ธรรมะ จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย สายหลวงปู่มั่น, 4 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  2. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  3. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ทุก คนต้องรับผิดชอบต่อกรรมของตนเองจะป้ายไปให้คนอื่นไม่ได้ คนทำดีจะเป็น เด็กหรือผู้ใหญ่ก็ตามก็เป็นคนดี เพราะกรรมของตน ใครจะรู้หรือชื่นชมหรือไม่ก็ตาม ตัวผู้ทำรู้สึกตัวเอง ว่าทำดี คนที่ทำไม่ดี เช่น ประพฤติตนเกะกะระรานเป็นคนหัวขโมย ก็เป็นคนชั่วเพราะกรรมของตน ใครจะรู้หรือไม่ก็ตาม ตัวผู้ทำเองก็รู้สึกว่าตัวทำชั่ว อาจจะป้ายความผิดให้ผู้อื่นด้วยการหลอกให้คนอื่น เข้าใจผิด แต่จะหลอกตัวเองไม่ได้ ตัวเองย่อมรู้สึกย่อมรู้สึกสำนึกตัวเองอย่างเต็มที่ ฉะนั้น เมื่อทำดี ทำชั่วแล้ว จึงปัดดีปัดชั่วออกไปให้พ้นตัวเองไม่ได้ เพราะรู้สึกตัวเองอยู่ทางจิคของตน ใครจะแย่งดี ไปจะใส่ชั่วให้ก็ไม่ได้นอกจากจะหลอกให้คนอื่นเข้าใจผิดเท่านั้น

    สมเด็จพระญาณสังวร

    -คนต้องรับผิดชอบต่อก.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  4. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  5. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  6. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  7. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  8. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…ทำบุญคนเป็นได้บุญหลาย ทำบุญคนตายได้บุญน้อย
    ทำบุญคนเป็นนี้คือเรา เราทำทาน รักษาศีล ภาวนา เรียกว่าบุญกิริยา วัตถุ ส่วนคนตายไปแล้ว ไม่มีโอกาสได้ทำบุญ ได้แต่รอรับส่วนบุญและอนุโมทนาส่วนบุญที่เขาอุทิศให้…”

    โอวาทธรรมหลวงปู่ทองผุด ญาณวโร วัดภูเขาดิน อ.เชียงคาน จ.เลย

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  9. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  10. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “ความแตกต่างระหว่าง การปล่อยให้ตายอย่างสงบ การกระทำการุณยฆาต และการฆ่าตัวตาย”

    (วิสัชนาธรรมโดย พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล)

    ุจฉา : ทราบมาว่าความเชื่อทางพุทธ มองว่าการฆ่าคนเป็นบาป การฆ่าตัวตายก็บาปมาก เลยอยากทราบว่า คนที่ป่วยเป็นผักทำอะไรไม่ได้แล้วไม่มีทางหาย กลายเป็นภาระให้คนในครอบครัว รู้สึกอยากตายแล้วญาติปล่อยให้ตาย (อาจจะโดยการถอดสายช่วยหายใจ) จะบาปในฐานะฆ่าคนไหมคะ ?

    หรือก่อนที่จะป่วย ผู้นั้นเคยแจ้งความจำนงค์ว่า ถ้าอยู่ในสภาพนั้น ให้ปล่อยให้ตายได้ แล้วญาติปล่อยให้ตาย จะบาปหรือป่าวคะ ?

    อีกกรณี คือการการุณยฆาต คือผู้ป่วยเป็นคนร้องขอให้ปล่อยให้ผู้ป่วยตายเสีย คนที่ยินยอมทำตามนั้นด้วยความสงสารจะถือว่าฆ่าคนไหมคะ ?

