ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ในนามของคณะผู้ดูแลเพจ ขอกราบขอบพระคุณทุกๆท่านที่มีส่วนช่วยเหลือ ค้นหานักฟุตบอลเยาวชนและผู้ฝึกสอนทีมหมูป่าทั้ง 13 คน จนพบเจอ

    ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงโปรดอภิบาลคุ้มครอง นักฟุตบอลเยาวชนและผู้ฝึกสอนทีมหมูป่าทั้ง 13 คน และเหล่าผู้มีใจอาสา ผู้เข้าช่วยเหลือ ทุกๆท่านที่มีส่วนช่วยเหลือในคราวนี้ ขอให้ประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ ปลอดภัย คิดสิ่งใดสมดังปรารถนา พบเจอแต่สิ่งดี ๆ ตลอดไปเทอญ

    กราบขอบพระคุณเจ้าของภาพทุกภาพ ที่เอื้อเฟื้อภาพ

    -ข.jpg
    1530596296_595_ในนามของคณะผู้ดูแลเพจ-ข.jpg
    1530596296_213_ในนามของคณะผู้ดูแลเพจ-ข.jpg
    1530596296_359_ในนามของคณะผู้ดูแลเพจ-ข.jpg
    1530596297_781_ในนามของคณะผู้ดูแลเพจ-ข.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    โอวาทธรรมพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อวัดท่าซุง)

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

    “ถ้าเราแผ่เมตตาให้คนอื่นหรือมีปรารถนาดีต่อผู้อื่น เข้าใจว่าคนนั้น หรือบุคคลอื่นจะรู้สึก ต้องรู้สึกว่ามีปรารถนาดีต่อผู้อื่นต่อบุคคลนั้นขึ้นในใจ ของเราก็ต้องรู้สึกว่ามีคนอื่นมาปรารถนาดีต่อเรา ฉะนั้นเป็นการยืนยันว่า การปรารถนาดีต่อผู้อื่นทำให้ผู้อื่นปรารถนาดีต่อเรา และปรารถนาดีต่อเราอันนี้เองที่เป็นความสุข”

    พระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
    พระราชทานแก่ผู้นำลูกเสือชาวบ้านกรุงเทพมหานคร
    ณ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์
    วันเสาร์ที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพพระบรมฉายาลักษณ์นี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการอัญเชิญพระราชดำรัสนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เรื่องบอกเล่าเตือนสติจาก หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ:

