ธรรมะ จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย สายหลวงปู่มั่น, 4 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…เกิด ดับ พิจารณาตน ดูตัวเจ้าของ…”

    หลวงปู่สอน อนุสาสโก สำนักสงฆ์ถ้ำผาล้อมเทพนิมิตร ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่พระโอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ดับ-พิจารณาตน-ดูตัว.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  2. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…อย่าไปโทษว่าใครผิดถูกทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนแต่เป็นกฎของกรรมทั้งสิ้นคนผิดคนถูกนั้นไม่มีมีแต่ วาระกรรมดี วาระกรรมชั่ว เท่านั้นที่ส่งผลการกระทำนั้นๆไป…”

    โอวาทธรรมหลวงปู่ปาน โสนันโท

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่พระโอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  3. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  4. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  5. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    หลายคนมีความคิดว่า…
    น่าจะไปทำบุญกับวัดที่จน ๆ ขาดแคลนห่างไกล
    ไม่น่าจะไปทำบุญกับวัดที่รวย มีเจ้าอาวาสดัง ๆ
    จะว่าถูกก็ถูก ถ้าปรารภตามอดีตชาติแล้ว
    ผู้เคยได้ทำบุญร่วมกันมาแต่ภพก่อนชาติก่อนแล้ว
    จะดีหรือไม่ดีก็บันดาลได้ทำบุญร่วมกัน
    เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องเกี่ยวกับบุญที่โยงมา
    แต่ภพก่อนชาติก่อนอันเคยได้ร่วมกัน ข้อนี้สำคัญมาก
    .
    หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  6. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  7. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…อานิสงส์ ที่ท่านตั้งปณิธานว่า ข้าพระองค์ขอปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเหมือนอย่างพระองค์ หลังจากที่ได้ฟังพระพุทธเจ้าเทศนาจบ จึงได้ตั้งปณิธานเฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า คือ องค์สมณโคดมนี้ หลังจากนั้นก็เวียนว่ายตายเกิด จนชาติปัจจุบันมาเป็นท่านพระอาจารย์มั่น
    ทีนี้ทำไมท่านจึงละความปรารถนาพุทธภูมิ ท่านพิจารณาแล้ว รู้สึกตัวว่าเรานี้ปรารถนาพุทธภูมิ จึงมาสร้างบารมี ผู้ที่มีปรารถนาพุทธภูมิ เขาคิดอยู่ในใจเหมือนกับเรานับไม่ถ้วน ผู้ที่ออกปากแล้วเหมือนกับเราก็นับไม่ถ้วน ผู้ที่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้วก็นับไม่ถ้วน และผู้ที่จะมาตรัสรู้ข้างหน้ามีอีก ๘ พระองค์ เช่น พระศรีอริยเมตไตรย พระเจ้าปเสนทิโกศล กว่าจะถึงวาระของเรา มันจะอีกนานเท่าไร เราขอรวบรัดตัดตอนให้สิ้นกิเลสในภพนี้เสียเลย ท่านพิจารณาเช่นนี้ จึงได้ละความปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้า…”

    จากหนังสือ “ประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และมุตโตทัย” ผู้เล่าเรื่องนี้คือ หลวงตาทองคำ จารุวณฺโณ

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ที่ท่านตั้งปณ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  8. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
    สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา
    พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี

    ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๔๑ พรรษา
    วันที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๒

    ๏ ศุภมงคลเฉลิมพระชนมพรรษา
    “บรมราชินี” ศรีกษัตราจักรีสมัย
    ถวายพระพรทั่วหล้าประชาไทย
    ศิระน้อมสวัสดิ์ชัยทรงพระเจริญ ฯ

    ข้าพระพุทธเจ้า
    ขอพระราชทานพระราชวโรกาส
    ถวายพระพรชัยมงคลแด่
    ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
    พระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ
    สถิตเป็นมิ่งขวัญแห่งปวงประชาสถาพรตราบกาลนาน

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

    1f49c.png 1f337.png 1f49c.png ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน 1f49c.png 1f337.png 1f49c.png

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ เผยแพร่พระราชประวัติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ด้านการทรงงานทางราชการ
    .
    วันที่ 2 มิ.ย. 2562
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กรมประชาสัมพันธ์เผยแพร่ พระราชประวัติ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิ.ย.62 ด้านการทรงงานราชการ

    ปี พ.ศ.2553 ทรงดำรงตำแหน่ง รักษาราชการนายทหารยุทธการ ฝ่ายยุทธการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยการมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองกิจการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ สำนักงานฝ่ายเสนาธิการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ สน.ผบ.ทสส.

