ธรรมะ จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย สายหลวงปู่มั่น, 4 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    หลวงปู่ศิลา สุมงฺคโล วัดป่าท่าสิมมา ตำบลตาดทอง อำเภอศรีธาตุ จังหวัดอุดรธานี พระเถระทายาทธรรมพระกรรมฐานสายภาคอิสานที่มากด้วยความเมตตา และมีปฏิทาที่เรียบง่าย เป็นเนื้อนาบุญของโลก แม้ว่าท่านอายุ ๘๙ ปีแล้วก็ตาม แต่ท่านก็ยังปฏิบัติข้อวัตรอย่างไม่เคยขาด ตามแบบคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพ่อแม่ครูอาจารย์รุ่นก่อนๆ ที่ได้ปฏิบัติมา

    -สุมงฺคโล-วัด.jpg
    1526709847_345_หลวงปู่ศิลา-สุมงฺคโล-วัด.jpg
    1526709848_132_หลวงปู่ศิลา-สุมงฺคโล-วัด.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  2. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…พุทโธเป็นหัวใจของมหาสมัยสูตร…”

    …มีพระสูตรพระสูตรหนึ่งที่พระพุทธเจ้าแสดงเป็นพระสูตรที่ใหญ่มากเรียกว่า “มหาสมัย” มหาสมัยนี่มีเทวดามาฟัง มาฟังพระสูตรมหาสมัยนี่เป็นโกฎิในครั้งนั้น แล้วเนื้อความของมหาสมัยนั่นย่อลงว่า

    พุทฺธํ สรณํ คตาเส น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ มานุสํ เทหํ เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺติ

    นี่เป็นภาษาแขกแล้วก็จะแปลให้โยมฟังว่า “พุทฺธํ สรณํ คตาเส” ใครเล่ามาไหว้พระพุทธเจ้า เอาพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง เอาพระธรรมเป็นที่พึ่ง เอาพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง

    “พุทฺธํ สรณํ คตาเส น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ” นะ แปลว่า “ไม่” น เต คมิสฺสนฺติ ไม่ไปเกิดเป็นหมูหมากาไก่ สัตว์นรกไม่ไป “น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ”

    “มานุสํ เทหํ” เทหัง แปลว่า “ละ” ละจากกายมนุษย์ “เทวกายํ” ได้กายเทพมาแทน…จบ

    เทศน์ย่อว่าเทศน์ย่อ คือว่าหมายความว่า อธิบายอีกนิดหนึ่งว่า เมื่อเราเนี่ยภาวนาพุทโธใช่ไหม ภาวนาพุทโธแล้วป้องกันนรกได้แน่นอน นี่คือ “หัวใจของมหาสมัยสูตร” ที่พระพุทธเจ้าเทศน์ให้เทวดาฟัง แต่มนุษย์ก็จำเอามา เทวดาเขาก็รู้ไป แต่เมื่อเราเป็นมนุษย์เราก็จำเอามาทำเพราะว่าเราก็อยากเป็นเทวดาเหมือนกัน…

    หลวงปู่วิริยังค์ สิรินธโร วัดธรรมมงคล เถาบุญญนนท์วิหาร
    แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  3. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…วัดอยู่ที่ไหน…”

    ครั้งหนึ่งหลวงปู่ หรือ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร กับในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้พบสนทนาธรรมกันที่วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
    หลวงปู่ก็ถามในหลวงของเราว่า ดูก่อนมหาบพิตร มาวัดบ่อยไหม ?

    ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ก็ตอบว่า ไม่ใคร่บ่อยนักเนื่องจากมีราชการงานมาก

    หลวงปู่ฝั้น : ถ้ามหาบพิตรมาวัด มาที่วัดไหนล่ะ

    ในหลวงรัชกาลที่ ๙ : ส่วนใหญ่กระผมมาที่ วัดบวรนิเวศวิหารนี้ มานมัสการสมเด็จพระญาณสังวรฯ ซึ่งเคยเป็นพระพี่เลี้ยงตอนบวชครับ

    หลวงปู่ฝั้น : มหาบพิตร ตรงไหนล่ะวัด นั้นก็เรียกว่า กุฏิ นั้นก็เรียกว่า ศาลา นั้นก็เรียกว่า โบสถ์ เมื่อสิ่งต่างๆ เหล่านี้มารวมกันเข้าก็สมมติเรียกกันว่า วัด เพราะฉะนั้น ตัวตนของวัดจริงๆ นั้น ไม่มีดอก ที่โบราณเขาเรียกกันว่าที่รวมเหล่านี้เป็นวัด นั้นก็เพื่อ ให้มาวัดที่ดวงใจของเรานี้ว่า ขณะนี้ดวงใจของเรานี้อยู่ห่างไกลจากกิเลส ห่างไกลจากความทุกข์มากน้อยขนาดไหนแล้ว โดยให้เราวัดอยู่เสมอๆ นั้นแหละ อย่างนี้จึงจะเรียกว่า มาถูกวัดในความหมายที่แท้จริง

    ในหลวงรัชกาลที่ ๙ : ถ้าเช่นนั้น ขณะที่กระผมอยู่บนรถ กระผมก็ไปวัดได้ใช่ไหมครับ

    หลวงปู่ฝั้น : ถูกแล้วมหาบพิตร อยู่ที่ไหนๆ ก็ไปวัดได้ ถ้าได้หันมาพิจารณาดูที่ดวงใจของเราว่า ใจของเราขณะนี้ห่างจากกิเลส ห่างจากความทุกข์ มากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กิเลส คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง นั้นแล…ฯลฯ

    หลวงปู่ฝั้น อาจาโร

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  4. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ..ขอเรียนเชิญศรัทธาสาธุชน เข้าร่วมงานบำเพ็ญกุศลสตมวาร ครบรอบวันละสังขาร 100 วัน ขององค์หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ณ วัดอรัญญวิเวก ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2561..

    Cr.บูชาธรรม พ่อแม่ครูอาจารย์

    .jpg
    1526720829_59_ขอเรียนเชิญศรัทธาสาธุช.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  5. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…ความเมตตานี้ทำให้สัตว์ไม่อยากทำร้ายมนุษย์
    แล้วทำอย่างไรถึงจะมีเมตตา ก็การ “ให้อภัย” เป็นทานนี้ไง
    ทำให้เกิด “ความเมตตา” การให้อภัย ไม่คิดอิจฉา ริษยา อาฆาตร้ายต่อผู้อื่น ใครทำไม่ดีกับเราก็พยายามปล่อยวางให้ได้ พยายามรักทุกคนให้เสมอกันให้ได้ ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
    ทำแบบนี้เรื่อย ๆ ความเมตตาจะบังเกิดขึ้นเอง คราวนี้ไปที่ไหนก็ไม่ต้องกลัวอะไร เพราะถ้าเราไม่คิดร้ายใคร ใครก็ไม่คิดร้ายเราเช่นกัน…”

    โอวาทธรรมหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ วัดดอยธรรมเจดีย์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  6. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    อานิสงค์เกิดไว การทำบุญกับพระอรหันต์ อานิสงค์จะเกิดไว เพราะจิตของพระอรหันต์นั้น บุญท่านก็ไม่ค้าง บาปท่านก็ไม่รับ ทำตอนไหน ท่านให้ตอนนั้น

