ธรรมะ จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย สายหลวงปู่มั่น, 4 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  2. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  3. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “การจุติของสัตว์โลกส่วนใหญ่ลงอบายภูมิ”

    (ข้อมูลจาก พระไตรปิฎก)

    เพราะสัตว์ส่วนมากไม่รู้ อริยสัจสี่ พระพุทธเจ้าจึงทรงตรัสเตือนภัยว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย

    สัตว์ที่จุติ (ตาย) จากมนุษย์
    กลับมาเกิดในมนุษย์ มีเป็นส่วนน้อย

    สัตว์ที่จุติ (ตาย) จากมนุษย์
    ไปเกิดในนรก
    เกิดในกำเนิดสัตว์เดียรัจฉาน
    เกิดในปิตติวิสัย(เปรต) มากกว่าโดยแท้

    สัตว์ที่จุติ (ตาย) จากมนุษย์
    ไปเกิดในเทพยดา มีเป็นส่วนน้อย

    สัตว์ที่จุติ (ตาย) จากมนุษย์
    ไปเกิดในนรก
    เกิดในกำเนิดสัตว์เดียรัจฉาน
    เกิดในปิตติวิสัย(เปรต) มากกว่าโดยแท้

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  4. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “พุทธกิจ ๕ งานประจำของพระพุทธเจ้า เป็นงานสำคัญที่ผู้อื่นช่วยได้น้อยหรืออาจช่วยไม่ได้เลย”

    (ธรรมเทศนา หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

    ในหลักของศาสดาที่ทรงสอนโลกไว้นั้นมีอยู่ นี่ภาระของพระพุทธเจ้า ท่านเรียก “พุทธกิจ ๕” คืองานประจำของพระพุทธเจ้ามี ๕ อย่าง ที่เป็นงานสำคัญซึ่งคนอื่นจะช่วยได้น้อยมากทีเดียวและช่วยไม่ได้

    พอบ่ายสามโมง ก็เทศน์สอนประชาชนทั่วๆ ไป นับแต่พระมหากษัตริย์ลงมา

    พอตกค่ำมา ก็ประทานพระโอวาทแก่พระสงฆ์ พระสงฆ์นั้นมีหลายขั้นหลายภูมิแห่งธรรมภายในใจ มีแต่ละขั้นที่ละเอียดๆ แล้วลงมาหาขั้นหยาบ ขั้นสามัญธรรมดา พระโอวาทจะต้องสอนให้พอเหมาะพอสมเหมือนเรือบินเหินฟ้า สอนธรรมะ ธรรมะพื้นๆ ก็สอนที่ต่ำๆ ธรรมะที่สูงอยู่ภายในจิตใจของผู้ฟังก็เหินขึ้นๆ ธรรมะละเอียดเท่าไร ธรรมะของผู้ที่ฟังนั้นน่ะ อยู่ภายในจิตใจมีความละเอียดมากน้อยเพียงไร ธรรมะที่จะนำออกแสดงนี้ก็สูงขึ้นๆ จึงเป็นเหมือนกับว่าเรือบินเหินฟ้า ขึ้นจากสนามบินแล้วก็เหินขึ้นๆ ธรรมะพระพุทธเจ้าเทศน์ตั้งแต่พื้นๆ นี่เสียก่อนแล้วก็สูงขึ้นๆ เพื่อให้ได้รับประโยชน์ทั่วถึงกัน ภูมินี้ก็ให้ได้รับ ภูมินั้นก็ให้ได้รับ ภูมิสูงก็ให้ได้รับ จนกระทั่งภูมิสูงสุด ไม่ให้มีบกพร่องในการแนะนำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า นี่ตั้งแต่ทุ่มหนึ่งหรือสองทุ่มไปแล้วประทานพระโอวาทแก่พระสงฆ์

    จากนั้นตั้งแต่หกทุ่มไปอีก ก็ประทานพระโอวาทและแก้ปัญหาของพวกทวยเทพทั้งหลาย คำว่าทวยเทพนี่หมายถึงเทวดานับตั้งแต่ท้าวมหาพรหมลงมา พรหม ๑๖ ชั้นเป็นที่อยู่ของพวกพรหมทั้งหลาย แล้วสวรรค์ ๖ ชั้นเป็นที่อยู่ของพวกเทวดา และยังมีอากาสาเทวดา รุกขเทวดา มีอยู่เยอะที่พระพุทธเจ้าจะทรงแนะนำสั่งสอน นี่ก็เป็นภาระที่หนักมากอันหนึ่ง พระองค์ไม่ทรงละเลยงานอันนี้ ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ทรงละ ก็คืองานสอนพวกเทพเจ้าทั้งหลาย ตั้งแต่ท้าวมหาพรหมลงมา อันนี้สอนด้วยตาทิพย์ใจทิพย์ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นทิพย์มองหาด้วยตาเรานี้ไม่เห็น แต่ใจนั้นเปิดเผยกันตามความมีอยู่ อันนั้นเป็นตาทิพย์แต่ก็มีอยู่ อันนี้ก็จักษุญาณตาญาณเห็นกันรับกัน แนะนำสั่งสอนกัน

    การสั่งสอนพวกเทพทั้งหลาย ไม่ได้นำเอาคำพูดมาสอนอย่างเราสอนมนุษย์นะ มนุษย์นี้ต้องได้สอนกันอย่างเต็มที่เต็มฐาน ถ้าจะว่ามนุษย์เราหยาบก็ใช้ได้ไม่ผิด ไม่ผิดยังไง เอ้า ให้คนชาติอื่นภาษาอื่นมาฟังซิ เราพูดภาษาไทยเราอย่างนี้เขาฟังไม่ออก จะต้องได้เรียนภาษากันก่อนให้ยุ่งไปหมดถึงจะเข้าใจภาษากัน แต่ใจมีภาษาเดียว เทพชั้นไหนก็ตามภูมิใดก็ตาม พอแย็บออกนี้จะรับกันทันทีๆ นี่สอนพวกเทพ จะพูดว่าสอนง่ายกว่าพวกเราก็ไม่เห็นจะผิดอะไร เพราะเป็นภาษาใจอันเดียวกัน พอแย็บทางนี้ปั๊บ ทางนั้นรับกันแล้วๆ

