ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…ตื่นเช้าขึ้นมาให้ถามตัวเองเลยว่า…. วันนี้จะเอาบุญ หรือวันนี้จะเอาบาป…” จะให้อันใดมากกว่ากัน บุญมากกว่าหรือบาปมากกว่า บุญมากก็ได้สุข บาปมากก็ได้ทุกข์ เดี๋ยวนี้ จิตของเรานี้ มันยังถือบุญถือบาปอยู่ เพราะตนยังเกี่ยวข้องกับทุกข์บ้างสุขบ้าง แต่สุขนั้นใจชอบ ทุกข์ประการใด ๆ กลับไม่มีใครชอบไม่มีใครยินดี แต่เป็นอันต้องมีอยู่ เป็นอยู่ เสวยอยู่…”

    มหาปุญโญวาท หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    .. แจ้งอาการอาพาธหลวงปู่ฯประจำวันเสาร์ที่10กุมภาพันธ์2561

    ..ตลอดคืนที่ผ่านมาจนถึง 11.00 น. วันนี้ พักธาตุขันธ์ได้ดี ความดันปกติ
    อาการน้ำท่วมปอดหมดไป
    ไม่มีเสมหะ ปากแห้งนิดหน่อย แพทย์ได้ลดระดับยาระงับปวดลง ไม่มีเวทนา

    หลับครั้งละประมาณ 5-6 ชั่วโมง ไม่มีไข้ การหายใจปกติ 14-16 / นาที มีการตอบสนองได้บ้าง อาการโดยรวมทรงตัว..

    .jpg
    ..แจ้งอาการอาพาธหลวงปู่ฯประจำวันเสาร์ที่10กุมภาพันธ์2561
    ..ตลอดคืนที่ผ่านมาจนถึง 11.00 น. วันนี้ พักธาตุขันธ์ได้ดี ความดันปกติ
    อาการน้ำท่วมปอดหมดไป
    ไม่มีเสมหะ ปากแห้งนิดหน่อย แพทย์ได้ลดระดับยาระงับปวดลง ไม่มีเวทนา
    หลับครั้งละประมาณ 5-6 ชั่วโมง ไม่มีไข้ การหายใจปกติ 14-16 / นาที มีการตอบสนองได้บ้าง อาการโดยรวมทรงตัว..

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    -ฝรั่งสวดบทโพชฌัง.jpg

    สาธุๆๆ ฝรั่งสวดบทโพชฌังคปริตรทำนองสรภัญญะไพเราะมาก บางคนสวดได้โดยไม่ต้องดูหนังสือเลย
    Cr : วัดมหาธาตุสหราชอณาจักร เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษฟังชาวอังกฤษ
    สวดโพชฌงคปริตร 1f64f.png 1f60a.png

    Cr : วัดมหาธาตุสหราชอณาจักร
    เมือง แมนเชสเตอร์

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เมื่อสมเด็จโต ถูกขับไล่ออกจากพระราชอาณาจักร

    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างในหลวงกับสมเด็จโต ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๓ และ รัชกาลที่ ๔

    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) หรือที่ชาวบ้านที่นิยมเรียกว่า หลวงพ่อโต นั้น ท่านเป็นผู้ไม่ปรารถนายศศักดิ์ แม้จะเชี่ยวชาญทางพระปริยัติธรรม แต่ก็ไม่ยอมเข้าสอบเพื่อเป็นเปรียญ

    เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ จะทรงตั้งท่านเป็นพระราชาคณะ ท่านก็ทูลขอตัว ว่ากันว่าท่านเกรงว่าจะได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ จึงมักธุดงค์หลีกเร้นไปยังจังหวัดห่างไกลเนืองๆ

    ครั้นถึง สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ อาจเป็นเพราะหลวงพ่อโตมีอายุมากแล้ว จึงไม่ขัดข้องที่จะรับพระราชทานสมณศักดิ์จากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

    ในชั่วเวลาไม่ถึง ๑๕ ปีท่านได้รับเลื่อนเป็นถึงสมเด็จพระพุฒาจารย์ ซึ่งเป็นพระราชาคณะชั้นสูง แต่แม้กระนั้นท่านก็ยังดำรงตนเป็นพระธรรมดาสามัญ

    ลักษณะพิเศษของท่าน นอกเหนือจากความสันโดษและไม่ถือยศถืออย่าง ก็คือความกล้าหาญ ท่านไม่เพียงสอนธรรมแก่ชาวบ้านเท่านั้น หากยังกล้าตักเตือนพระมหากษัตริย์ โดยไม่กลัวว่าจะทรงกริ้วหรือไม่โปรดปราน

    คราวหนึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จงานลอยกระทงหลวง ขณะที่ทรงประทับที่ตำหนักแพ พร้อมด้วยฝ่ายในเป็นอันมาก ก็ทอดพระเนตรเห็นสมเด็จโตแจวเรือข้ามฟากมา