    โอวาทธรรมหลวงปู่แสง ญาณวโร

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ทุกๆท่าน

    -การทำบุญ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  7. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    การระลึกชาติของพระอาจารย์สีทัตถ์ สุวรรณมาโจ (ท่านอัญญาสีทัตถ์) “เขียนโดย พระอริยคุณาธาร (เส็ง ปุสโส) วัดป่าเขาสวนกวาง อ.เขาสวนกลาง จ.ขอนแก่น”●

    “เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๙ ข้าพเจ้า (พระอริยคุณาธาร) มีโอกาสติดตามเจ้าคณะมณฑลอุดร ไปตรวจการคณะฯทางริมฝั่งแม่น้ำโขง ในเขตจังหวัดหนองคายไปถึงบ้านโพนแพง อำเภอโพนพิสัย พักแรมที่วัดโพนเงิน ตรงข้ามกับพระพุทธบาทโพนสัน ในเขตประเทศลาว ครั้งนั้นพระอาจารย์ศรีทัศน์กำลังก่อสร้างอุโมงค์(กะตึบ) คร่อมพระพุทธบาทอยู่ที่นั่น วันรุ่งเช้าเจ้าคณะมณฑลข้ามฟาก (แม่น้ำโขง) ข้าพเจ้าขอโอกาสสนทนากับพระอาจารย์ศรีทัศน์ ข้าพเจ้าพึ่งพบกันเป็นครั้งแรกในครั้งนั้น แต่ก็สนิทสนมกันง่ายดายคล้ายกับได้รู้จักคุ้นเคยกันมานานแล้ว

    เรื่องสำคัญที่สนทนากันในวันนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับการระลึกชาติของพระอาจารย์ศรีทัศน์ ท่านกล่าวว่าท่านได้ฌานและอภิญญาณโลกีย์ มีความรู้ระลึกชาติในอดีตอนาคตของท่านได้ตลอดถึงคนอื่นที่เกี่ยวข้องกันท่านกล่าวว่า ข้าพเจ้ากับท่านเคยเป็น “พ่อลูกปลูกโพธิ์” มาด้วยกัน แต่ต่างคนต่างมีกรรมเป็นของตน กรรมซัดไปติดคนละทางคนละทิศห่างไกลกัน ทั้งวยายุกาล ก็ห่างกันด้วย ถึงดังนั้นบุญก็ยังบันดาลให้มาประสบพบพานกันได้ การพบกันครั้งนี้เป็นทั้งครั้งแรก เป็นทั้งครั้งสุดท้าย(ท่านอายุ ๗๑ แล้ว) จึงขอถือโอกาสบอกเล่าเก้าสิบเรื่องที่เกี่ยวข้องกันไว้ กับขอฝากให้เลี้ยงดูท่านในเมื่อเกิดชาติหน้านั้นด้วย

    พระอาจารย์ศรีทัศน์ท่านกล่าวว่า ท่านเป็นนิตยโตโพธิสัตว์ ได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว จักเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล”กลโน้น และเป็นชนิด “สัทธาธิกะ” มีกำหนดสร้างบารมี ๑๖ อสงไขยกัลป จึงสำเร็จพระโพธิญาณ ท่านกล่าวว่าในอดีตชาตินานมาแล้วท่านเคยเป็นลูกของข้าพเจ้า และในชาติหน้าในลำดับต่อไปนี้แม้จะไม่ได้เป็นลูกเกิดแต่ในอกของข้าพเจ้า ขอแต่เป็น “ลูกบุญธรรม” ขอให้ข้าพเจ้าเลี้ยงลูกปลูกโพธิ์อีกครั้งข้าพเจ้าได้ฟังแล้วก็เอะใจ ! และท่านกล่าวต่อไปว่า ในสมัยกึ่งพุทธกาลนั้น พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองกว่าที่เป็นอยู่ในเวลานี้ ข้าพเจ้าจะเป็นคนสำคัญคนหนึ่งในสมัยนั้น ข้าพเจ้าจะไม่ได้ทันเห็น แต่ก็ไม่เป็นไร ในสมัยนั้นได้มาเกิดใหม่เป็นลูก “บุญธรรม” ของข้าพเจ้าท่านย้ำคำนี้หลายครั้งเพื่อให้กระชับใจข้าพเจ้า แล้วท่านกล่าวการเกิดใหม่ในอนาคตของท่านไว้ดังนี้

    ท่านเกิดในชาติหน้าในท้องคนไม่มีสกุล พ่อผู้ให้กำเนิดไม่ปรากฏแก่คนทั้งหลาย แม่ผู้ให้กำเนิดเป็นคนพลัดถิ่นเขาจะไปคลอดบุตรในถิ่นที่ไม่มีคนรู้จักในบ้านชื่อว่า… “บ้านสงเปลือยตำบลพันคอน อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี” แล้วมารดาก็จะละทิ้งบุตรหนีไป มีทุคคตะ ผัวเมียคู่หนึ่งรับไปเลี้ยงไว้ในระยะแรก เพราะฐานะของท่านเป็นคนยากจน เลี้ยงอยู่ประมาณ ๓ เดือน ไม่สามารถจะเลี้ยงต่อไปได้ ท่านว่าทั้งนี้ก็เพราะเวรกรรมของท่านที่เอาลูกนกให้พลัดพรากจากแม่ของมันในอดีตชาติ ต่อจากนั้นจะมีผู้หญิงใจบุญคนหนึ่งเป็นหญิงหม้ายไม่มีบุตรซึ่งเคยเป็น “มารดา” ในชาติก่อนมารับไปเลี้ยงไว้เป็นบุตร “บุญธรรม” หญิงคนนั้นชื่อ “สายบัว” อยู่ในหมู่บ้านสงเปลือย นั้นเอง เคยเป็นภริยาหลวงวรวุฒิมนตรี นายอำเภอฯ

    เมื่อเกิดในชาติหน้านั้น จะได้รูปส่วนสมทรงความยาวของวากับลำตัวจะเท่ากัน หลังมือหลังเท้านูนผิวขาวเหลือง สะอาดเกลี้ยงเกลาปราศจากไฝฝ้า ด้วยอำนาจบุญที่ปฏิสังขรณ์ตบแต่งและก่ออุโมงค์คร่อมพระพุทธบาท แต่ใบหน้านั้นหักนิดหน่อย เพราะความใจน้อยโกรธง่าย ทำหน้าเง้าหน้างอ และจะมีเสียงก่าๆเพราะด้วยการกล่าวผรุสวาจา จะมีนามว่า “ถวัลย์” แต่คนมักจะเรียกเล่นๆกันว่า “บุญติด” แต่เมื่อได้มาอยู่กับข้าพเจ้าแล้วจะเรียกกันว่า “เชียงโมง”

    เมื่อสนทนากันไปท่านเห็นว่าข้าพเจ้าไม่ปลงใจเชื่อสนิท ท่านจึงขออนุญาตจากข้าพเจ้าจะเล่าประวัติของข้าพเจ้าในชาติปัจจุบันที่ล่วงมาแล้วให้ฟัง เพื่อเป็นพยานยืนยันความรู้ที่ท่านระลึกชาติได้ ข้าพเจ้าก็อนุญาต ท่านได้เล่าประวัติความเป็นมาของข้าพเจ้าที่ล่วงมาแล้ว ถูกต้องตามความเป็นจริงทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนอย่างกับตาเห็น ข้าพเจ้าได้ใคร่ครวญหาเหตุผลว่าท่านรู้ได้อย่างไร(เวลานั้นข้าพเจ้าอายุ ๒๙ ปี) เข้าใจว่าท่านมีญาณชนิดหนึ่งรู้ได้จริง จึงต้องตกลงปลงใจเชื่ออย่างสนิท และรับปากคำว่าจะรับเลี้ยงท่านในเมื่อท่านเกิดใหม่ในชาติหน้า

