ธรรมะ จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย สายหลวงปู่มั่น, 4 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ขอเรียนเชิญร่วมบำเพ็ญกุศลสรีระสังขาร พระโสโภณวิสุทธิคุณ (หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก)

    ในวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๑ ณ วัดป่าวิเวกธรรม อ.เมือง
    จ.ขอนแก่น

    แสดงพระธรรมเทศนาโดยหลวงปู่ไม อินทสิริ

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    1514969829_644_ขอเรียนเชิญร่วมบำเพ็ญก.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  2. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    มันมีอะไรเป็นของเราบ้าง
    ตายไปก็เอาอะไรไปติดตัวไม่ได้
    แล้วจะอยากมันทำไม ไม่ต้องอยากอะไรทั้งนั้น
    ทำจิตให้สงบ ให้เป็นหนึ่ง
    ไม่ต้องไปสนใจในความมี ความเป็นตัวของตัวเองหรือผู้อื่น
    ให้สักแต่ว่ารู้อย่างเดียวก็พอ

    -ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  3. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…คำว่าภาวนาไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเป็นเรื่องใหญ่โตมาก
    บรรดางานทั้งหลายที่เราเคยผ่านมา เพราะงานนี้เป็นงานประจักษ์อยู่กับใจ งานที่เราเคยทำทั้งหลายทำแล้วก็ผ่านไป ผ่านไป ได้มาแล้วก็หายไป สูญไป หายไป ได้มา จ่ายไป ได้มา หายไป แต่งานภายในใจ เฉพาะอย่างยิ่งคือจิตตภาวนา
    เป็นที่รวมแห่งความดีทั้งหลายไม่ได้หายไปเช่นอย่างงานทั้งหลายและผลงานทั้งหลายที่เราเคยได้ปรากฏมาแล้วนั้นเลย
    แต่รวมอยู่ที่จิต ให้มีความสงบร่มเย็นเป็นลำดับไปที่ไหนก็ติดแนบอยู่กับตัวเพราะใจอยู่ที่ตัว…”

    พระธรรมวิสุทธิมงคล(หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน)
    วัดป่าบ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  4. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…เรื่องของข้าบางทีก็เกินพระไตรปิฎก ต้องรู้เอง ปฏิบัติเอง พูดมากไม่ดี เดี๋ยวคนจะลงนรก….”

    ความเป็นมา – ความเป็นไป

    ประมาณเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๐๙ ข้าพเจ้า นายยวง พึ่งกุศล (ปัจจุบันบวชเป็นพระภิกษุวัดสะแก) (สมัยเขียนเรื่อง-leo_tn) ป่วยเป็นโรคท้องเดินอย่างกะทันหัน ได้ไปอยู่โรงพยาบาลปัญจะมาธิราชอุทิศ หมอจัดให้อยู่ในห้องพิเศษ (มีเตียงคู่และห้องน้ำ) แต่ละวันแต่ละคืน ข้าพเจ้าต้องเข้าห้องน้ำเพื่อถ่ายแบบยิบย่อย คือถ่ายมากแล้วก็ค่อยๆ ถ่ายน้อยลง แต่ต้องเข้าห้องน้ำอยู่เรื่อย ไม่มีกากถ่ายไปนั่งเบาสักนิดก็ยังดี ประมาณ ๒ ถึง ๓ นาที ก็ต้องไปเข้าห้องน้ำอีก เป็นอยู่อย่างนี้เรื่อยไปจนกว่าจะถึงเวลาเช้ามืดตี ๒ ถึงตี ๔ ก็จะอ่อนเพลียหมดกำลังหลับไปเอง พอเช้ามืดใกล้สว่างจะต้องลุกขึ้นทำสมาธิบนเตียง ซึ่งมีครูถมยาทำสมาธิอีกเตียงหนึ่ง ทุกวันทุกคืนเป็นอย่างนี้ประมาณ ๑๐ วัน

    ในคืนวันหนึ่ง ข้าพเจ้าก็เข้าๆ ออกๆ ห้องน้ำ ตั้งแต่ตอนหัวค่ำปวดท้องเหลือเกิน จะลุกขึ้นเดินก็ตัวขดตัวงอ มือประคองท้องอยู่เรื่อยไป งีบหลับไปได้หน่อยก็ตื่นขึ้นมา ต่างคนต่างทำสมาธิกันไป คืนนั้นข้าพเจ้าหลับตาเห็นแสงสว่างอย่างมากเป็นลำยาวไกลออกไปข้างหน้าอย่างประมาณหาที่สุดมิได้ แสงสว่างนั้นยิ่งมากขึ้นๆ แล้วก็ใหญ่ขึ้นจนมองเห็นต้นไม้ใบไผ่ ใบไม้สีเขียวชอุ่มไกลลิบสุดลูกนัยน์ตา จากนั้นข้าพเจ้าได้เห็นแสงสว่างเป็นรัศมีของดวงอาทิตย์อ่อนๆ แล้วก็ค่อยๆ ลอยตัวขึ้นทีละน้อยๆ จนเห็นว่าดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาจากริมเขาชายต้นไม้ เป็นสีเหลืองเข้มค่อยๆ ลอยขึ้นๆ จากน้อยมาหามาก จนใกล้จะถึงครึ่งวงกลมของดวงอาทิตย์ ตอนนั้น จิตของข้าพเจ้าได้เห็นองค์หลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืดได้อย่างชัดเจน!