    อันนี้ไม่ได้นะถ้าพูดภาษาของเรา จะไปไหน ทางนั้นงงเป็นไก่ตาแตกถ้าเป็นฝรั่งนะ เพราะไม่รู้ มันต้องได้ใช้ภาษาเขาอีก ทีนี้ใช้ภาษาเขา เช่นอย่างหลวงตาบัวนี้เป็นเสร็จเลย ก็ไม่ได้ภาษาเขานี่ มันได้แต่ภาษาเรา พวกนั้นก็เลยขาดทุนซี เขาจะมาศึกษากับเราก็ต้องได้เรียนภาษา เราจะไปสอนเขาก็ต้องใช้ภาษาให้เขาเข้าใจ พูดกันต้องเป็นภาษาโลกภาษาปากเรานี่ ภาษาของพวกเทพทั้งหลายเหล่านั้นไม่ได้เป็นภาษาเรานี้นะ เป็นภาษาเดียว ใจมีภาษาเดียว มีความรู้สึกอย่างเดียวกัน พอแย้มมาพับจะรับทราบทันทีๆ อันนี้พวกเรามันไม่รู้นั่นซี นี่ละพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้

    ออกจากนั้นมาคือสอนพวกเทพทั้งหลาย ตั้งแต่ท้าวมหาพรหมลงมา มากขนาดไหนฟังซิ มากกว่าสอนมนุษย์อีก ถ้าเราจะเอาความจริงมากางกันแล้ว สอนพวกที่ลึกลับนี้สอนมากยิ่งกว่าและหนักมากยิ่งกว่าสอนมนุษย์เรา เพราะมันกว้างขวางต่อกว้างขวาง มากต่อมาก

    ตั้งแต่ปัจฉิมยามไป คือตั้งแต่เก้าทุ่มไปทรงเล็งญาณดูสัตวโลก ผู้ใดจะเข้าตาข่ายคือพระญาณความหยั่งทราบของพระองค์ว่า ผู้ใดจะได้บรรลุมรรคผลนิพพานอย่างรวดเร็ว แล้วก็เสด็จไปโปรดคนนั้นๆ นั่นเป็นวาระที่ ๔

    วาระที่ ๕ ก็ไปบิณฑบาต พระพุทธเจ้าบิณฑบาตกับสาวกอรหันต์บิณฑบาต ไม่ได้เหมือนกันกับพวกเราๆ ท่านๆ ท่านไม่ได้คำนึงคำนวณถึงว่าใครจะมาใส่บาตร มีวัตถุไทยทานมากน้อย ท่านคำนวณที่หัวใจ ท่านเล็งเอาหัวใจสัตว์ เพราะทานนี้มีหัวใจเป็นเจ้าของ ออกมาจากใจ ใจมีคุณค่ามากขนาดไหนในวัตถุทานของตน มีความปีติยินดียิ้มแย้มแจ่มใสพอใจขนาดไหน นั้นละคุณค่าสำคัญอยู่ที่หัวใจคน โน่น พระองค์ทรงมุ่งใจเป็นสำคัญ ไปเพื่อใจ นั้นนะไปบิณฑบาต ปุพฺพเณฺห ปิณฺฑปาตญฺจ ไปบิณฑบาตเขามองเห็นชั่วขณะเท่านั้น ก็เป็นมงคลมหามงคลแก่เขามากขนาดไหน ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้าผู้สิ้นกิเลส ผู้เลิศเลอที่สุดในโลกอันนี้ ไม่มีใครเสมอเลยก็คือองค์ศาสดา เขาได้พบแล้วในวันนั้นขณะนั้น

    การที่ได้พบพระพุทธเจ้าแต่ละครั้งๆ นี้จึงเป็นมหามงคลอันสูงสุด เรียกว่า ทัสสนานุตตริยะ เป็นความเห็นอย่างอัศจรรย์อย่างประเสริฐ ท่านแย้มพระโอษฐ์ออกมา คือปากพูดอะไรๆ ออกมา รับสั่งคำใดออกมา นี้เป็นอรรถเป็นธรรมเป็นเหตุเป็นผล ผู้ฟังทั้งหลายจะซึ้งเข้าถึงใจๆ นี่เป็นประโยชน์ทั้งการได้เห็นการได้ยินได้ฟังแล้วนำไปคิดมากมายขนาดไหน เป็นประโยชน์มากมายขนาดนั้น นี่ละวิสัยของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้ หนักมากไหมพิจารณาซิ

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  5. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “จงรีบเร่งสร้างความดี ก่อนสิ้นลมหายใจ”

    (คติธรรม ท่านพ่อลี ธัมมธโร)

    “ขณะที่มีลมหายใจอยู่ อย่ามีความประมาทปล่อยให้เวลาล่วงไปเปล่า ต้องพากันรีบเร่งทำความดีเสียโดยเร็ว เพราะสิ้นลมหายใจแล้ว เราก็หมดโอกาสที่จะทำความดีต่อไปได้ เปรียบเหมือนพ่อค้าหรือแม่ค้าที่กำลังมีสินค้าดีขายดี ย่อมต้องรีบเดิน รีบพาย รีบทำ รีบพูด ถ้าหมดเวลาเสียแล้วก็หมดโอกาสที่จะหากำไรได้”

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  6. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  7. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  8. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “๔ ประการที่แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ทำไม่ได้”

    (ข้อมูลจาก “พระพุทธพจน์”)

    ลูกศิษย์ถามพระพุทธองค์ว่า

    ในเมื่อท่านเป็นผู้ที่มีความเมตตาและอิทธิฤทธิ์แล้ว ทำไมยังมีคนที่ลำบากอยู่ ?

    พระพุทธองค์ตอบว่า

    เราแม้จะมีอิทธิฤทธิ์มาก
    แต่มี ๔ ประการที่เราทำไม่ได้

    ๑. ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวิบากกรรมได้ ใครสร้างกรรมเอาไว้ไม่มีใครรับแทนได้ คนนั้นต้องรับเอง
    ๒. ปัญญาให้กันไม่ได้ ต้องฝึกฝนเอาเอง ถึงจะเกิดปัญญาได้
    ๓. ความศิวิไลของธรรมะ ไม่สามารถสื่อทางภาษาได้ ความจริงแท้ในจักรวาล ต้องใช้การปฏิบัติหนทางเดียวเท่านั้น เพื่อพิสูจน์ความจริง
    ๔. คนที่ไม่มีวาสนาที่ดีกับเรา จะฟังไม่เข้าถึงใจเขา เราจึงโปรดเขาไม่ได้ ฝนแม้จะตกทั่วฟ้า ก็ยังไม่เกิดประโยชน์กับหญ้าที่ไร้ราก พระธรรมแม้จะกว้างใหญ่ไพศาล ก็ยากที่จะโปรดคนไร้วาสนา

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  9. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  10. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  11. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระดำรัสถวายพระพร ความว่า

    1f340.png “อภิลักขิตสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว อาตมภาพในนามคณะสงฆ์ ขอตั้งกัลยาณจิตร่วมกับปวงชนชาวไทย สำแดงความปีติโสมนัส และขอถวายพระพรชัยมงคล

    1f340.png บัดนี้ สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ทรงรับพระบรมราชาภิเษก ตามโบราณขัตติยราชประเพณีทุกประการ พร้อมทั้งพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการที่จะทรงครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎร ดุจเดียวกับที่สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ได้ทรงปฏิญาณพระองค์ เป็นแนวทางดำเนินพระราชจริยาสืบมาทุกรัชสมัย

    1f340.png อันว่าพระราชธรรมสำหรับพระมหากษัตริย์นั้นมี ๑๐ ประการ เรียกว่า ‘ทศพิธราชธรรม’ ประกอบด้วย การให้, การสังวรระวังกายวาจา ให้เป็นปรกติ, การบริจาคเพื่อบรรเทาความโลภ, ความซื่อตรง, ความอ่อนโยน, การกำจัดความเกียจคร้านและความชั่ว, ความไม่มักโกรธ, ความไม่เบียดเบียน, ความอดทน และการดำรงความยุติธรรม

    1f340.png เมื่อใด พระมหากษัตริย์ทรงดำรงทศพิธราชธรรม ให้บริบูรณ์ด้วยดีในพระองค์ เมื่อนั้น พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาท และราษฎร ย่อมสวามิภักดิ์ พร้อมพลีกำลังกาย กำลังความคิด สนองพระเดชพระคุณโดยความซื่อสัตย์สุจริตและกตัญญู ปรากฏพระปีติโสมนัสมาสู่ดวงพระราชหฤทัย ในขณะเดียวกัน ประชาชนทุกคนก็พึงทำความแยบคายในใจให้ถ้วนถี่ว่า ทศพิธราชธรรมนี้ หาได้เป็นพระราชปฏิบัติสำหรับพระมหากษัตริย์แต่ฝ่ายเดียวไม่ ด้วยเหตุที่ความรุ่งเรืองของชาติบ้านเมือง จำเป็นต้องอาศัยกำลังพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ช่วยกันทำหน้าที่ ตามฐานะของตนๆ เพื่อสนองพระบรมราโชบาย จนบังเกิดผลสัมฤทธิ์ได้สมพระราชปรารถนา เพราะฉะนั้น ในฐานะผู้อาศัยใต้พระบรมโพธิสมภาร จึงพึงศึกษาและน้อมนำธรรมะทั้ง ๑๐ ประการข้างต้น มาเป็นวิถีการดำรงตนโดยทั่วหน้ากัน

    1f340.png ณ อุดมสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา อาตมภาพขออัญเชิญนิพนธคาถาแห่งสุขาภิยาจนคาถา มากล่าวอ้างเป็นสัจจวาจา ว่า

    มาตา ปิตา จ อตฺรชํ นิจฺจํ รกฺขนฺติ ปุตฺตกํ 
เอวํ ธมฺเมน ราชาโน ปชํ รกฺขนฺตุ สพฺพทา ฯ

    ความว่า ‘มารดาและบิดา ย่อมถนอมบุตรน้อยอันบังเกิดในตนเป็นนิตย์ฉันใด พระราชาจงทรงรักษาประชาราษฏร์โดยชอบ ในกาลทั้งปวงฉันนั้น’

    1f340.png ด้วยเดชะแห่งสัจจวาจานี้ ขอประชาราษฎร์ทั้งปวง จงสมัครสมานสามัคคี ประพฤติปฏิบัติตนเป็นเสมือนลูกที่ดี พร้อมเพรียงกันทำนุบำรุงชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ให้วัฒนาสถาพร เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงตั้งพระราชหฤทัยมั่น ในอันที่จะทรงรักษาประชาราษฎร์โดยชอบ ดุจดั่งบิดรมารดา จักได้ทรงปลอดโปร่งพระราชหฤทัย ทรงบริบูรณ์ด้วยพระกำลังที่จะทรงยังราชอาณาจักรไทย ให้ร่มเย็นเป็นสุขใต้ร่มพระบารมีสืบไป

    1f340.png ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และพระราชกุศลธรรมจริยา จงอภิบาลรักษาสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ให้ทรงพระเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย เสด็จสถิตเป็นมิ่งขวัญหลักชัยแห่งราชอาณาจักรไทย ตราบจิรัฏฐิติกาล เทอญ.”

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  12. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  13. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    น้อมถวายมุทิตาจิตแด่พระอาจารย์สายหลวงพ่อชา สุภัทโททั้ง 3 รูปในโอกาสพระเจ้าแผ่นดินพระราชทานถวายสมณศักดิ์และเลื่อนสมณศักดิ์

    1f341.png หลวงพ่อปสันโน
    1f341.png พระอาจารย์อมโร
    1f341.png พระอาจารย์ชยสาโร

    พระราชโพธิวิเทศ วิ.พระราชพุทธิวรคุณ วิ.พระราชพัชรมานิต วิ.

    ขอบพระคุณภาพจากคุณ Apple Shutintorn Daoruang

    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  14. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “หนีนรกมาเกิด”

    (ธรรมเทศนา หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
    (เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด)
    (เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘)

    “อันนี้ก็ยิ่งน่าพิศวงงงงัน ท่านฝันเวลากลางคืน พอตื่นเช้ามาเลยเรียกพระในวัดนั้นองค์ที่เชื่อถือได้เข้ามากระซิบ ทำไมผมถึงฝันอย่างนี้ เณรสมเรานี่ ชี้เลย เณรสมอยู่ในวัดเรานี้มันขโมยหนีมาจากนรก ข้อเปรียบเทียบเหมือนกับว่า พวกที่ติดคุกติดตะราง โทษเบาบางแล้วเขาก็เอาออกไปใช้งานนอกงานนา มันขโมยหนีตอนนั้น ตอนที่เขาปล่อยตัวให้ไปทำงานนั้นงานนี้ เพราะจวนจะออกจากคุกจากตะรางแล้ว อันนี้จะพ้นจากนรกแล้วเขาก็รามือบ้าง มันขโมยหนีจากนรกมาเกิดเป็นมนุษย์ บอกว่าเณรสมนี่น่ะว่างั้น ชี้เลย เราพูดเฉพาะเราเท่านั้น คอยดูเณรนี้นะ ฝันแม่นยำเหลือเกินเมื่อคืนนี้ ยมบาลเขามาหาท่านเมื่อคืนนี้จะเอาเณรนี้ไป ท่านขอบิณฑบาตเขายังไงก็ไม่ได้ การที่เขามานี้เขามาในนามของกรรมเณรเอง เขาว่างั้น ไม่ได้มาด้วยอำนาจบาตรหลวงจากที่ไหน มาด้วยอำนาจแห่งกรรมของเณรนี้เอง เณรนี้ขโมยหนีจากนรกมาเกิดเป็นมนุษย์ แล้วมาบวชเป็นเณรอยู่ในวัดนี้ชื่อสม บอกตัวเลยเทียว ชื่อสม ว่างั้น

