ธรรมะ จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย สายหลวงปู่มั่น, 4 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    การทำบุญที่ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต สรรเสริญ

    การสั่งสอนญาติโยมชาวบ้านหนองผือของท่านพระอาจารย์มั่นในสมัยนั้น ส่วนมากท่านจะเน้นให้ญาติ โยมสมาทานศีลห้าเป็นหลัก ส่วนศีลแปดหรือศีลอุโบสถ ท่านไม่ค่อยจะเน้นหนักเท่าไหร่ท่านกล่าวว่า ศีลห้าเหมาะสมที่สุดสำหรับฆราวาสญาติโยมผู้ครองเรือน ถ้างดเว้น ตลอดไปไม่ได้ก็ขอให้งดเว้นให้ได้

    ในวันพระวันศีล สำหรับการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตนั้นท่านบอกว่า “สัตว์ที่มีบุญคุณนั้นห้ามเด็ดขาด” นอกจากนั้นท่านกล่าวว่า “จะงดเว้นไม่ได้ดอกหรือ เพียงวันสองวันเท่านั้น การกินในวันรักษาศีลจะกินอะไรก็คงได้ ไม่จำเป็นต้องเป็น สัตว์ที่ฆ่าเอง แค่นี้ทำไม่ได้หรือ ไม่ตายดอก…”

    สำหรับการขอศีลนั้น ท่านไม่นิยมนิยมให้ขอ และท่านก็ไม่เคยให้ศีล (ตอนอยู่หนองผือ) ท่านให้ใช้วิธีรัดงดเว้นเอาเลย ไม่ต้อง ไปขอจากพระซ้ำๆ ซากๆ ผู้ใดมีเจตนาจะรักษาศีลจะเป็นศีลห้า ศีลแปดก็ตาม ให้ตั้งอกตั้งใจเอาเลย แค่นั้นก็เป็นศีลได้แล้ว

    และการถวายทานในงานบุญต่าง ๆ ท่านก็ไม่นิยมให้กล่าวคำถวายเช่นกัน ท่านอธิบายว่า “บุญนั้นผู้ถวายได้ถวายได้แล้วสำเร็จแล้วตั้งแต่ตั้งใจ หรือเจตนาในครั้งแรก ตลอดจนนำมาถวายสำเร็จ ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรอีก เพียงแต่ตั้งเจตนาดีเป็นกุศลหวังผลคือความสุข การพ้นจากทุกข์ทั้งปวงเท่านี้ก็พอแล้วนั่นมันเป็นพิธีการหรือกฏเกณฑ์อย่างหนึ่งของเขา ไม่ต้องเอาอะไรทุกขั้นทุกตอนดอก”

    ครั้งนั้นมีศรัทธาญาติโยมจากสกลนคร เขาเป็นคนเชื้อสายจีน มีชื่อว่า เจ๊กไฮ แซ่อะไรนั้นเขาไม่ได้บอกไว้ เขามีความลื่อมใส ศรัทธาในองค์ท่านพระอาจารย์มั่นมาก ขอเป็นเจ้าภาพกฐินในปีนั้น เมื่อถึงเวลากำหนดกรานกฐินแล้ว จึงได้ตระเตรียมเดินทางมาพัก นอนค้างคืนที่บ้านหนองผือหนึ่งคืน โดยพักบ้านของทายกวัดคนหนึ่ง เพื่อจะได้จัดเตรียมอาหารคาวหวานสำหรับไปจังหันตอนเช้าด้วย

    พอเช้าขึ้นพวกเขาจึงพากันนำเครื่องกฐินพร้อมกับเครื่องไทยทานอาหารต่างๆ เหล่านั้นไปที่วัด เมื่อถึงวัดล้างเท้าที่หัวบันไดแล้วพากัน ขึ้นบนศาลาวางเครื่องของ คุกเข่ากราบพระประธาน แล้วจึงรวบรวมสิ่งของ เครื่องผ้ากฐิน พร้อมทั้งของอันเป็นบริวารต่างๆ วางไว้ที่หน้าพระประธานในศาลา

    ส่วนเจ๊กไฮ ผู้เป็นหัวหน้านำผ้ากฐินมานั้น เมื่อวางจัดผ้ากฐินพร้อมทั้งของอันเป็นบริวารต่างๆ เรียบร้อยแล้ว นั่งสักครู่ เห็นว่ายังไม่มีอะไร จึงพากันกราบพระประธาน (เจ๊กไฮ ก็กราบเหมือนกัน ท่าทางเหมือนคนจีนทั่วไปเขากราบนั่นแหละ)

    แล้วเขาก็ลงจากศาลาไปเดินเลาะเลียบชมวัดวาอารามเฉยอย่างสบายอารมณ์ จนกระทั่งพระเณรกลับจากบิณฑบาตรแล้ว ขึ้นบนศาลาเตรียมจัด แจงอาหารลงบาตรจนเสร็จสรรพเรียบร้อยทุกองค์ ท่านพระอาจารย์มั่นจึงให้เรียกเจ๊กไฮมาเพื่อจะได้อนุโมทนารับพร ต่อไป แต่เจ๊กไฮ ก็ไม่มารับพรด้วย มีคนถามเขาว่า “ทำไมไม่รับพรด้วย” เขาบอกว่า “อั๊วได้บุญแล้ว ไม่ต้องรับพรก็ได้ การกล่าวคำถวายก็ไม่ต้องว่า เพราะอั๊วได้บุญตั้งแต่อั๊วตั้งใจจะทำบุญทีแรกแล้ว ฉะนั้นอั๊วจึงไม่ต้องรับพรและคำกล่าวถวายใดๆ เลย”

    ภายหลังฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านพระอาจารย์มั่นได้พลิกวิธีคำว่าผ้ากฐินมาเป็นผ้าบังสุกุลแทน ท่านจึงพิจารณากองผ้ากฐิน เป็นผ้าบังสุกุล เสร็จแล้วท่านได้เทศน์ฉลองยกย่องผ้าบังสุกุลของเจ๊กไฮเป็นการใหญ่เลย ท่านกล่าวถึงผ้ากฐินนั้นได้รับอานิสงส์น้อยเพียง แค่ ๔ เดือนเท่านั้นไม่เหมือนกับผ้าบังสุกุลซึ่งได้อานิสงส์ตลอดไป คือ ผู้ใช้สามารถใช้ได้ตลอดไม่มีกำหนดเขตใช้จนขาดหรือใช้ไม่ได้จึงจะทำอย่างอื่นต่อไป และสุดท้ายท่านกล่าวอีกว่า

    “ใครทำบุญก็ไม่เหมือนเจ๊กไฮทำบุญ เจ๊กไฮทำบุญได้บุญมากที่สุด พรเขาก็ไม่ต้องรับ คำถวายก็ไม่ต้องว่าเขาได้บุญตั้งแต่เขาออกจากบ้านมา บุญเขาเต็มอยู่แล้ว ไม่ตกหล่นสูญหายไปไหน บุญเป็นนามธรรมอยู่ที่ใจ อย่างนี้จึงเรียกว่า ทำบุญได้บุญแท้..”

    ทุกคนที่ไปกฐินในครั้งนี้ต่างก็มีความปลาบปลื้มปีติในธรรมะ ที่ท่านกล่าวออกมาซึ่งล้วนแต่มีเหตุผลที่แปลกใหม่ ยังไม่เคย ได้ยินได้ฟังมาจากที่อื่นเลย โดยเฉพาะกับเจ๊กไฮผู้เป็นเจ้าภาพยิ่งมีความปลื้มปีติมากกว่าเพื่อน เพราะสิ่งที่เขาได้ทำไปแล้วนั้นเป็นสิ่งที่ ถูกต้องเป็นที่พออกพอใจของครูบาอาจารย์ที่เขาเคารพเลื่อมใส จึงเป็นที่ตรึงตราใจของเขาไปจนตลอดสิ้นชีวิตและได้เป็นเรื่องเล่าขาน กันมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้

    จากหนังสือรำลึกวันวาน หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ท่านพระอาจา.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  2. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    พระปิณโฑลภารทวาชเถระ เป็นพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าในสมัยพุทธกาล ชาวเมืองโกสัมพีต่อมาอาศัยในกรุงราชคฤห์ นับเนื่องในพระอสีติมหาสาวก 80 องค์สำคัญของพระพุทธศาสนา ท่านได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าท่านเป็นเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในด้าน ผู้บันลือสีหนาท

    สมัยที่พระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่วัดเวฬุวันมหาวิหารที่กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ มีเศรษฐีผู้หนึ่งได้รับปุ่มไม้แก่นจันทร์ที่มีค่ามากด้วยความบังเอิญ จึงมีความคิดที่อยากจะรู้จักกับพระอรหันต์เพราะมีพวกลัทธิต่างๆมากมายได้โอ้อวดกันว่าตนเป็นพระอรหันต์ ฉะนั้นเพื่อต้องการให้รู้ชัดว่าใครเป็นพระอรหันต์กันแน่ จึงนำปุ่มไม้แก่นจันทร์นี้มากลึงเป็นบาตรแล้วนำไปแขวนไว้ที่ปลายไผ่ที่สูง 15 วา และประกาศให้ทั่วเมืองว่า “ผู้ใดที่สามารถเหาะนำบาตรแก่นไม้จันทร์ลงมาได้ ผู้นั้นก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพระอรหันต์ เราและเหล่าครอบครัวจะยึดผู้นั้นเป็นสรณะที่พึ่งตลอดชีวิต”

    ต่อมาบรรดาเจ้าลัทธิหรือเดียรถีย์ที่ชื่อเสียงทั้ง 6 คน ได้แก่ ปูรณกัสสป มักขลิโคสาล อชิตเกสกัมพล สัญชัยเวลัฏฐบุตร ปกุทธกัจจายะ และ นิครนถ์นาฏบุตรต่างก็อยากได้บาตรแก่นไม้จันทร์ จึงพากันแสดงตัวและมาขอบาตรแก่นไม้จันทร์กับเศรษฐี แต่ก็ไม่ได้แสดงอิทธิฤทธิ์เหาะอะไรเลย เศรษฐีก็ไม่ยอมให้และยื่นคำขาดว่าจะต้องเหาะนำบาตรแก่นไม้จันทร์ลงมาให้ได้จึงจะเอาไปได้ เดียรถีย์ทั้หกต่างได้พยายามเกลี้ยกล่อมแล้วก็ไม่เป็นผล แม้จะใช่อุบายต่างๆเช่นทำเป็นแสร้งว่าตัวเองเหาะได้แต่ลูกศิษย์ห้ามไว้โดยทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองเหาะไม่ได้ แต่เศรษฐีก็ไม่ยอมให้เช่นกัน

    เวลาผ่านไป 7 วัน ยังไม่มีใครสามารถเหาะนำบาตรแก่นไม้จันทร์ลงมาได้ ทำให้ชาวเมืองต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่า ในโลกนี้คงไม่มีพระอรหันต์ละมั้ง ในขณะเดียวกัน พระมหาโมคคัลลานเถระกับพระปิณโฑลภารทวาช กำลังออกบิณฑบาตรอยู่ได้ฟังชาวเมืองที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไม่มีพระอรหันต์ในโลก ทำให้พระมหาโมคคัลลานะคิดว่าชาวเมืองกำลังดูหมิ่นพระพุทธศาสนา จึงต้องการให้ชาวเมืองได้รับรู้ว่า ในโลกนี้มีพระอรหันต์จริง ท่านก็คิดว่าตนเองนั้นมีอิทธิฤทธิ์มากที่จะแสดงได้แต่ท่านก็มีใจกว้างจึงยกให้พระปิณโฑลภารทวาชเป็นผู้แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์

