ธรรมะ จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย สายหลวงปู่มั่น, 4 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  2. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ( สอนการปฏิบัติเมื่อจิตเสื่อม )

    1f340.png จิตเป็นเหมือนสุนัขนั่นแล เจ้าของไปไหนมันต้องติดตามเจ้าของไปจนได้ นี่ถ้าเราเร่งความเพียรเข้าให้มาก จิตก็ต้องกลับมาเอง ไม่ต้องติดตามมันให้เสียเวลา มันหนีไปไหนไม่พ้นเราแน่ ๆ

    1f340.png จงพยายามทำความเพียรเข้าให้มากเชียว มันจะกลับมาในเร็ว ๆ นี่แล ไม่ต้องเสียใจให้มันได้ใจ เดี๋ยวมันว่าเราคิดถึงมันมากมันจะไม่กลับมา

    1f340.png จงปล่อยความคิดถึงมันเสีย แล้วให้คิดถึงพุทโธติด ๆ กันอย่าลดละ พอบริกรรมพุทโธถี่ยิบติด ๆ กันเข้า มันวิ่งกลับมาเอง

    1f340.png คราวนี้แม้มันกลับมาก็อย่าปล่อยพุทโธ มันไม่มีอาหารกินเดี๋ยวมันก็วิ่งกลับมาหาเรา จึงนึกพุทโธเพื่อเป็นอาหารของมันไว้มาก ๆ เมื่อมันกินอิ่มแล้วต้องพักผ่อน เราสบายขณะที่มันพักสงบตัวไม่วิ่งวุ่นขุ่นเคืองเที่ยวหาไฟมาเผาเรา ทำจนไล่มันไม่ยอมหนีไปจากเรานั่นแล พอดีกับใจตัวหิวโหยอาหารไม่มีวันอิ่มพอ

    1f340.png ถ้าอาหารพอกับมันแล้ว แม้ไล่หนีไปไหนมันก็ไม่ยอมไป ทำอย่างนั้นแล จิตเราจะไม่ยอมเสื่อมต่อไป

    1f340.png คือไม่เสื่อมเมื่ออาหารคือพุทโธพอกับมัน จงทำตามแบบที่สอนนี้ท่านจะได้ไม่เสียใจเพราะจิตเสื่อมแล้วเสื่อมเล่าอีกต่อไป

    -ภูริทัตโต-ส.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  3. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  4. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  5. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  6. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “แม่ชีแก้วพบครูบาอาจารย์หลวงตามหาบัว”

    (จากธรรมประวัติ คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ)

    ในปี พ.ศ.๒๔๙๓ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เดินทางธุดงค์นำพระสงฆ์สามเณร ได้แก่ หลวงปู่สิงห์ทอง หลวงปู่เพียร หลวงบุญเพ็ง หลวงปู่ลี สามเณรภูบาลฯ ไปจำพรรษาที่บ้านห้วยทราย ก่อนที่หลวงตาพระมหาบัวจะไปอยู่ที่วัดบ้านห้วยทรายนี้ ขณะที่คุณแม่ชีแก้วนั่งภาวนาได้เกิดนิมิตเห็นว่ามีเดือนตกลงมาที่วัดป่าบ้านห้วยทราย จากนั้นดวงดาวที่ล้อมรอบก็ตกลงมาด้วย คุณแม่ชีแก้วก็พยากรณ์ว่า จะมีครูบาอาจารย์องค์สำคัญและพระสงฆ์ไม่ต่ำกว่า ๑๐ รูปมาที่บ้านห้วยทราย ต่อมาไม่นานหลวงตาพระมหาบัวก็ได้เดินทางมาที่บ้านห้วยทรายจริง ๆ ดังนิมิตของท่าน ทำให้ท่านเกิดความปีติยินดีมาก เพราะจะได้พบพระอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาเป็นครูบาอาจารย์สั่งสอนท่านดังที่หลวงปู่มั่นได้บอกไว้ ในเวลานั้นนับได้ว่าเป็นมงคลกาลอีกสมัยหนึ่ง ของชาวบ้านห้วยทราย

    การจำพรรษาที่บ้านห้วยทรายนี้ ท่านหลวงตาพระมหาบัวและสามเณรภูบาลได้ไปจำพรรษาอยู่ในถ้ำบนภูเขา ห่างจากบ้านห้วยทรายไปทางทิศตะวันตกประมาณ ๑ กิโลเมตร ส่วนพระภิกษุท่านอื่น ๆ ก็จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าวิเวกวัฒนาราม บ้านห้วยทรายนั่นเอง

    เมื่อคุณแม่ชีแก้วได้รับคำเตือนจากหลวงปู่มั่นเกี่ยวกับการภาวนาแล้วท่านก็ภาวนาด้วยความระมัดระวัง แต่ก็มีลักษณะเป็นนิมิตออกรู้ ออกเห็นภายนอก ลักษณะส่งจิตออกนอกจนกระทั่งคุณแม่ได้พบหลวงตาพระมหาบัว ซึ่งก็เป็นไปดังคำพยากรณ์ของหลวงปู่มั่น และคุณแม่ก็มั่นใจว่าได้พบครูบาอาจารย์องค์สำคัญแล้ว ท่านจึงได้เร่งทำความเพียรขึ้นมาอีกครั้ง

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เล่าถึงคุณแม่ชีแก้ว ในหนังสือหยดน้ำบนใบบัว ว่า

    “พอวันพระหนึ่งๆ พวกเขาจะไป ไปพร้อมกันไปละ ไปทั้งวัดเขาเลยแหละ พวกแม่ชีขาวหลั่งไหลกันไป ขึ้นบนภูเขาหาเรา ตอนบ่าย ๔ โมงเย็นเขาก็ไป ตอนจวน ๖ โมงเย็นเขาก็กลับลงมา พอไปถึงแกก็เล่าให้ฟัง ขึ้นต้นก็น่าฟังเลยนะ พอแกขึ้นต้นก็น่าฟังทันที”

    “นี่ก็ไม่ได้ภาวนา เพิ่งเริ่มมาภาวนานี่แหละ** ญาท่านมั่นไม่ให้ภาวนา” แกว่าอย่างนั้น “ท่านห้ามไม่ให้ภาวนา”

    เราก็สะดุดใจกิ๊ก มันต้องมีอันหนึ่งแน่นอน ลงหลวงปู่มั่นห้ามไม่ให้ภาวนานี้ต้องมีอันหนึ่งแน่นอน จากนั้นแกก็เล่าภาวนาให้ฟังนี้ โถ ไม่ใช่เล่น ๆ พิสดารเกินคาดเกินหมาย เราก็จับได้เลยทันที “อ๋ออันนี้เองที่ท่านห้ามไม่ให้ภาวนา” พอไปอยู่กับเรา…ไปหาเราก็ภาวนาพูดตั้งแต่เรื่องความรู้ความเห็น ไปโปรดเปรตโปรดผีอะไรต่ออะไร นรกสวรรค์ แกไปหมด รู้หมด แกรู้ ทีนี้เวลาภาวนา มันก็เพลินแต่ชมสิ่งเหล่านี้ ครั้นไปหาเรานานเข้า ๆ เราก็ค่อยห้ามเข้าหักเข้ามาเป็นลำดับลำดา ห้ามไม่ให้ออก ต่อไปห้ามไม่ให้ออกเด็ดขาด นี่แหละเอากันตอนนี้ ทีแรกให้ออกได้ ให้ออกก็ได้ไม่ออกก็ได้ ได้ไหมเอาไปภาวนาดู?”

