ธุดงค์ท่องเที่ยว เขาพระสุเมรุ ด้วยปฏิสัมภิทาญาณ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย gatsby_ut, 5 มิถุนายน 2010.

  1. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    ขึ้นเขาพระสุเมรุ


    [​IMG]



    ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้ วันที่ 16 สิงหาคม 2534 ก็ขอต่อ ตอนที่แล้วมาพักปักกลดเสร็จ เจริญกรรมฐานตอนต้น แต่ว่าสงสัยว่า ทำไมมีแสงเขียวจากภูเขาลูกนี้ ก็ไม่มีใครใช้กำลังใจดู ถ้าดูเสียก็หมดเรื่อง แต่ความจริง เราเป็นคนต้องการหาเรื่องไม่ต้องการให้หมดเรื่อง ต้องการรู้ของจริง สิ่งที่รู้จากจิต ถ้าไม่มีใครยืนยัน เช่นหลวงพ่อจงก็ดี หลวงพ่อปานก็ดี และอาจารย์ทั้ง 16 องค์ก็ดี ท่านไม่ยืนยัน เราก็ไม่ยอมเชื่อตัวเองเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นก็ต้องท่านอินทกะยืนยัน ถ้าถามท่านอินทกะ ท่านอาจจะบอก หรือไม่บอกก็ได้ เพราะว่าท่านรู้นิสัยว่า ถึงบอกก็ต้องเข้าไป ไม่บอกก็เข้าไป ตั้งใจว่าตอนเช้าจะเข้าไปดู ในนั้นจะมีอะไรบ้าง มีถ้ำไหม มีอะไรไหม แสงเขียวมาได้อย่างไร

    หลังจากตี 2 ทำกรรมฐานเสร็จ ก็นอนต่อไป ตอนตี 4 นอน พอตื่นมาใกล้สว่าง มีคนนอนสองข้าง คิดว่าเพื่อนสององค์มานอนด้วย แต่ความจริงไม่ใช่ กลายเป็นคนนุ่งโสร่งแดง ฟ้าพันคอแดง เสื้อแดง นอนข้าง ๆ พอลุกขึ้นมาถามว่า ว่าอย่างไรเพื่อนเอ๊ย มานอนอย่างไรเล่า สองคนลุกขึ้นมาบอก มานอนกันผีน่ะสิ ที่นี่ผีมันดุ ถามว่า แกไม่ใช่ผีหรือ บอก ผมก็ผี เขาเรียก ผีเทวดา (อีกสองกลดก็มีสภาพเหมือนกัน) ก็ถามว่า ในภูเขานี่มีอะไรหรือจึงมีแสงสีเขียวออกมา เขาบอกว่า ที่นี่มีเหล็กไหล
    <O:p
    ตอนเช้าท่านฉันข้าวเสร็จ ผมจะนำท่านไป ไปดูเหล็กไหลกัน ผมเป็นเจ้าของถิ่นแถวนี้ ก็ถามว่า ที่นี่มีแต่เหล็กไหลหรือ ทองคำมีไหม ท่านบอก เยอะ ทองคำธรรมชาติก็เยอะ ทองคำที่เป็นแท่ง เขาหลอมแล้วก็เยอะ จะเอาไหมล่ะ จะให้ บอกว่า อย่าเลยพ่อคุณอย่าให้ฉันตกนรกเลย ฉันมาธุดงค์นะ ฉันไม่ได้มาหาเงินหาทอง แต่ต้องการเห็นเหล็กไหล ทองนี่เคยเห็น แต่เหล็กไหลไม่เคยเห็น
    <O:p
    ตอนเช้าบิณฑบาตกับเทวดาเสร็จ(แต่ความจริงไม่ได้ไป) ก็มีเทวดา มีนางฟ้า ท่านมาใส่บาตรให้ ทีนี้ท่านแต่งตัวสวย ๆ แต่ไม่ได้ใส่ชฎานะ ไม่มีเครื่องประดับ แต่งตัวเรียบร้อยเหมือนคนสวยของเรา ๆ ใส่บาตรเสร็จ ฉันข้าวเสร็จ ยถา สัพพี ฯ เสร็จ ท่านรับพรแล้วท่านก็หายไป ท่านทั้ง 4 องค์ (ที่นอนกับอาตมา 2 องค์ อีก 2 องค์ คนละองค์) ก็เดินนำหน้าเข้าไปดูข้างใน ไปถึงหน้าถ้ำ เขาบอก มีถ้ำ ไปเจอะเถาวัลย์มันก่ายกันเข้ายากเหลือเกิน ไม่มีมีด ไม่มีขวาน เป็นอันว่า ต้องขอแรงเทวดา ดึงเถาวัลย์ให้พอเป็นช่องลอดตัวเข้าไปได้
    <O:p
    เมื่อเลยเถาวัลย์เข้าไปแล้ว ก็เจอะถ้ำใหญ่มาก ด้านหน้าสูงพอสมควร เข้าไปมีถ้ำลึกเพดานสูงมาก ต่อไปตอนหลัง ก็มีถ้ำหลังคาเตี้ย ๆ มีเหล็กไหล เหล็กไหลนี่สวยจริง ๆ สีดำขลับเป็นมันวับ ก้อนใหญ่มาก โตกว่าบาตร และก็มีหลายจุด


