"ธีรภัทร์"เร่งสำนักพุทธฯ ยกร่างพ.ร.บ.คุ้มครองพุทธศาสนา

"ธีรภัทร์"เร่งสำนักพุทธฯ ยกร่างพ.ร.บ.คุ้มครองพุทธศาสนา



รศ.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่รับหลักการร่างพ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้ส่งคืนร่างดังกล่าวกลับไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งเป็นผู้เสนอนั้น ขณะนี้ สนช.ได้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.อุปถัมภ์ฯ แล้ว เนื่องจากคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นความไม่ชัดเจนหลายประการที่ควรแก้ไขให้เกิดความสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นบทนิยามบางคำ มีความหมายกว้างและไม่มีความจัดเจน ซึ่งบางถ้อยคำในทางศาสนา ไม่จำเป็นต้องกำหนดไว้ในนิยาม รวมถึงขอบเขตคำว่า พระพุทธศาสนา จะมุ่งอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ฝ่ายเถรวาทเพียงอย่างเดียว แต่ควรเปิดกว้างสำหรับพระพุทธศาสนาเป็นการทั่วไปด้วย

รศ.ธีรภัทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนการกำหนดให้การคุ้มครองพระศาสดา ศาสนธรรม ศาสนศึกษา ศาสนบุคคล ศาสนสถาน ศาสนวัตถุ ศาสนสมบัติ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง (ร่างมาตรา 9 วรรคหนึ่ง) และการกำหนดห้ามกระทำการจาบจ้วง ละเมิด ลอกเลียน บิดเบือน หรือกระทำการอื่นใด ให้พระศาสดา ธรรม ศาสนศึกษา ศาสนบุคคล ศาสนสถาน ศาสนวัตถุ ศาสนสมบัติ ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสีย มัวหมอง หรือ วิปริตผิดเพี้ยน (ร่างมาตรา 9 วรรคสอง) หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษอาญาตามร่างมาตรา 21 และ22 วรรคหนึ่งตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว คณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่า การกำหนดโทษควรจะกำหนดแค่มาตรา 9 วรรคสองเท่านั้น เพราะมาตรา 9 วรรคหนึ่งเป็นแค่การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคุ้มครองควรออกเป็นกฎกระทรวงก่อน และเมื่อพิจารณาลักษณะการกระทำต่อพระพุทธศาสนา มาตรา 9 วรรคสอง เห็นว่า มีความหมายกว้าง และคลุมเครือมากเกินไป อาจทำให้การกระทำทุกกรณีเกี่ยวกับพระพุทธศาสนามีความผิด

"คณะกรรมการกฤษฎีกา ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้ยังให้อำนาจคณะกรรมการ ที่เป็นพระภิกษุ ถอดถอน กำกับดูแล ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาได้ ซึ่งเป็นสิ่งไม่เหมาะสม และขัด พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรมฯ อย่างไรก็ตาม ผมจึงได้สั่งการให้นางจุฬารัตน์ บุณยากร ผอ.พศ. เร่งดำเนินการยกร่างพ.ร.บ. อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นร่างของรัฐบาลให้ทันนำเสนอครม.ภายในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ เพื่อที่จะได้นำทั้ง 2 ร่าง มาพิจารณาร่วมกัน รวมทั้งคัดกรองให้เหมาะสมและมีความรอบคอบมากที่สุด เนื่องจากเรื่องของศาสนาเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน" รศ.ธีรภัทร์กล่าว


-----------
ที่มา:ข่าวสด
http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNd053PT0=&day=TWpBd055MHhNaTB3T0E9PQ==