ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เรื่อง “เทวดาเปิดใจกับองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ว่า เขารู้สึกอย่างไรกับมนุษย์ปุถุชนคนไม่มีศีลธรรม”

    (ที่มา ประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ) (เขียนโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

    ครั้งหนึ่ง เมื่อพวกเทวดามาเยี่ยมหลวงปู่มั่นเพื่อฟังเทศน์ หัวหน้าเทวดาองค์หนึ่งพูดกับท่านว่า

    “ท่านมาพักอยู่ที่นี่ทำให้พวกเทวดาสบายใจไปทั่วกัน เทวดามีความสุขมากผิดปกติเพราะกระแสเมตตาธรรมท่านแผ่กระจายครอบท้องฟ้าอากาศ และแผ่นดินไปหมด กระแสเมตตาธรรมของท่านเป็นกระแสที่บอกไม่ถูกและอัศจรรย์มาก ไม่มีอะไรเหมือนเลย”

    หัวหน้าเทวดาพูดต่อไปว่า

    “ฉะนั้น ท่านพักอยู่ที่ไหน พวกเทวดาต้องทราบกันจากกระแสธรรมที่แผ่ออกจากองค์ท่านไปทุกทิศทุกทาง แม้เวลาท่านแสดงธรรมแก่พระเณรและประชาชน กระแสเสียงของท่านก็สะเทือนไปหมดทั้งเบื้องบนเบื้องล่าง ไม่มีขอบเขต ใครอยู่ที่ไหนก็ได้เห็นได้ยิน นอกจากคนตายแล้วเท่านั้นที่จะไม่ได้ยิน”

    ตอนนี้จะได้เชิญอาราธนาคำพูดสนทนากันระหว่างหลวงปู่มั่นกับหัวหน้า เทวดามาลงอีกเล็กน้อย ส่วนจะจริงหรือเท็จก็เขียนตามที่ได้ยินได้ฟังมา

    หลวงปู่มั่นย้อนถามหัวหน้าเทวดาบ้างว่า

    “ก็มนุษย์ไม่เห็นได้ยินกันบ้าง
    ถ้าว่าเสียงเทศน์สะเทือนไปไกลดังที่ว่านั้น”

    หัวหน้าเทวดารีบตอบทันทีว่า

    “ก็มนุษย์เขาจะรู้เรื่องอะไรและสนใจกับศีลกับธรรมอะไรกันท่าน! ตา-หู-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจของเขา เขาเอาไปใช้ในทางบาปทางกรรมและขนนรกมาทับถมตัวตลอดเวลา นับแต่วันที่เขาเกิดมาจนกระทั่งเขาตายไป เขามิได้สนใจกับศีลกับธรรมอะไรเท่าที่ควรแก่ภูมิของตนหรอกท่าน มีน้อยเต็มที…ผู้ที่สนใจจะนำตา-หู-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจ ไปทำประโยชน์คือศีลธรรม ชีวิตเขาก็น้อยนิดเดียว ถ้าเทียบกันแล้ว มนุษย์ตายคนละกี่สิบกี่ร้อยครั้ง เทวดาที่อยู่ภาคพื้นแม้เพียงรายหนึ่งก็ยังไม่ตายกันเลย ไม่ต้องพูดถึงเทวดาบนสวรรค์ชั้นพรหมซึ่งมีอายุยืนนานกันเลย

    มนุษย์จำนวนมากมีความประมาทมาก ที่มีความไม่ประมาทมีน้อยเต็มที มนุษย์เองเป็นผู้รักษาศาสนา แต่แล้วมนุษย์เสียเองไม่รู้จักศาสนา ไม่รู้จักศีลธรรม ซึ่งเป็นของดีเยี่ยม มนุษย์คนใดชั่วก็ยิ่งรู้จักแต่จะทำชั่วถ่ายเดียว เขายังแต่ลมหายใจเท่านั้นพอเป็นมนุษย์อยู่กับโลกเขา พอลมหายใจขาดไปเท่านั้น เขาก็จมไปกับความชั่วของเขาทันทีแล้ว

    เทวดาก็ได้ยิน ทำไมจะไม่ได้ยิน ปิดไม่อยู่!

