ธรรมะ จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย สายหลวงปู่มั่น, 4 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  2. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ” …สำรวมใจให้สงบอยู่ในที่เดียว เรียกว่าภาวนา” ใจนั้นเรายังไม่ทันรู้จักว่าคืออะไร ตั้งเเต่เกิดจนกระทั่งบัดนี้ยังจับตัวใจไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่พูดถึงเรื่องใจอยู่ทุกอย่าง ใจดี ใจร้าย ทุกข์ใจ กลุ้มใจ แต่ก็ยังไม่รู้จักตัวใจ “ใจเป็นของไม่มีตัว แต่รู้สึกนึกคิดได้”

    เพราะฉะนั้น ความรู้สึกนึกคิดจับตัวนั้นเสียก่อนอาการของใจคือความรู้สึกนึกคิด เอามาไว้ในที่เดียว ระลึกอยู่ในที่เดียว คิดอยู่ในที่เดียว “คือนึกคิดอยู่ที่ พุทโธ” ตั้งใจให้นึกอยู่ใน “พุทโธ สติคุมให้นึกแน่วอยู่ในพุทโธ” ไม่ให้ส่งไปที่อื่น

    ถึงมันจะส่งไปไหนก็ดึงมันมาให้อยู่ จนกระทั่งเราทำอยู่นั้นนาน ๆ หนักเข้ามันจะหายหมดความคิดทั้งหลายที่นึกส่งไปที่อื่น แม้แต่ “พุทโธก็จะหยุดไม่นึก แต่จะสงบอยู่คนเดียวของมันต่างหาก” นี่วิธีทำภาวนาสมาธิมีแค่นี้ … ”

    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  3. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    โอวาทธรรมหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  4. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “.. ขอให้ท่านทั้งหลายจงสำรวจดูความสุขว่า ตรงไหนที่ตนเห็นว่ามันสุขที่สุดในชีวิต ครั้นสำรวจดูแล้วมันก็แค่นั้นแหละ แค่ที่เราเคยรู้เคยพบมาแล้วนั้นเอง ทำไมจึงไม่มากกว่านั้น มากกว่านั้นไม่มี โลกนี้มีอยู่แค่นั้นเอง แล้วก็ซ้ำ ๆ ซาก ๆ อยู่แค่นั้น เกิดแก่เจ็บตายอยู่ร่ำไป มันจึงน่าจะมีความสุขชนิดพิเศษกว่า ประเสริฐกว่านั้น ปลอดภัยกว่านั้น

    พระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านจึงสละสุขส่วนน้อยนั้นเสีย เพื่อแสวงหาสุขอันเกิดจากความสงบกาย สงบจิต สงบกิเลส เป็นสุขที่ปลอดภัยหาสิ่งใดเปรียบมิได้เลย ..”

    โอวาทธรรมพระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล) วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  5. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…การปฏิบัติธรรม เป็นการทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ทรงตรัสสอนเรื่องกาย วาจา จิต มิได้สอนเรื่องอื่น ทรงสอนให้ปฎิบัติฝึกหัดจิตใจ ให้เอาจิตพิจารณากาย เรียกว่า กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน หัดสติให้มากในการค้นคว้า เรียกว่า ธัมมวิจยะ พิจารณาให้พอทีเดียว เมื่อพิจารณาพอจนเป็นสติสัมโพชฌงค์ จิตจึงจะเป็นสมาธิรวมลงเอง การประกอบความพากเพียรทำจิตให้ยิ่ง เป็นการปฏิบัติตามคำสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า…”

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -เป็นการ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  6. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…คำว่า พุทโธ นี่สะเทือนถึงสามแดนโลกธาตุนะ ไม่ใช่น้อยๆน่ะ ฉะนั้นอย่าทิ้ง พุทโธ ไปไหนมาไหนก็อย่าลืม พุทโธ…”

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -พุทโธ-นี่สะเทือนถ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  7. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…เราก็ต้องมีสติสัมปชัญญะคอยสำรวจว่า ลมที่หายใจเข้าออกนี้มันเกิดผลแก่ร่างกายอย่างไร ดวงจิตของเราได้รับผลอย่างไรบ้าง ถ้าลมอ่อนก็ให้ถอนลมเสียใหม่ อย่าให้เผลอตัว ปรับปรุงลมหายใจจนรู้สึกว่า กายและจิตได้รับความสะดวกสบายอย่างนี้ จิตก็สงบ

    เมื่อจิตสงบแล้วก็ย่อมเกิดผลได้หลายอย่าง
    ๑) ผลเกิดขึ้นในทางร่างกาย
    ๒) ผลที่เกิดขึ้นในทางใจ

