ธรรมะ จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย สายหลวงปู่มั่น, 4 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…อันนี้ยอมสารภาพนะ หลวงตานี้อำนาจวาสนาน้อยไม่มีวัตถุมงคลแหละ ต้องการตั้งแต่หัวใจเป็นมงคลอย่างเดียว วัตถุเป็นมงคลนี้หลวงตาไม่สนใจ พระพุทธเจ้าก็ไม่พาสนใจกับวัตถุมงคลยิ่งกว่าหัวใจเป็นมงคล เอาเท่านั้นเข้าใจหรือยัง หัวใจเป็นมงคลนั้นขลังมากนะ วัตถุเป็นมงคลนี้ทำคนให้ทะนง ลืมเนื้อลืมตัว มีพระห้อยคอไปนี้ก็เลยนึกว่าตัวมีพุทโธแล้ว มีพระขลัง ๆ แล้ว มันสำคัญไปอย่างนั้น…”

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เทศน์อบรม-ให้สัมภาษณ์หนังสือนิตยสาร “ดิฉัน” (โดย คุณหญิงทิพยวดี ปราโมช ณ อยุธยา) ที่กุฏิองค์หลวงตา ณ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
    เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๑ (เย็น)

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ทุกๆท่าน

    -หลวง.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  2. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…ถ้าใจพอเสียอย่างเดียวอะไรพอหมด ถ้าใจหิวเสียอย่างเดียวอะไรก็ไม่พอ เอาตรงนี้นะ เพราะฉะนั้นความทุกข์ ความสุขจึงมาอยู่ที่ใจ

    ทุกข์มากที่สุดก็คือความอยากความทะเยอทะยานมากที่สุดมีมากเท่าไรนั่นละคนทุกข์มาก เพราะเหตุใดคือเครื่องเสริมไฟ ไสเชื้อไฟเข้าไปลุกโพลง ๆ ได้เท่าไรยิ่งเป็นบ้า…”

    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  3. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    โอกาสที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนานั้นแสนยาก

    “…พระพุทธเจ้าท่านทรงรู้แจ้งว่า โลกนี้จะพ้นโง่มันก็ยาก การที่จะได้เกิดเป็นคนนี่ยากที่สุด แล้วเป็นคนจะเอาคนชนิดไหน คนมีบุญ คนลำบาก คนพิการง่อยเปลี้ย จะหาคนสบายมีกี่คน ถ้าเทียบจำนวนทั้งหมด อย่างเดียรัจฉานนี่มันกินกันเอง กัดกันเอง คนบ้าฆ่ากันเอง

    กระดูกของแต่ละคนนี้ ท่านว่า กองเท่าภูเขา น้ำตาและเลือดของแต่ละชีวิต ที่ผ่านมามีมากกว่าน้ำในมหาสมุทร ! ดูซิ มันยาวนานแค่ไหน การจะเกิดเป็นคนนั้นมันยากมาก ยาก ! อย่างที่ท่านเปรียบว่า

    “เต่าตาบอด” มันจะว่ายน้ำเข้าฝั่ง แต่ทะเลมีตาข่ายกั้นอยู่ และมีรู เท่าตัวเต่าอยู่รูเดียว ถ้าหัวไปโดนตาข่าย มันจะจมลงไปอีก ๑๐๐ ปี จึงจะได้โผล่มาใหม่ คือ จะลอดได้ มันต้องฟลุ๊คที่สุด แต่อย่างนั้น โอกาสก็ยังง่ายกว่าโอกาสจะได้เกิดมาเป็นคน และเป็นคนอยู่ในพระพุทธศาสนามันยาก ไม่พ้นวัฏสงสารไปได้…”

    หลวงปู่บุญฤทธิ์ บัณฑิโต

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  4. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    นี่มาเมากับครูบาอาจารย์
    ตัวครูตัวอาจารย์นั้น ดีก็ดีของท่าน
    ตัวเราดีด้วยไหม
    ต้องประพฤติ ปฏิบัติให้มีดีขึ้นบ้าง
    จึงว่าเป็นศิษย์มีครูแต่มิใช่จะให้เมาในตัวครู
    …………………………………..
    มหาปุญฺโญวาท
    หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ
    ……………………………………
    น้อมรำลึก ๑๐๘ ปี ชาตกาล
    หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ
    ๑๙ พฤษภาคม ๒๔๕๓ – ๒๕๖๑

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  5. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  6. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    1f340.png เราสามารถที่จะสร้างพลัง
    ซึ่งเกิดจากส่วนผสมของธาตุ ๔ ดิน นํ้า ไฟ ลม
    ให้เกิดมีพลังมหาศาล ขึ้นมาได้
    เรียกว่า พลังพุทธะ

    1f340.png พลังพุทธะ นี้ก็หมายถึง
    สภาวะจิตของเรามีสมรรถภาพ
    มีความเข้มแข็ง เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  7. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    1f340.png มีโยมคนหนึ่งเสียใจ ลูกไปเรียนหมออยู่ต่างประเทศ
    เรียนที่หนึ่งมาตลอด กลับมาแล้วก็มาบวชพระพรรษาหนึ่ง
    ก่อนที่จะเริ่มทำงาน บวชอยู่ที่วัดป่า บวชแล้วไม่ยอมสึก