    เวลามนุษย์ตายแล้วนิมนต์พระท่านมาสาธยายธรรม ‘กุสลา ธัมมา’ ให้คนตายฟัง เขาจะเอาอะไรมาฟังสำหรับคนชั่วขนาดนั้น พอแต่ตายลงไปกรรมชั่วก็มัดดวงวิญญาณเขาไปแล้ว เริ่มแต่ขณะสิ้นลมหายใจ จะมีโอกาสมาฟังเทศน์ฟังธรรมได้อย่างไร แม้ขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ก็ไม่สนใจอยากฟังเทศน์ฟังธรรม นอกจากคนที่ยังเป็นอยู่เท่านั้น พอฟังได้ถ้าสนใจอยากฟัง แต่เขามิได้สนใจฟังหรอกท่าน

    ท่านไม่สังเกตดูเขาบ้างหรือ เวลาพระท่านสาธยายธรรม ‘กุสลา ธัมมา’ ให้ฟัง เขาสนใจฟังเมื่อไร! ศาสนามิได้ถึงใจมนุษย์เท่าที่ควรหรอกท่าน เพราะเขาไม่สนใจกับศาสนา สิ่งที่เขารักชอบที่สุดนั้นมันเป็นสิ่งที่ต่ำทรามที่สัตว์เดรัจฉานบางตัวก็ ยังไม่อยากชอบ นั่นแลเป็นสิ่งที่มนุษย์ที่ไม่ชอบศาสนา ชอบมากกว่าสิ่งอื่นใด และชอบแต่ไหนแต่ไรมา ทั้งชอบแบบไม่มีวันเบื่อ ไม่รู้จักเบื่อเอาเลย ขณะจะขาดใจยังชอบอยู่เลยท่าน

    พวกเทวดารู้เรื่องของมนุษย์ได้ดีกว่ามนุษย์จะมาสนใจรู้เรื่องของพวก เทวดาเป็นไหนๆ มีท่านนี่แลเป็นพระวิเศษ รู้ทั้งเรื่องมนุษย์ ทั้งเรื่องเทวดา ทั้งเรื่องสัตว์นรก สัตว์กี่ประเภท ท่านรู้ได้ดีกว่าเป็นไหนๆ ฉะนั้น พวกเทวดาทั้งหลายจึงยอมตนลงกราบไหว้ท่าน”

    พอหัวหน้าเทวดาพูดจบลง
    หลวงปู่มั่นก็พูดเป็นเชิงปรึกษาว่า

    “เทวดาเป็นผู้มีตาทิพย์ หูทิพย์ แลเห็นได้ไกล ฟังเสียงได้ไกล รู้เรื่องดีชั่วของชาวมนุษย์ได้ดีกว่ามนุษย์จะรู้เรื่องของตัวและรู้เรื่อง ของพวกมนุษย์ด้วยกัน จะไม่พอมีทางเตือนมนุษย์ให้รู้สึกสำนึกในความผิดถูกที่ตนทำได้บ้างหรือ ? อาตมาเข้าใจว่าจะได้ผลดีกว่ามนุษย์ด้วยกันตักเตือนกัน สั่งสอนกัน จะพอมีทางได้บ้างไหม ?”

    หัวหน้าเทวดาตอบว่า

    “เทวดายังไม่เคยเห็นมนุษย์ว่ามีกี่รายพอจะมีใจเป็นมนุษย์สมภูมิ เหมือนอย่างพระคุณเจ้าซึ่งให้ความเมตตาแก่ชาวเทพและชาวมนุษย์ตลอดมาเลย พอที่เขาจะรับทราบว่าในโลกนี้มีสัตว์ชนิดต่างๆ หลายต่อหลายจำพวกอยู่ด้วยกัน ทั้งที่เป็นภพหยาบ ทั้งที่เป็นภพละเอียด ซึ่งมนุษย์จะยอมรับว่า เทวดาประเภทต่างๆ มีอยู่ในโลก และสัตว์อะไรๆ ที่มีอยู่ในโลกกี่หมื่นกี่แสนประเภท ว่ามีจริงตามที่สัตว์เหล่านั้นมีอยู่ เพราะนับแต่เกิดมา มนุษย์ไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้มาแต่พ่อแต่แม่ แต่ปู่ย่าตายาย แล้วมนุษย์จะมาสนใจอะไรกับเทวดาเล่าท่าน นอกจากเห็นอะไรผิดสังเกตบ้าง จริงหรือไม่จริงไม่คำนึง