    เจ้ากรมเรือต้องไปขวางเอาไว้ ครั้นพระเจ้าอยู่หัวรู้ว่าเป็นเรือของสมเด็จโต ก็รับสั่งถามว่าจะไปไหน สมเด็จฯ ตอบว่าตั้งใจมาเฝ้า

    “ทำไมเป็นถึงสมเด็จเจ้าแล้ว ต้องแจวเรือเอง เสียเกียรติยศแผ่นดิน”

    สมเด็จโตตอบว่า “ขอถวายพระพร อาตมภาพทราบว่าเจ้าชีวิตเสวยน้ำเหล้า สมเด็จก็ต้องแจวเรือ”

    พระองค์พอได้ฟังเช่นนั้น ก็ได้สติ ตรัสว่า “อ้อ จริง จริง การกินเหล้าเป็นโทษ เป็นมูลเหตุให้เสื่อมเสียเกียรติยศแผ่นดินใหญ่โตทีเดียว ตั้งแต่วันนี้ไป โยมจะถวายพระคุณเจ้า จักไม่กินเหล้าอีกแล้ว”

    อีกคราวหนึ่งท่านจุดไต้เข้าไปในพระราชวังเวลากลางวันแสกๆ แล้วเอาไต้นั้นทิ่มกำแพงวังจนดับก่อนกลับวัด พระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรเห็น ตรัสว่า “ขรัวโตเขารู้แล้วๆๆ”

    เรื่องของเรื่องก็คือสมเด็จโตวิตกว่า พระเจ้าอยู่หัวจะทรงหมกมุ่นมัวเมาในกามคุณมากเกินไป จึงทำอุบายถือไต้เข้าไปในพระราชวังกลางวัน ประหนึ่งว่าในพระราชฐานนั้นกำลังมืดมิดดังกลางคืน

    มีอีกหลายครั้งที่สมเด็จโตกล้าขัดพระราชหฤทัย คราวหนึ่งสมเด็จโตได้ถวายเทศน์ในพระราชฐาน ๓ วันติดต่อกัน บังเอิญวันที่ ๒ นั้นพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์จะทรงสดับแต่พอสังเขป

    ด้วยมีพระราชกิจอย่างอื่น (นัยว่าเจ้าจอมจะประสูติ) แต่หาได้ตรัสอย่างใดไม่ ปรากฏว่าสมเด็จโตถวายพระธรรมเทศนาอย่างยืดยาว

    ครั้นวันต่อมา พอสมเด็จโตตั้งนโมเสร็จ ท่านก็กล่าวสั้นๆ ว่า พระธรรมเทศนาหมวดใดๆ มหาบพิตรก็ทราบหมดแล้ว เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ แล้วก็ลงธรรมาสน์

    พระเจ้าอยู่หัวจึงตรัสถามว่าเหตุใดวันก่อนจึงถวายเทศน์มาก วันนี้กลับถวายน้อย สมเด็จโตถวายพระพรว่า “เมื่อวานนี้มหาบพิตรมีพระราชหฤทัยขุ่นมัว

    จะทำให้หายขุ่นมัวได้ด้วยทรงสดับพระธรรมเทศนาให้มาก วันนี้มีพระราชหฤทัยผ่องใส จะไม่ทรงสดับก็ได้”

    อนึ่งจรรยาอาการของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พระองค์นี้ ประพฤติอ่อนน้อมยำเกรงผู้ใหญ่ และพระสงฆ์ ถ้าแบกพระคัมภีร์เรียน สามเณรแบกคัมภีร์เรียน หากท่านไปพบกลางถนนหนทาง ท่านเป็นต้องหมอบก้มลงเคารพ

    ถ้าพระเณรไม่ทันพิจารณา สำคัญว่าท่านก้มตนเคารพตน และก้มตอบเคารพตอบท่าน ทีนั้นเถอะไม่ต้องไปกัน ต่างคนต่างหมอบกันแต้อยู่นั่นเอง

    มีครั้งหนึ่ง พระเจ้าอยู่หัวทรงกริ้วสมเด็จโตมาก เพราะสมเด็จโตถวายเทศน์พาดพิงสยามประเทศ เกี่ยวกับเมืองกบิลพัสดุ์ว่า

    เมื่อตั้งกรุงกบิลพัสดุ์แล้ว จึงนำบุตรกษัตริย์ในวงศ์เดียวกันมาเสก แต่กษัตริย์องค์แรกได้นำพระขนิษฐานารีมาอภิเษก ตามลัทธิคติของพวกพราหมณ์ที่พากันนิยมว่าแต่งงานกันเองไม่เสียวงศ์ จนเป็นโลกยบัญญัติสืบมาช้านาน

    จนถึงกษัตริย์โอกากะวงศ์รัชกาลที่ ๑ รวมพี่น้อง ๗ องค์ เจ้าชาย ๓ เจ้าหญิง ๓ ออกจากเมืองพระราชบิดามาตั้งเป็นราชธานี ขนานนามว่ากรุงกบิลพัสดุ์ ตามบัญญัติของกบิลฤๅษี