    พระปิณโฑลภารทวาชรับคำของพระโมคคัลลานแล้วเข้าจตุตถฌานสมาบัติอันเป็นฐานแห่งอภิญญา กระทำอิทธิฤทธิ์เหาะขึ้นไปบนอากาศ พร้อมทั้งแผ่นศิลาที่ยืนอยู่นั้น เหาะเวียนรอบกรุงราชคฤห์แล้วเหาะลอยเลื่อนมาอยู่ยังที่แขวนบาตรแก่นไม้จันทร์เพื่อนำบาตรลงและเหาะตรงหลังคาเรือนของเศรษฐี ท่านเศรษฐีเห็นดังนั้นแล้วก็ดีใจที่ได้เห็นพระอรหันต์ที่แท้จริง และตกใจกลัวว่าก้อนหินจะล่วงลงมาทับบ้านของตน จึงกราบหมอบลงจนอกติดพื้นดินแล้ว กล่าวนิมนต์ให้ลงมา พระเถระจึงสลัดก้อนหินไปประดิษฐานในที่เดิมแล้วเหาะลงมาจากอากาศ เมื่อพระเถระลงมาแล้ว ท่านเศรษฐีจึงนิมนต์ให้นั่ง ณ อาสนะที่จัดถวาย ให้คนนำบาตรแก่นไม้จันทร์ที่ลงมาจากที่แขวนไว้บรรจุอาหารอันประณีตจนเต็มแล้วถวายพระเถระรับแล้วก็กลับสู่วิหาร ส่วนชาวเมืองเมื่อได้เห็นอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ของพระปิณโฑลภารทวาชจึงพากันชุมนุมติดตามพระเถระที่วิหารเพื่อหวังให้ท่านแสดงอิทธิฤทธิ์ได้ชมอีก จึงเกิดเสียงอื้ออึงจนไปถึงพระกรรณของพระพุทธองค์ พระองค์ทรงตรัสถามกับพระอานนท์ ผู้เป็นพระพุทธอุปัฏฐากว่า เสียงอะไร เมื่อทรงทราบเรื่องราวแล้ว จึงทรงตรัสเรียกประชุมสงฆ์ และเรียกพระปิณโฑลภารทวาชมาเข้าเฝ้า ทรงไต่สวนกับพระเถระ พระเถระก็ยอมรับทุกประการ พระพุทธองค์ก็ทรงติเตียนพระปิณโฑลภารทวาช และบัญญัติสิกขาบทห้ามภิกษุแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ หากภิกษุฝ่าฝืนต้องอาบัติทุกกฎ นอกจากนั้นทรงตรัสให้นำบาตรแก่นไม้จันทร์ไปทุบให้เป็นผงเพื่อทำยาหยอดตา และบัญญัติสิกขาบทห้ามใช้บาตรไม้ หากภิกษุใช้ ต้องอาบัติทุกกฎ

    หลังจากที่พระปิณโฑลภารทวาชะบรรลุพระอรหัตแล้ว ท่านก็ได้สมาทานธุดงค์ เป็นผู้ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร ถือทรงผ้าบังสุกุลเป็นวัตร ถือทรงไตรจีวรเป็นวัตร มีความปรารถนาน้อย สันโดษ ชอบสงัดไม่คลุกคลีด้วยหมู่ ปรารภความเพียร ผู้มีวาทะกำจัด หมั่นประกอบในอธิจิต ท่านเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยอินทรีย์ทั้ง 3 คือ สติ, สมาธิ และปัญญา เวลาท่านไปที่ไหนแม้จะอยู่ต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้าก็ตาม ท่านก็ชอบเปล่งสีหนาทอยู่เสมอ ๆ ว่า “ใครมีความสงสัยในมรรคผล ผู้นั้นจงถามเราเถิด” ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าจึงทรงยกย่องท่านว่า เป็นเอตทัคคะผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในด้าน ผู้บันลือสีหนาท

    -เ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  3. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เวินพระสุก แรงศรัทธาแห่งพญานาคจนพระจมน้ำกลางลำน้ำโขง

    ในรัชสมัยของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช แห่งอาณาจักรศรีสัตนาคนหุตล้านช้าง พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก จึงได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ วัดวาอาราม ทรงสร้างพระธาตุเจดีย์จำนวนมาก รวมถึงทรงมีดำริจะสร้างมหากุศลอันยิ่งใหญ่ เพื่อดำรงไว้ซึ่งพระศาสนา นั่นคือ การสร้างพระพุทธรูปนั่นเอง หลังจากที่พระองค์ทรงดำริดังนั้น ก็สร้างความปราบปลื้มให้กับพระราชธิดา และเหล่าบรมวงศานุวงศ์เป็นอันมาก

    พระราชธิดาทั้ง 3 ซึ่งประกอบด้วย พระราชธิดาเสริม พระราชธิดาสุก และพระราชธิดาใส ก็ทรงมีพระประสงค์จะสร้างพระพุทธรูปเช่นกัน พระเจ้าชัยเชษฐาธิราชจึงมีดำรึให้สร้างพระพุทธรูปขึ้น 4 องค์ คือ พระองค์ตื้อ สำหรับพระองค์ พระสุก เป็นพระพุทธรูปประจำพระราชธิดาองค์โต พระเสริม เป็นพระพุทธรูปประจำพระราชธิดาองค์กลาง และพระใส เป็นพระพุทธรูปประจำพระราชธิดาองค์เล็ก

    ในการหล่อทองสร้างพระพุทธรูปนั้น มีเหตุประหลาดหลายอย่าง ทำให้ติดขัด หล่อพระไม่สำเร็จซักที เช่น เหตุการณ์หลอมทองไม่ละลาย หลอมกันอยู่สัก 7 วัน 7 คืน จนล่วงวันที่ 8 ได้มีชีปะชาวจำนวนมาก มาช่วยหลอมทอง จึงทำให้ทองละลายและหล่อองค์พระได้ จนในที่สุด ก็ได้พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสมัยล้านช้าง สวยสดงดงามเป็นอันมาก ซึ่งประดิษฐานไว้ ณ กรุงเวียงจันทร์

    ต่อมา ในรัชกาลที่ 3 หลังจากศึก เจ้าอนุวงศ์แล้ว ได้มีการอัญเชิญพระสุก พระเสริม และพระใส มาประดิษฐานที่หนองคาย โดยอัญเชิญจากภูเขาควายขึ้นประดิษฐานบนแพไม้ไผ่ซึ่งผูกติดกันอย่างมั่นคงล่องมาตามลำน้ำงึม