    1f538.png หลวงปู่ฝั้น อาจาโร” 1f538.png

    ๓-๗-๒๕๖๑

    ✨✨

    ในปี ๒๕๐๖

    ได้มีวิญญาณเข้าประทับทรงสามเณร

    อายุ ๑๒-๑๓ พำนักอยู่ที่วัดอโศการาม

    อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

    สามเณรองค์นี้ขยันทำสมาธิภาวนา

    มีวันหนึ่ง ขณะนั่งภาวนาอยู่

    ก็ปรากฎว่า “วิญญาณของท่านพ่อลี ธัมมธโร

    อดีตเจ้าอาวาส วัดอโศการาม

    มาเข้าประทับทรงกับสามเณร

    แล้วมาแสดงพระธรรมเทศนา

    ให้พระภิกษุสามเณร

    แลอุบาสก อุบาสิกาฟัง

    ปกติเณรน้อยยังเทศน์ไม่เป็นเพราะพึ่งบวช

    แต่เวลาวิญญาณท่านพ่อลีมาเข้าประทับทรง

    เธอเทศนาได้คล่อง

    ถูกเหมือนท่านพ่อลี เทศน์จริงๆไม่มีผิด

    ข่าวนี้ได้กระจายไปทั่ววัด

    และชาวบ้านพากันแตกตื่น

    ทั้งพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา

    พากันหลั่งไหลไปฟังเทศนา ท่านพ่อลี

    ที่วิญญาณของท่านมาเข้าประทับทรง

    ในร่างของสามเณร

    บางท่านสงสัย

    บางท่านก็เชื่อว่าเป็นวิญญาณ

    ของท่านพ่อลีมาประทับจริงๆ

    ส่วนพระผู้เป็นอาจารย์ของสามเณรน้อย

    ใคร่จะพิสูจน์เพื่อทราบข้อเท็จจริงให้ยิ่งกว่านี้

    จึงได้พาสามเณรตระเวนไปหาพระเถระ

    ครูบาอาจารย์ท่านผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้

    ตามวัดต่างๆทางภาคอีสาน

    เพื่อให้ท่านพิสูจน์และรับรอง

    พระอาจารย์ของสามเณรน้อย

    พาสามเณรไปหาพระอาจารย์ฝั้น

    ที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน

    เวลานั้นท่านอาพาธ

    ได้พักให้หมอรักษาอยู่ที่กุฏิรับรอง พ.ศ. ๒๔๐๖

    พระอาจารย์ของสามเณร

    เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟัง..

    พอเล่าจบ พระอาจารย์ฝั้นพูดขึ้นทันทีว่า

    1f537.png

    อย่าหลงเชื่อ สัญญามันหลอก

    ไม่เป็นความจริงอะไรหรอก

    1f537.png

    ✨✨

    1f58b.png ️ผู้โพสต์พิมพ์คัดลง Facebook

    “จากหนังสือโครงการหนังสือบูรพาจารย์
    เล่ม ๑๑ หน้า ๓๒๕

    หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร จังหวัด สกลนคร
    ผู้บันทึก/บอกเล่า : พระโพธิธรรมาจารย์เถร

    (หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ) วัดป่าเขาน้อย จ.บุรีรัมย์
    เรียบเรียงโดย : รศ.ดร ปฐม-รศ.ภัทรา นิคมานนท์

    หากตกหล่นประการใด
    ขออภัย สาธุชน ณ โอกาสนี้ครับ

    ขอขอบคุณผู้มีส่วนเผยแพร่
    เจ้าของรูปประกอบในธรรม
    และผู้กด Like กดแชร์ ทุกท่าน

    ้าพเจ้าผู้โพสต์ขออนุโมทนาบุญอานิสงส์
    ันไพศาลนี้จงมีแด่ทุกท่านที่ได้สดับอ่านและเผยแพร่ครับ

    ✨✨

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “ทางพ้นทุกข์”

    โดย พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร สกลนคร

    พระธรรมเทศนาโปรดพระเณรที่วัดป่าภูธรพิทักษ์ สกลนคร เมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๐๖
    —-

    “การสำเร็จมรรคสำเร็จผล ไม่ได้สำเร็จที่อื่นที่ไกล สำเร็จที่ดวงใจของเรา

    คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ท่านวางไว้ถึง ๘๔ ๐๐๐ พระธรรมขันธ์

    ท่านก็ไม่ได้วางไว้ที่อื่น วางที่กาย ที่ใจของเรานี้เอง นี่เรียกว่า เป็นที่ตั้งแห่งธรรมวินัย

    ความที่พ้นทุกข์ ก็จะพ้นจากที่ไหนเล่า คือใจเราไม่ทุกข์ แปลว่าพ้นทุกข์

    เพราะฉะนั้น ได้ยินแล้ว ให้พากันน้อมเข้าภายใน

    ธรรมะคำสั่งสอน ของพระพุทธเจ้า รวมไว้ในจิตดวงเดียว เอกํ จิตฺตํ

    ให้จิดเป็นของเดิม จิตฺตํ ความเป็นอยู่ ถ้าเราน้อมเข้าถึงจิตแล้ว

    ความสำเร็จอยู่ที่นั้น ถ้าเราไม่รวมแล้ว มันก็ไม่สำเร็จ ทำการทำงาน

    ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ต้องรวมถึงจะเสร็จ ถ้าไม่รวมเมื่อไร ก็ไม่สำเร็จ

    เอกํ ธมฺมํ มีธรรมดวงเดียว เวลานี้เราทั้งหลาย ขยายออกไปแล้ว

    ก็กว้างขวางพิสดารมากมาย ถ้าวิตถารนัย ก็พรรณนาไปถึง ๘๔ ๐๐๐ พระธรรมขันธ์

    รวมเข้ามาแล้ว สังเขปนัยแล้ว มีธรรมอันเดียว เอกฺ ธมฺมํ เป็นธรรมอันเดียว

    เอกฺ จิตฺตํ มีจิตดวงเดียว นี่เป็นของเดิม ให้พากันให้พึงรู้ พึงเข้าใจต่อไป

    นี่แหละต่อไป พากันให้รวมเข้ามาได้ ถ้าเราไม่รวมนี่ไม่ได้ เมื่อใดจิตเราไม่รวมได้เมื่อใด มันก็ไม่สำเร็จ

