ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…ใจคือนักต่อสู้ ดีก็สู้ ชั่วก็สู้ สู้จนไม่รู้จักหยุดยั้งไตร่ตรอง
    สู้จนไม่รู้จักตาย หากปล่อยไปโดยไม่มีธรรมเป็นเครื่องยับยั้ง
    คงไม่ได้รับความสุข แม้จะมีสมบัติก่ายกอง
    ธรรม เป็นเครื่องปกครองสมบัติและปกครองใจ

    ถ้าขาดธรรมเพียงอย่างเดียว ความอยากของใจ
    จะพยายามหาทรัพย์ได้กองเท่าภูเขา ก็ยังหาความสุขไม่เจอ
    ไม่มีธรรมในใจเพียงอย่างเดียว จะอยู่ในโลกใด กองสมบัติใด
    ก็เป็นเพียงโลกเศษเดน
    และกองสมบัติเดนเท่านั้น
    ไม่มีประโยชน์อะไรแก่จิตใจแม้แต่นิด…”

    โอวาทธรรมพระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) วัดป่าบ้านหนองผือ ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร

    ๔ ตุลาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่าน

    -ดีก็สู้.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) วัดป่าบ้านหนองผือ ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร

    ๔ ตุลาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่าน

    -หลวงปู่มั.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…ตั้งใจ กำหนดใจของตน
    ใจของตั้งยาก ใจนี้ตั้งได้ต้องอาศัยบุญรักษา
    บุญจะเกิดได้ต้องตั้งใจของตน… ”

    จากหนังสือ ๙๖ ปี ศรีสงฆ์ธำรงศาสน์ (มหาปุญโญวาท เล่ม ๓ )วัดป่าวิเวกวัฒนาราม (วัดหนองน่อง) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    ๔ ตุลาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่าน

    -กำหนดใจของตน.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…จิต ต้องรับภาระทันที ดี ชั่ว ผิด ถูก
    หนัก เบา เศร้าโศกเพียงใด
    บางเรื่องแทบเอาชีวิตไปด้วย
    ขณะนั้นจิตใจยังกล้าเอาตัวเข้าเสี่ยง
    แบกหามจนได้
    มิหนำซ้ำยังหอบเอามาคิดเป็นการบ้านอีก
    จนนอนไม่หลับ รับประทานไม่ได้ก็มี
    คำว่าหนักเกินไป ยกไม่ไหว เกินกำลังใจจะคิดและต้านทานนั้นไม่มี

    งานทางกาย ยังมีเวลาพักผ่อนนอนหลับ
    และยังรู้ประมาณว่าควรหรือไม่ควร
    แก่กำลังของตนเพียงใด

    ส่วนงานทางใจไม่มีเวลาได้พักผ่อนเอาเลย
    พักได้เล็กน้อยขณะนอนหลับเท่านั้น
    แม้เช่นนั้น จิตยังอุตส่าห์ทำงานด้วยการละเมอเพ้อฝัน
    ต่อไปอีก

    ไม่รู้จักประมาณว่าเรื่องต่างๆ นั้นควรแก่กำลังของใจเพียงใด
    เมื่อเกิดอะไรขึ้น ทราบแต่ว่าทุกข์เหลือทน
    ไม่ทราบว่าทุกข์เพราะงานหนัก และเรื่องเผ็ดร้อนเหลือกำลังใจจะสู้ไหว…”

    โอวาทธรรมพระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) วัดป่าบ้านหนองผือ ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร

    ๔ ตุลาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่าน

    -ต้องรับภาระทันที-ดี.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…โอกาสที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ของเรานี้ ยากนัก
    โอกาสที่ได้ฟังธรรม ยากนัก
    โอกาสที่จะได้พบพระพุทธศาสนา ยากนัก
    โอกาสที่จะได้รู้คุณของพระรัตนตรัย ยากนัก
    สถานะภาวะเหล่านี้ เป็นไปได้ยาก
    ยากกว่าการณ์ที่เต่าผู้โชคดีนั้น
    พระรัตนตรัยทั้งสาม
    กว่าจะพร้อมด้วยมูลอุบัดขึ้นในโลกแต่ละครั้งก็แสนยาก
    เพราะเนื่องด้วยการบำเพ็ญโพธิญาณของบุคคลเพียงคนเดียว
    เมื่อพระโพธิสัตว์ตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นแหละ โลกเรานี้จึงมีพระรัตนตรัยปรากฏขึ้นมาให้ประชาสัตว์ได้ยึดไว้เป็นสรณะที่พึ่ง…”

    จากหนังสือ ตำนานผู้เฒ่า เรื่องเล่าเด็กน้อย หน้า ๑๓๖
    หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ

    ๔ ตุลาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่าน

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…ย้อนรอยคำสอน…”

    “…มีครุฑ นาค ยักษ์ เทวดา เป็นเทพ ๔ สหาย รูปร่างสัดส่วนเสมอกันหมดทุกคน ไม่สูง ไม่ต่ำเกินกัน สูง ๒ เมตร เท่ากัน ผิวกายต่างกันเท่านั้น เราก็ถามเขาว่ามาอย่างใด ? ธุระอะไร ?

