้อยเรียงผ่านหนังสือ “ความในใจของข้าพเจ้า” จากบทพระราชทานสัมภาษณ์ที่เคยเผยแพร่ในรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย เนื่องในโอกาสเสด็จเป็นองค์ธานในงานเปิดตัวหนังสือ เพื่อนำรายได้สมทบทุนมูลนิธิจุฬาภรณ์ ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง ในโอกาสนี้ ยังทรงบรรยายธรรมในหัวข้อ“การปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน” ซึ่งนำความอิ่มเอมและพลังใจให้บรรดาผู้มาเฝ้ารับเสด็จ และฟังธรรมบรรยายในวันนั้นซาบซึ้งกับพระจริยวัตรและธรรมะง่ายงามที่นำปรับมาใช้ในชีวิต สมดังพระประสงค์ที่รับสั่งว่า อยากแบ่งปันความรู้ อะไรบางอย่างที่ทำให้ตื่นมาแล้วยิ้มได้อย่างนี้ทุกวัน จากคำสอนของหลายหลวงปู่และหลายหลวงตา โดยเฉพาะหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ที่ทรงเป็นลูกศิษย์มาเป็นเวลา 15 ปี

    ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ เริ่มต้นบรรยายธรรมในวันนั้นตอนหนึ่งว่า “คนเราเมื่อเกิดมาในโลกนี้ย่อมมีความทุกข์ด้วยกันทุกคน ความทุกข์นี้ บ้างก็อาจจะพูดว่าเกิดขึ้นเพราะความไม่เสมอภาคแล้วก็มีระบอบบางระบอบที่บอกว่าจะทำให้ทุกคนเสมอภาคเท่าเทียมกันซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ การที่เกิดมา จน หรือรวย แข็งแรง หรือเจ็บป่วย มีรูปโฉมสวยงาม หรือหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ ทั้งหมดนี้ถูกกำหนดมาด้วยกรรมที่คนเราทำเอง อาจจะเป็นกรรมที่เราจำไม่ได้ เพราะว่าอาจจะทำมาตั้งแต่ชาติโน้น ชาติก่อนแล้วกรรมเพิ่งมาให้ผล เพราะฉะนั้นคนเราจึงเกิดมาไม่เท่าเทียมกันเพราะว่าบุญ หรือกรรมที่สะสมมา..”

    วงจรชีวิต เกิด แก่ เจ็บ ตาย ล้วนเป็นทุกข์ในชีวิตมนุษย์ที่ยากจะหนีพ้น คำสอนธรรมะ 3-4 หลักสำคัญ ที่ทรงใช้เป็นเคล็ดลับประจำใจในการดำเนินชีวิตให้ยิ้มได้ทุกวัน คือ การอยู่กับปัจจุบัน การปล่อยวาง อภัยทาน และการดำเนินชีวิตอย่างมีสติ

    “..หลวงตามหาบัวท่านสอนว่า “อดีตทำเมา ปัจจุบันธรรมโม อนาคตทำมา” คำว่า “ทำเมา” แปลว่าทำให้มัวเมา เพราะอดีตผ่านไปแล้วไม่ควรจะยึดติดกับอดีตซึ่งทำให้จิตคนเราเศร้าหมอง อดีตมีส่วนดีอยู่อย่างเดียว คือเป็นเครื่องเตือนใจ เช่นว่าถ้าทำผิดก็เตือนใจตัวเองว่าจะไม่ทำซ้ำ ส่วนถ้าทำดีแล้วเป็นเรื่องดีแล้วก็จำไว้ว่านี่เป็นเรื่องดีที่เราทำแต่อย่าไปหมกมุ่น ส่วนคำว่าอนาคตทำมา หมายถึง อนาคตนั้นเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง การที่พยายามจะไปทำนาย คาดเดา อันนี้ทำให้จิตฟุ้งซ่านและเป็นทุกข์ ส่วนคำว่าปัจจุบันธรรมโม หมายถึงหลวงตาท่านสอนว่าคนเราควรจะอยู่ในปัจจุบันให้ดีที่สุด ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด อันนี้เป็นหลักหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ทุกคนสามารถนอนหลับได้โดยไม่มีกังวล ถึงเวลานอนบอกตัวเอง ตอนนี้ถึงเวลานอนแล้ว เรื่องอะไร งานการอะไรที่จะคิด วางเอาไว้ก่อนไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดถึงมัน อันนี้เป็นหลักหนึ่งของข้าพเจ้าที่ทำให้ยิ้มได้ทุกวัน