    เมื่อล่องมาถึงตรงบ้านเวินแท่น (ในขณะนั้น) ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ ลมพายุพัดแรงจัด ฟ้าร้องโครมคราม ทำให้แพเอนเอียงจนไม่สามารถรับน้ำหนักของพระแท่นไว้ได้ แท่นของพระสุกจึงได้แหกแพจมลงในน้ำ ที่ตรงนั้นจึงได้เรียกชื่อว่า “เวินแท่น” มาจนปัจจุบัน

    แต่การล่องแพก็ยังสามารถล่องมาได้ตามลำดับ จนถึง (ปากน้ำงึม) เฉียงกับบ้านหนองกุ้ง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ก็ได้เกิดพายุใหญ่ขึ้นอีก เสียงฟ้าคะนองร้องลั่นไปทั่ว มีฟ้าผ่าลงมากลางน้ำ ในที่สุดแพพระสุกก็แตก องค์พระจมลงใต้ลำน้ำโขง จากนั้นไม่นานเหตุการณ์วิปริตต่างๆ ก็ได้หายไปในทันที กลับสู่สภาวะปกติ ดั่งไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น บริเวณนั้นจึงได้ชื่อว่า “เวินสุก” คงมีแต่พระเสริม กับพระใสเท่านั้น ที่เดินทางต่อมายังหนองคายได้สำเร็จ

    จาก เหตุอัศจรรย์ ที่พัดพระสุกจมลงนั้น เชื่อกันว่าเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของพญานาคที่ต้องการพระสุกไปบูชายังเมืองใต้บาดาล

    ชาวเมืองในสมัยนั้นเชื่อว่าด้วยความที่เหล่าพญานาคมีความศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า หลังจากที่ได้ยินข่าวการสร้างพระพุทธรูปขึ้นที่เมืองล้านช้าง พญานาคเหล่านั้นก็แปลงกายเป็นมนุษย์ขึ้นไปขอพระสุกไปสักการบูชา แต่พระราชธิดาไม่ให้ เป็นเหตุให้เมื่อมีการขนย้ายพระสุกผ่านลำน้ำโขงพญานาคจึงบันดาลให้เกิดพายุพัดพระสุกจมลงสู่ลำน้ำเพียงองค์เดียว

    ในอดีต ได้เคยมีการพยายามทำพิธีอัญเชิญพระสุกขึ้นมาจากน้ำหลายครั้ง แต่พิธีก็ไม่เคยสำเร็จ โดยเมื่อเเรกเริ่มทำพิธี จะเกิดฝนฟ้าคะนอง ฟ้าร้อง แล้วจู่ๆพระสุกก็จะลอยขึ้นมาเหนือน้ำ เเล้วสักพักองค์พระก็จะจมน้ำลับหายไปดังเดิม โดยเหตุการร์จะเป็นเช่นนี้ตลอดทุกครั้งไป

    -แรงศรัทธาแห.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  4. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    จงปล่อยวางทั้งอดีต อนาคตและปัจจุบัน
    และอยู่เหนือความมีความเป็น
    เมื่อใจหลุดพ้นจากทุกอย่างแล้ว
    พวกเธอจักไม่เกิดไม่แก่อีกต่อไป
    .
    พุ ท ธ พ จ น์

    -อนาค.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  5. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    …โลกนี้…
    ไม่มีใครเกิด ไม่มีใครตาย
    ตัวเราเองก็เช่นกัน ไม่มีเกิด ไม่มีตาย
    ส่วนที่เราเห็นว่ามันเกิดและมันตายนั้น
    ไม่ใช่ของเรา..ไม่ใช่ตัวเรา
    มันเป็นเพียงจิตเท่านั้น
    ที่เกิดและตาย…หรือเกิดดับ…เกิดดับ..
    ..นับภพ..นับชาติไม่ได้…

    พระพุทธโอวาท

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  6. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ความคิดนั้นมันเกิดอยู่เสมอ เหมือนลมหายใจนั่นเอง ห้ามไม่ได้
    การปฏิบัติก็ไม่ได้มุ่งดับความคิดเอาแค่ว่าพอรู้อารมณ์แล้ว
    จิตมันคิดนึกปรุงแต่ง ก็ให้รู้ทัน อย่าฝันทั้งที่ตื่น คือหลงคิดไปโดยไม่รู้ตัวเท่านี้ก็พอ

    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  7. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  8. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  9. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “ติสสะ เณรน้อยชะตาขาด”

    (ข้อมูลจากเพจ “วัดพุทธพรหมปัญโญ”)

    ในสมัยพุทธกาลมีสามเณร น้อยองค์หนึ่งชื่อ “ติสสะ” อายุ ๗ ปี มาบวชเพื่อศึกษาเล่าเรียน และปฏิบัติธรรมอยู่ในสำนักพระสารีบุตรเถระ อัครสาวกของพระพุทธเจ้า เป็นระยะเวลาหนึ่งปี

    สามเณรท่านนี้ได้รับการพยากรณ์จากพระสารีบุตรว่า ” ชะตาถึงฆาต” จะต้องมรณภาพ ภายใน ๗ วันขอให้ปลงอายุสังขารเสีย พอสามเณรได้ฟังดังนั้น ในฐานะนักปฎิบัติธรรม ท่านก็มิได้สะทกสะท้าน หรืออาลัยในชีวิตแต่อย่างใด ไหน ๆ ก็จะละสังขารแล้ว ก็ใคร่จะขออำลาพระอาจารย์ไปโปรดโยมบิดา มารดาสัก ๓ วัน เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณเป็นครั้งสุดท้าย

    เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ก็ออกเดินทาง กะว่าจะใช้เวลาไปกลับให้ทันก่อนกำหนด เพื่อฟังธรรมจากพระสารีบุตรเป็นครั้งสุดท้าย ในระหว่างการเดินทาง เนื่องจากในช่วงเวลานั้นเป็นหน้าแล้ง น้ำในลำธาร ห้วยหนอง เหือดแห้ง สามเณรได้เห็นปลาน้อย จำนวนหนึ่ง ดิ้นกระแด่ว ๆ ใกล้จะถึงเวลาตายอยู่ในบ่อน้ำที่กำลังแห้งเหือด ด้วยจิตที่เป็นเมตตา ท่านได้นำจีวรช้อนตักปลาฝูงนั้น ไปปล่อยในแม่น้ำสายใหญ่ แล้วจึงเดินทางต่อไป หลังจากโปรดโยมบิดา มารดา และเดินทางกลับมายังสำนักแล้ว

    พอครบกำหนดตามที่พระสารีบุตรพยากรณ์เอาไว้ ก็เข้าไปกราบลาเพื่อขอฟังธรรมก่อนละสังขาร แต่พระสารีบุตรกลับไม่แสดงธรรมโปรด และได้กล่าวกับสามเณรว่า “กรรมดี ที่เณรได้ช่วยชีวิตฝูงปลา ซึ่งบังเอิญเป็นเจ้ากรรมของเณรแต่อดีตชาติ ประกอบกับบุญกุศลที่เณรได้ทำไว้ด้วยการถือเพศบรรพชิตในปัจจุบัน ทำให้เจ้ากรรมนายเวรเกิดความปีติ ทั้งสองฝ่ายได้ยินยอมให้กรรมหนักถึงตายของเณรหลุดพ้น ด้วยการ “อโหสิกรรม” ต่อกัน เณรได้พ้นกรรมบัดนี้แล้ว”

    ดวงชะตานั้นเปลี่ยนได้ด้วยกรรมใหม่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น ทาน ศีล การสวดมนต์เจริญภาวนา ดังคำสอนหลวงตาม้าว่า “เอ็งเริ่มไหว้พระ สวดมนต์ นั่งสมาธิ ดวงเอ็งก็เปลี่ยนแล้ว ให้ฝากดวงไว้กับพุทธะ ธัมมะ สังฆะ มันอยู่ที่ตัวแกเอง”

    -ติสสะ-เณรน้อยชะต.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  10. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    กามารมณ์ภายในใจของสามัญชนเรา
    ไม่ว่าพระหรือฆราวาส เป็นสิ่งละเอียดและแก้ได้ยาก
    แต่ติดง่ายมาแต่กาลไหน ๆ บรรดากิเลสก็ตัวกามารมณ์นี่แล
    ที่แสนอ้อยอิ่งยิ่งกว่าเพลงลูกทุ่งลูกกรุงเป็นไหน ๆ
    สัตวโลกไม่เลือกหน้าจึงติดกัน
    ผู้ฆ่าตัวกามารมณ์นี้ได้แล้ว เช่นพระอนาคามีเป็นต้น
    ท่านจึงไม่กลับมาเกิดอีก นิพพานข้างหน้าเลย
    คือเลื่อนชั้นขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงนิพพานเป็นที่สุด
    นอกนั้นยังวกกลับมาหาเจ้ากามารมณ์กันทั้งนั้น
    เพราะเจ้ากามนี้คือแม่เหล็กเครื่องดึงดูดใจของสัตวโลก
    ให้ติดจมอยู่ในสามภพไม่มีจบสิ้นลงได้ง่าย ๆ

    ……………………………………………………….

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
    คัดจากหนังสือ เมตตาธรรม
    @jdluangta.poophadang

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  11. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  12. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นี้ ให้เร่งทำบุญให้กับตนเองไว้มากๆ พอตายไปแล้วจะไม่มีโอกาสได้ทำบุญแบบนี้อีกนะ ตายไปแล้วก็ได้ไปเสวยบุญเสวยบาป ที่ตนเองได้ทำเอาไว้ตอนสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่

    คนทำดีก็ได้เสวยบุญ มีสุขคติเป็นที่ตั้ง มีสวรรค์พรหมโลกเป็นที่อยู่ หรืออย่างน้อยก็ได้มาเกิดเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา…”

    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์(วัดเหนือ) บ้านโคกมน ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  13. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “เณรสม หนีนรกมาเกิด”

    (คติธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

    ครั้งที่สองอีก อันนี้ก็ยิ่งน่าพิศวงงงงัน ท่านฝันเวลากลางคืน พอตื่นเช้ามาเลยเรียกพระในวัดนั้นองค์ที่เชื่อถือได้เข้ามากระซิบ ทำไมผมถึงฝันอย่างนี้ เณรสมเรานี่ ชี้เลย เณรสมอยู่ในวัดเรานี้มันขโมยหนีมาจากนรก ข้อเปรียบเทียบเหมือนกับว่า พวกที่ติดคุกติดตะราง โทษเบาบางแล้วเขาก็เอาออกไปใช้งานนอกงานนา มันขโมยหนีตอนนั้น ตอนที่เขาปล่อยตัวให้ไปทำงานนั้นงานนี้ เพราะจวนจะออกจากคุกจากตะรางแล้ว อันนี้จะพ้นจากนรกแล้วเขาก็รามือบ้าง มันขโมยหนีจากนรกมาเกิดเป็นมนุษย์ บอกว่าเณรสมนี่น่ะว่างั้น ชี้เลย เราพูดเฉพาะเราเท่านั้น คอยดูเณรนี้นะ ฝันแม่นยำเหลือเกินเมื่อคืนนี้ ยมบาลเขามาหาท่านเมื่อคืนนี้จะเอาเณรนี้ไป ท่านขอบิณฑบาตเขายังไงก็ไม่ได้ การที่เขามานี้เขามาในนามของกรรมเณรเอง เขาว่างั้น ไม่ได้มาด้วยอำนาจบาตรหลวงจากที่ไหน มาด้วยอำนาจแห่งกรรมของเณรนี้เอง เณรนี้ขโมยหนีจากนรกมาเกิดเป็นมนุษย์ แล้วมาบวชเป็นเณรอยู่ในวัดนี้ชื่อสม บอกตัวเลยเทียว ชื่อสม ว่างั้น