    พอตื่นเช้าขึ้นมาก็เรียกพระมากระซิบกระซาบ เป็นยังไงถึงเป็นอย่างนี้ เณรนี้ก็ดีๆ อยู่ เขาบอกว่าตอนเย็นวันนี้ ๓ ทุ่มเขาจะมาเอาเณรนี้ นี่ก็จวนเวลาแล้วเณรนี้ก็ปรกติอยู่เป็นยังไง เขาจะมาเอาเณรนี้ไป เณรนี้ขโมยหนีมาจากนรกมาบวช ชื่อเณรสม เราพิจารณาเอา เอา รู้เฉพาะเราเราคอยดูจะเป็นยังไง ความฝันอันนี้ทำไมมันถึงกระเทือนใจเอามากมายเมื่อคืนนี้ แล้วคอยดูเณรสมนี้ ก็พูดกันเฉพาะเท่านั้น พระที่เข้าใจกันได้ คอยดูเณรนี้จะเป็นยังไง ขอบิณฑบาตยังไงเขาก็ไม่ถอย นี้มาปฏิบัติศีลธรรมแล้วก็ให้โอกาสปฏิบัติศีลธรรมต่อไป ไม่ได้กรรมเณรนี้ยังหนักอยู่ ยังอยู่ไม่ได้ ต้องไปเสวยกรรม ขอบิณฑบาตยังไงก็ไม่ได้ ทำยังไงก็ไม่ได้ ทำไมจึงไม่ได้ ขอกันทำไมไม่ได้

    ผมมานี้มาในนามของกรรม นั่น ผมไม่ได้มาในนามของผู้ใดผู้หนึ่ง ในนามของกรรมเณรเอง เพราะฉะนั้นจึงอนุญาตไม่ได้เพราะกรรมไม่อนุญาต พระองค์นั้นท่านก็นิ่งเลยยอมรับเขา ก็คอยฟังแต่เหตุเท่านั้น พอ ๒ ทุ่มขึ้นมาเณรเริ่มไม่สบาย ถ่ายท้อง นั่นเห็นไหมล่ะ ๓ ทุ่มเขาบอกว่า ๓ ทุ่มเขาจะมารับเณรนี้ไป บอกชัดเจนเลย รายนี้ก็ทราบกันได้ชัดเจน พอ ๒ ทุ่มเณรเริ่มเจ็บท้องปวดท้องถ่ายท้อง สุดท้ายเป็นเลือดออกมาเลย อ้าว นี่จะไม่ไหวแล้วนี่ จะเข้าเรื่องความฝันนั้นแน่แล้ว ยังไงก็ เอ้า เตือนเณรมันหมดหวังแล้วแหละ เตือนเณร เณรนี้มาก็มาด้วยบาปด้วยกรรม มา บุญก็มากรรมก็มาด้วยกัน บุญคือขโมยมาบวชก็เป็นบุญ ส่วนขโมยนั้นเป็นกรรมยังไม่หมดโทษขโมยมา เณรนี้จะต้องได้เสวยทั้งบาปทั้งบุญนั้นแหละ

    เณรให้ตายไปด้วยความสงบใจนะ อย่าปล่อยพุทโธ ท่านสอนพุทโธให้นะ เอ้าจะเป็นยังไงมองดูแล้วมันอ่อนลงๆ ถ่ายเป็นเลือดออกมา คำฝันนั้นแม่นยำแล้ว จวนจะเข้าถึงร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว แล้วก็สอนเณรนั้นด้วยความสงบ และเณรนี้ก็ตายด้วยความสงบเหมือนกันนะ เพราะท่านสอนอรรถสอนธรรมเต็มเม็ดเต็มหน่วย ให้เณรเชื่อบุญเชื่อกรรม นี่แหละบุญกรรมเป็นอย่างนี้แหละให้ดูเอา ใครเห็นไม่เห็นก็ตามบุญกรรมของเจ้าของ หากเห็นเจ้าของรู้เจ้าของเอง บังคับเจ้าของเอง ให้เณรเชื่อตัวเอง แล้วให้เชื่อพุทโธ ให้ตายกับพุทโธ ลมหายใจขาดขาดกับพุทโธนะ เณรเวลาจะไปก็ไปด้วยความสงบจริงๆ สงบเงียบไปเลยนั่น ก็ไปกับพุทโธ

    นี่ละท่านเจ้าคุณองค์นี้คำฝันของท่านแม่นยำมาก มาถึงเณรนี้ละที่ได้เล่าให้ฟังนะ แม่นยำที่สุด ถึงเวลาไปเลยจริงๆ เณรสมอยู่ในวัดเรานี้น่ะ มันดีๆ อยู่นี้ทำไมเป็นยังงี้ นี่ละอำนาจกรรมเรามองไม่เห็น แต่เรื่องสายกรรมสายญาณบันดลบันดาลให้ท่านฝันเห็นก่อนแล้ว เณรนี้จะเป็นอย่างนั้น แล้วก็เป็นอย่างที่ว่า ทั้งวัดไม่ใครรู้ มีแต่ท่านองค์เดียวฝันเป็นอย่างนั้น จึงมากระซิบกัน ความเป็นจริงก็เป็นอย่างที่ว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ไปเลย นี่ละอำนาจแห่งกรรมเราไม่เห็น กรรมของตัวเองผู้สร้างมันเห็นเองเป็นเอง บังคับตัวเองทั้งฝ่ายดีฝ่ายชั่ว พากันจดจำให้ดี ให้ไปปฏิบัติ อันนี้เป็นตัวอย่างอันหนึ่งของเณรที่เป็น จะเป็นตัวอย่างสำหรับเราที่กำลังดีดดิ้นอยู่เวลานี้ ให้ดีดดิ้นไปในทางที่ถูกที่ดี ถ้าผิดพลาดแล้วก็จะจมได้ พากันจำเอา..”