    ผลทางกาย คือ กายโปร่งเบา คล่องแคล่ว ไม่อึดอัด เดือดร้อน
    นั่งอยู่ก็ไม่แน่น ไม่จุก ไม่เสียด ส่วนจิตก็ไม่มีความยุ่งยากอะไร
    โล่ง โถง ว่างเปล่า ปราศจากสัญญาอารมณ์ภายนอก
    ผลอันนี้แหล่ะ…รักษาไว้ให้ดี รักษาไว้ให้นาน
    ส่วนผลอื่นๆ ก็จะเกิดขึ้นตามมาอีก กล่าวตามความรู้ก็คือ “วิชชา” ส่วนรูปได้แก่ “อุคคหนิมิต”นี่เป็นผลเกิดในส่วนร่างกาย

    นิมิตชนิดไหนก็ตามซึ่งปรากฏเป็นรูปในใจ ย่อมเป็นผลซึ่งเกิดซ้อนขึ้นมาอีก ถ้าพื้นของร่างกายสบาย พื้นใจก็ย่อมสบาย
    และผลก็จะเกิดขึ้นในทางจิตใจ เรียกว่า “วิชชา”
    เป็นต้นว่า เราไม่เคยศึกษาเล่าเรียนอะไรเลยแต่มันผุดขึ้นมาได้

    อีกอย่างหนึ่งเวลาที่จิตสงบดี ถ้าเราประสงค์จะทราบเรื่องราวอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ขยับจิตเพียงนิดเดียวเราก็สามารถจะรู้เรื่องราวนั้นๆ ได้ทัีนที เหมือนเข็มที่จ่อลงในแผ่นจานเสียง
    พอจ่อลงไปเสียงก็จะปรากฏบอกเรื่องราวในจานนั้นๆ ให้รู้ได้โดยแจ่มชัด ความรู้ตอนนี้แหล่ะจะเป็น “วิปัสสนาญาณ”

    ถ้าเป็นความรู้เบื้องต่ำเกี่ยวแก่สัญญาอดีต อนาคต เราสาวไปยาวนักก็เป็น “โลกียวิชชา” คือเล่นในส่วนกายมากไปก็ทำให้จิตต่ำ เพราะไม่แก่ในทาง “นาม”
    ตัวอย่าง เช่น นิมิตเกิดขึ้นก็ไปติดอยู่ในนิมิต เช่น ปุพเพนิวาสญาณ เห็นชาติภพที่ล่วงมาแล้วของตัวเองก็เกิดความดีอกดีใจว่า
    เราไม่เคยรู้เคยเห็น ไม่เคยมีเคยเป็นก็มามีขึ้นได้ อย่างนี้ก็มี
    อันเป็นเหตุให้ดีใจเกินไปหรือเสียใจเกินไปก็ได้

    ในระหว่างที่เรากำลังสาวไปในเรื่องนิมิต ทำไมจึงเกิดดีใจหรือเสียใจได้ ? นั่นก็เพราะจิตเข้าไปยึดถือในเรื่องนั้นๆ เป็นจริงเป็นจัง คือบางทีไปเห็นภาพของตัวเองในฝ่ายที่เจริญ เช่น เป็นเจ้าเป็นนาย เป็นพระราชามหากษัตริย์อันอุดมไปด้วยสฤงคาร บริวารใหญ่โต ก็เป็นเหตุให้พอใจ ยินดี เพลิดเพลินไปในอารมณ์นั้นๆ
    อย่างนี้ก็เป็น “กามสุขัลลิกานุโยค” พลาดไปจาก “มัชฌิมาปฏิปทา” ก็เป็นการผิด

    บางทีเห็นตัวเองไปปรากฏในรูปภพที่ไม่พึงปรารถนา
    เช่น เป็นหมู เป็นหมา เป็นนก เป็นหนู กระจอกงอกง่อย
    ก็เกิดใจเหี่ยวแห้ง สลดหดหู่ นี่ก็เป็น “อัตกิลมถานุโยค” พลาดไปจากมรรคอีกไม่ตรงกับคำสอนของพระองค์

    บางคนก็สำคัญผิด พอไปพบสิ่งที่ตัวไม่เคยได้รู้ได้เห็นเข้า
    ก็นึกว่าตัวเป็น “ผู้วิเศษ” เกิดความเหลิงขึ้นในใจ
    มี “อัสสมิมานะ” เกิดขึ้น
    มรรคที่ถูกอันเป็น “สัมมามรรค” ก็หายไปโดยไม่รู้สึกตัว
    นี่ “วิชชาโลกีย์” ย่อมเป็นอย่างนี้