    [​IMG]
    <O:p
    ท่านเทวดาก็บอก ลองจุดไฟขึ้น จุดเทียน ก็จุดเทียนไข แล้วก็ลน พอลนเข้าไปแล้วรู้สึกเหล็กไหลย้อยลงมา ย้อยลงมาจนแหลมเปี๊ยบ เส้นเล็ก จากเส้นใหญ่เป็นเส้นเล็ก พอมือไปแตะพั้บ รัดพึ้บ เข้าที่เดิมตามเดิม เทวดาท่านก็เลยบอกว่าให้ดูได้ แต่เอาไม่ได้นะ ก็เลยบอกไม่เอาหรอก ให้ก็ไม่เอา การให้การรับของ เป็นกิเลส ไม่ต้องการ เป็นอันว่า กลับมาอยู่ที่ถึงเวลากลางวัน ก็นอนโคนต้นไม้
    <O:p
    ขณะที่นอนโคนต้นไม้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เวลาประมาณบ่ายสัก 2 โมงเศษ เกือบ 3 โมง หันไปทางด้านขวา มีพระองค์หนึ่ง นุ่งผ้าสบง เอาผ้าอาบคาด เอาจีวรเคียนศรีษะและมีอังสะตัวเดียว มีส้อมเหล็ก แล้วก็มีเถาปลาไหล ลากมาเป็นพรวน แทงส้อมเหล็กลงไปในหิน แล้วก็ได้ปลาไหลขึ้นมา แล้วก็ร้อยพวง ปลาไหลก็ดิ้นปั้บ ๆ ท่านก็แทงเรื่อยไป ท่านได้ปลาไหลเรื่อยไป พวกเรามองดูก็แปลกใจว่า ถ้าพระจริง ๆ ไม่มีใครเขาทำ และอีกประการหนึ่ง หินนี่เหล็กมันแทงไม่ไหว แทงบนหินนะมีปลาไหลขึ้นมา เจ้าปลาไหลถูกร้อยก็ไม่ยอมตาย ดิ้นไปดิ้นมา ดิ้นมาดิ้นไป มันดิ้น มันช่วยกันดิ้น พวงใหญ่ ท่านก็แทงหินหน้าตาเฉย เรื่อยมาใกล้ ๆ ห่างประมาณสัก 4 วา ท่านแทงวนรอบ ๆ จึงคุยด้วยกันทั้ง 3 องค์
    <O:p
    ทั้ง 3 องค์มองดูหน้ากัน ก็ทราบกำลังใจว่า ทุกองค์ทราบแล้วว่า พระองค์นี้เป็นใคร(คำว่าเป็นใคร นั่นหมายถึง ผลของท่านนะ พูดถึงมรรคผล ไม่ใช่ชื่อเสียง) และทำอย่างไรจึงคุยกันได้ ท่านไม่ยอมคุยด้วย ท่านแทงแต่ปลาไหล ที่รอบตัวเราปลาไหลก็ชุมอีกเหมือนกัน มันก็เป็นหิน ก็เลยพูดขึ้นมาระหว่างเพื่อน บอก เพื่อนเอ๊ย คนเรานี่ ถ้าบ้าจริง ๆ นะ มันรักษามันก็หาย คนแกล้งบ้านี่รักษาอย่างไรก็ไม่หาย ถ้าไม่เลิกแกล้งเมื่อไร ก็ไม่หายเมื่อนั้น พอพูดจบท่านก็หยุด ท่านร้องตะโกนถาม มึงว่าใครวะ ก็เลยบอกท่านบอกว่า ผมไม่ได้ว่าท่าน ผมว่าคนแกล้งบ้า ไม่ทราบว่าแถวนี้มีใครแกล้งบ้าบ้างหรือเปล่า หากว่าท่านบ้าจริง ๆ ก็เป็นเรื่องของท่านไป ผมไม่ว่าหรอก ว่าแต่คนแกล้งบ้า คนดีแต่แกล้งทำเป็นคนบ้า
    <O:p
    ท่านยืนนิ่งสงบประเดี๋ยว ประมาณอึดใจ กูเลิกบ้าก็ได้วะ (เสียงร้องตะโกนเข้ามา) จึงโยนส้อมทิ้งไอ้ส้อมที่ถือมาน่ะ เป็นเรียวไม้ไผ่ และโยนพวงปลาไหลทิ้ง พวงปลาไหลทั้งพวงเป็นรากไม้ทั้งหมด นี่หลอกกันขนาดนี้ แล้วท่านก็เปลื้องผ้า ห่มผ้าเรียบร้อย เข้ามานั่งใกล้ พอท่านเข้ามานั่งใกล้ ก็กราบท่าน ก็ทราบว่า ท่านเป็นใคร
    <O:p
    ท่านถามว่า ที่ผมทำอย่างนั้น พวกคุณมีความรู้สึกอย่างไร ก็ตอบว่า ตั้งแต่แรกเห็นผมก็มีความรู้สึกแล้วครับว่า ท่านองค์นี้ต้องเป็นอรหันต์อย่างน้อย อภิญญาหก หรือปฏิสัมภิทาญาณ ท่านก็เลยถามว่า พวกท่านเคยเดาแบบนี้เสมอหรือ บอก ไม่ได้เดาครับ เท่าที่เห็นมา เขาไม่ทำอย่างนี้ ยังเป็นอรหันต์ได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใครจะเอาเหล็กมาแทงหินลง และในหินจะมีปลาไหลได้อย่างไร นี่เหตุผลครับ และประการที่สอง ปลาไหลตั้งเยอะเอาไปทำไมกัน มันเหลือกินเหลือใช้ ประเดี๋ยวก็เน่าหมด หม้อข้าวหม้อแกงก็ไม่มี ท่านฟังแล้ว ท่านก็หัวเราะ ท่านบอกว่า เออ..ดี ใช้สมองแบบนี้เสียบ้างก็ดีเหมือนกัน