    1f340.png โยมแม่เสียใจมาก เสียใจว่าได้จบจากต่างประเทศ
    อนาคตทางโลกคงสดใส

    1f340.png แต่อาตมาเห็นว่า
    การเรียนหนังสือของลูก ได้บรรลุถึงเป้าหมายแล้ว

    1f340.png เพราะทำให้เขามีสติปัญญา
    พอที่จะบวชในพระพุทธศาสนา
    และเห็นคุณค่าอันเลิศล้ำของชีวิตพรหมจรรย์

    พระอาจารย์ชยสาโร

    -ลูกไ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  8. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  9. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “..เมื่อฟันยังไม่ถึงแก่นจะเห็นแก่นอย่างไรได้ เมื่อฟันเมื่อเลื่อยยังไม่ขาด จะสมมุติว่าขาดอย่างไรได้ เมื่องานยังไม่เสร็จ จะสมมุติว่าเสร็จอย่างไรได้ จะหลับหูหลับตาโกหกตน ก็ไม่พ้นพิษอันเดือดร้อนอีกละ เพราะความลับไม่มีในตน อัชฌัตตาโลก ปัจจุบันโลก ปัจจุบันสังขารก็ว่า ปัจจุบันกิเลสก็ว่า เพราะกิเลสมีทั้งปัจจุบันกิเลส อดีตกิเลส อนาคตกิเลส…”

    หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต วัดบรรพตคีรี(ภูจ้อก้อ)

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  10. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    คู่บารมี (โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

    ไม่มีอะไรจะเจ็บแสบยิ่งกว่าเรื่องของสามีภรรยา ที่มีความรักกันมากที่สุดในโลกนี้ก็คือสามีภรรยา รักสงวนกันมาก จดจ้องกันมาก ระเวียงระวังกันมาก ถ้าต่างคนต่างไม่มีธรรมด้วยแล้ว ก็เหมือนเอาไฟมาเผากันทั้งวันทั้งคืนอยู่ด้วยกันไม่เป็นสุข แม้จะเป็นเศรษฐีก็เป็นเศรษฐีไฟด้วย เผาหัวอกด้วยกันนั้นแหละ ถ้ามีธรรมในใจแล้วอยู่ไหนก็สบาย สามีก็ตายใจ เชื่อตัวเองได้ว่าเรามีภรรยาแล้ว ภรรยาของเราคนนี้เป็นเครื่องวัดชีวิตจิตใจของเราให้เป็นให้ตายไปด้วยกัน ไม่ยินดีกับหญิงอื่นหญิงใดทั้งนั้นแหละ นอกจากภรรยาของเราคนนี้เป็นผู้ฝากเป็นฝากตาย มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน พึ่งเป็นพึ่งตายกันได้ นี้แลเรียกว่าสร้างหอวิมานในครอบครัวของตน

    ระหว่างสามีภรรยามีความจงรักภักดีต่อกันอย่างนี้ เรียกว่าสร้างหอวิมานขึ้นมา ความสุขในมนุษย์ก็อยู่ในจุดนี้แล อะไรที่มีมาบ้างได้เสียไปบ้างนั้นเป็นธรรมดาของโลกทั่วๆ ไป แต่ความจงรักภักดี ความซื่อสัตย์สุจริตต่อกันระหว่างสามีภรรยานี้ ให้มีความแน่นแฟ้นแก่นแห่งความรักความตายใจซึ่งกันและกันแล้ว นี้คือบ่อแห่งความสุข สมบัติใดๆ สู้ไม่ได้ นี้เป็นสมบัติทิพย์อยู่ภายในจิตใจ เมียก็ตายใจว่าผัวของเรานี้เป็นที่ตายใจได้แล้ว สามีก็ตายใจ ภรรยาก็ตายใจ ต่างคนต่างตายใจ วางใจกันได้ นี้ละบ่อแห่งความสุขอยู่จุดนี้

    เราอย่าไปหวังเอาเงินเอาทองมาเป็นเศรษฐี โดยไม่คำนึงถึงความสำคัญที่อยู่ในคู่ครองทั้งสองนี้ ให้ปฏิบัติต่อกันด้วยดี เราจะมีความสุขความสบาย ตายลงไปแล้วก็มีความปรารถนาอยากจะพบกันในภพชาติต่อไปก็สมหวัง ถ้าทำความชั่วช้าลามก มีขัดมีแย้งกันเรื่องกิเลสกาม ความได้ไม่พอๆ ความโลภไม่พอนี้แล้ว ปรารถนาจะเป็นผัวเป็นเมียกัน ก็เหมือนกับเอาฟืนเอาไฟมาเผากันนั่นแหละ ผู้ดีก็ไปทางดีเสีย เมียเป็นคนดีตายแล้วเมียก็ไปทางดีเสีย ผัวเป็นคนชั่วตายแล้วก็จมไปทางชั่วเสีย ถ้าเมียไม่ดีเมียก็ไปทางชั่ว ผัวไม่ดีผัวก็ไปทางชั่วได้ ใครดีใครก็ไปทางดีด้วยกัน