    อีกอันหนึ่ง คือ การพิจารณา และการละวาง เราทุกคนต้องมีสิ่งที่เข้ามากระทบใจ ถ้าสิ่งที่เราไม่ชอบมากระทบใจ หลวงตาท่านสอนว่าต้องพิจารณาตัวเอง ท่านสอนข้าพเจ้าว่า อย่านำจิตแส่ส่ายออกไปข้างนอก ให้นำจิตกลับเข้ามาที่ตัวเอง และพิจารณาตัวเอง ...สิ่งที่คนอื่นพูดจริงหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ วางไปเลยไม่ต้องคิดแล้ว แต่ถ้าใช่อย่างที่เขาว่า ก่อนที่จะวางจะต้องแก้ไข..คนที่ผิดแล้วแก้ไขได้ ถือว่าประเสริฐมาก ประเสริฐกว่าคนที่ทำดีอยู่แล้วแล้วทำดีต่อไปอีก เมื่อพิจารณาแล้ว หลังจากนั้นก็ละวาง หมายความว่าจะไม่เก็บเรื่องเหล่านั้นมาหมกมุ่นครุ่นคิดต่อ เพราะว่าจะทำให้จิตของเราเศร้าหมอง..

    " ส่วนเคล็ดลับที่ 3 อยากจะแนะนำบุญใหญ่ที่ทำได้ไม่ยาก เพราะมันอยู่ที่ใจเราเอง เป็นทานที่เรียกว่า อภัยทาน หมายความว่าใครมาทำไม่ดีกับเราแทนที่เราจะไปครุ่นคิด คับแค้น ให้อภัยเขาไปเลย เมื่อเราให้อภัย มันเกิดความโล่ง ความสบายที่ไม่ต้องมานั่งครุ่นคิดเรื่องคับแค้นอีก หลวงตาท่านบอกว่าทานอะไรก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่าอภัยทาน ถ้าเขาทำผิดกับเราให้อภัย เราได้ทานใหญ่ได้บุญมากแล้วใจเราก็สบายด้วย”

    ธรรมบรรยายในวันนั้นยังทรงแนะนำเคล็ดลับในการฝึกสติโดยการนั่งสมาธิ โดยทรงเน้นว่า คนเราไม่ว่าทำอะไรทั้งสิ้น ต้องมีสติ สติคือการระลึกรู้ โดยการนั่งสมาธินั้น วัตถุประสงค์จริง ๆ คือต้องการให้จิตเราอยู่นิ่งไม่คิดอะไรทั้งสิ้น

    “ คำบริกรรมคือคำที่ใช้กำกับการกำกับจิตเราเองให้นิ่งอยู่กับที่ จะใช้อะไรก็ได้จะเป็นพุทโธ ธัมโม สังโฆ แล้วแต่ถนัด ตัวข้าพเจ้าใช้พุทโธ...ขอนำคำสอนของลูกศิษย์ของหลวงตาอีกท่านหนึ่ง ชื่อ พระอาจารย์อินทวาย ท่านสอนว่า มี 2 เคล็ดสำหรับการนั่งสมาธิ อันแรกคือไม่กำหนดลมหายใจเลย กำหนดอยู่ที่คำว่าพุทโธ ๆ ๆ แล้วลองอย่างนี้ 5 นาที อีกอันหนึ่ง ท่านสอนว่าหายใจเข้านับหนึ่ง หายใจออกนับ 2 หายใจเข้าอีกนับ 3 หายใจออกนับ 4 ทำอย่างนี้ถ้าได้ถึง 100 โดยไม่หยุดเลย คือ หายใจเข้าเป็นเลขคี่ ออกเป็นเลขคู่ 1-100 โดยไม่งงไม่สับสนเลยใช้ได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ ไม่ต้องไปกำหนดจิตที่ไหนเลยทำซ้ำ หายใจเข้านับหนึ่ง หายใจออกนับสอง ทำไปเรื่อย ๆ อันนี้จริงๆไม่ได้ฝึกอะไร ฝึกสติ ถึงได้ว่า สติสำคัญมาก คนนั่งสมาธิใหม่ ๆ ข้าพเจ้าบอกเสมอว่า 5 นาทีพอ แต่จิตของเราจะต้องไม่วอกแวก ออกไปไหน ไม่คิดเรื่องอื่นเลย...เมื่อจิตสงบนิ่งจะทำให้เกิดปัญญา“