    [​IMG]


    <O:pอาจารย์สอนมาแล้วสิ อาจารย์ 16 องค์น่ะ สอนมาแล้วใช่ไหมล่ะ บอก ใช่ครับ แล้วหลวงพ่อจงก็สอนมาแล้วใช่ไหม บอกมาแล้วใช่ไหม บอก ใช่ครับ แต่ไม่ได้บอกลีลา บอกว่าจะพบของดี ท่านก็บอกว่า ก็พบเหล็กไหลแล้วใช่ไหม ของดี บอก นั่นไม่ดีพอ มันเป็นวัตถุที่ดีจริง ก็คือ บุคคล คือ พระคุณเจ้า ท่านถามว่า เธอรู้ได้อย่างไรว่า ฉันดี ก็บอก เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ผมยอมรับว่า ท่านดีก็แล้วกัน ก็กราบท่านที่ตัก เท่านั้นแหละ รูปร่างหน้าตาเปลี่ยนทันทีเลย จากผิวคล้ำ ผิวดำ รูปร่างใหญ่โต กลายเป็นเพรียวผอม ทรงโปร่งใส ผิวเหลืองสวยสดงดงามมาก และก็สอนกรรมฐานแบบง่าย ๆ เหมือนกับพระอรหันต์ 16 องค์ เหมือนกันไม่ผิด เหมือนกันเปี๊ยบเลย
    <O:p
    ท่านก็เลยบอก พระทั้ง 16 องค์ ก็เรียนไปจากฉันเหมือนกัน ฉันไปสอนที่ภูกระดึงในฐานะที่พวกเธอมีวิสัยอยากจะเป็นอย่างเขา ฉันก็มาสอนบ้าง จะได้หรือไม่ได้ไม่ใช่อยู่ที่คำสอนของฉันนะ ฉันมีหน้าที่แต่เพียงบอกอย่างเดียว บอกแล้ว เธอต้องจำ จำแล้ว ปฏิบัติตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุมอารมณ์ให้ถูก จงอย่าสนใจในจริยาของคนอื่น อย่างเมื่อกี้นี้ถูกต้อง ใครเขาจะเป็นอย่างไร ก็เป็นเรื่องของเขา เราก็เรา เขาก็เขา เขาไม่ใช่เรา เราก็ไม่ใช่เขา เราตายเขาไม่ได้ตายด้วย เขาอยู่เราไม่ได้อยู่ด้วย เขาอิ่มเราไม่ได้อิ่มด้วย เขาหิว เราไม่หิวด้วย เรียกว่า ต่างคนต่างอิ่ม ต่างคนต่างหิว ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างตาย อย่าไปใส่ใจเรื่องของเขา เรื่องของคนอื่นทั้งหมดอย่าสนใจ ร่างกายเราก็เหมือนกัน อย่าสนใจมันสนใจเฉพาะกำลังใจอย่างเดียว ร่างกายมีสภาพผิดปกติ มันจะเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
    <O:p
    ก็เป็นอันว่า ท่านก็สอนกรรมฐานแล้ว ท่านก็จำวัดอยู่ด้วย พอตกขึ้นมาเช้า ท่านบอกว่าวันนี้ฉันจะไปบิณฑบาตที่ จังหวัดสมุทรสาคร ไปกับฉันไหม ก็บอก ไม่ไปขอรับ ท่านบอกเธออย่างเพิ่งฉันข้าวนะ เทวดาเขามาถวาย ก็รอก่อน ฉันจะเอาปลาทูต้มยำมาให้คุณ เพราะแม่พ่วง ที่นั้น เขาเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปาน เขารู้ว่าพวกคุณชอบปลาทูสดต้มยำ พวกคุณเข้าป่า อดแห้งอดแล้งมานานแล้ว
    <O:p
    ก็เป็นอันว่า ยอมรับท่าน ท่านไปประเดี๋ยวเดียว ประมาณสักครึ่งชั่วโมงก็กลับ มีหม้อเคลือบเขียวใส่ปลาทูต้มยำ ร้อนโฉ่มาถวายให้ แล้วก็ฉัน เมื่อฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว (ฉัน<O:p
    กับข้าวของเทวดา) รุ่งขึ้นเช้า ท่านบอก ฉันจะเอาหม้อเขียวไปส่งแม่พ่วง แต่ฉันไม่บิณฑบาตวันนี้นะ จะเอาไปส่งเขาเฉย ๆ ในที่สุดท่านก็ไปส่ง แล้วท่านกลับมา
    <O:p
    หลังจากนั้น ท่านก็แนะนำบอกว่า อย่าลืมนะ เท่าที่ฉันบอกแบบง่าย ๆ แบบนี้ ปฏิบัติตามนี้นะ และในที่สุด หลวงพ่อจงอาจารย์ของเธอ ก็เป็นอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชอบเล่นฤทธิ์ ฤทธิ์นี่ชอบมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฤทธิ์ในการเดิน ใช้ วาโยกสิณ เป็นปกติ คำว่า ใช้วาโยกสิณ ไม่ได้หมายความว่า ต้องเข้าวาโยกันเรื่อย ๆ ไม่ใช่อย่างนั้น มันเป็นของมันเอง เวลาจะออกเดินทางปั๊บวาโยเข้าอารมณ์ใจทันที จึงเดินเร็วและพวกเธอก็ได้ใช้วาโยไปหน่อยหนึ่งใช่ไหมล่ะ ที่ไปภูเขาภูกระดึงกันแค่ 2 วันก็ถึง และกลับมา 3 วันก็ถึง แต่ความจริง เขาเดินกันเป็นเดือน