    เมื่อดีทั้งสองแล้ว มีความปรารถนาต่อกัน อยากเป็นสามีภรรยาคู่พึ่งเป็นพึ่งตายคู่บารมีกันในวาระต่อไปก็เป็นได้อย่างสมหวัง เพราะอำนาจแห่งบุญแห่งกุศลกลมกลืนกัน ไม่ปีนเกลียวกัน เมียชั่วผัวดีอย่างนี้ไม่ถูก ผัวก็ดี เมียก็ดี อย่าขัดอย่าแย้ง เวลาจะทำบุญให้ทาน อย่าต่อล้อต่อเถียงกัน ขัดแย้งกัน ผัวอยากให้ เมียไม่อยากให้ ก็ทะเลาะกันเสีย บุญกุศลควรที่จะได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ก็ขาดบาทขาดตาเต็งลงไป ยิ่งไม่ให้เสียก็เลยไม่ได้ให้จริงๆ ขาดไปหมดด้วย นี่ขาดทุนสูญดอก อย่าขัดอย่าแย้งกัน การทำบุญให้ทานนี้เป็นสิ่งที่ชอบธรรมอย่างยิ่งแล้ว เรามีสมบัติมาพอได้ทำบุญให้ทาน ก็เป็นบุญของเรา อย่าขัดอย่าแย้งกัน ให้ได้บุญด้วยกัน ผัวทำก็ได้บุญทั้งผัวทั้งเมีย เมียทำก็ได้ถึงกัน เพราะใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีความยินดีด้วยกัน ปรารถนาจะเป็นคู่ครองกันในกาลต่อไปก็เป็นได้อย่างสมมักสมหมาย เพราะความดีเสมอกัน

    ให้ท่านทั้งหลายจำเอาไว้ ถ้าผัวเป็นยักษ์ เมียเป็นผี ก็ไปเป็นคู่บารมีกันในแดนนรกไม่เคยมี ธรรมพระพุทธเจ้าไม่เคยสอนไว้ ต้องเป็นคนดี เห็นกันแล้วหากเป็นไปเอง ถ้าต่างคนต่างเป็นคนดี ท่านแสดงไว้ในธรรมว่า ปุพเพนิวาสชาติปางก่อนเคยได้สร้างสมอบรมอะไรต่อกันไว้ ในเวลาที่เป็นผัวเป็นเมียกัน ในภพชาติต่อไปบุญบารมีอันนี้ก็จะกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เมื่อพบกันเจอกันแล้วไม่ต้องบอก มันก็รู้กันเองภายในจิตใจที่เคยกันอยู่แล้ว มันหากเป็นผัวเป็นเมีย เป็นคู่บารมีและสร้างคุณงามความดีไปด้วยกัน เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ต่างคนก็ต่างถึงความหลุดพ้นจากทุกข์ไปได้นั่นแหละ

    ยกตัวอย่างเช่น พระพุทธเจ้าของเรากับพระนางพิมพา พระนางพิมพากับพระพุทธเจ้านี้เป็นเนื้ออันเดียวกันเลย ทุกๆ อย่างความรู้ความเห็นความเป็น ความประพฤติทุกอย่างเป็นแบบเดียวกันหมด ไม่มีใครขัดแย้งปีนเกลียวซึ่งกันและกันเลย ท่านสร้างบารมีมาด้วยกันตั้งแต่เริ่มต้นมา พระพุทธเจ้าของเราก็ทรงปรารถนาเป็นโพธิสัตว์สร้างบารมีเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า พระนางพิมพาผู้เป็นภรรยาก็ปรารถนาเป็นเหมือนเงาเทียมตัวพระโพธิสัตว์ ต่างคนต่างสร้างความดีมาด้วยกัน หนักเบาขนาดไหนก็สร้างมาด้วยกัน ไม่ปีนเกลียวกันจนกระทั่งถึงวาระสุดท้าย ภพใดชาติใดท่านก็เป็นคู่บารมีกันมาโดยลำดับลำดา ไม่พลัดไม่พรากไม่จากซึ่งกันและกันไปเลย ไม่ว่าภพใดชาติใด เพราะความดีกลมกลืนเป็นอันเดียวกัน ให้มีความระลึกรู้ ให้มีความดูดดื่มต่อกันอยู่เสมอไปในทุกภพทุกชาติ ท่านจึงได้เป็นคู่ครองของกันและกัน เป็นคู่บารมีกันมาโดยลำดับ

    จนกระทั่งวาระสุดท้าย วาระสุดท้ายนั้นพระพุทธเจ้าของเรานี้ตอนท่านบารมีแก่กล้าแล้ว ท่านจะเสด็จออกทรงผนวชเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า ท่านก็ได้เสด็จออกทรงผนวช เมื่อเสด็จออกทรงผนวช พระนางพิมพาก็เป็นเหมือนกับหัวอกจะแตก แต่ก็ทราบเจตนาของพระบรมโพธิสัตว์หรือสิทธัตถราชกุมารได้ดีก็ทนเอา อดเอา ทนเอา เมื่อพระสิทธัตถราชกุมารสละออกไปทรงผนวชบวชเป็นฤาษีดาบส ประพฤติพรตพรหมจรรย์อยู่ในป่าในเขานั้น พระนางทราบว่าพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่ทิศใดแดนใด ต้องกราบไหว้ไปถึงแดนที่พระสิทธัตถราชกุมารอยู่นั้นๆ ร่ำไปเรื่อยไปอย่างนี้ ไม่เคยประมาทแต่อย่างใดเลย กราบไหว้ไปตามทิศทางที่สิทธัตถราชกุมารไปบวชเป็นฤาษีดาบสอยู่นั้น