    ครั้นต่อมา “ไม่ให้ออก” ต่อมาตัดเลยเด็ดขาด “ห้ามไม่ให้ออกเป็นอันขาด” นั่นเอาขนาดนั้นนะทีนี้ ให้แกรู้ภายใน อันนั้นเป็นรู้ภายนอก ไม่ใช่รู้เรื่องแก้กิเลส จะให้แกเข้ามารู้ภายในเพื่อจะแก้กิเลส แกไม่ยอมเข้า เถียงกัน แกก็ว่าแกรู้ แกก็เถียงกันกับเรานี่แหละ ตอนมันสำคัญนะ พอมาเถียงกับอาจารย์อาจารย์ก็ไล่ลงภูเขา ร้องไห้ลงภูเขาเลย

    “ไป…จะไปที่ไหน…ไป สถานที่นี่ไม่มีบัณฑิตนักปราชญ์ มีแต่คนพาลนะ ใครเป็นบัณฑิตนักปราชญ์ให้ไป ลงไป…”

    ไล่ลงเดี๋ยวนั้น ร้องไห้ลงไปเลย เราก็เฉย น้ำตานี้ ไม่เห็นมีประโยชน์อะไร เราเอาตรงนั้น ไล่ไป “อย่าขึ้นมานะ แต่นี้ต่อห้าม” ตัดเด็ดขาดกันเลย ไปได้ 4-5 วัน โผล่ขึ้นมาอีก

    “…ขึ้นมาทำอะไร !!!…”

    เดี๋ยว ๆ ให้พูดเสียก่อน เดี๋ยว ๆ ให้พูดเสียก่อน” แกว่า

    “มันอะไรกัน นักปราชญ์ใหญ่” เราว่าอย่างนั้นนะ ว่านักปราชญ์ใหญ่

    แกว่า “เดี๋ยว ๆ ให้พูดเสียก่อนๆ” แกจึงเล่าให้ฟังคือไปมันหมดหวัง แกก็หวังจะพึ่ง ก็พูดเปิดอกเสียเลย แกหวังว่า

    “จะพึ่งอาจารย์องค์นี้ ชีวิตจิตใจมอบไว้หมดแล้วไม่มีอะไร แล้วก็ถูกท่านไล่ลงจากภูเขา เราจะพึ่งที่ไหน? แล้วเหตุที่ท่านไล่ ท่านก็มีเหตุผลของท่านว่า เราไม่ฟังคำท่าน ท่านไล่นี่ ถ้าหากว่า เราจะถือว่าท่านเป็นครูเป็นอาจารย์ แล้วทำไมจึงไม่ฟังคำของท่าน เพราะเราอวดดี แล้วมันก็เป็นอย่างนี้ ไม่เห็นได้เรื่องได้ราวอะไร ทีนี้ก็เลยเอาคำของท่านมาสอนมาปฏิบัติมันจะเป็นยังไง? เอาว่าซิ มันจะจมก็จมไปซิ”

    คราวนี้แกเอาคำของเราไปสอนบังคับไม่ให้ออกอย่างว่านั่นแหละ แต่ก่อนมีแต่ออก ๆ ห้ามขนาดถึงว่าไล่ลงภูเขา แกไม่ยอมเข้า มีแต่ออกรู้อย่างเดียวพอไปหมดท่าหมดทางหมดทีพึ่งที่เกาะแล้ว ก็มาเห็นโทษตัวเอง

    “ถ้าว่าเราถือท่านเป็นครูเป็นอาจารย์ทำไมไม่ฟังคำท่าน ฟังคำท่านซิ ทำลงไปแล้วเป็นยังไงให้รู้ซิ”

    เลยทำตามนั้น พอทำตามนั้นมันก็เปิดโล่งภายในซิ ทีนี้จ้าขึ้นเลยเชียวนี่ก็สรุปความเอาเลย นี่แลหะที่กลับขึ้นมา กลับขึ้นมาเพราะเหตุนี้ ทีนี้ได้รู้อย่างนั้น ๆ ละทีนี้ รู้ตามที่เราสอนนะ

    “เออ เอาละ ทีนี้ขยำลงไปนะตรงนี้ ทีนี้อย่าออก อย่ายุ่ง ยุ่งมานานแล้วไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไร เหมือนเราดูดินฟ้าอากาศ ดูสิ่งเหล่านั้นน่ะ ดูสิ่งเหลานั้นน่ะ ดูเปรตดูผีดูเทวบุตรเทวดา มันก็เหมือนตาเนื้อเราดู สิ่งเหล่านี้ไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไร ถอนกิเลสตัวเดียวก็ไม่ได้ นี่ตรงนี้ ตรงถอนกิเลส”

    เราก็ว่าอย่างนี้ “เอ้า ดูตรงนี้นะ” แกก็ขยำใหญ่เลย เอาใหญ่เลย ลงใจไม่นานนะก็ผ่านไป แกบอกแกผ่านมานานนะ…

    พ.ศ. ๒๔๙๔ เราไปจำพรรษาที่ห้วยทราย ในราวสัก ๒๔๙๕ ละมัง แกก็ผ่าน…” (บรรลุธรรม)

    นอกจากนี้ หลวงตายังได้เล่าถึงคุณแม่ชีแก้วว่ามีความรู้พิสดาร รู้เห็นแม่นยำมาก เช่น เมื่อหลวงตาออกจากวัด คุณแม่ชีแก้วก็จะทราบว่าหลวงตาไปแล้วเพราะจะรู้สึกเย็นๆ ทั้ง ๆ ที่หลวงตาไม่ได้บอกใครล่วงหน้า หรือเมื่อหลวงตากลับมาที่วัดคุณแม่ชีแก้วก็จะทราบล่วงหน้าเช่นกัน ด้วยรู้สึกถึงกระแสความอบอุ่น คุณแม่ชีแก้วก็จะจัดเตรียมหุงข้าว เตรียมหมาก ให้แม่ชีนำมาถวาย ไม่มีพลาดสักครั้ง จึงทำให้หลวงตาแปลกใจมาก

    และอีกเหตุการณ์หนึ่งก็คือเมื่อหลวงปู่มั่นมรณภาพ คุณแม่ชีแก้วก็ทราบก่อนที่จะมีการประกาศข่าวมรณภาพของหลวงปู่มั่นทางวิทยุ เพราะเมื่อคุณแม่ชีแก้วเข้าที่ภาวนา หลวงปู่มั่นก็มาเร่งให้คุณแม่ชีแก้วไปวัดป่าบ้านหนองผือเพราะท่านอาพาธหนักและจวนจะมรณภาพแล้ว จนถึงวันที่หลวงปู่มั่นมรณภาพ คุณแม่ชีแก้วก็ทราบในนิมิตภาวนาของท่าน

    ตลอดเวลา ๔ ปี ที่หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน จำพรรษาอยู่ที่บ้านห้วยทรายนั้น ชาวบ้านห้วยทรายให้ความเคารพนักและเทิดทูนหลวงตาเป็นที่สุดอย่างหาที่เปรียบมิได้ และเมื่อหลวงตาไปสร้างวัดป่าบ้านตาด อยู่ที่บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ชาวบ้านห้วยทรายก็เดินทางไปกราบนมัสการหลวงตาอยู่เสมอไม่เคยขาด