    พระอาจารย์ไพศาล_วิสาโล : การปล่อยให้ผู้ป่วยตาย โดยไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย หรือด้วยการกระทำบางอย่าง เช่น ถอดสายช่วยหายใจ หากมีเจตนาที่จะให้เขาตาย ย่อมถือเป็นบาป ผิดศีลข้อที่ ๑ คือปาณาติบาต

    ส่วนกรณีที่ผู้ป่วย ซึ่งอยู่ในระยะสุดท้าย ไม่สามารถเยียวยาให้หายหรือดีขึ้นได้ หากปฏิเสธการยื้อชีวิต เพราะประสงค์จะตายอย่างสงบ หรือตายอย่างธรรมชาติอีกทั้งเห็นว่าการพยายามยื้อชีวิต จะทำให้มีความทุกข์มากขึ้น หรือคุณภาพชีวิตแย่ลงย่อมไม่ถือว่าเป็นการฆ่าตัวตาย หากแต่เป็นการยอมรับความตายที่กำลังจะมาถึงหากญาติยอมทำตามความประสงค์ของผู้ป่วย ไม่ถือว่าเป็นการทำปาณาติบาต เพราะไม่ได้มีเจตนาที่จะให้เขาตาย หรือยินดีที่เขาตาย แต่เป็นการช่วยให้ผู้ป่วยจากไปอย่างสงบ

    การที่ผู้ป่วยขอร้องให้ปล่อยเขาตาย หากผู้ป่วยอยู่ในระยะสุดท้ายแล้ว ไม่ถือว่าเป็นการุณยฆาตหรือการฆ่าตัวตาย แต่ถ้าผู้ป่วยขอให้ญาติทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้เขาตายเร็วขึ้น ซึ่งไม่ใช่การตายอย่างธรรมชาติ อย่างนี้เข้าข่ายฆ่าตัวตาย ส่วนผู้ที่มีส่วนช่วยเหลือผู้ป่วยในการทำให้เขาตายเร็วขึ้นในกรณีดังกล่าว ก็ถือว่ามีส่วนในการทำปาณาติบาตด้วย

    อย่างไรก็ตาม ควรเข้าใจว่า การฆ่าตัวตาย(อัตวินิบาตกรรม)ไม่ใช่บาปหนักในพุทธศาสนา บาปหนักในพุทธศาสนา หรืออนันตริยกรรมฝ่ายอกุศล ได้แก่ การฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้า และทำสงฆ์ให้แตกแยก

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  11. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  12. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…เทพบุตรฤาษีโพธิสัตว์ อายุ ๒,๐๐๐ ปี…”

    “…ท่านอาจารย์ลี (ธมฺมธโร) เพิ่นเดินธุดงค์ไปพักรุกขมูลผานกเค้า แถบภูกระดึง เมืองเลย กับพระพอมาถึงใกล้กับผานกเค้า พักอยู่กับพวกที่ทำถนน แล้วโยมเขาเอารถไปส่งให้ถึงภูกระดึง

    เพิ่นบอกโยมเขาว่าจะไปหาฤาษีตนหนึ่งอยู่เชิงภู โยมก็ว่าแถบนี้ไม่มีฤาษี แต่ก็ไปเสาะหา แต่ชาวบ้านพวกทำถนนเขาไม่รู้ภาษาคำพูดเพิ่น แต่เพิ่นก็ไปเสาะหาไปคนเดียวจึงไปเห็นฤาษีตนหนึ่งหน้าตาเหมือนกับคนเฒ่าอายุประมาณ ๗๕ ปี นุ่งห่มหนังเสือ สวมชฎาใบไม้ แต่สะอาดสะอ้านหมดจด

    สอบถามกันและกันได้ความว่า อายุได้ ๒,๐๐๐ ปี แล้วอยู่บนภูเขาแถบนี้ตั้งแต่หล่มสัก น้ำหนาว ภูกระดึง ภูเขาแถบถิ่นนี้

