ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๑ เป็นวันครบรอบ ๖๙ ปี แห่งการละสังขารของพระบูรพาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าภูริทัตตถิราวาส (หนองผือนาใน) อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร

    ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เดิมชื่อ มั่น นามสกุล แก่นแก้ว เป็นบุตรของ นายคำด้วง และ นางจันทร์ ท่านถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ.๒๔๑๓ ตรงกับวันพฤหัสบดี เดือนยี่ ปีมะแม ณ บ้านคำบง อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี

    เมื่ออายุได้ ๒๒ ปี ท่านเล่าว่ามีความอยากบวชเป็นกำลัง จึงอำลาบิดามารดาบวช ซึ่งท่านทั้งสองก็อนุญาต จึงได้เข้ารับการอุปสมบทในวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๖ ณ วัดศรีทอง อ.เมือง จ. อุบลราชธานี โดยมีพระอริยกวี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสีทา ชยเสโน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูประจักษ์อุบลคุณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า “ ภูริทัตโต ” หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้ไปพำนักจำพรรษา และศึกษาธรรมกับพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโลที่วัดเลียบ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

    หลังจากที่ท่านได้บรรลุธรรมขั้นสูงที่ถ้ำสาลิกาแล้ว ท่านได้กลับมายังภาคอีสาน การกลับมาของท่านคราวนี้ทำให้พระเณรตื่นตัวหันมาปฏิบัติกันอย่างจริงจังมากขึ้น บังเกิดเป็นกองทัพธรรมพระกรรมฐานได้นำธงชัยแห่งพระพุทธศาสนากระจายเผยแผ่อมตะธรรมไปทั่วสารทิศ ท่านได้นำลูกศิษย์ลูกหาออกบำเพ็ญภาวนา ยิ่งนับวันยิ่งมีผู้เคารพศรัทธาท่านเพิ่มมากขึ้น

    ท่านได้ไปจาริกแสวงธรรม อยู่ทางภาคเหนือนานถึง ๑๒ ปี ท่านจึงได้เดินทางกลับมายังภาคอีสานตามคำอาราธนานิมนต์ของลูกศิษย์ลูกหา พอกลับมาถึงภาคอีสานท่านได้เข้าพักที่วัดป่าสาลวัน เมืองโคราช จากนั้นท่านได้โดยสารรถไฟต่อไปยัง จ.อุดรธานี ที่ จ.อุดรธานีนี้ท่านได้เข้าพักที่วัดโพธิสมภรณ์ และวัดป่าโนนนิเวศน์ จนกระทั่งมีคณะศรัทธาจาก จ.สกลนคร มานิมนต์ให้ท่านไปโปรดพวกเขา ท่านจึงรับคำนิมนต์ โดยได้ไปพักอยู่ที่วัดป่าบ้านโคก ( วัดป่าวิสุทธิธรรม ) อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร หน้าแล้งในพรรษาหนึ่งก็ได้มีคณะศรัทธาจากบ้านหนองผือนาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เดินทางมานิมนต์ท่านไปสั่งสอนธรรม ท่านจึงรับนิมนต์และย้ายจาก อ.โคกศรีสุพรรณ ไปยังบ้านหนองผือนาใน และที่วัดป่าบ้านหนองผือแห่งนี้นี่เองเป็นสถานที่ที่ท่านพระอาจารย์มั่น จำพรรษาอยู่นานถึง ๕ พรรษา จนถึงวาระสุดท้ายปลายแดนแห่งปฏิปทาของท่าน