    นี่แหละ ให้พากันพิจารณาอันนี้ จึงได้เห็นเป็นธรรม เมื่อเอาหนังออกแล้ว

    ก็เอาเนื้อออกดู เอาเนื้อออกดูแล้ว ก็เอากระดูกออกดู เอาทั้งหมดออกดู

    ไส้น้อย ไส้ใหญ่ ตับ ไต ออกมาดู มันเป็นยังไง มันเป็นคน หรือเป็นยังไง

    ทำไมเราต้องไปหลง เออนี่แหละ พิจารณาให้มันเห็นอย่างนี้แหละ

    มันจะละสักกายทิฐิแน่ มันจะละวิจิกิจฉา ความสงสัย จะเป็นอย่างโน้นอย่างนี้

    มันเลยไม่มี สีลพัตฯ ความลูบคลำ มันก็ไม่ลูบคลำ อ้อจริงอย่างนี้

    เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้แล้ว จิตมันก็ว่าง

    เมื่อรู้จักแล้วก็ตัด นี่มันจะได้เป็นวิปัสสนาเกิดขึ้น

    อันนี้เรามีสมาธิแน่นหนาแล้ว ทุกขเวทนาเหล่านั้น มันก็เข้าไม่ถึงจิตของเรา

    เพราะเราปล่อยแล้ว เราวางแล้ว เราละแล้ว

    ในภพทั้งสามนี้ เป็นทุกข์อยู่เรื่องสมมติทั้งหลาย จิตนั้นก็ละภพทั้งสาม

    มันก็เป็นวิมุตติ หลุดพ้นไปหมด นี่ละเป็น วิมุตติ แปลว่า หลุดพ้น

    จะเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ จิตนั้นจะได้เข้าสู่ปรินิพพาน ดับทุกข์ในวัฏสงสาร

    ไม่ต้องสงสัยแน่ เวียนว่ายตายเกิดในโลกอันนี้ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ วัฏสงสาร

    ทำไมจึงว่า วัฏคือเครื่องหมุนเวียน สงสารคือ ความสงสัยในรูป เฮอ

    ในสิ่งที่ทั้งหลายทั้งหมด มันเลย ไม่ละวิจิกิจฉาได้ซี

    เดี๋ยวนี้เรารู้แล้ว ไม่ต้องวนเวียนอีก เกิดแล้วก็รู้แล้ว ว่ามันทุกข์ ชราก็รู้แล้วมันทุกข์

    พยาธิก็รู้แล้ว ว่ามันทุกข์ มรณะก็รู้แล้วมันทุกข์

    เมื่อเราทุกข์เหล่านี้ ก็ทุกข์เพราะความเกิด เราก็หยุด ผู้นี้ไม่เกิด

    แล้วใครจะเกิดอีกเล่า ผู้นี้ไม่เกิดแล้ว ผู้นี้ก็ไม่แก่ไม่ตาย ผู้นี้ไม่ตายแล้ว

    อะไรจะมาเกิด มันไม่เกิด จะเอาอะไรมาตาย ดูซิ ใจความคิดของเรา

    เดี๋ยวนี้เราเกิด เกิดแล้วก็ตาย ตายแล้วก็เกิด เกิดแล้วก็ตายอยู่อย่างนี้

    มันก็เป็นทุกข์ไม่แล้วสักที

    —-
    พระอาจารย์สุวัจน์ สุวโจ วัดป่าถ้ำศรีแก้ว ผู้บันทึก

    คัดจากหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ เมื่อ ๒๑ มกราคม ๒๕๒๑
    —-
    ขอบคุณสาระธรรมจาก : ประตูสู่ธรรม http://www.dharma-gateway.com

    ขอบคุณภาพจาก http://dhammajak.net

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เหตุที่ทรงบัญญัติห้ามพระภิกษุแสดงฤทธิ์

    เรื่อง “พระปิณโฑลภารทวาชเถระ แสดงฤทธิ์ปาฏิหารย์เหาะลอยขึ้นไปเอาบาตรไม้แก่นจันทร์”