    ปี พ.ศ.2555 ทรงดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับกองพันทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ สน.ผบ.ทสส.

    จากนั้นทรงดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับกองพันฝึกทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยฝึกทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ โรงเรียนทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ สน.ผบ.ทสส.

    ปี พ.ศ.2556 ทรงดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับการโรงเรียนทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (2)/ผู้บังคับการหน่วยฝึกทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ สน.ผบ.ทสส.

    ต่อมาทรงดำรงตำแหน่ง นายทหารปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานนายทหารปฏิบัติการพิเศษในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์

    นอกจากนี้ทรงดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการโรงเรียนมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์

    ปี พ.ศ.2557 ทรงดำรงตำแหน่ง เสนาธิการหน่วยมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์

    ปี พ.ศ.2559 ทรงดำรงตำแหน่ง นายทหารปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานนายทหารปฏิบัติการพิเศษในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์

    ทรงดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตรา พลเอก)

    ปี พ.ศ.2560 ทรงดำรงตำแหน่ง รองสมุหราชองครักษ์ กรมราชองครักษ์ (อัตรา พลเอกพิเศษ)

    ทรงดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตรา พลเอกพิเศษ)

    สำหรับการเผยแพร่พระราชประวัติกรมประชาสัมพันธ์ได้จัดทำ 2 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ประชาชนสามารถติตตามได้ที่เว็บไซต์กรมประชาสัมพันธ์ www.prd.go.th หรือ www.phralan.in.th ทั้งนี้ ขอเชิญชวน ประชาชนร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในวันที่ 3 มิ.ย.62 เวลา 09.00 น.- 17.00 น. ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง
    .
    ที่มา : https://mgronline.com/onlinesection/detail/9620000052530
    (เผยแพร่: 2 มิ.ย. 2562 12:17 โดย: ผู้จัดการออนไลน์)

    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  9. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  10. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…เคียดกะซาง.บ่จองเวรผู้ใด๋พระโสดาบัน..
    โอ้…ขั่นได้เฮ็ดเขาแต่ซาติก่อนนั่น กะให้มันแล้วไปสาเด้อ ขั่นเขามาก่อใหม่กะให้มันแล้วไปสาเด้อ เทิงเคียดๆ อยู่ แต่ฮั่งบ่ผูกเวร อุปณาหะ บ่ผูกโกรธไว้ บ่แก้แค้นให้ว่าฮั่นเถาะ
    เหตุจั่งซั่นเพิ่นจั่งปิดอบายภูมิแหม๋.. ภูมิสิไปแห่งสัตว์เดรัจฉานเพิ่นกะปิดแล้ว ปิดปักตูหัวใจนี่ ปิดปักตูความประพฤติ บ่ไป บ่ปฏิบัติไป.. เรียกว่าปิดอบายภูมิ ภูมิสิไปทางซัวนั่นเพิ่นปิดเมิดแล้ว… ”

    หลวงปู่หล้า เขมปัตโต

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -บ่จองเวรผู้.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  11. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  12. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  13. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  14. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  15. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  16. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  17. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…หลวงปู่จาม มหาปุญโญ กับมรดกธรรม ความสามารถทาง”สถาปัตยกรรม…”

    หลวงปู่จาม มหาปุญโญ พระอริยะเจ้าแห่งแดนอีสาน เป็นพระอาจารย์สายกรรมฐานชื่อดัง ลูกศิษย์ของ พระครูวินัยธร หรือหลวงปู่ มั่น ภูริทตฺโต พระสายธรรมยุต สายกรรมฐานที่ได้รับการยกย่องจากพุทธศาสนิกชนทั่วโลก