    พวกเขาว่า “ ต้องการรู้ให้มั่นใจและลงในรอยอันเดียวกัน
    ว่า มนต์บทแรก กับบทสุดท้ายของสัตว์ทั้งหลายในโลกได้เรียนเอา คืออะไร ?

    เราก็ตอบว่า “ บทแรก นะ มะ พะ ธะ

    บทท้าย ทุกฺขํ อนิจฺจํ อนตฺตา

    และทั้งสองบท เป็นบทเดียวกันไม่มีแรกไม่มีสุดท้าย
    หากมีแรกก็เป็นโลก หากมีสุดท้ายก็ไม่วายจากโลก ”

    แล้วเขาก็ถามว่า “ อะไรเล่าท่ามกลางโลก ? ”

    เราก็แก้ว่า “ อนัตตา ”

    “ อะไรเล่าท่ามกลางธรรม ? ”

    เราก็ตอบว่า “ อุเบกขา ”

    เมื่อตอบให้พวกเขาอย่างนี้แล้ว เขากราบไหว้ ปทักษิณรอบ ๓ รอบ ทำเหมือนตอนมาตอนแรกแล้วก็จากไป…”

    มหาปุญฺโวาท ๔ ตุลาคม ๒๕๔๘

    หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่าน

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…สอนตัวเองให้มาก…”

    “…ความโลภ ความโกรธ ความหลง เราหาช่องทางปลดเปลื้องมันออกไป โลภก็มาจากหลง โกรธก็มาจากหลง หลงเพราะขาดปัญญา หลงเพราะขาดธรรม หลงเพราะขาดความสงบ สอนตัวเจ้าของให้มาก เตือนตัวเองให้มาก แม้มันยากแสนยากก็ให้พยายาม…”

    หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ

    ๔ ตุลาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่าน

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ๏ วันออกพรรษา หรือ วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก ๏

    วันออกพรรษา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดี ที่ 5 ตุลาคม 2560 เป็นสำคัญวันหนึ่งของพระภิกษุสงฆ์ คือ เป็นวันสิ้นสุดการจำพรรษา หรือออกจากพรรษาที่ได้อธิษฐานเข้าจำพรรษาตลอดระยะเวลา 3 เดือน

    ในวันออกพรรษาในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่า พรรษาที่ 7 นับแต่ปีที่ตรัสรู้ พระพุทธองค์จึงได้เสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เทศนาพระอภิธรรมปิฎกโปรดพระพุทธมารดาอยู่หนึ่งพรรษา (3 เดือน) ซึ่งพุทธมารดาอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต แต่ลงมาฟังพระธรรมเทศนาที่ชั้นดาวดึงส์

    ครั้นถึงวันปวารณาออกพรรษา วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 พระพุทธองค์จึงเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ทางบันไดทิพย์ ทั้ง 3 ได้แก่ บันไดเงิน , บันไดทอง และ บันไดแก้ว ซึ่งสักกเทวราช (พระอินทร์) ได้เนรมิตทอดจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์สู่โลกมนุษย์ บันไดทองอยู่ด้านขวา สำหรับหมู่เทพลง บันไดเงินอยู่ด้านซ้าย สำหรับท้าวมหาพรหม และบันไดแก้วมณีอยู่ตรงกลางสำหรับพระพุทธเจ้า หัวบันไดแต่ละอันพาดที่เขาสิเนรุ เชิงบันไดทอดลงยังประตูเมืองสังกัสนคร ทางเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า คือหมู่เทพที่ตามส่งเสด็จ เบื้องซ้ายผู้ถือฉัตรกั้นถวายพระพุทธเจ้า คือท้าวมหาพรหม ผู้อุ้มบาตรนำเสด็จพระพุทธเจ้า คือพระอินทร์ ผู้ถือพิณบรรเลงถัดมา คือปัญจสิงขรคนธรรพ์เทพบุตร ถัดมาเบื้องขวาคือมาตุลีเทพบุตร ซึ่งถือพานดอกไม้ทิพย์โปรยปรายนำทางเสด็จพุทธดำเนิน

