ธรรมะพเนจร กับ หลวงปู่จันทา ตอน เห็นสาวสวรรค์

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 18 สิงหาคม 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    ธรรมะพเนจร กับ หลวงปู่จันทา ตอน เห็นสาวสวรรค์
    [​IMG]
    ปี ๒๕๐๑ ได้ขึ้นไปภาวนาอยู่ที่ วัดถ้ำกลองเพล อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี (ปัจจุบันเป็น อ.เมือง จ. หนองบัวลำภู) กับหลวงปู่ขาว (อนาลโย) และหลวงปู่หลุย (จันทสาโร) ในสมัยนั้น วัดถ้ำกลองเพลยังไม่เจริญ ไม่สะดวกสบายเหมือนทุกวันนี้ เมื่อไปอยู่ที่นั่น ก็ตั้งใจทำความเพียรไม่ลดละ

    เร่งรัดพัฒนาทำความเพียร ด้วยการอดนอน ผ่อนอาหาร ตลอดไตรมาส ๓ เดือน ตั้งใจทำความเพียรอย่างนั้น อยู่มาวันหนึ่งเป็นวันเพ็ญ เมื่อเดินจงกรมเสร็จแล้วก็ไปนั่งภาวนาอยู่ในถ้ำใหญ่ นั่งสมาธิกำหนด พุทโธ เป็นอารมณ์ของสติ ไม่นาน จิตก็วาง พุทโธ แล้วจิตก็รวมลงสู่ภวังคภพอันแน่นแฟ้น อุปจารธรรม เกิดขึ้น มีแสงสว่างกระจ่างแจ้งเกิดขึ้น กลางคืนเหมือนกลางวัน สว่างโร่อย่างนั้น

    ไม่นาน มีฝูงเทพยดาทั้งหลาย มีแต่ผู้หญิงล้วน ๆ รูปร่างใหญ่โตมโหฬาร สวยงามเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ ถือธงแดงและธูปคนละอัน ลงมาจากฟากฟ้า มาถึงถ้ำแล้วก็เอาธงปัก จุดธูปแล้วก็พากันกราบไหว้ กราบที่ ๑ ว่า พุทโธ กราบที่ ๒ ว่า ธัมโม กราบที่ ๓ ว่าสังโฆ สรณังคัจฉามิ เสร็จแล้วก็ทำวัตรเย็น จากนั้นก็สวด ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร อนัตตลักขณสูตร และ อาทิตตปริยายสูตร ทั้ง ๓ สูตรนี้ เขาเรียกว่า ราชาธรรม เป็นธรรมอันยิ่งใหญ่ของศาสนาพุทธ ธรรมทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์มารวมอยู่ที่นี่ทั้งหมด

    เมื่อสวดมนต์เสร็จแล้ว เขาก็นั่งภาวนา นานนะ เป็นชั่วโมง สองชั่วโมง สามชั่วโมงนะ เรียบร้อยดี สงบดี เมื่อเสร็จแล้วเขาก็กราบ พุทโธ ธัมโม สังโฆ แล้วเขาก็จะจากไป จึงได้กำหนดถามเขาว่า

    “โยม...มาจากที่ใด ?”

    เขาก็ว่า “ท่านอาจารย์ พวกดิฉันมาจากเมืองสวรรค์”

    “มาที่นี่เพื่อประโยชน์อันใดหรือโยม ?”

    เขาก็ตอบว่า “มาบูชาแก้ว ๓ ประการนะท่าน”

    “บูชาเพื่อประโยชน์อะไร ?”

    “เพื่อบำเพ็ญกุศลทานนะท่าน เพราะแก้วพุทโธ แก้วธัมโม แก้วสังโฆนั้น เป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ในการบูชาด้วยดอกไม้ ธูปเทียนและของหอม”

    ถามเขาไปอีกว่า “อยู่บนสวรรค์ ไม่ได้บำเพ็ญหรือโยม ?”

    “บำเพ็ญอยู่เหมือนกัน แต่ได้รับผลน้อย ไม่ได้มากเหมือนบำเพ็ญอยู่ในเมืองมนุษย์ ในเมืองมนุษย์ ทำน้อยได้มาก ทำมากก็ยิ่งได้มาก เพราะเป็นสถานที่สำหรับบำเพ็ญบุญกุศล จะไปสวรรค์หรือพรหมโลก ก็ต้องมาบำเพ็ญบุญในเมืองมนุษย์นี้ก่อน จะไปพระนิพพาน พ้นทุกข์จากโลกสงสาร ก็ต้องมาบำเพ็ญบุญในศาสนาพุทธ ในเมืองมนุษย์นี่เสียก่อน จึงจะได้ นอกนั้นไม่มี”

    "นั่นแหละ ในสมัยศาสนาพระพุทธเจ้ากัสสโปโน้น พวกข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นหญิงชาวบ้านชาวเมือง พากันประพฤติวัตรปฏิบัติขัดสีแก้วทั้ง ๓ ประการให้สว่างไสวรุ่งโรจน์ทั้งกลางวันและกลางคืน ด้วยการเดินจงกรมบูชาแก้ว ยืนภาวนาบูชาแก้ว นั่งสมาธิบูชาแก้ว ไหว้พระสวดมนต์บูชาแก้วทั้ง ๓ ดวงนี้ แก้วพุทโธ แก้วธัมโม แก้วสังโฆ ทำอยู่อย่างนั้นเป็นนิจ ไม่ลดละ ล้วนแต่เป็นบุญเป็นกุศลทั้งนั้น ทานการกุศลสิ่งใดที่ให้แก่สมณะชีพราหมณ์นั้น ก็จะกลายเป็นของทิพย์ไปรอคอยอยู่บนสวรรค์หมดทั้งนั้น”

