ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    แม้กาลเวลาล่วงเลยพ้นผ่าน ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ละสังขารไปแล้วหลายปี แต่ ณ ที่แห่งนี้ บ้านหนองผือ ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ศรัทธาของชาวบ้านที่นี่ ยังคงฝังแน่นไม่มีวันเสื่อมคลายสูญสลายไปตามกาลเวลา ทุกเช้าชาวบ้านทุกหลังคาเรือน ทั้งเด็กผู้ใหญ่ผู้เฒ่าผู้แก่ จะพร้อมใจกันออกมารวมกันเป็นจุดๆภายในหมู่บ้าน เพื่อรอตักบาตรพระภิกษุสงฆ์ วัดป่าภูริทัตตถิราวาส เป็นภาพที่อบอุ่นประทับใจแก่ผู้ได้มาเยือนมิรู้ลืม

    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    อานุภาพแห่งธรรม

    หลวงปู่มั่นเจอยักษ์

    “ขณะนั้นโรคก็ดับ ทุกข์ก็ดับ ความฟุ้งซ่าน
    ของใจก็ดับ พอจิตรวมสงบถึงที่แล้ว ! ถอน
    ออกมาขั้นอุปจารสมาธิแล้วจิตสว่าง”
    ออกไปนอกกาย ปรากฏเห็นบุรุษมีรูปร่าง
    ใหญ่ดำและสูงราว ๑๐ เมตร ถือตะบองเหล็ก ใหญ่เท่าขาราวๆ ๒ วา เดินเข้ามาหาและบอกกับท่านว่า..

    จะทุบตีท่านให้จม
    “ถ้าไม่หนีจะฆ่าให้ตายในบัดเดี๋ยวใจ
    ตามที่ผีบอกกับท่านว่า “ตะบองเหล็กที่
    เขาแบกอยู่บนบ่านั้นตีช้างสารใหญ่ตัวหนึ่งเพียงหนเดียวเท่านั้น ช้างสารนั้นต้องจมลง
    ไปในดินแบบจมมิดเลย โดยไม่ต้องตีซ้ำอีก”

    ท่านได้กำหนดจิตถามผีร่างยักษ์นั้นว่า “จะ
    มาตีและฆ่าอาตมาทำไม ? อาตมามีความผิดอะไรบ้างถึงจะต้อง
    ถูกตีถูกฆ่าเล่า ? การมาอยู่ที่นี้มิได้มากดขี่ข่มเหงหรือเบียดเบียนใครให้เดือดร้อน พอ
    จะถูกใส่กรรมทำโทษถึงขนาดตีและฆ่าให้
    ตายถึงเช่นนี้ !

    เขาบอกว่า เขาเป็นผู้มีอำนาจรักษาภูเขาลูกนี้อยู่นานแล้ว ไม่ยอมให้ใครมาอยู่ครองอำนาจเหนือตนไปได้ ต้องรีบปราบปรามและกำจัดทันที !

    ท่านตอบว่า “ก็อาตมามิได้มาครองอำนาจบนหัวใจใคร ? นอกไปจากมาปฏิบัติบำเพ็ญศีลธรรมอันดีงาม เพื่อครองอำนาจเหนือกิเลสบาปธรรมบนหัวใจตนเท่านั้น จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่ท่านจะมาเบียดเบียนและทำลายคนเช่นอาตมา ซึ่งเป็นนักบวชทรงศีล และเป็นศิษย์ของพระพุทธเจ้า ! ผู้มีใจบริสุทธิ์ และมีอำนาจในทางเมตตาครอบไตรโลกธาตุ ไม่มีใครเสมอเหมือน ?
    ท่านซักถามและเทศน์ให้ผีร่างยักษ์ฟัง
    ขณะนั้นว่า “ถ้าท่านเป็นผู้มีอำนาจเก่งจริง
    ดังที่อวดอ้างแล้ว ท่านมีอำนาจเหนือกรรมและธรรม
    อันเป็นกฎใหญ่ ปกครองมวลหมู่สัตว์ในไตรภพด้วยหรือเปล่า ?” เขาตอบว่า “เปล่า” ท่านจึงพูดว่า “พระพุทธเจ้าท่านเก่งกล้าสามารถปราบกิเลสตัวที่คอยอวดอำนาจว่า ตัวดีตัวเก่งอยู่ภายใน คิดอยากตีอยากฆ่าคนอื่นสัตว์อื่นให้หมดไปจากใจได้ ส่วนท่านที่ว่าเก่ง! คิดปราบกิเลสดังกล่าวให้หมดสิ้นไปบ้างหรือยัง ?”
    เขาตอบว่า “ยังเลยท่าน” ท่านว่า“ถ้ายัง ! ท่านก็มีอำนาจไปในทางที่ทำตนให้เป็นคนมืดหนาป่าเถื่อนต่างหาก ! ซึ่งนับว่าเป็นบาปและเสวยกรรมหนัก แต่ไม่มีอำนาจปราบความชั่วของตัวที่กำลังแผลงฤทธิ์แก่ผู้อื่นอยู่ โดยไม่รู้สึกตัวว่าเป็นผู้มีอำนาจแบบก่อไฟเผาตัว และต้องจัดว่ากำลังสร้างกรรมอันหนักมาก มิหนำยังจะมาตีมาฆ่าคนที่ทรงศีลธรรมอันเป็นหัวใจของโลก ถ้าไม่จัดว่าท่านทำกรรมอันเป็นบาปหยาบช้ายิ่งกว่าคนทั้งหลายแล้ว ! จะจัดว่าท่านทำความดีที่น่าชมเชยตรงไหน ?
    “อาตมาเป็นผู้ทรงศีลทรงธรรม มุ่งทำประโยชน์แก่ตน และแก่โลก โดยการประพฤติธรรมด้วยความบริสุทธิ์ใจ ท่านจะยังมาทุบตีและสังหารโดยมิได้คิดคำนึงถึงบาปกรรมที่จะเป็นเหตุฉุกลากท่านให้ลงสู่นรกเสวยกรรมอันเป็นมหันต์ทุกข์เลย! อาตมารู้สึกเมตตาสงสารท่านยิ่งกว่าจะอาลัยในชีวิตของตัวเอง เพราะท่านหลงอำนาจของตัว ! ถึงกับจะเผาตัวเองทั้งเป็นขณะนี้แล้ว”
    “อำนาจอันใดบ้างที่ท่านว่ามีอยู่ในตัวท่าน อำนาจเหล่านั้น จะสามารถต้านทานบาปกรรมอันหนักที่ท่านกำลังจะก่อขึ้นเผาผลาญตัวเองอยู่เวลานี้ได้หรือไม่ ?
    ท่านว่าตนเองเป็นผู้มีอำนาจอันใหญ่หลวง ปกครองเขตเหล่านี้ แต่อำนาจนั้นมีอำนาจมีฤทธิ์เหนือกรรม และเหนือธรรมไปได้ไหม ? ถ้าท่านมีอำนาจเหนือธรรม แล้วท่านก็ทุบตีหรือฆ่าอาตมาได้ !สำหรับอาตมาเอง ไม่กลัวความตาย”
    “แม้ท่านไม่ฆ่า ! อาตมาก็จักต้องตายอยู่โดยดี เมื่อกาลของมันมาถึงแล้ว เพราะโลกนี้เป็นที่อยู่ของมวลสัตว์ผู้เกิดแล้วต้องตายทั่วหน้ากัน แม้ตัวท่านเองที่กำลังอวดตัวว่าเก่ง ! ในความมีอำนาจจนกลายเป็นผู้มืดบอดอยู่ขณะนี้ แต่ท่านก็มิได้เก่งไปกว่าความตายและกฎแห่งกรรม ที่ครอบงำสรรพสัตว์ทั่วสามโลกธาตุไปได้”

    ขณะที่ท่านอาจารย์มั่นซักถาม และเทศน์สอนบุรุษลึกลับทางสมาธิอยู่นั้น ท่านเล่าว่า เขายืนตัวแข็ง บ่าแบกตะบองเหล็กเครื่องมือสังหารอยู่เหมือนตุ๊กตา ไม่กระดุกกระดิก ไม่ขยับเขยื้อน ถ้าเป็นคนธรรมดาก็ทั้งอายทั้งกลัวจนตัวแข็งแทบลืมหายใจ แต่นี่เขาเป็น อมนุษย์ พิเศษ จึงไม่ทราบว่าเขามีลมหายใจหรือไม่ ?
    แต่อาการทั้งหมดแสดงให้เห็นชัดว่า เขาทั้งอายทั้งกลัวอาจารย์มั่นจนสุดที่จะอดกลั้นได้ แต่เขาก็อดกลั้นได้อย่างน่าชม ตอนท่านแสดงธรรมจบลง เขาได้ทิ้งตะบองเหล็กจากบ่าอย่างเห็นโทษ และเปลี่ยนภาพร่างบุรุษลึกลับที่มีกายสูงดำใหญ่มาเป็นสุภาพบุรุษพุทธมามกะ ผู้อ่อนโยน นิ่มนวลด้วยอัธยาศัย แสดงความเคารพคารวะและกล่าวคำขอโทษท่านอาจารย์ แบบบุคคลผู้เห็นโทษสำนึกในบาปอย่างถึงใจ !