    พอตื่นเช้าขึ้นมาก็เรียกพระมากระซิบกระซาบ เป็นยังไงถึงเป็นอย่างนี้ เณรนี้ก็ดีๆ อยู่ เขาบอกว่าตอนเย็นวันนี้ ๓ ทุ่มเขาจะมาเอาเณรนี้ นี่ก็จวนเวลาแล้วเณรนี้ก็ปรกติอยู่เป็นยังไง เขาจะมาเอาเณรนี้ไป เณรนี้ขโมยหนีมาจากนรกมาบวช ชื่อเณรสม เราพิจารณาเอา เอา รู้เฉพาะเราเราคอยดูจะเป็นยังไง ความฝันอันนี้ทำไมมันถึงกระเทือนใจเอามากมายเมื่อคืนนี้ แล้วคอยดูเณรสมนี้ ก็พูดกันเฉพาะเท่านั้น พระที่เข้าใจกันได้ คอยดูเณรนี้จะเป็นยังไง ขอบิณฑบาตยังไงเขาก็ไม่ถอย นี้มาปฏิบัติศีลธรรมแล้วก็ให้โอกาสปฏิบัติศีลธรรมต่อไป ไม่ได้กรรมเณรนี้ยังหนักอยู่ ยังอยู่ไม่ได้ ต้องไปเสวยกรรม ขอบิณฑบาตยังไงก็ไม่ได้ ทำยังไงก็ไม่ได้ ทำไมจึงไม่ได้ ขอกันทำไมไม่ได้

    ผมมานี้มาในนามของกรรม นั่น ผมไม่ได้มาในนามของผู้ใดผู้หนึ่ง ในนามของกรรมเณรเอง เพราะฉะนั้นจึงอนุญาตไม่ได้เพราะกรรมไม่อนุญาต พระองค์นั้นท่านก็นิ่งเลยยอมรับเขา ก็คอยฟังแต่เหตุเท่านั้น พอ ๒ ทุ่มขึ้นมาเณรเริ่มไม่สบาย ถ่ายท้อง นั่นเห็นไหมล่ะ ๓ ทุ่มเขาบอกว่า ๓ ทุ่มเขาจะมารับเณรนี้ไป บอกชัดเจนเลย รายนี้ก็ทราบกันได้ชัดเจน พอ ๒ ทุ่มเณรเริ่มเจ็บท้องปวดท้องถ่ายท้อง สุดท้ายเป็นเลือดออกมาเลย อ้าว นี่จะไม่ไหวแล้วนี่ จะเข้าเรื่องความฝันนั้นแน่แล้ว ยังไงก็ เอ้า เตือนเณรมันหมดหวังแล้วแหละ เตือนเณร เณรนี้มาก็มาด้วยบาปด้วยกรรม มา บุญก็มากรรมก็มาด้วยกัน บุญคือขโมยมาบวชก็เป็นบุญ ส่วนขโมยนั้นเป็นกรรมยังไม่หมดโทษขโมยมา เณรนี้จะต้องได้เสวยทั้งบาปทั้งบุญนั้นแหละ

    เณรให้ตายไปด้วยความสงบใจนะ อย่าปล่อยพุทโธ ท่านสอนพุทโธให้นะ เอ้าจะเป็นยังไงมองดูแล้วมันอ่อนลงๆ ถ่ายเป็นเลือดออกมา คำฝันนั้นแม่นยำแล้ว จวนจะเข้าถึงร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว แล้วก็สอนเณรนั้นด้วยความสงบ และเณรนี้ก็ตายด้วยความสงบเหมือนกันนะ เพราะท่านสอนอรรถสอนธรรมเต็มเม็ดเต็มหน่วย ให้เณรเชื่อบุญเชื่อกรรม นี่แหละบุญกรรมเป็นอย่างนี้แหละให้ดูเอา ใครเห็นไม่เห็นก็ตามบุญกรรมของเจ้าของ หากเห็นเจ้าของรู้เจ้าของเอง บังคับเจ้าของเอง ให้เณรเชื่อตัวเอง แล้วให้เชื่อพุทโธ ให้ตายกับพุทโธ ลมหายใจขาดขาดกับพุทโธนะ เณรเวลาจะไปก็ไปด้วยความสงบจริงๆ สงบเงียบไปเลยนั่น ก็ไปกับพุทโธ

    นี่ละท่านเจ้าคุณองค์นี้คำฝันของท่านแม่นยำมาก มาถึงเณรนี้ละที่ได้เล่าให้ฟังนะ แม่นยำที่สุด ถึงเวลาไปเลยจริงๆ เณรสมอยู่ในวัดเรานี้น่ะ มันดีๆ อยู่นี้ทำไมเป็นยังงี้ นี่ละอำนาจกรรมเรามองไม่เห็น แต่เรื่องสายกรรมสายญาณบันดลบันดาลให้ท่านฝันเห็นก่อนแล้ว เณรนี้จะเป็นอย่างนั้น แล้วก็เป็นอย่างที่ว่า ทั้งวัดไม่ใครรู้ มีแต่ท่านองค์เดียวฝันเป็นอย่างนั้น จึงมากระซิบกัน ความเป็นจริงก็เป็นอย่างที่ว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ไปเลย นี่ละอำนาจแห่งกรรมเราไม่เห็น กรรมของตัวเองผู้สร้างมันเห็นเองเป็นเอง บังคับตัวเองทั้งฝ่ายดีฝ่ายชั่ว พากันจดจำให้ดี ให้ไปปฏิบัติ อันนี้เป็นตัวอย่างอันหนึ่งของเณรที่เป็น จะเป็นตัวอย่างสำหรับเราที่กำลังดีดดิ้นอยู่เวลานี้ ให้ดีดดิ้นไปในทางที่ถูกที่ดี ถ้าผิดพลาดแล้วก็จะจมได้ พากันจำเอา วันนี้ก็พูดเพียงเท่านี้ละ