    โอกาสนี้ ยังรับสั่งถึงธรรมะที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงสอนและเน้นอยู่เสมอ นั่นคือ“ ให้มีสติและสำคัญที่สุดให้สำนึกรู้ในหน้าที่ที่ตัวเองมี ในฐานะที่ข้าพเจ้าเกิดเป็นลูกของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ท่านสอนให้รำลึกรู้ถึงหน้าที่ที่ต่อประชาชนเป็นอย่างยิ่ง เพราะท่านบอกว่าพวกเราอยู่ได้ก็เพราะประชาชน เพราะฉะนั้นต้องทำทุกอย่างเพื่อประชาชนคนไทย

    พร้อมทั้งทรงตอบคำถามถึงพลังใจยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทรงทำงานลุล่วง แม้ว่าจะทรงพระประชวร

    “ พลังใจใหญ่มีจาก 3 พระองค์ด้วยกันที่เป็นแบบอย่างในการทำงานเพื่อส่วนรวม พระองค์แรก คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ พระองค์ที่ 2 คือสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพราะว่าตั้งแต่เด็กมาเห็นตัวอย่างจากพ่อจากแม่ที่ทำงานทุกอย่างเพื่อประชาชน เราทำตัวให้เป็นประโยชน์กับเพื่อนมนุษย์ได้แค่ไหน อันนี้เป็นแก่นสารของชีวิต ยิ่งเราทำให้เพื่อนมนุษย์ได้แค่ไหนนี่มันเป็นความปลาบปลื้มที่ย้อนเข้ามาหาเราทำให้มีพลังใจยิ่งขึ้นที่จะทำงาน และองค์ที่ 3 ที่เป็นแรงบันดาลใจของข้าพเจ้าคือหลวงตามหาบัว ซึ่งท่านเป็นพ่อบุญธรรม “

    เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ รับสั่งว่า ทีแรกกังวลว่าจะมางานในวันนี้ไม่ได้ จริง ๆ แล้วข้าพเจ้าไม่สบายตั้งแต่ต้น เป็นโรคที่เรียกว่า Systemic Lupus Erythematosus คือเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง คือพูดง่าย ๆ ถ้าพูดกับคนไทยเป็นโรคอย่างพุ่มพวง ...ซึ่งที่ผ่านมาหลายปี มันจะ Attack ที่กระดูกเป็นส่วนใหญ่ เมื่อวานกระดูกมือนี่บวมไปหมด แล้วก็เจ็บปวดมาก ตลอด 3 วันข้าพเจ้าใช้ฉีดยาแก้ปวด แล้วก็ทำงานเอา

    เมื่อวานนี้กลับมาถึงกรุงเทพฯ มาในสภาพแย่เต็มทน เพราะปวดทนไม่ไหว หมอฉีดสเตียรอยด์บล็อกไว้ไม่ให้เป็นมากกว่านี้ แล้วก็ฉีดยาแก้ปวดด้วย อันนี้เป็นอะไรที่เป็นอุปสรรคเหมือนกัน แต่ข้าพเจ้าก็คิดว่าจะต้องข้ามมันให้ได้ ตั้งใจจะพยายามทำงานตามเจตนารมณ์ จริงๆ แล้วหมอบอกว่าให้พัก ตั้งแต่วินาทีนี้ เมื่อคืนนี้ คุณหมอต่างๆ ก็มาเต้นอยู่ข้างเตียงบอกว่าให้พัก ก็บอกเขาว่าอาจจะลาพักได้ราวๆ เดือนกันยายน ต้องดูว่าจะเคลียร์ได้ตรงไหนก็พัก...