    (จากประวัติ พุทธสาวก พุทธสาวิกา)

    ในนครราชคฤห์มีเศรษฐีผู้หนึ่งดำริว่า บัดนี้มีศาสดาเกิดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ตนจะนับถือและฟังธรรมของศาสดาใดดี วันหนึ่งเมื่อไปอาบน้ำในคงคา พบไม้จันทน์แดงท่อนหนึ่งติดอยู่กับข่ายที่ขึงล้อมไว้ในท่าที่ลงอาบ จึงสั่งให้นายช่างนำไปกลึงเป็นบาตรแล้วนำใส่สาแหรกแขวนไว้ที่ปลายไม้ไผ่ซึ่งต่อ ๆ กันขึ้นไปให้สูงถึง ๖๐ ศอก พร้อมประกาศว่าแม้มีพระอรหันต์บังเกิดขึ้นในโลกจริง ขอให้เหาะมาเอาบาตรนี้ไปเถิด หากพ้น ๗ วัน ไปแล้วไม่มีผู้ใดกระทำได้ตนจะถือว่ามิได้มีพระอรหันต์ในโลก

    บรรดาเจ้าลัทธิต่าง ๆ ที่ประกาศตนว่าเป็นพระอรหันต์ ต่างพากันมาเกลี้ยกล่อมหว่านล้อมเพื่อให้เศรษฐีมอบบาตรแก่ตน ทั้งเจ้าลัทธิทั้ง ๖ และพวกเดียรถีย์นิครนนาฏบุตร (นิคัณฐนาฏบุตร) แต่เศรษฐียังยืนยันอย่างเดิมว่าหากผู้ใดสำเร็จอรหันต์จริงก็เชิญเหาะขึ้นไปเอาเองเถิด

    ครั้นถึงวันที่ ๗ พระโมคคัลลานะเถระ และพระปิณโฑลภารทวาชเถระเข้ามาบิณฑบาตภายในเมืองราชคฤห์ ขณะหยุดยืนห่มจีวรอยู่บนแผ่นศิลาใหญ่แห่งหนึ่ง ได้ยินคำคนทั้งหลายโจษเรื่องเกี่ยวกับบาตรไม้จันทร์หอม พระอัครสาวกโมคคัลลานะเถระจึงกล่าวแก่พระปิณโฑลภารทวาชเถระ ให้ไปนำบาตรนั้นมา พระปิณโฑลภารทวาชเถระ กล่าวตอบว่า “อันที่จริงท่านนั้นได้รับการยกย่องในทางแสดงฤทธิ์ แต่เมื่อท่านอนุญาตอาตมาจะไปนำบาตรนั้นมาเอง”

    พระปิณโฑลภารทวาชเถระ แสดงฤทธิ์โดยเข้าจตุตถฌานอันเป็นที่ตั้งแห่งอภิญญา ใช้ปลายเท้าคีบแผ่นหินอันยาวใหญ่ประมาณ ๗ คาวุต ลอยขึ้นไปบนอากาศเหมือนปุยนุ่นเวียนรอบพระนครราชคฤห์ ๗ รอบ แผ่นหินนั้นประหนึ่งฝาละมีอันจะใช้ปิดพระนครแห่งนั้น เศรษฐีได้เห็นปาฏิหาริย์ดังนั้นจึงรีบหมอบลงกราบพร้อมอาราธนาพระเถระให้นั่งบนอาสนะแล้วนำบาตรไม้จันทน์นั้นมาจัดอาหารอันประณีตใส่จนเต็มถวายพระปิณโฑลภารทวาชเถระ ฝ่ายมหาชนที่ได้ยินข่าวใคร่จะชมปาฏิหาริย์ต่างติดตามมาจนถึงพระเวฬุวันมหาวิหารพระพุทธองค์ทรงทราบหตุการณ์ถึงทรงตรัสตำหนิพร้อมมีรับสั่งห้ามพระสาวกแสดงปาฏิหาริย์นับแต่บัดนั้น ผู้ใดแสดงต้องอาบัติทุกกฏ” และให้นำบาตรไม้จันทน์นั้นมาย่อยเป็นชิ้นเล็ก ๆ ทำเป็นยาหยอดตาถวายพระสำหรับทำโอสถ จากนั้นทรงบัญญัติสิกขาบทเพิ่มเติมว่า “ภิกษุไม่พึงใช้บาตรไม้ รูปใดใช้ต้องอาบัติทุกกฎ”