    ข้าพเจ้าดีใจมาก รู้สึกว่าตัวของข้าพเจ้าสั่นด้วยความดีใจ ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลอยขึ้นทีละน้อย จนกระทั่งเต็มดวง ดวงอาทิตย์สว่างเจิดจ้า เย็นหู เย็นตา เย็นจิต เย็นใจ ขนพองสยองเกล้าจนถึงศีรษะ ตอนนั้นหลวงพ่อทวดหายไป เปลี่ยนเป็นหลวงน้าดู่ พรหมปัญโญ นั่งอยู่ตรงที่หลวงพ่อทวดนั่ง ดวงอาทิตย์ยังลอยขึ้นใกล้จะถึงตรงศีรษะของข้าพเจ้า หลวงน้าดู่หายไปกลายเป็นหลวงพ่อทวดนั่งอยู่ตามเดิม (บนดวงอาทิตย์) ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลดต่ำลงมาทีละน้อยๆ จนกระทั่งใกล้ถึงตรงหน้าข้าพเจ้า หลวงพ่อทวดหายไป กลายเป็นหลวงน้าดู่ ท่านลงจากดวงอาทิตย์ แล้วเดินมาหยุดข้างหลังข้าพเจ้า ก้มลงเล็กน้อย พร้อมกับยื่นมือขวามาจับพุงของข้าพเจ้า แล้วกระชากดึงพุงอย่างแรงจนตัวไหวไปทั้งตัว ๓ ครั้ง แล้วท่านบอกว่า “หาย”

    ข้าพเจ้าก็คิดในใจว่าท่านดึง ๓ ครั้งแค่นี้จะหายหรือ เลยลองขยับกายไปทางขวาจะปวดไหม เอ๊ะ! ไม่ปวด ลองขยับมาทางซ้ายบ้างก็ไม่ปวดอีก คราวนี้ลองอีกแรงๆ ก็ไม่เป็นอะไร ด้วยความดีใจก็บอกคุณถมยาว่า

    “เลิกเหอะ ฉันหายแล้ว หลวงพ่อทวดมาช่วย หลวงน้าดู่รักษาโดยการจับพุงฉันดึง ๓ ที ก็เลยหายพอดี”

    คุณถมยาเปิดไฟแล้วให้ข้าพเจ้าลุกขึ้นเดินภาวนา กลับไปกลับมาจากหน้าเตียงถึงประตู ๓ ครั้ง ก็ไม่เป็นไรแน่ หายดีเป็นปกติ รูปหลวงน้าดู่ที่ท่านดึงอยู่ก็หายไป

    เอ๊ะ นี่จะเป็นองค์ไหนกันแน่ที่ทำให้เราหาย

    ใจหนึ่งคิดว่าหลวงน้าดู่ดึงพุงทำให้เราหาย อีกใจหนึ่งก็คิดว่า หลวงพ่อทวดเหยียบดวงอาทิตย์มารับหลวงน้าดู่เพื่อรักษาเรา มันสับสนคิดไม่ออก หายแล้วกลับไปวัดจะต้องถามหลวงน้าดู่ให้ได้

    เมื่อครบกำหนด ๑๖ วัน ตามที่หมอสั่งก็กลับบ้านแล้วมาที่วัดทันที ไม่มีดอกไม้ ธูปเทียน มีแต่ใจมากราบนมัสการ พร้อมกับทองคำเปลวอย่างดี ข้าพเจ้าได้ถามหลวงน้าดู่ว่า

    ข้าพเจ้า “การที่หลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ขึ้นมานั่งบนดวงอาทิตย์ครั้งแรก แล้วต่อมาเป็นหลวงน้าดู่ พรหมปัญโญ พอจะถึงพื้นกลายเป็นหลวงพ่อทวด พอลอยต่ำลงมาถึงพื้น ก็กลายเป็นหลวงน้าดู่ ลงมาช่วยดึงพุงผม ๓ ครั้งจนหาย หมายความว่าอย่างไร เดี๋ยวเป็นหลวงพ่อทวด เดี๋ยวเป็นหลวงน้า”