    ถ้าหากใครมีโอกาสได้เดินทางมุ่งหน้ามาทางอำเภอคำชะอีมาทางอำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ไปตามทางหลวงสายที่ ๑๒ ก็จะมองเห็น “พระธาตุเจดีย์บู่ทองกิตติ” เจดีย์ ๕ ยอดปูกระเบื้องสีอิฐ สัญลักษณ์ของวัดป่าวิเวกวัฒนาราม ในบริเวณวัดร่มครึ้มไปด้วยเงาไม้ มีสิ่งก่อสร้างหน้าตาประหลาดอย่างกุฏิเสาเดียวซ่อนตัวอยู่

    สิ่งหนึ่งที่ได้รับรู้จากครูบาแจ๋ว(หรือพระธมฺธโรในขณะนี้) ก็คือเรื่อง “เจดีย์บู่ทองกิตติ” ที่โดดเด่นเป็นสง่านั่นเอง

    สิ่งหนึ่งที่ได้รับรู้ได้รับฟังครูบาแจ๋วเล่าว่า การก่อสร้างเจดีย์บู่ทองกิตติ เกิดขึ้นเมื่อ นางบู่ทอง กิตติบุตร คหบดีเมืองเชียงใหม่ และบุตรหลานซึ่งเคยอุปัฏฐาก อุปถัมภ์หลวงปู่จาม เมื่อครั้งอยู่เมืองเหนือมาตลอด เดินทางมากราบหลวงปู่จาม ที่วัดนานร่วม ๓๐ ปี เมื่อเห็นพระบรมสารีริกธาตุ จึงบอกกับหลวงปู่ว่าทำไมวางไว้ในตู้อย่างนั้น หลวงปู่ท่านก็บอกว่าไม่มีกำลังทำให้ใหญ่โต โยมบู่ทองจึงมอบเงินให้ ๑ ล้านบาท เพื่อเริ่มการก่อสร้างใน พ.ศ.๒๕๒๗ และบริจาคเงินมาเรื่อยๆกระทั่งเจดีย์สร้างเสร็จ ใน พ.ศ.๒๕๓๐ รวมเงินทั้งสิ้น ๔ ล้านบาท โดยด้านนอกขององค์เจดีย์ หลวงปู่จามสั่งให้นำกระเบื้องดินเผามาติด

    จากการระดมสรรพกำลังช่างพื้นบ้าน มีองค์หลวงปู่จาม เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง เกิดเป็นเจดีย์สำหรับรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่มีความโดดเด่นทางศิลปะ

    “ท่านสร้างตามแรงศรัทธา (งบประมาณ) โดยไม่ได้เขียนแบบร่าง หลวงปู่จะสั่งงานเอง เริ่มจากฐานรากที่ตอม่อของตัวเจดีย์วางบนพระลานหิน (หินดินดาน) ตีขึ้นไปไม่ได้ตอกเสาเข็ม ทำนั่งร้าน ท่านบอกว่าแบบนี้แหละเหมาะกับโยมบู่ทอง กิตติบุตร ที่ให้เงินมาประมาณ ๕ ล้านบาท” ครูบาแจ๋ว กล่าว และว่า แม้จะมีคนทักท้วง ห่วงเรื่องความมั่นคงของโครงสร้างของพระเจดีย์ แต่กลับหมดความกังวล เนื่องจากหลังจากขุดดินลงไปก็พบกับหินดินดานก้อนใหญ่ รองรับพระเจดีย์พอดี

    “พอตอนหลังสร้างพระอุโบสถถัดจากเจดีย์ กลับไม่เจอหินดินดานก้อนนั้นที่มีเพื่อรองรับเจดีย์เท่านั้นจริง ท่านมองทะลุดิน” รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าวิเวกวัฒนารามกล่าวอย่างศรัทธา

    ที่ยอดของเจดีย์บู่ทองกิตตินั้น บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ส่วนอีก ๔ ยอดที่อยู่รายรอบนั้น ประดิษฐานพระธาตุของอัครสาวก ได้แก่ พระสารีบุตร และพระมหาโมคคัลลานะ รวมถึงพระธาตุของพระสีวลีและพระอุปคุต