    ในเรื่องการแสดงฤทธิ์นั้น พระอรหันต์สาวกสามารถกระทำได้ทุกองค์ เป็นยุทธวิธีในการทำให้บุคคลเกิดศรัทธา ควรนำไปใช้ในการสั่งสอนถ้าจำเป็น แต่ไม่ควรทำให้เกิดผลในลาภสักการะ พระพุทธองค์ตรัสว่ามิใช่กิจของสงฆ์ อีกประการหนึ่งจะทำให้ภิกษุผู้ไม่มีวาสนาบารมีในการแสดงฤทธิ์ เกิดความลำบาก เพราะอุปัฏฐากอาจไม่ยอมดูแล ทำให้แตกสามัคคีในหมู่สงฆ์

    หมายเหตุ : พระพุทธองค์ทรงห้ามพระภิกษุแสดงฤทธิ์ เพราะคนผู้มีปัญญาน้อยจะหันไปบูชาฤทธิ์ คือ “อภิญญาโลกียะ” แทนที่จะน้อมบูชามรรคผลนิพพาน ที่ควรถือเอาความพ้นทุกข์เป็นแก่นเป็นรากแก้ว คนก็จะหลงทางมืดบอด ซึ่งเป็นเหตุให้พุทธบริษัท ๔ หลงงมงายจิตดำดิ่งลงในโมหะ พระพุทธศาสนาจักเสื่อมถอยลงได้ ไม่เป็นอื่นเลย

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เรื่อง “พระพุทธรูปองค์แรกในพระพุทธศาสนา”

    (จากพระพุทธประวัติ)

    ในสมัยที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปประทับ ณ ดาวดึงส์พิภพเพื่อแสดงธรรมโปรดพระพุทธมารดา ในระหว่างนั้นพระเจ้าปเสนทิโกศลมิได้เห็นและฟังธรรมจากผู้มีพระภาคเจ้าเหมือนเช่นแต่ก่อนมา ทำให้บังเกิดความระลึกถึงสุดที่จะระงับ เฝ้าแต่รำพึงรัญจวนอยู่มิสร่างซา ทั้งนี้ก็ด้วยความเคารพและศรัทธาพระเจ้าปเสนทิโกศลจึงสั่งเจ้าพนักงานหาท่อนไม้แก่นจันทน์หอมอย่างดีมาถวาย แล้วโปรดให้นายช่างแกะเป็นรูปพระพุทธเจ้าปางประทับนั่ง มีพระรูปโฉมโนมพรรณงามละม้ายคล้ายพระบรมศาสดาประดิษฐานไว้ในพระราชนิเวศน์ที่พระพุทธองค์เคยประทับเพื่อทอดพระเนตรและสักการบูชาเหมือนแต่ก่อนมา พอให้คลายความอาวรณ์การระลึกถึงได้บ้าง

    ครั้นภายหลังเมื่อพระบรมศาสดาเสด็จจากดาวดึงส์พิภพกลับมาสู่นครสาวัตถี พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงอาราธนาทูลให้เสด็จทอดพระเนตรไม้แก่นจันทน์ที่นายช่างจำลองขึ้นอันประดิษฐานอยู่ ณ พระราชสถานในพระราชนิเวศน์ พระไม้แก่นจันทน์นั้นได้กระทำเหมือนหนึ่งจิตรู้จักปฏิสันถารในกิจที่ควรอันต้องลุกขึ้นถวายความเคารพพระบรมศาสดา จึงขยับพระองค์เขยื้อนเลื่อนลงจากพระแท่นที่ประทับ พระพุทธองค์ได้ยกพระหัตถ์ซ้ายขึ้นห้ามพร้อมตรัสว่า
    “เอวํ นิสีทถ ขอพระองค์จงประทับอยู่อย่างนั้นเถิด”
    เมื่อสิ้นกระแสพุทธานุญาต พระไม้แก่นจันทน์นั้นได้ลีลาขึ้นไปประดิษฐานยังพระแท่นดุจเดิม พระเจ้าปเสนทิโกศลประสบความอัศจรรย์ บังเกิดความโสมนัส ทูลอาราธนาพระผู้มีพระภาคพร้อมเหล่าภิกษุสงฆ์ให้รับอาหารบิณฑบาตในพระราชนิเวศน์ ท้าวเธอได้เสด็จอังคาส คือถวายอาหารด้วยพระองค์เอง ครั้นเสร็จพุทธกิจแล้วพระบรมศาสดาจึงพาเหล่าภิกษุสงฆ์เสด็จกลับไปประทับ ณ พระเชตวันมหาวิหาร พระแก่นจันทน์ที่พระเจ้าปเสนทิโกศลโปรดให้สร้างขึ้น ถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปองค์แรกในพระพุทธศาสนา