    พวกมนุษย์มีแต่พากันกล่าวตู่ว่าผีกันเท่านั้น จะมาหวังคำตักเตือนดีชอบอะไรจากเทวดา แม้เทวดาจะรู้เห็นพวกมนุษย์อยู่ตลอดเวลา แต่มนุษย์ก็มิได้สนใจจะรู้เทวดาเลย แล้วจะให้เทวดาตักเตือนสั่งสอนมนุษย์ด้วยวิธีใด เป็นเรื่องจนใจทีเดียว ปล่อยตามกรรมของใครของเราไว้อย่างนั้นเอง แม้แต่พวกเทวดาเองก็ยังมีกรรมเสวยอยู่ทุกขณะ ถ้าปราศจากกรรมแล้ว เทวดาก็ไปนิพพานได้เท่านั้นเอง จะพากันอยู่ให้ลำบากไปนานอะไรกัน”

    หลวงปู่มั่นถามว่า

    “พวกเทวดาก็รู้นิพพานกันด้วยหรือ ? ถึงว่าหมดกรรมแล้วก็ไปนิพพานกันได้ และพวกเทวดาก็มีความทุกข์เช่นสัตว์ทั้งหลายเหมือนกันหรือ ?”

    หัวหน้าเทวดาตอบว่า

    “ทำไมจะไม่รู้ท่าน! ก็เพราะพระพุทธเจ้าองค์ใดมาสั่งสอนโลกก็ล้วนแต่สอนให้พ้นทุกข์ไปนิพพานกัน ทั้งนั้น มิได้สอนให้จมอยู่ในกองทุกข์ แต่สัตว์โลกไม่สนใจพระนิพพานเท่าเครื่องเล่นที่เขาชอบเลย จึงไม่มีใครคิดอยากไปนิพพานกัน

    คำว่า ‘นิพพาน’ พวกเทวดาจำได้อย่างติดใจจากพระพุทธเจ้าแต่ละองค์ที่มาสั่งสอนสัตว์โลก แต่เทวดาก็มีกรรมหนาจึงยังไม่พ้นจากภพของเทวดาให้ได้ไปนิพพานกัน จะได้หมดปัญหา ไม่ต้องวกเวียนถ่วงตนดังที่เป็นอยู่นี้ ส่วนความทุกข์นั้น ถ้ามีกรรมอยู่แล้ว ไม่ว่าสัตว์จำพวกใดต้องมีทุกข์ไปตามส่วนของกรรมดีชั่วที่มีมากน้อยในตัวสัตว์”

    หลวงปู่มั่นถามว่า
    “พระที่พูดกับเทวดารู้เรื่องกันมีอยู่แยะไหม?”

    หัวหน้าเทวดาตอบว่า
    “มีอยู่เหมือนกันท่าน แต่ไม่มากนัก โดยมากก็เป็นพระซึ่งชอบปฏิบัติบำเพ็ญอยู่ในป่าในเขาเหมือนพระคุณเจ้านี่แล”

    หลวงปู่มั่นถามว่า

    “ส่วนฆราวาสเล่า มีบ้างไหม ?”

    หัวหน้าเทวดาตอบว่า

    “มีเหมือนกัน แต่มีน้อยมาก และต้องเป็นผู้ใคร่ทางธรรมปฏิบัติ ใจผ่องใส ถึงรู้ได้ เพราะกายของพวกเทวดานั้นหยาบสำหรับพวกเทวดาด้วยกัน แต่ก็ละเอียดสำหรับมนุษย์จะรู้เห็นได้ทั่วไป นอกจากผู้มีใจผ่องใสจึงจะรู้จะเห็นได้ไม่ยากนัก”

    หลวงปู่มั่นถามว่า

    “ที่ท่านว่าพวกเทวดาไม่อยากมาอยู่ใกล้พวกมนุษย์เพราะเหม็นสาบคาว มนุษย์นั้นเหม็นสาบคาวอย่างไรบ้าง ? ขณะที่ท่านทั้งหลายมาเยี่ยมอาตมาไม่เหม็นคาวบ้างหรือ ? ทำไมถึงพากันมาหาอาตมาบ่อยนัก ?”