    “ฉะนั้น เมื่อพวกข้าพเจ้าไปเกิดบนสวรรค์ ก็มีแต่ความสุขสำราญ เป็นผลมาจากการประพฤติปฏิบัติธรรมกันมาถึง ๒ หมื่นปี ในสมัยศาสนาพระพุทธเจ้ากัสสโป ผู้คนมีอายุยืน ๒ หมื่นปีนะท่าน”

    พวกเทวดาเหล่านั้นก็ล้วนแต่มีรูปร่างสูงใหญ่ สวยงาม มีผิวสีขาว เหลือง แดง ไว้ผมยาว มีสายสร้อยรอบตัว นุ่งผ้ายาวครึ่งแข้งเหมือนคนโบราณ เวลาเดินก็งาม พูดก็งาม อะไร ๆ ก็ดูสวยสดงดงามทั้งนั้น เหมือนกับพระจันทร์วันเพ็ญ เมื่อเปรียบเทียบกับมนุษย์แล้ว ไกลกันเหมือนฟ้ากับดินนะ ดูมนุษย์เราแล้วเหมือนกับลิง

    จากนั้นเขาก็ฝากธรรมะว่า

    “ท่านอาจารย์ ขอได้โปรดไปแนะนำพร่ำสอนญาติโยมทั้งหลาย ให้พากันบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา บำเพ็ญสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน ศีล สมาธิ ปัญญา มรรค ๘ โพชฌงค์ ๗ และพากันเดินจงกรม ฝึกจิต อบรมจิต สอนจิต ทรมานจิต นั่งสมาธิ ยืนภาวนา ฝึกจิต อบรมจิต สอนจิตให้มันดี นั่นแหละ จะเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ เหมือนดังที่พวกข้าพเจ้าทำอยู่อย่างนั้น ๒ หมื่นปี เมื่อสิ้นลมแล้ว เหมือนกับว่านอนหลับแล้วก็ตื่นขึ้นฉะนั้น”

    “ให้เอาศรัทธาเป็นไม้ถ่อและไม้พายนะ ทาน ศีล ภาวนา เป็นเรือขี่ข้ามโอฆสงสาร ไปพระนิพพาน ภาวนาพุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นที่พึ่ง จะพาขึ้นสู่สวรรค์ จนกระทั่งถึงพระนิพพานได้”

    เสร็จแล้วเขาก็ลาจากไป ปลิวขึ้นสู่อากาศเหมือนกับนุ่นต้องลม ปลิวเข้าสู่กลีบเมฆหายไปเลย ขณะที่สนทนากันนั้น ลืมถามไปว่า พวกเขาเหล่านั้นมาจากสวรรค์ชั้นใด ได้ถามแต่ว่า

    “ทำไมจึงมีแต่นางเทพยดา ไม่เห็นมีเทพบุตร ?”

    เขาก็ตอบว่า “เมื่อครั้งที่พวกข้าพเจ้าเป็นมนุษย์ ได้บำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา นั้น ไม่มีพวกผู้ชายไปบำเพ็ญด้วย ดังนั้น เมื่อไปเกิดบนสวรรค์จึงไม่มีเทพบุตร”

    นั่นแหละ ทำอย่างไร ก็ได้ผลอย่างนั้น รุ่งเช้าไปทำกิจวัตร หลวงปู่ขาวท่านถามว่า

    “เมื่อคืนนี้ภาวนาเห็นอะไรบ้าง ?”

    “หลวงปู่ครับ ผมตั้งสัตย์ไว้แล้วว่าจะไม่นอนทั้งกลางวันและกลางคืน เมื่อคืนนี้ ภาวนาแล้วจิตสงบ เห็นสาวสวรรค์ลงมาจากสวรรค์ในราว ๖๐ คน มีรูปร่างสูงใหญ่ สวยงาม ถือธงแดงและธูปมาคนละอัน เอามาปักไว้หน้าถ้ำ แล้วก็พากันไหว้พระสวดมนต์ จบแล้วก็นั่งภาวนา เสร็จแล้วก่อนที่เขาจะจากไป ได้ถามเขาว่า มาจากไหน เขาก็ตอบว่า มาจากเมืองสวรรค์”

    หลวงปู่ขาว ท่านก็ว่า “ปัจจัตตัง จะรู้เห็นเฉพาะผู้ปฏิบัติ ใครปฏิบัติ ผู้นั้นก็จะเห็นเองนะ แต่ถ้าปฏิบัติแล้วจิตไม่สงบ ก็ไม่เห็น เมื่อจิตสงบลงสู่อุปจารธรรม แล้วจะเห็นได้ เพราะจิตเข้าสู่ภพเดียวกับพวกเขาเหล่านั้น”

    นั่นแหละ ก็เห็นจริงแจ้งชัดประจักษ์ว่า สวรรค์นั้นมีจริง ถึงแม้จะไม่ได้ไปเห็นเมืองสวรรค์ แต่ก็ได้เห็นนางเทพยดาทั้งหลาย เหาะลงมาจากฟ้า ลงมาไหว้พระสวดมนต์และนั่งภาวนา อยู่ที่วัดถ้ำกลองเพลนั้น
    ที่มา http://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมบุญสร้างกำแพงแก้ววิหารหลวงพ่อโต-วัดกุฎีทอง-อยุธยา.553352/
     

แชร์หน้านี้

Loading...