    ถ้าเรามีหลักวิจารณ์แล้ว เราก็จะเดินไปถูกต้องตามมรรคโดยไม่พลาด คือความรู้ต่างๆ มันจะจริงในฝ่ายดีก็ตาม ในรูปนิมิตที่ปรากฏดีหรือไม่ดีก็ตามจริงก็ตาม ไม่จริงก็ตาม เราไม่ต้องดีใจหรือเสียใจ ทำจิตให้เป็นกลาง มัธยัสถ์ลงในธรรม เราก็จะเกิดปัญญาให้เห็นว่า นิมิตนั้นก็เป็นทุกขสัจจ์ ความเกิดก็เป็นชาติ ที่เสื่อมไปก็เป็นชรา ที่ดับไปก็เป็นมรณะ…”

    คัดลอกจากหนังสือแนวทางปฏิบัติวิปัสสนา-กัมมัฏฐาน ๒
    พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์(ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  8. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…เรารักพระพุทธเจ้า ให้รักเทิดทูน ในพระพุทธเจ้า
    ขอให้เชื่อเถอะ อย่ารักสิ่งอื่นใดกว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    แล้วเรา จะเป็นผู้มีความเจริญ ไปไหน มาไหน ก็ให้นึกถึงคุณ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ผู้ใดทำได้ ผู้นั้นก็จะมีธรรม
    อยู่ในใจตน เรียกว่า เป็นผู้รู้ตนตลอดเวลา…”

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ให้.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  9. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…โมกฺโข กลฺยาณิยา สาธุ วาจานี้สำคัญมาก ทำประโยชน์ให้สำเร็จ วาจาดี คนเรานี่ อย่างไรเสีย คนก็ชอบพูดเพราะ พูดกระโชกกระชาก ก็โมโหเหมือนกัน เขาว่าวาจาดีนี่ ยังประโยชน์ให้สำเร็จ เพราะฉะนั้น คาถาเศรษฐี มีวาจาไว้ อยู่ในคาถา ใครอยากเป็นเศรษฐีทำได้ หลวงพ่อไม่หวง เพราะว่าคาถาเศรษฐีนี่ มีอยู่ ๔ บาทคาถา คาถาที่ ๑ เห็นของเขา ให้รีบชม คาถาที่ ๒ เขาให้ ให้เร่งเอา คาถาที่ ๓ โทสะขึ้น ให้ระงับ คาถา ๔ ย่อแย่ท้อแท้ ไม่ได้กิน นี่คาถาเศรษฐี…”

    พระธรรมมงคลญาณ (หลวงปู่วิริยังค์ สิรินฺธโร)

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -กลฺยาณิยา-สาธุ-ว.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  10. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    พระอาจารย์ทิวา อาภากโร ลองพลังจิตกับ หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย

    สำหรับเรื่องนี้นั้น พันเอกพิเศษ อาจารย์ณรงค์ แสงมณี ได้ให้ความกรุณาเล่าให้ฟังว่า

    ผม(ณรงค์ แสงมณี) และท่านพระอาจารย์ทิวา บวชคู่นาคกัน เป็นลูกศิษย์ท่านเจ้าคุณพระราชมุนี (โฮม)วัดปทุมวนาราม ท่านเป็นผู้สร้างวัดเขาไทรสายันห์ จ.นครราชสีมา อีกอย่างหนึ่งท่านก็รู้จักกับท่านอาจารย์ใหญ่(หลวงปู่สมชาย)ของเรามาก่อนแล้ว ท่านบอกพวกผมว่า บวชแล้วจะเอาไปฝากปฏิบัติธรรมอยู่กับท่านอาจารย์สมชาย ที่วัดเขาไทรสายัณห์ พวกผมยังไม่รู้จักว่าอาจารย์สมชาย เป็นใคร มีอะไรดีหรือ ถึงขนาดระดับท่านเจ้าคุณราชมุนี ผู้มีชื่อเสียงในเมืองกรุงยังจะต้องเอาพวกผมมาฝากให้ท่านอาจารย์สมชายฝึกฝนอบรม ?

    ทั้งผมและท่านพระอาจารย์ทิวาเมื่อมาแล้วก็เฝ้าสังเกตดูว่าอาจารย์สมชาย ที่ท่านเจ้าคุณราชมุนียกย่องนั้นท่านมีดีอะไร ?..ดูภายนอกท่านก็ไม่แปลกอะไรไปจากพระทั่วๆ ไป ยอมรับตรงที่ท่านสำรวม เรียบร้อย ทำความเพียรทั้งวันทั้งคืน ไม่ค่อยหลับไม่ค่อยนอน อาหารก็ไม่ค่อยฉัน ๗ วันบ้าง ๑๕ วันบ้าง ท่านจึงจะฉันสักครั้งหนึ่ง