    ซึ่งต่อไปนี้เป็นใจความของเขา ที่กล่าวตามความสัตย์จริงต่อท่านพระอาจารย์มั่นว่า
    “กระผมรู้สึกแปลกใจ ! และสะดุ้งกลัวท่านแต่เริ่มแรก มองเห็นแสงสว่างที่แปลกและอัศจรรย์มาก ซึ่งไม่เคยพบเห็นมาก่อน พุ่งจากองค์ท่านมากระทบตัวผม ทำให้อ่อนไปหมด แทบไม่อาจแสดงอาการอย่างใดออกมาได้ อวัยวะทุกส่วน ตลอดจนจิตใจอ่อนเพลียไปตามๆกัน ไม่อาจทำอะไรได้ ด้วยพลการ เพราะมันอ่อนและนิ่มไปด้วยความซาบซึ้ง จับใจในความสว่างนั้น ทั้งๆที่ไม่ทราบว่านั่นคืออะไร? เพราะไม่เคยเห็น เท่าที่แสดงกิริยาคำรามว่าจะทุบตีและฆ่านั้น มิได้ออกมาจากใจจริงแม้แต่น้อยเลย
    แต่แสดงออกตามความรู้สึกที่เคยฝังใจมานานว่า ตัวเป็นผู้มีอำนาจในหมู่อมนุษย์ด้วยกัน และมีอำนาจในหมู่มนุษย์ผู้ไม่มีศีลธรรม ชอบรักบาปหาบความชั่วประจำนิสัยต่างหาก
    อำนาจนี้ ! จะทำอะไรให้ใครเมื่อไหร่ก็ได้ตามต้องการ โดยปราศจากการต้านทานขัดขวาง มานะอันนี้แลพาให้ทำเป็นผู้มีอำนาจ แสดงออกพอไม่ให้เสียลวดลาย ทั้งๆที่กลัวและใจอ่อนทำไม่ลง และมิได้ปลงใจที่จะทำ หากเป็นเพียงแสดงออก พอเป็นกิริยาของผู้เคยมีอำนาจเท่านั้น กรรมอันไม่งามใดๆ ที่แสดงออกให้เป็นของอันน่าเกลียดในวงนักปราชญ์ที่แสดงต่อท่านในวันนี้ ขอได้เมตตาอโหสิกรรมนั้นๆ ให้กระผมด้วย อย่าให้ต้องได้รับบาปหาบทุกข์ต่อไปเลย เท่าที่เป็นอยู่เวลานี้ก็มีทุกข์อย่างพอตัวอยู่แล้ว ยิ่งจะเพิ่มความทุกข์ทรมานให้มากกว่านี้อีก ก็คงเหลือกำลังที่ตนเองจะทนรับต่อไปไหว”
    ท่านถามเขาว่า “ท่านเป็นผู้ใหญ่มีอำนาจวาสนามาก กายก็เป็นทิพย์ไม่ต้องพาหอบหิ้วเดินเหินไปมาให้ลำบากเหมือนมนุษย์ การเป็นอยู่หลับนอนก็ไม่เป็นภาระเหมือนมนุษย์ทั่วโลกที่เป็นกัน แล้วทำไมยังบ่นว่าทุกข์ ถ้าโลกทิพย์ไม่เป็นสุขแล้วโลกไหนจะเป็นสุขเล่า?”
    เขาตอบว่า “ถ้าพูดอย่างผิวเผินและเทียบกับกายมนุษย์ที่หยาบๆ พวกกายทิพย์อาจมีความสุขมากกว่ามนุษย์เพราะเป็นภูมิที่ละเอียดกว่า แต่กล่าวตามชั้นภูมิแล้ว กายทิพย์ก็ย่อมมีความทุกข์ไปตามวิสัยของภพภูมินั้นๆ”

    สุดท้ายแห่งการสนทนาธรรม ท่านว่าบุรุษลึกลับ มีความเลื่อมใสในธรรมเป็นอย่างยิ่ง ! และปฏิญาณตนถึงพระไตรสรณะคมน์ตลอดชีวิต กล่าวอ้างพระอาจารย์มั่นเป็นสรณะ ! และเป็นองค์พยานด้วย
    พร้อมทั้งให้ความอารักขาแก่ท่านพระอาจารย์มั่นเป็นอย่างดี และขอนิมนต์ท่านพักอยู่ที่นี่นานๆ ถ้าตามใจเขาแล้วไม่อยากให้ท่านจากไปสู่ที่อื่นตลอดอายุของท่าน เขาจะเป็นผู้คอยดูแลรักษาท่านทุกอิริยาบถ ไม่ให้มีอะไรเบียดเบียนหรือรังแกท่านได้เลย
    ความจริงแล้วเขาไม่ใช่บุรุษลึกลับและมีร่างกายดำสูงใหญ่ ดังที่แสดงภาพต่อท่าน แต่เขาเป็นหัวหน้าแห่งรุกขเทวดา ซึ่งมีบริวารมากมายอาศัยอยู่ในภูเขาและสถานที่ต่างๆ มีเขตอาณาบริเวณกว้างขวางติดต่อกันหลายจังหวัด มีนครนายกเป็นต้น

    นับแต่ขณะจิตท่านสงบลง และระงับโรคจนหายสนิทไม่ปรากฏเลย ประมาณเที่ยงคืน กับที่รุกขเทพมาเกี่ยวข้องและสนทนาธรรมกันจนถึงเวลาจากไป และจิตถอนขึ้นมาก็ประมาณ ๐๔.๐๐ น. คือ ๑๐ ทุ่ม โรคที่กำลังกำเริบในขณะที่นั่งทำสมาธิภาวนาพอจิตถอนขึ้นมาก็ปรากฏว่าหายไปโดยสิ้นเชิง ไม่ต้องอาศัยยาอื่นใดรักษาอีกต่อไป โรคหายได้เด็ดขาดด้วยธรรมโอสถทางภาวนาล้วนๆ จึงเป็นสิ่งที่อัศจรรย์มากสำหรับท่านในคืนวันนั้น พอจิตถอนขึ้นมาแล้ว ท่านทำความเพียรต่อไป มิได้หลับนอนตลอดรุ่ง เมื่อออกจากที่ภาวนาแล้วร่างกายก็ไม่มีการอ่อนเพลีย แต่กลับกระปรี้กระเปร่าขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
    คืนวันนั้น ท่านได้เห็นความอัศจรรย์หลายอย่างคือ
    เห็นอานุภาพแห่งธรรมที่สามารถยังเทวดาให้หายพยศและเกิดความเลื่อมใสหนึ่ง,
    จิตรวมสงบลงเป็นเวลาหลายชั่วโมง และเห็นความอัศจรรย์ในขณะที่จิตสงบตัวอยู่อย่างมีความสุขหนึ่ง,
    โรคที่เคยกำเริบอยู่เสมอจนควรเรียกได้ว่าเป็นโรคประเภทเรื้อรังได้หายไปโดยสิ้นเชิงหนึ่ง,
    จิตได้หลักยึดเป็นที่พอใจ หายสงสัยในสิ่งที่เคยเป็นมาหลายชนิดหนึ่ง,
    อาหารที่ฉันลงไปในตอนเช้าแต่วันหลังกลับทำการย่อยตามปกติหนึ่ง,
    ความรู้แปลกๆ ปรากฏขึ้นมากมาย ทั้งประเภทถอดถอน และประเภทประดับความรู้ตามวาสนาหนึ่ง

    ในคืนต่อไป ท่านบำเพ็ญเพียรด้วยความสะดวก และมีความสงบสุขทางใจอย่างบอกไม่ถูก ! ร่างกายก็เป็นปกติสุข ไม่มีอาการใดมาก่อกวน บางคืนยามดึกสงัดก็ต้อนรับพวกรุกขเทวดาที่มาจากที่ต่างๆ จำนวนมากมาย โดยมีเทพลึกลับที่เคยทำสงครามวาทะกับท่านอาจารย์ เป็นผู้ประกาศโฆษณาให้ทราบ และเป็นหัวหน้าพามา คืนที่ไม่มีเรื่องมาเกี่ยวข้อง ท่านก็จะสนุกบำเพ็ญสมาธิภาวนา

    ี่มา :: หนังสือประวัติ
    ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
    โดย :: พระธรรมวิสุทธิมงคล
    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    ******************************************

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    อานุภาพแห่งธรรม

    หลวงปู่มั่นเจอยักษ์

    “ขณะนั้นโรคก็ดับ ทุกข์ก็ดับ ความฟุ้งซ่าน
    ของใจก็ดับ พอจิตรวมสงบถึงที่แล้ว ! ถอน
    ออกมาขั้นอุปจารสมาธิแล้วจิตสว่าง”
    ออกไปนอกกาย ปรากฏเห็นบุรุษมีรูปร่าง
    ใหญ่ดำและสูงราว ๑๐ เมตร ถือตะบองเหล็ก ใหญ่เท่าขาราวๆ ๒ วา เดินเข้ามาหาและบอกกับท่านว่า..

    จะทุบตีท่านให้จม
    “ถ้าไม่หนีจะฆ่าให้ตายในบัดเดี๋ยวใจ
    ตามที่ผีบอกกับท่านว่า “ตะบองเหล็กที่
    เขาแบกอยู่บนบ่านั้นตีช้างสารใหญ่ตัวหนึ่งเพียงหนเดียวเท่านั้น ช้างสารนั้นต้องจมลง
    ไปในดินแบบจมมิดเลย โดยไม่ต้องตีซ้ำอีก”

    ท่านได้กำหนดจิตถามผีร่างยักษ์นั้นว่า “จะ
    มาตีและฆ่าอาตมาทำไม ? อาตมามีความผิดอะไรบ้างถึงจะต้อง
    ถูกตีถูกฆ่าเล่า ? การมาอยู่ที่นี้มิได้มากดขี่ข่มเหงหรือเบียดเบียนใครให้เดือดร้อน พอ
    จะถูกใส่กรรมทำโทษถึงขนาดตีและฆ่าให้
    ตายถึงเช่นนี้ !

    เขาบอกว่า เขาเป็นผู้มีอำนาจรักษาภูเขาลูกนี้อยู่นานแล้ว ไม่ยอมให้ใครมาอยู่ครองอำนาจเหนือตนไปได้ ต้องรีบปราบปรามและกำจัดทันที !