    เป็นเทพบุตรฤาษี ถือเพศเป็นฤาษีแต่บำเพ็ญอย่างเดียวในพรตธรรมพระวินัยขององค์พระพุทธเจ้า เป็นเทพบุตร เป็นหัวหน้าเทวดาในแถบนั้น

    เพิ่นว่าคราวนั้นล่ะ ที่เพิ่นไปเห็นตารุกขปติเทพบุตรผู้เป็นผู้ควบคุมเปรตผีทั้งหมด ตารุกขปติยังได้ฝากคำกับท่านอาจารย์ลี ธัมมธโร มาหาผู้ข้าฯ ให้ไปโปรดเทศน์ธรรมให้เขาฟัง

    แต่ฤาษีเทพบุตรตนนั้น บำเพ็ญบารมีมาแต่เมื่อครั้งพระอุบาลีเถรเจ้ามาอยู่จำพรรษาสร้างวัดอยู่ถ้ำผาบิ้ง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ตัวเขาเป็นหัวหน้าผู้คนในแถบถิ่นนี้ บำรุงดูแลอุปัฏฐากพระอุบาลีเถรเจ้าทุกอย่างทุกประการฟังเทศน์ฟังธรรม

    ทำอยู่อย่างนั้นได้ ๓ ปี พระอุบาลีเถรเจ้าจึงได้นิพพานไป นิพพานในถ้ำผาบิ้ง นั่นหล่ะ (พ.ศ.๔)

    ผลอานิสงส์อันนั้นทำให้ได้เป็นเทพบุตรอยู่บนดาวดึงส์ ๓๐๐ กว่าปี เห็นว่าอยู่บนสวรรค์ไม่ได้ประโยชน์อะไร จึงได้ลงมาอยู่บนภูกระดึง ถือเพศบำเพ็ญเป็นฤาษีหนีจากนางสาวเทวดาทั้งหลาย

    ท่านอาจารย์ลี ธัมมธโร เพิ่นเล่าว่า เพิ่นนั่งภาวนาอยู่แต่วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ ช่วงที่อยู่สอนผู้คนสอนกรรมฐานให้กับเจ้าคุณสมเด็จอ้วน ติสโส มองมาแต่กรุงเทพฯ เห็นฤาษีเทพบุตรตนนี้ นั่งภาวนาอยู่บนก้อนหินชะง่อนผาอยู่บนภูกระดึง เมื่อได้โอกาสจึงไปหาเพราะหลายภพหลายชีวิตที่ได้บำเพ็ญเป็นหมู่เป็นเพื่อนกันมา

    ผู้ข้าฯ ถามว่า “ท่านอาจารย์ไปพูดคุยอะไรบ้าง ? ”

    “หลายเรื่อง หลายอย่าง เรื่องกสิณ เรื่องภพชาติเกิดตายผ่านมา เรื่องราวในชีวิตนี้ เรื่องความเป็นไปในโลก เรื่องฟ้าเรื่องฝนเรื่องของมนุษย์”

    “ก็แสดงว่าเทวดาตนนั้นมีอภิญญาณพอสมควร”

    “ได้อยู่ เพราะเป็นลูกศิษย์ของพระอุบาลีเถระ”

    “นานไหมครับ นานหรือยัง”

    เขาว่า “พ.ศ.๒, พ.ศ.๓, พ.ศ.๔”

    “ผมเคยได้ยินเพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต) ว่าถ้ำผาบิ้งวังสะพุงเมืองเลย พระอุบาลีเถรเจ้ามาสร้างวัดแล้วนิพพานอยู่ที่นั้น ก็จริงนะซีครับ”