    แต่ท่านทำงานขนหินขนปูนช่วยก่อสร้างวัดได้อย่างคนปกติทั่วไป นานๆ ท่านก็อบรมพวกผมครั้งหนึ่ง วันหนึ่งท่านอบรมเสร็จแล้ว

    ท่านก็พูดมาถึงเรื่องการทำสมาธิว่า

    “..มีอำนาจ มีพลัง ถ้าทำได้ดีแล้วสามารถนำเอาพลังของอำนาจสมาธิจิตนั้นมาทำประโยชน์ได้หลายอย่างบุคคลที่มีความสามารถด้านต่างๆ เช่น ยิงปืน ยิงธนูได้แม่นยำ ก็อาศัยสมาธิหรืออำนาจจิตเข้าช่วย…”

    ผมเถียงขึ้นมาทันทีว่า ..อำนาจสมาธิหรืออำนาจจิตนั้นผมไม่รู้จัก แต่ที่ผมยิงปืนหรือยิงธนูได้แม่นนี้ผมใช้ความสามารถส่วนตัวของผมเอง ..ผมเถียงด้วยทิฐิและความโง่ของผมนั่นเอง.

    ท่านอาจารย์จึงกล่าวต่อว่า
    “ คุณมีสมาธิอยู่ตลอดเวลาแต่คุณไม่รู้มากกว่า ถ้าคุณไม่มีสติ ไม่มีสมาธิ คุณจะมานั่งฟังอยู่อย่างนี้ไม่ได้ คุณจะต้องทำอะไรอย่างสัตว์ทั่วๆ ไปอำนาจสมาธินำมาใช้บังคับกิริยาอาการให้สงบเสงี่ยมเรียบร้อย หรือนำมาใช้ในอาชีพการงานได้เป็นอย่างดี..รวมทั้ง สามารถนำมาสะกดจิตคนก็ได้อย่างนักจิตวิทยา เป็นต้น นำมาสะกดหรือบังคับสัตว์ต่างๆ ก็ได้ สัตว์ตัวเล็กเราไม่ต้องใช้พลังจิตมากก็สามารถบังคับได้ ผมเคยเอาอำนาจจิตของผมทดลองบังคับให้สุนัขเดินหน้า ถอยหลัง และทำอย่างอื่นตามที่ผมสั่งได้…”

    ในขณะที่ท่านอาจารย์กล่าวอยู่นั้น ได้มีฝูงมดดำตัวโตๆ ชักแถวเดินออกจากรูมาเป็นร้อย ๆ ตัวซึ่งอยู่บริเวณที่นั่งคุยกันอยู่นั้น ด้วยความอยากเห็นกับตาของผมว่า..ที่ท่านอาจารย์พูดนั้นจะเป็นจริงอย่างไร. หรือบอกตรงๆ ว่าอยากทดสอบท่านนั่นเองว่า ท่านจะทำได้จริงอย่างที่ท่านพูดหรือไม่ เพราะส่วนมากเห็นมีแต่ประเภทพูดได้ทำไม่ได้เสียมากกว่า ผมจึงพูดไปอย่างนั้นๆ เอง ไม่ได้นึกหวังผลอะไรหรอกครับว่า! ผมกราบเรียนท่านอาจารย์ต่อไปว่า..ที่ท่านอาจารย์พูดมาทั้งหมดนั้นผมก็เคยศึกษามา แต่ไม่เคยเห็นใครทำได้..ส่วนมากก็เป็นลูกคุยกันเสียมากกว่า ท่านอาจารย์พูดสวนผมขึ้นมาทันทีว่า…คุณดูมดฝูงนี้ก็แล้วกัน !..ผมและท่านอาจารย์ทิวาหันไปมองดูมดฝูงที่กำลังชักแถวเดินอยู่นั้นอย่างพร้อมกัน มดทั้งฝูงนับจำนวนเป็นร้อยๆ ที่กำลังมุ่งหน้าเดินไปข้างหน้า ต้องหยุดอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหวใด ๆ เหมือนไม่มีชีวิตทุกตัวหยุดนิ่งไปเลย..คู่ต่อมาท่านอาจารย์ท่านบอกว่า. “ถอยหลัง”..เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อจริงๆ ที่ฝูงมดเดินถอยหลังกลับเข้ารูโดยไม่ได้กลับตัว นี่เป็นเรื่องมหัศจรรย์ครั้งแรกที่ผมพบเห็นจากท่านอาจารย์ใหญ่ของเรา…ท่านอาจารย์ทิวานั่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วยกันฟังจบแล้ว ไม่ทราบท่านคิดอย่างไร

    ท่านจึงพูดขึ้นว่า..“ขอโอกาสครับท่านอาจารย์ ผมมีความมั่นใจว่าจิตของผมแข็งไม่มีใครสามารถสะกดจิตผมได้ ผมเคยทดลองให้นักสะกดจิตชาวฝรั่งระดับด๊อกเตอร์สะกดผมมาแล้ว ไม่สามารถทำอะไรผมได้เลยแม้แต่คนเดียว..”