    ในวัยชรานับแต่ พ.ศ. ๒๔๘๔ เป็นต้นมาท่านมาอยู่จังหวัดสกลนคร ณ เสนาสนะป่าบ้านนามน อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร และที่ใกล้ๆแถวนั้นบ้าง ครั้น พ.ศ. ๒๔๘๗ จึงย้ายไปอยู่เสนาสนะป่าบ้านหนองผือ ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร จนถึงปี พ.ศ. ๒๔๙๒ ซึ่งเป็นปีที่ท่านมีอายุย่างขึ้น ๘๐ ปี ท่านเริ่มอาพาธเป็นไข้คณะศิษย์ผู้อยู่ใกล้ชิดก็ได้เป็นธุระรักษาพยาบาลไปตามกำลังความสามารถอาการอาพาธก็สงบไปบ้างเป็นครั้งคราว จนจวนจะออกพรรษาอาการอาพาธก็กำเริบมากขึ้น ข่าวนี้ได้กระจายไปอย่างรวดเร็วพอออกพรรษา คณะศิษยานุศิษย์ผู้อยู่ไกลต่างก็ทยอยกันเข้ามาปรนนิบัติพยาบาลแล้วนำท่านมาที่วัดป่าบ้านภู่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่ฉลวย สุธัมโม ลูกศิษย์ของท่านมาสร้างไว้ อาการอาพาธของท่านมีแต่ทรงกับทรุดลงโดยลำดับ ครั้นเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๒ คณะศิษย์ได้นำท่านมาพักที่วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร โดยพาหนะรถยนต์มาถึงวัดป่าสุทธาวาสเวลาเที่ยงเศษ ครั้นถึงเวลา ๐๒.๒๓ น. ของวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๒ ท่านก็ได้ถึงแก่มรณภาพด้วยอาการสงบ ท่ามกลางคณะศิษยานุศิษย์ทั้งหลายสิริรวมอายุของท่านได้ ๘๐ ปี ตรงตามที่ท่านพยากรณ์ไว้แต่เดิม

    -๑๑-พฤศจิกายน-พ-ศ-๒๕.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ✨โอวาทธรรมองค์พระบูรพาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต✨

    1f4cd.png เนื่องในวันที่ ๑๑-๑๑-๒๕๖๑ เป็นวันคล้ายวันละสังขารของ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต น้อมระลึกด้วยความเคารพสูงสุด 1f4cd.png

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    วันนี้เป็นวันคล้ายวันมรณภาพ
    ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต (11 พฤศจิกายน)
    ท่านใดที่นับถือหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์
    ก็ขอเชิญร่วมกันทำจิตให้เป็นกุศลในคืนนี้
    แม้ไม่มีดอกไม้ มาลัย เทียนหอม
    แต่เราสามารถทดแทนได้ด้วยการปฏิบัติบูชา
    จะสวดมนต์ ทำสมาธิ เดินจงกรม
    ตั้งจิตพิจารณาธรรมก็ได้ทั้งนั้น
    อนุโมทนากับมหาปัญญา
    ทั้งเมตตาที่ท่านเพียรยกพระธรรม
    ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ให้ยืนยาวสู่ยุคสมัยที่เราถือกำเนิด
    เกิดมาบนโลก…

    ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพและท่านเจ้าของบทความ

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ศีล ๕ ของพระพุทธศาสนาเป็นศีลมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ เป็นศีลที่มีมาตั้งแต่ก่อนพระพุทธเจ้าจะทรงอุบัติขึ้นมาในโลก ถ้าเราศึกษาในพระไตรปิฏก ในสมัยที่พระพุทธเจ้าได้เคยเสวยพระชาติเป็นสัตว์ต่างๆ พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าพระองค์ได้รักษาศีล ๕ รักษาศีลอุโบสถเป็นพื้นฐาน สมัยเป็นพระเวสสันดร พระองค์ก็รักษาศีลอุโบสถอยู่ในป่า ตอนเป็นฤาษีชีไพร รักษาศีล ๕ ก็มี รักษาศีลอุโบสถก็มี เมื่อสมัยยังทรงเสวยพระชาติเป็นพระเจ้าแผ่นดิน พระองค์ก็ทรงรักษาศีล ๕ เป็นพื้นฐาน