    หัวหน้าเทวดาตอบว่า

    “มนุษย์ที่มีศีลธรรมมิใช่มนุษย์ที่ควรรังเกียจ ยิ่งเป็นที่หอมหวนชวนให้เคารพบูชาอย่างยิ่ง และอยากมาเยี่ยมเพื่อฟังเทศน์อยู่เสมอ ไม่เบื่อเลย มนุษย์ที่เหม็นคาวน่ารังเกียจคือมนุษย์ที่เหม็นคาวศีลธรรม รังเกียจศีลธรรม ไม่สนใจในศีลธรรม มนุษย์ประเภทเบื่อศีลธรรมซึ่งเป็นของดีเลิศในโลกทั้งสาม แต่ชอบในสิ่งที่น่ารังเกียจของท่านผู้ดีมีศีลธรรมทั้งหลาย มนุษย์ประเภทนี้น่ารังเกียจ จึงไม่อยากเข้าใกล้และเหม็นคาวฟุ้งไปไกลด้วย แต่เทวดามิได้ตั้งข้อรังเกียจชาวมนุษย์แต่อย่างใด หากเป็นนิสัยของพวกเทวดามีความรู้สึกอย่างนั้นมาดั้งเดิมดังนี้”

    [​IMG]

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    โอวาทธรรมสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ อมฺพรมหาเถร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

    การประพฤติปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะได้ชื่อว่าเป็นคนดีจริง และการจะระบุว่าหมู่ใดคณะใดควรได้รับยกย่องว่าเป็นหมู่คณะแห่งคนดี ควรใช้มาตรฐานใดเป็นสิ่งบ่งบอกได้อย่างถูกต้องแท้จริง

    อันที่จริงคำตอบสำหรับข้ออภิปรายนี้ไม่ใช่เรื่องยากในทางพระพุทธศาสนา เพราะสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเฉลยคำตอบไว้แล้วว่า “สีลํ กิเรว กลฺยาณํ” แปลความว่า “ท่านว่าศีล เป็นความดี”

    ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๑

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ชื่อว่า เกียรติ นั้น พึงหมายถึงว่า ตนเองนับถือตนเองได้ด้วยค้นหาไปไม่พบข้อผิด ผู้อื่นที่ใคร่ครวญแล้วก็ติไม่ได้ จึงเป็นผู้ที่เขาพากันนับถือได้โดยไม่มีข้อตะขิดตะขวงใจ
    แต่ว่าเกียรติดังกล่าวนี้ จะมีได้แต่เฉพาะผู้ตั้งอยู่ในธรรมอย่างสามัญ คือ “มนุษยธรรม” เป็นต้นว่า ความมีหิริโอตัปปะ ความสุจริต ความเมตตากรุณา
    ทั้งนี้ ก็ต้องอาศัยความมีจิตใจที่ได้บริหารการฝึกมาดี ให้มีสมาธิ คือ ตั้งใจมั่นอยู่ในทางที่ถูก โดยไม่หวั่นต่อเครื่องเย้ายวนใจทั้งปวง และให้มีปัญญา คือ ความรู้ที่เฉียบแหลม สามารถเจาะแทงปัญหาต่าง ๆ ให้ลุล่วงอุปสรรคอันตรายทั้งปวงไปได้
    การฝึกจิตให้ดีจึงเป็นเหตุชักนำให้ตั้งอยู่ในธรรม และให้บำเพ็ญบุญกรณีต่างๆ เป็นเหตุให้บังเกิดเป็นเกียรติเป็นศรี หรือสิริของผู้มีบุญญาธิการ ยังผลดีทั้งหลายให้ไหลมาเป็นประโยชน์แก่คน ทั้งปวง

    ภาพ : เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ พระอุโบสถวัดญาณสังวราราม จังหวัดชลบุรี พุทธศักราช ๒๕๓๓

    -เกียรติ-นั้น-พึง.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ขอเชิญร่วมบุญบูรณะ เจดีย์แม่ชีแก้ว (หุ้มด้วยวัสดุสแตนเลส ราคา 2 ล้านบาท)

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่ข่าวสารงานบุญนี้ ทุกๆท่าน

    -เจดี.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “….อชฺเชว กิจจมาตปฺปํ โก ชญฺญา มรณํ สุเว

    นหิโน สํครนฺเตน มหาเสเนน มจฺจุนา

    อันพญามัจจุราชคือความตายนั้น ตามติดเราอยู่ทุกวัน และไม่มีกำหนดหมายในเรื่องของความตายว่า เราจะตายวันใด พระพุทธเจ้าสอนว่าอย่างนั้น