    ธรรมเทศนา หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    ปรารภถึงคุณธรรมของ หลวงปู่จันทร์ เขมิโย
    แห่งวัดศรีเทพประดิษฐาราม. อ.เมือง จ.นครพนม

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  15. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “กรรมราดอุจจาระทางบิณฑบาตหลวงปู่มั่น”

    (โดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
    (อ้างอิง : หนังสือ ญาณสัมปันนธัมมานุสรณ์)

    มีเรื่องหนึ่งที่องค์หลวงตาเล่าไว้ แต่ไม่ได้บอกว่าเกิดขึ้นที่หมู่บ้านใด เรื่องเกิดขึ้นในตอนเช้าขณะที่หลวงปู่มั่นเดินบิณฑบาตผ่านทุ่งนาของเขา แต่เจ้าของไม่ต้องการให้ท่านเหยียบผ่านคันนาของเขาไป ดังนี้ เขาว่าทำคันนาเขาเสียหาย เขาก็เอาขี้ไปราดตามคันนาไว้ ไม่ให้ท่านเดินผ่านมาบิณฑบาตที่นั่น เขาโกรธเคียดให้ท่าน

    สำหรับท่านเฉยอยู่ ท่านไม่สนใจละ แล้วสุดท้ายในที่สุดคนพวกนั้นเลยกลายเป็นคนบ้ากันทั้งครอบครัว มันช่างเป็นไปต่างๆนานา ไม่เป็นบ้าก็เป็นใบ้ ที่เป็นหมดทั้งครอบครัวเพราะพวกนี้ก็พลอยยินดีในเรื่องนี้ไปด้วย แต่คนที่ลงมือเป็นพ่อ พอท่านออกมาบิณฑบาตท่านจึงเหยียบขี้ที่เขาเทลาดไว้เปอะเปื้อนเท้าไปหมด เมื่อเป็นดังนั้น พวกที่อยู่ในครอบครัวเดียวกันคงจะพลอยดีใจพลอยยินดีไปด้วย คือสมรู้ร่วมคิดเป็นใจ แล้วกรรมส่งผลให้เป็นบ้า

    ผู้เฒ่าหัวหน้าครอบครัวก็เป็นบ้า แล้วลูกเต้าเกิดมาเป็นบ้าก็มี เป็นใบ้ก็มี คนดีๆหาไม่ค่อยมีในบ้านนั้น เป็นกันอยู่อย่างนั้น จนชาวบ้านเขาลือกันว่าเป็นเพราะทำกับท่าน ตั้งแต่นั้นมาไม่มีจะกิน ยากจน คนเขาชี้หน้าด่าทอกันหมดทั้งหมู่บ้าน เพราะใครๆเขาก็รู้กันทั้งหมู่บ้านว่าทำกรรมอันน่าทุเรศกับท่านอย่างนั้น เวลากรรมบันดาลมันให้ผล มันเป็นให้โลกเขาเห็นทั้งบ้านทั้งเมือง เหมือนกันนี้แหละที่เรียกว่า..กรรมตามทัน

    -กรรมราดอุจจาระทา.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  16. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    1f341.png พระอาจารย์ปสันโน 1f341.png พระอาจารย์อมโร 1f341.png พระอาจารย์ชยสาโร เข้าถวายสักการะสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ได้ประทานพระวโรกาสให้สมเด็จพระราชาคณะและพระราชาคณะที่ได้รับพระราชทานสถาปนา เลื่อนและแต่งตั้งสมณศักดิ์ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาเข้าถวายสักการะ ในวันจันทร์ที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ณ พระวิหาร วัดราชบพิธ

    ที่มาภาพ:ข่าว โดยกลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

    -พระอาจ.jpg
    -พระอาจ.jpg
    -พระอาจ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  17. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นอนัตตา ไม่มีอยู่จริง”

    ที่มา: พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค ภาค ๓ เผณปิณฑสูตร

    ณ แม่น้ำคงคา เมืองอโยธยา
    พระพุทธเจ้าได้กล่าวกับเหล่าภิกษุว่า

    “แม่น้ำคงคานี้พัดพาให้เกิดฟองน้ำก้อนใหญ่ เมื่อคนตาดีพิจารณาดูฟองน้ำเหล่านั้นโดยแยบคาย ก็จะเห็นว่าฟองน้ำนั้นได้หายไปกลายเป็นของว่างเปล่า หาสาระไม่ได้ ฉันใดฉันนั้น รูป (ธาตุ ร่างกาย) อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือดี ใกล้หรือไกล ถ้าเธอพิจารณารูปนั้นโดยแยบคาย ก็จะเห็นว่ารูปนั้นได้หายไปกลายเป็นของว่างเปล่า จับคว้าไว้ไม่ได้ หาสาระไม่ได้เช่นกัน

    เมื่อฝนเม็ดใหญ่ตกอยู่ จะทำให้เกิดฟองน้ำขึ้น เมื่อคนตาดีพิจารณาดูฟองน้ำเหล่านั้นโดยแยบคาย ก็จะเห็นว่าฟองน้ำนั้นได้หายไปกลายเป็นของว่างเปล่า หาสาระไม่ได้ ฉันใดฉันนั้น เวทนา (ความรู้สึก) อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือดี ใกล้หรือไกล ถ้าเธอพิจารณาเวทนานั้นโดยแยบคาย ก็จะเห็นว่าเวทนานั้นได้หายไปกลายเป็นของว่างเปล่า จับคว้าไว้ไม่ได้ หาสาระไม่ได้เช่นกัน

    ในเดือนสุดท้ายของฤดูร้อน ตอนเที่ยงจะเห็นพยับแดดเต้นระยิบระยับ เมื่อคนตาดีพิจารณาดูพยับแดดเหล่านั้นโดยแยบคาย ก็จะเห็นว่าพยับแดดนั้นได้หายไปกลายเป็นของว่างเปล่า หาสาระไม่ได้ ฉันใดฉันนั้น สัญญา (ความจำ) อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือดี ใกล้หรือไกล ถ้าเธอพิจารณาสัญญานั้นโดยแยบคาย ก็จะเห็นว่าสัญญานั้นได้หายไปกลายเป็นของว่างเปล่า จับคว้าไว้ไม่ได้ หาสาระไม่ได้เช่นกัน

