ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    1f33c.png หลวงปู่จาม มหาปุญโญ เล่าว่า เมื่อย้อนกลับขึ้นไปภาวนาอยู่ถ้ำพระ เมืองเชียงราย ริมน้ำตก

    …ไปอยู่แล้วสถานที่ก็ดีแต่ ภาวนาอย่างไรก็ไม่สงบ พิจารณาอะไรก็แล้ว ตรวจตราดูศีลดูวัตรของตนก็ไม่พร่องอะไรสักอันสักอย่าง เราก็ว่าไปตามประสาบ้าของเราว่า

    “ผีป่าผีเขา ผีถ้ำ ผีนาค ผีน้ำ ข้าพเจ้ามาอยู่นี้ตั้งใจมาเจริญภาวนาเสาะหาหนทางพ้นทุกข์ หวังให้สูเจ้าได้รับผลอานิสงส์ แต่จิตไม่ลงไม่สงบเป็นเพราะฤทธิ์อำนาจของผีเทวดาตนใด หรือเป็นเพราะความหยาบหนา ภายในจิตใจของข้าพเจ้าเอง”

    …เรานั่งภาวนาไปสัก 10 นาที มีเสียงดังบึกๆๆ อยู่กลางหนองน้ำ ผักตบลอยน้ำก็ก็หมุนวนเหมือนกับน้ำบิดคอไก่

    เราก็นั่งมองอยู่มันเสียงอะไรกัน

    “ บึกๆๆ ”

    ก็ลืมตามอง สักพัก งูใหญ่โผล่หัวลำคอขึ้นสูงประมาณ 3 เมตร กลางหนองน้ำ ลำตัวมันใหญ่ขนาดกระบุง ข้าวเปลือกจุหมื่น หงอนแดง สีตัวมันเลื่อมเป็นพรายแสงยิบยับ เราก็ถามมัน

    หลวงปู่จาม: “โยมเป็นนาคน้ำหรือ?”

    เขาก็หันหัวมองหาเรา

    “ถูกแล้ว ท่านพระคุณเจ้าพญาธรรม”

    หลวงปู่จาม: “มาธุระอันใด”

    นาคน้ำ: “ได้ยินเสียงลั่นท้องฟ้าบาดาลสนั่นหวั่นไหว เหมือนพิภพจะถล่มจมพินาศ แต่เมืองบาดาลไม่มีอะไร ก็เลยขึ้นมาดู เห็นพระคุณเจ้าพญาธรรมอยู่นี่พอดี”

    หลวงปู่จาม: “แล้วอย่างใด?”

    นาคน้ำ: “พระคุณเจ้าว่าภาวนาจิตไม่สงบ ไม่เกี่ยวกับผีน้ำ นาคป่าเขาแต่อย่างใด อยู่ที่จิตใจของเจ้าพญาธรรมที่เดียว”

    หลวงปู่จาม: “เออ… ขออโหสิกรรมเน้อ อาตมาก็ว่าไปอย่างนั้นเอง นึกว่าจะไม่ไปกระทบใคร ถ้าหากรู้ว่าจะเบียดเบียนผู้อื่นก็จะไม่ว่าวาจาเด็ดขาด ขออภัยเถิด”

    นาคน้ำ: “พระคุณเจ้าผู้พญาธรรม มาอยู่บริเวณนี้ ผมรู้เห็นตั้งแต่ล่องแพมา ลงมาแล้วก็ได้แต่อนุโมทนาสาธุการยินดีพอใจในการบำเพ็ญสมณธรรมของเจ้าพญาธรรมมาโดยตลอด”

    หลวงปู่จาม: “เอาล่ะ ดีละ ให้สุขเจริญต่อไปเถิด”

    ว่าแล้วเขาก็ค่อยๆ จมลงๆ น้ำก็นิ่งเงียบอย่างเดิม เราก็กำหนดภาวนาของตนต่อไป

    เพิ่มเติม:

    1f33c.png ภายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ได้แก่

    – ถ้ำหลวง มีลักษณะเป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ ภายในงดงามด้วยหินงอก หินย้อย ธารน้ำ และถ้ำลอด ที่สวยงาม

    – ถ้ำพระ เป็นถ้ำขนาดเล็ก ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ หินงอก หินย้อย ที่งดงามแปลกตา