    พญามัจจุราช คือ ความตาย หรือเสนามัจจุราชคือความตาย ย่อมติดตามเราอยู่ทุกวัน

    ไม่รู้ว่าวันไหนเค้าจะมาปริดชีวิตของเราไป เพราะฉะนั้นจึงว่าความตายนี้ ไม่เลือกเวลา ไม่เลือกแก่ ไม่เลือกหนุ่ม ไม่ว่าสาว ย่อมสามารถจะตายด้วยกันได้ทั้งนั้น เพราะพญามัจจุราชตามติดอยู่…”

    หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย
    วัดเขาสุกิม จ.จันทบุรี

    -กิจจมาตปฺปํ-โก-ช.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “สร้างกรรมด้วยวาจา สร้างกรรมด้วยใจนึก”

    เดี๋ยวนี้ก็ยิ่งสร้างบาปสร้างกรรมมาก อ้าว ติดต่อกัน กำลังลงมือประชุมกัน เดี๋ยวก็ด่าคนโน้น เดี๋ยวก็ด่าคนนี้ สร้างกรรมด้วยวาจา สร้างกรรมด้วยใจนึก สร้างกรรมอยู่อย่างนั้น มันไม่หยุดไม่หย่อนสักที

    โลกเรานี้ เดี๋ยวก็ว่าคนนั้น เดี๋ยวก็ว่าคนนี้อยู่นั่นแหละ สำคัญมั่นหมายว่าตนเป็นคนวิเศษ เป็นคนประเสริฐยิ่ง หาเรื่องแดกดันคนนั้นคนนี้อยู่นั่นแหละ นั่นเรื่องของโลกมันเป็นอยู่อย่างนั้น เพราะสร้างกรรม

    ฟังให้ดี ดูซิ…เป็นใหญ่เป็นโตเท่าไหร่ก็ยิ่งสร้างกรรมมากเข้า สร้างกรรมไม่หยุดไม่หย่อน มันก็ไม่หลุดไม่พ้นสักทีละเหมือนกับกรรมนั้นก็พยาบาทติดต่อกันเรื่อยๆ ไป นี่กรรมเวรมันก็ไม่สิ้นสุดสักที เอาอย่างนั้น พิจารณาอย่างนั้น

    การที่เราอุตส่าห์พยายามมาประพฤติปฏิบัติมา ฝึกหัดตนของตน ก็เพราะอยากรู้สิ่งเหล่านี้ อยากละอยากถอนสิ่งเหล่านี้ ให้เห็นความจริงว่า จิตใจของเราจะต้องไม่ยึดมั่นถือมั่น มันปล่อยวาง ‘กมฺมุนา วตฺติ โลโก’ สัตว์โลกย่อมเป็นไปเพราะกรรม มันทำกรรมไม่หยุดไม่หย่อน มันก็เป็นกรรมนั่นแหละที่ต่อเนื่องกันมา เห็นไหม ทางที่ดีท่านให้ปล่อยวางซะ…อย่าไปเกี่ยวข้อง หรือยุ่งอยู่กับเรื่องของกรรม มันผูกพยาบาทอาฆาตกันอยู่ตลอดเวลา มนุษย์โลกอยู่ทุกวันนี้ กำลังจะเริ่มก่อกรรมก่อเวรกรรมแล้ว มาถึงการหาคะแนนเสียงอยากเป็นใหญ่เป็นโตโน่น…

    ให้ตั้งใจภาวนา ภาวนาหรือเปล่า…หมั่นพิจารณาให้มาก มาทรมานใจของเราให้มาก ถ้าเราไม่ทรมานมันไม่ได้ มันเคยตัว มันเคยตัวมาหลายชาติหลายภพแล้ว เป็นอยู่อย่างนั้น เราไม่ทรมานมัน มันก็ให้เราได้เสวยผลกรรมอยู่อย่างนั้น เดี๋ยวก็ปวดขาเดี๋ยวก็ปวดแข้งอยู่อย่างนั้น มันก็แสดงแต่เรื่องของทุกข์ทั้งนั้น แต่เราไม่เบื่อ ไม่เห็นโทษของมันสักที มีแต่อาการยินดี

    “พระอาจารย์บุญจันทร์ กมโล”
    วัดป่าสันติกาวาส
    อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี

    :: รวมคำสอน “หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล”
    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=44294

    :: ประวัติและปฏิปทา “หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล”
    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=22459

    :: ประมวลภาพ “หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล” วัดป่าสันติกาวาส
    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=42448