    -พระพุทธรูปองค์แร.jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ปฏิบัติแบบกามสุขัลลิกานุโยค_เสพติดโลกียสุข

    เรื่อง “นั่งกรรมฐานแบบมหกรรมสร้างภาพโชว์ตัว”

    (จากสมุดบันทึกของพระราชวิมลโมลี)
    (วัดพายัพ 26 มิถุนายน พ.ศ.2558)

    “การนั่งกรรมฐานแบบ” สร้างภาพ” โชว์ตัว ถ่ายรูปเป็นร้อยคนพันคน อยู่รวมปฏิบัติกันแบบงานมหกรรม คลุกคลี จอแจ พลุกพล่าน นั่งสมาธิในห้องแอร์ ปูพรม แสนสบาย มีคนคอยปรนนิบัติ คอยเตรียม ปรุง เสริฟ บริการอาหาร นำ้ปานะ ล้างภาชนะ ล้างห้องน้ำ จัดที่หลับนอน ของใช้ทุกอย่าง ไว้รับรองอำนวยความสะดวกสบาย ให้เสพสุขสารพัด อย่างนี้ถือว่าปฏิบัติแบบ “กามสุขัลลิกานุโยค” ผู้ปฏิบัติย่อมไม่มีทางเห็นทุกข์ ไม่รู้จักแก้ปัญหา เป็นนักปฏิบัติธรรมเพิ่มภาระ เพิ่มค่าใช้จ่ายสิ้นเปลืองแก่ผู้อื่น แบบนี้คงไม่ใช่ทางที่ถูก และไม่มีทางจะได้สมาธิจิตแต่อย่างใด จะได้ก็แต่รูปถ่ายกิจกรรมเท่านั้น นักปฏิบัติธรรมอย่าไปหลงวิธีการปฏิบัติแบบนั้นเป็นอันขาด

    ที่ถูกนั้น ผู้ปฏิบัคิต้องหลบหลีกหนีจากความวุ่นวายไป หาที่สัปปายะคือ ฝึกกรรมฐานที่ใต้ต้นไม้ เรือนว่าง ที่สงบสงัด ในป่าทึบ ป่าช้า อยู่โดดเดี่ยว ไม่มีคนรบกวนหรือที่มีกิจกรรมพลุกพล่าน ในที่ไม่มีใครตามหาพบ และต้องช่วยตัวเองทุกอย่าง จะได้รู้จักแก้ปัญหา ได้เห็นทุกขเวทนาที่เกิดจากหนาว ร้อน ปวด เมื่อย หิว เหนื่อย ยาก หวาดกลัว เพื่อได้ทดสอบอารมณ์ และต้องถือหลักการพึ่งพาช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องไม่ทำตัวให้เป็นภาระ คือไม่ให้ใครคอยเฝ้าบริการความสะดวกใดๆในเวลาปฏิบัติด้วย จึงจะถูกหลักวิถีทางกรรมฐาน ตามแนววิสุทธิมรรค

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ผู้เป็นพระโพธิสัตว์ปรารถนาพุทธภูมิ