    สรุปแล้วก็คือ ศีล ๕ เป็นศีลคุ้มครองโลกมาอยู่แล้วตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ไม่ใช่เป็นศีลที่พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้วเลยพึ่งมาบัญญัติ อันนั้นไม่ใช่ พระพุทธองค์ได้นำศีล ๕ ศีลคุ้มครองโลกที่มีมาแต่ดึกดำบรรพ์ มาบัญญัติไว้ในพระพุทธศาสนา

    หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
    คัดจาก “ศีลดึกดำบรรพ์”
    หนังสือ “สันตุสสโกวาท”

    -๕-ของพระพุทธศาสนาเป็.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    พิจารณาจิต รู้…เห็นจิต

    “..การเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์โลกเป็นไปตามกรรม ถ้าใครจะสามารถฝึกจิตสอนใจของตัวเองจะสามารถที่จะชนะเวทนาในขณะที่ตายได้อย่างสบาย คือในขณะที่ตายนั้นทราบอยู่ เกาะพระพุทโธ ธัมโม หรือสังโฆ คำหนึ่งคำใดหรือทั้งสามคำนี้ก็จะสามารถไปสู่คติที่ดี ดีเลิศ เลิศที่สุดคือพระพุทโธ พระธัมโม พระสังโฆ ดีเลิศกว่าบุญขนานอื่นสำหรับพุทธมามกะที่ทำ ยกเว้นองค์ฌานนะ นี่พูดถึงสมาธิคือขั้นสมาธิ ยกเว้นองค์ฌานเพราะฌานจะเหนือนี้ขึ้นไปนะ ผู้ที่ได้ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน นั้นเหนือนี้ขึ้นไปนะอันนี้พูดถึงว่าในขณะจิตที่จะตายนั่นล่ะ นั่นให้พวกเราเข้าใจนะ อย่างนั้นการทำจิตภาวนาของพวกเราจึงอยู่ที่จุดนี้ว่าจะสามารถชนะเวทนาได้ไหม หรือจะหลงในการปรุงในการแต่งของจิตอยู่ ลองนั่งดูพินิจพิจารณาดูจิตของตัวเองไม่ต้องทำอะไรล่ะ มีสติรู้ตัวเองอยู่รู้ตัวว่านั่งและจะทราบว่าความรู้สึกนึกคิดของตัวเองมันคิดแบบไหน มันคิดจะจับโน่นจับนี่ คิดจะหยุก ๆ หยิก ๆ คิดจะขยับโน่นขยับนี่ เรามีสติตั้งมั่นรู้ตัวอยู่อย่าทำตามมันคือไม่ทำตามเวทนา มันจะปรุงมันจะแต่งท่านเรียกว่าเวทนานะนี่นะ จะให้ทำโน่นหยิบโน่นทุกนั่นกุ๊กๆกิ๊กๆเราไม่ทำตามมันเรารู้ตัวอยู่อย่างเดียวไม่ทำตามเราจะชนะเวทนาให้ได้เมื่อทำอย่างนี้บ่อยครั้งเข้าๆ จิตกับเวทนามันจะแยกจากกัน จะเห็นชัดเลยนะ ตัวปรุงก็ส่วนตัวปรุง ปรุงแต่งไปตามประสีประสาของขันธ์ สังขารขันธ์ สังขารมาร มันก็ปรุงไปล่ะแต่ไปล่ะตามประสีประสาของพวกมารนั่นล่ะแต่ตัวรู้ที่ออกจากการปรุงแต่งนั้นมันจะเกิดเพราะมีสติรู้อยู่ตรงกลาง