    [​IMG]
    <O:p
    ต่อนี้ไป เธอจะพบของดี ฉันจะลานะ เป็นหน้าที่ของเธอ ถ้าเธอรักษากำลังใจดี เธอก็ดีได้ ถ้ารักษากำลังใจไม่ดี คราวนี้พังแน่ แต่ขอบอกว่า ไม่ใช่เสือ ไม่ใช่ช้าง ไม่ใช่หมี ไม่ใช่เก้ง ไม่ใช่แรด ไม่ใช่อะไรทั้งหมด แต่เป็นของที่จะทำให้เธอพังได้แบบง่าย ๆ แบบนิ่มนวลแล้วท่านก็ลาหายไป
    <O:p
    หลังจากนั้น พวกเราก็เดินธุดงค์เรื่อยไป ก็มีผู้ชายสองคน เป็นชาวป่า มีมีดเหน็บขัดหลัง บอกท่านครับ ตามผมมาสิครับ ผมจะพาดูของสวย ๆ เดินไปเจอะจุดหนึ่ง บริเวณกว้าง (กว้างกว่าสนามหลวง) มีต้นตะไคร้เต็มหมด เหมือนใครมาปลูกไว้ แล้วเข้าป่าไป โผล่ไปก็เจอะอีกบริเวณหนึ่ง มีต้นข่าเต็มหมด ต่อไปก็มีต้นพริก พริกสวย ๆ มีเยอะ สีเป็นมุกเป็นฟักทองบ้าง เป็นน้ำเต้าบ้าง เป็นพริกธรรมดาบ้าง เป็นเหมือนลูกฟักบ้าง เม็ดสวย ๆ ใบสวย ๆ มีมาก แพรวพราวเหมือนกับมุกหมด เดินต่อไป ก็เจอะต้นไม้หลากสี ต้นไม้แต่ละอย่าง แต่ละจุดจะเป็นต้นไม้อย่างเดียว ดอกไม้อย่างเดียว คือไม่ปนกับอย่างอื่น ไม่มีผสมกัน จะเป็นกุหลาบ ก็กุหลาบ ดาวเรือง ก็ดาวเรืองโดยเฉพาะ
    <O:p
    ในที่สุดเดินไปก็ชักขึ้นสูงไปทีละน้อย ๆ มองดูข้างหลัง เห็นป่าอยู่ข้างล่าง เราก็เดินในป่าเหมือนกัน แต่มันเป็นเนินขึ้น บรรดาท่านพุทธบริษัท นึกอัศจรรย์ใจว่า ที่นี่มันอะไรกันหนอ ก็ถามโยม ที่นี่เขาเรียกอะไร โยมก็บอก ภูเขาครับ แต่เป็นภูเขาที่บนยอดมีความสวยสดงดงามมาก เป็นที่มาเล่นน้ำของเทวดา และนางฟ้า ถามว่า คนมาเล่นได้ไหม โยมก็บอก คนมาเล่นไม่ได้ครับ เพราะภูเขาลูกนี้ ตามปกติจะไม่มีคนเห็น และจะไม่เป็นที่กีดขวางทางเดินของใคร ก็เว้นไว้แต่พวกท่านเป็นชุดที่สอง ชุดแรกน่ะผ่านไปแล้ว สอบได้ สอบไม่ตก ภูเขาลูกนี้เป็นภูเขาที่ทดสอบพระธุดงค์ขั้นสุดท้าย ถ้าใครสอบได้ ก็หมายถึงว่าชาตินี้ได้ดีกันแน่ ถ้าใครสอบตก ก็ไม่ต้องไปแล้ว ก็หมายความว่า ไม่ต้องบวช สึกไปเลย
    <O:p
    ก็เดินตามโยมเรื่อย ๆ ขึ้นไป มันก็สูงไปทีละน้อย ๆ ในที่สุดเหลียวมาอีกที เมฆลอยต่ำกว่าตัวเรา เราอยู่เหนือเมฆมาก สูงกว่าเมฆมาก เดินเร็วเหลือเกิน เดินเฉย ๆ ช้า ๆ ค่อย ๆ เดิน แต่รู้สึกไปไวมาก ในที่สุดก็ถึงยอดเขา ยอดเขาราบเรียบ บริเวณรอบ ๆ มีต้นไม้ ตรงกลางไม่มีอะไร บริเวณกว้างใหญ่ หลายกิโลเมตร มีต้นไม้เป็นจุด ๆ และก็มีถ้ำเป็นถ้ำ ๆ และมีสระใหญ่ สระใหญ่มาก น้ำใสแจ๋ว เหมือนน้ำตา มองเห็นก้นสระเหมือนกับใครเขาแกว่งสารส้มไว้ลองเอาหินเล็ก ๆ โยนลงไป เห็นหินก้อนนั้นลอยลงไป ก่อนจะถึงก้นสระ