    ท่านอาจารย์สมชายกล่าวว่า.. นั่นมันด๊อกเตอร์ แต่ถ้าผมสะกดท่านได้ จะว่าอย่างไร?

    พระอาจารย์ทิวาตอบด้วยอารมณ์ทิฐิว่า..ผมจะยอมเป็นศิษย์ท่านอาจารย์ตลอดชีวิต จะไม่ยอมสึกเลย

    ท่านอาจารย์สมชาย กล่าวต่อว่า..ท่านรูปเดียวไม่พอมือผมหรอก ผมต่อให้ท่านหาผู้ช่วยได้อีก ๑ รูป รวมเป็น ๒ รูป ..ผม(อ.ณรงค์)กล่าวขึ้นทันทีเลยว่า..ผมขออาสาเป็นผู้ช่วยเองครับ แต่มีข้อแม้ว่า ท่านอาจารย์ต้องสะกดผมคราวเดียวสองรูปก่อน.เสร็จแล้วถ้าท่านอาจารย์สะกดผมทั้งสองรูปไม่ได้ในคราวเดียว ผมทั้งสองจะช่วยกันสะกดท่านอาจารย์ เรียกว่า สองต่อหนึ่งนั่นเอง.อย่างนี้ได้ไหมครับ?.. ผมพูดออกไปด้วยความกล้าๆ กลัวๆ แต่ก็อยากลอง อยากรู้จึงเสนอตัวไป

    ท่านอาจารย์ถามอีกว่า.. แล้วพวกคุณจะพร้อมให้เริ่มเมื่อไร ?

    พระอาจารย์ทิวากล่าว..คืนนี้สี่ทุ่ม ท่านกล่าวออกไปด้วยความมั่นใจของท่าน

    ท่านอาจารย์กล่าวต่อว่า..โดยมีกติกาอย่างนี้..เราจะสะกดกันโดยไม่ต้องเห็นหน้ากัน ให้ท่านทั้งสองรูปกลับไปเตรียมตัวที่กุฏิอย่างเต็มที่ จะนั่งสมาธิเตรียมตัวก็ได้ จะเดินจงกรม หรือจะทำอะไรก็ได้ ที่คิดว่าพลังจิตของผมจะไปสะกดท่านไม่ได้ และ เมื่อเข็มนาฬิกาตรงสี่ทุ่มปุ๊บ ผมจะสะกดให้ท่านล้มลงทันที จะไม่ให้อวัยวะร่างกายของท่านเคลื่อนไหวได้เลย ผมจะสะกดจนกว่าท่านจะยอมแพ้จึงจะคลายพลังจิตออกจากการสะกดให้นั่นถือว่า..ท่านแพ้ผม… ถ้าถึงเวลาแล้วผมทำอะไรท่านไม่ได้เป็นอันว่า …ผมแพ้ท่าน… และก็เป็นโอกาสที่ท่านทั้งสององค์จะต้องสะกดผมจนกว่าผมจะยอมแพ้…

    คืนนั้นหลังจากตกลงกันเสร็จแล้วผมกับท่านอาจารย์ทิวาก็นัดกันว่าก่อนสี่ทุ่มคืนนี้เราทั้งสองรูปจะต้องนั่งสมาธิให้จิตสงบแข็งแกร่งที่สุดเพื่อเตรียมตัวรับมืออย่างเต็มที่ คงไม่มีใครที่ไหนสามารถมาทำอะไรได้.ต่างคนต่างเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่

    “…สี่ทุ่มตรง ผมหงายหลังทั้งๆ ที่ขายังขัดสมาธิอยู่นั่นเอง ผมรู้ตัวว่าผมถูกสะกดแล้ว ผมก็ดิ้นๆ พยายามดิ้นเพื่อให้ร่างกายเคลื่อนไหว พยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง พยายามที่จะร้องเรียกท่านอาจารย์ทิวา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ผมพยามยามดิ้นอยู่พักใหญ่ ชักเริ่มหายใจไม่ออกแล้ว เหงื่อเม็ดโตๆ เริ่มออกมาท่วมตัวผมแล้ว จิตใจผมรู้หมดทุกอย่าง แต่ร่างกายอึดอัดเหมือนถูกจับมัด จะขยับส่วนไหนก็ไม่ได้ทั้งสิ้น ผมเห็นท่าจะไม่ไหวแน่แล้ว ขืนทนต่อไปต้องขาดใจตายแน่.จิตตัวผู้รู้ของผมจึงบอกว่า.ยอมแพ้แล้วครับท่านอาจารย์.! ”