    นี่นักจิตภาวนาจะเป็นแบบนั้น
    เมื่อแยกเวทนาออกจากจิตได้แล้วนั่นแลจะทราบทันทีว่าตัวปรุงตัวแต่งนั้นไม่ใช่จิต เรื่องของขันธ์ สังขารขันธ์ที่เราเรียกกันเป็นการปรุงการแต่ง คิดชั่วบ้าง คิดดีบ้าง คิดทำนั่นทำนี่ คิดประมาทครูบาอาจารย์องค์นั้นองค์นี้ คิดเทิดทูนครูบาอาจารย์องค์นั้นองค์นี้คิดไปตามประสีประสามันคิดของมันอยู่แบบนั้น ก็คิดไปอยากจะได้เมียคิดไปอยากจะได้ผัว คิดอยากจะมีโน่นมีนี่เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีมันก็คิดก็ปรุงไป ดูมันมีสติรู้ตัวอยู่เป็นกลางๆเมื่อทำแบบนี้บ่อยครั้งเข้าๆดั่งที่พูดให้ฟังจิตมันจะแยกออกจากเวทนาจะเห็นตัวรู้เด่นอยู่ข้างหนึ่ง สติอยู่กลาง ความปรุงแต่งอยู่อีกข้างหนึ่งจะรู้อยู่แบบนั้นนี่ท่านเรียกว่า สติปัฏฐานสี่ ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ไม่สามารถรู้จิตเห็นจิต ไม่รู้เลยว่าขณะที่มันปรุงมันแต่งนี้มันเกิดจากอะไรก็เลยทำตามมัน มันอยากจะทำโน่นอยากจะทำนี่อยากจะลุกอยากจะเดินอยากจะไปก็ไปทำตามมันเลยไม่ทราบว่ามันเกิดด้วยเหตุเนื่องอะไร แต่นักจิตภาวนาที่ท่านเอาจริงเอาจังที่อยู่สติปัฏฐานสี่ที่เรียกว่า กาย เวทนา จิต ธรรม พิจารณากายในกาย พิจารณาเวทนาในเวทนา พิจารณาจิตในจิต พิจารณาธรรมที่เกิดขึ้นในใจ พิจารณาธรรมที่อยู่ในกายนี้คือพิจารณาเวทนา ถ้าพูดตามผู้ที่ประพฤติปฏิบัติทางด้านจิตภาวนาทางภาคปฏิบัติล้วนๆ

    หลวงปู่ไม่ได้ทำอะไรเลยนะทั้งวันเลยอยู่แบบนี้ตลอดๆ ตั้งแต่บรรพชา ตั้งแต่เป็นผ้าขาวโน่น เลยนะ เพ่ง จ้องว่าความรู้สึกนึกคิดมาจากไหน ถ้าคิดว่าจากสมองไม่ใช่ลองเพ่งดูที่สมอง มันก็ไปคิดที่อื่น จะว่าในกายก็ไม่ใช่ จะว่านอกกายก็ไม่ใช่ ดูมันอยู่อย่างนั้น ทำไมจึงต้องดูมันก็อยากจะเห็นว่ามันคิดมาจากไหนใจเป็นตัวคิดหรือว่าสมองเป็นตัวคิด หรือว่าอะไรเป็นตัวคิด ลองดูว่าคิดอยู่ที่สมองก็ไม่ใช่มาดูที่ใจก็ไม่เชิง ดูที่เท้าก็ไม่เชิง ดูที่มือก็ไม่เชิง ไม่ทราบว่ามันคิดจากไหนดูไปเรื่อยๆพอดูไปๆจึงทราบว่าความคิดไม่ได้อยู่ที่ขันธ์ ให้เราเข้าใจนะความคิดไม่ได้อยู่ที่ขันธ์ รู้ได้ในช่วงที่สามารถรู้จุดเริ่มต้นในการปรุง จิตมันไม่ปรุงนะมันจะอยู่แบบนั้นแต่สังขารขันธ์กับจิตมันจะเข้ากัน เวลามันขยับครั้งแรกมันจะแกร็ก..พริบพรับ.. เหมือนกับสโคปนี้เลยมันเป็นแบบนั้น พริบพรับๆๆ ตัวที่มันยังไม่ได้ปรุงอะไร อ๋อ….รู้ทันทีเลย พอถึงจุดนั้นมันจะแยกปั๊บเลย พอจุดนั้นมันไม่ปรุงไงคือมันยังไม่ปรุงมันเริ่มต้นของมัน อ๋อ..จุดเริ่มต้นของมันอยู่จุดนั้นนั่นแหละที่ครูบาอาจารย์เรียกว่า “ต้นจิต”