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  7. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    วิบากกรรม ตั้งแต่ “อดีตชาติ” ส่งผลถึง “ปัจจุบันชาติ”

    คนเราอยากไปคิดว่าอายุ 80 ปี 90 ปี 100 ปึ ถึงจะเรียกว่าเป็นผู้ได้สร้างบารมีมากพอสมควรที่จะไปสักการะบูชา เราอย่ามองข้ามในระหว่างพระภิกษุสามเณรที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนา ผู้ที่มีความตั้งใจประพฤติปฏิบัติและอีกยัง

    เป็นผู้เคยสร้างบารมีมาหลายภพหลายชาติสันชาติญาณผู้ที่เคยสร้างบารมีมาหลายภพหลายชาติเกิดขึ้นมาจิตใจจะเป็นบุญเป็นกุศลตั้งแต่รู้เดียงสาอยากจะเข้าไปอยู่ในวัดยกตัวอย่างหลวงพ่อที่พูดอยู่เนี้ย มีนิสัยตั้งแต่เป็นเด็กไปวิ่งตามก้นพระกรรมฐานอยู่ในวัด
    ไปถวายน้ำไปไดหญ้า มือจับด้ามจอบเนี้ยมันยังไม่แข็งแรง(เพราะเป็นเด็กอยู่) จอบมันก็สับหลังเท้าเนี้ยเป็นแผลมา เลือดไหลมาถึงบ้านพ่อก็ดุเอาเพราะสมัยนั้นมันยังเป็นเด็กอยู่ยังทำไม่เป็นนั้นแหละมีนิสัยจนได้เข้าโรงเรียนพอออกโรงเรียนประถมปีที่ 4

    ก็ขอพ่อไปบวชโยมพ่อก็ไม่ให้ไปบวชเพราะว่า น้องยังมีหลายคนพ่อก็เลยว่าให้ช่วยเลี้ยงน้องให้น้องโตเสียก่อนแม่มีน้องหลายคนจำเป็นจะต้องอยู่ อดทนอยู่เลี้ยงน้องไป น้องคนเล็กเข้าโรงเรียนอยู่ชั้น ป.2 ก็เลยได้เข้ามาบวชตอนอายุ 18 ย่าง 19 ปีได้เข้ามาอยู่ในพระพุทธศาสนา

    ได้เป็นสามเณรอยู่ 2 พรรษา ท่านมหาประกอบ ก็เหมือนกันบวชเข้ามาก็ได้มาศึกษาทางพระพุทธศาสนา
    จนแตกฉานในเรื่องวิชาทางศาสนาได้เข้าใจ และได้บำเพ็ญภาวนามาจากนั้นก็ยกเลิกในการศึกษามาประพฤติปฏิบัติเอาจริงเอาจังด้านภาวนา
    มาสร้างบารมี คือว่า การสร้างบารมีมันมีตั้งแต่อดีตชาติไม่ใช่แค่ชาตินี้ชาติเดียว แต่คนเราเกิดมาเนี้ยไม่ใช่ว่าจะสร้างแต่บารมีอย่างเดียว สร้างวิบากกรรมก็มีอยู่เหมือนกัน เพระาเกิดมาหลายภพหลายชาติมีวิบากกรรมติดตัวมาทุกคนเพราะฉะนั้นการเวียนว่ายตายเกิด
    ในวัฏสงสารมันมีเยอะมันมีบาปมีกรรมติดตัวมา บาปติดตัวมาเนี้ยเขาเรียกว่าวิบากกรรม วิบากกรรมตัวนี้ติดตัวมา

    ทำไมเราถึงมาสำนึกว่าวิบากกรรมเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ภิกษุสามเณรที่เป็น หลวงปู่ครูบาอาจารย์ของเราทุกๆองค์ที่บวชเข้ามาจะผ่านวิบากกรรมเนี้ยทุกๆองค์จนคิดจะอยู่ไม่ได้บางรูปบางองค์อย่างที่หลวงปู่เสาร์อย่างเนี้ยท่านคิดจะสึกแล้ว หลวงปู่มั่นก็เหมือนกันคิดจะสึกเหมือนกันแต่ด้วยการเคยสร้างบารมีมา นั้นแหละ! เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วก็เกิดสลดสังเวชจำเป็นจะต้องละจากการที่ตั้งใจเอาไว้ “คิดจะสึก” มันหมดเพราะไปเห็นความไม่เที่ยงในระหว่างการเกิดการแก่การเจ็บการตาย

    อย่างหลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นท่านก็ไปเห็นความไม่เที่ยงในระหว่างผู้ที่เป็นบิดามารดาตายจากไปอย่างเนี้ย
    สิ่งไหนที่เคยคิดเอาไว้มันละออกจากจิตใจนี้ทั้งหมดสักวันหนึ่งเราจะต้องตายเหมือนกับพ่อกับแม่ของพวกเราเมื่อท่านมาพิจารณาอย่างนี้แล้วก็ตั้งใจภาวนาใหม่ ตั้งใจใหม่ จนได้สำเร็จสมความปราถนามีความมุ่งมั่นที่จะประพฤติปฏิบัติทีนี้คำว่า วิบาก เอาตัวอย่างอย่างที่วัดป่านี้ ผู้ที่มีศรัทธามีเยอะผู้เป็นศัตรูก็มีเหมือนกัน ผู้ที่มีศรัทธาเรียกกว่าเป็นผู้ที่มีศรัทธาสั่งสมบุญบารมีร่วมกัน
    มาอาจจะเป็นหลายภพหลายชาติได้ส่งเสริมในพระพุทธศาสนาร่วมกันมาแต่ยังมีอุปสรรค เราจะมองเห็นศาลาสวยงามอย่างนี้

    เป็นโบสถ์สวยงามอย่างนี้ เรายังไม่รู้หรอกบางคน ว่ามีอุปสรรคอย่างไรนี้แหละคำว่า วิบาก มาถวงดุลในการเจริญ ถึงจะสร้างขึ้นมาด้วยความเจริญอย่างรวดเร็วก็จริงแต่ว่าสิ่งที่ยังขวางกันก็ยังมีอยู่ยังมีเส้นผมบังภูเขาอยู่ก็มีนิแหละคำว่า วิบากทำไมถึงว่าเป็นอย่างนี้เพราะเป็นกรรมของผู้นำเป็นวิบากของผู้นำโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นวิบากของเจ้าอาวาสโดยตรง เจ้าอาวาสเคยสร้างวิบากกรรมเอาไว้อย่างใดอย่างหนึ่งในชาติปางก่อนพอมาถึงจุดจุดนี้จะต้องมีสิ่งที่มาขวางกั้น ไม่ให้เกิดความสะดวกในการกระทำถึงว่าจะมีความตั้งใจบริสุทธิ์ใจขนาดไหนก็ยังมีอุปสรรคอยู่มาขวางกั้นอยู่ถวงดุลุวงเวลาเหมือนกับมีเซียนหนามทิ่มอยู่ในฝ่าเท้าของตนเองอย่างนี้เดินไปมันก็เจ็บเท้าแล้วก็กว่าจะเอาเข็มมาบ่งออกไปแต่มันก็อยู่ลึกเหลือเกินมันก็บ่งไปถึง ถ้ามันอยู่ผิวหนังมันก็บ่งง่ายแต่มันอยู่ลึกในใจกลางเนื้อเรา เราบ่งไม่ถึงจำเป็นก็ต้องทนเจ็บอย่างนั้นไปก่อน
    เดี๋ยวสักวันหนึ่งถ้าหมดวิบากแล้วหนามนั้นก็จะย้อนกลับออกไปเรื่อยๆ จนไปถึงผิวแล้วก็หลุดออกไปเองอันนี้ คำว่าวิบากตรงนี้มันมีทุกคน