    —–

    -สร้าง.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ชีวประวัติย่อ หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ
    วัดป่าสุจิณโณ บ.หนองเซียงซุย ต.ป่าหวายนั่ง อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น
    ***********
    หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ พระมหาเถระผู้มีอุปนิสัยพูดน้อย สันโดษ เรียบง่าย เป็นพระสงฆ์ผู้มีศีลาจาริวัตรที่งดงาม เป็นพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีเมตตาต่อสานุศิษย์ทุกหมู่เหล่า

    นามเดิมท่านชื่อ ถวิล นามสกุล ยอดแคล้ว ถือกำเนิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๘๕ ตรงกับวันขึ้น ๕ ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะเมีย ณ บ้านเลขที่ ๗๓ หมู่ ๘ บ้านหนองไฮ ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น โยมบิดาชื่อคุณพ่อบุญ โยมมารดาชื่อคุณแม่เฝือ ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๖ คน ต่อมาไม่นานมารดาผู้ให้กำเนิดท่านเสียชีวิตลง จากนั้นท่านจึงย้ายไปอยู่กับป้า เพราะบิดาไปมีภรรยาใหม่

    พออายุเข้าเกณฑ์ศึกษาแล้ว ท่านเข้าเรียนที่โรงเรียนประจำหมู่บ้านคือ โรงเรียนบ้านหนองไฮ จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดในสมัยนั้น ครั้นเรียนจบแล้ว ท่านได้ช่วยคุณป้าทำนาทำไร ใช้วิถีชีวิตแบบธรรมดาของคนสมัยนั้น

    การอุปสมบท : อายุ ๒๒ ปี หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ ท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุในทางพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๗ เวลา ๑๓.๔๐ น. ณ อุโบสถวัดศรีจันทร์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น
    โดยมี พระวินัยสุนทรเมธี (หลวงปู่สุพจน์ อนุตฺตโร) เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระมหาปรีชา เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระมหาดุสิต เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    พระอุปัชฌาย์ ขนานนามฉายาให้ว่า สุจิณฺโณ แปลว่า ผู้ปฏิบัติดีแล้ว
    ครั้นอุปสมบทแล้ว ท่านอยู่ศึกษาและปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ธีร์ ที่วัดหนองไฮ ซึ่งเป็นวัดป่าประจำหมู่บ้าน หลวงปู่ธีร์นี้ ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    ต่อมาหลวงปู่ถวิล สุจิณโณ ท่านเข้าถวายตัวเป็นลูกศิษย์เพื่อศึกษาและปฏิบัติธรรม กับหลวงปู่อุ้ย สุมังคโล วัดกลันทกาวาส บ.หนองอุ ต.ทรายทอง อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู

    หลวงปู่อุ้ย สุมังคโล นี้ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ภายหลังจากหลวงปู่อุ้ย สุมังคโล ท่านมรภาพและถวายเพลิงแล้ว อัฐิก็กลายเป็นพระธาตุ เป็นประจักษ์พยานในการสำเร็จมรรคผลสุงสุดในทางพระพุทธศาสนา

    คู่บารมีธรรม : หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ ท่านมีคู่บารมีธรรม คือ หลวงปู่สว่าง โอภาโส แห่งวัดศรีอุดมรัตนาราม ต.ทมนางาม อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี และท่านจำพรรษาอยู่วัดแห่งนี้นานที่สุด โดยหลวงปู่สว่าง โอภาโส เป็นเจ้าอาวาส และหลวงปู่ถวิล สุจิณโณ เป็นประธานสงฆ์ เมื่อหลวงปู่สว่าง โอภาโส ละสังขารแล้ว ท่านออกธุดงค์โปรดลูกศิษย์ตามวัดต่างๆ เรื่อยมา
    ต่อมาคณะศิษย์ยานุศิษย์ ได้สร้างวัดป่าสุจิณโณ เพื่อถวายเป็นอาจาริยบูชา พร้อมกราบนิมนต์หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ ให้มาเป็นเจ้าอาวาส พำนักปฏิบัติธรรมเป็นการถาวร เนื่องจากท่านเข้าสู่วัยชราแล้ว ท่านได้เมตตาเลือกสถานที่แห่งนี้ และกำกับดูแลให้กำลังใจลูกศิษย์ในการสร้างวัด ตั้งแต่วันที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ และย้ายเข้ามาอยู่ประจำเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๓ จนถึงมรณภาพ