    – ถ้ำพญานาค หรือ ถ้ำมัลติกาเทวี เป็นถ้ำขนาดเล็ก ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ปฏิบัติธรรมของพระอริยบุคคล ซึ่งได้มรณภาพในถ้ำนี้

    – ถ้ำเลียงผา มีลักษณะเป็นเวิ้งมีหุบเขาเหวล้อมรอบ ซึ่งเกิดจากการยุบตัวของแผ่นดิน บริเวณถ้ำยังพบฟอสซิลหอยฝาเดียว และหอยสองฝาโบราณอายุหลายร้อยล้านปี

    – ขุนน้ำนางนอน อยู่ห่างจากถ้ำหลวงประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ

    หลวงปู่จาม มหาปุญโญ

    -มหาปุญโญ-เล่า.jpg
    1532012651_550_หลวงปู่จาม-มหาปุญโญ-เล่า.jpg
    1532012651_646_หลวงปู่จาม-มหาปุญโญ-เล่า.jpg
    1532012651_537_หลวงปู่จาม-มหาปุญโญ-เล่า.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    *** ยอดปัจจัยถวายวัดต่างๆ ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2561 จำนวน 9,312.44 บาท ***

    ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคปัจจัยตามกำลังศรัทธา เพื่อถวายวัดต่างๆ ในโครงการธรรมะสัญจร ครั้งที่ 9 จำนวน 12 วัด จัดโดยชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ในระหว่างวันที่ 10-13 สิงหาคม พ.ศ.2561 ณ จังหวัดเลย-อุดรธานี-สกลนคร

    1. วัดป่าม่วงไข่ ต.สานตม อ.ภูเรือ จ.เลย (หลวงปู่ขันตี ญาณวโร)
    2. วัดศรีอภัยวัน ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย (หลวงปู่ท่อน ญาณธโร)
    3. วัดป่าสัมมานุสรณ์ ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย (หลวงปู่ชอบ ฐานสโม , หลวงปู่ดาด สิริปุญโญ)
    4. วัดป่าหนองแซง ต.หนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี (หลวงปู่บัว สิริปุณโณ , หลวงปู่เสน ปัญญาธโร)
    5. วัดถ้ำสหาย ต.ทับกุง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี (หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร)
    6. วัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน , หลวงพ่อสุดใจ ทันตมโน)
    7. วัดป่าสันติกาวาส ต.ไชยวาน อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี (หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล , หลวงพ่อสมหมาย อัตตมโน)
    8. วัดป่าสีห์พนม ต.บงใต้ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร (หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม)
    9. วัดใหม่บ้านตาล ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร (หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปัญโญ)
    10. วัดป่าหนองไผ่ ต.ดงมะไฟ อ.เมือง จ.สกลนคร (พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม)
    11. วัดป่านาคนิมิตต์ ต.ตองโขบ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร (หลวงปู่อว้าน เขมโก)
    12. วัดดอยธรรมเจดีย์ ต.ตองโขบ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร (หลวงปู่แบน ธนากโร)

    ➥ ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมทำบุญถวายวัดต่างๆ จำนวน 12 วัด ร่วมกับชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ได้ที่ : ธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ประเภทออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 986-0-40617-0 ชื่อบัญชี นางสาวอิจฉราภรณ์ สินป้อง

    ➥ กำหนดการจัดโครงการ : https://www.facebook.com/1376384156...384156019597/2049308025393870/?type=3&theater

    ➥ สอบถามรายละเอียด โทร. 086-4017809 , 098-7218032

    .jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” ปัญญาต่างหากนะแก้กิเลส.
    สมาธิเป็นแต่เพียงว่าตีกิเลสให้สงบตัวเข้ามา.
    เพื่อจะก้าวเดินทางด้านปัญญาได้สะดวก.
    โดยไม่มีอารมณ์อันใดมาก่อกวน.
    เนื่องจากสมาธิครอบไว้แล้ว.”

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
    เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ.