    <O:p
    แล้วโยมทั้งสองคนก็บอกว่า ท่านครับ มาทางนี้สิ ที่พักพระธุดงค์ พระธุดงค์ที่สอบได้สอบตกเขาอยู่ตรงนี้กัน พระที่เคยสอบตกก็อยู่ตรงนี้ พระที่เคยสอบได้ก็อยู่ตรงนี้ ก็ถามว่าคนที่ขึ้นมาบนนี้สอบตกมีไหม ท่านบอก ไม่มี ผู้ที่สอบตกผมไม่พามาขอรับ เห็นท่าว่าจะสอบได้ ถึงจะพามา ถามว่า บ้านอยู่ที่ไหน แกบอก บ้านผมอยู่ไม่ไกลครับ ถามว่า ไม่ไกล บนนี้มีบ้านหรือ แกบอก ไม่มี ก็บอกว่า โยม คำว่า ไม่ไกล นี่มันเดินมาหลายกิโลแล้วนะ โยมก็บอกว่าหลายสิบกิโลครับ ไม่ใช่หลายกิโล ถามว่า ภูเขาลูกนี้ เขาเรียกว่า เขาอะไร ท่านบอกว่า ผมไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าสระนี้เขาเรียก สระอโนดาต ที่ท้าวมหาราชทั้ง 4 ชอบมาสรงน้ำที่ตรงนี้ และพาบริวารมาด้วย และดีไม่ดี นางฟ้าบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ก็มา แต่คนไม่เคยมีใครมา โยมก็เลยบอก ชี้ถ้ำให้อยู่คนละถ้ำ ถ้ำเล็ก ๆ แต่ไม่เล็กมากนัก กว้างหลายวา แต่ถือเป็นถ้ำเล็ก ๆ มีที่สะอาด มีแท่นสำหรับนอนเสร็จ มีน้ำไหลผ่าน มีความสุขมาก ตอนเย็น เมื่อโยมชี้ให้อยู่ แล้วก็ลากลับไป
    <O:p
    พอถึงเวลากลางคืน ก็นั่งเจริญกรรมฐานบนแท่นหิน บนแท่นหินที่กลางแจ้ง แสงพระจันทร์สว่างจ้า เห็นแต่แสงไม่เห็นพระจันทร์ (สงสัยจะขึ้นไปเลยพระจันทร์ไม่เห็นพระจันทร์แต่เห็นแสงสว่าง สว่างคล้าย ๆ กับตอนกลางวัน ประมาณสัก 3 โมงเย็น) อากาศเย็นสงัด ความร้อนจากแสงแดดก็ไม่มี ครั้นเมื่อนั่งกรรมฐานเสร็จก็มานั่งคุยกัน นั่งพิงแท่นหินคุยกัน (ความจริง เวลานั่ง นั่งคนละแท่น)
    <O:p
    ขณะที่คุยกันเสียงเบา ๆ ก็ได้เสียงมาแต่ไกล เป็นเสียงดนตรี เพลงไทยเราชัด ๆ เสียงเหมือนเครื่องสาย ไม่ใช่ดนตรี แว่วมาแต่ไกล ใกล้เข้ามา ๆ พวกเราก็แอบดูที่ข้างแท่นหินใกล้เข้ามาเสียงก็ดังชัดเข้ามา พอใกล้เข้ามา เห็นเป็นหมู่สาว ๆ ประมาณสัก 200 กว่าคนแต่งตัวสวย แบบแพรวพราวเป็นระยับ เข้ากับแสงจันทร์ สวยงามมาก เห็นชัด และกลางหมู่สาว ๆ ก็มีสาว 4 สาวหามเสลี่ยง เสลี่ยงก็สวยมาก ประดับประดาสวยสดงดงาม พอวางปุ๊บลงไปสาวที่ก้าวออกมาจากเสลี่ยง สวยกว่าทุกคนหมด แต่งตัวสวยกว่ามาก