    จนกระทั่งพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ขึ้นมาจากการบำเพ็ญเป็นเวลา ๖ พรรษา ได้เป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมาแล้ว ทีนี้ถึงเวลาแล้วที่จะรื้อขนกันให้หลุดพ้นจากทุกข์โดยสิ้นเชิง ถึงกาลเวลาอันสมควร ก็พอดีพระราชบิดาคือพระเจ้าสุทโธทนะทูลอาราธนาพระองค์ไปเสวยพระกระยาหารที่พระราชวัง พระองค์ก็เสด็จไปพร้อมกับพระตั้ง ๒๐,๐๐๐ องค์นู่น ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ พอไปเสวยพระกระยาหารที่พระราชวังของสมเด็จพระราชบิดาเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระราชบิดาก็ทรงปรารภความดีงามของพระนางพิมพา ให้พระพุทธเจ้าทรงสดับว่า พิมพานี้เป็นคนที่ดีมากทีเดียว หาไม่ได้แล้วเหมือนกับพิมพา

    ตั้งแต่วันสิทธัตถราชกุมารเสด็จทรงผนวชจนได้เป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมานี้ พระนางพิมพามีความระลึกกราบไหว้บูชาถึงบุญถึงคุณตลอดเวลา ไม่เคยประมาทแต่อย่างใดเลย เวลานี้ก็เป็นกาลอันควรที่พระองค์เสด็จมาสู่สถานที่นี่แล้ว ควรจะไปสงเคราะห์พระนางพิมพา ซึ่งเป็นบุคคลที่ดีมากหายากที่จะมีได้นั้นก็จะเป็นการดีมาก คือทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้เสด็จไปโปรดพระนางพิมพา ความจริงพระองค์ทรงพินิจพิจารณาทรงดำริไว้โดยเรียบร้อยแล้ว เป็นแต่เพียงว่าไม่ลั่นพระวาจาออกมาเท่านั้นแหละว่าจะไปเยี่ยมพระนางพิมพาคู่บารมีกัน

    ทีนี้พอพระราชบิดาทรงอาราธนาอย่างนั้นแล้ว พระองค์ก็ลงพระทัยอยู่แต่ก่อนนั้นแล้ว พอดีได้สักขีพยานก็รับสั่งว่าจะไปเยี่ยมพระนางพิมพา ก่อนที่จะไปก็รับสั่งให้พระสงฆ์จำนวนมากนั้นให้กลับไปวัดให้หมด ยังเหลือแต่พระสารีบุตรกับพระโมคคัลลาน์ ให้ติดตามเราตถาคตไปเยี่ยมพิมพาในคราวนี้ โดยที่พระเจ้าสุทโธทนะจะเสด็จไปด้วยหรือไม่เสด็จตอนนี้ เราก็ชักหลงลืมไป จำได้ถนัดชัดเจนก็คือพระพุทธเจ้าของเรา หลังจากเสวยพระกระยาหารที่พระราชวังของพระราชบิดาแล้ว ก็พาพระสารีบุตรโมคคัลลาน์ไปเยี่ยมพระนางพิมพาที่พระตำหนัก ถึงพระตำหนักเลย

    พอไปถึงก็มีคนเข้าไปกราบทูลว่า สิทธัตถราชกุมารเสด็จมาถึงพระตำหนักแล้วเวลานี้ ประทับอยู่ข้างนอก ภาษาของเราเรียกว่าที่รับแขก พอพระนางได้ทราบเท่านั้นแล้ว ลืมเนื้อลืมตัวไปหมด นี่เพราะอำนาจวาสนาบารมีของพระองค์ทั้งสองที่กลมกลืนกันมาตั้งนานแสนนาน ด้วยการสร้างบารมีด้วยกันมาเป็นลำดับลำดา พอได้ทราบว่าพระพุทธเจ้าของเราเสด็จไปประทับที่หน้าพระตำหนักเท่านั้น เสด็จออกมาเลยทันที พอออกมาเห็นพระพุทธเจ้าเพียงเท่านั้น ไม่ได้คิดถึงเลยว่านี่ท่านเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่มีในเวลานั้นนะ จะคิดเห็นตั้งแต่คู่พึ่งเป็นพึ่งตาย คู่บารมีของเรามาถึงแล้วโดยถ่ายเดียวเท่านั้น

    เพราะฉะนั้นจึงไม่สนพระทัยในเรื่องว่าพระพุทธเจ้าเป็นพระหรือเป็นอะไร ไม่สนใจ พอเข้าไปก็เข้ากอดเลยทันที ก่อนที่จะเสด็จไป พระองค์ก็ทรงทราบไว้ล่วงหน้าแล้วว่า เวลาเราเข้าไปถึงพระนางพิมพานี้แล้ว รับสั่งให้พระสารีบุตร โมคคัลลาน์ได้ทราบไว้ล่วงหน้าว่า เมื่อเราไปถึงที่นั่นแล้ว หากพระนางพิมพาจะมาทำอะไรๆ กับเรา อย่าได้สนใจ ถ้าภาษาของเราก็เรียกว่า ทำประหนึ่งว่าหูหนวกตาบอดไปเลย ไม่ดู ไม่รู้ไม่เห็น ไม่สนใจ พระนางจะทำพระพุทธเจ้าแบบไหนก็ไม่ให้มีการคัดค้านต้านทาน