    หลวงน้า “แล้วแกว่าอย่างไร”

    ข้าพเจ้า “เห็นกลับไปกลับมา ก็คงเป็นหลวงพ่อทวดองค์เดียวกัน”

    หลวงน้า “ก็อย่างแกว่านั่นแหละ”

    ข้าพเจ้า “ถ้าอย่างนั้น ก็เป็น พระศรีอริยเมตไตรย นะสิ”

    หลวงน้า “…ก็หลวงพ่อทวดคือ พระศรีอริยเมตไตรย ท่านกลับชาติมาเกิดเพื่อสร้างบารมี รู้แล้วอย่าพูดไป เพราะคนที่เขาไม่เชื่อ เขาจะพากันตกนรก เราจะพลอยบาปไปด้วย…”

    สาเหตุที่นำเรื่องนี้มาเปิดเผย เนื่องจากก่อนที่จะทำการพระราชทานเพลิงศพบิดาของผู้เขียน ผู้เขียนได้มีโอกาสคุยกับน้ายวง ผู้เขียนได้ถามว่า

    “น้าคิดว่าหลวงปู่เป็นพระอรหันต์ หรือเป็นหน่อพุทธภูมิ”

    น้ายวงจึงตอบว่า “อาจารย์คิดว่าหลวงน้าเป็นอะไร”

    ผู้เขียนตอบว่า…

    “ท่านเป็นหน่อพุทธภูมิ เพราะท่านเคยบอกครั้งหนึ่ง เมื่อครั้งที่นำพระนาคปรก ซึ่งหลวงปู่บุดดา ถาวโร ฝากถวายมาให้ และมีอีกหลายอย่าง ครั้งจากนั่งสมาธิ มีคนเห็นหลวงพ่อกับหลวงพ่อทวดสลับกันไป สลับกันมา ซึ่งแสดงว่าท่านต้องเป็นองค์เดียวกัน”

    น้ายวงจึงตอบว่า

    “ถ้าอย่างนั้นผมจะเขียนเรื่องราวที่ผมสัมผัสมากับหลวงน้า ซึ่งหลวงน้าสั่งให้ปิดไว้เป็นความลับ เป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว คงจะถึงเวลาที่จะเปิดได้แล้ว”

    ผู้เขียนจึงได้นำบทความนี้มาลง ซึ่งเป็นการเขียนจากผู้มีประสบการณ์จากตัวเอง และผู้เขียนเอง มีความรู้สึกอยากสรุปเรื่องของหลวงปู่ เพราะแม้แต่เกศาหรือฟันของท่านก็กลายเป็นพระธาตุ พระเครื่องเกิดเป็นพระธรรมธาตุ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับพุทธวิสัย คือผู้ที่ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ย่อมมีบุญญาธิการเกินกว่าปุถุชนอย่างเรา ไม่ควรที่จะวิจารณ์ ดังที่พระพุทธองค์กล่าวไว้ว่า เป็น จินไตย หรือแม้แต่องค์หลวงปู่เอง ท่านเคยกล่าวว่า…

    “…เรื่องของข้าบางทีก็เกินพระไตรปิฎก ต้องรู้เอง ปฏิบัติเอง พูดมากไม่ดี เดี๋ยวคนจะลงนรก…”

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg
    1514991816_363_เรื่องของข้าบางทีก็เก.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  5. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ทำทานแต่ไม่รักษาศีลไม่เจริญภาวนา
    ปราชญ์ท่านอุปมาเหมือน “คนหาปลา” แต่ภาชนะ คือ ถุงใส่ปลาก้นขาด ต่อให้หาปลาเก่งขนาดไหนก็ตามเถอะ ปลาย่อมไม่มีวันเต็มถุงได้เลย ฉันใดก็ฉันนั้น คนที่ทำบุญ(ทำทาน)แต่ไม่ละบาป(ไม่รักษาศีลไม่เจริญภาวนา) บารมีย่อมไม่มีวันเต็มได้เลย

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  6. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เทวเม ภิกขเว อันตา ปัพพะชิเตนนะ เสวิตัพพา
    ดูกรท่านทั้งหลาย อย่ามีเสพสองฝั่ง ฝั่งอะไรล่ะ
    ก็คือ ความรัก ความชัง นี่แหละ
    ….เมื่อความรักเกิดขึ้น ให้รู้เท่ามัน อย่าไปยึดไว้
    อย่าไปถือมัน หากถือแล้วมันจะเป็นทุกข์
    เมื่อไม่ได้ตามความประสงค์
    ทีนี้เมื่อความชังเกิดขึ้น ความเกลียดเกิดขึ้น
    มันก็เป็นทุกข์ ทั้งสองเรื่องนี้ท่านไม่ให้ไปยึด
    มัชฌิมาปฏิปทา ให้อยู่กลาง ให้รู้เท่าไว้