    เท่านั้นเอง อาการอึดอัดของผมเริ่มหายใจปกติขึ้น ค่อยๆ คืนสู่สภาพปกติ ผมจึงนึกถึงท่านอาจารย์ทิวา ว่าอาการจะเหมือนอย่างผมไหม?… จึงรีบเดินไปที่กุฏิท่านอาจารย์ทิวา.อาการคงไม่ต่างกัน แต่จิตท่านแข็งกว่าผม ท่านยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ

    “…เสียงดิ้น ตึงตังๆ.อยู่ในกุฏิ เสียงลมหายใจดัง.ฟืดฟาดๆ.จิตท่านแข็งจริงๆ ท่านต่อสู่ทางพลังจิตกับท่านอาจารย์อยู่ได้ถึง ๔๐ นาที ผลสุดท้ายเห็นท่าจะไม่ไหวจริงๆ แล้ว ก็ต้องยอมแพ้โดยดุษฎี เหมือนอย่างผม…”

    หลังจากที่ท่านอาจารย์คลายพลังจิตออกจากการสะกดท่านอาจารย์ทิวาแล้ว พวกผมก็เอาผ้าชุบน้ำเข้าไปเช็ดตัวให้ เห็นเหงื่อท่านอาจารย์ทิวาเปียกไปทั้งตัวเหมือนกับเพิ่งสรงน้ำเสร็จใหม่ๆ หลังจากนั้น ผมและท่านอาจารย์ทิวาก็นำดอกไม้ธูปเทียนเดินไปที่กุฏิท่านอาจารย์กราบขอขมาลาโทษที่ล่วงเกินท่าน ยอมรับท่านเป็นครูบาอาจารย์ตั้งแต่บัดนั้นจนถึงทุกวันนี้แหละครับ.พันเอกพิเศษ อาจารย์ณรงค์ แสงมณี เล่าจบลงด้วยความสนอกสนใจของพระภิกษุสามเณรเป็นอย่างมากทีเดียวสำหรับเรื่องนี้.ภายหลังจากเหตุการณ์ทดลองพลังจิตระหว่างศิษย์กับอาจารย์ในครั้งนั้นผ่านไปแล้ว ทั้งผม และท่านอาจารย์ทิวา ไม่ว่าท่านอาจารย์จะบอกอะไร สอนอะไร ให้ทำอะไร เป็นอันว่ายอมทำตามทุกอย่างโดยที่ไม่มีทิฐิมานะภายในจิตใจใดๆ ทั้งสิ้น…

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -อาภากโร-ล.jpg
    1524261307_811_พระอาจารย์ทิวา-อาภากโร-ล.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  11. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  12. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…หลวงปู่หนูเพชร ปัญญาวุโธ ท่านเป็นพระสุปฏิปัณโณ จริยาวัตรงดงามประกอบด้วยศีลวัตรอันหมดจดอยู่อย่างสมถะ เรียบง่าย หลวงปู่มักจะอยู่เงียบๆ แต่มีความเมตตาสูงมาก ญาติธรรมที่เข้าหาท่านจะได้รับความมีเมตตา ความอบอุ่น ความร่มเย็น. หลวงปู่ไม่เคยดุด่าว่ากล่าวใคร พูดคุยเป็นกันเองไม่ถือชั้นวรรณะ ญาติโยมทั้งใกล้และไกลได้รับความเมตตาจากหลวงปู่ทุกคนที่เดินทางไปหาหลวงปู่

    …เมือครั้งหลวงปู่ลี ฐิตธัมโม วัดถ้ำเหวลึก อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร และหลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร วัดถ้ำประทุน จ.ชลบุรี อาจารย์ของท่านทั้งสองมรณภาพลง ศิษยานุศิษย์จาก จ.ชลบุรี ได้ขึ้นมาพักที่วัดถ้ำเหวลึกและสอบถามพระอาจารย์อัศวิน ที่เป็นพระลูกวัดของวัดถ้ำเหวลึกว่าลูกศิษย์ของหลวงปู่ลีและหลวงปู่อ่อนศรี ตอนนี้ยังมีอยู่ไหม…ได้รับคำตอบว่าเหลืออยู่องค์เดียวคือหลวงปู่หนูเพชร ปัญญาวุโธ วัดป่าภูมิพิทักษ์. แต่หลวงปู่เป็นพระสมถะไม่ค่อยจะรับแขกมากนัก ท่านจะอยู่อย่างฤาษี คืออยู่อย่างเงียบสงบ