    ***อย่างที่หลวงปู่พูดอยู่เนี้ย ที่ไปอยู่วัดป่าหนองช้างคาวก็มีวิบากเหมือนกันมีวิบากที่จะต้องเล่าให้ฟังในเบื้องต้นที่เคยเห็นนิมิตรตั้งแต่บวชมาในพระพุทธศาสนาตั้งแต่เป็นสามเณรมาจนได้มาบวชเป็นพระได้นิมิตรตั้งแต่เป็นเณรยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่พอบวช
    เป็นพระพรรษาแรกได้นิมิตรชัดเจนทันทีเลยย้อนอดีตชาติไปในอดีตชาตินี้เคย ไปสร้างกรรมเอาไว้ไปสร้างกรรมยังไง เราไปสร้างกรรมเนี้ย ไม่ได้ไปทำเพื่อที่จะมาเอาเป็นของต้นเอง เราไปไล่ยายคนหนึ่งออกจากพื้นที่ของแกยายนั้นอยู่ที่นั้นตั้งแต่เกิดพื้นที่ตรงนั้น
    ทำไมถึงไปไล่ในสมัยก่อนนั้นเขาให้สิทธิแกผู้ปกครองในระหว่างเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในตำแหน่งที่เป็นหมอมหลวงขึ้นไปหมอมหลวงเจ้าหมอมหลวงอะไร

    ในสมัยก่อนนั้นนูนแหละเจ้าพระยานั้นเจ้าพระยานี้ สมัยนั้นแผ่นดินมันยังกว้างขวางพระเจ้าพระยาคนนั้นอยากได้ที่ตรงนั้นกี่ร้อยไร่กี่พันไร่อย่างนี้ก็ยกให้เป็นสมบัติของผู้นำของแผ่นดินว่างั้นเถอะนั้นแหละเขามีสิทธิ ในสมัยนั้นกฏหมายอนุญาติ เพราะฉนั้นคนที่อยู่พื้นที่ใน
    ตรงนั้นจะต้องขยับขยายออกไปจากที่นั้นแล้วผู้ที่จะขยับขยายจะสั่งใครเป็นผู้ไปขับไล่ออกนอกจากพนักงานเจ้าหน้าที่ของเจ้าของแผ่นดิน
    คือเจ้าหน้าที่คือพนักงานแผ่นดินทำหน้าที่เรื่องเกี่ยวกับพนักงานที่ดินว่างั้นเถอะหมายถึงว่า พนักงานที่ดินอำเภอ พนักงานที่ดินจังหวัดอย่างนี้ที่นี้
    มันย้อนอดีตว่าในครั้งนั้นเนี้ยหลวงปู่ในนามที่เป็นพนักงานที่ดิน ทำงานเป็นพนักงานที่ดินมีเพื่อนที่เรียนจบด้วยกันคือ

    ลูกชายของยายคนนั้นก็ทำงานด้วยกันเพื่อนก็เลยบอกว่าเจ้านายอยากได้ที่ดินตรงนี้ให้เพื่อนบอกแม่แล้วกันนะ บอกให้แม่เราย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่นไปหาที่อยู่ใหม่ ถ้าจะให้เราบอกแม่ แม่ก็จะดุเราลูกชายก็ไม่กล้าบอกก็มาบอกเราเนี้ยเราก็เป็นเพื่อนกันกับลูกชายเขาก็ไปอยู่กินนอนกินอยู่ที่นั้นรักเรารักยายนั้นก็เหมือนกับแม่ของตนเอง ก็เลยไปบอกว่าแม่ หมอมหลวงเขาอยากได้ที่ตรงนี้ 500 ไร่ บ้านของเรามันอยู่ในพื้นที่ตรงนี้เราต้องย้ายบ้านออกนะ โห..แกโกรธให้เราเลยจองล้างจองผลาญ จองกรรมจองเวรเลย เขารู้ได้ยังไงว่าที่ตรงนี้มันดี ถ้าพวกมึงไม่ไปบอกเขา กูไม่หนี้ ไม่หนี้ไม่ได้แม่ไปเขี้ยวเข็นกันอยู่งั้นทะเลาะกันอยู่
    งั้นแกก็เลยใส่กรรม เกิดทุกภพทุกชาติให้มึงถูกไล่เหมือนอย่างกู พอเราได้นิมิตรอย่างนั้นมาก็ฝังลึกอยู่ในใจ จิตใจก็ไม่ลืมเท่าทุกวันนี้แหละไม่ลืมเลยตั้งแต่เป็นพระ พรรษาแรกทีนี้พอไปอยู่วัดป่าปฐพีบรรพต ไปตั้งวัดใหม่ที่บ้านคำแคน ก็ได้รับกิจนิมนต์ไปที่นั้นที่นี้ก็เก็บปัจจัยเอาไว้เก็บปัจจัยเอาไว้ได้สองหมื่นบาท พอดีเขาจะขายที่ติดวัด 20 ไร่ ไร่ละ 1,000 บาท
    เราก็เก็บเงิน ตั้ง 7 ปี 8 ปี ถึงได้เงิน สองหมื่นหนะ เก็บไว้ซื้อที่ดินเก็บเงินไว้ซื้อที่ดินจะอุทิศส่วนกุศลให้ยาย
    นั้นให้มันพ้นกรรมที่แกจองกรรมจองเวรเรานั่งภาวนาทุกวันจะได้ยินเสียงคำนี้ ขึ้นมาทุกครั้งเลยทีนี้ก็
    พอได้เงินสองหมื่นแล้วเขาก็บอกขายที่ดินพอดีก็เลยไปซื้อที่ดินของชาวบ้านไปถามเขาว่าจะขายหรือเปล่าเจ้าของเขาอยู่ที่อำเภอกุมภวาปี เขาก็เลยไปถาม เขาก็เลยว่าจะขายอยู่ไร่ละ 1,000 บาท