    ข้าพเจ้าคิดว่าจริงๆ แล้ว ธรรมะอีกอย่างหนึ่ง คือ การที่เรานั่งสมาธิพอจิตสงบร่างกายมันได้พักไปด้วย อันนี้เป็นเคล็ดที่ควรทำอย่างยิ่ง นอกจากทั้ง 3 พระองค์ ที่เปรียบเหมือนธงชัยที่นำให้ข้าพเจ้าทำงาน ทำให้ข้าพเจ้ามีกำลังใจแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือ ความรัก ความห่วงใยจากประชาชนที่มีความรักให้มากมาย อันนี้ก็เป็นแรงบันดาลใจของข้าพเจ้าอย่างยิ่งเหมือนกัน “ เจ้าฟ้าหญิงทรงกล่าวทิ้งท้าย

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    http://www.bangkokbiznews.com/home/...94/ธรรมนำใจ..ธรรมนำชัย-‘ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์’.html
     
  2. Boonsawan

    Boonsawan สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ "เจ้าหญิงผู้ทรงธรรม"
     
  3. ราชนาวี

    ราชนาวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2009
    โพสต์:
    545
    ค่าพลัง:
    +918
    ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ
     
  4. อคติ

    อคติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +395
    “อดีตทำเมา ปัจจุบันธรรมโม อนาคตทำมา” ชอบประโยคนี้มากๆ

    ขอจงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
     
  5. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    'ความในใจของข้าพเจ้า'ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์

    [​IMG]

    ทรงถ่ายทอดความในพระทัยอย่างตรงไปตรงมา และไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน

    นับเป็นพระกรุณาธิคุณของชาวไทยทั่วทั้งประเทศ ที่จะได้ชื่นชมพระจริยวัตรใน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่ทรงถ่ายทอดความในพระทัยอย่างตรงไปตรงมา และไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ผ่านตัวอักษรในพระนิพนธ์ "ความในใจของข้าพเจ้า" พร้อมกันนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ในฐานะเจ้าฟ้าของแผ่นดิน และทรงเป็นลูกศิษย์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน จึงทรงแสดงธรรมะบรรยาย ตามหลักของหลวงตามหาบัว พระราชทานแก่ผู้เฝ้ารับเสด็จในงานเปิดตัวพระนิพนธ์ด้วย

    "สิ่งที่ข้าพเจ้านำมาพูดในวันนี้ไม่ใช่สิ่งที่เป็นคำสอนของข้าพเจ้าเอง แต่เป็นคำสอนของ หลายหลวงปู่ หลายหลวงตา ซึ่งข้าพเจ้าได้มีโอกาสสัมผัส และคำสอนส่วนใหญ่ 99 เปอร์เซ็นต์เป็นของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ซึ่งข้าพเจ้าเป็นลูกศิษย์อยู่ 15 ปี จนท่านละสังขารเมื่อเดือนมกราคมปีนี้

    คนเรานี้หลวงตาท่านสอนว่าควรจะอยู่ในปัจจุบันให้ดีที่สุด ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด คือ ตอนนี้แหละเดี๋ยวนี้แหละทำให้ดีที่สุด ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดและถึงเวลานอนก็บอกตัวเองว่าตอนนี้ถึงเวลานอนแล้ว เรื่องอะไร งานการอะไรที่จะคิดวางเอาไว้ก่อน ไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดกันใหม่ อันนี้เป็นหลักหนึ่งของข้าพเจ้าที่ทำให้ยิ้มได้ทุกวัน อีกอันหนึ่งต้องพิจารณาและการละวาง อันนี้พูดง่ายๆ ว่าเราทุกคนต้องมีสิ่งขอใช้คำว่า กระทบใจ เช่นว่า เสียงร่ำลือบ้างอะไรบ้าง ข่าวลือว่าคนนั้นว่าเราดีหรือคนนั้นว่าเราชั่วยังไง สิ่งกระทบใจนี้ต้องบอกว่ามีทั้งที่เราชอบและไม่ชอบ ซึ่งเราไม่สามารถจะไปบังคับใจคนอื่นเขาได้ ถ้าสิ่งที่เราไม่ชอบมากระทบใจทำยังไงดี หลวงตาท่านสอนว่าต้องพิจารณา พิจารณาในความหมายของหลวงตา คือ พิจารณาตัวเองหลวงตาบอกว่าอย่านำจิตแสส่ายออกไปข้างนอก ให้นำจิตกลับเข้ามาที่ตัวเองและพิจารณาตัวเอง"