    ณ ที่นั้น บรรดาพุทธศาสนิกชนต่างมารอรับเสด็จและตักบาตรภัตตาหารกันอย่างเนืองแน่น ชาวพุทธจึงยึดถือปรากฎการณ์ในวัน แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ เรียก “วันเทโวโรหณะ” และ “วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก” เพราะวันนั้นโลกทั้ง 3 คือ สวรรค์ มนุษย์ และ บาดาล (นรก) ต่างสามารถแลเห็นกันได้ตลอดทั้ง 3 โลก

    -วันออกพรรษา-หรือ-วันพร.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    การตำหนิกรรมผู้อื่นเท่ากับเราไปยึด
    เอากรรมของเขา มาไว้ที่ใจเราแทน
    เราว่าเขาขี้เกียจ ก็หมายความว่าเราไปยึด
    เอาตัวขี้เกียจของเขา มาไว้ที่จิตของเรา
    หรือเอาอุปาทานของเขา มาเป็นอุปาทานของเรา
    เราไปว่าเขาบ้า เราเลยไปเอาความบ้าจากเขามาไว้ที่ใจเรา
    เราไปว่าเขาทะลึ่ง เราก็ไปเอาความทะลึ่งของเขามาไว้ที่ใจเรา
    การตำหนิกรรมให้ผลอย่างนี้
    .
    หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    คำพูดใดของผู้ใดก็ตามแม้จะเป็นเพียงลมปาก แต่เป็นสิ่งที่เหน็บแนมฝังลึกและยังสังคมให้เปลี่ยนแปลงได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะออกมาจากความรู้สึกผู้บงการ เป็นสิ่งที่ให้ร้ายได้ที่สุดก็คือคำพูด ให้ดีที่สุดก็คือคำพูด ต้องได้ระมัดระวังกันอย่างมาก เป็นสิ่งที่ให้โทษให้คุณมากที่สุดก็คือคำพูด ท่านจึงว่า ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ทั้งนี้ก็เพราะปากเป็นหนึ่งในการแสดงออกแก่ผู้อื่นและสังคมนั่นเอง
    การยุแหย่ก่อกวนทำลายต่างๆ ล้วนออกมาจากปากเป็นสำคัญ กล่อมให้คนเคลิบเคลิ้มหลงใหลก็เพราะปาก สอนคนให้เป็นคนดีจนถึงขั้นดีเยี่ยมก็เพราะปาก พูดได้ทุกแง่มุมทั้งที่ทำไม่ได้ก็คือปาก หลอกคนให้ล่มจมฉิบหายก็คือปากเป็นตัวการสำคัญ พูดไม่เลือก กินไม่เลือก ก็คือปาก อาหารหวานคาวชนิดต่างๆ แทบไม่มีค้างโลกก็เพราะปาก กินแบบไม่เลือก กินไม่หยุดไม่ถอย กินไม่เบื่อไม่รำคาญก็คือปาก ด่าเขาเก่งๆ ก็คือปาก อะไรๆ กว้านมากินจนหมดก็คือปาก
    ปากจึงเป็นราวกับยักษ์ตัวมีเล่ห์เหลี่ยมร้อยสันพันคมที่สุด แต่พวกเราก็ไม่สะดุดใจคิดเห็นภัยของปากกันบ้างพอได้สำรวม เพียงลมปากผิวออกมาก็เชื่อกันแบบล้มระนาวหลับสนิท ไม่นึกเข็ดกันบ้างในสิ่งที่ปากทำพิษ ฉะนั้นปากจึงมีอำนาจมาก สามารถกล่อมคนให้หลับทั้งเป็นได้ไม่เลือกหน้า จึงขอฝากท่านทั้งหลายไปพิจารณาซึ่งอาจเกิดประโยชน์แก่ตัวท่านเองและส่วนรวม

    (บางส่วนของพระธรรมเทศนา)
    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
    เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
    เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๑๘