    หลวงปู่ฝั้น อาจาโร

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ภิกขเว-อันตา-ปัพพะ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  7. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  8. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ความสุขที่แท้จริง

    มันอยู่ที่การทำใจให้สงบ
    ความสุขอย่างอื่นนั้นมันไม่แน่นอนหรอก
    มันอิงอาศัยวัตถุต่างๆ ภายนอก
    เมื่อวัตถุเหล่านั้นแปรปรวนไปแล้ว…
    ความสุขนั้นมันก็หาย..
    ส่วนความสุขอันเกิดจากความสงบนี่
    ไม่ได้อิงอาศัยสิ่งใด
    อิงอาศัยแต่ “สติ” กับ “สัมปชัญญะ” นี่แหละ

    หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  9. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…อยู่กับปัจจุบัน..ไม่ต้องคำนึงถึง..”อดีต”..และ..”อนาคต”
    ให้กำหนดดูเดี๋ยวนี้!..เรามีบุญก็มีเดี๋ยวนี้
    เรามีอกุศลก็มีเดี๋ยวนี้..

    ปัจจุบันเป็นอย่างไร..อนาคตก็เป็นอย่างนั้น
    เรา..ทั้งหลายพากัน..รู้จักการทำบุญ การกุศลนั้น มันไม่ได้อยู่ในต้นไม้ ภูเขาเลากา ไม่ได้อยู่ในอากาศ

    ท่านบอกไว้ว่า…. “…กามาวจรฺง กสุลงฺ จิตฺตงฺ อุปปนฺ โหนติ”
    จิตเรานี้แหละ..เป็นตัวบุญ..เป็นตัวกุศล

    “ตัวบุญ” นั้นเป็นอย่างไร.. ก็ตัว..ของเรา..ที่นั่งนี้แหละ
    ลักษณะบุญได้แก่..

    ใจ..ของเรา”ดี”
    ใจ..ของเรามี”ความสุข”
    ใจ..ของเรามี”ความสบาย”
    ใจ..ของเรามี”ความเยือกเย็น”

    ก็เวลานี้..”ใจ”ของเรา..มีความสบาย..หรือยัง..พากันตรวจดูซิ…”

    หลวงปู่ฝั้น อาจาโร

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ไม่ต้อ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  10. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  11. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  12. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ถาม : แก้ปีชง แก่กรรม แก้ได้จริงหรือไม่

    พระอาจารย์ : ปีชงมันไม่มีหรอก ชงกันขึ้นมาเอง สมมุติกันขึ้นมาเอง ปีนี้กับปีที่แล้วมันก็ปีเดียวกันนั่นแหละ มีมืดกับมีแจ้ง มี ๓๖๕วันเหมือนกัน ดีหรือชั่ว ไม่ได้อยู่ที่วันเดือนปี มันอยู่ที่การกระทำ

    ความดี ความชั่ว มันอยู่ที่การกระทำของเรา ถ้าเราทำความดีใว้ ต่อให้มันจะปีชงกี่ชง มันก็ไม่เกี่ยวกัน ส่วนบาปกรรมที่ทำใว้ก็ไปล้างไปกลบมันไม่ได้ ทำบาปแล้วมันก็ต้องส่งผลไม่ช้าก็เร็ว

    พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
    ธรรมะบนเขา ณ จุลศาลา เขตปฏิบัติธรรมเขาชีโอน
    วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ชลบุรี
    วันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๑

    -แก้ปีชง-แก่กรรม-แก้ไ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  13. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    โลกียทรัพย์-อริยทรัพย์

    “ให้พากันสร้างความดีทำความดีไว้เอาไว้มาก ๆ อย่าไปท้อแท้ในการสร้างความดีทำความดี ทำแล้วมันก็ไม่อด มันอยู่ในจิตในใจของใครของมัน ท่านเรียกว่าโลกุตรธรรม

    โลกุตรธรรม มีธรรมเป็นสาระแก่นสาร มันไม่ใช่โลกียธรรม โลกียะ มันมีเงินหมื่นล้าน แสนล้าน มันก็ตายหนีมันไปเปล่า ๆ นี่ เหลือทิ้งไม่ได้ใช้ก็มี มันแน่นอนที่ไหนล่ะ มันก็เป็นอย่างนั้นเอง

    ไม่เหมือนทรัพย์ภายใน ทรัพย์คือศรัทธา ทรัพย์คือศีล ทรัพย์คือหิริ โอตตัปปะ ทรัพย์คือปัญญา พวกนี้มันเป็นอริยทรัพย์ ทรัพย์ภายในมันไม่หายไปไหนนะ ทำไว้แล้วมันก็อยู่ในใจของเจ้าของนะ ทำไว้แล้วมันก็อยู่ในใจของเจ้าของนะ น้ำก็ท่วมไม่ได้ ไฟก็ไหม้ไม่ได้ โจรก็มองไม่เห็น มาแย่งมาชิงเอาไปก็ไม่ได้ ท่านเรียกว่าอริยทรัพย์ คนมันมองไม่เห็น มันเป็นทรัพย์ภายใน