    ถ้าศึกษาดูตามตำรับตำรามันก็ไม่ได้นะต้องศึกษาตามภาคปฏิบัติถ้าไม่มีภาคปฏิบัติเลยไม่ได้ ศึกษาไปร้อยปี พันปี หมื่นปี แสนปี ก็เท่าเก่านั่นแหละ เทศน์จนน้ำลายฟูมปากก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาเพราะยังไม่รู้ ้นจิต ที่แท้ว่ามันเกิดจากอะไร หลวงปู่เพ่งอยู่อย่างนั้นเพ่งไปจนเกิดฌานเกิดญาณเกิดอภิญญาซึ่งพวกเราได้รับอยู่เดี๋ยวนี้ก็การเพ่งจิตอย่างเดียวนี้แหละในสติปัฏฐานสี่อย่างเดียว ไม่เคยห่างกายไม่เคยห่างจิตไม่เคยห่างเวทนาไม่เคยห่างธรรมเลยนะเรา เราอยู่ของเราอยู่แบบนี้นะ ิจารณากาย ก็คือ ิจารณาจิต นั่นแหละ พิจารณาจิต ก็ ิจารณาเวทนา นั่นแหละ พิจารณาเวทนา ก็ ิจารณาธรรม นั่นแหละไม่เคยผ่านเรานั่นแหละหลวงปู่จึงดีขึ้นมาๆๆ เพราะมี สติ เราก็รู้ของเราอยู่แบบนั้น อ๋อเวลาที่มันปรุงแต่งปั๊บ อ๋อ……มันไม่ใช่จิตนี่แต่เป็นตัวปรุงนี่มันเข้าหากันมันเหมือนกับแม่เหล็กที่วิ่งเข้าหากัน เปรียบเสมือนว่าจิตนี้เป็นแม่เหล็ก เปรียบเสมือนความคิดนี้เป็นลักษณะพวกเชื้อ เป็นเหล็กเป็นอะไรที่สามารถที่จะติดกับแม่เหล็กได้อย่างง่ายดายเอาอะไรเป็นเครื่องกั้น พระพุทธเจ้าว่าสติเป็นเครื่องกั้น
    พอรู้จุดนั้นเราก็ปฏิบัติหลวงปู่ไม่ได้ศึกษาอะไรมากนะปิดตำราเลยดูจิตอย่างเดียว ดูเวทนาอย่างเดียวมันจะปรุงจะแต่งบางทีร้องไห้ก็ทราบว่ามันร้องไห้เรื่องของขันธ์คือรู้เวทนา แต่ไม่ไปตามมัน มันจะรักใครก็ตาม มันจะชังใครก็ตาม มันจะเกลียดใคร มันจะวุ่นวายก่ายกองนอนนอนไม่หลับกินไม่ได้ก็ตามไม่สนใจก็ดูอย่างเดียวตายก็ตาย คือจะแยกจิตออกจากกาย คือจะแยกจิตออกจากขันธ์ พูดง่ายว่าๆจะแยกจิตออกจากรูปตัวนี้ และจะแยกจิตออกจากเวทนา จะแยกจิตออกจากสัญญาจากสังขารและจากวิญญาณ พวกเราอย่าคิดว่าวิญญาณเป็นจิตไม่ใช่นะจิตส่วนจิตนะ วิญญาณคือธาตุรู้ตามอาการของขันธ์ อย่างงั้นผู้ที่สิ้นอาสวะแล้วท่านจึงดับรูปดับเวทนาดับสัญญาดับสังขารดับวิญญาณนี่พูดเป็นหลายแง่หลายมุมนะแต่พูดเป็นแง่เดียวมุมเดียวก็คือดับวิญญาณเมื่อดับวิญญาณได้แล้วการท่องเที่ยวในวัฏฏสงสารก็ไม่มีอีก นี่มันอยู่จุดนั้นอย่างงั้นถ้าใครมีสติสามารถรู้ต้นจิตได้เป็นผู้ที่มีธรรมครองใจ ตอนนี้ธรรมมันไม่ครองใจนะซิธรรมก็เป็นธรรมฝ่ายเลวครองใจก็เลยไปตามมัน