    …ศิษย์จากชลบุรี จึงอยากมากราบหลวงปู่ ยิ่งรู้ว่าหลวงปู่หนูเพชร ปัญญาวุโธ เป็นลูกศิษย์องค์เดียวที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ยิ่งอยากเข้ากราบหลวงปู่ ในตอนเช้าวันรุ่งขึ้นคณะชลบุรี จึงเข้ามาจังหันเช้าพบหลวงปู่หนูเพชร แล้วพากันไปกราบท่าน คำแรกที่หลวงปู่หนูเพชร สนทนากับคณะชลบุรีคือ อาตมาเป็นพระป่า อยู่อย่างสมถะ อยู่อย่างฤาษี….ทำให้คณะชลบุรีแปลกใจว่าทำไมหลวงปู่ถึงได้รู้คำพูดที่สนทนากันที่วัดถ้ำเหวลึก…..จากนั้นคณะลูกศิษย์ของหลวงปู่ลี ฐิตธัมโม และหลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร ได้เข้ามาร่วมกันทำบุญสร้างและพัฒนาศาสนสถานถาวรวัตถุในวัดป่าภูมิพิทักษ์มากมายและสม่ำเสมอจนถึงปัจจุบัน นับว่าเป็นเมตตาบารมีของหลวงปู่ที่ท่านได้บำเพ็ญเพียรตั้งแต่อุปสบบทเข้ามาในร่มกาสาวพัสตร์ จนกระทั่งปัจจุบันกาล…”

    คัดลอกจากหนังสือประวัติหลวงปู่หนูเพชร ปัญญาวุโธ เมือปี พ.ศ.๒๕๕๗

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ปัญญาวุ.jpg
    1524268627_341_หลวงปู่หนูเพชร-ปัญญาวุ.jpg
    1524268627_919_หลวงปู่หนูเพชร-ปัญญาวุ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  13. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  14. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ::: ทำบุญอย่าขาดทุน :::

    “… จำนวนเงินมากน้อยไม่มีความสำคัญ ความสำคัญอยู่ที่กำลังใจ คนเราเมื่อมีกำลังใจแล้ว เรื่องทรัพย์ไม่ใช่เป็นปัญหา มีบาทสิบบาทก็ทำได้ มากพอทีเดียวสำหรับศรัทธา ศรัทธาเป็นของสำคัญนะ … คนเราถ้าทำบุญแล้วไม่ศรัทธาอย่าไปทำเลย เพราะทำแล้วไม่เกิดประโยชน์อะไร … ปลูกศรัทธา ความตั้งใจเป็นของสำคัญ เพราะเป็นการดูแลต้นทุนของตัวเอง แต่ถ้าขาดความศรัทธาแล้วต้นทุนก็ขาด หมายถึงคือบุญที่เราทำไม่คุ้มกับเงินที่เราจ่าย

    … ปัจจัยเงินทองทั้งหมดเป็นเพียงกระดาษ เผาก็ไหม้ไฟ แต่บุญนี้เผาให้วอดวายไม่ไหม้ไฟ เป็นของอยู่คู่กับจิต ตายไปแล้วไม่อยู่กับกาย แต่อยู่กับจิต แต่เงินทองทรัพย์สมบัติ ไหม้ไฟ วอดวาย ถูกโจรปล้น ถูกลักได้ ถูกโกงได้ ไม่แน่นอน แต่บุญในจิตในใจนี้ใครเอาไปไม่ได้ ทำลายไม่ได้ พระราชายึดก็ไม่ได้ บุญนี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์ … ซื้อขายกันก็ไม่ได้ … ได้แต่โมทนาร่วมกัน … ”

    ตอนหนึ่งของพระธรรมเทศนา ณ บ้านธรรมยอดไกรศรี 8/1/55
    โดย หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  15. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  16. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    หลวงปู่จื่อ พันธมุตโต ท่านเมตตาเล่าให้ ตอนโปรดโยมแม่
    ที่จอมทอง ครบุรี เมืองโคราช ว่า หลวงปูู่มั่น ภูริทัตโต มาแสดงการถือกลดให้ดู ให้สำรวม บอกวิธีการชำเลืองให้ครับ ท่านเมตตาเล่าให้ฟ้ง ก่อนจำวัตรวันนี้ ที่ป่าตอง จ.ภูเก็ต

    หลวงปู่จื่อ พันธมุตโต

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -พันธมุตโต-ท่.jpg
    1524283274_733_หลวงปู่จื่อ-พันธมุตโต-ท่.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  17. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “คนเรามันบ้า! เพราะความรัก”
    ..เพราะไปคิดผิดๆ เขาไม่รักเรา..ยิ่งทุกข์ใหญ่
    เขาไม่รักเรานั่นสิ สบายใจ เราไม่ต้องไป
    ปรนนิบัติเอาอก..เอาใจเขาแล้ว
    เราเอาใจตัวเอง เข้าหา..ธรรมะดีกว่า
    มาบวชมาเรียนมา..ปฏิบัติเสียดีกว่า
    ตายแล้ว ยังได้ไปสวรรค์บ้าง อ้ายนั้นตายแล้ว
    ไปนรก เพราะรักเขา..แบบไม่มีปัญญา ให้แต่เขา
    เย้าะเย้ย ส่วนเราก็เป็นทาสความรักไป ช่วยอะไร
    ตัวเองไม่ได้ เขาเรียกว่าเป็นทุกข์เพราะความรัก..