    โอไร่ละพันบาทสมัยนั้นปี 2517 แหม่…มันมากเหลือกเกินเราเก็บตั้งเจ็ดปีถึงจะได้เงินสองหมื่นบาท
    นั้นแหละก็เลยไปจ่ายค่าที่ดินไร่ละพันบาทก็เลยได้ที่ไปถวายอุทิศส่วนกุศลให้ยาย พอถวายแล้วอุทิศส่วนกุศลให้แล้วภาวนายังได้ยินเสียงน้ันอยู่
    โอ๊ย…ทำยังไงมันถึงจะหมดกรรมเราก็อยู่ที่วัดป่าปฐพีบรรพตได้ 10 พรรษาสร้างศาลาเสร็จก็เลยไปอยู่วัดป่าหนองช้างคาววันแรก พออยู่วันแรกเช้ามาถูกไล่เลย พระมหานิกาย 6 อำเภอ เขาได้ข่าวไวถึงขนาดนั้นสั่งลูกศิษย์เป็นฆารวาสมาไล่วันแรก
    หลังจากนั้นมาอยู่ 3 เดือนยกมา 6 อำเภอ เจ้าคณะอำเภอ 6 อำเภอ เจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาสอีก
    แหม่หกเจ็ดคันรถนั่งไม่ได้ยื่นกันมาเฉพาะพระเนี้ยมาไล่เขาจะไม่ให้ตั้งวัดที่นั้น โห…กรรม นี้เหรอที่ยายว่าให้มันทุกกไล่ทุกภพทุกชาติ นี้มันถึงอกถึงใจว่างั้นเถอะ จากนั้นเราก็พยายามเก็บปัจจัยไว้อีกจะซื้อที่ดิน ไปสวดมนต์เก็บส่วนนี้..ไว้ ในงานทอดผ้าป่าบ้าง
    ในงานทอดกฐินบ้าง ทำบุญบ้าง คนที่มาถวายปัจจัยทำบุญงานนั้นงานนี้มั่ง อันนั้นเก็บไว้สร้างศาลา สร้างกุฏิ แต่ส่วนที่เราไปรับกิจนิมนต์ไปสวดมนต์รับกิจเราเก็บไว้ซื้อที่ดิน แล้วก็ไปซื้อที่ดินแลก เอาไปซื้อที่ดินข้างนอกแล้วก็มาแลกที่ติดวัด 20 ไร่
    อีกอยู่ที่วัดป่าหนองช้างคาว อุทิศบุญให้ยายก็ยังไม่จบก็ยังถูกไล่มาตั้งแต่วันนั้นมาตั้งแต่ตั้งวัดมาถึง 16 ปี เต็มๆ ถูกไล่ปีล่ะ 2-3 ครั้ง
    เขายกขบวนมาไล่ พระหลายคันรถโยมก็หลายคันรถมานั่งด่าเต็มศาลาอย่างเนี้ยผู้หญิงคนไหนที่ด่าสามีเก่งๆเอามานั่งด่า ด่าคนละสองชั่วโมงสามชั่วโมงคิดดูสิด่าตั้งแต่ฉันเช้าเสร็จ บ่ายสามโมงถึงจบ สามคนจบพอดีมีแต่ผู้หญิงเดะด่า “พระสันจรมาจากที่ไหนไม่รู้จัก ต้นปลายสายเหตุ” ทั้งๆที่เขารู้อยู่นะเรารู้เราก็ไม่ใช่คนบ้านอื่นบ้านไกล

    ตรงนั้นก็เป็นบ้านเกิดของเราด้วยมันยังมาด่าพวกที่ด่าก็คนแถวนั้นละ มันยังมาว่าไม่รู้ ใครเป็นคนถวายที่แปลงนี้
    มันก็ยังว่าอยู่ทั้งๆที่แปลงนี้เราซื้อเอาแล้วก็ส่วนหนึ่งเป็นโยมลุงที่ถวายรวมกันแล้ว โยมถวาย 20 ไร่ ซื้ออีก 20 ไร่เป็น 40 ไร่ แล้วก็ที่ติดป่าช้าอีก 80 ไร่ นี้เป็นที่อยู่หนองช้างคาวครั้งแรกเขาก็ยังมาไล่ “ใครไปนิมนต์มา” เราก็มีความมั่นใจว่า.. เพราะว่าถึงจะไล่เราก็ไม่หนี เพราะโยมลุงเป็นคนถวายที่ที่ติดกับที่นาของลุง ลุงก็คือเป็นพี่ชายของโยมแม่อย่างนั้นเขาก็ไม่มีสิทธิ
    ในที่ดินสักหนึ่งวาเลยเขายังมาไล่ ไล่อยู่ถึง 16 ปี เต็มๆคิดดูสิ แหม่ถ้าเป็นพวกเราอยู่ได้หรือเปล่าเขาด่าว่าสารพัด หมูๆ หมาๆ ด่าหมดทุกอย่าง เวลากลางคืนเนี้ยอยู่ในหมู่บ้านเขาคุยกันว่า ทำไง! พระวัดป่าถึงจะหนี ไอ้คนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า

    “ไปขี้ใส่โองน้ำให้มันมันไม่มีน้ำกินมันก็หนี” เรานั่งภาวนาอยู่ที่กุฏิอยู่กลางคืนเดินจงกลมอยู่เดินจงกลมแล้วขึ้นมานั่ง เหมือนกับไปยืนดูเขาอยู่ที่กลางหมู่บ้านเขานั่งประชุมกันอยู่เขาคุยกัน เราได้ยินคำที่เขาพูดนี้หมดทุกคำ ไม่รู้ว่านิมิตรมันเป็นยังไงเหมือนกับไปยืนดูเขาอยู่ใกล้ๆ พอวันหลังมาก็เป็นวันพระ พวกลูกศิษย์ลูกหาศรัทธาญาติโยมก็มาที่วัดมารักษาศีลอุโบสถ รักษาศีลตั้งแต่ผู้เฒ่าจนถึงหนุ่มๆสาวๆเด็กๆ ก็พากันมาเต็มศาลานั่งใส่เสื้อขาวเหมือนพวกเรานี้มานั่งภาวนา
    เราก็อบรมสมาธิไปพานั่งสมาธิไปถึง 4-5 ทุ่มแล้วก็ก่อนจะเลิกเราก็สอนอีกหนึ่งชั่วโมง ให้พากันรักษาสติอารมณ์ให้ดีถึงว่าเขาจะอิจฉาพยาบาทเรามาไล่เรา มาแกล้งที่จะกลั้นแกล้งไม่ให้พวกเราได้สร้างคุณงามความดี อย่าไปหวั่นไหว การสร้างคุณงามความดีมันมีมารมาเป็นเรื่องธรรมดา อย่าว่าแต่พวกเราเลยพระพุทธเจ้ายังมีมารมากกว่าพวกเราแค่นี้เพียงเล็กน้อยเราก็พูดอย่างนี้แม้เขาจะมาขี้ใส่น้ำให้หลวงพ่อกินหลวงพ่อก็จะกิน เพราะพระพุทธเจ้าแสดงธรรมเอาไว้ว่า

    ยาที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในตำราของพระพุทธเจ้าคือ ฉันยาดองด้วยน้ำมูตเน่า แสดงว่าเราจะได้ฉันยาดองด้วยน้ำมูตเน่า นั้นแหละเป็นยาดีที่สุดหลวงพ่อก็จะฉัน โยมที่เขามานั่งฟังเทศน์อยู่นั้นนั่งสมาธิอยู่นั้น เขาได้ยินกันทั้งหมู่บ้าน เขาก็เลยไปซุบซิบกันหลวงพ่อได้ยินยังไงว่ะ ใครมาพูดให้หลวงพ่อฟังไม่มีใครมาพูดให้เราฟังอ่ะแต่เราได้นิมิตรตั้งแต่กลางคืนแล้ว
    แต่พอวันหลังมาเท่านั้นแหละเลยวันพระมาคนที่มันพูดนะมันซื้อวัวมา 4 ตัว วัว 4 ตัวชักลงตายหมดเลยมันฉิบหายวายวอดเลยว่างั้นเถอะ
    แต่ไม่รู้ว่าเป็นยังไงนะ เราก็ไม่ได้ไปใส่กรรมเขานะ แต่มันเป็นวิบัติเลยไม่เจริญรุ่งเรืองนั้นแหละทำให้คนนั้นตั้งแต่วันนั้นไม่กล้าพูดอยู่มาลูกหลานเกิดขึ้นมาร้องไห้ตลอดทั้งวัดทั้งคืนที่นี้ไม่กินนมแม่ไม่กินข้าวกินน้ำร้องไห้เป็นเดือนก็ไม่กินนมเอาไปหาหมอที่ไหนก็ไม่หายเอาไปหาพระวัดไหนก็ไม่หาย หมอที่ไหนก็รักษาไม่หายแล้วจนเด็กเหลืองตัวเขียวหมดเลย ทั้งเหลืองทั้งเขียว