    คนที่ต้องการแก่นไม้ ถือจอบเข้าป่า เห็นต้นกล้วยใหม่ ยังไม่เกิดหยวกแข็ง ก็ไปตัดเอาโคนแล้วทอนปลายลอกกาบออก แต่ก็ไม่พบแก่น เมื่อคนตาดีพิจารณาดูต้นกล้วยนั้นโดยแยบคาย ก็จะเห็นว่าต้นกล้วยนั้นไม่มีแก่น เป็นของว่างเปล่า หาสาระไม่ได้ ฉันใดฉันนั้น สังขาร (ความคิดปรุงแต่ง) อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือดี ใกล้หรือไกล ถ้าเธอพิจารณาสังขารนั้นโดยแยบคาย ก็จะเห็นว่าสังขารนั้นได้หายไปกลายเป็นของว่างเปล่า จับคว้าไว้ไม่ได้ หาสาระไม่ได้เช่นกัน

    นักเล่นกลที่แสดงมายากลตรงสี่แยก เมื่อคนตาดีพิจารณาดูมายากลนั้นโดยแยบคาย ก็จะเห็นว่ามายากลนั้นไม่ใช่ของจริง เป็นของว่างเปล่า หาสาระไม่ได้ ฉันใดฉันนั้น วิญญาณ (ความรับรู้) อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือดี ใกล้หรือไกล ถ้าเธอพิจารณาวิญญาณนั้นโดยแยบคาย ก็จะเห็นว่าวิญญาณนั้นได้หายไปกลายเป็นของว่างเปล่า จับคว้าไว้ไม่ได้ หาสาระไม่ได้เช่นกัน

    ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกที่เห็นอยู่อย่างนี้ จะเบื่อหน่าย(นิพพิทา) เมื่อเบื่อหน่ายก็จะคลายกำหนัด และเพราะคลายกำหนัด จิตก็จะหลุดพ้นในที่สุด

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  18. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “พระพุทธวิสัย ทรงสอนได้ทั้ง ๓ โลก”

    (ธรรมเทศนา หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
    (เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๓๒)

    การรับแขกทั้งวันทั้งคืนก็ไม่หวาดไม่ไหว ในวัดนี้ก็เหมือนกันแขกมาอยู่ตลอด เราไปไหนก็มาอยู่อย่างนั้น แต่ถ้าเราไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร บอกว่าเราไม่อยู่เท่านั้นเขาก็ไป ถ้าเราอยู่นั่นซิมันลำบากนะ ต้องรับแขกอยู่ตลอดเวลา เหนื่อย นี่เราถึงได้เห็นพุทธวิสัย พระวิสัยของพระพุทธเจ้าท่านสอนโลก พระพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียวสามารถสอนโลกได้สามโลก โลกที่หยาบก็คือพวกโลกมนุษย์เราท่านสอนได้ มองเห็นกันอยู่อย่างนี้เรียกว่าโลกหยาบ คือมองเห็นกันด้วยตาเนื้อ ฟังกันด้วยหูหนังก็เข้าใจกันได้ นี่อันหนึ่ง ก็อยู่ในภาระที่พระพุทธเจ้าจะทรงสั่งสอนทั่วไปหมด มิหนำซ้ำกลางค่ำกลางคืนหรือเวลาไหนก็ตาม ยังเล็งญาณดูสัตวโลกอีก ว่าสัตว์ทั้งหลายที่มีอุปนิสัยสามารถที่จะบรรลุธรรมได้อย่างรวดเร็ว มีอยู่จำนวนมาก ก็อุตส่าห์เสด็จไปโปรด

    นี่เพียงสอนมนุษย์เราท่านก็หนักถ้าไม่มีภาระอื่นเข้ามาแทรก แต่นี้ภาระอื่นมากยิ่งกว่าภาระสอนมนุษย์นี้อีกนะ ตกกลางคืนก็สอนพวกเทพพวกเทวดา นี่แหละที่ว่าภพละเอียด พวกเราไม่สามารถมองไม่เห็น เพราะเป็นภพที่ละเอียด เป็นกายทิพย์ พระพุทธเจ้าเป็นใจที่บริสุทธิ์ เป็นใจของพระพุทธเจ้า สามารถแทงทะลุไปหมด เห็นหมด ไม่มีอะไรปิดบังลี้ลับ วัตถุเหล่านี้ไม่มีความหมายที่จะปิดบังพระญาณ คือความหยั่งทราบของพระพุทธเจ้าไม่ให้ทราบไม่ให้เห็น เพราะสิ่งนี้ปิดสิ่งนั้นบังไม่มี ทรงแทงทะลุไปหมดเลย นี่สอนพวกเทพ

    พวกเทพก็เหมือนกับพวกมนุษย์เรา คือพวกเทพที่มีอุปนิสัยสามารถแก่กล้ายังมีอยู่เยอะ รองลำดับกันลงไปๆ ถึงพวกเทพที่หนาก็มี มนุษย์เราที่บางก็มี บางมากก็มีและหนาก็มี หนาจนไม่มีความหมายเลยในบรรดาธรรมทั้งหลายอย่างนั้นก็มี พระพุทธเจ้าจะทรงสั่งสอน ๒-๓ ประเภท ประเภทที่บางมาก และบางลดกันลงมา กับเนยยะที่ควรฉุดควรลากไปได้ ประเภทปทปรมะนั้นเป็นประเภทที่หมดหวัง สุดวิสัยที่ธรรมจะเข้าถึงใจได้ เช่นเดียวกับคนเป็นโรคหนักไม่มีทางเยียวยา ต้องส่งเข้าห้องไอ.ซี.ยู. อันนี้ไม่สนใจกับหยูกกับยากับอะไรทั้งนั้น เข้าไปก็คอยจะตายท่าเดียว โรคกิเลสประเภทนี้ไม่มีหวังในทางธรรมะที่จะเข้าช่วยได้ มีแต่ทางจะจมท่าเดียว พวกนี้หนาไม่ใช่หนาธรรมดา หนาด้วยความชั่ว มีแต่คอยจะจมท่าเดียว อย่างนี้พระองค์ก็ทรงปล่อย สอนไม่ได้แล้ว

    ส่วนประเภทอุคฆฏิตัญญูที่จะรู้ธรรมได้อย่างรวดเร็วนี้ ก็ทรงเล็งญาณดูทราบไปหมด แล้วใครจะมีอายุสั้นยาวขนาดไหน ถ้าเป็นมนุษย์เป็นผู้จะมีอายุอยู่เพียงเล็กน้อย ทั้งๆ ที่มีอุปนิสัยสามารถจะบรรลุธรรมถึงธรรมขั้นเอกพูดง่ายๆ อยู่แล้ว แต่จะตายเสียเร็วๆ นี้ พระองค์ก็รีบเสด็จไปโปรดคนนั้นก่อน แล้วพวกที่มีอุปนิสัยอย่างเดียวกันแต่ชีวิตยังอยู่ธรรมดาเรา ก็เป็นอันดับที่สอง จากนั้นก็อันดับที่สาม นี่เพียงเทศน์สอนมนุษย์เราก็มีขนาดต่างกัน อย่างบาง อย่างรองลงมา และอย่างหนา อย่างหนาที่สุด นี่พระพุทธเจ้าก็เป็นภาระสอนทั้งนั้น นี่เป็นภาระอันหนึ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนโลก