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    วันนี้ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เป็นวันครบรอบ ๔๔ ปี แห่งการละสังขารของหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม วัดอรัญวิเวก อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม

    หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม นามเดิมของท่านชื่อ ตื้อ ปาลิปัตต์ เป็นบุตรของนายปา และนางปัตต์ ปาลิปัตต์ หลวงปู่ตื้อ ถือกำเนิดเมื่อวันจันทร์ ที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๓๑ ตรงกับวันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๓ ปีชวด ณ บ้านข่า ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ท่านถือกำเนิดในตระกูลที่ใกล้ชิดกับวัดและรับใช้พระเณรตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้ท่านสนใจการบวชเรียน สนใจศาสนาเป็นชีวิตจิตใจ

    ท่านได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาเมื่ออายุ ๒๑ ปี โดยบวชในฝ่ายมหานิกาย เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๒ หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านก็ได้ศึกษาเล่าเรียนด้านปริยัติอยู่สำนักของอุปัชฌาย์คาน เรียนสนธิ์ เรียนนามและมูลกัจจายน์ เป็นวิชาที่เรียนได้ยากในสมัยนั้น จนเรียนจบหลักสูตร จึงคิดจะมุ่งหน้าไปศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ เมื่อเดินทางถึงจังหวัดอุดรธานี จึงเปลี่ยนใจออกปฏิบัติกรรมฐานพักอยู่บ้านผือ ได้พบพระอาจารย์องค์สำคัญ คือ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ท่านเคารพเลื่อมใสนับถือเป็นอาจารย์ และได้พบสหธรรมิกที่เปลี่ยนใจจากการจะไปศึกษาต่อที่จังหวัดอุบลราชธานีเหมือนกัน คือ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ มีอุปนิสัยใจคอไปด้วยกันได้ เคยเดินธุดงค์ไปด้วยกันหลายแห่งจนไปอยู่ทางภาคเหนือด้วยกัน เมื่อมาอยู่ทางภาคเหนือจึงได้ญัตติใหม่เป็นพระธรรมยุตติกนิกาย ท่านบวชเป็นมหานิกายอยู่นานถึง ๑๙ พรรษาจึงได้ญัตติเป็นฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ในปี พ.ศ.๒๔๗๑ ณ วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านจำพรรษาอยู่ทางภาคเหนือมากที่สุด วัดที่ท่านจำพรรษามากที่สุด คือ วัดสามัคคีธรรม ปัจจุบันคือวัดป่าอาจารย์ตื้อ อำเภอแม่แตง จ.เชียงใหม่ ท่านได้แสดงธรรมอบรมกรรมฐานแก่พระเณรและญาติโยมอย่างจริงจังไม่เคยขาดแต่ละวัน พัฒนาศาสนสถานหลายอย่าง และพัฒนาจิตใจชาวบ้านให้เลิกนับถือภูต ผี ปีศาจ อันเป็นลัทธิดั้งเดิมจนสำเร็จ

    กล่าวกันว่าอำนาจพลังจิตของหลวงปู่ตื้อนั้นยอดเยี่ยมมาก อย่าว่าแต่สิ่งของที่ท่านอธิษฐานจิตให้เลย แม้แต่ที่ที่ท่านปัสสาวะรดใส่ยังยิงไม่ออกเลย เคยมีคนเคยเอาปืนไปลองยิงมาแล้ว ปืนยิงไม่ออกกระสุนไม่ลั่น ลูกศิษย์ผู้ที่เอาปืนไปยิงถึงกับตกใจ รีบวิ่งไปกราบเรียนถามหลวงปู่ แทบฟังไม่เป็นศัพท์เป็นภาษา

    มีครั้งหนึ่ง พวกทหารอากาศไปนมัสการท่าน แต่ในใจอาจจะนึกประมาทท่านอยู่ หลวงปู่ตื้อท่านผลุนผลันลุกขึ้นเดินไปปัสสาวะใส่ตอไม้ แล้วกล่าวกับทหารอากาศกลุ่มนั้นว่า “ คนเราถ้ามันจะขลัง ต้องขลังกระทั่งเยี่ยว เอ้า…ยิงเลย ” ทหารกลุ่มนั้นระดมยิงใส่ตอไม้ กระสุนไม่ลั่นแม้แต่นัดเดียว

    หลังจากออกพรรษาปี พ.ศ.๒๕๑๔ คณะศรัทธาชาว จ.นครพนม พร้อมใจกันไปนิมนต์ท่านหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ให้กลับไปจำพรรษาที่ จ.นครพนม และได้นิมนต์ให้ท่านจำพรรษาอยู่ที่นั่นตลอดไป

    วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๗ พอฉันภัตตาหารเช้าเสร็จท่านเข้าไปพักผ่อนเล็กน้อย แล้วแสดงธรรมโปรดศิษย์และญาติโยมตลอด หลวงปู่พูดธรรมะสอนลูกศิษย์ไปเรื่อยๆ จนประโยคสุดท้ายท่านได้พูดว่า “ ธาตุลมในหลวงตาวิปริตแล้ว ” จากนั้นท่านไม่พูดอะไรอีก สังเกตดูอาการเคลื่อนไหวทุกอย่างหยุดสนิท ทุกคนจึงแน่ใจว่า หลวงปู่ได้ละวางขันธ์แล้ว เมื่อเวลา ๑๙.๐๕ น. แทบไม่ต้องนัดแนะกัน ศิษย์ทุกคน ณ ที่นั้นก้มลงกราบท่านพร้อมกัน ด้วยความรัก ความศรัทธา และความเคารพ ในองค์ท่านอย่างสุดจิตสุดใจ สิริรวมอายุของท่านได้ ๘๖ ปี ๕ เดือน ๑๖ วัน อายุพรรษาเฉพาะธรรมยุติกนิกาย ๔๖ พรรษา

    -๑๙-กรกฎาคม-๒๕๖๑-เป.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เรื่อง “การถวายของให้กับพระป่า ต้องพิจารณา”

    (คติธรรม พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต)

    ของที่ญาติโยมเอามาถวายพระนี้ มันมีหลายชนิดด้วยกัน ซึ่งตามพระวินัยนี้บางอย่างก็รับประเคนกับมือได้ บางอย่างก็ไม่ควรจะรับประเคน เพราะว่าของที่รับประเคนนี้แบ่งออกไว้ ๓ ชนิดด้วยกัน ของที่รับประเคนแล้วต้องใช้ให้หมดภายในก่อนเที่ยงวัน เช่น อาหารสดต่างๆ อาหารคาวหวานนี้ ถ้าถวายแล้วก็จะเก็บไว้ได้ไม่เกินเที่ยงวัน

    หลังจากเที่ยงวันก็ต้องสละให้ลูกศิษย์ลูกหาไป ถ้าเป็นสำนักที่ฉันมื้อเดียวก็จะไม่เก็บเอาไว้ หลังจากที่ฉันเสร็จแล้ว ก็จะต้องยกให้คนอื่นไปหมด ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร ของแห้ง เครื่องกระป๋อง อะไรก็ถือว่าเป็นอาหารหมด ถ้าอยากจะให้พระเก็บไว้ใช้ในวันที่อดอยากขาดแคลน ก็ไม่ต้องถวายกับมือ ให้เอาวางไว้ แล้วพระจะให้ลูกศิษย์จัดการถวายให้ในวันที่ต้องการ อย่างนี้ก็จะเก็บไว้ได้ นี่คือเรื่องอาหาร แล้วก็มีเรื่องของเภสัชที่เรียกว่าถ้ารับประเคนแล้วเก็บไว้ได้ ๗ วัน เภสัชนื้ท่านแสดงไว้อยู่ ๕ ชนิดด้วยกัน ก็คือ น้ำอ้อย น้ำผึ้ง น้ำมัน เนยข้น เนยใส ของอะไรก็ตามถ้ามีน้ำตาลผสมอยู่ ถ้ารับประเคนแล้วนี้จะเก็บไว้ฉันได้ไม่เกิน ๗ วัน ถ้าหลังจาก ๗ วัน ยังมีเหลืออยู่ก็ไม่ให้เก็บเอาไว้ ให้สละไป