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ลักษณะเสียงของท่าน (พระอาจารย์มั่น) ขณะเทศน์อบรมพระเณรนั้น จะทุ้มก็ไม่ใช่
    จะแหลมก็ไม่เชิงอยู่ในระหว่างกลางทุ้มกับแหลมเสียงดังฟังชัดเสียงกังวาน
    เสียงชัดเจนไม่มีแหบไม่มีเครือ ชั่วโมงแรกนะไม่เท่าไรธรรมดาๆ 1 ชั่วโมงผ่านไป
    เสียงจะดังขึ้น 2 ชั่วโมงผ่านไปเสียงจะดังขึ้นอีก ถ้าติดต่อกัน 3-4 ชั่วโมงแล้ว
    เหมือนกับติดไมค์ ปกติท่านจะเทศน์ 2 ชั่วโมง เทศน์กรณีพิเศษ เช่น เดือน 3 เพ็ญ
    เดือน6เพ็ญ วันเข้าพรรษา ออกพรรษา อย่างน้อยก็ประมาณ 4 ชั่วโมงถึง 6 ชั่วโมง
    พระอาจารย์เทสก์เคยเล่าให้ฟังว่า สมัยท่านพระอาจารย์มั่นอยู่ที่เชียงใหม่
    เทศน์ที่วัดเจดีย์หลวง เทศน์ตั้งแต่ 1 ทุ่มถึง 11 นาฬิกาวันใหม่ ลงจากธรรมาสน์
    ท่านจึงจะมานั่งฉันจังหันนั่นเป็นกี่ชั่วโมง ตื่นเช้าขึ้นมาท่านยังเทศน์อยู่เสียงมันดังทีนี้พวก
    ข้าราชการแม่บ้านหิ้วตะกร้าไปตลาดตอนเช้า พอได้ยินเสียงท่านเทศน์คิดว่าพระ
    ทะเลาะกันพากันเข้าไปก็เห็นท่านพระอาจารย์มั่นเทศน์ เลยอยู่ฟังเทศน์ลืมว่าจะไป
    ตลาดและต้องกลับไปทำกับข้าวให้ลูกผัวกิน ฝ่ายลูกผัวตามมาเห็นอยู่ที่วัดเจดีย์
    หลวงกำลังฟังเทศน์อยู่ก็เลยบอกว่าจะไปจ่ายตลาดเองแล้วก็จะเลยไปทำงานผู้ที่จะ
    ไปขายของก็เหมือนกัน ผ่านมาพอได้ยินเสียงคิดว่าพระทะเลาะกัน ก็พากันเข้าไป
    ไม่ต้องขายของวางตะกร้าแล้วก็ฟังเทศน์ต่อจนกระทั่งท่านเทศน์จบจึงไป
    พระอาจารย์เทสก์พูดให้ฟังอย่างนี้

    ท่านเทศน์นานที่สุด คือ เทศน์ปีสุดท้าย เป็นวันมาฆบูชา หลังจากเวียนเทียนเสร็จ
    แล้ว ท่านก็เริ่มเทศน์ มีชาวบ้านหนองผือมานั่งฟังอยู่ข้างล่าง มีทั้งผู้หญิงผู้ชาย
    ลูกเล็กเด็กแดงอุ้มนอนอยู่ที่ตัก เด็กก็ไม่ร้อง ปรากฏว่ามีคนอุ้มเด็กกลับไปแค่ 3 คน
    นอกนั้นอยู่จนรุ่ง ถึงจะกลับบ้าน ท่านฯ เทศน์อยู่ ตั้งแต่ 1ทุ่มจนถึงเช้า อันนี้เป็นความจำของผู้เล่า

    ท่านพูดว่า เราจะเทศน์แล้วแหละ เทศน์ซ้ำเฒ่านะ ต่อจากนี้ไปจะไม่ได้
    เทศน์นานอย่างนี้อีกแล้ว รู้สึกว่าจะเป็นวันเพ็ญเดือน 3 พอตกเดือน 5 ท่านก็เริ่ม
    ป่วย มีอาการไอ และป่วยมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเดือนอ้าย เป็นเวลา 9 เดือน
    (ท่านพระอาจารย์มั่นมรณภาพเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2492 )

    ปกติท่านจะเทศน์ตามเหตุการณ์ในพุทธประวัติ ที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรม
    พระยาวชิรญาณวโรรสทรงรจนา ถ้าเพ็ญเดือน 6 จะปรารภถึงเรื่องประสูติ ตรัสรู้
    และปรินิพพาน ถ้าเพ็ญเดือน3 จะปรารภเรื่อง การแสดงโอวาทปาฏิโมกข์แก่พระ
    สงฆ์ 1,250 รูป ที่พระเวฬุวัน ตลอดคืนจนสว่าง
    ทำไมจะมากมายก่ายกองขนาดนั้น ก็เพราะท่านไม่ได้เล่าเป็นวิชาการ ท่านเล่าให้
    ละเอียดไปกว่านั้นอีก เรื่องก็เลยยืดยาวไป เวลาท่านเทศน์จะลืมตา หมากไม่เคี้ยว
    บุหรี่ไม่สูบ น้ำไม่ดื่ม ท่านจะเทศน์อย่างเดียว พระเณรก็ลุกหนีไม่ได้ ไม่มี
    ใครลุกหนีเลย ไปปัสสาวะก็ไม่ไป จะไอจะจามก็ไม่มี จะบ้วนน้ำลายก็ไม่มี จะนิ่งเงียบจนเทศน์จบ