    อันดับที่สอง สอนพวกเทพ พวกเทพนี่เราทั้งหลายไม่เคยเห็น มีแต่คนตาบอดหูหนวกเต็มแผ่นดิน มีตาญาณหยั่งทราบตาดีหูดี มีพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ท่านเท่านั้นเป็นผู้เห็นเป็นผู้รู้ ถึงจะเอาออกมาให้เห็นเท่าไรมันก็ไม่เห็นเพราะตาบอด เหมือนกันกับเราถือวัตถุที่มีสีแสงต่างๆ มาให้คนตาบอดดู ดูสักเท่าไรมันก็ไม่เห็น คนตาบอดมีกี่หมื่นกี่แสนกี่ล้านคน มันก็ไม่เห็นเหมือนกันหมด นอกจากคนตาดี เพียงคนเดียวก็เห็น

    อันนี้สิ่งที่อยู่ในวิสัยของคนตาดีเห็นก็คือพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่าน ทีนี้คนตาบอดมากขนาดไหน นั่นแหละเทียบกับว่าเป็นหมื่นๆ แสนๆ ล้านๆ มีแต่คนตาบอด บอกเท่าไรมันก็ไม่เชื่อ เพราะไม่เห็นมันก็บอกไม่เห็น มันจะเอาตานี้เข้าไปวัดสิ่งเหล่านั้นซึ่งไม่ใช่ฐานะ มันเป็นอฐานะคือเข้ากันไม่ได้ ตาทิพย์กับสิ่งที่เป็นทิพย์เข้ากันได้ ของที่ละเอียดต้องใช้ความละเอียด แม้แต่เป็นวัตถุเช่นอย่างเชื้อโรคเขาเป็นยังไง ตาเรามองไม่เห็นด้วยตาเนื้อนี่นะ ไม่เห็น แต่เครื่องขยายของเขามีพวกกล้องจุลทรรศน์อะไรนี่เขาตรวจดูเห็นหมด นี่ทั้งๆ ที่เป็นวัตถุยังต้องใช้ความละเอียด เครื่องมือที่จะดูสิ่งเหล่านั้นก็ต้องละเอียดไปตามๆ กัน มันก็ทันกัน เห็นกันได้ อันนี้ตาทิพย์ก็มีตั้งแต่สิ่งที่เป็นทิพย์เท่านั้นไม่ใช่ธรรมดา อันนี้ก็เป็นภาระของพระพุทธเจ้าที่ทรงสั่งสอน

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  19. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    พระอาจารย์ปสันโน วัดป่าอภัยคิรี สหรัฐอเมริกา

    1f340.png จะให้วัตถุสิ่งของ จะให้เงินทอง จะไปยกที่ดินให้คนอื่น จะไปมอบทรัพย์สมบัติให้เขา มันไม่มีคุณค่าเท่ากับเราเป็นกัลยาณมิตรกับเขา

    1f340.png เราเป็นเพื่อนที่ดี เป็นคนที่มีคุณธรรมจริง ๆ เขาเห็นเราเขาไว้ใจได้ เห็นเราเขาเกิดความชื่นใจในสิ่งที่ดีงาม คือ พูดถึงการกระทำ อย่างนี้เป็นการให้ที่วิเศษ

    -วัดป่า.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  20. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    1f340.png เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว
    ตอนที่อาตมาบวชใหม่ๆ
    เวลาที่มีคนทราบว่า
    เรียนจบปริญญาตรีจากที่ไหน
    มักจะมีเสียงอุทานว่า “เสียดายจัง”

    1f340.png บางคนก็นึกสงสัยว่า
    มีปัญหาอะไรหรือเปล่าจึงต้องออกบวช
    ครั้งหนึ่งถึงกับมีคนออกปากถามว่า

    “ถามจริงๆ เถอะ ท่านอกหักมาบวชหรือเปล่า”

    1f340.png ตอนนั้นอาตมานึกสงสัยทุกครั้งที่ได้รับคำถาม
    คนปกติทั่วไปเขาไม่บวชกันหรืออย่างไร
    แล้วทำไมต้องรอให้มีปัญหา
    หนักหน่วงเสียก่อนจึงจะบวชได้

    1f340.png ทุกวันนี้อาตมารอดตัวจากคำถามเหล่านี้
    ส่วนหนึ่งเพราะบวชมานาน
    จนเป็นพระเถระแล้ว
    และอีกส่วนหนึ่งคิดว่าการจบปริญญาตรี
    ไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป
    แต่พระรุ่นหลังอาตมาที่จบการศึกษาสูงๆ
    ยังต้องเจอคำถามเหล่านี้อยู่เหมือนเดิม

    1f340.png อย่างเช่น รูปหนึ่งจบปริญญาโท
    จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
    รูปหนึ่งเรียนจบคณะแพทยศาสตร์
    และเคยเรียนต่อเฉพาะทางที่อเมริกา
    และมีอีกหลายรูปที่จบการศึกษาทางโลก
    ในสาขาวิชาที่คนส่วนใหญ่คาดไม่ถึง

    1f340.png ในบรรดาพระเหล่านี้มีอยู่รูปหนึ่ง
    ที่น่าเห็นใจเป็นอย่างมาก
    คือพระลูกชายของมหาเศรษฐีในมาเลเซีย
    เพราะคุณสมบัติทางโลกของท่าน
    พรั่งพร้อมเหลือเกิน
    ท่านได้รับการศึกษา
    ในประเทศอังกฤษตั้งแต่ยังเล็ก
    เป็นคนฉลาด พูดจาคล่องแคล่ว
    สามารถสื่อสารได้ถึงสี่ภาษา
    มีทั้งชาติตระกูลและฐานะทางบ้านอันมั่งคั่ง
    ไม่ต้องสงสัยเลยว่าญาติโยมส่วนใหญ่
    จะถามท่านเรื่องอะไรซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    1f340.png แต่ไม่ว่าจะเคยเป็นอะไร
    เมื่อออกบวชแล้ว
    เราย่อมเป็นพระภิกษุเหมือนกัน
    ต่างคนต่างมีหน้าที่
    ในการปฏิบัติขัดเกลากิเลสของตน
    ความแตกต่างในทางโลก
    ไม่ได้ส่งผลต่อความก้าวหน้า
    หรือถอยหลังในการปฏิบัติธรรมเลย