    [​IMG]
    <O:p
    ทุกคนเมื่อเสร็จ พร้อมแล้วก็พากันเปลื้องผ้าออก เปลื้องเครื่องแต่งกายออก เหลือแต่ชุดอาบน้ำ เดินนวยนาดไปทางขอบสระต่างหัวเราะต่อกระซิก หยอกล้อกันไป หยอกล้อกันมาเหมือนกับพวกเธอเห็นพวกเรา แต่เราคิดว่าเธอไม่เห็นเรา เธอต่างคนต่างมองมาทางก้อนหินที่เรานั่ง แล้วก็ยิ้ม ก็ชายตาให้บ้าง อะไรบ้าง ตามเรื่องตามราว พวกเราก็เฉย ก็คิดในใจว่าพวกนี้คือ ผี คนจะมาในอากาศได้อย่างไร ต้องเป็นผี จะเป็นผีนางฟ้า ผีเทวดา ผีพรหม ก็ผีทั้งนั้น เป็นคนที่ตายไปแล้วทั้งนั้น แต่เขามีความดี
    <O:p
    เมื่อทุกคนพร้อมแล้ว ก็ต่างคนต่างลงเล่นน้ำ เขาลงเล่นน้ำ เสียงเฮฮาเกรียวกราวไปพักใหญ่ พวกเราในจำนวน 3 องค์ มีองค์หนึ่งไอขึ้นมามันคันคอ พอเสียงไอแค้กเดียวพวกนั้นหยุดพับ คนหนึ่งประกาศบอก มนุษย์ พอบอกมนุษย์ หายแว้บ ก็คิดว่าเธอดำน้ำแต่ไม่เห็นโผล่มาอีกเลย หายไปเลยก็นึกในใจว่า พวกนี้หายไปแล้ว แต่เครื่องตัวแพรวพราวไม่ได้เอาไปด้วย ก็เลยย่องไปดู ไม่มีแล้ว มีแต่ก้อนหิน เสลี่ยงก็หายไป
    <O:p
    เป็นอันว่า เมื่อเธอไปแล้วก็นั่งกรรมฐานกันใหม่ ทีนี้เรื่องเช็คละ มีความจำเป็นต้องรู้นึกถึงท่านอินทกะท่านอินทกะก็ไม่มา นึกถึงใคร ใครก็ไม่มา เงียบหมด นึกถึงท้าวมหาราชก็ไม่เห็นท่าน ท่านอาจจะมา แต่เราไม่เห็นท่าน ก็ปรึกษากัน เอาอย่างนี้ดีกว่า ขึ้นไปหาพระอินทร์ ขึ้นไปหาโยม ทั้ง 3 องค์ ก็ตัดสินใจไปหาท่าน เมื่อไปถึงท่านแล้ว ก็กราบท่าน
    <O:p
    ถ้าถามว่า เป็นพระทำไมจึงกราบ อย่าลืมว่า ท่านก็เป็นพระเหมือนกันนะ ท่านเป็นพระโสดาบันตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ เวลานี้ท่านก็เป็นเทวดา หรือใครว่าเทวดาไม่ดีก็ตามใจ แต่พระพุทธเจ้าทรงยกย่องเทวดา อาตมาก็ยกย่องเทวดาเหมือนกัน ขอยอมรับนับถือว่า เทวดามีความดีมาก ก็ถามท่านว่า เมื่อสักครู่นี้ หญิงสาวประมาณ 200 คน และมีเสลี่ยงนั่งไปด้วย คนในเสลี่ยงสวยกว่าทุกคนหมด ไปอาบน้ำที่สระเขาเรียกว่า สระอะไร ท่านบอกว่า ที่นั่งเขาเรียก สระอโนดาต ไม่ใช่สระโบกขรณี ถามว่าหญิงสาวพวกนั้นไปไหนเวลานี้ ท่านก็ชี้ให้ดูข้างหลังท่าน บอกนี่ นั่งอยู่ข้างหลังนี่เต็มไปหมด และคนนั่งเสลี่ยง ท่านก็ชี้ให้ดู (ไม่ใช่ใครเลย แม่ศรี เอง)
    <O:p
    เธอก็ยิ้ม เธอถามว่า จำได้ไหม ถามว่า จำใคร บอกว่า จำฉัน บอก ไม่รู้ ฉันไม่จำผู้หญิงทั้งหมด จะเป็นผู้หญิงคนก็ดี จะเป็นผู้หญิงนางฟ้าสวรรค์ก็ตาม ฉันไม่จำ ถ้าขืนจำเมื่อไรฉันเจ๊งเมื่อนั้น คือ ไม่ยอมจำภาพของใครทั้งหมด เธอก็บอก นึกถึงเบื้องหลัง บอกเบื้องหลังเบื้องหน้า ฉันไม่คิด อดีตที่แล้วมา ฉันก็ไม่คิดถึง อนาคตต่อไปข้างหน้า ฉันก็ไม่คิดถึง คิดถึงเฉพาะปัจจุบัน เธอถาม ปัจจุบันทำอะไร บอก ปัจจุบันต้องการอย่างเดียว คือ ตัดกิเลสแล้วเธอก็ยิ้ม แล้วหันหาหาโยม
    <O:p
    โยมก็บอกว่า ศรีเอ๊ย..หลวงพี่เขาพูดถูกแล้วนะ อย่าไปยุ่งกับเขาเลยนะ นี่เขาสอบได้แล้วนะ เขาสอบไม่ตก เธอไปอย่างนั้น คิดว่าเขาจะนึกถึงความสวยสดงดงาม เธอก็บอกว่าต้องทดลองดูก่อน ไม่อย่างนั้นก็เชื่อใจไม่ได้เหมือนกัน คนต้องการจะเอาดี มันต้องดีกันจริงๆ ต้องพบดีกัน เมื่อพบดีแล้ว ไม่ติดดี ใช้ได้ เมื่อทราบความเป็นมาเสร็จ ก็ลาโยมกลับลาทุกคนกลับ ก็กลับมาที่เดิม
    <O:p
    เมื่อมาที่เดิม ก็พบสองโยมตามเดิม บอกว่า โยมสบายดีหรือ บ้านอยู่ตรงไหนล่ะมาเร็วเหลือเกิน บอก บ้านผมอยู่ใกล้ ๆ นี่แหละครับ อยู่ไม่ไกลหรอก ถามว่า อยู่ตรงไหน เธอก็ชี้ส่งเดช พอชี้ให้ดู มันกลายเป็นวิมานไป โยมก็เลยบอกที่นี่เป็นพื้นที่ของ จาตุมหาราชเขานะ ที่เห็นเป็นภูเขานี่ ผมลวงตาท่าน ความจริงเขาไม่มี เขาที่มนุษย์จะเดินได้ไม่มี เขาประเภทนี้เป็นเขาที่พวกมีกายทิพย์เดินได้เท่านั้น มนุษย์มาก็ไม่ขวางทางใคร นี่เขาเรียกว่าเขาพระสุเมรุ จำให้ดีนะ ในช่วงนี้เป็นช่วงกลางเขาพระสุเมรุที่ดาวดึงส์นั่น เป็นยอดเขาพระสุเมรุ ที่ท่านไปเมื่อกี้นี้