    ท่านตอบว่า “ก็อาตมามิได้มาครองอำนาจบนหัวใจใคร ? นอกไปจากมาปฏิบัติบำเพ็ญศีลธรรมอันดีงาม เพื่อครองอำนาจเหนือกิเลสบาปธรรมบนหัวใจตนเท่านั้น จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่ท่านจะมาเบียดเบียนและทำลายคนเช่นอาตมา ซึ่งเป็นนักบวชทรงศีล และเป็นศิษย์ของพระพุทธเจ้า ! ผู้มีใจบริสุทธิ์ และมีอำนาจในทางเมตตาครอบไตรโลกธาตุ ไม่มีใครเสมอเหมือน ?
    ท่านซักถามและเทศน์ให้ผีร่างยักษ์ฟัง
    ขณะนั้นว่า “ถ้าท่านเป็นผู้มีอำนาจเก่งจริง
    ดังที่อวดอ้างแล้ว ท่านมีอำนาจเหนือกรรมและธรรม
    อันเป็นกฎใหญ่ ปกครองมวลหมู่สัตว์ในไตรภพด้วยหรือเปล่า ?” เขาตอบว่า “เปล่า” ท่านจึงพูดว่า “พระพุทธเจ้าท่านเก่งกล้าสามารถปราบกิเลสตัวที่คอยอวดอำนาจว่า ตัวดีตัวเก่งอยู่ภายใน คิดอยากตีอยากฆ่าคนอื่นสัตว์อื่นให้หมดไปจากใจได้ ส่วนท่านที่ว่าเก่ง! คิดปราบกิเลสดังกล่าวให้หมดสิ้นไปบ้างหรือยัง ?”
    เขาตอบว่า “ยังเลยท่าน” ท่านว่า“ถ้ายัง ! ท่านก็มีอำนาจไปในทางที่ทำตนให้เป็นคนมืดหนาป่าเถื่อนต่างหาก ! ซึ่งนับว่าเป็นบาปและเสวยกรรมหนัก แต่ไม่มีอำนาจปราบความชั่วของตัวที่กำลังแผลงฤทธิ์แก่ผู้อื่นอยู่ โดยไม่รู้สึกตัวว่าเป็นผู้มีอำนาจแบบก่อไฟเผาตัว และต้องจัดว่ากำลังสร้างกรรมอันหนักมาก มิหนำยังจะมาตีมาฆ่าคนที่ทรงศีลธรรมอันเป็นหัวใจของโลก ถ้าไม่จัดว่าท่านทำกรรมอันเป็นบาปหยาบช้ายิ่งกว่าคนทั้งหลายแล้ว ! จะจัดว่าท่านทำความดีที่น่าชมเชยตรงไหน ?
    “อาตมาเป็นผู้ทรงศีลทรงธรรม มุ่งทำประโยชน์แก่ตน และแก่โลก โดยการประพฤติธรรมด้วยความบริสุทธิ์ใจ ท่านจะยังมาทุบตีและสังหารโดยมิได้คิดคำนึงถึงบาปกรรมที่จะเป็นเหตุฉุกลากท่านให้ลงสู่นรกเสวยกรรมอันเป็นมหันต์ทุกข์เลย! อาตมารู้สึกเมตตาสงสารท่านยิ่งกว่าจะอาลัยในชีวิตของตัวเอง เพราะท่านหลงอำนาจของตัว ! ถึงกับจะเผาตัวเองทั้งเป็นขณะนี้แล้ว”
    “อำนาจอันใดบ้างที่ท่านว่ามีอยู่ในตัวท่าน อำนาจเหล่านั้น จะสามารถต้านทานบาปกรรมอันหนักที่ท่านกำลังจะก่อขึ้นเผาผลาญตัวเองอยู่เวลานี้ได้หรือไม่ ?
    ท่านว่าตนเองเป็นผู้มีอำนาจอันใหญ่หลวง ปกครองเขตเหล่านี้ แต่อำนาจนั้นมีอำนาจมีฤทธิ์เหนือกรรม และเหนือธรรมไปได้ไหม ? ถ้าท่านมีอำนาจเหนือธรรม แล้วท่านก็ทุบตีหรือฆ่าอาตมาได้ !สำหรับอาตมาเอง ไม่กลัวความตาย”
    “แม้ท่านไม่ฆ่า ! อาตมาก็จักต้องตายอยู่โดยดี เมื่อกาลของมันมาถึงแล้ว เพราะโลกนี้เป็นที่อยู่ของมวลสัตว์ผู้เกิดแล้วต้องตายทั่วหน้ากัน แม้ตัวท่านเองที่กำลังอวดตัวว่าเก่ง ! ในความมีอำนาจจนกลายเป็นผู้มืดบอดอยู่ขณะนี้ แต่ท่านก็มิได้เก่งไปกว่าความตายและกฎแห่งกรรม ที่ครอบงำสรรพสัตว์ทั่วสามโลกธาตุไปได้”

    ขณะที่ท่านอาจารย์มั่นซักถาม และเทศน์สอนบุรุษลึกลับทางสมาธิอยู่นั้น ท่านเล่าว่า เขายืนตัวแข็ง บ่าแบกตะบองเหล็กเครื่องมือสังหารอยู่เหมือนตุ๊กตา ไม่กระดุกกระดิก ไม่ขยับเขยื้อน ถ้าเป็นคนธรรมดาก็ทั้งอายทั้งกลัวจนตัวแข็งแทบลืมหายใจ แต่นี่เขาเป็น อมนุษย์ พิเศษ จึงไม่ทราบว่าเขามีลมหายใจหรือไม่ ?
    แต่อาการทั้งหมดแสดงให้เห็นชัดว่า เขาทั้งอายทั้งกลัวอาจารย์มั่นจนสุดที่จะอดกลั้นได้ แต่เขาก็อดกลั้นได้อย่างน่าชม ตอนท่านแสดงธรรมจบลง เขาได้ทิ้งตะบองเหล็กจากบ่าอย่างเห็นโทษ และเปลี่ยนภาพร่างบุรุษลึกลับที่มีกายสูงดำใหญ่มาเป็นสุภาพบุรุษพุทธมามกะ ผู้อ่อนโยน นิ่มนวลด้วยอัธยาศัย แสดงความเคารพคารวะและกล่าวคำขอโทษท่านอาจารย์ แบบบุคคลผู้เห็นโทษสำนึกในบาปอย่างถึงใจ !

    ซึ่งต่อไปนี้เป็นใจความของเขา ที่กล่าวตามความสัตย์จริงต่อท่านพระอาจารย์มั่นว่า
    “กระผมรู้สึกแปลกใจ ! และสะดุ้งกลัวท่านแต่เริ่มแรก มองเห็นแสงสว่างที่แปลกและอัศจรรย์มาก ซึ่งไม่เคยพบเห็นมาก่อน พุ่งจากองค์ท่านมากระทบตัวผม ทำให้อ่อนไปหมด แทบไม่อาจแสดงอาการอย่างใดออกมาได้ อวัยวะทุกส่วน ตลอดจนจิตใจอ่อนเพลียไปตามๆกัน ไม่อาจทำอะไรได้ ด้วยพลการ เพราะมันอ่อนและนิ่มไปด้วยความซาบซึ้ง จับใจในความสว่างนั้น ทั้งๆที่ไม่ทราบว่านั่นคืออะไร? เพราะไม่เคยเห็น เท่าที่แสดงกิริยาคำรามว่าจะทุบตีและฆ่านั้น มิได้ออกมาจากใจจริงแม้แต่น้อยเลย
    แต่แสดงออกตามความรู้สึกที่เคยฝังใจมานานว่า ตัวเป็นผู้มีอำนาจในหมู่อมนุษย์ด้วยกัน และมีอำนาจในหมู่มนุษย์ผู้ไม่มีศีลธรรม ชอบรักบาปหาบความชั่วประจำนิสัยต่างหาก
    อำนาจนี้ ! จะทำอะไรให้ใครเมื่อไหร่ก็ได้ตามต้องการ โดยปราศจากการต้านทานขัดขวาง มานะอันนี้แลพาให้ทำเป็นผู้มีอำนาจ แสดงออกพอไม่ให้เสียลวดลาย ทั้งๆที่กลัวและใจอ่อนทำไม่ลง และมิได้ปลงใจที่จะทำ หากเป็นเพียงแสดงออก พอเป็นกิริยาของผู้เคยมีอำนาจเท่านั้น กรรมอันไม่งามใดๆ ที่แสดงออกให้เป็นของอันน่าเกลียดในวงนักปราชญ์ที่แสดงต่อท่านในวันนี้ ขอได้เมตตาอโหสิกรรมนั้นๆ ให้กระผมด้วย อย่าให้ต้องได้รับบาปหาบทุกข์ต่อไปเลย เท่าที่เป็นอยู่เวลานี้ก็มีทุกข์อย่างพอตัวอยู่แล้ว ยิ่งจะเพิ่มความทุกข์ทรมานให้มากกว่านี้อีก ก็คงเหลือกำลังที่ตนเองจะทนรับต่อไปไหว”
    ท่านถามเขาว่า “ท่านเป็นผู้ใหญ่มีอำนาจวาสนามาก กายก็เป็นทิพย์ไม่ต้องพาหอบหิ้วเดินเหินไปมาให้ลำบากเหมือนมนุษย์ การเป็นอยู่หลับนอนก็ไม่เป็นภาระเหมือนมนุษย์ทั่วโลกที่เป็นกัน แล้วทำไมยังบ่นว่าทุกข์ ถ้าโลกทิพย์ไม่เป็นสุขแล้วโลกไหนจะเป็นสุขเล่า?”
    เขาตอบว่า “ถ้าพูดอย่างผิวเผินและเทียบกับกายมนุษย์ที่หยาบๆ พวกกายทิพย์อาจมีความสุขมากกว่ามนุษย์เพราะเป็นภูมิที่ละเอียดกว่า แต่กล่าวตามชั้นภูมิแล้ว กายทิพย์ก็ย่อมมีความทุกข์ไปตามวิสัยของภพภูมินั้นๆ”

    สุดท้ายแห่งการสนทนาธรรม ท่านว่าบุรุษลึกลับ มีความเลื่อมใสในธรรมเป็นอย่างยิ่ง ! และปฏิญาณตนถึงพระไตรสรณะคมน์ตลอดชีวิต กล่าวอ้างพระอาจารย์มั่นเป็นสรณะ ! และเป็นองค์พยานด้วย
    พร้อมทั้งให้ความอารักขาแก่ท่านพระอาจารย์มั่นเป็นอย่างดี และขอนิมนต์ท่านพักอยู่ที่นี่นานๆ ถ้าตามใจเขาแล้วไม่อยากให้ท่านจากไปสู่ที่อื่นตลอดอายุของท่าน เขาจะเป็นผู้คอยดูแลรักษาท่านทุกอิริยาบถ ไม่ให้มีอะไรเบียดเบียนหรือรังแกท่านได้เลย
    ความจริงแล้วเขาไม่ใช่บุรุษลึกลับและมีร่างกายดำสูงใหญ่ ดังที่แสดงภาพต่อท่าน แต่เขาเป็นหัวหน้าแห่งรุกขเทวดา ซึ่งมีบริวารมากมายอาศัยอยู่ในภูเขาและสถานที่ต่างๆ มีเขตอาณาบริเวณกว้างขวางติดต่อกันหลายจังหวัด มีนครนายกเป็นต้น