    ด้วยลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่เหมือนศิลปะสมัยโกธิค และไม่ได้ตอกเสาเข็ม จึงมีนักศึกษาและสถาปนิกเดินทางมาศึกษาไม่ขาดสาย

    ครูบาแจ๋วเล่าว่า เมื่อเจดีย์บู่ทองสร้างเสร็จแล้ว ไม่มีการฉลองใดๆ เน้นให้เรียบง่ายที่สุด แต่มีพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

    “พระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๑๔ ท่านเก็บใส่ตู้กระจกและสั่งให้รักษาให้ดี เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งเพราะในรอบปีนั้นมีพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาจำนวนมาก จนมีน้ำหนัก ๑๔.๙ กิโลกรัม จากเดิมที่มีไม่มากนัก นับว่ามากกว่าที่อื่นๆ นอกจากนั้น โยมบู่ทอง ยังบริจาคเงินสร้างศาลาทรงล้านนาประยุกต์อีกหลังหนึ่งด้วย”

    เมื่อดูภาพถ่ายเก่าๆ พบว่าเป็นศาลาการเปรียญที่มี “กาแล” เป็นเครื่องหลังคาอย่างศิลปะล้านนา ไม่ใช่ช่อฟ้า ใบระกา หรือหางหงส์อย่างวัดทั่วไป ตั้งอยู่บนพื้นที่เดียวกับศาลาการเปรียญหลังปัจจุบัน

    พระธมฺมธโร เล่าว่า เดิมเป็นศาลาไม้ขนาดเท่ากับที่เห็นในปัจจุบัน แต่ใช้เสาเพียง ๔ ต้น มีคานรับน้ำหนักเครื่องหลังคาที่ประกอบกัน โดยมีลิ่มไม้เป็นตัวเชื่อม ไม่ได้ใช้ตะปูเพื่อตอกยึด โดยไม้ที่นำมาสร้างศาลาการเปรียญหลังเก่านั้นนำมาจากไม้ที่ยืนต้นตายในป่า ไม้ล้มขอนนอนในป่า และไม้หีบศพที่หลวงปู่จามแกะและสะสมไว้ ไม่ได้เบียดเบียนต้นไม้ที่ยังมีชีวิต

    “แต่เมื่อตัวศาลาเริ่มทรุดโทรม จึงรื้อศาลาหลังเดิมแล้วนำไม้ กระเบื้อง และเครื่องมุงหลังคาส่วนใหญ่ไปบริจาควัดต่างๆ ส่วนที่เหลือได้นำไปซ่อมแซมศาลาในวัด” ครูบาแจ๋วกล่าว

    สิ่งก่อสร้างอีกอย่างที่สะท้อนความสามารถทางสถาปัตย์ของหลวงปู่จาม คือ “กุฏิเสาเดียว” แห่งเดียวของเมืองไทย

    ครูบาแจ๋ว ผู้ใกล้ชิดกับหลวงปู่จามตั้งแต่อายุ ๙ ขวบ เล่าว่า หลวงปู่จามเป็นผู้ออกแบบเองตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๐๕ แต่เริ่มก่อสร้างใน พ.ศ.๒๕๒๐ – ๒๕๒๕ มีเสากลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราว ๑ ฟุต สูงเกือบ ๓ เมตร รองรับตัวอาคารด้านบนที่สร้างจากไม้

    “หลวงปู่อ่านในตำรา ว่ากษัตริย์โบราณปรารภจะสร้างปราสาทเสาเดียวแต่หาไม้ไม่ได้ มีไม้อยู่ต้นหนึ่งที่เป็นบ้านเรือนปราสาทวิมานของรุกขเทพบุตร แต่รุกขเทพบุตรอาศัยอยู่ก็เป็นทุกข์ใจ อาลัยที่อยู่ของตน เกิดความวุ่นวายใจจึงไปขอร้องรุกขเทวดา องค์ที่สถิตอยู่กอหญ้าแฝกให้มาแก้ไขให้ จนข้าราชบริพารของช่างไม้เลิกล้มความตั้งใจที่จะนำไม้ต้นนั้นไปทำเป็นเสาปราสาทเสาเดียวของกษัตริย์”