    ต่อนี้ไปก็แต่งงานราชาภิเษก พี่เอาน้อง น้องเอาพี่ เอากันเรื่อยไม่ว่ากัน เห็นตามพราหมณ์เขาถือมั่นว่าอะสมภินนะวงศ์ ไม่แตกพี่แตกน้อง แน่นแฟ้นดี บริสุทธิ์ไม่เจือไพร่

    คราวนี้เลียนแบบอย่างมาถึงประเทศใกล้เคียงมัชฌิมประเทศก็พลอยเอาอย่างกันสืบๆ มา จนถึงสยามประเทศก็เอาอย่าง เอาพี่เอาน้องขึ้นราชาภิเษกและสมรสกันเป็นธรรมเนียมมา

    เหตุเพราะสมเด็จโตถวายเทศน์เกี่ยวกับเมืองกบิลพัสดุ์ว่า พี่เสกน้อง น้องเอาพี่ เอากันเรื่อยมาไม่ว่ากัน

    เพราะถือว่าบริสุทธิ์ไม่เจือไพร่ จนถึงประเทศสยามก็เอาอย่าง เอาพี่เอาน้อง ขึ้นราชาภิเษกแล้วก็สมรสกันเป็นธรรมเนียมมา

    พระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงพอพระราชหฤทัย ไล่ลงธรรมาสน์ ตรัสว่า “ไป ไป ไป ไปให้พ้นพระราชอาณาจักร ไม่ให้อยู่ในดินแดนของฟ้า ไปให้พ้น” สมเด็จโตออกจากวังแล้วกลับวัดระฆัง เข้าไปนอนในโบสถ์ ไม่ออกมา บิณฑบาตในโบสถ์ ไม่ลงดิน

    ครันพระเจ้าอยู่หัวเสด็จถวายพระกฐินวัดระฆัง พบสมเด็จโต ก็รับสั่งว่า “อ้าวไล่แล้ว ไม่ให้อยู่ในราชอาณาจักร ทำไมยังขืนอยู่”

    “ขอถวายพระพร อาตมภาพไม่ได้อยู่ในพระราชอาณาจักร อาศัยอยู่ในพุทธจักร ตั้งแต่วันมีพระราชโองการ ไม่ได้ลงดินของมหาบพิตรเลย”

    “ก็กินข้าวที่ไหน ไปถานที่ไหน”

    “ขอถวายพระพร บิณฑบาตบนโบสถ์นี้ ถานในกระโถน เทวดาเป็นคนนำไปลอยน้ำ”

    “โบสถ์นี้ไม่ใช่อาณาจักรสยามหรือ”

    “โบสถ์เป็นวิสุงคาม เป็นส่วนหนึ่งจากพระราชอาณาจักร กษัตริย์ไม่มีอำนาจขับไล่ได้ ขอถวายพระพร”

    “ขอโทษๆ” แล้วทรงถวายกฐิน รับสั่งใหม่ว่าให้สมเด็จโตอยู่ในสยามประเทศได้

    โบสถ์เป็นของพระพุทธเจ้าฉันใด สมเด็จโตก็ถือว่าท่านเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าฉันนั้น หาใช่พระของในหลวงไม่ แม้ท่านจะเป็นพระราชาคณะก็ตาม

    ด้วยเหตุนี้ท่านจึงกล้าเตือนพระเจ้าอยู่หัวได้อย่างไม่หวั่นเกรงภัยใดๆ ทั้งนี้ด้วยกรุณาและปัญญาของท่านเป็นสำคัญ

    -ถูกขับไล่.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    1f33b.png “ทางเส้นเค้าอย่ากวดหนามปก อย่าไปเทียวทางฮกป่าดงเสือฮ้าย เสือบายเจ้าบ่มีผู้ซ่อย บัดห่าจ่อย บ่มีผู้ซ้ำบ่แล”

    “ทางเส้นเค้าอย่ากวดหนามปก”

    1f33c.png อย่าทําไม่ดีกับพ่อแม่ ให้เชื่อฟัง กตัญญูรู้คุณ และหมั่นทําบุญ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเพื่อจะได้ส่งผลบุญนี้ ไปใช้หนี้สินบิดามารดา

    “อย่าไปเทียวทางฮกป่าดงเสือฮ้าย”

    1f33c.png เตือนเรื่องการคบมิตร คนไม่ดีนั้นเปรียบได้เหมือนกับเสือ

    “เสือบายเจ้าบ่มีผู้ซ่อย บัดห่าจ่อย บ่มีผู้ซ้ำบ่แล”

    1f33c.png เมื่อคบคนไม่ดีแล้ว ก็จะนําพาเราไปในทางที่ไม่ดีด้วย ไม่มีใครช่วยเราได้ นอกจากตัวเอง