    นับแต่ขณะจิตท่านสงบลง และระงับโรคจนหายสนิทไม่ปรากฏเลย ประมาณเที่ยงคืน กับที่รุกขเทพมาเกี่ยวข้องและสนทนาธรรมกันจนถึงเวลาจากไป และจิตถอนขึ้นมาก็ประมาณ ๐๔.๐๐ น. คือ ๑๐ ทุ่ม โรคที่กำลังกำเริบในขณะที่นั่งทำสมาธิภาวนาพอจิตถอนขึ้นมาก็ปรากฏว่าหายไปโดยสิ้นเชิง ไม่ต้องอาศัยยาอื่นใดรักษาอีกต่อไป โรคหายได้เด็ดขาดด้วยธรรมโอสถทางภาวนาล้วนๆ จึงเป็นสิ่งที่อัศจรรย์มากสำหรับท่านในคืนวันนั้น พอจิตถอนขึ้นมาแล้ว ท่านทำความเพียรต่อไป มิได้หลับนอนตลอดรุ่ง เมื่อออกจากที่ภาวนาแล้วร่างกายก็ไม่มีการอ่อนเพลีย แต่กลับกระปรี้กระเปร่าขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
    คืนวันนั้น ท่านได้เห็นความอัศจรรย์หลายอย่างคือ
    เห็นอานุภาพแห่งธรรมที่สามารถยังเทวดาให้หายพยศและเกิดความเลื่อมใสหนึ่ง,
    จิตรวมสงบลงเป็นเวลาหลายชั่วโมง และเห็นความอัศจรรย์ในขณะที่จิตสงบตัวอยู่อย่างมีความสุขหนึ่ง,
    โรคที่เคยกำเริบอยู่เสมอจนควรเรียกได้ว่าเป็นโรคประเภทเรื้อรังได้หายไปโดยสิ้นเชิงหนึ่ง,
    จิตได้หลักยึดเป็นที่พอใจ หายสงสัยในสิ่งที่เคยเป็นมาหลายชนิดหนึ่ง,
    อาหารที่ฉันลงไปในตอนเช้าแต่วันหลังกลับทำการย่อยตามปกติหนึ่ง,
    ความรู้แปลกๆ ปรากฏขึ้นมากมาย ทั้งประเภทถอดถอน และประเภทประดับความรู้ตามวาสนาหนึ่ง

    ในคืนต่อไป ท่านบำเพ็ญเพียรด้วยความสะดวก และมีความสงบสุขทางใจอย่างบอกไม่ถูก ! ร่างกายก็เป็นปกติสุข ไม่มีอาการใดมาก่อกวน บางคืนยามดึกสงัดก็ต้อนรับพวกรุกขเทวดาที่มาจากที่ต่างๆ จำนวนมากมาย โดยมีเทพลึกลับที่เคยทำสงครามวาทะกับท่านอาจารย์ เป็นผู้ประกาศโฆษณาให้ทราบ และเป็นหัวหน้าพามา คืนที่ไม่มีเรื่องมาเกี่ยวข้อง ท่านก็จะสนุกบำเพ็ญสมาธิภาวนา

    ี่มา :: หนังสือประวัติ
    ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
    โดย :: พระธรรมวิสุทธิมงคล
    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    ******************************************

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    สถาปนาพระธาตุพนม

    “ท่านเล่าไปเคี้ยวหมากไปอย่างอารมณ์ดี
    ว่า ขณะนั้นพระธาตุพนมไม่มีใครเหลียวแล
    ดอก มีแต่เถาวัลย์นาๆ ชนิดปกคลุมจนมิด
    เหลือแต่ยอด ต้นไม้รกรุงรังไปหมด..
    ทั้ง ๓ ศิษย์อาจารย์ก็พากันพักอยู่นั้น เพื่อบำเพ็ญสมณธรรม ขณะที่ท่านอยู่กันนั้น”

    “พอตกเวลากลางคืนประมาณ ๔-๕ ทุ่ม
    จะปรากฏมีแสงสีเขียววงกลมเท่ากับ
    ลูกมะพร้าว และมีรัศมีสว่างเป็นทาง
    ผุดออกจากยอดพระเจดีย์ แล้วก็ลอย
    ห่างออกไปจนสุดสายตา และเมื่อเวลา
    ก่อนจะแจ้ง ตี ๓ – ๔ แสงนั้นจะลอย กลับ
    เข้ามาจนถึงองค์พระเจดีย์แล้วก็หายวับ
    เข้าองค์พระเจดีย์ไป”

    “ทั้ง ๓ องค์ศิษย์ อาจารย์ได้เห็นเป็น
    ประจักษ์เช่นนั้นทุกๆ วัน ท่านพระอาจารย์
    เสาร์ กนฺตสีลเถระ จึงพูดว่า “ที่พระเจดีย์นี้
    ต้องมีพระบรมสารีริกธาตุอย่างแน่นอน”ใน
    ตอนนี้ผู้เขียนกับพระอาจารย์มั่นฯ ได้เดิน
    ธุดงค์มาพักอยู่ที่วัดอ้อมแก้ว มี ๒ องค์
    เท่านั้น และมีตาปะขาวตามมาด้วยหนึ่งคน
    ท่านจึงมีโอกาสเล่าเรื่องราวเบื้องหลังให้ข้าพเจ้าฟัง ซึ่งน่าจะเป็นประวัติศาสตร์ได้
    เป็นอย่างดี”

    “ผู้เขียน(พระอาจารย์ วิริยังค์ สิรินธโร)
    จำได้ว่าเป็นปีที่พระราชทานเพลิงศพ
    พระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีลเถระ คุณนาย
    พวง จากจังหวัดอุบลราชธานี จะตีตั๋วให้
    ไปทางเครื่องบิน ท่านบอกว่า “เราจะเดินเอา” จึงได้พาผู้เขียนพร้อมด้วยตาปะขาวบ๊องๆ
    คนหนึ่งซึ่งไม่ค่อยจะเต็มเต็งเท่าไรนัก
    ไปด้วย เดินไปพักไป แนะนำธรรมะแก่
    ผู้เขียนไปพลาง จนไปถึงพระธาตุพนม
    เขตจังหวัดนครพนม แล้วท่านก็พาผู้เขียน
    พักอยู่ที่นี่และได้ฟังเรื่องราวของ
    “พระธาตุพนม” ซึ่งจะได้เล่าสู่กันฟังต่อไป
    ข้างหน้าโดยจะเล่าถึงการสถาปนา
    พระธาตุพนม”

    “ดังนั้น ท่านจึงได้ชักชวนญาติโยม
    ทั้งหลายในละแวกนั้น ซึ่งก็มีอยู่ไม่กี่
    หลังคาเรือน และส่วนมาก็เป็นชาวนา
    ได้มาช่วยกันถากถางทำความสะอาด
    รอบบริเวณองค์พระเจดีย์นั้น ได้พา
    ญาติโยมทำอยู่เช่นนี้ถึง ๓ เดือนเศษๆ
    จึงค่อยสะอาด เป็นที่เจริญหู เจริญตามา
    ตราบเท่าทุกวันนี้ เมื่อญาติโยมทำความ
    สะอาดเสร็จแล้ว ท่านอาจารย์ก็พาญาติโยม
    ในละแวกนั้นทำมาฆะบูชา”

    “ซึ่งขณะนั้น ผู้คนแถวนั้นยังไม่รู้ถึงวัน
    สำคัญทางพระพุทธศาสนาแต่อย่างใด
    ทำให้พวกเขาเหล่านั้นเกิดศรัทธาเลื่อมใสอย่างจริงจัง จนได้ชักชวนกันมารักษาอุโบสถฝักหัดกัมมัฏฐานทำสมาธิกับท่านอาจารย์
    จนได้ประสบผลตามสมควร การพักอยู่ในบริเวณของพระธาตุพนมนี้ ทำให้จิตใจ
    เบิกบานมาก และทำให้เกิดอนุสรณ์รำลึก
    ถึงพระพุทธเจ้าได้เป็นอย่างดียิ่ง”

    ี่มา

    ประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตเถระ
    ฉบับสมบูรณ์ ใต้สามัญสำนึก
    เรียงเรียงโดย พระญาณวิริยาจารย์
    (พระอาจารย์วิริยังค์ สิรินธโร)
    เจ้าอาวาส วัดธรรมมงคล
    ******************************************
    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่าน
    เจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมใน
    การเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ทุกๆท่าน..
    ******************************************

    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    สถาปนาพระธาตุพนม

    “ท่านเล่าไปเคี้ยวหมากไปอย่างอารมณ์ดี
    ว่า ขณะนั้นพระธาตุพนมไม่มีใครเหลียวแล
    ดอก มีแต่เถาวัลย์นาๆ ชนิดปกคลุมจนมิด
    เหลือแต่ยอด ต้นไม้รกรุงรังไปหมด..
    ทั้ง ๓ ศิษย์อาจารย์ก็พากันพักอยู่นั้น เพื่อบำเพ็ญสมณธรรม ขณะที่ท่านอยู่กันนั้น”

    “พอตกเวลากลางคืนประมาณ ๔-๕ ทุ่ม
    จะปรากฏมีแสงสีเขียววงกลมเท่ากับ
    ลูกมะพร้าว และมีรัศมีสว่างเป็นทาง
    ผุดออกจากยอดพระเจดีย์ แล้วก็ลอย
    ห่างออกไปจนสุดสายตา และเมื่อเวลา
    ก่อนจะแจ้ง ตี ๓ – ๔ แสงนั้นจะลอย กลับ
    เข้ามาจนถึงองค์พระเจดีย์แล้วก็หายวับ
    เข้าองค์พระเจดีย์ไป”

    “ทั้ง ๓ องค์ศิษย์ อาจารย์ได้เห็นเป็น
    ประจักษ์เช่นนั้นทุกๆ วัน ท่านพระอาจารย์
    เสาร์ กนฺตสีลเถระ จึงพูดว่า “ที่พระเจดีย์นี้
    ต้องมีพระบรมสารีริกธาตุอย่างแน่นอน”ใน
    ตอนนี้ผู้เขียนกับพระอาจารย์มั่นฯ ได้เดิน
    ธุดงค์มาพักอยู่ที่วัดอ้อมแก้ว มี ๒ องค์
    เท่านั้น และมีตาปะขาวตามมาด้วยหนึ่งคน
    ท่านจึงมีโอกาสเล่าเรื่องราวเบื้องหลังให้ข้าพเจ้าฟัง ซึ่งน่าจะเป็นประวัติศาสตร์ได้
    เป็นอย่างดี”