    ทรัพย์ภายนอกนี่คนมันมองเห็น มีสร้อยอยู่สิบบาท โจรมันกระชาก สร้อยไม่ขาดคอก็ขาดตาย นี่แหละทรัพย์ภายนอก จึงว่ามันไม่เที่ยง มันเคยเป็นสมบัติของเรา ต่อไปมันก็เป็นทรัพย์สมบัติของคนอื่น สมบัติโลกมันเป็นอย่างนั้นแหละ “

    หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปัญโญ
    วัดใหม่บ้านตาล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๐

    -อริยทรัพย์.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  14. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  15. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  16. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  17. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…เอ็งเจอแล้วภพชาติ สถานที่ โอกาส เวลา เจอแล้วนะ เอ็งทำไป สวดมนต์ไหว้พระ แผ่เมตตา โมทนาบุญ อย่าหยุด

    เรียนทางธรรมสนุกนะ มีจบ ถ้ามีกำลังก็ตัดภพชาติได้เลยไม่ต้องกลับมาเกิดอีก รู้ธรรมรู้โลก รู้โลกไม่รู้ธรรม

    เอ็งเรียนทางโลกเรียนจนตายก็ไม่จบ อย่าไปดีใจสนใจเลยพวกโลกๆ ที่มันเป็นอยู่ทุกวันนี้ จะเป็นคนรวยเป็นอะไรก็แล้วแต่ ถ้าไม่ได้ฝึกกรรมฐานแล้วตาย ตายแบบไปตามกรรม ไม่สามารถกำหนดทิศทางการเกิดได้เลย

    เอ็งมาสวดมนต์ไหว้พระนี้ละดีที่สุดแล้ว ต่อไปพวกนั้นเอ็งต้องดูแลมัน พวกนั้นต้องพึ่งเอ็ง เพราะว่าเอ็งเรียนการเวียนว่ายตายเกิด พวกนั้นยังไม่เข้าใจการเวียนว่ายตายเกิดเลย

    หลวงปู่ดู่(พรหมปํญโญ) ท่านบอกหลวงตา มาอย่างนี้ล่ะ หลวงตาเชื่อท่านนะ เลยทำตามท่าน เชื่อหลวงปู่ดู่(พรหมปัญโญ)

    ท่านบอกหลวงตาว่า….” ข้าก็ไม่เป็นสองรองใครหรอกในโลกนี้…” หลวงตาเชื่อท่านนะ เลยทำตามท่านบอก…”

    โอวาทธรรมหลวงตาม้า พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -สถาน.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  18. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…ถ้าเราเป็นคนคิดมาก โกรธมาก ธาตุก็ไม่ปกติ….

    “…หลวงตา : ในยุคปัจจุบันนี้ มีสำนักปฏิบัติธรรมกรรมฐานเยอะนะฮะ เยอะมาก แต่คนที่เข้าใจจริงๆเนี่ยมีน้อย เข้าใจจริงๆ

    มีน้อยฮะ ส่วนใหญ่จะทำไม่ติดต่อ พอไปวัดแล้วค่อยทำ พอไปบ้านแล้วไม่ทำ ไม่ใช่นะฮะ ท่านบอกถ้าทำกรรมฐานจริงๆ

    มันต้อง ทำตลอดเวลาที่ระลึกได้ที่นึกออกน่ะ อริยาบททั้งสี่นี่แหละท่านว่า ยืน เดิน นั่ง นอน กินข้าว อาบน้ำ ก่อนนอน ตื่นนอนเนี่ย

    เอ็งทำกรรมฐานบทไหน เอ็งก็จ่อไปที่บทนั้นน่ะ มันเหมือนกันน่ะ มันเป็นฐานท่านว่ามันคล้ายๆกันอะ มันไม่ต่างกันอะไร

    มันจะไปเจอกันตรง ความสงบ นั่นน่ะ ความเบาของจิตนู่นน่ะ มันจะไปเจอกันตรงนั้นแหละ ท่านว่า เราจะขึ้นต้นตัวไหนก็ได้

    ระหว่างศีล สมาธิ และปัญญานี่แหละ แต่ที่ท่านให้เราสวดจักรพรรดิ ไตรสรณคมน์หรือ พรหมวิหารเนี่ย มันเป็นการเอาพลังงานตรงนั้นมาใช้ ท่านว่า เอามาเป็นประโยชน์ในยุคปัจจุบัน ซึ่งยุคปัจจุบันเนี่ย มันมีโรค โรคที่มนุษย์เป็นทุกวันเนี้ย