    หลวงปู่บุญมี โชติปาโล
    วัดสระประสานสุข จ.อุบลราชธานี

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    1f33c.png ”ท่านเปลี่ยนเกิดตายในชาติเป็นฤาษีกับเรามาหลายชาติ ในแต่ละชาติเราก็เป็นอาจารย์ของท่านเปลี่ยน เป็นฤาษีอยู่เมืองยอนพม่าก็เป็นมาด้วยกัน เป็นฤาษีอยู่ภูหลวงเมืองเลยก็เป็นมาด้วยกัน”

    1f33c.png ”ท่านเปลี่ยนเก่งเรื่องกสิณไฟ อำนาจจิตแฮงหลาย พิษพญานาคกะบ่สู้อำนาจจิตท่านเปลี่ยน”

    กล่าวโดย: หลวงปู่ชอบ ฐานสโม

    พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
    วัดอรัญญวิเวก จ.เชียงใหม่

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “ทำไมเกิดมาไม่เหมือนกันล่ะ
    ไม่เหมือนกันคือ ความประพฤติ
    ผู้นี้เขาประพฤติดี
    เขามีการรักษาศีล
    มีการให้ทาน
    มีการสดับรับฟัง
    เขาจึงมีปัญญาดี
    มีการศึกษาเล่าเรียนดี
    อยู่ไหนก็มีแต่กรรมดี”

    – หลวงปู่ขาว อนาลโย

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ดับความโกรธด้วยพลังแห่งความเมตตาและสติ
    เมื่อใจกำลังจะร้อนด้วยความโกรธ
    เพราะการกระทำคำพูดของใครคนใดคนหนึ่งผู้มุ่งมั่นอบรม “เมตตา” ให้เกิดในใจตน จะสามารถหยุดความโกรธได้อย่างไม่ยากจนเกินไปนัก
    เพียงด้วยความมี “สติ”

    สมเด็จพระญาณสังวร
    สมเด็จพระสังฆราช

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…มันต่างกันนะคนมีบุญกับคนมีบาป คนมีบาปคิดถึงเรื่องตายไม่ได้ ไม่ให้คิดไม่ให้พูดถึงทั้ง ๆ ที่เจ้าของก็จะตายอยู่นั่นแหละหากไม่ให้พูดถึง พอพูดถึงมันเป็นไฟขึ้นมาทันทีในหัวใจ อย่างนี้แล้วยังไงก็แน่นอนที่จะจม พลิกตัวใหม่แก้ไขตัวใหม่ สร้างตัวให้เป็นคนดี สร้างคุณงามความดีด้วยการให้ทาน การรักษาศีล การภาวนาละชั่วทำดีไปโดยลำดับลำดา นี่เรียกว่าแก้ตัวเอง ทีนี้มาระลึกดูอีกความตายของเราเป็นยังไง ถ้ามันยังเดือดร้อนอยู่อีก เอาอีกเอาไม่ถอยความดีสร้างไม่ถอย
    .
    แล้วมาคำนวณอีกมาวัดมาตวงดู ถ้ามันยังมีความเดือดร้อนในเรื่องความตายอีก เอาอีก สร้างความดีให้พอ พอย้อนมาคิดทีนี้ เอาละที่นี่พอคิดถึงเรื่องความตาย ที่เกาะมีพร้อมแล้ว ที่ยึดมีพร้อมแล้ว สมมุติว่าอันนี้ขาดจับอันนี้ปุ๊บ อันนี้พังจับอันนี้ปุ๊บ มีที่ยึดที่จับ ร่างกายพังจับบุญจับกุศลปุ๊บ อบอุ่นที่นี่ เมื่ออบอุ่นแล้วทีนี้ก็สร้างความดีเรื่อยไป ยิ่งอบอุ่น ระลึกถึงความตายทั้งวันยิ่งสร้างความดีขึ้นทั้งวัน สร้างสติสตังขึ้นทั้งวันภายในจิตใจ ความตายที่เคยเป็นภัยต่อตนเองกลับมาเป็นบุญเป็นคุณไปแล้วที่นี่ เย็นไปหมดเลย…”

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๓๗

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    รู้จิตของเราที่มันคิดมันนึกอยู่นี้ มันคิดนึกทั้งหมดเกิดขึ้นมาในใจของเรานี้แหละ

    จะดีหรือชั่ว จะถูกหรือผิด รับรู้มันไว้ อย่าไปหมายมั่นมัน เออ…ทุกข์มันก็เท่านั้นแหละ สุขมันก็เท่านั้นแหละ มันเป็นของหลอกลวงทั้งนั้นแหละ เรายืนตัวอยู่เช่นนี้เลย ยืนตัวอยู่เสมอเช่นนี้ ไม่วิ่งไปกับมัน ไม่วิ่งกับสุข ไม่วิ่งกับทุกข์ รู้อยู่ รู้แล้วก็วาง อันนี้ปัญญาจะเกิด ทวนจิตเข้าไปเรื่อยๆ