    จากวันพบพระอาจารย์สีทัตถ์ มาประมาณ ๓ ปีเศษ คือในราวปี พ.ศ. ๒๔๘๑ หรือต้นปี ๒๔๘๒ จำไม่แน่ ข้าพเจ้าได้รู้จักกับคุณนายสายบัว อินทรกำแหง ซึ่งเคยเป็นภริยาของหลวงวรวุฒิมนตรี มีภูมิลำเนาตรงกับที่พระอาจารย์สีทัตถ์ บอกข้าพเจ้า จึงเล่าเรื่องที่กล่าวมาแล้วให้คุณนายสายบัวฟัง และสั่งไว้ว่า ถ้าคุณนายได้เด็กชายตามที่กล่าวมาแล้วมาเลี้ยงไว้ ขอให้ส่งข่าวด้วย

    จากวันพบคุณนายสายบัวมาแล้วประมาณ ๑๕ ปี ข้าพเจ้าทราบว่าคุณนายสายบัวได้เด็กชายมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว จึงหาโอกาสไปพบ คุณนายก็นำเด็กนั้นมาให้ข้าพเจ้าดูที่วัดในหมู่บ้านนั้น เวลานั้นเด็กนั้นมีอายุได้ ๓ ขวบ เกิดใน พ.ศ. ๒๔๙๓ ข้าพเจ้าได้สอบถามเหตุการณ์เมื่อแรกเกิดและที่ได้มา คุณนายสายบัวเล่าว่า มีหญิงคนหนึ่งพลัดถิ่นมาที่บ้านสงเปลือย ไม่มีใครรู้จัก พอมาถึงในคืนนั้นก็ปวดท้องคลอดบุตรชาวบ้านได้ช่วยกัน พอรุ่งเช้าชาวบ้านต้มน้ำร้อนจะให้เขาอาบ พอน้ำเดือด เขาตักมาจะลวกบุตรให้ตาย ชาวบ้านป้องกันไว้ทัน เอาบุตรซ่อนเสีย เลยเขาหนีเตลิดเปิดเปิงไปในวันนั้น มีผัวเมียคู่หนึ่งรับไปเลี้ยงไว้ ๓ เดือน เลี้ยงไม่ไหวเพราะความยากจน จึงนำมามอบแก่คุณนายสายบัว คุณนายสายบัวเล่าต่อไปว่า ก่อนที่เขาจะนำเด็กมาให้ ในคืนนั้นฝันว่า “มีแก้วเก้าสี มีรัศมีรุ่งเรือง มาประดิษฐานอยู่ที่ชานเรือน รู้สึกดีใจไปรับเอามาไว้” พอรุ่งเช้าก็ได้รับเด็กคนนี้ ต่อมาได้ขนานนามว่า “ถวัลย์” แต่เรียกกันเล่นๆว่า “บุญติด”

    ตามที่คุณนายสายบัวเล่าให้ข้าพเจ้าฟังนี้ ตรงกับที่พระอาจารย์สีทัตถ์ พูดไว้กับข้าพเจ้า ตลอดถึงลักษณะของเด็กด้วยทุกประการ ข้าพเจ้าจึงพูดกับคุณนายสายบัวว่า จะขอรับเอาไปเป็นบุตรบุญธรรม แต่ยังเล็กอยู่เกรงเด็กจะลำบาก ขอให้คุณนายเลี้ยงไปก่อนกว่าจะมีวัยอันสมควร

    พ.ศ. ๒๔๙๖ ออกพรรษามาแล้ว ข้าพเจ้าไปบ้านสงเปลือย อีกครั้งหนึ่งพักอยู่ที่วัดฯ คุณนายสายบัวพาเด็กชายคนนี้มาต้อนรับ ข้าพเจ้าอยากจะพิสูจน์ให้แน่อีกครั้งหนึ่งว่า จะเป็นอาจารย์ศรีทัตถ์ แน่หรือไม่

    จึงถามเขาว่า เมื่อก่อนนั้น ตัวชื่อศรีทัตถ์หรือไม่ ?
    เขาตอบทันทีว่า “ใช่” แล้วข้าพเจ้าก็ยุติไว้เพียงนั้น ไม่เล่าเรื่องอาจารย์สีทัตถ์ให้เขาได้ยิน เพราะเพื่อจะสังเกตความเป็นไปต่อไป

    เมื่อคุณนายสายบัวพากลับบ้านแล้ว คุณนายสายบัวกลับมาเล่าให้อาตมาฟังว่า เด็กนั้นเมื่อกลับถึงบ้านได้เล่าเรื่องราวครั้งเป็นอาจารย์สีทัตถ์ในชาติก่อนให้คุณนายสายบัวฟัง แต่ทว่าไม่ติดต่อกัน เล่าเฉพาะเรื่องสำคัญของชีวิตเป็นท่อน เป็นตอน พอรู้ได้ว่าเขาระลึกชาติได้

    พ.ศ. ๒๔๙๗ กลางปี คุณนายสายบัวนำเด็กชายคนนี้มาให้ข้าพเจ้าที่นี่(วัดป่าเขาสวนกวาง) ข้าพเจ้าเอารูปถ่ายของพระอาจารย์สีทัตถ์ให้ดู แล้วถามว่า นี่รูปของใคร? เขาตอบว่ารูปของเขาในตอนปลายปี (ตั้งแต่พระอาจารย์สีทัตถ์มรณภาพ จนถึงเด็กชายคนนี้เกิด ประมาณ สิบปีกว่าๆ เมื่อท่าทำนายนั้นพระอาจารย์สีทัตถ์ อายุ ๗๑ ปี ต่อมาข้าพเจ้ามีธุระไปที่เมืองอุดร พาเด็กชายคนนี้ไปด้วย วันหนึ่งข้าพเจ้าไปเยี่ยมพระยาอุดรธานีศรีโขมสาครเขตร์ พอขึ้นไปบนบ้านท่านเจ้าคุณอุดร กำลังนั่งโต๊ะรับประทานอาหารเย็น เด็กชายคนนี้ก็ตรงรี่เข้าไปหา และทำท่าจะรับประทานอาหารร่วมด้วย เจ้าคุณอุดรมีความเมตตาจึงจัดอาหารให้รับประทานข้าพเจ้ามานั่งรอคอยท่านเจ้าคุณอุดรอยู่ที่โต๊ะรับแขกใต้ซุ้มกล้วยไม้ เมื่อเด็กชายนั้นได้รับประทานอาหารเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าถามว่า ไม่กลัวท่านหรือ ท่านเป็นพระยา เขาตอบว่าไม่กลัว เพราะเคยรู้จักกับท่าน ข้าพเจ้าถามว่ารู้จักท่านที่ไหน? เขาตอบว่า รู้จักเมื่อครั้งก่ออุโมงค์คร่อมพระพุทธบาทที่อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดร พอเจ้าคุณอุดรมานั่งกับข้าพเจ้าเรียบร้อยแล้ว ข้าพเจ้าถามเจ้าคุณอุดรว่าเมื่อครั้งพระอาจารย์สีทัตถ์ ก่ออุโมงค์คร่อมพระพุทธบาทที่บ้านผือนั้น ท่านเจ้าคุณเคยไปและเคยรู้จักสนิทกันกับพระอาจารย์สีทัตถ์หรือไม่? ท่านเจ้าคุณอุดรตอบว่า เคยไป และรู้จักสนิทสนมกันมาก

    ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๗ จนถึงปัจจุบันนี้ เด็กคนนี้ได้มาอยู่กับข้าพเจ้าที่นี่ เมื่อคนต่างถิ่นมาเยี่ยม ถ้าคนนั้นเคยรู้จักกับพระอาจารย์สีทัตถ์ แม้เขาจะไม่รู้จักก็แสดงอาการสนิทสนมเหมือนกับคนที่เคยรู้จักมาช้านานแล้ว แต่ถ้าคนนั้นไม่เคยรู้จักกับพระอาจารย์สีทัตถ์ แม้จะแนะนำให้เขารู้จัก เขาก็ไม่แสดงอาการสนิทสนม แสดงอาการธรรมดาอย่างคนที่พึ่งรู้จักกัน

    เด็กคนนี้เมื่อมาอยู่กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องการทดลองว่าเขาจะเคยบวชในชาติก่อนหรือไม่ จึงตัดสบงจีวรและย่ามเล็กๆให้ ทำทีบรรพชาให้เป็นสามเณร เขาแสดงอาการดีใจชื่นบานหรรษา ส่อว่ามีอุปนิสัยในการบวชมาแล้ว เมื่อบวชแล้วอดข้าวเย็นไม่ได้ ต้องสึกกินข้าวเย็นในวันนั้น (อายุ ๕ ขวบกับ ๗ เดือน เกิดวันอังคาร แรม ๕ ค่ำ เดือน ๓ ปีขาล วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๙๓ เวลา ๕.๐๐ น.เศษ) จึงตั้งชื่อล้อเลียนเขาว่า “เชียงโมง” คนที่บวชเณรไม่ข้ามวันแล้วสึก ทางภาคอิสานเรียกผู้สึกจากเณรนั้นว่า “เชียง”

    เมื่อเหตุการณ์ตรงกับคำพยากรณ์ของพระอาจารย์สีทัตถ์ทุกประการดังที่เล่ามาตลอดถึงพฤติการของเด็กข้าพเจ้าจึงปลงใจเชื่อว่าอาจารย์สีทัตถ์ มาเกิดและระลึกชาติได้จริง ข้าพเจ้าจึงขอรับรองด้วยเกรียติยศ และศีลธรรมว่า เป็นความจริงดังที่กล่าวมามิได้เสกสรรปั้นแต่งขึ้น ขอส่งเรื่องนี้แก่ยุวพุทธิกะ เพื่อเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์การกลับชาติมาเกิดใหม่ของคน….

    หมายเหตุ : พระอริยคุณาธาร ภายหลังได้ลาสิขา และถึงแก่กรรมในเพศฆราวาส โดยการดูแลของหลวงปู่พุธ ฐานิโย

    พระอริยคุณาธาร(เส็ง ปุสโส) วัดป่าเขาสวนกวาง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น

    ขอขอบคุณที่มาจาก พระอริยคุณาธาร วารสาร ยุวพุทธิกะสมาคมแห่งประเทศไทย ปีที่ ๖ เล่มที่ ๖ กุมภาพันธ์ – มีนาคม ๒๔๙๙ หน้า ๔๒

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ทุกๆท่าน

    .jpg
    1526731825_771_การระลึกชาติของพระอาจา.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  8. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…บุญกุศลเป็นนามธรรม
    ไม่สามารถที่จะมองเห็นได้
    แต่มีค่าสูงขึ้นไปโดยลำดับ
    จนถึงนิพพาน…”

    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  9. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…บ้านที่แท้จริง…ของเรานั้น
    คือว่า…เรารู้สึกสงบ
    ความสงบนั้นแหละ…เป็นบ้านที่แท้จริงของเรา
    ท่านจะไม่พบความสงบเลย
    ถ้า…มัวเสียเวลาแสวงหาคนที่ดีพร้อม
    ท่านจะได้เห็นความไม่เที่ยง
    ถ้า…ท่านยึดติดอยู่กับสภาวะที่สงบ…”