    อาพาธ : หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ ท่านเริ่มอาพาธด้วยโรคเบาวาน และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๘ หลวงปู่ถวิล ท่านได้รับการดูแลรักษาจากคณะแพทย์เป็นอย่างดีมาโดยตลอด พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์อยู่สองปี ครั้นอาการอาพาธดีขึ้นแล้ว คณะศิษย์นิมนต์หลวงปู่ไปพักรักษาธาตุขันธ์ที่วัดป่าสุจิณโณ และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตามที่คุณหมดนัดมาอย่างต่อเนื่อง

    การมรณภาพ : หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ ท่านถึงแก่มรณภาพด้วยอาการอันสงบตามกฎแห่งธรรมชาติ เมื่อวันพุธที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เวลา ๐๔.๕๐ น. ณ วัดป่าสุจิณโณ สิริรวมอายุได้ ๗๕ ปี ๑๑ เดือน ๒๒ วัน ๕๕ พรรษา และทำพิธีถวายเพลิงสรีระสังขาร ในวันพุธที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เวลา ๑๖.๐๐ น. ซึ่งช่วงท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านสั่งลูกศิษย์ว่า เมื่อท่านมรณภาพแล้ว ให้ทำการเผาภายในเจ็ดวัน อย่าเก็บไว้นานจะทำให้เป็นภาระแก่คณะศิษย์
    การมรภาพของหลวงปู่ถวิล สุจิณโณ นั้น นำความอาลัยมาสู่สานุศิษย์ แลพุทธศาสนิกชนทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง

    พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า
    อนิจจา วต สังขารา อุปปาทวยธัมมิโน
    อุปปัชฌิชตวา นิรุชฌันติ เตสังวูป สโม สุโข
    สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง มีความเกิดขึ้นแล้วมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
    มีความเกิดขึ้นแล้ว มีความดับไปเป็นธรรมดา
    ความเข้าไปสงบระงับสังขารทั้งหลาย เป็นสุขอย่างยิ่ง

    ขอน้อมถวายความอาลัยแด่องค์หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ พระมหาเถระผู้ปฏิบัติดีแล้ว พระมหาเถระผู้มีจิตอันฝึกดีแล้ว พระมหาเถระผู้ถึงธรรมอันสูงสุดแล้ว พระมหาเถระผู้มีศีลอันบริบูรณ์แล้ว พระมหาเถระผู้ควรแก่การกราบไว้แลสักการะบูชา ด้วยเศียรเกล้า

    น้อมถวายเป็นสังฆรัตนบูชา แด่องค์หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ
    ๙ ตุลาคม ๒๕๖๑

    กราบขอบพระคุณข้อมูลจาก
    พระอาจารย์มลฑล อมโร
    เจ้าอาวาสวัดป่าหนองไฮ จ.อุดรธานี

    ตะวัน คำสุจริต
    บรรยาย/เรียบเรียง
    www.burapajan.com

    ได้ข้อมูลและรูปภาพจาก สนิมกินเหล็ก กิเลสกินใจ

    -หลวงปู่ถว.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    พระคาถา ระลึกถึงพระบารมี องค์ล้นเกล้า ร.๙ อย่างสั้น

    “ภูมิพะโล จะ มหาราชา พระอะระหังเมตตา บุญรักษา อายุ วรรโณ สุขัง พลัง อันตะรายายะ วินาส สันติ ”

    หัวใจพระคาถา ระลึกถึงพระบารมี องค์ล้นเกล้า ร.๙ อย่างสั้น

    จดจำง่าย ที่หลายๆคน จะสามารถนำไปจดจำท่องบน เป็นอารมณ์ สมาธิฌาน จะมีอานุภาพมมาก เพื่อร่วมกันถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว องค์ล้นเกล้า ร.๙

    ( ช่วยนำเผยแพร่ ส่งต่อ ให้สวดกันทั้งแผ่นดิน จะมีผลมาก เป็นเมตตาพลัง ถ้าเข้าสู่ขั้น”เมตตา อัปมัญญา ” จะยิ่งส่งผลเป็นทวีคูณ )

    “ขอน้อมกราบระลึกถึง พระมหากรุณาธิคุณ แห่งพระองค์ สุดจะประมาณมิได้ ชั่วตลอดชีวิต”

    ” ทองทิพย์ โอภาโส”

    https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1246890892035954&id=193340870724300

    ได้ข้อมูลและรูปภาพจาก อาศรมธรรม โอภาโส

    -ระลึกถึงพระบารม.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...