    -พระอ.png

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…ผู้ข้าฯ เกิดเป็นหลานของพระเจ้าอโศกมหาราช…”

    “…สังคยานาครั้งที่ ๓ นั้นผู้ข้าฯ เกิดเป็นหลานของพระเจ้าอโศกมหาราชได้ช่วย เหลือในการงานต่าง ๆ ในครั้งนั้น

    ท่านอาจารย์ลี (ธมฺมธโร) วัดอโศการามเกิดเป็นพระเจ้าอโศกเมืองปาฎลีบุตร แคว้นมคธ

    ทำอยู่ ๙ เดือน แต่เดือน ๘ – ๙ – ๑๐ – ๑๑ – ๑๒ – ๑ – ๒ – ๓ – ๔ – ๕ ย่างเข้าเมษาหน้าร้อนจึงแล้วเสร็จ จัดของถวายสงฆ์ ๖,๐๐๐ รูปทั้งภิกษุณีอีก

    หมู่พระเถระในที่ประชุมสังคยานาคัดเลือกเอา ๑,๐๐๐ รูปนอกนั้นอยู่รอบนอก

    สาเหตุมาจากสงครามมาหลายปี บ้านเมืองเดือดร้อน ผู้คนไม่อยากเป็นทหารก็เลยหนีเข้าบวช ปลอมเป็นพระเป็นนักบวชในลัทธิต่างๆ

    บวชปลอมแล้วก็ตั้งอยู่กันเป็นหมู่เป็นก๊ก อิเหละเขละขละไปตามเรื่อง ชอบอย่างใดก็อยู่ไปกินไปอย่างนั้น

    จึงได้นิมนต์พระโมคคัลลีบุตรมาช่วย คัดเลือกพระจริงพระปลอม
    ให้พวกปลอมตัวสึกไป

    แต่ในครั้งนี้ได้ชำระพระวินัยก่อน แล้วชำระพระสูตร พระอภิธรรม
    ชำระไปได้เท่าใดแล้ว ก็ให้จัดสอนให้พระสงฆ์สามเณร ภิกษุณีสิกขามานา อุบาสกอุบาสิกา พากันท่องจำทรงไว้

    พระวินัยใครพอใจก็ให้ท่องไว้ ให้มีลำดับอายุ ๓ ระดับ
    อายุแก่
    อายุปานกลาง
    อายุยังน้อยยังหนุ่ม
    ใครพอใจพระสูตรก็เป็นหมู่พระสูตร
    ใครพอใจพระอภิธรรมก็เป็นหมู่พระอภิธรรม

    ๙ เดือนแล้วเสร็จ แล้วจากนั้นก็ส่งพระธรรมทูตไปในทิศต่างๆ ตำราเขากล่าวไว้ ๘ สาย แต่ที่จริงกระจายออกไปมากกว่านั้น

    ก่อสร้างวัดวาอารามนับได้ครบ ๘๔,๐๐๐ วัดแล้วก่อสร้างที่เก็บรักษาพระพุทธรูป พระสถูป พระเจดีย์ ให้กระจายไป แต่ละรายก็จัดให้ไปครบทั้ง ๓ หมู่

    ท่านอาจารย์ลี พระเจ้าอโศกมหาราช ผู้เป็นลุง จ่ายเงินออกไปจนหมดคลังหลวงบำรุงพระพุทธศาสนา หมู่เศรษฐี คหบดี สละทรัพย์เข้าคลังคงที่มาอีก

    เริ่มตั้งแต่นับ พ.ศ. มาเรื่อยมา มีพระเจ้าอโศกมหาราชองค์เดียวองค์นี้ล่ะที่ตั้งใจในพระศาสนา แต่ก่อนที่จะมาเป็นมหาราชธรรมได้ก็ใช้ดาบตัดคอคนจนนับมิได้

    เกิดตายว่ายเวียนมาจนถึงท่านอาจารย์ลี ธมฺมธโร วัดอโศการาม
    นั่นล่ะชีวิตของเพิ่นจึงได้เกี่ยวข้องกับพระธาตุของพุทธะ ของพระอรหันต์

    บาปฆ่าคนเหล่านั้น มาชีวิตนี้อายุสั้น ๕๕ ปี เพราะอานิสงส์ทำสงครามของเพิ่น….”

    ธรรมะประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม(วัดหนองน่อง) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    ๕ ตุลาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่าน

    -เกิดเป็นหลานขอ.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…อยู่ไปเพื่ออะไร ต้องการอะไร ความสุขล่ะเราได้ไหม ไม่ได้เพราะเราไม่เอาเอง พระพุทธเจ้าท่านบอกวิธีไว้หลายวิธี เราไม่ทำซะที อยากรวย รวยหรือยัง อายุมากแล้ว หรือจะเอาสวย ใกล้สวยเป็นนางสาวจักวาลหรือยัง มีแต่ไม้เท้า ๓ ขา ๔ ขา น่าเกลียดขึ้นทุกวัน

    พญามัจจุราชไม่เคยรอใคร ความตายไม่เคยบอกว่าวันไหน อย่าโอ้เอ้โลเล เสียเวลาที่ได้เป็นคน ไม่อบรมสร้างสมบารมี จะได้ มรรคผลยังไง เหมือนอยากกินข้าวไม่ปลูกข้าว จะได้กินยังไง ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า อาจชาตินี้ก็สำเร็จก็ได้ ให้ทำเสมอ ให้ทำเอา

    อย่าได้มีอกุศลในใจเหมือนสนิมกินเหล็ก ให้ขูดขัดเกลาจนเหลือแต่เหล็กขาวๆ เหมือนจิตใจขัดเกลาเข้าตามมุ่งมาดปรารถนา ก็จะขาวสะอาดได้ ให้รู้ว่าตนเองยังจน ยังไม่พอ ยังน้อย ไห้รีบทำ ให้รู้…”

    โอวาทธรรมคำสอน..
    องค์หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปัญโญ
    วัดใหม่บ้านตาล บ้านตาล ตำบลโคกสี
    อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร

    -ต้องกา.jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…พักภาวนาโปรดชาวกระเหรี่ยง…”

    “…ผู้ข้าฯ กลับมาพักบ้านแม่บ่อแก้ว ได้ไม่นานก็เข้าไปพักภาวนาอยู่บ้านของพวกชาวกระเหรี่ยง จำชื่อบ้านไม่ได้ บ้านบ่อแตน หรืออะไรนี่หล่ะ อยู่กับพวกกระเหรี่ยง หมู่บ้านนี้นานได้หลายเดือน เพราะบอกลาเขาวันใด เขาก็ไม่ยอมจะให้ไปไม่ยอมให้เราไปที่อื่น มาขอร้องให้เราอยู่ มาขอทั้งฮ้องทั้งไห้ มาทั้งเด็กหนุ่มสาวคนเฒ่าคนใหญ่ เป็นอยู่หลายครั้ง เราก็ใจอ่อนอยู่กับเขา พวกเขากลัวเราจะหนี ก็จัดเวรยามมาเฝ้า ตอนสาย ๆ ตอนเที่ยง ตอนบ่าย ตอนค่ำ วันหนึ่งมาเฝ้าดู ๔ รอบ

    ตอนเช้าเราไปบิณฑบาต พวกเขาใส่บาตรกันทุกหลังคาเรือน เต็มบาตรทุกวัน แต่วันแรกที่เราเข้าไปบิณฑบาตนั้น ทั้งเด็กน้อยคนใหญ่ คนเฒ่า วิ่งวุ่นหลบเข้าไปในบ้านในเรือนจนหมด เราก็ยืนนิ่งอยู่หน้าบ้าน เขาไม่ให้ก็ไปหลังใหม่ก็เป็นอย่างนั้นกันทั้งหมู่บ้าน หรือว่าเขาไม่เคยใส่บาตรทำบุญกับพระหรือว่าเขายังไม่คุ้นเคยกับเรา เดินไปจนสุดหมู่บ้าน กลับมาเขาก็ยังหลบตัวอยู่จะมีแต่คนผู้ชายหนุ่ม ๆ ถือดาบถือหอกถือหน้าไม้ ออกมายืนเป็นกลุ่มคอยสังเกตการณ์จับตามองเราอยู่ห่าง ๆ แต่ไม่ว่าอะไร ไม่เข้ามาทำอันตรายใด ๆ พวกเด็กน้อยเขาก็อยากดูอยากเห็นก็โผล่หน้าออกมาดูเรา บางคนก็ยิ้มให้เรา เราก็พยักหน้ายิ้มตอบ เขาก็หลบตัวเข้าไปแล้วโผล่หน้ามาอีก ไปบิณฑบาตวันแรกไม่ได้ข้าว ไม่ได้ฉันอะไร กลับมาฉันแต่น้ำแล้วนั่งภาวนา เดินจงกรมอยู่ แต่พวกกระเหรี่ยงเขาก็จัดคนให้มาสอดส่อง ดูลาดเลาท่าทีอยู่ เราก็รู้อยู่ แต่ก็ไม่สนใจเขา เดินจงกรมไปมา นั่งภาวนาหิวขึ้นมาก็ฉันน้ำเสียให้เต็มท้องก็พอทนอยู่ได้