    “ผู้เขียน(พระอาจารย์ วิริยังค์ สิรินธโร)
    จำได้ว่าเป็นปีที่พระราชทานเพลิงศพ
    พระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีลเถระ คุณนาย
    พวง จากจังหวัดอุบลราชธานี จะตีตั๋วให้
    ไปทางเครื่องบิน ท่านบอกว่า “เราจะเดินเอา” จึงได้พาผู้เขียนพร้อมด้วยตาปะขาวบ๊องๆ
    คนหนึ่งซึ่งไม่ค่อยจะเต็มเต็งเท่าไรนัก
    ไปด้วย เดินไปพักไป แนะนำธรรมะแก่
    ผู้เขียนไปพลาง จนไปถึงพระธาตุพนม
    เขตจังหวัดนครพนม แล้วท่านก็พาผู้เขียน
    พักอยู่ที่นี่และได้ฟังเรื่องราวของ
    “พระธาตุพนม” ซึ่งจะได้เล่าสู่กันฟังต่อไป
    ข้างหน้าโดยจะเล่าถึงการสถาปนา
    พระธาตุพนม”

    “ดังนั้น ท่านจึงได้ชักชวนญาติโยม
    ทั้งหลายในละแวกนั้น ซึ่งก็มีอยู่ไม่กี่
    หลังคาเรือน และส่วนมาก็เป็นชาวนา
    ได้มาช่วยกันถากถางทำความสะอาด
    รอบบริเวณองค์พระเจดีย์นั้น ได้พา
    ญาติโยมทำอยู่เช่นนี้ถึง ๓ เดือนเศษๆ
    จึงค่อยสะอาด เป็นที่เจริญหู เจริญตามา
    ตราบเท่าทุกวันนี้ เมื่อญาติโยมทำความ
    สะอาดเสร็จแล้ว ท่านอาจารย์ก็พาญาติโยม
    ในละแวกนั้นทำมาฆะบูชา”

    “ซึ่งขณะนั้น ผู้คนแถวนั้นยังไม่รู้ถึงวัน
    สำคัญทางพระพุทธศาสนาแต่อย่างใด
    ทำให้พวกเขาเหล่านั้นเกิดศรัทธาเลื่อมใสอย่างจริงจัง จนได้ชักชวนกันมารักษาอุโบสถฝักหัดกัมมัฏฐานทำสมาธิกับท่านอาจารย์
    จนได้ประสบผลตามสมควร การพักอยู่ในบริเวณของพระธาตุพนมนี้ ทำให้จิตใจ
    เบิกบานมาก และทำให้เกิดอนุสรณ์รำลึก
    ถึงพระพุทธเจ้าได้เป็นอย่างดียิ่ง”

    ี่มา

    ประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตเถระ
    ฉบับสมบูรณ์ ใต้สามัญสำนึก
    เรียงเรียงโดย พระญาณวิริยาจารย์
    (พระอาจารย์วิริยังค์ สิรินธโร)
    เจ้าอาวาส วัดธรรมมงคล
    ******************************************
    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่าน
    เจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมใน
    การเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ทุกๆท่าน..
    ******************************************

    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    1f4e3.png 1f4e3.png 1f4e3.png ร่วมเติมฝันปันรอยยิ้มให้แด่น้องๆ
    ขอเชิญร่วมบริจาคสิ่งของ , เสื้อผ้า , ของเล่น , อุปกรณ์การเรียน , อุปกรณ์กีฬา หรือ ทุนการศึกษา เพื่อมอบให้แก่นักเรียนที่มีความกตัญญูและมีฐานะขาดแคลน รวมทั้งเป็นทุนพัฒนาโรงเรียน ในโครงการค่ายเติมฝันปันรอยยิ้ม ณ โรงเรียนบ้านยางน้อย ต.บึงแก อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร ในวันเสาร์ ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ.2562

    1f449.png 1f449.png 1f449.png สิ่งของ : สามารถบริจาคได้ที่ ชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เลขที่ 2 ถ.ราชธานี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี 34000

    1f449.png 1f449.png 1f449.png ปัจจัย : สามารถโอนมาร่วมบุญได้ที่ : ธนาคารกรุงไทย สาขายิ่งเจริญปาร์ค ประเภทออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 452-0-65893-4 ชื่อบัญชี นายฉัตรชัย สีม่วง

    1f340.png 1f340.png 1f340.png 1f340.png 1f340.png 1f340.png 1f340.png 1f340.png 1f340.png 1f340.png 1f340.png

    กำหนดการ

    -:- วัน เสาร์ ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ.2562 -:-

    เวลา 05.00 น. ลงทะเบียนที่หน้าคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
    เวลา 05.30 น. ออกเดินทางไปโรงเรียนบ้านยางน้อย ต.บึงแก อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร
    เวลา 07.30 น. ถึงโรงเรียนบ้านยางน้อย ต.บึงแก อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร , รับประทานอาหารเช้าที่โรงเรียน
    เวลา 08.30 น. ตัวแทนนักศึกษากล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของโครงการ , ประธานในพิธีกล่าวเปิดโครงการ , มอบทุนพัฒนาโรงเรียนและทุนการศึกษา , ชมการแสดงของนักเรียนโรงเรียนบ้านยางน้อย 1 ชุด , แบ่งฐานน้องๆนักเรียนทำกิจกรรม และ แจกสิ่งของรางวัล
    เวลา 12.00 น. พักรับประทานอาหารกลางวันที่โรงเรียน
    เวลา 13.00 น. ออกเดินทางไปสวนพญาแถน อ.เมือง จ.ยโสธร
    เวลา 14.00 น. ถึงสวนพญาแถน อ.เมือง จ.ยโสธร
    เวลา 15.30 น. ออกเดินทางไปวัดป่าหนองไคร้ ต.หนองหิน อ.เมือง จ.ยโสธร
    เวลา 16.00 น. ถึงวัดป่าหนองไคร้ ต.หนองหิน อ.เมือง จ.ยโสธร , นมัสการหลวงปู่ประสาร สุมโน , สักการะเจดีย์หลวงปู่ผั่น ปาเรสโก
    เวลา 17.00 น. เดินทางกลับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
    เวลา 18.30 น. ถึงมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี โดยสวัสดิภาพ

    1f33b.png 1f33b.png 1f33b.png 1f33b.png 1f33b.png 1f33b.png 1f33b.png 1f33b.png

    ☎️☎️☎️ สอบถามรายละเอียด โทร. 086-4017809 , 094-0671743

    .jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    วาสนาเคยร่วมกัน

    จากธรรมประวัติ

    (หลวงปู่ขาว อนาลโย)

    “หลวงปู่ขาว มีใจปฏิพัทธ์เมื่อแรกเห็นคู่บารมี”

    “ในพรรษาแรกที่อยู่กับหลวงปู่มั่น
    มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้หลวงปู่ขาว
    มีใจไหวหวั่นกับสตรีเพศ
    หลวงปู่ เล่าให้ฟังว่า”

    “เช้าวันหนึ่ง ขณะออกบิณฑบาต
    โปรดสัตว์ตามปกติ สายตาเหลือบ
    ไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง เดินมากับลูกสาว
    ท่านบอกว่า “มันเป็นอย่างไรบอกไม่ถูก
    ความรู้สึกมันวาบ เฉียบกระชับเข้าไป
    ในหัวใจเลยทีเดียว นับแต่ครั้งนั้น พอเห็น
    หญิงนั้นคราวใดก็เป็นอยู่อย่างนี้ ทั้งที่
    ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้จะเคยเห็นผู้หญิง
    สวย ๆ กว่าหญิงคนนี้มาแล้วก็ตาม”

    หลวงปู่อยากจะทดสอบความจริงซึ่ง
    ปรากฎภายในจิตใจดูว่า สิ่งที่ท่านรับรู้
    จะจริงเท็จแค่ไหน อยากจะรู้ว่าผู้หญิง
    คนนี้จะคิดอย่างไร จึงตัดสินใจพูด
    เป็นนัยเพื่อหยั่งดูใจเธอ ว่า..

    “ที่อาตมาไปพักอยู่ที่อื่น ๆ นั้น ก็ไปแต่
    ภายนอก ส่วนใจยังห่วงญาติโยมทางนี้
    อยู่เสมอ”

    หญิงคนนั้นรู้สึกเขินอาย แล้วเธอก็พูด
    ออกมาว่า
    “ตึกละเจ้า ตึกจริง ๆ นะเจ้า”

    ลงท้ายได้นิมนต์หลวงปู่ให้ไปเยี่ยม
    พ่อแม่ และไปบ้านของเธอ แสดงว่า
    เธอก็เป็นใจเหมือนกัน

    หลวงปู่เล่าให้ศิษย์ฟังภายหลังว่า

    “เรามีความละอายใจตนเอง และละอาย
    พระอาจารย์ใหญ่มั่นเหลือเกิน เลยไม่ได้
    ไปตามที่เขาชวน”

    วันต่อมา เมื่อเข้าปรนนิบัติพระ
    อาจารย์ใหญ่(หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
    ตามปกติ พระอาจารย์ใหญ่มั่นได้แย้ม
    ออกมาเชิงถามหลวงปู่ขาว ว่า..

    “ของเก่าท่านขาว(คู่บารมี) แม่มัน
    สวยกว่าลูกสาวเสียอีก ตระกูลนี้เคย
    เคารพนับถือพระธุดงคกรรมฐาน
    มานาน เขาเคยปวารณาปัจจัย ๔ แก่
    คณะของพวกเรา”

    พระอาจารย์ใหญ่พูดเรื่อยๆ ต่อไปอีกว่า..

    “พวกเราเกิดมาในโลกนี้”
    เกิดตาย-เกิดตาย
    จะไม่ให้เป็นพ่อแม่ผัวเมียกันไม่มีเลย
    เพราะคนเราเกิดมานับกี่กัปกี่กัลป์
    อนันตชาติ นับไม่ถ้วน”

    จากหนังสือธรรมประวัติ

    ***หลวงปู่ขาว อนาลโย***
    วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู
    โครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่ม ๔
    หน้า ๑๕๒ – ๑๕๓
    *****************************************
    เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ.