    ในช่วงที่หลวงปู่ประพฤติปฏิบัติใหม่ๆนี่ตกใจกลัวเหมือนกันเพราะตัวสังขารนี่มันปรุงมันแต่ง หลวงปู่กลัวผีตั้งแต่เด็กเวลาดูจิตเมื่อไรมันจะส่งผลออกมาเป็นรูปเป็นร่างเลยนะเดินโย่งๆมาเลยรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวฟันออกมานอกริมฝีปากแยกเขี้ยวตาโหว๋ๆมาผมลากมามันก็ปรุงก็แต่งเพราะมันกลัวผี อ๋อ..ตอนแรกก็เกือบจะเป็นบ้าเหมือนกันแล้วก็เห็นภาพต่างๆนานที่เขาจะมาฆ่าจะมาทำอะไรมันเป็นการปรุงแต่งของสังขารจิตเดิมจิตแท้มันไม่ได้ปรุงนี่ เราก็สู้อยู่บางวันนี่เหงื่อนี่ไหลซึมเลยนะ เพราะความกลัวกลัวก็เป็นเวทนาคือสู้กับเวทนาเมื่อสามารถจะสู้กับเวทนากับสังขารพวกนี้ได้ในช่วงต้นๆ ก็ขยับลงไปลึกลงไปๆๆเมื่อขยับถึงที่จุดนั้นมันจึงจะสามารถทำลาย ทำลายอะไร ทำลายความงี่เง่าเต่าตุ๋นของตัวเองได้ นั่น…เพราะมีสติแล้วจะเป็นตัวรู้อยู่กลางๆจะรู้ว่าตัวรู้ตัวปรุงตัวแต่ง กลัวโน่นกลัวนี่มันไม่ได้อยู่ที่จิตมันเป็นเรื่องของขันธ์ตามที่องค์หลวงตามหาบัวท่านว่าเวลาที่เราเดินไปก็ตามเห็นไม้อยู่ตามองไปนึกว่างูก็กระโดดเพราะความกลัวเหมือนกัน ก็เหมือนกับปุถุชนคนธรรมดานี่ล่ะท่านว่า นั่น..เพราะตัวนี้มันเป็นสังขารขันธ์จิตแท้มันแยกออกจากกายอย่างสิ้นเชิงแล้ว อย่างงั้นการปรุงการแต่งในภาคปฏิบัติจะไม่ได้อยู่ที่กายมันอยู่นอกกายก็ไม่เชิงมันอยู่อีกที่หนึ่งของมันเพราะเวลาเห็นจิตแล้วจะไม่เห็นกาย พูดง่ายๆ ถ้าเห็นการปรุงแต่งของจิตอยู่ ปั๊บๆๆๆ
    จะไม่เห็นกายนะ ถ้ายังเห็นกายอยู่แสดงว่ายังไม่เห็นจิตนะนี่นักปฏิบัติต้องรู้แจ้งแทงตลอดขนาดนั้น อย่างงั้นก็โง่ให้กิเลสหนาตัณหามืดนะซิ มันก็ดึงลากๆไปพอไปถึงจุดนั้นไปเจอเวทนามันก็ไม่ผ่านซิ นั่น..มันเป็นแบบนั้น แต่หลวงปู่นี่สามารถที่จะผ่านได้เลยเพราะเหตุที่ว่าหลวงปู่สละตายไง ขันธ์นี้หลวงปู่ไม่เอา คือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นี้ หลวงปู่มอบกายถวายชีวิตให้กับพุทธะ ธัมมะ สังฆะ แล้วหลวงปู่ว่าเราจะตายกับพุทธะ ธัมมะ สังฆะ ตายก็ตายซิมันจะฆ่ามันจะเชือดเฉือนอะไรก็ปล่อยไปตามกรรมนั้นๆหลวงปู่จึงมีสติรู้อยู่ตรงกลาง…”