    เวลาเรามีไม่มาก เรามาฝึกจิตก็ต้องดูจิต ดูอาการของจิต ลองดูจิต ให้เห็นจิตเรา อย่าไปยึดมั่นถือมั่น
    ถือมั่นก็เห็นสุขเป็นของจริง สุขเป็นเรา สุขเป็นของเรา ทุกข์เป็นเรา ทุกข์เป็นของเรา มันคิดเช่นนี้

    แต่ความเป็นจริงนี้ สุขสักแต่ว่าสุข ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา ไม่ใช่สัตว์บุคคล ตัวตนเราเขา ทุกข์นี้ก็ไม่ใช่เราไม่ใช่เขา ตัวคนที่รู้ทุกข์หรือสุขนี้ ก็ไม่ใช่เราไม่ใช่เขา

    ถ้าเราเห็นเช่นนี้ ก็ไม่มีอะไรจะเกาะ เกิดสุขขึ้นมา สุขก็เกาะเราไม่ได้ เกิดทุกข์ขึ้นมา ทุกข์ก็เกาะเราไม่ได้
    ทำไมไม่ได้ เพราะว่ามันไม่แน่ เป็นของปลอมทั้งนั้น
    เป็นของไม่แน่นอน

    ถ้าเราคิดเช่นนี้ จะภาวนาได้เร็ว จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน จะไป จะมา ทุกอย่างจิตกำหนดอยู่เสมอ ให้รู้อารมณ์มันเข้ามา ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นลิ้มรส อะไรต่างๆ นี้ มันจะเกิดความชอบไม่ชอบขึ้นมาทันที มันจะเกิดสุข เกิดทุกข์ขึ้นมาทันที

    อันนี้เราเรียกว่าอ่านดูจิต มันจะเห็นจิต เพราะมันเกิดจากจิตดวงเดียวเท่านี้ มันจะให้สุขมันให้ทุกข์ ทุกอย่างเกิดจากจิต ถ้าเราตามดูจิตของเราอยู่เช่นนี้ มันจะเห็นกิเลส มันจะเห็นจิตของเราสม่ำเสมอเลยทีเดียว อันนี้แหละคือการภาวนา

    หลวงปู่ชา สุภัทโท

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ึงพ่อแม่จะเป็นมิจฉาทิฐิ_ลูกก็ต้องกตัญญูรู้คุณ พ่อแม่ถึงจะเป็นขี้เหล้าเมายา เล่นการพนัน เป็นนักเลงโต ศักดิ์ศรีความเป็นพ่อเป็นแม่ ก็ยังมีอยู่โดยสมบูรณ์ ไม่ขาดตกบกพร่อง
    (คติธรรม หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)

    1518353946_572_ถึงพ่อแม่จะเป็นมิจฉาทิ.jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เมตตาเล่าเรื่องของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต…”

    หลวงปู่เทสก์ฯ เล่าให้อาตมา(พระครูอุดมสังวรญาณ)ฟังว่า มีโยมนำแตงโมมาถวายท่านพระอาจารย์มั่น ท่านบอกเขาว่า “ท่านไม่รับ” โยมก็คะยั้นคะยอ “ทำไมถึงไม่รับ” ท่านพระอาจารย์มั่นฯ บอกว่า “ของไม่บริสุทธิ์” โยมเขาก็ชักสงสัยที่ท่านพูดอย่างนั้นว่าของไม่บริสุทธิ์ ก็เราเก็บมาจากไร่ของเราเอง ผลที่สุดจึงได้ไปดูที่ไร่ของตนปรากฏว่าเถาแตงโมมันเลื้อยมาจากไร่ของคนอื่น นี้คือประสบการณ์ที่หลวงปู่เทสก์เล่าให้ฟัง

    หลวงปู่เทสก์ฯ ไปอยู่เชียงใหม่กับท่านพระอาจารย์มั่น นี้ หลวงปู่เทสก์ เล่าอีกเรื่องว่า ท่านพระอาจารย์มั่น มาพักปฏิบัติธรรมแถวเชียงใหม่ มีชาวเขาเผ่าอะไรไม่ทราบ ขณะที่ท่านเดินจงกรมไปมาอยู่นั้น พวกชาวเขามาเห็นพระอาจารย์มั่น แล้วถามท่านว่า “ตุ๊เจ้าหาอะไร” ท่านตอบเขาว่าหา “พุทโธ” เขาบอกท่านว่า “จะช่วยท่านหาพุทโธ” ท่านก็เลยแนะนำอย่างนี้ๆ ชาวเขาผู้นั้นเป็นผู้ใหญ่บ้านของเผ่านั้นๆ พอมาหาพุทโธ ปรากฏว่าผู้ใหญ่คนนั้นเกิดความสงบ มีความสว่างไปทั่วป่า เขาเห็นพุทโธ ได้พุทโธแล้วก็ดีอกดีใจ ชวนลูกบ้านในเผ่ามาหาพุทโธ ซึ่งไม่รู้ภาษากันน่ะ แต่ท่านพระอาจารย์มั่นก็สามารถให้ชาวเขาเผ่านั้นรู้จักธรรมได้