    เพราะพระนางมีพระบารมีเต็มที่แล้ว จะหลุดพ้นจากทุกข์ในชาตินี้โดยถ่ายเดียวเท่านั้น หากได้รับการคัดค้านต้านทานหรือกีดขวางประการใด นางจะเสียพระทัย สลบไสลลงไป ดีไม่ดีอาจไม่ฟื้นแล้วตายเสีย มรรคผลนิพพานก็จะขาดสะบั้นไปในเวลานั้นด้วยกัน พระองค์จึงรับสั่งไว้อย่างนั้น พอไปถึงที่แล้ว พระนางเข้ามาก็ปรี่เข้ามาแล้วกอดพันพระพุทธเจ้าเลย พระสารีบุตร โมคคัลลาน์ ก็หูหนวกตาบอดอย่างที่ว่า เฉยไม่สนใจ พระนางมากอดมารัดทุกแบบทุกฉบับ พระองค์เองก็เฉยไม่สนใจ ไม่สนพระทัย เพราะจะมีการขัดแย้งหรือห้ามบ้างก็เพียงเล็กน้อย พระนางจะเสียพระทัยมาก ดีไม่ดีถึงขั้นสลบและตายไปเลย แล้วขาดมรรคผลอันยิ่งใหญ่นั้นไปเสีย พระองค์ก็ทรงนิ่งเฉย แล้วคอยแนะไปเรื่อย แนะนำสั่งสอน

    กาลนี้เป็นกาลอันควรแล้ว ตั้งแต่ก่อนเราได้สร้างบารมีมาด้วยกัน เหมือนอวัยวะเดียวกัน ไม่มีขัดมีแย้งกันตลอดมาตั้งแต่เริ่มสร้างบารมีมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ บัดนี้เราได้เป็นพระพุทธเจ้าสมความมุ่งหมายตามความปรารถนาที่ได้ตั้งไว้เรียบร้อยแล้ว จึงได้เข้ามาหาพระนางซึ่งเป็นผู้มีบุญมีคุณต่อกันมาตลอดสาย จึงได้มาหาที่นี่ ต่อไปนี้ก็เป็นกาลอันควรแล้วที่พระนาง จะได้บำเพ็ญคุณงามความดีให้ได้หลุดพ้นไปตามเราตถาคตซึ่งเป็นคู่บารมี พระนางทั้งๆ ที่กอดรัดอยู่นั้น โดยไม่มีใครคัดค้านต้านทานก็ค่อยถอยห่างออกไป ทีแรกกอดรัดอยู่อย่างนั้นตลอด แล้วก็ค่อยถอยห่างออกไป

    พระองค์ก็ทรงพิจารณาด้วยพระญาณตลอดเวลาในพระทัยของพระนางพิมพา แล้วทรงโปรดเมตตาสอนเป็นวรรคเป็นตอนไปโดยลำดับ พระนางค่อยรู้เนื้อรู้ตัวแล้วค่อยถอยห่างออกไปๆ เอง โดยไม่มีใครห้ามปรามอะไรแหละ ไม่มีใครผลักดันอะไร พระนางก็ถอยห่างไป พอได้รับโอวาทจากพระพุทธเจ้าโดยลำดับลำดาแล้ว รู้เนื้อรู้ตัวขึ้นมา จนกระทั่งถึงขั้นได้รับความเป็นพระโสดาขึ้นมา ทีนี้เป็นความสวยงามเรียบร้อยทุกอย่างแล้ว เป็นบุคคลธรรมดาปรกติดีงามแล้ว พระพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้า พระนางพิมพาเป็นพระนางพิมพาแล้ว ต่างท่านก็ต่างเรียกว่ารู้จักอับจักอาย ถอยห่างออกไป ตั้งใจฟังอรรถฟังธรรม จากนั้นมาก็ได้ฟังพระโอวาทของพระพุทธเจ้าหลายครั้งหลายหน จนสำเร็จขึ้นเป็นลำดับลำดา สุดท้ายก็เสด็จออกบวชเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา ได้ถึงขั้นปรินิพพานเหมือนพระพุทธเจ้า

    นี่เพราะอำนาจแห่งความดีทั้งหลาย ที่ได้สร้างมาเป็นลำดับลำดา ไม่ปีนเกลียวซึ่งกันและกัน ผลแห่งความดีทั้งหลายจึงกลมกลืน ถึงขั้นแห่งความหลุดพ้นจากทุกข์ ตามเสด็จพระพุทธเจ้าทันท่วงที อันนี้แหละคือความดี อยู่ด้วยกัน เราไม่ได้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ตาม เราปรารถนากับครอบครัวของเรา คู่ผัวคู่เมียของเรา คู่บารมีของเราให้ต่างคนต่างมีความจงรักภักดีต่อกัน อย่ามีความปีนเกลียว อย่าเป็นคนมักมากโลเลในกามกิเลสได้ไม่พอ กินไม่พอ ให้มีความพอดิบพอดีกับความมีอยู่ของตน เมียก็มีผัวแล้ว ผัวก็มีเมียแล้ว นี่พอดีเต็มสัดเต็มส่วนแล้ว