    “จริงแน่นอน เพราะผมไปพบหลักฐานแล้ว” ท่านอาจารย์ลี ธัมมธโร ตอบ

    ท่านอาจารย์ลี ธัมมธโร วัดอโศการาม นี้สมกับเป็นผู้บำเพ็ญบารมีมานานมีความรู้อะไรลึกซึ้งหลายอย่างหลายประการ เสียแต่สู้บุพพกรรมฆ่ามนุษย์เมื่อคราวที่เป็นพระเจ้าอโศกมหาราชปาฏลีบุตรไม่ได้ มาชีวิตนี้ทำให้ได้รับผลอายุสั้นได้แค่ ๕๕ ปี เท่านั้น ยังเผยแพร่ธรรมะยังไม่กว้างขวาง เรื่องการก่อสร้างเจดีย์ของเพิ่นก็ยังไม่ทันได้สร้างได้ที่วัดอโศการาม สร้างได้แต่ที่ถ้ำพระสบาย แม่ทะ ลำปาง

    หมู่พระที่เดินธุดงค์กับเพิ่นคราวนั้นที่ไปด้วยกับเพิ่นนั้น ทำผิดทำวิบัติหลายอย่าง ผิดสัจจะก็มี ไม่เชื่อฟังคำของเพิ่น ใจไม่ลงให้เพิ่น เทวดาจึงได้เอาฝนเอาฟ้ามาลงโทษให้สำนึก เขาเอาทั้งลมทั้งฟ้าผ่า ทั้งฝนมาให้

    ถึงขนาดนั้นเขายังใส่โทษท่านอาจารย์ลี ธัมมธโร อีกว่า ใช้ฤทธิ์บัลดาล ให้เขาได้รับความลำบาก เมื่อไปถึงวัดบรมนิวาสแล้วก็ยังหาเรื่องหาความใส่อย่างนั้น อย่างนี้ จนที่สุดนอนหลับตายไป

    ท่านอาจารย์ลี ธัมมธโร นี้เทวดาก็รัก มนุษย์ก็นิยม ลูกศิษย์ของเพิ่นครูอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ในยุคสมัยนั้นก็มีท่านอาจารย์ลี ธัมมธโร ท่านอาจารย์ชอบ ฐานสโม ที่เทวดารัก เทวดาเข้าหา เข้าขอฟังเทศน์ธรรม

    ท่านอาจารย์ตื้อ (อจลธมฺโม) นั้นเก่งทางปราบทิฐิของพวกนาคพวกภูมิ ภูมิต่างๆ

    ต่อมาอีกในภายหลัง ท่านอาจารย์แหวน (สุจิณโณ) ผู้คนทั่วประเทศก็กราบไหว้บูชา เคารพนับถือ นับแต่พระเจ้าอยู่หัวจนชาวบ้าน

    เทพบุตรนรสีหะตนที่อยู่ภูกระดึง ที่ท่านอาจารย์ลี ธัมมธโร ไปพบปะนั้น เขาปรารถนาต้องการที่จะเป็นพระพุทธเจ้า นับจากพระศรีอาริย์ไปเป็นลำดับที่ ๘ เป็นองค์ที่ ๘ ในอนาคตวงศ์

    เป็นมิตรเป็นหมู่กับท่านอาจารย์ลี ธัมมธโร มาหลายภพหลายชาติ…”

    ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม (วัดหนองน่อง) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  13. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…เรานี้สงสารพระลูกพระหลานนะ กุลบุตรลูกหลานที่สืบทอดศาสนาต่อไป ให้พากันเข้มแข็งนะ อย่าได้อ่อนแออย่าได้ท้อถอยในหลักการปฏิบัติ ยึดมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้าไว้ อย่าทิ้งพระพุทธเจ้านะ และเชื่อฟังครูบาอาจารย์ อย่าละเลยนะ ท่านทำอย่างไร ทำตามท่านนะ…”

    พระธรรมวิสุทธิมงคล หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  14. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ีลธรรมและกฎแห่งกรรมใหญ่กว่ากฎหมาย
    โลกเดือดร้อนเพราะคนที่มีการศึกษาสูงแต่ใจต่ำ