    ถ้าไม่ได้รับประเคนกับมือ เช่น เอามาวางไว้แล้วให้เก็บไว้ในคลัง อันนี้เก็บไว้ได้นาน เก็บไว้จนกว่าเวลาจะใช้ก็ให้ลูกศิษย์หยิบแบ่งเอามาประเคนถวายให้ตามที่ต้องการ อย่างนี้ก็จะสามารถเก็บของที่ญาติโยมนำมาถวายไว้ได้เกิน ๗ วัน แล้วก็มีชนิดที่ ๓ ที่เมื่อรับประเคนแล้วสามารถเก็บไว้ใช้ได้ตลอด ชนิดนี้เขาเรียกว่าพวกยาต่างๆ ยาที่ไม่มีน้ำตาล ไม่มีน้ำผึ้งหรืออะไรผสมอยู่ ยาพวกนี้รับประเคนแล้วก็สามารถเก็บไว้ใช้ได้ตลอด เช่น ยาแก้ปวด ยาอะไรต่างๆ เหล่านี้ เนื่องจากบางทีของที่ญาติโยมนำมาถวายมันปนกันในถุงเดียวกัน มีทั้งของเป็นอาหาร มีทั้งของที่เป็นเภสัช ๗ วัน เป็นเภสัชที่ไม่มีอายุ มันก็เลยเสียเวลาที่จะต้องมาแยกแยะกันตอนถวาย ก็เลยให้เอาวางๆ ไว้ แล้วเดี๋ยวพระกับลูกศิษย์ท่านจะจัดการเอาเก็บเข้าคลัง แล้วเวลาต้องการจะใช้อะไร ก็ให้ลูกศิษย์ถวายแทนญาติโยมต่อไป

    ดังนั้น เวลาที่เราไปวัดป่านี้จะไม่นิยมถวายข้าวของกับมือพระ จะถวายก็เฉพาะของเบาๆ เช่น ปัจจัยก็ถวายแต่เฉพาะใบปวารณา ใบปวารณานี้ก็เป็นเหมือนเช็คนี้เอง ส่วนตัวเงินก็ใส่ซองแล้วแยกเอาไว้ แล้วท่านก็จะให้ลูกศิษย์จัดการเอาไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัย เวลามีความจำเป็นจะต้องใช้เงินทองก็จะให้ลูกศิษย์เป็นคนไปเบิก แล้วก็เอาไปใช้จ่ายตามความจำเป็น

    นี่คือเรื่องของการถวายของให้กับพระป่า ซึ่งจะไม่เหมือนกับพระวัดบ้าน พระวัดบ้านนี้เขาจะรับหมด ญาติโยมเอาสังฆทานมามีของครบทั้ง ๔ ชนิด มีอาหาร มียา มีผ้า มีอะไรต่างๆ ท่านก็จะรับจนถือเป็นธรรมเนียม เวลาญาติโยมเอาของมาถวายแล้ว ถ้าพระบอกว่าให้เอาวางไว้เฉยๆ แล้วเขาคิดเขาจะไม่ได้บุญ ก็ต้องรับให้กับเขา เพราะบางทีไม่มีเวลาที่จะมาอธิบายให้ฟังว่าการถวายแบบวางไว้เฉยๆ ก็ได้บุญเหมือนกัน และได้บุญมากกว่าเพราะช่วยส่งเสริมให้พระรักษาพระธรรมวินัยไว้ไม่ให้บกพร่อง ไม่ให้ด่างพร้อย เวลาบางทีพระรับของสังฆทานตอนบ่ายนี้ ท่านก็ทำผิดพระวินัยแล้ว เพราะท่านไปรับของฉัน รับอาหารที่ห้ามไม่ให้รับหลังจากเที่ยงวันไปแล้ว

    ดังนั้น ถ้าเวลาที่พระบอกให้ทำอะไร ญาติโยมก็ทำตามก็แล้วกัน แล้วจะได้บุญมากกว่าที่จะทำตามใจของเรา ถวายข้าวของต้องให้พระรับกับมือให้ได้ ถ้าไม่ได้รับกับมือแล้วเหมือนกับว่าจะไม่ได้บุญ บุญไม่ได้อยู่ที่พิธีกรรม มันอยู่ที่ใจที่เราปล่อยวางความหวง ความตระหนี่ เราหวงทรัพย์สมบัติ ข้าวของเงินทองก็เลยมาดัดมัน มันหวงมากก็เอาไปแจกคนอื่นเสีย ใช่ไหม มันจะได้หายหวง พอหายหวงแล้วใจมันจะสบายมีความสุข ไม่ต้องมาวิตกกังวลว่าของหายไปหรือเปล่า อยู่ครบหรือเปล่า หายก็หายไป หายก็คิดว่าเป็นการทำบุญไป ก็มีความสุขขึ้นมา

    [​IMG]