    1f340.png บ่อยครั้งด้วยซ้ำที่เราได้พบว่า
    การศึกษาทางโลกกลายเป็นอุปสรรค
    เพราะทำให้เราคิดมากไป
    มองอะไรซับซ้อนกว่าที่ควรจะเป็น
    การทำสมาธิภาวนา
    ก็ไม่ค่อยสงบอย่างพระรูปอื่น
    มีหลายเรื่องทีเดียว
    ที่อาตมามักจะนึกอิจฉาเพื่อนพระ
    ที่ไม่ได้เรียนระดับมหาวิทยาลัย

    1f340.png ตามหลักธรรมแล้ว
    ไม่ว่าใครจะเป็นอะไรมาในทางโลกก็ตาม
    เมื่อบวชเป็นพระ
    ย่อมต้องปฏิบัติตามพระธรรมวินัย
    มีความเคารพกันและกันตามลำดับพรรษา

    1f340.png และตราบใดที่ยังไม่หมดกิเลส
    ตราบนั้นเราก็ยังคงต้องปฏิบัติธรรมต่อไป

    1f340.png ท้ายที่สุดแล้ว
    พระเราควรเป็นเพียงผู้รับใช้ตัวเล็กๆ
    ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น
    ต่างต้องทำหน้าที่
    ตอบแทนพระคุณพระพุทธเจ้า
    และครูบาอาจารย์
    ด้วยความซื่อสัตย์
    และจริงใจในหน้าที่ของตัวเอง

    1f340.png เรื่องทางโลกที่เป็นอดีต
    ก็คงต้องปล่อยให้เป็นอดีต
    ไม่ได้มีความสำคัญอะไรต่อปัจจุบัน

    Credit ภาพถ่าย งานอุปสมบทพระภิกษุที่วัดป่าอภัยคีรี รัฐแคลิฟอร์เนีย
    ประเทศสหรัฐอเมริกา
    www.abhayagiri.org

    .jpg
    เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ตอนที่อาตมาบวชใหม่ๆ
    เวลาที่มีคนทราบว่าเรียนจบปริญญาตรีจากที่ไหน
    มักจะมีเสียงอุทานว่า “เสียดายจัง”
    บางคนก็นึกสงสัยว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าจึงต้องออกบวช
    ครั้งหนึ่งถึงกับมีคนออกปากถามว่า
    “ถามจริงๆ เถอะ ท่านอกหักมาบวชหรือเปล่า”

    ตอนนั้นอาตมานึกสงสัยทุกครั้งที่ได้รับคำถาม
    คนปกติทั่วไปเขาไม่บวชกันหรืออย่างไร
    แล้วทำไมต้องรอให้มีปัญหาหนักหน่วงเสียก่อนจึงจะบวชได้

    ทุกวันนี้อาตมารอดตัวจากคำถามเหล่านี้
    ส่วนหนึ่งเพราะบวชมานานจนเป็นพระเถระแล้ว
    และอีกส่วนหนึ่งคิดว่าการจบปริญญาตรีไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป
    แต่พระรุ่นหลังอาตมาที่จบการศึกษาสูงๆ
    ยังต้องเจอคำถามเหล่านี้อยู่เหมือนเดิม

    อย่างเช่น รูปหนึ่งจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
    รูปหนึ่งเรียนจบคณะแพทยศาสตร์และเคยเรียนต่อเฉพาะทางที่อเมริกา
    และมีอีกหลายรูปที่จบการศึกษาทางโลกในสาขาวิชาที่คนส่วนใหญ่คาดไม่ถึง

    ในบรรดาพระเหล่านี้มีอยู่รูปหนึ่งที่น่าเห็นใจเป็นอย่างมาก
    คือพระลูกชายของมหาเศรษฐีในมาเลเซีย
    เพราะคุณสมบัติทางโลกของท่านพรั่งพร้อมเหลือเกิน
    ท่านได้รับการศึกษาในประเทศอังกฤษตั้งแต่ยังเล็ก
    เป็นคนฉลาด พูดจาคล่องแคล่ว สามารถสื่อสารได้ถึงสี่ภาษา
    มีทั้งชาติตระกูลและฐานะทางบ้านอันมั่งคั่ง
    ไม่ต้องสงสัยเลยว่าญาติโยมส่วนใหญ่จะถามท่านเรื่องอะไรซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    แต่ไม่ว่าจะเคยเป็นอะไร เมื่อออกบวชแล้ว เราย่อมเป็นพระภิกษุเหมือนกัน
    ต่างคนต่างมีหน้าที่ในการปฏิบัติขัดเกลากิเลสของตน
    ความแตกต่างในทางโลกไม่ได้ส่งผลต่อความก้าวหน้าหรือถอยหลังในการปฏิบัติธรรมเลย

    บ่อยครั้งด้วยซ้ำที่เราได้พบว่าการศึกษาทางโลกกลายเป็นอุปสรรค
    เพราะทำให้เราคิดมากไป มองอะไรซับซ้อนกว่าที่ควรจะเป็น
    การทำสมาธิภาวนาก็ไม่ค่อยสงบอย่างพระรูปอื่น
    มีหลายเรื่องทีเดียวที่อาตมามักจะนึกอิจฉาเพื่อนพระที่ไม่ได้เรียนระดับมหาวิทยาลัย

    ตามหลักธรรมแล้ว ไม่ว่าใครจะเป็นอะไรมาในทางโลกก็ตาม
    เมื่อบวชเป็นพระย่อมต้องปฏิบัติตามพระธรรมวินัย
    มีความเคารพกันและกันตามลำดับพรรษา
    และตราบใดที่ยังไม่หมดกิเลส
    ตราบนั้นเราก็ยังคงต้องปฏิบัติธรรมต่อไป

    ท้ายที่สุดแล้ว พระเราควรเป็นเพียงผู้รับใช้ตัวเล็กๆ ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น
    ต่างต้องทำหน้าที่ตอบแทนพระคุณพระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์
    ด้วยความซื่อสัตย์และจริงใจในหน้าที่ของตัวเอง

    เรื่องทางโลกที่เป็นอดีตก็คงต้องปล่อยให้เป็นอดีต
    ไม่ได้มีความสำคัญอะไรต่อปัจจุบัน

    Credit ภาพถ่าย งานอุปสมบทพระภิกษุที่วัดป่าอภัยคีรี รัฐแคลิฟอร์เนีย
    ประเทศสหรัฐอเมริกา
    www.abhayagiri.org

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...