    “เมื่อตรวจค้นจากชาดก ก็พบในกุสนาฬิชาดก (ชาดกว่าด้วยประโยชน์ของการคบมิตร) ที่เล่าว่า กุฏิรุ่นเก่าที่สร้างนับแต่ พ.ศ.๒๔๘๗ เป็นต้นมาเริ่มผุพัง ทั้งปลวกกัดแทะ มดแมลงคอยรบกวนทำลายข้าวของบริขาร หลวงปู่จึงได้แนวคิดในการสร้างกุฏิเสาเดียว เพื่อป้องกันมด ปลวก หนู แมลง หรือสัตว์อื่น ดูแลเพียงเชิงบันไดและต้นเสาเท่านั้น” รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าวิเวกวัฒนารามกล่าว

    จากแนวคิดการพัฒนาวัดที่เน้นธรรมชาติ สิ่งต่อเติมก่อสร้าง กุฏิ ศาลาธรรม และพระเจดีย์ ผนวกกับความสามารถทางสถาปัตย์ของหลวงปู่จาม ผลคือ เกิดเป็น “มรดกธรรม” ในรูปแบบเสนาสนะซึ่งล้วนถูกสร้างอย่างกลมกลืนกับต้นไม้ที่อยู่รายรอบ
    “หลวงปู่จาม”กับมรดกธรรม ความสามารถทาง”สถาปัตยกรรม”

    เกิดบรรยากาศที่เงียบสงบ ร่มรื่น และอบอุ่น ดำรงแนวคิดการเป็นอยู่ที่เรียบง่าย หลีกเร้นจากผู้คน ตามคติของภิกษุสายธรรมยุต”หลวงปู่จาม”กับมรดกธรรม ความสามารทาง”สถาปัตยกรรม”

    (ภาพบน) หลวงปู่จาม – ครูบาแจ๋ว (ภาพล่าง) กุฏิเสาเดียวแห่งเดียวของประเทศ

    หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -มหาปุญโญ-กับ.jpg
    -มหาปุญโญ-กับ.jpg
    -มหาปุญโญ-กับ.jpg
    -มหาปุญโญ-กับ.jpg
    -มหาปุญโญ-กับ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  18. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  19. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “วิบากกรรมนำพาสัตว์ไปเกิดตายในวัฏสงสาร”

    (เทศนาโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

    อบายมุขคืออะไร นรก เปรต สัตว์เดรัจฉาน ท่านก็ว่าอยู่แล้ว แล้วแต่จะไปยังไง เพราะอำนาจของวิบากฝ่ายต่ำจะกดลงไปให้ไปสู่ฝ่ายต่ำ วิบากฝ่ายดีก็ให้มาเกิดเป็นมนุษย์ มีอวัยวะสมบูรณ์บริบูรณ์ มีสติปัญญา มีอำนาจวาสนา สูงยิ่งกว่านั้นก็ขึ้น ทีแรกก็ไปสวรรค์ เพราะวิบากเกิดขึ้นจากการทำดีของตัวนั้นแลพาให้ไปสวรรค์ ไม่เคยเห็นสวรรค์ก็เห็น ก็รู้ ก็ได้ไป เมื่อมีบุญ บุญพาไปเอง

    สวรรค์ก็มี ๖ ชั้น จาตุม ดาวดึงส์ เรื่อยขึ้นไป ยามา ดุสิต นิมมานรดี ปรนิมิตวสวัตดี แล้วก็ก้าวขึ้นพรหม ๑๖ ชั้น มีพรหมกายิกา เป็นต้น นี่ล้วนแล้วตั้งแต่จิตเป็นผู้จะไป ไม่ใช่อวัยวะร่างกายของเรานี้จะไป อันนี้ไม่มีทางไปได้ เพราะเป็นสิ่งที่หยาบ หยิบยืมมาจากธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่อถึงกาลแล้วต้องส่งคืนตามเดิมของเขา จิตที่เป็นตัวของตัวโดยลำพังไม่ใช่ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ก็ไป ไปสูงไปต่ำตามอำนาจแห่งวิบากที่ทำแล้ว สูงขึ้นไปก็ถึงพรหมโลก สูงยิ่งกว่านั้นก็เรียกว่าโลกุตรธรรม ธรรมเหนือโลก ได้แก่พระนิพพาน เรื่องแถวเรื่องแนวของจิตที่จะเป็นไปเพราะอำนาจแห่งวิบาก ก็บ่งชัดเจนอยู่เช่นนี้ แล้วคำว่าบาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพาน จะไม่มีได้อย่างไร เมื่อสิ่งเหล่านี้ประทับตราอยู่กับตัวเองด้วยกันทุกคน คือการกระทำ