    คือ โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคหัวใจโรคมะเร็ง โรคอะไรที่มันกินธาตุเราเนี่ย เพราะเราไปรับมันมา นะฮะ เกิดจาก

    เรากินอาหาร เกิดจากเรา ลมหายใจเกิดจากอารมณ์ เกิดจาก เรานำสิ่งที่มีพิษเข้ามา คือ พลังงานที่เป็นพิษ

    คือ ความโกรธ นั่นน่ะ ความโกรธ ความโลภ ความหลงที่เรารับมาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ทางสังคมที่เราอยู่ จากครอบครัว

    จากถนนหนทาง จากที่ทำงานทั่วไปเนี่ยเรารับมา จิตเราควบคุมธาตุอยู่ ดิน น้ำ ไฟเนี่ย ถ้าเรารับคลื่นพวกนั้นมามากเน่ี่ย

    ธาตุมันก็ไม่ปกติ ถ้าเราเป็นคนคิดมาก ธาตุก็ไม่ปกติ ถ้าเรา โกรธมากธาตุก็ไม่ปกติ นะฮะ เพราะจิตมันควบคุมธาตุ

    ท่านถึงให้ สวดมนต์ ให้นำพลังงานซึ่งมีอยู่ในโลกนี้ ท่านว่าก็คือ ไตรสรณคมน์ ก็คือจักรพรรดิ ก็คือบารมีของโพธิสัตว์

    ซึ่งยังเวียนว่ายตายเกิด เหมือนกะเราเนี่ยเอามาเป็นประโยชน์ เพราะนั้นเวลาเราสวดมนต์แต่ละครั้งเนี่ย จิตเราน้อมพลัง

    งานเหล่านี้มา นะฮะ มันก็ชะลอความแก่และมันก็ปรับธาตุเราอยู่แล้ว เพราะจิตมันควบคุมธาตุ…”

    หลวงตาม้า พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร : ถามตอบปัญหาธรรม
    ณ สถานธรรมสุสานท่าร้องสัก อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
    วันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -โกร.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  19. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…พูดมากเสียมาก พูดน้อยเสียน้อย

    ไม่พูดไม่เสีย นิ่งเสียโพธิสัตว์…”

    หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -พูดน้อยเ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  20. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    • วิบัติ 4 ประการที่เกิดขึ้นจากการทำบุญไม่ถูกวิธี •

    ทุกวันนี้เราไม่เข้าใจวิธีทำบุญที่ถูกต้องเหมาะสมในทางพระพุทธศาสนา ท่านจัดไว้ว่าการทำความดีที่ไม่ถูกต้อง 4 ประการ เป็นเหตุทำให้วิบัติ เป็นทางเสื่อม ไม่เจริญ ได้แก่ ทำความดีไม่ถูกที่ ทำความดีไม่ถูกบุคคล ทำความดีไม่ถูกกาลถูกเวลา และทำความดีแล้วไม่ตามความดี ของตน

    1. การทำความดีไม่ถูกที่

    ท่านว่าการทำความดีไม่ถูกที่ ก็คือ เราจัดอะไรต่างๆ เช่นอาหารการกิน เครื่องใช้สอยต่างๆ ว่าเอาไปทำบุญ บูชาบวงสรวงผีสางนางไม้ ไร่นาเรือกสวน ต้นไม้ ภูเขา หอผี ศาลพระภูมิ ทำเอาไว้ในสถานที่ต่างๆ เราก็คิดว่าเราพากันไปทำบุญที่ถูกต้อง แล้วเราก็จะได้บุญ ตามที่คณะศรัทธาญาติโยมทั้งหลายพากันทำอยู่เป็นส่วนมาก แต่นักปราชญ์ทั้งหลายมี พระพุทธเจ้าเป็นต้น ตรัสว่า เราทำบุญบูชาไม่ถูกต้อง เราจะไม่ได้รับผลบุญนั้นเลย เพราะเราพากันทำบุญไม่ถูกที่นั้นเอง