    .jpg
    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    วาสนาเคยร่วมกัน

    จากธรรมประวัติ

    (หลวงปู่ขาว อนาลโย)

    “หลวงปู่ขาว มีใจปฏิพัทธ์เมื่อแรกเห็นคู่บารมี”

    “ในพรรษาแรกที่อยู่กับหลวงปู่มั่น
    มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้หลวงปู่ขาว
    มีใจไหวหวั่นกับสตรีเพศ
    หลวงปู่ เล่าให้ฟังว่า”

    “เช้าวันหนึ่ง ขณะออกบิณฑบาต
    โปรดสัตว์ตามปกติ สายตาเหลือบ
    ไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง เดินมากับลูกสาว
    ท่านบอกว่า “มันเป็นอย่างไรบอกไม่ถูก
    ความรู้สึกมันวาบ เฉียบกระชับเข้าไป
    ในหัวใจเลยทีเดียว นับแต่ครั้งนั้น พอเห็น
    หญิงนั้นคราวใดก็เป็นอยู่อย่างนี้ ทั้งที่
    ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้จะเคยเห็นผู้หญิง
    สวย ๆ กว่าหญิงคนนี้มาแล้วก็ตาม”

    หลวงปู่อยากจะทดสอบความจริงซึ่ง
    ปรากฎภายในจิตใจดูว่า สิ่งที่ท่านรับรู้
    จะจริงเท็จแค่ไหน อยากจะรู้ว่าผู้หญิง
    คนนี้จะคิดอย่างไร จึงตัดสินใจพูด
    เป็นนัยเพื่อหยั่งดูใจเธอ ว่า..

    “ที่อาตมาไปพักอยู่ที่อื่น ๆ นั้น ก็ไปแต่
    ภายนอก ส่วนใจยังห่วงญาติโยมทางนี้
    อยู่เสมอ”

    หญิงคนนั้นรู้สึกเขินอาย แล้วเธอก็พูด
    ออกมาว่า
    “ตึกละเจ้า ตึกจริง ๆ นะเจ้า”

    ลงท้ายได้นิมนต์หลวงปู่ให้ไปเยี่ยม
    พ่อแม่ และไปบ้านของเธอ แสดงว่า
    เธอก็เป็นใจเหมือนกัน

    หลวงปู่เล่าให้ศิษย์ฟังภายหลังว่า

    “เรามีความละอายใจตนเอง และละอาย
    พระอาจารย์ใหญ่มั่นเหลือเกิน เลยไม่ได้
    ไปตามที่เขาชวน”

    วันต่อมา เมื่อเข้าปรนนิบัติพระ
    อาจารย์ใหญ่(หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
    ตามปกติ พระอาจารย์ใหญ่มั่นได้แย้ม
    ออกมาเชิงถามหลวงปู่ขาว ว่า..

    “ของเก่าท่านขาว(คู่บารมี) แม่มัน
    สวยกว่าลูกสาวเสียอีก ตระกูลนี้เคย
    เคารพนับถือพระธุดงคกรรมฐาน
    มานาน เขาเคยปวารณาปัจจัย ๔ แก่
    คณะของพวกเรา”

    พระอาจารย์ใหญ่พูดเรื่อยๆ ต่อไปอีกว่า..

    “พวกเราเกิดมาในโลกนี้”
    เกิดตาย-เกิดตาย
    จะไม่ให้เป็นพ่อแม่ผัวเมียกันไม่มีเลย
    เพราะคนเราเกิดมานับกี่กัปกี่กัลป์
    อนันตชาติ นับไม่ถ้วน”

    จากหนังสือธรรมประวัติ

    ***หลวงปู่ขาว อนาลโย***
    วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู
    โครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่ม ๔
    หน้า ๑๕๒ – ๑๕๓
    *****************************************
    เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ.

    .jpg
    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” ความเป็นศีลจริงๆ ความเป็นสมาธิจริงๆ ความเป็นปัญญาจริงๆ เขาเกิดขึ้นจากการปฏิบัติ และเกิดขึ้นที่จิตใจที่เดียวไม่ใช่เกิดขึ้นจากการอ่าน แต่ก็อาศัยการอ่านนี้แล พระธรรมอยู่ในคัมภีร์ใบลานใครก็อ่านได้ศึกษาได้ แต่ถ้านำพระธรรมจากการอ่านเข้าสู่การปฏิบัติของตน จนพระธรรมอีกประเภทหนึ่งเกิดขึ้นที่กลางใจของผู้ปฏิบัติ เป็นภาษาจิตล้วนๆ ไม่มีเสียงไม่มีตัวหนังสือ รู้ได้เฉพาะตน เป็นผลของการปฏิบัติจริงๆ เขาเรียกว่า…ธรรมเกิดที่จิตใจ ”

    พระอาจารย์ชายแดน สีลสุทโธ
    วัดสามัคคีบุญญาราม อ.เมือง จ.ลำปาง

    -ความเ.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    พระดีแห่งยุครัตนโกสินทร์

    “ท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต”
    ผู้เป็นบูรพาจารย์ของพระสงฆ์ในสาย
    วิปัสสนากรรมฐานหลายๆ รูป
    ในประเทศไทย”

    ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต
    เป็นผู้ที่ปฏิบัติธุดงควัตรอย่าง
    เคร่งครัด ในสมัยที่ออกปฏิบัติ
    เบื้องต้นนั้น

    ครั้งหนึ่งหลังจากได้กราบนมัสการ
    ท่านพระอุบาลีคุณูปมาจารย์
    (จันทร์ สิริจนฺโท) และได้รับวิธี
    พิจารณาปัญญาเพิ่มเติมแล้ว ท่าน
    พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ได้ออก
    จาริกไปทางเขาใหญ่ จังหวัดนครนายก
    จนถึงถ้ำสาริกา

    เกิดความเจ็บไข้ได้ป่วย
    เป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาของทุกคน

    โรคบางโรคอาศัยยาแผนปัจจุบัน
    หรือยาสมุนไพร ก็สามารถบรรเทา
    อาการหรือช่วยให้หายขาดได้ แต่โรค
    บางโรคแม้จะพยายามสักเท่าใด ก็อาจ
    ไม่ประสบความสำเร็จในการรักษาเลย
    จึงใช้ “ธรรมโอสถ” ในการเยียวยาตนเอง

    ให้มีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยมาได้
    คิริมานนทสูตร (พระยาธรรมิกราช)
    นับเป็นยอดพระสูตรๆ หนึ่งที่มีสารัตถะ
    สำหรับมนุษย์ ผู้มีสังขารไม่เที่ยง ต้อง
    ทนทุกข์ต่อโรคภัยไข้เจ็บที่คอย
    เบียดเบียน ไม่ช่วงใดก็ช่วงหนึ่ง
    ของชีวิต พระอุบาลีคุณูปมาจารย์
    (จันทร์ สิริจนฺโท) เป็นพระสงฆ์องค์
    สำคัญ

    ท่านมีชีวิตอยู่ถึง ๔ แผ่นดิน คือตั้งแต่
    รัชกาลที่ ๔-๗ เป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๕
    ของวัดบรมนิวาสราชวรวิหาร กรุงเทพฯ

    ท่านได้กอปรคุณูปการต่อวงการพระ
    พุทธศาสนาอย่างมหาศาล ทั้งในด้าน
    การปฏิสังขรณ์พระอารามต่างๆ และ
    การส่งเสริมการศึกษาของพระสงฆ์ทั้ง
    ทางคันถธุระและวิปัสสนาธุระ

    ท่านยังเคยกล่าวยกย่องท่าน
    พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ในที่ประชุมว่า..

    “ ท่านมั่น (ภูริทตฺโต) เป็นกัลยาณมิตร
    ควรสมาคม ”

    พระอุบาลีคุณูปมาจารย์

    (จันทร์ สิริจนฺโท) ได้กล่าวย้ำเสมอว่า..

    โลกธรรมนั้นเป็นสิ่งธรรมดาโลก
    โลกธรรม ๘ อันประกอบด้วย

    สุข-ทุกข์ ได้ลาภ-เสื่อมลาภ
    ได้ยศ-เสื่อมยศ
    ได้รับคำสรรเสริญ-ถูกนินทา
    นั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนจะต้อง
    เผชิญการยอมรับในธรรมดาโลกว่า
    ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้คงทน สรรพสิ่ง
    ต้องแปรปรวนไป ย่อมทำให้มีชีวิต
    อยู่บนโลกอย่างเข้าใจ ไม่หวั่นไหว
    เมื่อต้องพบสิ่งที่ไม่ปรารถนา

    ดังที่ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์
    (จันทร์ สิริจนฺโท) ได้ปฏิบัติ ให้เรา
    ชาวพุทธผู้เป็นศิษย์พระพุทธเจ้าได้
    ดำเนินตามแนวทางอันดีงามของท่าน
    แม้ว่าท่านเจ้าคุณฯ จะเป็นพระสงฆ์ผู้
    ปฏิบัติปฏิบัติชอบเพียงใด ก็ไม่อาจจะ
    พ้นไปจากโลกธรรม ๘ อันเป็นสิ่ง
    ธรรมดาของโลกได้

    ังตัวอย่างของการ

    “ ได้ยศ-เสื่อมยศ ” ดั่งคำ
    พระตถาคตที่ตรัสไว้ดีแล้วว่า..