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “สิ่งที่เราเห็นด้วยตาก็ดี ได้ยินด้วยหูก็ดี
    พึงน้อมเข้ามาสู่ใจให้ทราบว่า
    สิ่งทั้งหลายนั้นมีใจเป็นผู้รับรู้
    เป็นผู้ให้ความหมายในสิ่งทั้งปวง
    ถ้าใจไม่เป็นผู้ให้ความหมายแล้ว
    สิ่งเหล่านั้นจะปรากฏความหมาย
    ขึ้นโดยลำพังตัวเอง ย่อมเป็นไปไม่ได้

    สติเป็นของสำคัญมากในทางความเพียร
    ถ้าขาดสติวรรคใดตอนใด
    เรียกว่าขาดความเพียรแล้ว
    เดินจงกรมอยู่ก็ไม่มีความหมาย
    นั่งสมาธิอยู่ก็ไม่มีความหมาย”

    …..
    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน. กราบขอบพระคุณ และอนุโมทนาบุญท่านเจ้าของภาพนี้ด้วย สาธุ สาธุ สาธุ

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เรื่อง “หลวงปู่เจี๊ยะถามเรื่องเทวดากับหลวงปู่มั่น”

    (เล่าโดย หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท)

    “เพียงแต่คิดไว้ภายใน ท่าน(หลวงปู่มั่นรู้วาระจิต)กลับถามเรา(หลวงปู่เจี๊ยะ) ขึ้นก่อนว่า

    “เจี๊ยะ…มีอะไรจะถามก็ถามมา ท่านนี่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” ท่านเปรยขึ้นเท่านั้นเราก็ปอดแหกแล้ว

    “ครูบาจารย์ เทวดาหน้าตามันเป็นอย่างไง อยากเห็นบ้าง?” เราก็เสือกถามท่านทั้งที่กลัวจะตาย

    “ฮื้อ!…มันไม่ใช่เรื่องอะไรของเรา เราจะรู้ไปทำไม ท่านนี่ชอบถามซอกแซกกวนใจ ทำความดีให้มันถึงสิ ปัญหามันอยู่ที่เรา ไม่ได้อยู่กับเทวบุตรเทวดาที่ไหน ดูหน้าตาเรา ดูหนังเราให้มันเห็นชัด ด้วยปัญญานั่นสิ พระพุทธเจ้าเห็นพระองค์เองก่อน ตรัสรู้เรื่องตน ละตัวตนก่อน ค่อยมาสอนคนอื่น หรือสอนเทวดาทีหลัง ยังไม่ทันไร ยังไม่ไปไหนมาไหน อยากเห็นนั่นเห็นนี่ มันไม่ถูก ทั้งที่ตาบอดแต่อยากเห็นนั่นเห็นนี่ เดี๋ยวก็เดินชนตอ ลูกกระตาแตกหรอก”

    ท่านตอบด้วยวาทะแห่งบุคคลผู้ที่ชาญฉลาด

    “ก็ผมอยากรู้นิ…ครูบาจารย์ ก็ผมไม่เคยเห็น ก็อยากเห็น อยากรู้บ้าง”

    เรานิ่งเงียบไปพักหนึ่ง แล้วท่านก็พูดขึ้นต่อไปตามอัธยาศัยว่า

    “ศาสนานี้เรียนให้ดีลึกล้ำที่สุด ผมไปเที่ยวภาวนาอยู่ในป่า มีสหธรรมิกของผมรูปหนึ่งอยู่ในป่าโน่นน่ะ

    โอ๊ย!…เจี๊ยะเอ้ย…แม้รูเท่านิ้วก้อย นี่ท่านยังมุดเข้าไปได้ หายตัวไปเลย ทะลุฟ้า ทะลุดิน แผ่นดิน แผ่นน้ำ ทะลุได้หมด จะไปไหนเพียงแค่ลัดเดียว ตอนนี้ท่านตายอยู่ในป่าไปแล้ว”

    “โอ้!…ขนาดนั้นหรือครูบาจารย์…ถ้าไปอยู่ในเมืองหลวง เมืองไทย ป่านนี้ดังระเบิดเถิดเทิงไปแล้ว เสียดายไม่น่าตายไปเปล่าๆ อยากเห็นบ้างแบบนี้” กราบเรียนท่านด้วยความตื่นเต้น

    “ก็มีแต่อย่างนี่แหละ.. พวกตาบอด… เจี๊ยะเอ้ย!..ใครไม่ได้รู้ไม่ได้เห็นเสียชาติเกิดทีเดียว”

    ถามท่านเรื่องนี้โดนท่านดุทุกที (หัวเราะ)