    (คติธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

    เพราะกฎหมายออกมาจากศีลธรรม มาเป็นกฎหมายข้อบังคับที่ถูกต้องดีงามให้ส่วนรวมปฏิบัติอยู่ใต้อำนาจของกฎหมายจะมีความเสมอภาคกัน มีความสงบร่มเย็น

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  15. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  16. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…การสั่งสมบุญกุศลเข้าสู่จิตใจ จะทำลอยๆไม่ได้ ต้องมีสัจจะอธิษฐาน ทำเหลาะๆแหละๆมันไปได้ยาก เดี๋ยวก็เรื่องนั้นเรื่องนี้เข้ามาก็เป็นเรื่องไปหมด การสั่งสมคุณงามความดีก็จะล้มเหลว แทนที่จะเป็นเนื้อเป็นหนังขึ้นมา เพราะปล่อยปละละเลยไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง การสั่งสมคุณงามความดีต้องมีสัจจะแล้วจะเห็นผล…”

    หลวงพ่ออินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  17. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  18. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…วิญญาณหญิงสาวมาขอส่วนบุญ…กับหลวงปู่จันทา ถาวโร…”

    “…มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกจากบ้านเฉลียงลับมาถึงก็กราบแล้วพูดว่า “ท่านอาจารย์ ดิฉันหมดเกษียณภพชาติมนุษย์จะได้ไปสู่เมืองนรก ใจร้อนเหมือนไฟ ขออนุโมทนาส่วนบุญกับท่านบ้างเถอะ”

    ก็เลยอุทิศส่วนบุญให้ว่า “แม่หนูน้อย จงตั้งใจรับส่วนบุญกับหลวงพ่อนะ บุญกุศลที่ได้บำเพ็ญมาขอแบ่งครึ่งให้นะ แม่หนูน้อยจงรับเอาไปเถิด”

    “สาธุ…!” แล้วเขาก็ว่า “ใจร้อน ๆ เมื่อได้รับส่วนบุญจากหลวงพ่อแล้ว ใจก็เย็นสบายดี จะไปตกนรกไหมหนอ ?”

    “ไม่ตกหรอกแม่หนูน้อย จงบริกรรม พุทโธ ธัมโม สังโฆ ไปเสมอนะ อย่าได้ลดละ อย่าได้ประมาท เมื่อไปถึงนรกแล้ว จ่ายมบาลเขาจะซักไซ้ไต่ถามเรื่องเทวทูต ๕ นะ และอำนาจของ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ที่ฝังอยู่ที่ใจของแม่หนูน้อยนั้น จะตอบได้โดยเร็วพลัน สมบัติทั้งหลายทั้งปวงนั้นเกิดขึ้นจาก พุทโธ ธัมโม สังโฆ ทั้งนั้น”

    เขาก็ว่า “เจ้าค่ะ” จากนั้นก็กราบ ๓ ที แล้วขอลาออกเดินทางตามนายนิริยบาลไป

    ก็จดจำ รูปร่างลักษณะของแม่หนูน้อยคนนั้นไว้ เป็นคนผิวขาว ไว้ผมยาว ใบหน้ารูปใบโพธิ์ สวมเสื้อผ้ากลางเก่ากลางใหม่ มีผ้าขาวเฉลียงบ่า นุ่งผ้าซิ่นมีลวดลายที่ปลายทั้งสอง

    ขณะนั้นเป็นเวลาตี ๓ กว่าแล้ว จิตก็เลยถอน เมื่อจิตถอนออกแล้วได้ยินเสียงร้องไห้มาจากบ้านเฉลียงลับ วัดกับบ้านอยู่ไม่ไกลกันนะ พอตื่นเช้าก็ออกภิกขาจารบิณฑบาต พอกลับมาถึงวัด ก็มีโยม ทายกนำอาหารมาถวาย แล้วก็พูดว่า…