    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ พระอริยสงฆ์ที่ทุกท่านนับถือ เคยกล่าวว่าถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ว่า “พระองค์ทรงมีกระแสจิตแรงมาก ฉันเองยังสู้ท่านไม่ได้ เรื่องปรารถนาพุทธภูมินี่ พระองค์ (ในหลวงรัชกาลที่ ๙) ปรารถนามานาน แต่เวลานี้บารมีเป็น “ปรมัตถบารมี” เหลืออีก ๕ ชาติ และที่พระองค์ปฏิบัติมามันเลยแล้ว ไม่ใช่ไม่สำเร็จ พุทธภูมินี่ต้องบำเพ็ญกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์เป็น “วิริยาธิกะ” ต้องบำเพ็ญถึง ๑๖ อสงไขยกำไรแสนกัป นี่เกิน ๑๖ อสงไขยแล้ว “แสนกัป” อาจยังไม่ครบ จึงต้องเกิดอีก ๕ ชาติ” ซึ่งในหลังจากที่พระองค์(ในหลวง รัชกาลที่๙) เสด็จสวรรคต คงจะเสด็จไปประทับในที่เดียวกับพระศรีอาริยเมตไตรย ดังเช่นที่เคยเทศสอนไว้ในหนังสือชุด “ตายแล้วไปไหน จากคำสอนของพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ)” คุณคณิตพร บุณยเกียรติ (เปี๊ยก) และคณะได้รวบรวมและจัดทำขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2544 ดังนี้

    “..พระศรีอาริยเมตไตรย ในสมัยพระพุทธเจ้าท่านบวชเป็นพระมีนามว่า อชิตะภิกขุ เดิมทีท่านเป็นลูกศิษย์ของพราหมณ์พาวรี ท่านไปบวชเพื่อสร้างเสริมบารมี ต่อมาเมื่อ พระนางกีสา โคตมีได้ทอจีวรด้วยมือของตนเองปรารถนาจะถวายพระพุทธเจ้า เมื่อเวลาพระนางไปถวาย พระพุทธเจ้าเรียกพระมาหมด นั่งเรียงแถวกันตามลำดับอาวุโสและคุณสมบัติ เมื่อพระนางกีสาโคตมีถวายผ้าแก่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ส่งให้พระสารีบุตร ท่านพระสารีบุตรก็ส่งให้พระโมคคัลลาน์ ท่านพระโมคคัลลาน์ก็ส่งต่อๆ กันไปหมดจนถึงองค์สุดท้ายคือท่านอชิตะภิกขุ ท่านไม่รู้จะส่งให้ใครเพราะนั่งอยู่ท้ายสุด เป็นอันว่าท่านก็รับไว้ พระนางกีสา โคตมีก็เสียใจว่าอุตสาห์ทำเองเลือกด้ายชั้นดีมาทอกับมือเองเพื่อถวายพระพุทธเจ้า แต่พระองค์ไม่รับกลับไปให้กับพระที่ไม่ได้แม้แต่ฌานสมาบัติมากมายอะไรนัก คือว่ายังเป็นพระปุถุชนคนธรรมดา องค์สมเด็จพระบรมศาสดาทรงทราบอัธยาศัยจึงเทศนาโปรดว่า พระองค์สุดท้ายไม่ใช่พระธรรมดา ท่านอชิตะภิกขุผู้นี้ต่อไปข้างหน้าจะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง มีพระนามว่า “สมเด็จพระศรีอริยเมตไตรย” หลวงพ่อเทศไว้

    ปัจจุบันนี้ท่านมาเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดุสิต วิมานท่านสวยสดงดงามมาก ท่านมีรัศมีกายสว่างมาก หน้าตาผ่องใสยิ้มระรื่นน่าชื่นใจ ท่านได้บอกกับอาตมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๙ ว่า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป อีก ๑ ล้านกับ ๒ ปี ท่านจะลงมาเกิดในเมืองมนุษย์แล้วเป็นปุโรหิต หลังจากนั้นเกิดความเบื่อหน่ายก็ออกแสวงหาพระโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า และหลวงพ่อยังย้ำไว้ว่า ผู้ที่มีสิทธิไปเกิดอยู่ชั้นดุสิตได้ ๓ พวกคือ

    ๑) พุทธบิดาพุทธมารดาของพระพุทธเจ้า

    ๒) พระโพธิสัตว์ที่มีบารมีเข้มแข็งแล้ว

    ๓) พระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปจึงจะอยู่ชั้นนี้ได้

    ได้ข้อมูลและรูปภาพจาก http://www.dhammathai.org/

    วันพุธที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๑

    -๙-ผู้เป็.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...