    อีกเรื่องหนึ่งที่หลวงปู่เทสก์ท่านเล่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่เหมือนกัน แต่ท่านไม่ทราบสถานที่ใด ท่านพระอาจารย์มั่นเล่าว่า “ตรงนั้นภาวนาดีเหลือเกิน จะนั่งจะพิจารณาอะไรก็ดูสว่างไสวไปหมด” แล้วท่านก็พิจารณา “สถานที่นี้เกี่ยวข้องอะไรกับเรา” ก็ปรากฏขึ้นมาในจิต ท่านเล่าให้หลวงปู่เทสก์ฟังว่า “แต่ก่อนเราเคยเป็นหมูป่า เป็นหมูป่าถูกนายพรานยิงและก็มาตายตรงนี้” หลวงปู่เทสก์ท่านก็ช่างจำ ได้กราบเรียนถามท่านพระอาจารย์มั่นหลายเรื่อง ท่านก็จะเล่าให้หลวงปู่เทสก์ฟังเสมอ

    มีสามเณรองค์หนึ่งมาจากอุบลราชธานี จำชื่อสามเณรไม่ได้ ตั้งใจมาปฏิบัติ ได้ยินข่าวว่าท่านพระอาจารย์มั่นเป็นพระอรหันต์ อยากไปปฏิบัติกับท่าน พอไปถึงแล้วท่านพระอาจารย์มั่น คงรู้ในจิต ท่านก็เลยรับสามเณรไว้ คราวนี้สามเณรได้ไปปฏิบัติไปนวดท่านพระอาจารย์มั่น ท่านก็หลับไป สามเณรก็คิดไปว่า “เอ! พระอรหันต์ ทำไมนวดอยู่ก็ยังหลับ” ท่านก็สวนขึ้นทันที “เออ เณร พระอรหันต์ไม่หลับหรอก” แสดงว่าท่านรู้วาระจิตสามเณร “พระอรหันต์ไม่หลับหรอก หลับแต่ธาตุขันธ์เท่านั้นเอง” ตอนนั้นหลวงปู่เทสก์มีความรู้สึกว่า “อยากเป็นพระอรหันต์บ้าง ได้มาปฏิบัติกับท่านพระอาจารย์มั่น เราคิดอะไร ท่านก็รู้ แล้วนำมาเทศน์ และก็ตรงกับที่เราคิดทุกครั้ง”

    อย่างเรื่องเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ที่วัดบรมนิวาส ซึ่งท่านพระอาจารย์มั่นมีความเคารพท่านเจ้าคุณอุบาลีฯมาก คราวหนึ่ง ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯคิดเรื่องข้อธรรม อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน และคิดเรื่องอนัตตา ท่านคิดพิจารณาอยู่ตั้งดึก คิดแล้วท่านก็ค้นหนังสือคำที่ว่านี้ ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ ค้นหนังสือและคิดอยู่ที่วัดบรมนิวาส ต่อมาเมื่อท่านพระอาจารย์มั่นลงมาที่วัดพระบรมนิวาส ได้เรียนถามเจ้าคุณอุบาลีฯว่า “ท่านเจ้าคุณสงสัยเรื่องอะไร? เมื่อคืนนั้น… ท่านเจ้าคุณค้นเรื่องนั้นๆ… หน้านั้นๆ… ใช่ไหม?” ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯตอบว่า “ท่านมั่นนี้แน่จริงๆนะ” นี้คือเรื่องที่หลวงปู่เทสก์เล่าให้อาตมาฟังต่อว่า “ผู้ใหญ่ท่านคุยกัน ปราชญ์ท่านคุยกันอย่างนี้แหละ”

    นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งหลวงปู่เทสก์เท่านั้นที่บางเรื่องท่านสามารถแย้งความเห็นกับท่านพระอาจารย์มั่นได้ ท่านมีความเห็นอะไรท่านก็พูดตรงๆ ท่านพระอาจารย์มั่นบอกว่า “ท่านเทสก์น่ะดื้อ เพราะเคยเป็นหลานท่านมาก่อน (ในอดีตชาติ) เคยเป็นทหาร ไม่ยอมใครง่ายๆ…”

    ที่มาจากหนังสือบูรพาจารย์

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -เทสรังสี-เ.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…ให้รู้ทันความอยากคือกิเลส มักหาเหตุเข้าข้างขวางบุญนั่น
    ในบางครั้งหลอกว่าเป็นบุญพลัน รู้เท่าทันกิเลสพ้นเพทภัย…”