    ดูกรอานนท์ คำที่ว่าให้ปล่อยวาง
    จิตใจนั้น คือว่าให้ละ ความโลภ
    ความโกรธความหลง ปลงเสียซึ่ง
    การร้ายและการดี ที่บุคคลนำมากล่าว
    มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข ทุกข์ อย่ายินดี อย่า
    ยินร้าย ถ้าละความโลภ ความโกรธ
    ความหลงในปัจจัยนั้น ได้แล้ว จึงชื่อว่า
    ทำตัวให้เป็นเหมือนแผ่นดินเป็นอันถึง
    พระนิพพานได้โดยแท้.
    (พระยาธรรมิกราช)

    โลกธรรมเหล่านี้ ย่อมเกิดขึ้นทั้ง
    แก่ปุถุชนผู้มิได้เรียนรู้ และแก่อริยสาวก
    ผู้ได้เรียนรู้ ต่างกันแต่ว่า คนพวกแรก
    ย่อมไม่รู้เห็นเข้าใจตามความเป็นจริง
    ลุ่มหลง ยินดียินร้าย ปล่อยให้โลกธรรม
    เข้าครอบงำย่ำยีจิต ฟูยุบเรื่อยไปไม่พ้น
    จากทุกข์ มีโสกะปริเทวะ เป็นต้น

    ส่วนอริยสาวกผู้ได้เรียนรู้ พิจารณา
    เห็นตามเป็นจริง ว่า สิ่งเหล่านี้อย่างใด
    ก็ตามที่เกิดขึ้นแก่ตน ล้วนไม่เที่ยง
    เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา
    ไม่หลงใหลมัวเมาเคลิ้มไปตามอิฏฐารมณ์
    ไม่ขุ่นมัวหม่นหมอง คลุ้มคลั่งไปในเพราะ
    อนิฏฐารมณ์ มีสติดำรงอยู่ เป็นผู้ปราศจาก
    ทุกข์ มีโสกะ ปริเทวะ เป็นต้น

    พระอุบาลีคุณูปมาจารย์

    (จันทร์ สิริจนฺโท) เป็นพระภิกษุ
    ฝ่ายเถรวาท คณะธรรมยุติกนิกาย
    เป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานี มีนามเดิม
    ว่าจันทร์ เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๒๐ มีนาคม
    พ.ศ. ๒๓๙๙ (นับแบบปัจจุบันตรงกับ
    พ.ศ. ๒๔๐๐) ตรงกับวันแรม ๑๐ ค่ำ
    เดือน ๔ ปีมะโรง พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ อาพาธด้วยโรคชรา ถึงแก่มรณภาพเมื่อ
    วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๕
    สิริอายุ ๗๕ ปี ๑๒๑ วัน

    ีวประวัติพระอุบาลีคุณูปมาจารย์

    (จันทร์ สิริจนฺโท)
    วัดบรมนิวาส กรุงเทพมหานคร
    *****************************************
    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญ ท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน…
    *****************************************

    .jpg
    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    พระดีแห่งยุครัตนโกสินทร์

    “ท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต”
    ผู้เป็นบูรพาจารย์ของพระสงฆ์ในสาย
    วิปัสสนากรรมฐานหลายๆ รูป
    ในประเทศไทย”

    ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต
    เป็นผู้ที่ปฏิบัติธุดงควัตรอย่าง
    เคร่งครัด ในสมัยที่ออกปฏิบัติ
    เบื้องต้นนั้น

    ครั้งหนึ่งหลังจากได้กราบนมัสการ
    ท่านพระอุบาลีคุณูปมาจารย์
    (จันทร์ สิริจนฺโท) และได้รับวิธี
    พิจารณาปัญญาเพิ่มเติมแล้ว ท่าน
    พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ได้ออก
    จาริกไปทางเขาใหญ่ จังหวัดนครนายก
    จนถึงถ้ำสาริกา

    เกิดความเจ็บไข้ได้ป่วย
    เป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาของทุกคน

    โรคบางโรคอาศัยยาแผนปัจจุบัน
    หรือยาสมุนไพร ก็สามารถบรรเทา
    อาการหรือช่วยให้หายขาดได้ แต่โรค
    บางโรคแม้จะพยายามสักเท่าใด ก็อาจ
    ไม่ประสบความสำเร็จในการรักษาเลย
    จึงใช้ “ธรรมโอสถ” ในการเยียวยาตนเอง

    ให้มีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยมาได้
    คิริมานนทสูตร (พระยาธรรมิกราช)
    นับเป็นยอดพระสูตรๆ หนึ่งที่มีสารัตถะ
    สำหรับมนุษย์ ผู้มีสังขารไม่เที่ยง ต้อง
    ทนทุกข์ต่อโรคภัยไข้เจ็บที่คอย
    เบียดเบียน ไม่ช่วงใดก็ช่วงหนึ่ง
    ของชีวิต พระอุบาลีคุณูปมาจารย์
    (จันทร์ สิริจนฺโท) เป็นพระสงฆ์องค์
    สำคัญ

    ท่านมีชีวิตอยู่ถึง ๔ แผ่นดิน คือตั้งแต่
    รัชกาลที่ ๔-๗ เป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๕
    ของวัดบรมนิวาสราชวรวิหาร กรุงเทพฯ

    ท่านได้กอปรคุณูปการต่อวงการพระ
    พุทธศาสนาอย่างมหาศาล ทั้งในด้าน
    การปฏิสังขรณ์พระอารามต่างๆ และ
    การส่งเสริมการศึกษาของพระสงฆ์ทั้ง
    ทางคันถธุระและวิปัสสนาธุระ

    ท่านยังเคยกล่าวยกย่องท่าน
    พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ในที่ประชุมว่า..

    “ ท่านมั่น (ภูริทตฺโต) เป็นกัลยาณมิตร
    ควรสมาคม ”

    พระอุบาลีคุณูปมาจารย์

    (จันทร์ สิริจนฺโท) ได้กล่าวย้ำเสมอว่า..

    โลกธรรมนั้นเป็นสิ่งธรรมดาโลก
    โลกธรรม ๘ อันประกอบด้วย

    สุข-ทุกข์ ได้ลาภ-เสื่อมลาภ
    ได้ยศ-เสื่อมยศ
    ได้รับคำสรรเสริญ-ถูกนินทา
    นั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนจะต้อง
    เผชิญการยอมรับในธรรมดาโลกว่า
    ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้คงทน สรรพสิ่ง
    ต้องแปรปรวนไป ย่อมทำให้มีชีวิต
    อยู่บนโลกอย่างเข้าใจ ไม่หวั่นไหว
    เมื่อต้องพบสิ่งที่ไม่ปรารถนา

    ดังที่ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์
    (จันทร์ สิริจนฺโท) ได้ปฏิบัติ ให้เรา
    ชาวพุทธผู้เป็นศิษย์พระพุทธเจ้าได้
    ดำเนินตามแนวทางอันดีงามของท่าน
    แม้ว่าท่านเจ้าคุณฯ จะเป็นพระสงฆ์ผู้
    ปฏิบัติปฏิบัติชอบเพียงใด ก็ไม่อาจจะ
    พ้นไปจากโลกธรรม ๘ อันเป็นสิ่ง
    ธรรมดาของโลกได้

    ังตัวอย่างของการ

    “ ได้ยศ-เสื่อมยศ ” ดั่งคำ
    พระตถาคตที่ตรัสไว้ดีแล้วว่า..

    ดูกรอานนท์ คำที่ว่าให้ปล่อยวาง
    จิตใจนั้น คือว่าให้ละ ความโลภ
    ความโกรธความหลง ปลงเสียซึ่ง
    การร้ายและการดี ที่บุคคลนำมากล่าว
    มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข ทุกข์ อย่ายินดี อย่า
    ยินร้าย ถ้าละความโลภ ความโกรธ
    ความหลงในปัจจัยนั้น ได้แล้ว จึงชื่อว่า
    ทำตัวให้เป็นเหมือนแผ่นดินเป็นอันถึง
    พระนิพพานได้โดยแท้.
    (พระยาธรรมิกราช)

    โลกธรรมเหล่านี้ ย่อมเกิดขึ้นทั้ง
    แก่ปุถุชนผู้มิได้เรียนรู้ และแก่อริยสาวก
    ผู้ได้เรียนรู้ ต่างกันแต่ว่า คนพวกแรก
    ย่อมไม่รู้เห็นเข้าใจตามความเป็นจริง
    ลุ่มหลง ยินดียินร้าย ปล่อยให้โลกธรรม
    เข้าครอบงำย่ำยีจิต ฟูยุบเรื่อยไปไม่พ้น
    จากทุกข์ มีโสกะปริเทวะ เป็นต้น

    ส่วนอริยสาวกผู้ได้เรียนรู้ พิจารณา
    เห็นตามเป็นจริง ว่า สิ่งเหล่านี้อย่างใด
    ก็ตามที่เกิดขึ้นแก่ตน ล้วนไม่เที่ยง
    เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา
    ไม่หลงใหลมัวเมาเคลิ้มไปตามอิฏฐารมณ์
    ไม่ขุ่นมัวหม่นหมอง คลุ้มคลั่งไปในเพราะ
    อนิฏฐารมณ์ มีสติดำรงอยู่ เป็นผู้ปราศจาก
    ทุกข์ มีโสกะ ปริเทวะ เป็นต้น

    พระอุบาลีคุณูปมาจารย์

    (จันทร์ สิริจนฺโท) เป็นพระภิกษุ
    ฝ่ายเถรวาท คณะธรรมยุติกนิกาย
    เป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานี มีนามเดิม
    ว่าจันทร์ เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๒๐ มีนาคม
    พ.ศ. ๒๓๙๙ (นับแบบปัจจุบันตรงกับ
    พ.ศ. ๒๔๐๐) ตรงกับวันแรม ๑๐ ค่ำ
    เดือน ๔ ปีมะโรง พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ อาพาธด้วยโรคชรา ถึงแก่มรณภาพเมื่อ
    วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๕
    สิริอายุ ๗๕ ปี ๑๒๑ วัน

    ีวประวัติพระอุบาลีคุณูปมาจารย์

    (จันทร์ สิริจนฺโท)
    วัดบรมนิวาส กรุงเทพมหานคร
    *****************************************
    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญ ท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน…
    *****************************************

    .jpg
    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    รักคนอื่นเขามันนำทุกข์มาให้ ให้หัดรักตัวเอง

    “… ใจนี้เป็นของสำคัญเป็นของมีค่าที่สุด
    ถ้าเราไม่รักษาใจของเราแล้ว ใครจะรักษา
    ใจของเรา เป็นผัวเป็นเมียกัน ผัวเมียกัน
    ก็รักษาใจให้กันไม่ได้ ผัวก็ต้องรักษาใจผัว
    ตัวผัวเอง เมียก็ต้องรักษาใจเมียตัวเมียเอง
    ตัวผัวตัวเมียรักษาใครรักษามัน ถ้าไม่รักษา
    ของตัวๆ แล้วใครจะรักษา? ไม่มี …