    ในชีวิตประจำวันทูลกระหม่อมทรงปฏิบัติธรรมอย่างไรบ้างในวิถีชีวิตประจำวัน

    ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นตอนค่ำมากกว่าที่มีโอกาสได้นั่งสมาธิ แต่ไม่ใช่ว่าไม่ได้ทำดีเลยตั้งแต่เช้า ทุกวันนี้ตั้งใจทำดี ทำดีที่สุด นี่เพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัดเพราะออกไปทำหน้าที่หน่วยแพทย์อาสาของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพิ่งกลับมาเพราะฉะนั้นทุกวันนี้ได้ช่วยคนไข้ ตามที่ช่วยคนไข้ได้แต่ละคนนั้น มันปลื้มปีติอยู่ในใจ แต่ทุกวันจะต้องมีเวลาค่ำๆ ที่จะสงบจิต สงบใจ บางทีก็สวดมนต์ บางครั้งวันเสาร์อาทิตย์ถ้าว่างโดยมากจะขึ้นไปที่วัด สมัยที่หลวงตาอยู่จะขึ้นไปที่วัดป่าบ้านตาด แล้วก็ตอนเช้าจะตักบาตร ตักบาตรเสร็จให้ไปนั่งกับหลวงตาและรับประทานอาหารเช้าพร้อมกับที่หลวงตาและพระในวัดฉันเช้า เพราะวัดป่าที่ข้าพเจ้าไปมาตลอด

    แม้แต่เดี๋ยวนี้ที่ข้าพเจ้าย้ายไปวัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี ก็เป็นวัดป่าพระจะฉันมื้อเดียวคือมื้อเช้า และเมื่อฉันเช้าเสร็จธรรมดาแล้วหลวงตาจะแสดงธรรมตอนเช้าให้บรรดาญาติโยมที่มาฟังธรรมอยู่ แล้วหลังจากนั้นถ้าหลวงตาท่านว่าง จะเป็นช่วงที่ข้าพเจ้าเข้าไปสนทนาธรรมกับหลวงตา คือ มีอะไรที่สงสัยเป็นปัญหาคาใจก็จะถามท่านตอนนั้นที่กุฏิของท่าน และตอนเย็นจะมีทำวัตรเย็น จากนั้นก็แยกย้ายไปตามกุฏิเพื่อนอน กุฏิของข้าพเจ้าเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างก็โล่งๆ มีห้องเล็กๆ ห้องเดียว นอนกับพื้น มีห้องน้ำเท่านั้น ก็ขอเล่าเกร็ดนิดหนึ่งว่า ตอนที่สร้างกุฏิวันแรกนี่จะเอาของเข้าไปเก็บ เปิดตู้ปั๊บตกกะใจ มีตุ๊กแกอยู่ในตู้ 40 ตัวตัวใหญ่มาก ตุ๊กแกวัดป่าบ้านตาดสมบูรณ์พูนสุข

    ข้าพเจ้าก็ใช้เวลาว่างเสาร์อาทิตย์หรือวัดหยุดทางศาสนา หรือถ้าหากไม่มีกรณียกิจที่ต้องทำแทนพระเจ้าอยู่หัว ก็จะขึ้นไปที่วัด เมื่อก่อนไปวัดป่าบ้านตาด ตอนนี้ก็ไปที่วัดนาคำน้อย อยู่ในอุดรธานี แต่อยู่ไกลออกไปจากสนามบินต้องนั่งรถไปอีกประมาณชั่วโมงครึ่งถึงจะถึงวัดนาคำน้อย

    จากวันแรกที่ทูลกระหม่อมได้พยายามนั่งสมาธิจนคิดว่าทำได้แล้วใช้เวลานานหรือเปล่า

    นานเป็นอาทิตย์ค่ะ การที่จะรวบรวมจิตได้ ไม่ได้ปุ๊บปั๊บหรอกค่ะ เพราะจิตคนเราอย่างที่บอกแล้วเหมือนลิง คือว่าเราคิดว่าเราใช้พุทโธ ตอนที่นั่งใหม่ๆ หลวงตาเอาไปนั่งต่อหน้าท่านที่กุฏิท่าน แล้วใหม่ๆ ท่านก็บอกว่าปากก็ร้องพุทโธๆ แต่ใจแล่นไป 7 ทั่วทวีปแล้วท่านว่าอย่างนั้น เอาใหม่ให้นิ่งจริงๆ แล้วท่องพุทโธๆ ก็ใช้เวลาพอสมควร เริ่มต้นแนะนำว่าไม่ให้เกิน 5 นาทีถ้า 5 นาทีเอาอยู่ดีมากแล้วค่ะ