    [​IMG]


    ก็เป็นอันว่า ถูกเทวดาต้ม ท่านเลยบอกว่า ดีแล้ว สอบได้ ไม่ตก เลยถามว่า ถ้าสอบไม่ตก ชาตินี้จะเป็นอรหันต์ได้ไหม ท่านบอก นั่นผมไม่รู้ ไม่ใช่หน้าที่ของผม เป็นหน้าที่ของพระพุทธเจ้าองค์เดียว ที่จะพยากรณ์ หากว่าท่านได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าเมื่อไร ท่านก็เป็นพระอรหันต์เมื่อนั้น ถ้าหากว่ายังไม่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าจงอย่าคิดว่า ท่านเป็นพระอรหันต์ ประเดี๋ยวจะหลงผิด ในสมัยพระพุทธเจ้าก็มีอยู่ ก็มีพระบางองค์ได้แค่ฌานโลกีย์ แต่มีความเข้าใจเองว่า ตัวเป็นพระอรหันต์เพราะกิเลสสงบเพราะเข้าฌาน จึงประกาศตนว่าเป็นพระอรหันต์ ต่อมาอารมณ์กำเริบขึ้น จึงเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ถามว่ามีความผิดตามวินัยไหม ที่ประกาศตัวเป็นพระอรหันต์ เพราะไม่ได้เป็น พระพุทธเจ้าบอกว่า การหลงผิดมีอยู่ ไม่ถือว่าเป็นโทษ
    <O:p
    เมื่อโยมอธิบายให้ฟังเสร็จ ท่านก็พากลับ ท่านบอก วันนี้ผมจะพากลับส่งถึงวัดเลยไม่ต้องเดินลำบาก แต่ก็ต้องเดินไปตามผมนี่แหละ เดี๋ยวเดียวก็ถึง แล้วท่านก็เดินนำหน้า(ขอโทษนะญาติโยม ตอนนี้ท่านเลิกเป็นชาวป่าแล้วนะ ท่านเป็นเทวดา แต่งตัวสวยมาก) ท่านทั้งสองนั่นก็คือ ท้าวมหาราชนั่นเอง คือ ท่านท้าวเวสสุวัณ กับ ท่านวิรุฬหก สององค์เดินประเดี๋ยวเดียวก็ถึงวัดบางนมโค แล้วก็เลยไปวัดหลวงพ่อจง แล้วท่านก็ลากลับเข้าไปหาหลวงพ่อจง
    <O:p
    หลวงพ่อจงถามว่า อย่างไรล่ะ เจอะดีแล้วใช่ไหม บอก เจอะแล้วครับ เป็นอย่างไรสอบได้ หรือสอบตก ก็บอกว่า พระอินทร์บอกว่าสอบได้ ท่านท้าวเวสสุวัณ กับท้าววิรุฬหกก็บอกว่าสอบได้ เออ..ถ้าสอบได้แบบนี้ไม่เป็นไรนะ สาว ๆ เมืองมนุษย์ไม่มีใครสวยเท่าพวกนั้น ฉะนั้นพวกคุณคงจะไม่แพ้เขาต่อไป เพราะพวกนั้นเขาไม่มีแก่ ไม่มีเจ็บ ไม่มีป่วย ไม่มีการเคลื่อนไหวของร่างกาย สาว ๆ เมืองมนุษย์มีการแปรปรวนเป็นธรรมดา
    <O:p
    ฉะนั้น ต่อนี้ไปไม่มีใครสามารถชนะใจคุณได้ ระวัง โทสะ อย่าให้มันเกิดขึ้นกับโมหะ ตัวหลง อย่าให้เกิดขึ้น มันก็เหลือสองตัว โทสะ กับ โมหะ แต่มันก็เบาแล้วนะ ไม่เป็นไร ต่อไปก็พักธุดงค์ได้นะ ให้ถือเป็นการจบกิจแห่งการธุดงค์ เพราะว่าการธุดงค์ ถึงที่สุดกันแค่นี้ อันดับแรก คุณก็พบพระที่ภูกระดึงแล้ว นั่นยอดของอาจารย์ ประการที่สอง ส่วนที่จะประกอบเรื่องโลกียวิสัย คือ กามคุณ เธอก็พบแล้ว เธอไม่ติดใจในกามคุณ ใช้ได้
    <O:p
    ก็เป็นอันว่า นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ไม่ต้องธุดงค์ ซักซ้อมอารมณ์ที่พระท่านสอนมาซ้อมอยู่ที่วัด จะเรียนหนังสือก็เรียน จะสอนหนังสือก็สอน แต่ว่าธุดงค์อย่าทิ้ง เราทำของเราคนเดียวในกุฏิ เราทำของเราคนเดียวในใจ เดินไปที่ถนนก็ให้เป็นป่า เดินไปในบ้านก็นึกว่าป่า

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.984132/[/MUSIC]


    [​IMG]<O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 เมษายน 2011
  2. Nok Nok

    Nok Nok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +3,297
    [​IMG]พุทธอยู่ที่ใจสาธุค่ะ [​IMG]
     
  3. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
    [​IMG]
    ...กราบอนุโมทนาเป็นอย่างสูงค่ะ...
     