    -วิบากกรรมนำพาสัต.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  20. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “การเพิ่มคุณภาพจิต ด้วยการเจริญแผ่เมตตา”

    (คติธรรม หลวงปู่ทิวา อาภากโร)

    จิต ที่มีคุณภาพสูงเป็นจิตที่มีความสุขมากกว่าปกติเป็นจิตที่ประกอบไปด้วยกุศล ไม่คิดเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ปรารถนาความสุขให้แก่ตนเองและผู้อื่น ตรงกันข้ามกับจิตที่มีคุณภาพต่ำ เป็นจิตที่ประกอบไปด้วยอกุศลเป็นส่วนมาก ทำตนเองให้เป็นทุกข์ แล้วก็แผ่กระจายความทุกข์นั้นไปให้ผู้อื่น ทั้งที่โดยเจตนาและไม่เจตนาก็ตาม

    พระอริยเจ้าทุกพระองค์ นับตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป จิตของท่านมีคุณภาพสูงกว่าจิตของปุถุชน เพราะท่านมีความเมตตาเป็นวิหารธรรม คือ เป็นเครื่องอยู่ ฉะนั้นท่านจึงเป็นผู้มีความสุขมากกว่าปุถุชนธรรมดา พวกเราถึงแม้ว่ายังเป็นปุถุชนอยู่ แต่ถ้าเจริญเมตตาพรหมวิหารเป็นประจำ เราก็จะเป็นผู้ที่มีความสุขมากกว่าปกติ ต่างกันแต่ว่าพระอริยเจ้าท่านมีเมตตาเป็นอัตโนมัติเกิดขึ้นเป็นประจำไม่มี การเสื่อม สำหรับปุถุชนต้องพยายามทำให้เกิดขึ้นทำให้มีขึ้นและต้องพยายามรักษาไว้ไม่ ให้เสื่อมด้วย

    เมตตาพรหมวิหารนี้ ถ้าเกิดขึ้นแล้ว ความเป็นผู้มีศีล คือไม่คิดเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น คิดปรารถนาความสุขให้แก่ตนเองและผู้อื่นก็เกิดขึ้นด้วย อยู่ที่ใดไปที่ใดก็มีแต่ความเยือกเย็นเป็นสุข

    เมตตาพรหมวิหารนี้ ถ้าทำให้มากเจริญให้มาก ย่อมแก้กรรมได้ กรรมที่ทำแล้วถ้าหนักก็อาจจะเบาบางลงได้ ถ้ากรรมนั้นพอประมาณก็อาจจะจางหายไปได้ ผู้ที่จะบำเพ็ญความดีจนบรรลุถึงความเป็นพระอริยเจ้า ตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป จำเป็นต้องสร้างบารมี คือ ทำคุณสมบัติ ๑๐ ประการให้เกิดขึ้นให้มีขึ้นกับตนเองก่อน คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา

    เมตตาเป็นบารมีอันหนึ่ง ซึ่งจำเป็นจะต้องสร้างให้เกิดขึ้น ให้มีขึ้นกับตน การเจริญเมตตาพรหมวิหาร ทำให้เมตตาบารมีของเราเพิ่มขึ้น…… เพิ่มขึ้น