    เช้าวันที่สองเราก็เข้าบิณฑบาตอีก เดินไปอย่างเดิม พวกเขาก็ยังกลัวอยู่ เหมือนเดิมก็ว่า เอ..วันนี้ทำอย่างไรหนอถึงจะได้ข้าวมาฉันหรือจะบอกจะสอนเขาอย่างไร คนดงคนป่าเหล่านี้ ความเมตตาสงสารมันรุกขึ้นในใจของเรา คนรู้แล้วพระพุทธเจ้าไม่สอนคนที่พระพุทธองค์สอนก็มาสอนคนไม่รู้นี้เอง เราก็เดินไปทุกหลังคาเรือน ได้หลังที่ห้า พอดีหลังนี้คนหุงข้าวเป็นเด็กสาวรุ่นอายุ ๑๕ – ๑๖ ปี กำลังดงข้าวอยู่พลิกหม้อข้าวมองเขาไปมาอยู่ หากจะลุกหนีหลบตัวก็ห่วงหม้อข้าว จึงเก้ๆ กังๆ อยู่แล้วทำท่าไม่เห็นเรา นั่งหันข้างหันหลังให้ เรานึกในใจว่า “ พระพุทธเจ้าคงจะไม่ปล่อยให้ลูกศิษย์สาวกของพระองค์ลำบากเกินไป ”

    อีสาวน้อยคนนั้นเขาดงหม้อข้าวอยู่จนแล้วเสร็จแล้ว เขาก็หันหน้ามาดูเราว่า ทำไมไม่ไปสักที หรือจะหันหน้ามาดูเราให้ชัด ๆ ก็เป็นได้ เราก็ได้จังหวะเปิดฝาบาตรออก เอามือชี้ไปที่หม้อข้าว แล้วชี้ลงที่บาตรของเรา แล้วทำทางกิริยาการกินให้เขาดู อีสาวน้อยคนนั้นก็เข้าใจ วางหม้อข้าวเดินไปหยิบช้อนตักข้าว กลับมายกหม้อข้าวมาตักข้าวใส่บาตรให้ ผู้ข้าฯ ก็รับเพียง ๓ ทัพพีแล้วปิดบาตร ตัวเขาก็หยุดใส่ เราก็พยักหน้าให้แล้วเดินต่อไปเรือนหลังใหม่

    อีสาวน้อยคนนั้นมันก็ร้องบอกเป็นภาษาของเขา ทีนี้เขาก็พอรู้กันได้ว่ามาขอบิณฑบาตข้าวสุก ก็มีออกมาใส่บาตรบ้างนับได้ ๕ คนที่ใส่บาตรข้าวเปล่าให้ กลับไปที่พักก็ฉันจนหมด วันที่สองนั้นได้ฉันแต่ข้าวกับน้ำแท้ ๆ วันที่สามก็ไปอีก พอดีวันนี้โยมผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านที่พอพูดภาษาเมืองได้บ้าง เข้าใจได้บ้าง และตัวเขาเองก็เคยเห็นพระมาก่อน จึงได้เข้ามาพูดคุย เราก็อธิบายให้ฟังจนเข้าใจกันได้ดี โยมผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านก็เคาะเกราะไม้รัวๆ ๓ ยก สักพักผู้ใหญ่ เด็กน้อย คนเฒ่า ต่างคนต่างก็มา ถืออาวุธมาอย่างในวันแรก มากันมากแล้วผู้เป็นหัวหน้าจึงได้บอกลูกบ้านญาติพี่น้องของเขาว่า

    “ ท่านเป็นพระมาขอบิณฑบาตข้าวพร้อมกับข้าว สุดแท้แต่ใครมีอันใด ขอให้ใส่บาตรถวายท่านได้ แต่ต้องของที่สุกแล้วด้วยไฟ ”

    โยมผู้เป็นหัวหน้า ก็เอาข้าวสุกกับอาหารมาใส่ให้ดู จากนั้นพวกเขาก็รีบด่วนกลับไปเรือนแล้ว เตรียมของจังหันใส่บาตร วันที่สามนี้ทั้งข้าวทั้งกับเต็มบาตร จนต้องได้ใส่ฝาบาตร ขากลับคืนผ่านบ้านของผู้เป็นหัวหน้านั้นจึงได้บอกว่า อาหารมากมายนี้อาตมาฉันไม่หมดหรอก ขอให้โยมกับชาวบ้าน ๓ – ๔ คน ตามออกไปด้วย ไม่ใช่อยากให้ตามไปหรือไม่ใช่ว่าเราจะห่วงอาหาร แต่เป็นอุบายที่จะชักจูงพวกเขาต่างหาก พวกเขาก็ถือหม้อออกไปด้วย เราก็ฉันจนอิ่ม ฉันให้เขาดู ทำกิริยาให้เขาดู บางอย่างเขาก็ถามเราก็อธิบายให้ฟัง การกิน การอยู่ การหลับนอน การอาบน้ำ กิจวัตรข้อวัตร