  4. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG]
    กราบ อนุโมทนา สาธุ ค่ะ
     
  5. magnagiled

    magnagiled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    596
    ค่าพลัง:
    +1,444
    อนุโมทนาบุญครับ

    คุณลุงครับ เรื่องนี้ สนุกมากๆเลย

    อ่านแล้วเหมือนได้อ่านนวนิยาย หรือดูหนังเลย

    ชอบตรงบททดสอบ ถ้าเป็นเมื่อก่อน อ่านไปคงไม่เชื่อแน่ๆ

    เพราะอัศจรรย์มาก แต่ปัจจุบันเชื่อแล้วครับ สาธุ
     
  6. วันมงคล

    วันมงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    414
    ค่าพลัง:
    +1,303
    กราบอนุโมทนาในบุญในกุศลนี้ด้วยเทอญ...สธุ สาธุ สาธุ ....อนุโมทามิ......
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0394.jpg
      IMG_0394.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.8 KB
      เปิดดู:
      231
    • IMG_0417.jpg
      IMG_0417.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62.2 KB
      เปิดดู:
      222
    • IMG_0424.jpg
      IMG_0424.jpg
      ขนาดไฟล์:
      55.8 KB
      เปิดดู:
      209
  7. phasukjai

    phasukjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +445
    อนุโมทนาค่ะ รูปภาพประกอบ สวยงามเข้ากับเนื้อเรื่องมากค่ะคุณลุง
     
  8. ไห่เฉากุหลาบไฟ

    ไห่เฉากุหลาบไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +2,177
    ใช่หลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอกหรือปล่าว?
     
  9. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    ครับใช่ครับ หลวงพ่อ จง วัดหน้าต่างนอก
     
  10. ucon888

    ucon888 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2009
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +993
    โมทนาบุญด้วยครับ
    เจอเขาพระสุเมรุเสียที นึกว่ามีอยู่แต่ในวรรณคดีเท่านั้น
    ภาพประกอบสวยมากครับ
     
  11. momotaro171

    momotaro171 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +10
    คือสงสัยครับ ว่า พระลึกลับที่พบ คือท่านใดครับ
     
  12. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    [​IMG]
    *
    [​IMG]

    เชิญแวะอ่านธรรมะของหลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง ที่ เฟสบุ๊ค ศูนย์พุทธศรัทธา
    และร่วมกันแบ่งปันธรรมะของหลวงพ่อฯ ไปยังกระดานของท่าน

    <IFRAME style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 600px; HEIGHT: 300px; OVERFLOW: hidden; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none" src="http://www.facebook.com/plugins/likebox.php?href=http%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fpages%2FBuddhaSattha%2F158726110822792&width=600&connections=20&stream=true&header=false&height=300" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME>
    *<!-- google_ad_section_end -->
    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา

    [​IMG]</O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2011
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    อนุโมทนาด้วยครับ...
    เขาที่ว่าเนี่ยถ้ามองไกลๆเป็นสีขาวเหมือนภูเขาหิมะหรือเปล่าครับ...
     
  14. Jaithai

    Jaithai สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +13
    ขอบคุณมากนะคะ...คุณnopphakan เขย่าขวัญซะได้ผลเลยนะ เวลานั่งไม่เห็นมานานแล้วนะ เมื่อคืนชัดมากเลย
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ขอบคุณครับ...

    ฮ่าๆๆ..ครับผมฝืนอีกหน่อยนะครับ..อีกไม่นานความกลัวจะหายครับ
    อนุโมทนาครับ
     
  16. changpinit

    changpinit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2009
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +294
    อนุโมทนาสาธุครับ ดนตรีไพเราะ ภาพสวย อ่านแล้วประทับใจมาครับ
     
  17. uthaimai

    uthaimai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +1,344
    ขอบคุณมากๆครับ ขออนุโมทนาด้วยครับ...สาธุ
     
  18. ชัยยันต์

    ชัยยันต์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +82
    ผมอยากจะถามผู้รู้หน่อยครับการที่เรา นิมิตรเห็นพระอริยเจ้าหลายๆองค์มาแสดงฤทธิ์ให้เห็น
    ต่างวาระกัน นั้นหมายความว่าอย่างไรครับ ผมเคยสังเกตมาหลายครั้งเวลาผมไปกราบพระอริยเจ้าที่ไหน วันต่อมาท่านจะมาแสดงฤทธื์ในนิมิตรให้เห็นครับ
     
  19. สิริรุ่น๑๘

    สิริรุ่น๑๘ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2011
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +13
    เนื้อหาน่าสนใจมากๆค่ะ ขอบคุณมาก แต่ว่า..มีอีกมั๊ย..ชอบค่ะ
     
  20. “*อหิงสกะ*”

    “*อหิงสกะ*” Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +52
    ขอบคุณครับ :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...