    “ท่านอาจารย์ เมื่อคืนนี้ลูกสาวข้าพเจ้าขาดใจตายแล้วตอนตี ๓ ”
    ตอนที่หญิงสาวไปหาในนิมิตนั้นก็เป็นเวลาตี ๓ พอดีถูกต้องตรงกันนะ ก็เลยพูดกับโยมไปว่า…

    “อาตมาเพิ่งมาอยู่ใหม่ ไม่เคยพบเห็นลูกสาวของโยม แต่ก็จะแถลงไขให้ทราบ ลูกของโยมคนนั้นหมดเกษียณภพชาติเพียงแค่นั้น เพราะบุญเก่าเขาเอามาน้อย มีนายนิริยบาล ๘ คนมาเอาตัวไป พวกนายนิริยบาลก็มาสนทนากับอาตมาอยู่ที่วัดนี่แหละ เขาบอกว่าหญิงสาวอายุ ๑๖ ปีหมดเกษียณภพชาติเพียงแค่นั้น ทีนี้ลูกสาวของโยมเป็นคนผิวขาว ไว้ผมยาว ใบหน้ารูปใบโพธิ์ สวมเสื้อกลางเก่ากลางใหม่ มีผ้าเฉลียงบ่านุ่งผ้าซิ่นมีลายคล้ายงูเหลือม ใช่ไหม ?”

    “ใช่แล้ว…ไม่ผิดหรอก”

    “ลูกของโยมเป็นคนมีกิริยามารยาทเรียบร้อย ท่าทางเป็นนักปราชญ์ ใช่ไหม ?”

    “ใช่แล้ว…ลูกของข้าพเจ้า เมื่อเกิดมาพอรู้เดียงสา ถ้าไม่ได้ทำบุญแล้ว จะไม่ยอมไปโรงเรียน ไม่ว่าจะมีงานบุญบวช บุญกฐินหรือบุญอะไร ที่ไหน ใกล้หรือไกล ที่บ้านน้อยเมืองใหญ่ เป็นต้องไปร่วมทั้งนั้น บางทีก็ไปนานเป็น ๑๐ วัน ๒๐ วัน แล้วกลับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พ่อแม่ก็ไม่ว่าอะไร เคยถามเขาว่า ทำไมจึงทำอย่างนี้ ?”

    ลูกก็ตอบว่า “พ่อแม่นี้เป็นสมบัติเบื้องหน้า สมบัติข้าวของเงินทองก็เป็นสมบัติหามาได้ใหม่ ไม่ใช่เป็นสมบัติติดตามมาแต่ภพชาติปางก่อนโน้น ภพชาติปางก่อนโน้นของฉันเป็นเหตุ ถ้าฉันดีแล้วอะไรก็ดีหมด พ่อแม่ก็ดี ถ้าฉันชั่วแล้ว อะไรก็ชั่วหมดทั้งนั้น
    ฉะนั้น ฉันจึงไม่หวั่นไหว เห็นว่าบุญกุศลให้ผลเป็นสุขพาให้พ้นทุกข์ นั่นแหละจะส่งผลมาให้ได้พ่อแม่ที่ดี ไม่อดไม่อยาก ไม่ยากไม่จน เพราะกรรมดีของฉันสะสมไว้แต่ปางก่อนโน้น มาชาตินี้จึงได้พ่อแม่ที่ดี ส่วนสมบัติข้าวของเงินทองก็เป็นสมบัติมาหาได้ใหม่ ไม่นานก็จะจากกันไปเท่านั้น เมื่อจากกันแล้วก็ทอดทิ้งไว้ เอาไปด้วยไม่ได้ทั้งสมบัติภายในและสมบัติภายนอก”
    นั่นแหละ พอฉันเช้าเสร็จแล้ว เขานิมนต์ไปทำพิธีเผาศพลูกสาวที่ป่าช้า ไปแต่เช้าเลยนะ ถามเขาว่า…

    “ทำไมจึงรีบเผาแต่เช้า ?”