    -เณรสม-หนีนรกมาเก.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  14. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “คนหลอกลวง เหลาะแหละ เหลวไหล ไม่มีสัจจะ ไม่มีความจริงใจ ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง ไม่มีทางที่จะอธิฐานจิตขึ้น จะแผ่เมตตาก็ไม่ได้ผลงานแต่ประการใด จะทำงานสิ่งใดก็ล้มเหลวอยู่เรื่อยไป”

    ธรรม..คำสอน..พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม

    -เหลาะแหละ-เหล.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  15. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ผู้ที่มีคุณธรรมอย่างสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    หรืออริยสาวกผู้ที่ไกลจากกิเลสเหล่านี้เป็นต้น
    ท่านจึงหลีกเร้นไปอยู่ในที่อันสงบสงัด
    ปราศจากสิ่งที่รบกวน
    เป็นอย่างนั้นเพราะสถานที่เหล่านั้นเป็นที่บำเพ็ญ
    ความสงบสงัดของใจท่านให้ได้รับความร่มเย็น

    เพราะฉะนั้นอย่างเรานี้ก็เหมือนกันผู้ที่เข้ามาฟัง
    เข้ามาวัดเข้ามาวาฟังเทศน์ฟังธรรมจำศีลภาวนาอย่างนี้
    ก็เป็นการปลดเปลื้องภาระอันภายนอก
    ให้คลายออกไปได้เปราะหนึ่ง
    เช่นมารักษาศีลอุโบสถอย่างนี้เป็นต้น
    ก็ทิ้งภาระตั้งแต่เช้าจนกระทั่งค่ำ
    จนกระทั่งรุ่งสว่างก็ปลดเปลื้องภาระของร่างกาย
    ออกไปจากใจจากกายได้ชนิดหนึ่ง

    แต่ทีนี้การเข้ามาปลดเปลื้องอย่างนี้ด้วยรักษาอุโบสถ
    แต่บางทีใจนั้นยังกังวลวุ่นวาย
    คิดอาลัยสิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่ตลอดเวลา
    เราก็ต้องใช้การประหัตประหารอย่าให้สิ่งเหล่านั้นมาบั่นทอน
    บั่นทอนความดีของเราอันนั้นที่ตั้งใจจะบำเพ็ญให้เกิดขึ้น
    คือไม่ได้อะไรก็ให้นึกถึง พุทโธ ธัมโม สังโฆ บทใดบทหนึ่ง
    อย่าให้สิ่งนั้นเข้ามากวนใจของเรา เมื่อรู้ตัวอย่างนั้นแล้ว
    ก็พยายามระลึกอยู่ตลอดเวลา ใจนั้นก็จะบังเกิดความสุข
    คือ เกิดความสงบของหัวใจนั่นเอง

    อย่างนั้นจึงเรียกว่า “ศีลบริสุทธิ์” ไม่ด่างพร้อย ไม่เศร้าหมอง
    ถึงซึ่ง “ความบริสุทธิ์ของสมาธิ” ได้อย่างนั้น
    นั่นเรียกว่า “ผู้ที่อบรมถูกทาง” ถูกต้องเรียกว่าตามกายวาจาใจ
    พร้อมด้วยศีลและก็เข้าถึงสมาธิ อย่างนี้เป็นต้น

    หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  16. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    -30-นาที-พระอา.jpg

    1f340.png คลิปฉบับเต็ม 30 นาที พระอาจารย์ชยสาโร แสดงธรรมงานบำเพ็ญกุศล หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ณ ศาลาบำเพ็ญกุศล วัดอรัญญวิเวก เวลา 19.00น. วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน 2561..พระอาจารย์ณอน ชยสาโร ศิษย์ในองค์หลวงปู่ชา สุภัทโท จากที่พักสงฆ์บ้านไร่ทอสี ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา องค์แสดงธรรมงานบำเพ็ญกุศล น้อมถวายเป็นอาจาริยบูชาคุณ แด่องค์หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ณ ศาลาบำเพ็ญกุศล วัดอรัญญวิเวก เวลา 19.00น. วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน 2561..
    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  17. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  18. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “พุทธภูมิ กว่าจะได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้านั้น เป็นของยากเป็นของลำบากที่สุด”

    (คติธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

    พูดเรื่องปรารถนาพุทธภูมินี้ อย่างพระพุทธเจ้าเสด็จจากโปรดพระมารดาชั้นดาวดึงส์ลงมานี้ ทรงบันดาลฤทธิ์เดชต่างๆ ของพุทธานุภาพนั่นแหละ ให้ประชาชนตลอดเทวบุตรเทวดาอะไรๆ ให้เห็นกันในขณะนั้น ใครก็พออกพอใจ ใครก็ปรารถนาเป็นพุทธภูมิๆ หมด ไม่ใช่เล่นๆ นะ ตอนที่เสด็จลงมาพระพุทธเจ้าทรงแสดงฤทธานุภาพให้สัตว์ทั้งหลายได้เห็นตามความจริงที่ถูกสิ่งกำบังมันปิดเอาไว้ๆ ไม่ให้เห็น ทรงแสดงฤทธิ์ออกมาให้เห็นด้วย ให้เห็นความอัศจรรย์ของพระพุทธเจ้า พลานุภาพทุกอย่างเต็มอยู่นั้นหมด ใครก็ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าๆ โอ๊ย มากมายก่ายกอง พระองค์ก็ทรงยิ้มพระโอษฐ์ แน่ะ ภาษาเราว่ายิ้ม ใครก็อยากเป็นพระพุทธเจ้า แต่เหล่านี้จะเป็นได้สักรายหนึ่งก็ยากนะ นั่น