    หลวงปู่ชา สุภัทโท

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ทุกๆท่าน

    -ของเราน.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  10. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  11. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ปีที่หลวงปู่เข้าไปโรงพยาบาลศิริราช ปี 2540 ปี ปีนั้นนั่งอย่างเดียว นอนก็ไม่ได้ฉันได้วันละคำสองคำ มันกลืนไม่ลง ไข้ก็ขึ้นสูง นอนก็ไม่ได้ใจมันก็จะขาด ที่เป็นหนักอยู่เกือบ 2 อาทิตย์ หน้าอกเหมือนจะระเบิดเหมือนกับไฟเผาเหงื่อไหลไม่หยุด มันๆ ไม่ใช่เหงื่อหรอกมันเป็น”ยางตาย” (ภาษาอีสาน) ผลสุดท้ายก็ว่าจะตัดสินใจตาย เอ้า ! ตายก็ตาย นั่งภาวนาดูแต่ลมหายใจเข้า,ออก เอาพระพุทธเจ้าเข้าไปในลมหายใจตลอดเวลา “พุทโธ ๆ” อยู่อย่างนั้น ไม่ได้สนใจอะไรล่ะ ตาย! ๆ มันจะตายอยู่แล้ว ไม่ต้องไปห่วงมันหรอกเรื่องร่างกายสังขารเราก็เคยวางมาหลายครั้งหลายหนแล้วครั้งนี้ยังจะมาแพ้อีกเหรอ อื่ม เราไม่แพ้มันหรอก ก็จับเอาพุทโธอยู่อย่างนี้ เราเตรียมตัวตายเสียดีกว่า ก็นั่งสมาธิภาวนาเตรียมตัวตาย! พอถึงเที่ยงคืนมา เห็นเต่า (เห็นในนิมิต) มันนอนหงายดิ้นกะแดวๆอยุ่ หน้าอกมันแตกเลือดเต็มอยู่พื้น มันดิ้นๆ ใจจะขาดนะ พอ..ไปเห็นตรงนั้นปั๊บนึกไปถึงตัวอง เอาสันมีดเนี้ยตีหน้าอกเต่า สมัยเป็นเด็กฆ่าเต่าไม่เป็น ตีหน้าอกมัน มีพ่อตาคนหนึ่งบอก “ตีหน้าอกมันลูก!!” เราก็สัดเลยตีจนกว่ามันจะตาย หน้าอกมันแตก โอ๊ย!…พอเห็นตรงนั้นปั๊บมันตุดเข้ามาตรงนี้เลย (ตรงหน้าอก) โอ๊ยทำไมเราถึงมาเป็นอยู่ตรงนี้ พอรู้แล้วน้ำตามันก็ไหลสงสารเต่า นิแหละที่ว่า ความไม่รู้เดียงสาที่เราเกิดขึ้นมาไม่รู้เดียงสาไปทำตามกิเลสของตนเอง ทำไมถึงไปทำอย่างนั้นมีพ่อตาคนนั้นหนะเขาบอกวันนี้เราไม่มีอาหาร เราต้องเผาเต่าตัวนี้กิน แกก็บอกเราก่อกองไฟขึ้นก็ใช้เราเราเป็นเด็กเนาะ เขาบอกให้ทำไงเราก็ทำไป เขาบอกให้ฆ่าเต่าถือมีดคอยฟันหัวมันอยู่เนี้ย ปล่อยเต่าเอาไว้ พอนานๆ นิ่งๆ มันจะโผล่หัวออกมาขามันก็ออกมา เราจะฟัน พอจะฟันลงไป หัวกับขามันก็หุบเข้าไปเลยไม่รู้จะฟันตรงไหนที่นี้ ฆ่าเต่าก็ไม่ได้นั่งจนเหนื่อย ตาลายหิวข้าวล่ะทีนี้
    พ่อใหญ่ : ฆ่าตายหรือยังละลูก?
    หลวงปู่ตอนเป็นเด็ก : โอ๊ยยังไม่ตายเลย
    พ่อใหญ่ : มึงทำอะไรมันอยู่ล่ะ?
    หลวงปู่ตอนเป็นเด็ก : คอยฟันหัวมันอยู่
    พ่อใหญ่ : โอ๊ย..หงายมันขึ้น ให้มันนอนหงายแล้วตีหน้าอกมัน
    เราก็เลยทำอย่างที่เขาบอก สันมีดบังตอนิหละตีเลย!! หน้าอกมันแตกมันถึงได้มาปวดหน้าอกเรา พอเห็นอย่างนั้นน้ำตามันล่วงไหล สงสาร “ทำไม๊ เราไปทำเค้าอย่างนั้น” พอนึกไปก็ตำนิตาคนนั้นด้วยทำไมมาใช้เราทำอย่างนี้ เอ้า ! ก็ไปด้วยกันเราเป็นผู้น้อยเขาก็ต้องใช้เรา เราเป็นเด็ก ผลสุดท้ายกรรมตกที่เรา พอนึกไปถึงตรงนั้น เต่ามันก็มองจ้องเราอยู่ พอเห็นน้ำตาเราไหล ตามันก็พริบๆ พริบๆ ตามันก็เล็กๆเนาะ พอน้ำตาตกลง (เต่ามันร้องไห้เหมือนกัน) เราก็ร้องไห้เหมือนกัน นั่งภาวนาอยู่นั่นหนะ ต่างคนก็ต่างสงสารกัน พอ..หลังจากนั้นมาเห็นหัวใจตัวเอง ที่มันปวด หัวใจมันบีบ พอเห็นหัวใจมันทำงานนะ เวลามันบีบตัวมันสูบเลือด หัวใจมันสูบเลือด มันมีเส้นเลือดผ่านมาทางนี้ (ทางใต้หน้าอกด้านขวานี้) มันเป็นเส้นเลือดใหญ่ออกจากหัวใจมา ดำปึด อยู่จุดหนึ่ง พองขึ้น พองขึ้น ขนาดเท่านี้ (เปรียบเทียบกับนิ้วหัวแม่มือ) เส้นเล็กๆ จนเขียวปึด มันใกล้จะระเบิดแล้ว โอ๊ยมันปวดตรงนี้เอง วันนั้นหนะหมอเอกซเรย์ตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง ถึง 12 ครั้ง ไม่เจออะไร เอกซเรย์ออกมาก็ขาวจั้วๆ แผ่นเอกซเรย์หนะ เข้าเอกซเรย์อุโมงนะ มีแต่อาจารย์หมอ 7 คน ยืนล้อมอยู่ทีนี้ก็มีอาจาย์หมอคนหนึ่ง เขาก็แก่แล้วละใกล้จะเกษียณแล้ว “โอ๊ย..หลวงพ่อ หลวงพ่อไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกผมดูอยู่เนี้ย” เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา เดี๋ยวผมจะจัดยาแก้ปวดให้ไปอยู่มูลนิธิ ฉันวันสองวันก็หาย พอเราได้ยินอย่างนั้นแล้วโอ..จะส่งเราไปตาย เรานึกว่าจะส่งเราไปตายแล้ว (หัวเราะ) ก็เลยว่า เอาล่ะ! หมอ เป็นไข้ก็เป็นจะจัดยาก็จัดแต่ว่า อยากจะถามวิธีการ ที่…หมอเรียนมาเนี้ยสรีระร่างกายของคนเราเนี้ย หัวใจมันทำงานอย่างไง? อาตมาไม่ได้เรียนนะแต่ขอถามหน่อย หมอก็ยืนเต็มอยู่
    หลวงปู่ : เวลาหัวใจมันทำงานมันจะบีบตัวอย่างนี้ใช่ไหม (พร้อมกับกำมือแล้วยกนิ้วโป่งหุบเข้าขณะที่หลวงปู่เทศน์อยู่)
    หมอ : ครับ
    “หนะมีแต่อาจารย์หมอนะ”
    หลวงปู่ : หัวใจมันทำงานเนี้ยมันสูบเลือดมันทำงานเหมือนเครื่องสูบน้ำนี้ใช่ไหม?
    หมอ : ครับ
    หลวงปู่ : มันมีเส้นเลือดใหญ่อยู่หัวใจผ่านมาใต้นมนี้ใช่ไหม ? มีไหม?
    หมอ : ครับ มีครับ!
    หลวงปู่ : เออ…! ถ้ามี..ฟังให้ดี เมื่อคืนนี้. อาตมาเห็นไข้มันมันอุดอยู่ตรงนี้ (พร้อมกับชี้ลงใต้นมด้านขวา) มันเป็นก้อนผสมกับเลือดจนดำแล้ว เหมือนกับลูกกระสุนมันอุดอยู่ตรงนี้ เวลาหัวใจมันสูบเลือดเนี้ย เลือดมันจึดๆ เลือดมันไปไม่ได้ ตรงเนี้ยตอนเนี้ยมันเขียวปึดเลย ขนาดนี้เนี้ย (พร้อมยกนิ้วเปรียบเทียบ)มันใกล้จะระเบิดแล้วพอพูดอย่างนี้
    หมอ : โอ๊ย..เอกซเรย์ใหม่!
    เลยเข้าเอกซเรย์ พอเข้าเอกซเรย์ พอเราเปิดเผยอย่างนี้แล้ว คุณหมอวิยะดา ก็มาอยู่ใกล้ๆ มากระสิบ หลวงพ่อๆ หลวงพ่ออย่ากำหนดจิตเวลาเขาเอกซเรย์ เออใช่สิเรากำหนดจิตจ้องมันอยู่ตลอดเวลา เราก็จ้องดูตรงนี้ ตั้งแต่วันที่เราเริ่มเจ็บมา จนกระทั้งเราอยู่ที่โรงบาล เอกซเรย์อยู่ก็จ้องที่ตรงนั้น ถ้าอย่างนั้นเอกซเรย์มันไม่ผ่าน (คุณหมอวิยะดา) หลวงพ่ออย่าว่าหนูระราบระล้วงนะ หมอวิยะดา เป็นหมออุปฐากหลวงปู่ชอบนะ หลวงปู่ชอบเอกซเรย์มันก็ไม่ผ่านเหมือนกัน หลวงปู่ชอบเลยพูดว่า โอ๊ย..!! เราลืมวางจิต เครื่องเอกซเรย์มันเลยเอกซเรย์ไม่ได้ นิล่ะหนูได้ความรู้จากหลวงปู่ชอบ (คุณหมอวิยะดาบอกหลวงปู่) เออ..! เราก็เลยหายใจนับ 1 นับ 2 ก็ลืมตาขึ้นอยู่ในอุโมงก็นับตามเขาเขาบอกกั้นใจก็กั้นใจ พอทำตามเข้าปั๊บเอกซเรย์ออกมาปั๊บ โอ…มันเห็นหมดเลยร่างกายเนี้ย เส้นเลือด อาจารย์หมอวันชัย ตรวจแผ่นเอกซเรย์ เราออกมานั่ง ยังไม่ได้ว่าอะไร
    หมอวันชัย : หลวงพ่อๆ!! ผ่าตัด ด่วนๆ!!!
    หลวงปู่ : ยังไม่ได้นั่งคุยกัน มันอะไรล่ะหมอ
    หมอวันชัย : นี่ๆ ดูสิเส้นเลือดมันจะระเบิดแล้ว ถ้าไม่ผ่าไม่ทันนะ ถ้ามันระเบิดนี้ตายแน่นะ
    หลวงปู่ : หมอหยุดก่อนใจเย็นๆ (หัวเราะ) ใจเย็นๆ
    หมอวันชัย : ใจเย็นยังไงหลวงพ่อ ผมไม่ได้เป็นคนป่วยหลวงพ่อป่วย
    หลวงปู่ : เออ…ใจเย็นๆ อย่าพึ่งผ่า
    หมอวันชัย : เอ้าจะทำยังไงล่ะ
    หลวงปู่ : ยาดีๆอยู่ที่ศิริราชนะมีไหม
    หมอวันชัย : ยาอะไรหลวงพ่อ (หมอพูดด้วยความตกซะเพ้อ)
    หลวงปู่ : เอ้าก็เป็นหมอไม่ใช่เหรอ (ท่านพูดด้วยความตลก) ไขมันมันอุดตันก็เอายาละลายไขมันอย่างดีที่สุดสิ (หัวเราะ) เอายาละลายไขมันดีที่สุด! แล้วผลเลือดมันออกมาตอนนี้ มันไปทำลายตับ ตับมันสกัดน้ำตาลไม่ได้ เร่ิมเป็นน้ำตาลปีนั้นเลย นั้นละปีนั้นละเป็นน้ำตาลขึ้นสูง โรคเบาหวานมาพร้อมกัน ก็เลยว่าเอายาลดน้ำตาลกับยาละลายไขมัน หมอบอกว่า ครับๆๆ ถ้าเอายาสองอย่างนี้มาไม่ได้ผ่า พอได้ยามาหมอก็จัดให้ไปนอนห้องพิเศษ แล้วก็นั่งภาวนา โอ๊ย..มันเบาลงเลย 2 ชั่วโมงเท่านั้นละเบา หน้าอกนี้เย็นลงไปเย็นลงไปมันละลายพอไขมันละลาย พอเช้ามาไปเอกซเรย์ดู เส้นเลือดเริ่มเป็นปรกติมันถึงไม่ปวด โอ๊ย…อนิสงค์ เห็นเต่า เต่าสงสารเรา ภาวนาไปเห็นเต่า เต่ามันร้องไห้มันก็คงเมตตาเราเนาะ โอ๊ย…ต่างคนก็ต่างไม่รู้ มันคงว่าอย่างนั้นละ แกก็ถูกเขาบังคับให้ทำเราเหมือนกัน เต่าก็คงจะว่าอย่างนั้นละนะ อื่มนั้นล่ะ มันก็เลยอโอสิกรรมให้กัน นี่ล่ะภาวนาไปเห็นกรรมมันถึงจะปดกรรมได้ นี่อนิสงค์ของการภาวนา