    ผลสุดท้ายถ้าเป็นอย่างนี้เอาไปหาหลวงพ่อ ถ้าไปหาหลวงพ่อที่วัดหนะหาย..มันก็กั้นใจอ้มหลานมา
    ผลสุดท้ายมาแล้วเราก็ผูกสายสินผูกข้อมือให้ก็เป่าหัว ก็ว่าหายสะเด้อหลานเอ๋ย พอเป่าเท่านั้นแหละมันก็ร้องแอ้ แม่มันก็เอานมให้กินที่วัดนั้นแหละพอวันนั้นก็หายเลย ทุกอย่างยกเลิกตั้งแต่วันนั้น ครอบครัวนั้นตักบาตรทุกวันจากศัตรูหมายเลขหนึ่งกลายเป็นมิตร ที่นี้ครอบครัวอื่นก็เจออย่างนั้นมาเรื่อยๆจนครบ 16 ปี ทายกวัดบ้านเป็นผู้นำเป็นผู้บุกระดม
    ไม่ให้ชาวบ้านมาจั่งหันที่วัดป่า จะบุกระดมอยู่ตลอดเวลาอยู่มาวันหนึ่งแกไปซื้อควายมา 2 ตัว ควายเป็นควายใหญ่ ใหญ่มากราคา 30,000 แต่ละตัวเนี้ย เขาจะเอามาทำนามาใส่เกวียนไปเข็นข้าวข่นฟืน ที่นี้ก็อยู่ดีๆ
    ก็จูงควายไปเลี้ยงที่โคกก่อนทางที่จะขึ้นโคกมันเป็นบ้านเก่าของคนทางเดินมันจะสูงลึก
    และข้างทางมันจะเป็นทางเดินทางควายขึ้นไปเป็นทางเดินพอควายที่จะผ่านไปได้เท่านั้นเองที่นี้ควายมันเดินขึ้นเดินลง มันก็เป็นร่องลึกมาถึงที่นั้นหนะควายไม่รู้ว่ากลัวอะไร ตัวเจ้าของควายเองไม่รู้ว่าคิดอย่างไงวันนั้นเอาเชือกควายมาผูกตัว ตัวเองทั้งสองตัว ผูกใส่เอวตัวเองเนี้ยควายมันก็วิ่งเลย วิ่งขึ้นช่องนั้นพอดี เออ ไม่รู้ว่ามันกลัวอะไรข้างหน้ามันก็ไม่มีอะไร
    แต่ควายมันกลัววิ่งขึ้นตรงนั้นเลยทันทีคนก็ไปคัดอยู่ตรงนั้นผ่านไปไม่ได้ กว่าเชือกควายจะขาดเอวคนมันจะขาดก่อน สะหลบอยู่ที่นั้นจนคนไปเจอควายมันขาดไปแล้วคนไปเจอนอนแองแมงอยู่นั้นเข้าห้อง ICU อยู่ที่จังหวัดอุดรอยู่เป็นเดือนถึงหาย พอหายออกมาพอพูดได้เดินได้กราบวันนั้นละ เขาช่วนมาทำร้ายวัดป่านี้ ไม่พูดเลยแม้แต่คำเดียวตั้งแต่วันนั้น

    แต่ละคนเจอหนักๆทั้งนั้นเลยว่างั้นเถอะ นี้แหละมันก็เป็นวิบากของเราเราก็เป็นวิบากของเราด้วยเนี้ยคำว่าวิบากเราก็ถูกไล่มาถึง 16 ปี ที่นี้เมื่อถึง 16 ปีทำไมถึงจบ บังเอิญ ที่นี้ลูกชายของคนที่เป็นเจ้าของที่ดินตั้งแต่ชาติปางก่อนในชาตินี้มาเกิดก็รู้จักกันอีกในชาตินี้นะ
    ตอนนี้เขาเป็นหมออยู่ในกรุงเทพนิแหละนะเขาไม่รู้หรอกว่าเราเป็นเพื่อนกับเขาแต่เรารู้ว่าเราเป็นเพื่อนกับเขาในชาติปางก่อนที่นี้ เราก็ได้นิมิตรว่าเขาจะขายที่ดินอยู่ที่เมืองชลบุรี 13 ไร่ ที่แปลงนี้เป็นที่ของแม่ยายคนนั้น เป็นแม่ของหมอในชาติปางก่อนและ
    บังเอิญเขาจะขายคนปัจจุบันเขาจะขายเขาร้อนเงินเขาจะขายในราคาไร่ละ 360,000 บาท เราก็ไปต่อลองในนิมิตรเราได้นิมิตรมายังไม่เคยเห็นที่ดินนั้นและก็ไม่เคยเห็นคนก็ไปต่อลองเขาก็เลยต่อลองลงมาจาก 400,000 ลงมาเป็น 360,000 พอต่อลองแล้วพอเช้ามาหมอไปกราบก็เลยบอกหมอว่า หมอๆ เขาจะขายที่ดินที่เมืองชล 13 ไร่ แต่เขาปลูกยางพารามาแล้วสองปี
    แล้วเมื่อคืนนี้เขาว่าจะขาย เขาจะขายไร่ละสามแสนหกหมื่น เราไปต่อลองแล้วถ้าหมอเจอเขาละซื้อเอานะ “ครับๆ ผมจะเอา”