    2. การทำความดีไม่ถูกบุคคล

    คือ ตัวบุคคลผู้รับสิ่งของที่เราให้เขานั้นไม่ดี เราก็ทำความดีกับเขา ตัวอย่างเช่นบุคคลเหล่านั้นเป็นคนพาล โจรขโมยปล้นจี้ฆ่าเจ้าของเอาสิ่งของ สูบกัญญา ยาฝิ่น แค็ป เฮโรอีน ผงขาว ยาเสพติดให้โทษ ทำให้เสียสติมัวเมาลุ่มหลง ไม่รู้บาปบุญคุณโทษ จิตใจหยาบช้า ทุกตี ฆ่าฟันรันแทงกันอยู่ในทุกวันนี้ ให้มีความเดือดร้อนไม่สงบอยู่ทุกมุมเมืองทั่วไป บัณฑิตทั้งหลายเรียกว่าคนพาล ถ้าหากพวกเราท่านทั้งหลายไปสงเคราะห์ทำความดี ขวนขวายช่วยเหลือดูแลอุปถัมภ์บำรุง ส่งเสริมให้กำลังแก่คนพาลเหล่านี้นั้น เช่น พวกเราเอาอาหารการกินไปบำรุงให้กินอิ่ม เอายาเสพติด สุรายาเมา กัญญา ยาฝิ่น แค็ป เฮโรอีน ผงขาว ให้เขาดื่มกิน สูบสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ หรือ เราเอาอาวุธยุทโธปกรณ์ ปืน ระเบิด ของแหลมคม เครื่องมือใช้เปิดงัดแงะขโมยสิ่งของต่างๆ เรานำเอาสิ่งของดังกล่าวมานี้ ไปให้เขา ช่วยเขา บำรุงส่งเสริมให้เขามีกำลังมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งทำให้คนพาลทั้งหลายเหล่านั้นมีกำลังมากขึ้นทุกๆ วัน ภัยอันตรายทั้งหลาย และความวุ่นวายไม่สงบสุขอยู่ทุกมุมเมืองทั่วทุกประเทศในโลกนี้ ไม่มีความสุข มีแต่ความทุกข์เป็นผล แต่ทุกคนเราก็คิดว่าเรากระทำความดีกับเขาทุกคน เพราะเราไม่เข้าใจในการทำความดีนั้นเอง เหตุนั้นบัณฑิตเจ้าทั้งหลายจึงเรียกว่า เราทำความดีผิดคน

    3. การทำความดีถูกกาลถูกเวลา

    ได้แก่การที่เราจะไปเลี้ยงพระ เราก็ดูว่าเราจะไปเวลาไหน จึงเตรียมของอะไรไปถวายบ้าง เช่น น้ำส้ม น้ำหวาน และเราเองจะไปทำอะไรบ้าง เช่น น้ำส้ม น้ำหวาน และเราเองจะไปทำอะไรบ้าง เช่น ไปทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น ไปฟังเทศน์ ตามกาลตามเวลาที่มีอยู่ เราควรรู้ว่าสิ่งของอะไรบ้างที่จะถวายพระในตอนเช้าได้ หรือสิ่งของอะไรบ้างที่จะถวายพระในตอนบ่ายได้ เช่น ถ้าเราเอาอาหารไปถวายพระตอนบ่าย เราไม่ต้องไปประเคนท่าน เพราะหากว่าท่านรับประเคนอาหารนั้นแล้ว ในวันต่อไปพระท่านจะฉันอาหารที่ได้รับประเคนไว้แล้วนั้นไม่ได้ เพราะผิดศีลของพระ เหตุฉะนั้น ญาติโยมจึงควรนำอาหารเหล่านั้นไปเก็บไว้ที่โรงครัว เพื่อจะได้ให้โยมวัดนำเอาอาหารมาถวายพระในวันต่อไป อย่าไปบังคับให้พระท่านรับประเคนไว้ ส่วนมากแล้วญาติโยมทั้งหลายยังไม่เข้าใจ เรื่องการถวายสิ่งของต่างๆ กับพระ ไม่รู้อะไรควรประเคนพระในตอนเช้า ไม่รู้ว่าอะไรควรประเคนในตอนบ่ายแล้วไป อะไรพระฉันได้ทุกกาลทุกเวลา เราต้องศึกษาให้รู้ให้เข้าใจว่าอะไรที่เป็นอาหาร เราก็ประเคนพระในตอนเช้าไปถึงแค่เที่ยงวัน สิ่งที่ประเคนพระได้ตั้งแต่ตอนบ่ายไปจนถึงเที่ยงคืนก็คือ “น้ำปานะ” เภสัชที่รับประเคนแล้วเก็บไว้ฉันได้ 7 วัน คือ น้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำตาลทราย เนยใส เนยข้น แต่เภสัชอย่างอื่นรับประเคนแล้วเก็บไว้ฉันได้ตลอดชีวิต สิ่งที่ควรประเคนพระได้ทุกกาลทุกเวลา ก็คือ ยารักษาโรคทุกชนิด