    ที่มา : เทปบันทึกเสียงเทศนา หลวงปู่ไม อินฺทสิริ

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  12. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  13. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    อุปทานคือการยึดมั่นถือมั่น แม่ข้าพเจ้า พ่อข้าพเจ้า ญาติข้าพเจ้า ยึดมั่นไปเกิดตามสายโลหิต ตามสายญาติที่เคยเกิด นี่นะรักษายาก ทำให้เกิดนี่ง่ายไม่ยาก ทำให้ไม่เกิดนี่มันยาก มนุษย์ สัตว์เดรัจฉานนี่หลายภพเกิดได้ง่ายๆ การเกิดพระพุทธเจ้าว่าเหมือนกับกระพริบตา ภพชาติของเราที่เกิดมีเยอะแยะเราจะไปไหม เราจึงพยายามทำใจของเราให้มันสูงกว่าของเหล่านี้ อยากเกิดอีกมาอีก เราเห็นทุกข์ไม่ได้เห็นด้วยปัญญา เห็นด้วยตาเนื้อเฉยๆ เห็นไม่เบื่อไม่หน่าย เราอยู่มานี่เห็นคนตายมาหลายครั้ง เห็นคนตายมาหลายคนแล้ว เราไปเผาศพคนตายมาหลายคน ไม่ได้คิดว่าตัวเราจะเป็นอย่างนั้น จึงไม่เบื่อไม่หน่าย

    …ทุกคนฟังธรรมมามากมายก่ายกอง ไม่ได้ความปิติ ไม่ได้ความยินดี ไม่มีความกระตือรือร้นที่จะทำความดี จึงไม่เกิดอะไรขึ้นมา สงสัยอยู่ตลอดเวลาเรื่องความดีในตัวศาสนา อย่าไปสงสัยเลยของเหล่านี้ไม่ใช่คนอื่นกล่าว ไม่ใช่คนธรรมดากล่าวไว้ พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ ท่านไปนิพพานมาแล้ว พระอรหันต์ท่านทำตามพระพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์มานับไม่ถ้วน ครูบาอาจารย์ก็เหมือนกันได้ดีกันไปหมดแล้ว อริยวาท อริยวงศ์ อริยประเพณี พระพุทธเจ้าทำมาอย่างนี้ เป็นการกระทำเพื่อออกจากโลกนี้ ครูบาอาจารย์ว่า เสขะ อเสขะ อเสขะคือสิ้นกิจคือไม่มีอะไรทำอีก หลุดพ้นเป็นอริยเจ้า อริยเจ้าทั้งหลายท่านเสวยวิมุตติสุข อาจารย์ท่านสอนมาอย่างนั้น

    สายกลางทำได้ทุกคน ถ้าเป็นอาหารก็เด็กกินได้ผู้ใหญ่กินดี กินได้ทุกคน เราทั้งหลายอยากไปคิดว่ามันยากเกินไป ของเหล่านี้มันต้องยากหน่อยความดี อย่างพระพุทธเจ้าบอกไว้ว่า “คนดีทำดีได้ง่าย คนชั่วทำชั่วได้ง่าย พระอริยเจ้าทั้งหลายไม่ทำชั่วเลย

    โอวาทธรรมหลวงปู่อุดม ญาณรโต วัดป่าสถิตย์ธรรมวนาราม บ.หนองผักแว่น ต.ศรีชมภู อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  14. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…โทษภัยในวัฏสงสาร ตอน หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ระลึกชาติ…”