    พอตกลงกันเรียบร้อยเรื่องเงียบปีนั้นปีที่ 15 ที่เขาไล่เรานะ ปีที่ได้นิมิตรปีที่ 15 ที่นี้อยู่มาเป็นเวลาหนึ่งปีเป็นปีที่ 16 ทางวัดก็ขออนุญาติสร้างวัดขอวิสุงคามสีมา ได้พอดีในปีที่ 16 วันที่ได้ วิสุงคามสีมา หนะ ก่อนวันที่วิสุงคามสีมาที่จะออกเขาจะประกาศวิสุงคามสีมาเนี้ย เจ้าของที่ที่อยู่เมืองชลเกิดไม่สบายมาหาหมอก็ไม่เจอกับหมอเพราะหมอรักษาพอหมอนี้รักษาแล้ว
    พูดถูกอกถูกใจกัน ก็เลยบอกว่าผมจะขายที่ดินที่เมืองชล 13 ไร่ ผมปลูกยางพาราไว้แล้ว สามปีนี้ว่างั้น
    พอหมอได้ยินหมอก็เลยถามว่าคุณจะขายเท่าไหร่ ผมจะขายไร่ละสามแสนหกหมื่นเออผมจะไปเอาผมจะไปเอาอย่าขายให้ใครนะ “ครับ”
    ใครจะให้เท่าไหร่ผมก้ไม่เอาผมจะขายให้หมอพอสัญญากันเรียบร้อยจนเย็นคนไข้กลับบ้านเมืองชลหมอปิดคีลนิครีบมาพบเราอยู่มูลนิธิมารายงานว่าเจอแล้วท่านอาจารย์เจอแล้วเออไปตั้งแต่เช้ามึดตีห้า ออกจากบ้านเลย กลับไปนี้จะมีคนมาขอให้เขาอีกเป็น
    หกแสนแล้วว่ะ หกแสนสามหมื่นแต่เขาก็ไม่ขายหรอก แต่อย่าประมาทเจ้าของที่ไปถึงบ้านก็มีคนจะมาให้ราคาหกแสนหกหมื่น ไอ้เจ้าของที่ไม่ยอมขายผมได้ตั้งสัจจะไว้กับหมอแล้วผมเสียสัจจะไม่ได้ ผมจะต้องขายให้หมอจะให้ผมล้านหนึ่งผมก้ไม่ขายผลสุดท้ายหมอ
    ไปถึงเขาก็เล่าให้ฟัง หมอก็เลยมัดจำสามสิบเปอร์เซนยังเป็นที่ของหมอเท่าทุกวันนี้ ทุกวันนี้ขึ้นหลายล้านแล้วนี้

    หมอยังให้คนกีดยางพาราให้อยู่พอวันที่หมอไปหมัดจำเสร็จเรียบร้อยวันนั้นหนะเขาประกาสวิสุงคามสีมา พอที่วันที่จะไปรับวิสุงคามสีมา หมอก็ไปโอนที่ดินพอดี เขามาไล่วันสุดท้ายพอดี จะมาไล่แต่ไม่ได้มาไล่เขาประกาส ชาวบ้านวันนี้เป็นวันที่จะมาไล่ทุกคนอยาก
    ได้อะไรในหมู่บ้านนี้ไปเอาบางคนก็เอาเหล็กซะแลงบางคนก็ได้ค้อนตีตะปูเอามาจะมางัดกุฏิก็จะมาเอาก็จะเอาไม้เอากระเบื้องมุงหลังคา

    บางคนก็จะเอากระดานปูพื้น เออพอเช้ามาเตรียมตัวกันแล้วที่นี่ เข้าไปแจ้งตำรวจอำเภอหนองหาร แจ้งเจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอหนองหาร ป่าไม้หนองหาร ปลัดอำเภอหนองหารเออแล้วก็ศึกษาอำเภอหนองหาร ออกมาครบวงจรเลยที่นี้ เที่ยงแล้วเขาจะออกมา
    ก่อนที่จะออกมาขาวบ้านเขาก็เลี้ยงดูปูปกกัน แต่ละกลุ่มในหมู่บ้านเขาปลุกระดมกันแต่เขาก็ไม่ได้กินข้าว หมอเดียวกันหมดทุกคนหรอก
    กลุ่มนั้นก็ไปเลี้ยงกัน กลุ่มนี้ก็ไปเลี้ยงกัน เลี้ยงกันทั้งหมู่บ้าน เกิดว่าใกล้ๆเวลาจะออกมาจะออกมาเป็นเวลา 11 โมง เกิดท้องร่วงกันทั้งหมดเลยว่างั้นเถอะ ในหมู่บ้านท้องร่วงกันหมดขึ้นรถกันไปเข้าไปโรงพยาบาลเมืองอุดร 4-5 คันรถ พร้อมกันทั้งหมดทั้งผู้หญิงผู้ชายไม่มีใครออกมาวัดมีผู้ใหญ่บ้านกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านขี่มอเตอร์ไซต์ออกมาหาตำรวจอยู่ที่วัด
    มาบอกตำรวจตำรวจมาคอยแล้วอยู่ที่วัดอยู่กับหลวงพ่อแล้ว ตำรวจก็บอกว่าโกหกเจ้าหน้าที่จับผู้ใหญ่บ้านผู้ช่วยไม่ดีเหรอวันนั้นวิสุงคามก็ออกมาพอดีชาวบ้านตั้งแต่วันนั้นปลุกระดมไม่ขึ้นเลยจบตั้งแต่วันนั้นเป็น 16 ปี นี้คำว่าวิบากกรรมที่ยายได้จองกรรมเอาไว้เกิดชาติใดภพใดให้มันถูกไล่เหมือนอย่างกูที่นี้ทำไมถึงจบ เพราะที่ดินแปลงนั้นกลับคืนไปหาลูกชายในชาติปัจจุบันอ่ะ ลูกชายของยายคนนั้นมาซื้อแล้วจ่ายวันนั้นโอนวันนั้นพอดีก็เลยหมดกรรมตรงนั้น ดูสินี้ วิบากมันมีจริงๆไม่ใช่ว่าเป็นสิ่งที่เอามาหลอกลวงกัน
    นี้เป็นเรื่องจริงที่เอามาพูดให้ฟัง เพราะฉนั้นเราอยู่ที่ไหน จะต้องหนักแน่นเชื่อคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ถึงจะมีวิบากเราก็ไม่ได้ไปโกงใคร เราก็ไม่ได้ขโมยใคร ก่อนที่เราจะได้มาอยู่ที่นี้เราได้หมอบฉันทะอย่างดีแล้วเราถึงได้ก่อสร้างสถานที่ที่นี้เป็นวัดวาอารามศาสนา แล้วการที่จะมาท้วงติงทีหลังเป็นเรื่องธรรมดา สักวันหนึ่งทุกคนจะต้องตายจากกันไปเดียวเรื่องก็จบไปเอากาลเวลา

    เป็นเครื่องวัดนะ เอาคุณงามความดีเป็นเครื่องวัดเอาบุญกุศลเป็นเครื่องวัดนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะฉนั้น อะไรจะเกิดขึ้นขอแต่ว่าเราหนักแน่น
    อยู่กับคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเราตั้งใจรักษาศีล ตั้งใจเดินจงกลม นั่งสมาธิ ภาวนา แผ่เมตตาต่อสัตว์โลกทั้งหลายอย่าได้จองกรรมจองเวรกับใครเลยใครจะมาต่อต้านใครจะมาว่ายังไงเราอย่าเอามาเป็นอารมณ์ของเรา ให้ใจของเราเป็นหนึ่งเดียว