    โอวาทธรรมหลวงปู่อว้าน เขมโก

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…ปรารภเรื่องอื่นคือไปอีก โรงครัวหุงต้มฉันในวัดเป็นนิจวัตรก็ดี หลวงปู่มั่นไม่ส่งเสริมเลย เว้นไว้แต่บิณฑบาตไม่พอฉันจริง ๆ จัง ๆ จนใช้คำว่า อดมาก หิวมาก องค์ท่านอ้างในอนุศาสน์ว่า ไปบิณฑบาตได้แต่ข้าว พระวินัยก็ชมว่า อติเรกลาโภ อยู่ ถือว่ามีลาภพอที่จะศึกษาและปฏิบัติให้เป็นไปในพระพุทธศาสนาได้อยู่ ฝ่ายจีวรได้แต่ผ้าฝ้าย ผ้าเปลือกไม้ก็ถือว่าเป็นลาภอยู่แล้ว ฝ่ายเสนาสนะก็เรือนร้างว่างเปล่า รุกขมูลลอมฟาง เงื้อมหินหรือถ้ำคูหา หรือกุฏิ ปราสาทกระต๊อบใบไม้เหล่านี้เป็นต้น ก็ถือว่าเป็นลาภแล้ว ส่วนจำพรรษาต้องมีบานประตูปิดเปิดเข้าออกได้ จะเป็นใบตองก็ใช้ได้ทั้งนั้น ถือว่าเป็นลาภทั้งนั้น ส่วนเภสัช นับแต่ขามป้อมหรือสมอดองด้วยน้ำมูตรเน่าเป็นต้น ก็ถือว่าเป็นลาภทางเภสัชแล้ว

    ถ้าพิจารณาแล้ว แต่ก่อนรักสันโดษมากนัก ยอมเป็น ยอมตายต่อพระธรรมวินัยมาก เป็นเครื่องขัดเกลากิเลสในตัว แต่ทุกวันนี้ความนิยมสมมุติกันก็สับสนปนเปไปบ้าง แต่จะแปลกประหลาดไปสักเพียงใดก็ตาม อันเป็นฝ่ายวัตถุนิยมก็อยู่ในวงแขนของพระอนิจจัง พระทุกขัง พระอนัตตาแล้ว เพราะเป็นศาลยุติธรรมฝ่ายสังขาร ตัดสินอยู่ทุกกาลไม่ลงธรรมาสน์ ได้ทั้งหยาบ ทั้งประณีต ทั้งภายนอก ภายใน ไกล ใกล้ อดีต อนาคต ปัจจุบัน ก็หมดปัญหาอันจะสงสัยอยู่แล้ว เมื่อหมดปัญหาอันจะสงสัยในสังขารแล้ว สังขารจะใช้กลมายาสาไถยมาจากประตูใดอีกก็ตาม ก็คงลวงไม่ได้อยู่นั้นเอง ย่อมได้เหยียบเล็บ เพราะสติปัญญาจะก้าวเหยียบเล็บของความเข้าใจผิดได้ ความเข้าใจผิดคงไปไม่รอดไม่มีที่ซ่อนตัว…”

    หลวงปู่หล้า เขมปัตโต

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “..หนักมากที่สุดคือกามกิเลส ไม่มีอะไรหนักมากยิ่งกว่ากามกิเลสผูกมัดหัวใจสัตว์โลก ทั้งหญิงทั้งชาย ทั้งสัตว์ทั้งบุคคล ทั้งนักบวชและฆราวาส มันไม่เลือกหน้า เหยียบย่ำทำลายไปได้หมด ถ้าไม่มีธรรมเข้าเคลือบแฝงหรือเข้าชำระล้าง

    พระพุทธเจ้าจึงสอนผู้ที่จะมาเป็นสรณะของตัวเองและเป็นสรณะของโลก ให้ย้ำเข้าไปในจุดนี้ เอาวิชาความรู้เฉพาะอย่างยิ่งที่ว่ากรรมฐาน ๕ นี้ก่อน แล้วเข้าไปอยู่ในป่าในเขา พินิจพิจารณาเป็นการเป็นงานจริง ๆ อิริยาบถทั้งสี่ถือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก ตับ ไต ไส้พุง อาหารใหม่ อาหารเก่า นี้เป็นสนามรบสู้กันกับกิเลสที่เห็นว่าเป็นของสวยของงาม ตามหลักความจริง คือมันไม่สวยไม่งาม จิตใจก็ถอดถอนจากอันนี้ขึ้นมา จนกระทั่งถอดถอนได้โดยเด็ดขาดในกามกิเลสนี้แล้ว

    กองทุกข์ทั้งมวลในแดนกิเลสที่ครองหัวใจเรานี้ เราอยากจะพูดว่า ๙๐% คือกามกิเลสเป็นกองทัพใหญ่ ครอบไว้หมดทั้ง ๙๐% เพราะฉะนั้นความทุกข์จึงมีมากต่อบรรดาสัตว์ทั้งหลาย ผู้ไม่สนใจแก้ไขหรือบรรเทากิเลสตัวนี้ให้เบาบางลงบ้างเลย

    แม้ที่สุดผัวกับเมียอยู่กันก็หาความสุขไม่ได้ เพราะผัวก็อยากได้เมียใหม่ เมียก็อยากได้ผัวใหม่ คนนั้นก็อยากได้คนนี้ก็อยากได้ ไปหากว้านมาแล้วมาเผากัน ก็เพราะกิเลสตัวนี้เองที่มันฉุดมันลากไม่ให้รู้จักนรกอเวจีทั้ง ๆ ที่เป็นมนุษย์อยู่นี้แหละ มันก็เผากันทั้งเป็นในบ้านในเรือน คือกามกิเลสตัวนี้เป็นสำคัญ ท่านจึงสอนเน้นหนักลงในจุดนี้..”