    ท่านผู้ทรงคุณความดีทั้งหลาย ท่านมีความพอดีกับคู่ครองของตน ภรรยาก็ไม่ใฝ่หาสามีใดอีกแล้ว สามีก็ไม่ใฝ่หาภรรยาผู้ใดแล้ว นอกจากผัวเมียอันเดียวกันนี้เท่านั้นพอแล้วๆ ท่านเรียกว่าอัปปิจฉตา เป็นผู้มีความปรารถนาน้อย คือผัวเดียวเมียเดียวเท่านี้พอแล้ว นี่จะสร้างความร่มเย็นเป็นสมบัติทิพย์ขึ้นมาให้เสวย ตั้งแต่ได้เป็นคู่ครองของกันและกัน จนกระทั่งตายไปจากกัน ก็ไม่มีพลัดพรากกันไปได้ตามความมุ่งหมายในสายธรรมที่ถูกต้องดีงาม ที่บำเพ็ญต่อกันมาด้วยความสุจริตนี้เป็นอย่างนั้น

    เราทั้งหลายก็ให้ตั้งใจปฏิบัติ เราเดินทางสายเดียวกันนั่นละ มีผัวมีเมียมาด้วยกัน ให้มีความรักความสนิท ความจงรักภักดีต่อกัน มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน เอาธรรมเข้าเป็นเครื่องบังคับเสมอ ถ้าเรื่องกิเลสแล้วจะไม่พอ ไม่มีอะไรพอกับกิเลส มีความหิวโหยตลอดเวลา ถ้าปล่อยให้เป็นไปตามกิเลสแล้วหมาสู้ไม่ได้ หมามีกี่ตัว ผัวของเขามีกี่ตัว เมียของเขามีกี่ตัว ไอ้เมียของคนลามก ผัวของคนลามก มีมากกว่าหมาเสียอีก แล้วเลวกว่าหมาเสียอีก อย่านำเข้ามาใกล้ชิดติดพันกับเรา เราเป็นคน เขาเป็นหมา คนเป็นคนจึงต้องมีศีลมีธรรม รู้จักดีจักชั่ว รู้จักความพอดิบพอดี แล้วปฏิบัติตนไปจะมีความสงบร่มเย็นราบรื่นดีงามตลอดไป ให้พากันจำเอาไว้นะบรรดาพี่น้องทั้งหลาย

    -โดยหลวงตามหาบั.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  11. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  12. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  13. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ผู้ให้ทาน ด้วยจิตเมตตาบริสุทธิ์
    ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้บำรุงตน และผู้อื่น

    ผู้รักษาศิล คือผู้ไม่สร้างบาปก่อเวรกรรมชั่ว
    ย่อมได้ชื่อว่ารักษาตน และผู้อื่น

    ผู้เจริญภาวนา ทำสมาธิ ก่อปัญญา
    ย่อมระงับเหตุแห่งทุกข์ นำพาตนให้พบสุขได้

    รู้ว่าสิ่งไหนไม่ดี
    แล้วยังเดินเข้าไปหา
    เรียกว่า “มีกรรม”

    รู้ว่าสิ่งไหนไม่ดี
    แล้วเดินออกมา
    เรียกว่า “หมดกรรม”

    -ด้วยจิตเมตตาบ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  14. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    .jpg

    ปราบพญานาคนันโทปะนันทะ
    สมัยหนึ่ง นันโทปนันทนาคราชเกิดความเห็นอันชั่วช้า เห็นปานนี้ขึ้นว่า พวกสมณะหัวโล้นเหล่านี้ เข้า ๆ ออก ยังที่อยู่ของพวกเทพดาวดึงส์ โดยทางเบื้องบนที่อยู่ของพวกเรา คราวนี้ ตั้งแต่บัดนี้ไปเราจะไม่ให้พวกสมณะเหล่านี้โปรยขี้ตีนลงบนหัวของเราแล้วไป จึงลุกขึ้นไปยังเชิงเขาสิเนรุ ละอัตภาพนั้น เอาขนดวงรอบเขาสิเนรุ ๗ รอบ แล้วแผ่พังพานข้างบน เอาพังพานคว่ำลงงำเอาภพดาวดึงส์ไว้ ทำให้มองไม่เห็น.

    ลำดับนั้นแล ท่านพระรัฏฐปาละได้กราบทูลคำนี้กะพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อก่อน ข้าพระองค์ยืนอยู่ตรงประเทศนี้ มองเห็นเขาสิเนรุ เห็นวงขอบเขาสิเนรุ เห็นภพดาวดึงส์ เห็นเวชยันตปราสาท เห็นธงเบื้องบนเวชยันตปราสาท, ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เหตุอะไรหนอ ปัจจัยอะไรหนอ ซึ่งเป็นให้ข้าพระองค์ไม่เห็นภูเขาสิเนรุ ฯลฯ ไม่เห็นธงเบื้องบนเวชยันตปราสาท ในบัดนี้.

    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสบอกว่า รัฏฐปาละ นาคราชชื่อว่า นันโทปนันทะนี้ โกรธพวกเธอจึงเอาขนดหางวงรอบเขาสิเนรุ ๗ รอบ เอาพังพานปิดข้างบนกระทำให้มืดมิดอยู่.

    รัฏฐปาละ ทูลว่า ข้าพระองค์ขอทรมานนาคราชตนนั้น พระเจ้าข้า.

    พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงอนุญาต.

    ลำดับนั้นแลภิกษุแม้ทั้งหมดก็ลุกขึ้นโดยลำดับ คือ ท่านพระภัททิยะ ท่านพระราหุล พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ไม่ทรงอนุญาต.