    ชีวิตประจำวันทุกวันนี้ตื่นเช้าออกมาทำงานมีการแข่งขันรีบเร่งกันทุกวัน เราจะมีธรรมะข้อใดทำให้เราเจริญสติมีสติการทำงานอยู่ตลอดเวลาเพื่อประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในเรื่องของการทำงาน

    อันนี้เราต้องเตือนใจตัวเอง จริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับสติการที่เราจะทำอะไรตั้งแต่ตื่นมาจนนอนต้องมีสติอยู่ตลอด ที่บอกว่าต้องแข่งขันกันมาตื่นเช้าต้องออกมาทำงานตั้งแต่ทำกิจวัตรในบ้านขับรถออกมาทำงานต้องขับอย่างมีสติอย่ารีบร้อนจนเกินไป เพราะการรีบร้อนบางครั้งทำให้ขาดสติ พอขาดสติทำให้เกิดอุบัติเหตุ ต้องมีสติว่าเรากำลังขับรถทำอะไรขอให้ยึดทางสายกลางอย่ารีบเร่งจนเกินไป อย่าเอื่อยเกินไป

    ทุกอย่างทางสายกลางจะเป็นของดีที่สุดและไม่ว่าจะทำอะไรต้องมีสติอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นนอนมาจนเข้านอนตอนค่ำ และการทำงานนี้ถ้าจะทำได้คุณภาพดีถ้ามีสติ มีความตั้งใจ และข้อสำคัญคือต้องไม่ขี้โกงกับตัวเองต้องรู้ใจเราว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ และงานที่ทำทำแล้วดีจริงมั้ยพิจารณาดู คือ ต้องมีสติถ้ามีสติกำกับแล้วรู้ตัวอยู่ตลอดแล้ว ข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกคนจะทำงานได้ดี
    ทุกครั้งทำงานกันอาจจะมีเกเรบ้าง เหนื่อยบ้าง ไม่อยากไปบ้าง ไม่สบายบ้าง ทูลกระหม่อมทรงงานไม่ว่าจะเป็นภารกิจต่างๆ หมายกำหนดการต่างๆ ทูลกระหม่อมทรงงานหนักขนาดนี้ได้อย่างไร โดยเฉพาะขณะนี้ที่กำลังประชวร อันนี้อยากทราบว่าพระองค์ท่านมีพลังใจอย่างไรให้ภารกิจต่างๆ สำเร็จลุล่วง

    จริงๆ แล้วพลังใจใหญ่ของข้าพเจ้าที่จะทำงานให้ลุล่วงได้ด้วยดีทุกประการนี่ พลังใจใหญ่มีอยู่ 3 พระองค์ด้วยกัน องค์แรกคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์ที่สอง คือ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพราะว่าตั้งแต่เด็กมาเห็นตัวอย่างจากพ่อจากแม่ ที่ทำงานทุกอย่างเพื่อประชาชนอันนี้เป็นแรง ตอนเด็กๆ ไม่เข้าใจหรอก พอโตขึ้นมาเข้าใจเข้าทุกทีว่าคนเรานี่ แก่นสารของชีวิตอยู่ที่ว่าเราทำตัวให้เป็นประโยชน์กับเพื่อนมนุษย์ได้แค่ไหน

    อันนี้เป็นแก่นสารของชีวิตและยิ่งเราทำให้เพื่อนมนุษย์ได้แค่ไหน เป็นความปลาบปลื้มที่ย้อนเข้ามาหาเราทำให้มีพลังใจยิ่งขึ้นที่จะทำ