    เมตตาพรหมวิหารแก้ผลเสียบางอย่างของการภาวนาได้ การทำสมาธิภาวนาในระบบใดก็ตาม จะใช้อะไรเป็นกรรมฐานก็ตาม จะมีอยู่อีกจุดหนึ่งที่จิตของเราสงบ ต้องการความสงบและอยากอยู่ในที่สงบ แต่สิ่งแวดล้อมก็เป็นไปตามปกติของเขา เช่น เราอยู่ในบ้าน แต่ก่อนเรายังไม่ภาวนา คนในครอบครัวทำเสียงดัง เราก็รู้สึกเป็นของธรรมดา แต่เมื่อเราภาวนา ถึงจุดที่มีความสงบ ต้องการความสงบ และอยากอยู่ในที่สงบแล้ว บางครั้งเราอาจจะรู้สึกหงุดหงิดรำคาญเสียง แล้วไปโทษสิ่งแวดล้อมว่าทำให้เกิดความไม่สงบ แต่ถ้าเราเจริญเมตตาพรหมวิหารแล้ว เราจะไม่ไปโทษสิ่งแวดล้อมภายนอก แต่จะรู้สึกเมตตาทุกคนเสมอกันหมด และสามารถปรับความรู้สึกของเราให้เป็นปกติได้ ไม่ยากนัก เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก สังคมที่ขาดเมตตา คือ สังคมของสัตว์ป่า สัตว์ใหญ่กินสัตว์เล็ก สัตว์ที่แข็งแรงเบียดเบียนสัตว์ที่อ่อนแอ มีแต่ความหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา ตัวเรา ครอบครัวและในสังคมส่วนย่อย ถ้าปราศจากเมตตาไปแล้วก็จะเดือดร้อน เป็นทุกข์หวาดระแวง เช่นเดียวกันถ้ามนุษย์เราขาดเมตตา สังคมมนุษย์ต้องแย่ยิ่งกว่าสังคมของสัตว์เสียอีก เพราะมนุษย์ทุกวันนี้มีอำนาจในทางวัตถุมาก ถ้าเอาอำนาจนี้มาใช้ในทางเบียดเบียนกัน ทำลายกันโลกก็คงอยู่ไม่ได้แน่ ที่โลกยังอยู่ได้เพราะมนุษย์เรายังมีเมตตาต่อกัน แม้จะอยู่ในวงจำกัดก็ตาม

    ถ้า มนุษย์เรามีเมตตาแผ่กว้างไปมากเท่าไร โลกก็จะน่าอยู่มากขึ้น สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ในโลกจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เมตตาจึงเป็นคุณธรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ค้ำจุนโลกให้คงอยู่ได้ ฉะนั้นโบราณจารย์ท่านจึงให้แผ่เมตตาทุกค่ำเช้า หลังจากไหว้พระสวดมนต์เสร็จแล้ว

    อานิสงส์ของการเจริญเมตตามีดังนี้
    ๑. ตื่นก็เป็นสุข
    ๒. หลับก็เป็นสุข
    ๓. ไม่ฝันร้าย
    ๔. เป็นที่รักของมนุษย์
    ๕. เป็นที่รักของอมนุษย์ อมนุษย์นี่หมายถึง เทวดา ผี และสัตว์ทั้งหลายด้วย
    ๖. เทวดารักษา ผู้ใดที่เทวดารักษา ผู้นั้นเจริญรุ่งเรืองไม่ตกต่ำ
    ๗. ไม่เป็นอันตรายด้วยไฟ ยาพิษ และศาสตรา
    ๘. จิตจะเป็นสมาธิอย่างรวดเร็ว ถ้าเราแผ่เมตตาแล้วทำสมาธิต่อ จิตจะเป็นสมาธิเร็วกว่าปกติ
    ๙. สีหน้าจะผ่องใส ดีกว่าตกแต่งด้วยเครื่องสำอาง
    ๑๐. ก่อนจะตายจะมีสติไม่หลงตาย การหลงตายคือ เพ้อ หรือโกรธ จิตเป็นอกุศล เพราะฉะนั้น ทุกข์คติ จึงเป็นไปในเบื้องหน้า
    ๑๑. เมื่อไม่บรรลุนิพพาน ย่อมเป็นผู้เข้าถึงพรหมโลก

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...