    ในที่สุด พระมหาโมคคัลลานะเถระ กราบทูลว่า ข้าพระองค์ขอทรมานนาคราชนั้น พระเจ้าข้า.

    พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตว่า โมคคัลลานะ เธอจงทรมาน.

    พระเถระเปลี่ยนอัตภาพนิรมิตเป็นรูปนาคราชใหญ่ เอาขนดหางวงรอบนันโทปนันทนาคราชแล้ว กดเข้ากับเขาสิเนรุ.

    ลำดับนั้น นาคราชจึงโพลงไฟ. ฝ่ายพระเถระกล่าวว่า จะมีแต่ไฟในร่างกายของท่านเท่านั้นก็หาไม่ แม้ของเราก็มี จึงโพลงไฟ.

    ไฟของนาคราชไม่เบียดเบียนพระเถระ แต่ไฟของพระเถระเบียดเบียนนาคราช. นาคราชคิดว่า พระองค์นี้กดเราเข้ากับเข้าสิเนรุ แล้วบังหวนควันและทำให้ไฟโพลง จึงสอบถามว่า ผู้เจริญ ท่านเป็นใคร.

    พระเถระตอบว่า นันทะ เราแหละคือโมคคัลลานะ.

    นาคราชกล่าวว่า ท่านผู้เจริญท่านจงดำรงอยู่โดยภิกขุภาวะของตนเถิด.

    พระเถระจึงเปลี่ยนอัตภาพนั้น แล้วเข้าไปทางช่องหูขวาของนาคราชนั้น แล้วออกทางช่องหูซ้าย เข้าทางช่องหูซ้ายแล้วออกทางช่องหูขวา.

    อนึ่ง เข้าทางช่องจมูกขวา ออกทางช่องจมูกซ้าย เข้าทางช่องจมูกซ้ายแล้วออกทางช่องจมูกขวา . ลำดับนั้น นาคราชได้อ้าปาก.พระเถระจึงเข้าทางปากแล้วเดินจงกรมอยู่ภายในท้อง ทางด้านทิศตะวันออกบ้าง ด้านทิศตะวันตกบ้าง.

    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า โมคคัลลานะเธอจงใส่ใจ นาคมีฤทธิ์มากนะ.

    พระเถระกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อิทธิบาท ๔ ข้าพระองค์เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็นดุจยาน กระทำให้เป็นดุจวัตถุที่ตั้ง ตั้งมั่นแล้ว สั่งสมไว้แล้ว ปรารภไว้ดีแล้ว, นันโทปนันทะจงยกไว้เถิด พระเจ้าข้า, นาคราชเช่นกับนันโทปนันทะ ตั้งร้อยก็ดี ตั้งพันก็ดี ข้าพระองค์ก็พึงทรมานได้.

    นาคราชคิดว่า เมื่อตอนเข้าไป เราไม่ทันเห็น ในเวลาออกในบัดนี้ เราจักใส่เขาในระหว่างเขี้ยวแล้วเคี้ยวกินเสีย ครั้นคิดแล้วจึงกล่าวว่า ขอท่านจงมาเถิดขอรับ อย่าเดินไปๆ มาๆ ในภายในท้อง ทำข้าพเจ้าให้ลำบากเลย. พระเถระได้ออกไปยืนข้างนอก. นาคราชเห็นว่านี้คือเขาละ จึงพ่นลมทางจมูก. พระเถระเข้าจตุตถฌาน แม้ขุมขนของพระเถระ ลมก็ไม่สามารถทำให้ไหวได้.

    นัยว่า ภิกษุทั้งหลายที่เหลือสามารถทำปาฏิหาริย์ทั้งมวลได้ จำเดิมแต่ต้น แต่พอถึงฐานะนี้ จักไม่สามารถสังเกตได้รวดเร็วอย่างนี้แล้วเข้าสมาบัติ เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงไม่ทรงอนุญาตให้ภิกษุเหล่านั้นทรมานนาคราช.

    นาคราชคิดว่า เราไม่สามารถเพื่อจะทำแม้ขุมขนของสมณะนี้ให้ไหวได้ด้วยลมจมูก สมณะนั้นมีฤิทธิ์มาก, พระเถระจึงละอัตภาพนิรมิตรูปครุฑ แสดงลมครุฑไล่ติดตามนาคราชไป, นาคราชจึงละอัตภาพนั้น นิรมิตรรูปมาณพน้อยแล้วกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ กระผมขอถึงท่านเป็นสรณะ ไหว้เท้าพระเถระ, พระเถระกล่าวว่า นันทะ พระศาสดาเสด็จมาแล้ว ท่านจงมา พวกเราจักได้ไป. ท่านทรมานนาคราชทำให้หมดพยศแล้วได้พาไปยังสำนักของพระศาสดา. นาคราชถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วกราบทูลว่า

    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอถึงพระองค์เป็นสรณะ.

    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ท่านจงเป็นสุขเถิดนาคราช ดังนี้แล้ว

    อันหมู่ภิกษุห้อมล้อม ได้เสด็จไปยังนิเวศน์ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี.