    เมื่อพวกเขาเข้าใจแล้ว วันต่อมาก็หลายคนขึ้นมามากขึ้น ๆ ก็อาศัยโยมผู้เป็นหัวหน้านั้นเป็นล่ามแปล และผู้ข้าฯ ก็เรียนภาษากับพวกเขาด้วย ความเคารพรัก ความเลื่อมศรัทธาก็มากขึ้นทุกวันในใจของพวกเขา แต่เรื่องที่พักเสนาสนะนั้นเขาทำร้านที่พักให้อย่างดี ป้องกันอันตรายจากสัตว์ร้ายได้ อุขังน้ำ ที่ตักน้ำ ถ้วยชาม หม้อต้มน้ำ เขาจัดหามาให้ พวกคนหนุ่มคนสาว มีอีสาวน้อยคนนั้นเป็นหัวหน้าหมู่พากันมาส่งจังหันทุกวัน ขณะที่เรานั่งฉันอยู่นั้น เขาก็จะจับต่อกันเป็นวงกลมแล้วร้องรำไปด้วย เต้นรำไปด้วย ทำอยู่อย่างนั้นทุกวัน

    เล่นรำอยู่ประมาณสัก ๕ นาทีแล้วก็กราบไหว้แล้วนั่งรออยู่ ก่อนเราฉัน เราจัดอาหารแล้ว เขาก็พากันมาดูบาตรเรา เราก็ผลักบาตรออกไปให้เขาดู พอฉันแล้วเขาก็มาดูบาตรเราอีก การขบฉันของเราก็วันมากบ้างน้อยบ้าง ตามแต่ธาตุขันธ์ร่างกายต้องการ แต่เรื่องอาหารการอยู่กิน มีเหลือล้นทุกวัน น้ำพริกผักลวก เนื้อย่าง ปลาปิ้ง พวกแกงป่า แกงเลียง อาหารการขบฉันก็ถือว่าได้สัปปายะ สะดวกสบายไม่อดไม่หิว นาน ๆ ก็จะได้ฉันอาหารทางเวียงทางเมือง เช่น พวกปลาทูเค็ม แค๊บหมู หากช่วงใดโยมผู้เป็นหัวหน้านั้น เอาของป่าลงไปขายก็จะได้อาหารในเมืองข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ขึ้นมาแลกเปลี่ยนกันใช้สอย แบ่งปันกันกินภายในหมู่บ้าน ๑๖ หลังคาเรือนของพวกเขา ที่อยู่ก็สบาย ใกล้ห้วยน้ำ

    พวกผู้คนเขาก็ไม่มารบกวนอะไรเรา มาเฝ้าดูว่าเรายังอยู่เท่านั้น เขาก็กลับไป เราก็บอกสอนเขา พวกผู้หญิงอยากมาหาต้องให้มีผู้ชายมาด้วย แปลกอยู่อย่างของเขา คือ เขาจะให้ทานอะไร ได้ทานอะไรแล้ว ได้มาทำอะไรให้แล้ว หากเราไม่ปันศีลปันพรให้เขาจะไม่ยอมลุกจากไป ต้องได้รับพรเสียก่อน

    มันเรื่องลำบากใจแท้นั้นตอนที่ลาพวกเขาออกมา เพราะทนอากาศหนาวไม่ไหว กลางวันพอทนอยู่ได้ แต่พอค่ำเท่านั้นอากาศเย็นเยียบเข้ากระดูกเลยก็ว่าได้ จุดไฟไว้หากไฟมอดอ่อนเปลวลงยามใดก็ต้องเย็นหนาว กลางคืนนี่ไฟต้องลุกอยู่ตลอด จึงจะพออยู่ได้ ลำบากเรื่องหนาวนี้เอง จึงลาพวกเขาออกมา แต่พวกเขาไม่ยอม….”

    ธรรมประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ ผู้มากมีบุญ : กลับเมืองเหนือเครือคร่าววัยธรรม

    วัดป่าวิเวกวัฒนาราม (วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    ๕ ตุลาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่าน

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...