ธรรมะที่ควรเติมลงในชีวิต

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวฬา, 21 ธันวาคม 2010.

  1. อุรุเวฬา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +7


    ท่านที่เป็นครูบาอาจารย์ และ สาธุชนทั้งหลาย​

    ผู้มีความสนใจในธรรมะ ทั้งหลาย
    อาตมาขอแสดงความยินดี ในการมาของท่านทั้งหลายในลักษณะเช่นนี้ คือมาแสวงหาสิ่งที่เรียกว่าธรรมะ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีแล้ว​

    เรื่องที่จะพูดกันมันก็มีส่วนที่เป็นธรรมะที่ต้องการ คือ ที่ยังขาดอยู่ , ที่ยังต้องเติมให้เต็ม. พูดเป็นภาพพจน์สักหน่อย ก็พูดว่า เหมือนกับเติมธรรมะลงในชีวิต เหมือนกับคนเติมน้ำมัน เติมเชื้อเพลิง เติมอะไรลงไป ในสิ่งที่ต้องเติม อย่างนั้นเหมือนกัน​

    ความหมายของ"ธรรมะ"

    ถ้าว่ากันโดยแท้จริงในชั้นลึก ชีวิตนั้นมันก็เป็นธรรมะอยู่แล้ว แต่มันมีธรรมะหลาย ๆ อย่าง ที่ต้องประกอบกันอยู่. ขอให้ท่านทั้งหลายสนใจฟัง และจำหัวข้อเรื่องธรรมะไว้สักอย่างหนึ่งว่า " คำว่าธรรมะนั้นมี 4 ความหมาย " คือ​

    ที่เป็น ตัวธรรมชาติ ก็เรียกว่าธรรมะ. ที่เป็นตัว กฎของธรรมชาติ ก็เรียกว่าธรรมะ. ที่เป็นตัว หน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ นั้นก็เรียกว่าธรรมะ.
    ที่เป็นตัว ผลที่เกิดมาจากหน้าที่ นั้นก็เรียกว่าธรรมะด้วยเหมือนกัน.​

    ทุกชีวิตสัมพันธ์อยู่กับธรรมะ

    ทีนี้เราก็ดูที่ตัวเรา : เนื้อหนังร่างกายของร่างกายที่มีอยู่นี้เรียกว่า ตัวธรรมชาติ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ วิญญาณ ที่มันเป็นตัวร่างกายชีวิต
    นี้เรียกว่า ตัวธรรมชาติ.​

    ทีนี้ ตัวกฎของธรรมชาติ ซึ่งมันมีอยู่ในตัวเรา ในร่างกายของเราที่มันจะเกิดขึ้น เปลี่ยนแปลงไปย่างไร, เจริญอย่างไร, เสื่อมอย่างไร, กระทั่งว่า
    เราจะต้องทำอย่างไรกับมัน, เป็นตัวกฎเกณฑ์ที่มีอยู่ในชีวิตนี้แล้ว.​

    หน้าที่ของเราก็คือ ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎนั้นๆ เพื่อชีวิตอยู่ได้, และเพื่อเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป, เพื่อชีวิตอยู่ได้ ก็เช่นว่ามันมีกฎเกณฑ์ทำให้เกิหน้าที่แก่เรา; เช่นว่า : เราต้องกิน ต้องอาบ ต้องถ่าย ต้องบริหาร ต้องหาปัจจัย อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย การบำบัดโรคภัยไข้เจ็บ กระทั่งว่าการคบหาสมาคมกับบุคคลรอบด้าน หรือสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรา ให้ถูกต้อง. นี่มันเป็นหน้าที่ที่จะต้องทำให้อยู่รอดได้; ถ้าทำหน้าที่นี้ไม่ถูกต้อง มันอาจจะตายหรือเกือบตาย. หน้าที่อีกแผนกหนึ่งก็คือจะต้องทำให้เจริญคุณค่ายิ่งๆ ขึ้นไป, อย่าให้เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์คนหนึ่ง.​

    การเป็นมนุษย์คนหนึ่งนั้นหมายความว่า มันต้องได้สิ่งที่ดีทีสุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ; ถ้าไม่ได้รับสิ่งนี้มานก็เสียชาติเกิด เพราะว่ามันจะต้องได้เต็มที่ ตามที่มนุษย์อาจจะรับได้. ฉะนั้นจึงเกิดเป็นหน้าที่อีกชั้นหนึ่งว่าเราต้องทำให้ได้รับประโยชน์ของความเป็นมนุษย์ให้ถึงที่สุด.​

    หน้าที่ชั้นแรกที่ว่า ทำให้รอดหน้าที่อยู่ได้นี้สัตว์เดรัจฉานก็ทำเป็น, สุนัข แมว ไก่ อะไรมันก็ทำเป็น, และมันก็ทำอยู่ตามธรรมชาติ เพื่อให้รอดชีวิตอยู่ได้. ครั้นรอดชีวิตอยู่ได้แล้ว สัตว์เหล่านั้นมันหมดหน้าที่; แต่ว่ายังไม่หมด. คนเราเมื่อรอดชีวิตอยู่ได้แล้ว ต้องทำต่อไป คือ เลื่อนชั้นของชีวิต ให้มันสูงขึ้น, สูงขึ้นไป, ให้เต็มไปด้วยคุณค่า หรือประโยชน์อย่างสมบูรณ์ ทั้งประโยชน์ที่พึงจะมีแก่ตนเอง และประโยชน์ที่พึงจะมีแก่ผู้อื่น หรือว่ามีทั้งสองฝ่ายร่วมกันก็ได้. ดังนั้นมนุษย์จึงผิดแปลกแตกต่างจากสัตว์เป็นอันมากก็ในข้อนี้ ​

    เมื่อได้ทำหน้าที่อันนี้ถูกต้องมันก็เลยได้รับผลของหน้าที่ คือทำถูกต้องมันก็ได้รับผลเป็นสุข, อยู่เป็นสุข, เต็มไปด้วยประโยชน์ดังที่กล่าวแล้ว.
    ถ้าทำไม่ถูกต้อง มันจะไม่มีปะโยชน์คุณค่าอะไร; สักว่ามีชีวิตอยู่หรือถ้าทำไม่ถูกต้องยิ่งไปกว่านั้นอีก มันก็เป็นคนที่มีสุขภาพไม่สมบูรณ์ เจ็บๆ ไข้ๆ หรือตายไปเลย ไม่ได้เหลือรอดเป็นชีวิตอยู่. ฉะนั้น การที่เราทำให้สบายดี มีสุขภาพดี แล้วปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เกิดผลแก่ทุกฝ่ายนั้นแหละ
    เรียกว่า หน้าที่. ธรรมะ คือหน้าที่ แล้วผลที่เกิดมาอย่างนั้นแหละ คือผลที่เกิดมาจากหน้าที่.

    ที่มาจาก หนังสือธรรมะที่ควรเติมลงในชีวิต โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ​
     
  2. Surachai Mankong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    318
    ค่าพลัง:
    +329
    สาธุ ขออนุโมทนาด้วยครับ ได้อ่านบทความนี้แล้ว ได้สติเยอะเลย
     

แชร์หน้านี้