    เขาก็ว่า “ต้องรีบปลงภาระหนัก เจ้าของร่างเขาปลงภาระหนักไปแล้ว เราผู้ยังอยู่ก็รีบปลงภาระหนัก เมื่อเสร็จแล้วต่างคนก็ต่างหมดภาระหนัก”

    เมื่อไปถึงป่าช้า เปิดฝาโลงดูก็เห็นศพมีรูปร่างเหมือนอย่างที่เขาไปหาในนิมิตเมื่อคืนนั้นแหละ พอทำกิจพิธีทุกอย่างเสร็จแล้วก็เผาทิ้ง ไม่มีอะไร หมดเพียงแค่นั้น ถูกไฟเผาแล้วก็หมดทุกอย่าง”

    นี่แหละ ไปเห็นเป็นอย่างนั้น ก็น่าอัศจรรย์ใจนะ เห็นว่านรกนั้นมีแท้แน่นอน เพราะได้เห็น ทูตานุทูต คือ นายนิริยบาลเป็นผู้ส่งข่าวสารให้ทราบ พร้อมทั้งมีคนตายให้เห็นเป็นพยานอีกก็สิ้นสงสัย…”

    หนังสือ “ชีวประวัติ หลวงปู่จันทา ถาวโร” ที่ระลึกงานถวายเพลิงสรีระสังขารหลวงปู่จันทา ถาวโร วัดป่าเขาน้อย อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๗ – ๓๘

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  19. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “รัชกาลที่ ๖ ทรงโปรดพระพุทธชินราช”

    (จาก เรื่องเล่า “พระพุทธชินราช”)

    พระพุทธชินราช มีพุทธลักษณะงดงามเป็นเลิศ ในพระราชนิพนธ์ “เที่ยวเมืองพระร่วง” ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ขณะดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ได้เสด็จประพาสเมืองกำแพงเพชร สุโขทัย สวรรคโลก อุตรดิตถ์ และพิษณุโลก เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๐

    พระองค์ทรงกล่าวถึงพระพุทธชินราชว่า

    “ตั้งแต่ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธรูปมานักแล้ว ไม่ได้เคยรู้สึกว่า ดูปลื้มใจจำเริญตาเท่าพระพุทธชินราชเลย ที่ตั้งอยู่นั้นก็เหมาะนักหนา วิหารพอเหมาะกับพระ มีที่ดูได้ถนัด องค์พระก็ตั้งต่ำพอดูได้ตลอดองค์ไม่ต้องเข้าไปดูจนจ่อเกินไป และไม่ต้องแหงนคอตั้งบ่าแลดูแต่พระนาสิกพระ ยิ่งพิศไปรู้สึกยินดีว่า ไม่เชิญลงมาเสียจากที่นั้น พระพุทธชินราชยังคงอยู่ที่เมืองพิษณุโลกตราบใด เมืองพิษณุโลกจะเป็นเมืองที่ควรไปเที่ยวอยู่ตราบนั้น ถึงในเมืองพิษณุโลกจะไม่มีชิ้นอะไรเหลืออยู่อีกเลย ขอให้มีแต่พระพุทธชินราชเหลืออยู่แล้ว ยังคงจะอวดได้อยู่เสมอว่า มีของควรดูควรชมอย่างยิ่งอย่างหนึ่งในเมืองเหนือ หรือจะว่าในเมืองไทยทั้งหมดก็ได้”

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  20. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “อัศจรรย์เทวดาช่วยสร้างพระพุทธชินราช”

    (ประวัติความเป็นมา การสร้างพระพุทธชินราช)

    หลักฐานจากพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระมหาธรรมราชาลิไท กษัตริย์พระองค์ที่ ๗ ของกรุงสุโขทัย ทรงสร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างเมืองพิษณุโลกในราว พ.ศ.๑๙๐๐ พระองค์ทรงเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างมาก ทรงรอบรู้แตกฉานในพระไตรปิฎก และทรงนิพนธ์วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาเรื่อง “ไตรภูมิพระร่วง” เมื่อทรงสร้างเมืองพิษณุโลกขึ้นแล้ว มีพระราชประสงค์จะสร้างพระพุทธรูปให้งดงามกว่าพระพุทธรูปทุกเมืองเป็นพระเกียรติยศ จึงเสาะหาช่างฝีมือดีจากทั้งสุโขทัย เชียงแสน หริภุญไชย มาช่วยกันปั้นหุ่นพระพุทธรูปขึ้น ๓ องค์ มีรูปทรงสัณฐานคล้ายคลึงกัน แต่ต่างขนาด

    องค์หนึ่งนั้นตั้งพระนามตั้งแต่เริ่มสร้างว่า
    “พระพุทธชินราช”
    หน้าตักกว้าง ๕ ศอก ๑ คืบ ๕ นิ้ว

    อีกองค์หนึ่งพระนามว่า “พระพุทธชินสีห์”
    หน้าตัก ๕ ศอก ๑ คืบ ๔ นิ้ว

    และอีกองค์หนึ่งพระนาม “พระศรีศาสดา”
    หน้าตัก ๔ ศอก ๑ คืบ ๖ นิ้ว

    พระองค์เลือกลักษณะตามพระทัยให้ช่างทำ คือไม่ยึดรูปแบบสุโขทัย สวรรคโลก ศรีสัชนาไลย หรือเชียงแสน แต่เป็นแบบปนๆกัน เช่นนิ้วพระหัตถ์ของแบบสุโขทัยและสวรรคโลกจะเหมือนกับมือคนทั่วไปไม่เสมอกัน แต่พระองค์รับสั่งให้ทำเสมอกันตามที่ทรงทราบว่าเป็นพุทธลักษณะ เมื่อปั้นเสร็จทั้ง ๓ องค์แล้วจึงให้บรรดาช่างและคนทั้งปวงดู เห็นว่างามดีหาที่งามเสมอมิได้แล้ว จึงให้ทำหุ่นแล้วเททองสัมฤทธิ์ในวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีเถาะ พ.ศ.๑๘๙๘

    เมื่อแกะหุ่นปรากฏว่าสมบูรณ์ดีเพียง ๒ องค์ คือพระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดา ส่วนพระพุทธชินราชทองเดินไม่เต็มองค์ ช่างต้องทำหุ่นใหม่และหล่อถึง ๓ ครั้งก็ไม่สำเร็จ พระมหาธรรมราชาลิไทจึงตั้งจิตรอธิษฐาน เอาบุญพระบารมีของพระองค์เป็นที่ตั้ง และให้พระอัครมเหสีทรงอธิษฐานด้วย ในการทำหุ่นใหม่ครั้งนี้ปรากฏว่ามีชีปะขาวคนหนึ่งมาช่วยด้วยอย่างแข็งขัน ไม่พูดไม่จากับใครคล้ายคนใบ้ ครั้นหุ่นสำเร็จเข้าดินพิมพ์แห้งแล้ว เททองตามมงคลฤกษ์ในวันพฤหัส ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเส็ง พ.ศ.๑๙๐๐ ทองก็แล่นดีทั่วหุ่น องค์พระสมบูรณ์ดี ชีปะขาวผู้มาช่วยก็เดินออกไปทางประตูด้านเหนือ ถึงตำบลหนึ่งก็หายตัวไป ตำบลนั้นจึงได้ชื่อ “ตำบลปะขาวหาย” ต่อมา พระมหาธรรมราชาลิไทรับสั่งให้ตามหาจะพระราชทานรางวัลก็หาไม่พบ เชื่อกันว่า “เทวดา” ได้แปลงกายเป็น “ปะขาว” เพื่อมาช่วยหล่อพระพุทธชินราช จนสำเร็จเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์แบบ

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...