นรกในใจ

ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอยู่ขณะนี้ ผู้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทย่อมเป็นสุข ถึงพบทุกข์ก็แต่น้อย มีจิตสงบเตรียมรับมือกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆได้พร้อม
<O
พระพุทธเจ้าจึงตรัสสอนเหล่าภิกษุสงฆ์สาวกว่า พวกเธอพึงตั้งอยู่ในความไม่ประมาทเถิด
<O
พุทธศาสนิกชนผู้รับรสพระธรรมคำสั่งสอน เป็นชาวพุทธเที่ยงแท้ทั้งกายและใจ ไม่ใช่สักแต่บอกว่า “ถือพุทธ” แต่ยังพูดปด ดื่มสุราและยาเสพติด ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ละโมบจนถึงคิดและทำเรื่องคดโกง มักมากในกามคุณจนล่วงประเวณีอยู่เป็นนิจศีล ไม่ประพฤติตนเป็นพุทธมามกะที่ดี
<O
แค่รักษาศีล 5 ก็ยังไม่ได้
<O
ศีล คือ ปกติ หรือจะเรียกง่ายๆ ว่าเป็นข้อห้าม เป็นสิ่งพึงรักษาไม่ล่วงละเมิดตามคำสั่งสอนของพระบรมศาสดา
<O
ผู้ใดถือศีล 5 รักษาศีล 5 เอาไว้ได้มั่นคง ผู้นั้นย่อมพบแต่ความสุขความสงบ ถ้าจะมีความทุกข์ ความเดือดร้อนมากระทบบ้างก็กระทบน้อยที่สุด และศีล 5 จะช่วยขจัดปัดเป่าความเดือดร้อนและปัญหาต่างๆให้หมดสิ้นได้
<O
“ความโลภ” นี่เป็นสิ่งสำคัญ ตัณหา คือความทะยานอยาก ทำให้เกิดความโลภ อ้างว่าไม่มีศีลข้อใดห้ามไว้ก็มี แต่ถ้าเรายึดมั่นถือศีล 5 ความโลภก็จะลดลงไปในที่สุด
<O
จิตมนุษย์มักคล้ายสายน้ำอันย่อมไหลลงสู่เบื้องต่ำ มีความโลภมีตัณหาเป็นสิ่งชักนำไป ผู้รักษาศีล 5 ย่อมรู้เท่าทันกิเลสในใจของตนได้ดีกว่าผู้อื่น ว่ามันกำลังอุบัติขึ้น ดังนั้นหากเราระลึกเสมอว่า “จงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่” นี่ก็คือสูตรง่ายๆ สำหรับการแสวงหาความสุข
<O
ถ้าเรารู้เท่าทันกิเลสตัณหา ไม่ยอมปล่อยให้ไฟของความโลภความทะยานอยากเข้าครอบงำเสียอย่างหนึ่งแล้ว ความสงบ สว่างและสุข ก็จะเกิดขึ้น มิต้องกระเสือกกระสนแสวงหาอีกต่อไป
<O
เปรียบเหมือนสุนัขที่คาบกระดูกด้วยความโลภ วิ่งพล่านวิ่งวน ดูทุรนทุรายดุจราดด้วยน้ำร้อน ฉันใด มนุษย์ผู้ปล่อยให้ความโลภเข้าครอบงำแล้วก็ย่อมกระเสือกกระสน ดิ้นรนเร่าร้อนฉันนั้น สุนัข หากปล่อยกระดูกจากปากเสียได้ย่อมพบความสุข
<O
มนุษย์ก็เช่นกัน หากละวางซึ่งความโลภได้ ก็เท่ากับปลดปล่อยความทุกข์ออกจากจิตใจ<O></O>
ดังคำกลอนบทนี้ที่เตือนใจผู้ที่ยังเดือดร้อน ดิ้นรนไขว่คว้าไม่มีที่สิ้นสุดเพราะความโลภ เพราะตัณหาพาใจให้มืดบอด เสมือนสัตว์ที่ติดอยู่ในบ่วงนายพรานเพราะความโลภของตนเอง
<O
“จงอย่าทำสิ่งที่ไม่มีสิทธิ์<O</O
จงอย่าคิดสิ่งที่ไม่มีค่า<O</O
จงอย่าหวังสิ่งที่ไม่มีมา<O</O
จงอย่าคว้าสิ่งที่ไม่มีจริง”


ที่มา....

หนังสือเรื่อง กรรมกำหนด 2