    โอวาทธรรม:องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร
    วัดป่าห้วยริน ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
    ๑ มกราคม ๒๕๕๕
    ิจารณาจิต องค์หลวงปู่น้อย ัดป่าห้วยริน

    -รู้-เห็นจิต.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เรื่อง “วิธีเจริญภาวนา หาที่ตั้งฐานของจิต”

    (คติธรรม หลวงพ่อชา สุภัทโท)

    ให้ “กลั้นลมหายใจ” มันจะจุกอยู่ประมาณ “กลางทรวงอก” ให้จดจ่อความรู้สึกไว้ที่ “จุดรู้” เอาจุดรู้เป็นที่ตั้งของใจ(ฐานของจิต) ประคองความรู้สึกไว้ที่ “จุดรู้” ให้มันอยู่ ให้มันติดตรง “จุดรู้” นั้นให้ได้ ทำ “ใจ” ให้สงบให้รู้อยู่ใน “จุดรู้” อยู่อย่างเดียว ประคองเข้าสู่ “จุดรู้” รักษา “ความรู้สึก” ไว้ใน “จุดเดียว” ถือเอา “ความรู้สึกนั้น” ให้ “ไปรวม” อยู่ในที่ “จุดเดียว”

    เมื่อได้ “ที่ตั้ง” แล้ว ให้ “จำตรง” นั้น ประคองความรู้สึกไว้ที่ตรงนั้น ให้มันอยู่ ให้มัน “ติดตรงจุดนั้น” ให้ได้ เมื่อตั้งจนชำนิชำนาญ จิตมันจะติดตรงนั้น เมื่อใจมันติดตรงจุดนั้นได้ มันก็วางข้างนอก มันไม่ไปต่อข้างนอก มันจะ “ต่อจุดนั้นอย่างเดียว” เมื่อมันแน่วอยู่ในจุดเดียวแล้ว “รักษาจิต” ให้อยู่ใน “จุดนั้น” มากขึ้นเท่าใด ใจก็จะมั่นคงมากขึ้นเท่านั้นเป็น “เอกัคตาจิต”

    “ผู้รู้” อยู่นั้นแหละเป็น “ใจ” ไม่ต้องไป “ละเวทนา” มันหรอก เข้าไปสู่จุด “ดวงรู้” ประคองใจให้มัน “รู้” อยู่เพียง “จุดเดียว” เท่านั้น “ใจ” คือ “รู้” เท่านั้น

    [​IMG]

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “ การพูดไม่ดี การทำไม่ดีของเรา อานิสงส์นั้นคือความทุกข์ ความเดือดร้อน ความเศร้าหมอง ความคับแค้นใจ”

    หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย
    วัดเขาสุกิม จ.จันทบุรี

    -การทำไม่ดี.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “กามนี้มันหมุนรอบโลก มันเป็นเจ้าโลก
    กามกิเลสนี้แหละที่ทำให้เกิดสงครามต่อสู้กัน
    เกิดก็เพราะกาม รักก็เพราะกาม ชังก็เพราะกาม

    กามกิเลสอุปมาเหมือนแม่น้ำธารน้ำน้อยใหญ่ไม่มีประมาณ
    ไหลลงสู่ทะเลไม่มีเต็ม
    ฉันใดก็ดี กามตัณหาที่ไม่พอดี
    ภวตัณหา วิภวตัณหา เป็นแหล่งก่อทุกข์ก่อความเดือดร้อนไม่มีที่สิ้นสุด”

    หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ

    -มัน.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...