    สำหรับญาณการระลึกรู้อดีตชาติที่ศิษย์ ผู้ใกล้ชิดผู้ใฝ่ในการปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ได้เคยขอโอกาสกราบเรียนถาม หลวงปู่ชอบ ฐานสโม แล้วท่านก็ยอมเล่าให้ฟังบ้าง โดยท่านเล่าว่า ท่านไม่ได้ระลึกชาติได้มากมายอะไร เหมือนดังที่สมเด็จพระพุทธองค์ทรงระลึกได้อเนกชาติหาประมาณมิได้นั้น เพราะท่านทรงมหาสติ มหาปัญญา มหาบารมี สำหรับท่านนี้ เท่าที่ระลึกได้…

    ๑. ท่านไม่เคยเป็นกษัตริย์ มักจะเป็นแต่คนทุกข์ยากเสียมากกว่า เช่นเคยเกิดเป็นพ่อค้าขายผ้าชาติลาว ออกเดินทางมากับพ่อเชียงหมุน (อุปัฏฐากคนหนึ่งในชาตินี้) ข้ามแม่น้ำโขงมาฝั่งนี้ มาทานผ้าขาวหนึ่งวา และเงินเป็นมูลค่าประมาณเท่ากับ ๕๐ สตางค์ ในปัจจุบันนี้ บูชาถวายพระธาตุพนม พร้อมทั้งอธิษฐานขอให้ได้บวช ได้พ้นทุกข์ ท่านเล่าว่า ท่านเคยมาสร้างพระธาตุพนมด้วย สมัยพระมหากัสสปเถรเจ้า พระธาตุพนมนี้สร้างก่อนพระปฐมเจดีย์

    ๒. ท่านเคยเกิดเป็นคนยางอยู่ในป่า เคยเกิดเป็นทหารพม่า มารบกับไทย ยังไม่ทันฆ่าคนไทย ก็ตายเสียก่อน เคยเกิดอยู่เมืองปัน พม่า ชาตินี้ท่านก็ได้กลับไปดูบ้านเกิดในชาติก่อนที่เมืองปันด้วย

    ๓. ท่านเคยเป็นทหาร ไปหลบภัยที่ถ้ำกระ เชียงใหม่ และเคยตายเพราะอดข้าวที่นั่น

    ๔.ท่านเคยเป็นพระภิกษุ รักษาศีลอยู่กับพระอนุรุทธะ เคยเป็นสามเณรน้อยลูกศิษย์พระมหากัสสปะตอนมาสร้างพระธาตุพนม โดยท่านพระมหากัสสปะนำพระอุรังคธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาสร้างพระธาตุพนมเพื่อบรรจุไว้ให้คนได้กราบไว้บูชา

    ๕. ท่านเคยเกิดเป็นท้าวมหาพรหมในพรหมโลก

    สำหรับการเกิดเป็นสัตว์นั้น ท่านเล่าว่า ท่านก็ผ่านมาอย่างทุกข์ยากแสนเข็ญเช่นกัน เช่น …

    ๑. เคยเกิดเป็นผีเสื้อ ถูกค้างคาวไล่จับเอาไปกิน ที่ถ้ำผาดิน

    ๒. เคยเกิดเป็นฟาน หรือ เก้ง ไปแอบกินมะกอก กินไม่ทันอิ่มสมอยาก ถูกมนุษย์ไล่ยิง เขายิงที่โคกมน(วังสะพุง จ.เลย) ถูกที่ขา วิ่งหนีกระเซอะกระเซิงไปตายที่บ้านม่วง

    ๓. เคยเกิดเป็นหมี ไปกินแตงช้าง (แตงร้าน) ของชาวบ้าน ถูกเจ้าของเขาเอามีดไล่ฟัน ถูกหัวและหู เคราะห์ดีไม่ถึงตาย แต่ก็บาดเจ็บมาก ต้องทุกข์ทรมานจนกระทั่งหายไปเอง

    ๔. เคยเกิดเป็นไก่ มีความผูกพันรักชอบนางแม่ไก่สาว จึงอธิษฐานให้ได้พบกันอีก ทำให้กลับมาเกิดเป็นไก่ซ้ำถึง ๗ ชาติ

    ๕. เคยเกิดเป็นปลาขาว อยู่ในสระ ณ บริเวณซึ่งปัจจุบันคือ ที่สวนบ้าน พล.อ.อ. โพยม เย็นสุดใจ

    ท่านเล่าชีวิตของการเป็นสัตว์นั้นแสนลำเค็ญ อดอยากปากแห้ง มีความรู้สึกร้อน หนาว หิว กระหาย เหมือนมนุษย์ แต่ก็บอกไม่ได้ พูดไม่ได้ ต้องซอกซอนไปอยู่ตามป่า ตามเขา ตามประสาสัตว์ ฝนตกก็เปียก ก็หนาวสั่น แดดออกก็ร้อน ก็ไหม้เกรียม อาศัยถ้ำ อาศัยร่มไม้ไปตามเพลง บางทีมาอยู่ใกล้หมู่บ้านหิว กระหาย เห็นพืชผลที่ควรกินชีวิตได้ พอจะหยิบฉวยจับใส่ปากใส่ท้องได้บ้าง ก็กลับกลายเป็นของที่เขาหวงห้ามมีเจ้าของ ต้องถูกเขาขับไสไล่ทำร้าย มะกอกสักหน่วย กล้วยสักลูกส้มสุกลูกไม้ แตงสักผล… หยิบปลิดมาใส่ปาก กินยังไม่ทันอิ่มท้อง มนุษย์ก็ไล่ยิง ไล่ฟัน ของเพียงน้อยนิด แต่ต้องแลกด้วยชีวิตทั้งชีวิต ชีวิต…ซึ่งจะเป็นชีวิตของคน หรือชีวิตของสัตว์… ของสัตว์ใหญ่ หรือ … ของสัตว์เล็ก ก็คือ ชีวิตดวงหนึ่งเหมือนกัน ชีวิตที่เวียนว่ายวนอยู่ในกองทุกข์ ตามอำนาจกรรมที่กระทำมานี้ แต่บางทีภพชาตินั้นก็ยืดยาวต่อไปด้วยอำนาจกิเลสตัณหา ยกตัวอย่างเช่น ตอนท่านเกิดเป็นไก่ ใจนึกปฏิพัทธ์รักใคร่นางแม่ไก่ ชื่นชอบภพชาติที่เป็นไก่ของตน ปรารถนาขอให้ได้พบนางแม่ไก่อีก ท่านก็ต้องวนเวียนกลับมาเกิดเป็นไก่อยู่เช่นนั้น

    ท่านเล่าว่า แม้ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เอง เมื่อท่านระลึกชาติได้เห็นภพชาติที่เวียนวนกลับไปเกิดเป็นสุนัขถึงหมื่นชาติ ท่านบังเกิดความสังเวชถึงกับขออธิษฐาน เลิกปรารถนาพุทธภูมิ เพราะการจะบำเพ็ญบารมีเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งในอนาคตนั้น ท่านจะต้องบำเพ็ญต่อไปอีกเป็นแสนกัปแสนกัลป์ และหากเกิดกิเลสตัณหา ติดข้อง ผูกพันรักใคร่ปรารถนาพบรัก พบทุกข์อยู่นั่นแล้ว การเดินทางในภพชาติก็จะยืดเยื้อเยิ่นยาวต่อไปเป็นอนันตกาล เคราะห์ดีที่ท่านเกิดสลดสังเวชคิดได้ ขอตัดขาด ไม่ปรารถนาพุทธภูมิ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จึงสามารถดำเนินความเพียรเร่งรัดตัดตรงเข้าสู่พระนิพพานเป็นผลสำเร็จได้