    คือความเป็นพระพุทธเจ้าเป็นของยากของลำบากที่สุด ต้องอดต้องทนทุกอย่างรวมอยู่นั้นหมดเลย อยู่ในพุทธภูมิ ผู้จะนำโลกต้องเป็นผู้มีความสามารถ ความอดความทนความอุตส่าห์พยายามทุกสิ่งทุกอย่างต้องทนรับทั้งนั้น เป็นเหมือนกันกับพื้นดิน ใครจะขี้รดเยี่ยวรดอะไรๆ ก็เท่านั้น หนาแน่นไปด้วยการบำเพ็ญ เหมือนแผ่นดินความหมายว่างั้น ถึงอย่างนั้นยังนานต่างกัน พระพุทธเจ้าประเภทที่หนึ่งทรงบำเพ็ญพระบารมี กว่าจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมา ๑๖ อสงไขย อสงไขยๆ นี้แปลว่านับไม่ได้ มันก็ไม่เข้าใจ ก็เหมือนอย่างว่าหนึ่งล้านๆ นับไปเท่าไรๆ เอาล้านรับไว้เลย ยี่สิบ สามสิบ สี่สิบล้านอย่างนี้ เหมือนว่าอสงไขยๆ หนึ่ง ให้เป็นเหมือนหนึ่งล้าน ลักษณะอย่างนั้นละนะ อสงไขยแสนมหากัป นู่นน่ะ ติดอีกแสนมหากัป ๑๖ อสงไขยแสนมหากัป สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมา มีความสามารถทุกสิ่งทุกอย่างในการที่จะนำสัตว์โลก แบกภาระได้หนักมากทีเดียว นำสัตว์โลกให้พ้นจากทุกข์ได้มากมาย

    ประเภทที่สองรองกันลงมา ประเภทที่สามก็เหมือนพระพุทธเจ้าของเรา พระองค์ก็รับสั่งแล้วว่า กำลังเราน้อยไม่เหมือนพระพุทธเจ้าสองประเภทนั้น แต่เรื่องความรู้ความฉลาดสามารถเต็มภูมิของศาสดาด้วยกัน เป็นแต่เพียงว่าการนำสัตว์โลกนี้มีกำลังมากน้อยต่างกัน ความรู้ความเฉลียวฉลาด โลกวิทู นี้เหมือนกัน รู้แจ้งเห็นจริงทุกอย่าง ท่านแสดงไว้เรื่องพุทธภูมิ

    -พุทธภูมิ-กว่าจะไ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  19. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  20. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ู่บารมีหลวงปู่ชอบ_เป็นคู่กันมานับล้านชาติ

    เรื่อง “หลวงปู่ชอบโปรดคู่บารมี จนบรรลุโสดาบัน”

    (ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ)
    วัดป่าวิเวกวัฒนาราม อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    ท่านอาจารย์ชอบ ฐานสโม เพิ่นเล่าให้ฟังว่า “บวชได้ ๒๐ พรรษา ปีนั้นอยู่จำพรรษาบ้านลิเตอะ ข้างดอยเชียงตอง เมืองพม่า มีลูกสาวคนร่ำรวยมีหน้ามีตาในหมู่บ้านตำบลแถบนั้นยกย่องให้เป็นหัวหน้าผู้นำ กำลังเป็นสาวอายุ ๑๙ ย่าง ๒๐ ปี รูปร่างสวยงาม มาขอให้ลาสิกขาออกไปอยู่ด้วยกัน เป็นสามีภรรยากัน ก็ว่า “ อายุมากแล้ว ๔๐ กว่าปี แล้วออกไปจะทำอะไรได้

    เขาว่า “ไม่ต้องทำอะไรมากหรอกดูแลการค้าขายกับพวกอังกฤษ”
    “ค้าขายไม่เป็น” หลวงปู่ชอบ (ฐานสโม) กล่าว
    “ฝึกหัดเอานิดหน่อยก็เป็นแล้ว”
    “พูดจาฝรั่งไม่เป็น” หลวงปู่ชอบ (ฐานสโม) กล่าว
    “ไม่เป็นไร เขามีล่ามชาวพม่าอยู่ เงินกำไรทุนรอนไม่ต้องกังวลมีอยู่มากแล้วค้าขายสะสมอีกนิดหน่อยก็อยู่ได้แล้ว อย่างว่าไม่ได้ก็ขอให้มีลูกหญิงก็ได้มีลูกชายก็ได้สักคน แล้วจึงจะกลับเข้าบวชก็ตามใจ”

    ตกลงกันอยู่นานหลายวันหลายครั้ง มีญาติผู้ใหญ่ของเขามาพูดจาช่วยสุดท้ายเขามาถามว่า “ลืมกันแล้วหรือ เคยทำบุญให้ทานบำเพ็ญมาด้วยกันลืมกันแล้วหรือ มาเสาะหาเห็นแล้วจะจากหนีไปอีกอย่างนั้นหรือ”

    “ไม่ลืมหรอก ถ้าลืมก็ไม่มา ที่มานี่ก็เพื่อจะมาบอกมาสอนให้รู้จักทานรู้จักศีล รู้จักภาวนา หาทางพ้นทุกข์ไปเสีย” หลวงปู่ชอบ (ฐานสโม) กล่าว อยู่จำพรรษาโปรดอีสาวน้อยคนนั้น ๒ ปี จึงได้หนีมาเมืองไทย”

    ผู้ข้าฯ (หลวงปู่จาม) ก็ถามว่า “ท่านอาจารย์ครับ อีนางน้อยนั้นเป็นเมียท่านอาจารย์มาได้กี่ชาติแล้วครับ”
    (หลวงปู่ชอบ) “นับแสนก็ยังไม่พอนับ”
    (หลวงปู่จาม) “เป็นล้าน”
    (หลวงปู่ชอบ) “อื่อ”
    (หลวงปู่จาม) “เป็นคู่บำเพ็ญหรือครับ”
    (หลวงปู่ชอบ) “อื่อ”
    (หลวงปู่จาม) “เขาได้ธรรมะไหมครับ”
    (หลวงปู่ชอบ) “สำเร็จเป็นพระโสดาบัน”
    (หลวงปู่จาม) “ท่านอาจารย์แก้ไขปลดให้”
    (หลวงปู่ชอบ) “อื่อ”
    (หลวงปู่จาม) “สบายไหมครับผม”
    (หลวงปู่ชอบ) “ปลดห่วงปลดอาลัยได้ ”
    (หลวงปู่จาม) “ท่านอาจารย์คิดฮอดไม่ครับ”
    (หลวงปู่ชอบ) “หายแล้ว”

    1528696747_557_คู่บารมีหลวงปู่ชอบ_เป็.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...