    4. การทำความดีแล้วให้ตามความดีของตน

    ถ้าเราไม่เคยไปทำบุญในวัดเลย แต่เราเคยสร้างถนนหนทาง เราเคยทำความสะอาด แนะนำสั่งสอนลูกหลาน และเพื่อนฝูงที่ไม่ดีให้ทำความดีอยู่เรื่อยๆ แต่ยังไม่ได้เข้าวัด เราเคยสงเคราะห์คน ให้เงินทองข้าวของอาหารการกินแก่คนอื่น หรือพี่น้องทั้งหลาย เราควรที่จะมีเมตตาเจือจานสงเคราะห์เขาไปเรื่อยๆ เช่น สงเคราะห์คนจนเป็นต้น โดยที่ยังไม่ได้เข้าวัด เมื่อเห็นคนอื่นได้รับความวิบัติต่างๆ เช่น น้ำท่วม ทรัพย์สินเสียหายหมด ไฟไหม้บ้านเรือน เราก็ช่วยกันสงเคราะห์เขา ถ้าเขาขาดอาหารการกิน เราก็ช่วยเขา นี่เป็นการทำบุญนอกวัด ยังไม่ได้เข้าวัด ก็เรียกว่าเป็นบุญด้วย สมควรที่เราจะค่อยๆ ทำไปตามกำลังความสามารถที่เราจะช่วยเหลือกันได้ ถ้าเรามาทำในวัด เราเคยทำ ทำตามกำลังของเรา เราก็พยายามสร้างบุญกุศลไปเรื่อยๆ เราเคยรักษาศีล เราก็พยายามจะรักษาศีลของตนเพื่อให้ดีมากขึ้น ที่เคยรักษามาแล้วไม่ได้ละทิ้งให้เสื่อมลงไป ศีลข้อไหนยังไม่ดี ก็พยายามรักษาปรับปรุง เพื่อจะให้ดีขึ้นให้เป็นผู้มีศีลธรรมขึ้น ก็รักษาศีล 5 เรามีศีล 5 บริสุทธิ์แล้ว ต่อมาเราอยากได้ศีล 8 เราก็พยายามที่จะรักษาศีล 8 ให้เราเป็นผู้มีศีล มีฐานะสูงขึ้น เป็นศีลพรหมจรรย์ ได้แค่วันหนึ่งก็เอา มันยังไม่ได้มาก ต่อมาลงมาอยู่ศีล 5 ออกจากวัดมา ประคองศีล 5 ไว้ ถึงวันพระ วันโกน ก็ไปตั้งใจรักษาศีล 8 อีกต่อไป ให้พากันพยายามขวนขวายรักษาศีลตามกำลังของตน

    พอมีศีลดีแล้วก็ฝึกทำสมาธิ ถ้าจิตใจของเรายังไม่สงบเป็นสมาธิ เราก็พยายามฝึกไปเรื่อยๆ ต้องการให้จิตใจของเราสงบเป็นสมาธิ หมั่นเดินจงกรมอยู่เสมอ พอจิตใจสงบเป็นสมาธิเพียงขณิกสมาธิ ก็พยายามให้ได้ถึงอุปจารสมาธิ และจิตใจของเราสงบ เป็นอารมณ์หนึ่งอารมณ์เดียว เราก็พยายามรักษาจิตใจของเราให้สงบเป็นสมาธิอยู่บ่อยๆ เพื่อให้จิตใจของเราสงบเป็นสมาธิอยู่ทุกเวลา เมื่อจิตใจสงบหนักแน่นมั่นคงดีแล้ว เราก็ไม่ละความเพียรของตน ต่อไปเราจึงจะได้พิจารณาธรรมะ ถ้าพิจารณาธรรมะยังไม่เห็นแจ้งชัดในธรรมะนั้น เราก็ทำไปเรื่อยๆ เหมือนกับคนซักผ้าขาวที่เปรอะเปื้อนสกปรก ถ้าผ้ายังไม่สะอาดดี ก็เพียรซักอยู่นั่นแหละ ถูมันอยู่นั่นแหละ เอาน้ำล้างมันอยู่นั่นแหละ พยายามอยู่จนผ้านั้นสะอาดตามความประสงค์ของตน ยกตัวอย่างเช่นคนเราเกิดมาหลายปีแล้ว ยังไม่ได้เข้าวัดชำระกิเลสออกจากจิตใจของตน พากันซักแต่ผ้า เครื่องนุ่งห่ม ล้างแต่มือเจ้าของ แต่ใจไม่ล้างสักที เราก็มาพยายามฝึกฝนอบรมจิตใจของเรา มันเคยมีโลภะมาก เคยโกรธคนนั้นคนนี้ เกลียดคนนั้นคนนี้ เราก็จะมาดูจิตใจของตน เพื่อซักล้าง โลภะ โทสะ โมหะ ออกจากจิตใจให้สะอาดหมดจด คนมีความเพียรอยู่ตลอด เรียกว่าตามความดี ก็ย่อมมีความเจริญเกิดขึ้นแก่ตนเอง

    *********************

    พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดอรัญญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

    -วิบัติ-4-ประการที่เกิดข.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...