    พร้อมกับที่เล่าให้ศิษย์ฟังเรื่องการระลึกชาติ ท่านจะชี้ภัยของการท่องเที่ยว เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไปในภพชาติต่าง ๆ ให้ฟังเสมอ ท่านเตือนย้ำว่า การกำหนดระลึกรู้ได้เหล่านี้ เป็นเพียง ผลพลอยได้ จากการบำเพ็ญเพียรภาวนาให้จิตสงบ หากเกิดขึ้นก็รับรู้ นำมาพิจารณาให้เห็นทุกข์ เห็นโทษ เห็นไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เห็นอริยสัจ ๔ ถือเป็นเครื่องมือที่จะช่วยเจ้าของฟาดฟันกิเลสให้ย่อยยับอปราไปโดยเร็ว ไม่ใช่ มัวนึกหลง นึกดีใจ เกิดมานะ ว่าเราเก่งกล้าสามารถกว่าคนอื่น นั่นเป็นทางหายนะ….! เพราะปุพเพนิวาสานุสติญาณ เป็นเพียงโลกิยญาณ ไม่ใช่โลกุตรญาณ…! ถ้าเจ้าของไม่เร่งดำเนินเข้าสู่ทางไปสู่อาสวักขยญาณ หรือญาณซึ่งถอดถอนอาสวกิเลสให้สิ้นไปดับไป แม้ญาณระลึกรู้อดีตชาติ ซึ่งเป็นโลกิยญาณก็ย่อมจะเสื่อมได้

    ที่มา :: หลวงปู่ชอบ ฐานสโม โครงการหนังสือบูรพาจารย์เล่ม ๙ รศ.ดร.ปฐม – ภัทรา นิคมานนท์ เรียบเรียง เผยแพร่โดยได้รับอนุญาต

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ทุกๆท่าน

    -ตอน-หล.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  15. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  16. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    บุญที่ให้ผลในชาติปัจจุบัน….

    ..วันนี้อาตมาจะเทศน์ เรื่อง “บุญที่ให้ผลในชาติปัจจุบัน” คำว่าบุญ แปลแบบไทยๆ ว่าความดี ความสะอาดแห่งจิต เวลาให้ของแก่พระสงฆ์เรียกว่าทำบุญ ส่วนการทำบุญในพุทธศาสนาเรียกว่าทำบุญ ส่วนการทำบุญในพุทธศาสนามีอยู่ด้วยกันมากมายหลายวิธี แต่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในธรรมะเรียกว่า บุญกริยาวัตถุ 3 ซึ่งประกอบด้วย ทาน ศีล ภาวนา เคยมีคนถามอาตมาว่าเกิดมาเป็นคนยากจนไร้ทรัพย์จะทำบุญอย่างไร

    อาตมา ก็ตอบเขาไปว่าการทำบุญ ไม่จำเป็นต้องมีทรัพย์สินเงินทอง ก็สามารถที่จะร่วมทำบุญได้ แถมยังประหยัดอีกด้วยนั่นคือ การรักษาศีลและการเจริญภาวนา ซึ่ง 2 อย่างนี้จะได้อานิสงส์ผลบุญมากกว่าการให้ทานเสียอีก เพียงแต่ญาติโยมมองข้ามกันไป โยมมักจะคิดทำบุญแต่การให้เท่านั้นเพราะว่ามันง่ายดี แต่การรักษาศีลและภาวนา ต้องเสียสละเวลาในการปฏิบัติ จึงรู้สึกว่าทำยากกว่า การทำบุญทุกอย่าง โยมต้องเข้าใจด้วยว่า เพียงแต่เราตั้งใจหรือมีเจตนาที่จะทำบุญเท่านั้น โยมก็ได้กุศลแล้ว แต่บุญที่ได้รับยังเป็นส่วนน้อย ถ้าอยากได้บุญเต็มที่ต้องทำบุญให้ครบ 3 อย่าง..

    ..ทาน คือ การให้ ถ้ามีเงินทองมากก็ทำมาก มีเงินน้อยก็ทำน้อยตามกำลังตนถ้าไม่มีเงินทองใช้แรงกายก็ให้เป็นทานได้

    ..ศีล พวกท่านทั้งหลายสังเกตหรือไม่ว่า เวลาที่ญาติโยมจะมาทำบุญ ทำไมพระท่านถึงให้พวกญาติโยมรับศีลก่อน เพราะท่านต้องการที่จะทำให้ผู้ให้มีจิตใจที่บริสุทธิ์ เมื่อทำบุญขณะนั้นก็จะได้รับผลเต็มกำลัง จริงอยู่ที่บางคนไม่อาจถือศีลได้ตลอดเวลา อาจเป็นเพราะหน้าที่การงาน ทำให้ต้องผิดศีล แต่เราก็สามารถที่จะถือศีลได้ในขณะที่เรานอนในเวลากลางคืน และถือได้ครบทั้ง 5 ข้อด้วย เพียงแต่เราอาราธนารับศีลทั้ง 5 ด้วยตนเองที่หน้าพระพุทธรูปที่บ้าน ซึ่งถือว่าเป็นการทำบุญที่ง่ายมากได้รับผลเต็มกำลัง ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ จิตใจเต็มไปด้วยความเมตตากรุณา แต่ถ้าเกิดเราต้องตายในขณะนั้นก็ส่งผลให้เราไปสู่สุคติทันที

    ..ภาวนา หรือ การสวดมนต์ คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจกันว่า การภาวนาสวดมนต์มีประโยชน์น้อย และเสียเวลามาก แต่ความจริงแล้วการสวดมนต์ภาวนา มีประโยชน์อย่างมากมาย เพราะการสวดมนต์ภาวนา เป็นการกล่าวถึงคุณงามความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ การสวดมนต์ภาวนาด้วยความตั้งใจจนจิตเป็นสมาธิ และใช้สติพิจารณาเกิดเป็นปัญญา เป็นความรู้ความเข้าใจ ประโยชน์สูงสุดของการสวดมนต์ภาวนา ทำให้บรรลุไปสู่พระนิพพาน

    “ หัวใจของการทำบุญทุกครั้ง ” ขอให้ญาติโยมจงแผ่เมตตา และอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลทุกครั้งตามนี้

    “ข้าพเจ้า ขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ไปให้ทุกรูปทุกนามทั้ง 20 ชั้น พรหมโลก 6 ชั้นเทวะโลก มนุษย์โลก มารโลก ยมโลก อบายภูมิทั้ง 4 มี นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน และในหมื่นโลกธาตุกับอีกแสนจักรวาลพิภพ ทั้งที่เป็นมนุษย์ อมนุษย์ รูปวิญญาณ อรูปวิญญาณและสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งที่เป็นมิตรและศัตรู ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า ขอให้ทุกรูปทุกนาม จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย ขอให้ทุกรูปทุกนาม จงโมทนาในส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ความสุขเช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดนี้ด้วยเทอญ” บุญที่ทำไปจะส่งผลให้ได้รับบุญในชาติปัจจุบันทันที ไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้ากันหรอกนะจ๊ะ …ขอเจริญพร

    จากหนังสืออมตะธรรม สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  17. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  18. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  19. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  20. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...