    รักคนอื่นเขา เหมือนหมาเน่า รักตัวเองดีกว่า
    นั่นแหละเชิดชูดี เพราะรักคนอื่นเขามันนำทุกข์
    มาให้ ให้หัดรักตัวเอง คำว่ารักตัวเองหมายความว่า
    อย่าเอาตัวไปทุกข์ อย่าไปเสพติดกินเหล้าเมายา
    ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ผิดลูกผิดเมีย พูดโกหก ลักทรัพย์เขา

    เพราะว่านั่นมันไม่รักตัวเอง อกตัญญูตัวเอง
    จิตใจของเรานี่เป็นของบอบบาง อะไรกระทบนี่
    เป็นนั่นเลยทันทีนะ คนด่าปั๊ปโกรธทันที นี่มันบาง
    ใจของเรา มันต้องอาศัย “พระธรรม” เป็นเครื่องเกราะ
    เป็นเครื่องคุ้มครองป้องกัน ให้มันหนาขึ้นต่ออารมณ์
    ทั้งหลาย…”
    ธรรมโอวาท หลวงพ่อเพชร วชิรมโน

    Cr: ศูนย์พุทธศรัทธา

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ผู้ใดเห็นภัยในวัฏฏะ แม้ชั่วขณะจิตเดียว เรียกว่ามีอานิสงส์มหาศาลยิ่งกว่าผู้เจริญฌานมากว่าร้อยปี ดังนั้นขอให้โยมนั้นจงมีสติ จงดูกายตนนี้ นี่แล..แหล่งรวมธรรมแห่ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ แห่งพระไตรปิฎก แห่งกฎแห่งไตรลักษณ์ แห่งความเป็นจริงที่พญามารเขานั้นได้สาปด้วยมนตราที่โยมนั้นหลงติดว่า”ตัวกูของกู” จึงหลงกายหลงตน เมื่อหลงกายหลงตนจึงเพาะเชื้อ ทำให้เกิดความฮึกเหิมไปหลงกายผู้อื่น แล้วก็ไปดึงกรรมผู้อื่นเขามา จนกรรมน้ันพัวพันจนเกิดวิบากกรรม เกิดเวรพยาบาทตามมาไม่จบสิ้นจบชาติกันไป

    ดังนั้นหากโยมไม่อยากมีเวร โยมก็อย่าไปสร้างพยาบาทจิตกับใคร ดังนั้นทุกครั้งที่โยมจะเจริญกรรมฐานภาวนา กรรมฐานคือการงาน การงานเมื่อโยมตั้งตนตั้งใจที่ชอบ อยู่กับสติอยู่กับกายในตน นั้นเรียกว่าโยมนั้นมีสติครองสติได้ การงานคือสมถะ โยมจะภาวนาสิ่งการใดดูจิตดูใจ เจริญวิปัสสนา พิจารณากาย เขาเรียกว่าเป็นสมถะ เรียกว่าเป็นการงาน เรียกว่าจิตนั้นได้พิจารณาแล้ว นั่นเรียกว่าเกิดวิปัสสนาญาณ ย่อมทำให้รู้เห็นธรรมตามความเป็นจริง

    หากโยมนั้นมีจิตที่ข้องเกี่ยวกับการงาน จิตโยมนั้นจะไม่มีอะไรมาข้องเกี่ยวเรียกว่าจิตนั้นเป็นหนึ่ง เป็นเอกัคคตาในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ใจย่อมตั้งมั่นในสิ่งนั้น เรียกว่าอารมณ์ทางภายนอกทางโลกภายนอก ในรูป รส กลิ่น เสียงย่อมเข้ามาสัมผัสไม่ได้ เมื่อเข้ามาสัมผัสในขณะที่โยมเจริญสติอยู่ย่อมรู้เห็นตามความเป็นจริง เรียกว่าเท่าทันในอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้จริง ดังนั้นโยมต้องพิจารณาให้จงหนัก

    เมื่อโยมต้องการพ้นทุกข์จริง ถ้าโยมมีการขอ มีการปรารถนา โยมต้องรู้เสียก่อนว่า “โยมเกิดมาทำอะไร” คราใดที่โยมกำหนดรู้ได้แบบนี้ อดีตที่โยมเคยอธิษฐานมาจักเข้ามาบอก นั่นเรียกว่าเทพเทวดาได้นิมิต เกิดลางสังหรณ์ได้บอกทางโยม ชี้ทางโยม เมื่อนั้นการอธิษฐานบารมีที่โยมได้เคยกระทำบารมีมานั้นจักรวมตัวเข้ามาอยู่ในห้วงในจิตในขณะนั้น จะทำให้โยมนั้นตื่น เรียกว่าจิตนั้นเบิกบานแจ่มใส นั่นแลเหมาะแก่การบำเพ็ญจิตประกอบคุณงามความดี แผ่บุญกุศลให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้บิดามารดา ทวดหญิงชาย ผู้มีเวรอาฆาตพยาบาทของโยม ที่ได้กระทำเบียดเบียนด้วยกายวาจาใจมา ทั้งในอดีตถึงปัจจุบันของโยมนั้นแล

    ดังนั้นหากผู้ใดที่ปรารถนาจะพ้นทุกข์ โยมอย่าได้หนีทุกข์ แล้วจงจำเอาไว้ ถ้าผู้ใดมีทุกข์ในขณะนี้ ไม่ว่าทุกข์นั้นจะมาด้วยกายวาจาใจ หรือกรรมในอดีต หรือกรรมที่ไม่ใช่ของเรา แต่จงจำไว้แม้กรรมนั้นไม่ใช่ของเรา ถึงแม้เป็นผู้อื่น แต่อย่าลืมว่าโยมก็เคยไปพัวพันกรรมมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จงรับกรรมนั้นซะ แล้วอย่าได้หนี..

    เมื่อโยมตั้งสติรับกรรมได้ด้วยมีสติแล้ว หากโยมมีบุญพอ ก็ให้อธิษฐานบารมีแผ่เมตตาอยู่บ่อยบ่อย หากโยมมีมากพอแล้ว..ถึงไม่มากพอ ก็เรียกว่าหนักจักกลายเป็นเบา จากเบาจักไม่มี แต่ถ้าโยมหนี แม้โยมหนีไปเมื่อไหร่ ๑๐ ปี..มันก็ยังหนีได้ แต่โยม”หนีกรรมไม่พ้น”

    ดังนั้นขอให้กรรมทั้งหลายนั้น จงจบสิ้นด้วยการ”อโหสิกรรม” กรรมทั้งหลายทั้งปวงแพ้อโหสิกรรม ดังนั้นโยมก่อนจะเข้ากรรมฐาน ขอให้อธิษฐานอโหสิกรรมก่อน ไม่ว่ากรรมทางกายวาจาใจทั้งหลายทั้งปวง กรรมติดหนี้บุญคุณกุศลทั้งหลายทั้งหลายทั้งปวง ทั้งหลายทั้งปวงที่โยมไปทำมาที่รู้หรือไม่รู้ก็ตาม และที่รู้ในปัจจุบัน ขอให้กำหนดรู้ แม้จะเป็นบุคคลที่ชอบหน้าไม่ชอบหน้าไม่พอใจทั้งหลายทั้งปวง ขอให้โยมอโหสิกรรม บุญกุศลที่โยมมีส่วนกระทำได้ขึ้นมานั้น จงมอบให้กับเขาไป อย่าได้หวงแหน ถ้าโยมหวงเมื่อไหร่ นั่นเรียกว่าเป็น”การติดหนี้” หวงบุญ..นั่นไม่เรียกว่าการให้อภัยทาน อโหสิกรรมนั้นจักไม่เป็นผล

    ดังนั้นเมื่อที่โยมทำบุญให้ใครเมื่อโยมให้..บุญนั้นจักยังอยู่ไม่หมดไป แต่คราใดเมื่อโยมนั้นหวงบุญ..กลัวบุญจะหมด บุญนั้นก็หมดในขณะนั้น แต่เมื่อใดโยมให้ใครไป เทวดาที่จักรับรู้โมทนาเขาจะรักษาไว้ คราใดในบุญที่โยมให้ใครไป ให้มากแค่ไหน ในขณะปัจจุบันแห่งดวงวาสนาโยมตกอับ บุญนั้นจะมาหนุนนำให้โยมนั้น..ให้ประคองไม่ให้ทรุด ไม่ให้ต่ำลงกว่าเดิม นั้นเรียกว่ากรรมจักพยุงไว้ ด้วยอำนาจแห่งบุญ

    สิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นไม่ได้เพราะว่าเหตุบังเอิญที่เกิดขึ้นมา กรรมทั้งหลายที่โยมได้เสวยในวิบากกรรมทั้งหลายนั้น ล้วนแล้วแต่มีเหตุ หาใช่ว่าบังเอิญ หรือใครกระทำไว้ไม่ แต่เป็นเราต่างหากที่ไปกระทำไว้ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

    ดังนั้นการจะเข้ากรรมฐานเจริญบุญกุศลและการกระทำบุญใดๆที่เป็นบุญกุศลแล้วไซร้ ให้อธิษฐานอโหสิกรรมบุญเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ขอให้เขามาโมทนาบุญ ทุกๆบุญให้โยมกระทำไปอย่างนี้ จนจิตของโยมนั้นปราศจาก”ไฟ” เรียกว่าโทสะไม่เร่าร้อน เมื่อนั้นบุญแม้โยมไม่เจริญภาวนาก็ตาม แม้โยมไม่ทำอะไรก็ตาม เพียงโยมรักษาจิตให้โยมนั้น ใจของโยมนั้นให้เป็นปกติ โยมก็เกิดบุญ ทำไมฉันจึงกล่าวเช่นนี้ เมื่อใจของโยมเป็นปกติ คำว่าเป็นปกตินั่นคือ”ศีล” แสดงว่าศีลนั้นบังเกิดอยู่ตลอดเวลา ก็เท่ากับโยมรักษาศีล บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล บุญสำเร็จด้วยการให้ทาน บุญสำเร็จด้วยการภาวนา เมื่อศีลโยมมี ทานโยมก็ต้องมีได้ ภาวนาโยมก็ต้องมีได้ เข้าใจมั้ยจ๊ะ..

    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)

    *****************************************

    -แม้.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...