    จากนั้นท่านก็เล่าเรื่องไปถึงมูเซอ มีเทวดามาฟังเทศน์กันเยอะ มาเป็น พันๆ หมื่นๆ พวกเทวดาเยอรมันก็มาฟัง ทีนี้พวกมูเซอมันเห็นแสงสว่างบนภูเขาทั้งลูก อยู่ดีๆ สว่างเข้ามาเรื่อย แสงสว่างเต็มไปหมด มันก็ว่าตอนกลางคืนท่านนั่งภาวนาอยู่ แสงสว่างจ้าหมดบนเขา ตอนเช้าท่านไปบิณฑบาต พวกมูเซอมันก็ถาม

    “ตุ๊เจ้า… ตุ๊เจ้าจุดตะเกียงเจ้าพายุรึ เมื่อคืนนี้สว่างหมดทั้งเขา ตุ๊เจ้า… ใช้ตะเกียงเจ้าพายุรุ่นไหน สว่างคักแท้”

    “ไอ้ห่า… กูมีตะเกียงเจ้าพายุซะที่ไหน”

    “ทำไมที่บนเขามันสว่างขาวเกลี้ยงหมดทั้งลูกล่ะ… ตุ๊หลวง”

    “ไม่รู้โว๊ย…”

    ท่านปิดไม่บอก แล้วทีหลังท่านมาพูดให้เราฟังว่า

    “เทวดามาเป็นแสนๆ นะ มาฟังเทศน์ที่ดอยมูเซอ เทวดาจากเยอรมันก็มี ทำบุญดีตายไปได้ขึ้นสวรรค์ ครูบาอาจารย์องค์ไหนมีญาณดีๆ เมื่อเราตายไปแล้ว กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ ก็จะได้เป็นลูกศิษย์ท่าน เป็นมนุษย์มันมีแต่ห่วงบ้าน เดี๋ยวตายไปเป็นเปรต ฟังซิ ต้องถือเป็นคติพระ

    อย่าไปห่วงมันเยอะข้าวของเงินทอง ตายแล้วเอาไปไม่ได้หรอก ไปหัดภาวนาให้เป็น ไม่ต้องเอาอะไรมาก เพียงแต่ให้ใจ

    “พุทโธ” อันเดียวก็พอแล้ว ใจอยู่กับพุทโธ โธ ๆ ๆ ๆ เราก็จะได้ไปสู่สวรรค์ ไปสู่สุคติใจสบาย ”

    ท่านพระอาจารย์ท่านเทศน์สอนเสมอๆ ว่า

    “อันนี้ได้เป็นสมบัติ ของเราแท้ๆ เพราะเมื่อใจสงบ ใจไม่กังวล ใจเป็นสมาธิ ตายไปก็ได้ไปสู่สุคติ เพราะใจโปร่ง ใจใส ใจสวรรค์ ใจคิด ใจวุ่น ใจวาย ใจตกนรก ทำให้มันผ่องใส ทำให้มันสะอาด ใจมันหมดจดแล้วได้ไปสู่สุคติ ท่านเทศน์อย่างนี้บ่อยๆ

    ท่านเล่าว่า ถ้าทำสมาธิได้ดีเปรียบเหมือนนั่งเจดีย์ เทวดามีเรือนอยู่บนนี้ มีมาเกาะอยู่บนต้นไม้ ต้นไม้แดง ๒ ต้นนั่น ใครไปถูกไม่ได้นะ อันตรายทันที แต่เวลาท่านอยู่ไม่เป็นไร เวลากลางคืนเขาเข้ามากราบ แต่บางพวกท่านบอกว่าเขาทำบุญเหมือนกัน แต่เป็นเทวดาที่อยู่ตามพื้นดิน บางทีก็มีปราสาท บางทีไม่มีปราสาท อยู่บนต้นไม้ อาศัยต้นไม้”

    ท่านเล่าให้ฟัง ตอนที่อยู่แม่กอยเชียงใหม่ เราก็เสือกถามท่านเรื่องเทวดาทีไร ท่านก็ดุทุกที…”
    ประวัติปฎิปทาธรรม : หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท
    วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี

    (ข้อมูลธรรมะจากเพจ)
    (ประวัติและปฏิปทาและธรรมะพ่อแม่ครูอาจารย์)

    [​IMG]

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...