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
    เทศน์อบรมพระและฆราวาส ณ วัดอโศการาม สมุทรปราการ
    เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๒

    www.luangta.com
    www.facebook.com/siangdhamluangta

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…จิตนี้ถ้าปราศจากสติแล้วไม่ได้เรื่องเลย มันแปรปรวนไปทั่วเลย แปรปรวนไปด้วยความรัก ด้วยความชัง ด้วยความหลง
    เห็นผิดเป็นชอบต่างๆ นานา มันแปรไปอย่างนั้นแหละ เมื่อมันขาดสติ สัมปชัญญะแล้วนะ…”

    หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” เมื่อเราเกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้ การที่ขัดเกลากิเลสของพวกเรามาแต่ชาติอดีตที่ผ่านมานั้น ใครจะขัดเกลาได้มากน้อยเท่าไร บุคคลใดขัดเกลาได้มาก

    เมื่อมาเกิดในชาตินี้กิเลสก็เบาบางจากจิตใจ บุคคลใดขัดเกลากิเลสได้น้อย กิเลสก็ยังมืดมน

    บุคคลใดไม่ได้ขัดเกลากิเลสเลย จึงมืดมนไม่รู้จักบุญบาป ก็ฉันนั้นเหมือนกัน จิตของบุคคลเป็นคนใจดำอำมหิตทั้งหลายอยู่ในปัจจุบันนี้ มันจึงมีหลายระดับหลายขั้นหลายตอน ”

    ………………………..

    ธรรมะคำสอน :
    พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดอรัญญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

    น้อมกราบ 1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png บูชาคุณ บูชาธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ด้วยเศียรเกล้า

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” วิราคะธรรมเป็นยอดของธรรมะ ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนไว้ ก็คือการตัดความรักนี่เอง แต่ความรักมันก็เป็นความดี ความรักดีกว่าความไม่รัก แต่เราไม่รู้จักมันว่า อะไรเป็นพิษ อะไรเป็นภัย อะไรเป็นความดี แต่พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า มันเป็นพิษเป็นภัยในเบื้องต้น..

    เราก็มาคิดดูตรงนี้ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น พูดอย่างง่ายๆก็คือ เรามีความรักมากมันจะทุกข์มากขึ้น รักมากเท่าไร มันยิ่งจะทุกข์มากขึ้นเข้าไปอีก หวงแหนมากเท่าไร ก็ยิ่งทุกข์เข้าไปอีกนี่ต้นเหตุมันอยู่ตรงนี้ บัดนี้ทำไมมันไม่สมหวัง มีความโกรธเกิดขึ้นแล้วนี่ พอมีความโกรธ โทสะพยาบาทก็เกิดขึ้นเป็นกองหลัง เขาเอาความรักมาเป็นกองหน้า เป็นแนวหน้า ก็คือราคะ คือโลภะ นี่ ตรงนี้เองต้นเหตุสุขทุกข์จะเกิดมันอยู่ตรงนี้ ”

    ________________________

    พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดอรัญญวิเวก บ้านปง ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

    _/__/__/_

    Cr.ตามรอยธรรม พ่อแม่ครูอาจารย์

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ศิษย์คนหนึ่งหลังจากปฏิบัติธรรมกับท่านพ่อเฟื่อง โชติโก เป็นเวลาพอสมควร ได้ปรารภกับท่านว่า “เมื่อปฏิบัติแล้วรู้สึกว่า จิตยิ่งสกปรกวุ่นวายกว่าเดิม”

    ท่านพ่อเฟื่อง ตอบว่า

    “อันนั้นแน่นอนซิ เปรียบเหมือนบ้านเรา ถ้าเราถูพื้นอยู่เสมอ แล้วมีฝุ่น มีขยะอะไรอยู่นิดหน่อย เราจะทนไม่ได้ ยิ่งบ้านเราสะอาดเท่าไร เราก็ยิ่งเห็นความสกปรกได้ง่ายเท่านั้น

    จิตเราเมื่อไม่ชำระอะไรเลย เราก็สามารถนอนอยู่กลางดินกลางหญ้าโดยไม่รู้สึกอะไรเลย แต่ถ้าเรานอนอยู่บนพื้นที่สะอาดแล้ว มีฝุ่นอยู่นิดเดียว เราก็จำเป็นต้องไปปัดไปกวาด เราจะไม่สามารถทนอยู่กับความสกปรกนั้นได้”

    -:- คติธรรม -:-
    ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก
    วัดธรรมสถิต อ.เมือง จ.ระยอง

    .jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...