    องค์ที่ 3 ที่เป็นแรงบันดาลใจของข้าพเจ้าคือหลวงตามหาบัว ท่านเป็นพ่อบุญธรรม ทั้ง 3 องค์นี้ข้าพเจ้าดูมาท่านทำเพื่อส่วนรวมตลอด หลวงตามหาบัวมีคนเอาเงินมาบริจาคมากมาย ท่านไม่เคยเก็บไว้กับตัวเองเลย หลวงตาเอาไปให้สร้างโรงพยาบาลสำหรับพระบ้าง เอาไปสร้างโรงพยาบาลสำหรับประชาชนบ้าง เอาข้าวของเช่นอาหารแห้ง ข้าว ไปให้กับวัดที่ยากจนบ้าง เอาไปให้กับหมู่บ้านที่ยากจนบ้าง คือ หลวงตาทำอะไรไม่เคยเพื่อตัวเองเลย เพื่อโลก เพื่อประชาชนเท่านั้น จะเห็นว่าแรงบันดาลใจของข้าพเจ้าทั้ง 3 พระองค์นี้ท่านไม่เคยทำเพื่อตัวเอง ท่านทำเพื่อส่วนรวม และในเมื่อข้าพเจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

    ตอนนี้พูดตรงๆ ท่านแก่แล้วจะให้ท่านไปตรากตรำตามชายแดนเหมือนแต่ก่อนเห็นจะไม่ได้ ท่านไม่ได้บังคับข้าพเจ้าแต่ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ของข้าพเจ้าที่จะสืบทอดเจตนารมณ์ของทั้งสองล้นเกล้าฯ และเป็นหน้าที่ของข้าพเจ้าในฐานะที่เป็นลูกบุญธรรมที่จะเผยแพร่ความดีของหลวงตามหาบัวด้วย แล้วก็เป็นการเมตตาเพื่อนที่ยากไร้กว่า

    แต่ข้าพเจ้าอย่างที่บอกกับวู้ดดี้ว่าตอนแรกข้าพเจ้ากลัวเหลือเกินว่าจะมาในวันนี้ไม่ได้ เพราะ 3 วันที่แล้วที่ข้าพเจ้าทำงานอยู่ที่กระบี่ พังงา และภูเก็ตนั้น จริงๆ แล้วข้าพเจ้าไม่สบายตั้งแต่ต้น ข้าพเจ้าเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือที่พูดแบบคนไทยเป็นโรคเดียวกับพุ่มพวง คือ ข้าพเจ้าเป็นแบบซิสเต็มมิกคือทั้งร่างกาย จะแอทแทคส่วนไหนก็ได้

    แต่หลายปีมานี้แอทแทคที่กระดูกเป็นส่วนใหญ่ กระดูกมือนี้บวมไปหมด เจ็บปวดมาก 3 วัน ข้าพเจ้าใช้ฉีดยาแก้ปวดแล้วทำงานเอา กลับมาถึงกรุงเทพฯ มาในสภาพแย่เต็มทนเพราะปวดจนทนไม่ไหว หมอให้ฉีดสเตียรอยด์บล็อกเอาไว้ไม่ให้มันเป็นมากไปกว่านี้และฉีดยาแก้ปวดด้วย เป็นอุปสรรคเหมือนกันแต่ข้าพเจ้าคิดว่าจะต้องข้ามมันให้ได้

    ข้าพเจ้าตั้งใจว่าไม่ว่าจะเป็น แต่จะพยายามทำงานตามเจตนารมณ์จริงๆ แล้วหมอบอกให้พักตั้งแต่วินาทีนี้ เมื่อคืนคุณหมอต่างๆ มาเต้นอยู่ข้างๆ เตียงบอกว่าให้พัก ก็บอกเขาบอกว่า อาจจะลาพักได้ราวๆ เดือนกันยายน แต่ตอนนี้จะให้ปุ๊บปั๊บไม่ทำงานไม่ได้ ต้องดูว่าเคลียร์งานได้ตรงไหนแล้วค่อยพัก หมอก็บอกว่าพักสั้นจัง ก็บอกเขาบอกว่ามีเวลาแค่นั้นแหละก็ดีกว่าไม่ได้พักเลยไม่ใช่หรือ หมอก็บอกว่าตามใจแค่นี้ก็แค่นี้ จริงๆ แล้วความลับอีกอย่างการที่เรานั่งสมาธิคือสงบนิ่ง ร่างกายเราได้พักไปด้วย เป็นเคล็ดที่ควรทำอย่างยิ่ง