    พญานาคราชจอมอิทธิฤทธิ์ผู้นี้ ถือว่ามีบทบาทสำคัญต่อพระพุทธศาสนาเช่นกัน เพราะวีรกรรมที่ได้สร้างไว้ถึงจะไม่ชอบธรรมนักแต่ก็เปรียบเสมือนเป็นการเทิดพระเกียรติ ประกาศก้องเกียรติคุณของพุทธองค์และเหล่าสาวกอีกแง่หนึ่ง โดยปรากฏเป็นหลักฐานในบทสวด “พุทธชัยมงคลคาถา” คือ ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพุทธองค์ 8 ประการ ซึ่งเริ่มต้นด้วยคำว่า “พาหุง…”

    เรื่องของพญานาคผู้ที่อยู่ใน พุทธชัยมงคล “คาถาที่ 7” ว่าด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธองค์ที่ทรงมีบรมพุทธานุญาตให้พระมหาโมคคัลลานะ ไปปราบ พญานันโทปนันทนาคราช จนได้ชัยชนะ พระบาลีว่า

    …นันโทปนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง

    ปุตเตนัง เถระ ภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต

    อิทธูปะเทสะ วิธินา ชิตวา มุนินโท

    ตันเตชะสา ภะวะตุเต ชะยะมังคะลานิ ฯ

    ต่อเมื่อ “พระโมคคัลลานะ” อัครสาวกเบื้องซ้ายและเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายด้านอิทธิฤทธิ์ทูลขอโอกาส พระพุทธองค์จึงทรงอนุญาต โดยพระเถระได้เนรมิตตัวเองเป็นจอมนาคราชที่เหนือกว่าพญานันโทปนันทนาคราช 1 เท่าตัว แล้วพุ่งไปพันโอบรัดพยานันโทปนันทนาคราชด้วยขนด 14 รอบจนแน่น ทำให้พญานันโทปนันทนาคราชได้รับความอึดอัดและทรมาร ทีนั้น พญานันโทปนันทนาคราช ได้พ่นควัญพิษใส่พระเถระแต่พระเถระก็แผ่พังพานพ่นควันพิษกลับคืน เป็นเหตุให้พญานาคราชถูกพิษและได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส พร้อมกันนั้นก็พลิกกายทำท่าเลื้อยหนี

    พระเถระจึงแปลงกายเป็น “พญาครุฑ” ตัวใหญ่เข้าจับด้วยกรงเล็บทันที จนพญานันโทปนันทนาคราชต้องร้องขอ เมื่อรู้ว่าพยานาคราชสำนึกผิดแล้ว พระเถระได้นำ พญานันโทปนันทนาคราช ที่จำแลงแปลงกายเป็นมนุษย์มาเข้าเฝ้าพุทธองค์ซึ่งประทับรออยู่ พระพุทธองค์ได้แสดงธรรมเทศนาให้ฟังจนพญานันโทปนันทนาคราชเลื่อมใส นับถือพระรัตนตรัย เป็นที่พึ่งไปตลอดชีวิต

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  15. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  16. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  17. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  18. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  19. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  20. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ิตทุกดวงถึงพระนิพพานหมดแต่ช้าเร็วต่างกัน
    เพราะวาสนาบารมีที่สั่งสมมามีมากน้อยต่างกัน

    (คติธรรม หลวงปู่หล้า เขมปัตโต)

    กัปป์หนึ่งมีพระพุทธเจ้าสี่องค์ห้าองค์ ฮาลังเถื่องกะสามองค์ ฮาลังเถื่อกะสององค์ ปานนั่นกะมากกว่าอสงไขย์ อสงไขย์กัปป์เสียแล้ว สาวกของพระพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั้นสิมากปานใด๋ซั่น สาวิกาของพระพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั้นสิมากปานใด๋ซั่น นับแต่พระโสดาบันของพระพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั่นขึ้นไป ตลอดถึงพระอรหันต์ สาวกสาวิกาของพระพุทธเจ้าทั้งหลายแต่ล่ะองค์ๆ สิหลายปานใด๋ ฮานี่ซุมยังอยู่ เป็นนกหนูปูปีกบินผ่าฟ้าผ่านหมอกอยู่หมู่นี่ เป็นปลวกเป็นมด เป็นสัตว์เดรัจฉาน สิหลายปานใด๋ให้ว่าเถาะ จนนับบ่ไหว ไผ๋สิไปนับไหว นับแมงเม่าเบิ่งดู้มันออกสิไหวเบาะ นับพวกปูพวกปลา สัตว์บกสัตว์น้ำ ในมหาสมุทรทะเลแฮงหลายสัตว์อ่ะ ัตว์หมู่นี่สิไปพระนิพพานเมิ๊ด พระพุทธเจ้าว่า ฮั่งจักแมนพระพุทธเจ้าองค์ใด๋ บ่ทันมีคิว

    ขั่นเป็นถึงพระโสดาบันแล้ว สาวกนั่น มีคิวแล้ว ยังบ่ทันถึงพระโสดาบันกะยังบ่ทันมีคิวอีกละ ยังเวียนวัดปัดถะหวิงอยู่ เพราะยังเดินเวียนรอบขอบกระด้งอยู่ เวียนนำทุกข์นำกองทุกข์ พระโสดาบันบ่เป็นทุกข์เบาะ เป็นอยู่ แต่ฮั่งเดินผ่าศูนย์กลางทุกข์ สิออกขอบทางนอกแล้วบ่ได้เดินเวียนนำทุกข์

    1527094147_396_จิตทุกดวงถึงพระนิพพานห.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...