    เราก็ไม่ได้เอาที่นี้เป็นของเราเอาเป็นสถานที่บำเพ็ญภาวนาเท่านั้นเอง เอาเป็นสถานที่สร้างบุญสร้างกุศล
    เป็นศูนย์รวมของชาวพุทของพวกเราเป็นศูนย์รวมของผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไม่ได้เอาเป็นของคนใดคนหนึ่งเราอาศัยปฏิบัติธรรมเท่านั้นเอง
    แล้วสักวันหนึ่งเราจะต้องจากที่นี้ไปส่วนนี้เป็นสมบัติของแผ่นดินเหมือนเดิมไม่ใช่ของบุคคลคลใดคนหนึ่งไม่ใช่ของเราไม่ใช่ของเขา
    ให้ทำใจให้เป็นอย่างนั้นถ้าใครทำใจให้เป็นอย่างนั้นจิตใจ ไม่มีอารมณืที่จะฉุนเฉียวเกิดอารมณ์ แม้จะกระทบจิตใจแทนที่จะโกรธก็เกิดเมตตา
    สงสารต่อผู้ที่มากระทบเราเมตตาสงสารเขากลัวเขาจะมีวิบากรรมกลัวเขาจะเป็นบาปเป็นกรรมเราคิดอย่างนั้นเราได้แต่เมตตา ได้แต่ภาวนาเราไม่คิดจองกรรมจองเวรกับใครถ้าทำใจให้ได้อย่างนี้ นั้นแหละการชำระ ความโลภออกจากใจ การชำระโกรธออกจากใจ
    การชำระความหลงออกจากใจก็มีสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นมากระทบใจถ้าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นมากระทบใจทำให้เกิดอารมณ์ทางใจ เมื่อสติปัญญาของเราฝึกดีแล้วอารมณ์เหล่านั้นก็ไม่เกิดขึ้นจิตใจก็จะเยือกเย็น อยู่ตลอดเวลาถึงจะเรียกว่าเป็นผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ

    หลวงปู่ไม อินทสิริ
    วัดป่าหนองช้างคาว อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี
    เทศน์เมื่อวันที่ 16 ก.ค. พ.ศ.2556

    -ตั้งแต่-อดีตช.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  8. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  9. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  10. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  11. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “หลวงปู่มั่นสอนหลักแห่งภาวนา”

    (จากธรรมประวัติ หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ)

    โอวาทของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จะแนะนำให้ประพฤติปฏิบัติทางพระวินัยให้เคร่งครัด รวมทั้งการธุดงค์ ท่านสอนหลักวิธีภาวนาดังต่อไปนี้

    “การภาวนา ให้พิจารณากายเป็นส่วนมาก พิจารณากายส่วนใดส่วนหนึ่งให้ถูกกับจริตนิสัยของตัวเอง ถ้าจิตไม่สงบ มีความฟุ้งซ่าน ให้น้อมนึกเข้ามาด้วยความมีสติ นึกภาวนาแต่” พุทโธ” เมื่อจิตสงบแล้วให้พักพุทโธไว้ ให้อยู่ในความสงบ แต่มีสติ ฝึกให้ชำนิชำนาญ แล้วให้นึกน้อมเข้ามาพิจารณากายของตนเองด้วยความมีสติ มิให้พลั้งเผลอ

    เมื่อจิตรวมก็ให้มีสติรู้ว่าจิตรวม อย่าบังคับให้จิตรวม ให้มีสติอยู่ว่าจิตรวม อย่าถอนจิตที่รวมอยู่ ให้จิตถอนออกเอง พอจิตถอนให้น้อมเข้ามาพิจารณากายที่เคยพิจารณาอยู่ ให้มีสติอยู่ตลอดเวลา ่วนนิมิตที่เกิดขึ้นแสดงเป็นภาพภายนอกหรือนิมิตภายในก็ให้น้อมเข้ามาพิจารณาให้เห็นว่า เป็นอนิจจังทุกขังอนัตตา ิ่งใดมีเกิดก็ต้องมีดับ อย่าพลั้งเผลอลุ่มหลงไปตามนิมิตที่เกิดขึ้น แล้วน้อมเข้ามาพิจารณากายให้เห็นเป็นไตรลักษณ์ ือไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตาว่ามิใช่ของตน

    ให้พิจารณาอย่างมีสติ เมื่อพิจารณาพอสมควรแล้วก็ให้พักอย่างสงบเมื่อสงบพอสมควรแล้วก็ให้พิจารณาต่อ”

    ท่านพระอาจารย์จวน เล่าให้ฟังว่า คำสอนของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จะเป็นในหลักนี้เสมอ

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  12. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  13. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    วัดบวรนิเวศวิหาร และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ขอเชิญประชาชนทั่วไป ร่วมทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อนำรายได้จัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ ค่ายา สำหรับพระภิกษุสามเณรอาพาธและผู้ป่วยทั่วไป โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในวันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม 2561 เวลา 14.00 น. ณ โถงชั้นล่าง อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์

    สามารถบริจาคและร่วมทำบุญได้ที่ ฝ่ายพิธีการ ตึกวชิรญาณวงศ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โทร.02 256 4382, 02 256 4505

    Cr. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

    -และโรง.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  14. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  15. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  16. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  17. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  18. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ันออกพรรษา วันพุธ ที่ 24 ตุลาคม 2561

    วันออกพรรษา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่งของไทย นับว่าเป็นวันที่สิ้นสุดระยะการจำพรรษา หรือในความเข้าใจแบบง่ายๆ

    ในวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการอยู่จำพรรษา 3 เดือนของพระภิกษุสงฆ์เถรวาท แต่ด้วยเนื้อความตามพระวินัยบัญญัติแล้ว เหล่าพระภิกษุจะต้องอยู่ในจำพรรษาในคืนวันสุดท้าย

    หรือวันออกพรรษานี้เพิ่มอีกคืนหนึ่ง ไม่สามารถที่จะไปค้างแรมที่อื่นได้ ต้องให้ผ่านเข้าสู่เช้าวันใหม่ (แรม 1 ค่ำ เดือน 11) เสียก่อน จึงจะเป็นวันออกพรรษาจริง

    วันออกพรรษา เรียกได้อีกอย่างหนึ่งตามคัมภีร์ วันปวารณา แปลว่า อนุญาต หรือ ยอมให้ ในวันนี้พระสงฆ์จำประกอบพิธีสังฆกรรมที่เรียกว่า มหาปวารณา แทนการสวดพระปาฏิโมกข์ (พระวินัย)

    โดยเปิดโอกาสให้พระภิกษุด้วยกันเองสามารถว่ากล่าวตักเตือนกันได้โดยเสมอภาค ด้วยจิตที่ปราถนาดีต่อกัน ถือเป็นข้อปฏิบัติตามพระวินัย

    ในวันออกพรรษานี้กิจที่ชาวบ้านมักจะกระทำก็คือ การบำเพ็ญกุศล เช่น ทำบุญตักบาตร จัดดอกไม้ ธูป เทียน ไปบูชาพระที่วัด และฟังพระธรรมเทศนา

    ของที่ชาวพุทธนิยมนำไปใส่บาตรในวันนี้ก็คือ ข้าวต้ม มัดไต้ และข้าวต้มลูกโยน และการร่วมกุศลกรรมการ “ตักบาตรเทโว” คำว่า “เทโว” ย่อมาจาก”เทโวโรหณะ”แปลว่าการเสด็จจากเทวโลกการตักบาตรเทโว

    จึงเป็นการระลึกถึงวันที่ พระพุทธองค์เสด็จกลับจากการโปรด พระพุทธมารดาในเทวโลก

    -วันพุธ-ที่-24-ต.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  19. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    24 ตุลาคม 2561 วันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระญาณสังวร

    …การเปิดใจรับ ก็คือ
    เปิดอารมณ์ที่หุ้มห่อ ออกเสียแม้ชั่วขณะหนึ่ง
    ด้วยสติที่กําหนดทําใจ ตามวิธีของพระพุทธเจ้า

    24-ตุลาคม-2561-วันคล้ายวันสิ้น.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  20. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...