    โอวาทธรรม:หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ

    -เพราะความร.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  18. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  19. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ชีวประวัติสังเขป
    ▪️พระราชปัญญาวิสารัท (หลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม)
    ▪️วัดกระดึงทอง ตำบลบ้านด่าน อำเภอบ้านด่าน จังหวัดบุรีรัมย์

    ชาติกำเนิด
    ▪️นามเดิม เหลือง นามสกุล ทรงแก้ว
    ▪️บิดาชื่อ นายเที่ยง ทรงแก้ว
    ▪️มารดาชื่อ นางเบียน ทองเชิด
    ▪️เกิดในยามใกล้รุ่งของวันอังคารที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2470
    ▪️ที่บ้านนาตัง ตำบลเขวาสินรินทร์ อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์

    การศึกษา
    ▪️เมื่ออายุได้ 15 ปี เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จาก โรงเรียนวัดนิลาเทเวศน์ ปัจจุบันคือ โรงเรียนบ้านนาตังตระแบก(กาญจนูปถัมภ์)

    เข้าสู่เส้นทางธรรม
    ▪️เมื่ออายุได้ 16 ปี ได้ออกจาริกเดินตามหลังพระพี่ชาย คือ พระอาจารย์ฉัตร ธมฺมปาโล และพระอาจารย์เสร็จ ญาณวุฑโฒ 2 ภิกษุผู้เป็นลูกศิษย์ของ พระญาณวิศิษฏ์ (หลวงปู่สิงห์ ขนฺตยาคโม) จากจังหวัดสุรินทร์ไปถึงจังหวัดนครราชสีมา-ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-ระยอง-จันทบุรี ได้มีโอกาสพบครูบาอาจารย์หลายรูป อาทิ พระญาณวิศิษฏ์ (หลวงปู่สิงห์ ขนฺตยาคโม) , พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล) , หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ , พระสุทธิธรรมรังสี (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) , พระอริยเวที (หลวงปู่เขียน ฐิตสีโล) และได้ฝากตัวเป็นศิษย์กับ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ที่ วัดป่าศรัทธารวม อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา

    บรรพชา
    ▪️เมื่ออายุได้ 17 ปี ได้เข้ารับการบรรพชาสามเณร ณ วัดสุทธจินดาวรวิหาร อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2487 โดยมี พระโพธิวงศาจารย์ (สังข์ทอง นาควโร) เป็นอุปัชฌาย์

    ุปสมบท
    ▪️เมื่ออายุได้ 20 ปี ได้เข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ
    ณ วัดสุทธจินดาวรวิหาร อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2490 โดยมี
    ▪️สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) เมื่อครั้งมีสมณศักดิ์ พระญาณดิลก เป็นพระอุปัชฌาย์
    ▪️พระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล) เมื่อครั้งเป็น พระมหาเขียน เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    ▪️พระครูสมุห์ฉัตร ธมฺมปาโล เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์
    ▪️1 มกราคม 2515 ดำรงตำแหน่งเป็น เจ้าอาวาสวัดกระดึงทอง
    ▪️15 มิถุนายน 2521 ดำรงตำแหน่งเป็น เจ้าคณะอำเภอจังหวัดบุรีรัมย์(ธรรมยุต)
    ▪️1 เมษายน 2523 ดำรงตำแหน่งเป็น เจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์(ธรรมยุต)
    ▪️21 ธันวาคม 2550 ดำรงตำแหน่งเป็น ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์(ธรรมยุต)

    ลำดับสมณศักดิ์
    ▪️5 ธันวาคม 2518 เป็นพระครูสัญญาบัตร ในราชทินนามที่ พระครูวิริยาภิวัฒน์
    ▪️5 ธันวาคม 2527 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่ พระชินวงศาจารย์
    ▪️12 สิงหาคม 2535 เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ พระราชปัญญาวิสารัท ปฏิบัติสัทธรรมพินิต ธรรมิกคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี

    หลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม พระอริยะสงฆ์แห่งเมืองบุรีรัมย์

    Cr.วัดกระดึงทอง

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg
    1524294252_607_ชีวประวัติสังเขป.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  20. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    โอวาทธรรมหลวงปู่หลวง กตปุญโญ

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -กต.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...