    อันนี้คงจะเป็นคำตอบว่ามีเคล็ดลับอย่างไร มี 3 พระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และหลวงตามหาบัว ทั้ง 3 พระองค์นี้เปรียบเสมือนธงชัยที่นำให้ข้าพเจ้าทำงาน ทำให้ข้าพเจ้ามีกำลังใจอีกอย่างหนึ่ง ความรัก ความห่วงใย ที่เพื่อนมนุษย์ของข้าพเจ้ามีให้ข้าพเจ้าอย่างเวลาออกไปเจอประชาชน ประชาชนมีความรักให้มากมาย อันนี้ก็เป็นแรงบันดาลใจของข้าพเจ้าอย่างยิ่งอีกเหมือนกัน

    ธรรมะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงสอนและเน้นให้ทูลกระหม่อมดำรงอยู่เสมอๆ คืออะไร

    สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงสอนเน้นหนักว่าให้มีสติและสำคัญที่สุดให้รำลึกรู้ในหน้าที่ที่ตัวเองมีในฐานะข้าพเจ้าเกิดเป็นลูกของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นั้น ให้รำลึกรู้ถึงหน้าที่ที่มีต่อประชาชนเป็นอย่างยิ่ง เพราะท่านบอกว่าพวกเราอยู่ได้เพราะประชาชน เพราะฉะนั้นต้องทำทุกอย่างเพื่อประชาชนคนไทย

    http://www.komchadluek.net/detail/20110827/107311/ความในใจของข้าพเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์.html
     
  6. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
  7. สมบัติธรรม

    สมบัติธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +29
    ขอจงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม

    ขอบพระคุณมากครับ
    กราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ
     
  8. joyha

    joyha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +102
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

    ขอให้พระองค์มีพระวรกายแข็งแรง
     
  9. นายสาธิต

    นายสาธิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2008
    โพสต์:
    409
    ค่าพลัง:
    +1,066
    กราบทูลขอพระวรกายของพระองค์ท่านจะอยู่ยั่งยืนยง
     
  10. kkookk

    kkookk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +1,326
    ขอพระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงครับ...ขอกราบอนุโมทนาสาธุด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  11. เบองซูร์

    เบองซูร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +664
    โมทนาครับ
    ขอพระองค์ทรงมรพระพลานามัยแข็งแรง
    ทรงพระเจริญ
     
  12. nut1319

    nut1319 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +651
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ และ ขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานมัยที่แข็งแรง พระพุทธเจ้าค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  13. daeng007

    daeng007 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2009
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +84
    “อดีตทำเมา ปัจจุบันธรรมโม อนาคตทำมา” ชอบประโยคนี้มากๆ
     
  14. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,353
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน (อ่านแล้วน้ำตาซึม ไม่สบายก็ไม่หยุดทรงงาน)
     
  15. Santajitto

    Santajitto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2010
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +455
    ขอพระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
    ด้วยอานุภาพแห่งพระรัตนตรัย , พระสยามเทวาธราช พระบารมีขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมราชินีนาถ , พระบารมีขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    โปรดจงคุ้มครอง ป้องกัน และขจัดโรคาพยาธิ ให้พระองค์หญิงฯ ด้วยเทอญ..
     
  16. เอทัศน์

    เอทัศน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +807
    ขอพระวรกายของพระองค์แข็งแรงดังเดิมด้วยเถิดค่ะ..
     
  17. mashimo

    mashimo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +246
    ขอพระ องค์ทรงหายพระประชวรโดยเร็วเพื่อเป็นมิ่งขวัญและเป็นที่พึ่งของผู้เจ็บป่วยและยากไร้ต่อไป ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
     
  18. TuCkIe

    TuCkIe สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +16
    ขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงและขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน...
     
  19. PITINATTH73

    PITINATTH73 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    2,991
    ค่าพลัง:
    +9,624
    ทรงพระเจริญ
    ผมขออนุโมทนาสาธุ ในบุญกุศลที่ได้บำเพ็ญมาทั้งหมดทั้งปวงด้วยครับ
     
  20. peny_2119

    peny_2119 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +154
    ขอให้เจ้าฟ้าหญิง ทรงพระเจริญและหายจากพระอาการประชวร ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
     

แชร์หน้านี้

Loading...