นอนฝันกลางวัน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมมนุษย์, 13 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    บ่ายวันอาทิตย์ง่วงมากก็กะว่าจะนอนกลางวันสะหน่อย ก่อนนอนก็เดินไปปิดประตูบ้านให้เรียบร้อยก่อนเพราะอยู่บ้านคนเดียว พอล้มตัวลงนอนได้สักพักมันก็มีอาการเคลิ้ม (ในฝัน) จิตเห็นแสงสว่างจุดกลมสีน้ำเงินสว่างใสอยู่ตรงหน้ามันเป็นแสงที่สวยงามมากครู่เดี๋ยวแสงสว่างก็สุกสดใสสว่างจ้า คล้ายประกายสว่างของดวงดาว จู่ จู่ ก็รู้สึกว่าร่างกายถูกดึงกระชากอย่างแรงออกไปตามแสงสว่างนั้น


    (ในฝัน) ผมเองก็พยายามใช้มือยันพื้นพยายามดันร่างกายที่นอนอยู่ให้ลุกขึ้นเพื่อพยายามต้านทานแรงดูดนั้นแต่ร่างกายมันก็เคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวกนัก (ในฝัน) พอลุกขึ้นได้ผมพยายามนั่งในท่านั่งสมาธินึกถึงครูบาอาจารย์ขอให้ช่วยเพราะกลัวมาก (ในฝัน) สักพักรู้สึกว่าดีขึ้นผมก็ลุกเดินไปเปิดประตูบ้านที่ปิดไว้ออก


    แล้ว....สักพักผมก็ตื่นขึ้นกลับมาสู่โลกของความเป็นจริงก็รู้สึกว่าตัวเองยังนอนอยู่บนเตียงเหมือนเดิม ประตูบ้านก็ยังปิดเรียบร้อยไม่ได้เดินไปเปิดไว้เหมือนอย่างในฝัน แต่รู้สึกว่าร่างกายนั้นอ่อนแรงอย่างมากแถมรู้สึกปวดมวนท้องคล้ายอาการท้องเสียแต่ก็เป็นไม่นานนั่งสักพักอาการก็กลับมาเป็นปรกติ


    ผมอยากจะขอคำแนะนำครับอาการอย่างนี้มันเป็นยังไงกันแน่มันไม่เหมือนความฝันแต่มันเหมือนจริงมากหรือเป็นผลข้างเคียงจากการฝึกสมาธิหรือเปล่าครับ<O:p</O:p
     
  2. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    ผมฝึกสมาธิตามแนวหลวงปู่โตครับ โดยกำหนดจิตไว้ที่หน้าผาก ในสมาธิบ่อยครั้งที่เห็นดวงกลมสีน้ำเงินใสเลือนลางแต่ว่ามันไม่สว่างเหมือนครั้งนี้ บางครั้งมันก็เห็นเหมือนมีใบพัดเครื่องบินหมุนวนตามเข็มนาฬิกาหมุนตรงหน้าผาก หลังจากออกจากสมาธิหน้าผากมันก็หน่วงตุบตุบ ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปครับ

     
  3. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    จะได้อ่านง่ายๆ:cool:
     
  4. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    เป็นความเหลื่อมล้ำ ระหว่างกายหยาบกับกายทิพย์
    คือร่างกายไม่สมดุล

    มีสภาวะการเหนื่อย แต่มีสมาธิ ส่วนสติยังไม่สมบูรณ์ดี

    ก็คงต้องฝึกต่อไปค่ะ ที่สำคัญต้องฝึกสติก่อน ถ้ายังมีความกลัว หากกายทิพย์หลุดออกมา จะมีผลเสียมากกว่าผลดี

    เราเองก็ยังถอดกายทิพย์ไม่ได้นะ
    แต่บางทีนอนหลับชั้นบน รู้สึกมือนั้นทะลุไปยังชั้นล่าง
    ส่วนใหญ่ ก็มีฝันว่าไปในที่ต่างๆ ซึ่งอาจเป็นการเหนี่ยวนำให้กายทิพย์เราออกไปด้วยจิตวิญญาณอื่น เพราะเวลาไปจริงทุกอย่างก็เหมือนในฝัน แต่ในความฝันก็ต้องฝึกสติ อย่าให้เกิดความกลัวหรือตกใจค่ะ

    แต่ความฝันนั้นเอาแน่ยาก เพราะบางทีก็แค่ฝันฟุ้งไป
    จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2011
  5. numbernine

    numbernine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +285
    เคยเจอประสบการณ์แบบนั้นเหมือนกันเลยครับ

    อาการของเราสองคนคล้ายกันเลยนะครับ เรื่องของผมเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3 – 4 ปีที่แล้ว


    ผมก็ทดลองทำสมาธิตามแล้วทางของสมเด็จโตเหมือนกัน เพราะบังเอิญไปเจอหนังสื่อเล่มหนึ่งเข้า ชื่อว่า
    “ ประสบการณ์จากสมาธิ – วิญญาณ คู่มือถอดจิตเล่ม 3 ”( อันนี้ไม่ได้โฆษนานะครับ ) และด้วยความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งเหนือธรรมชาติ พออ่านจบก็ทดลองทำดูโดยกำหนดจิตไว้ที่ระหว่างคิ้วกึ่งกลางหน้าผากเช่นเดียวกับคุณ แบบเอาจริงเอาจังมากเลยครับไม่ว่าทำอะไรก็นึกถึงแต่เพียงหน้าผากอย่างเดียว จนมันกลายเป็นจุดตึง ๆ เสียว ๆที่กลางหน้าผากหมุนไปทะลุท้ายทอย จนบางครั้งปวดหัวเลยล่ะครับ แต่ฝึกไปเท่าไหร่ก็ไม่สามารถถอดจิตได้ซักที จนมาเจอเหตุการณ์ประหลาดตอนที่กำลังตื่นนอนเข้าในขณะที่ไม่ได้กำหนดอะไรเลย ซึ่งเหตุการณ์ทุกครั้งจะเกิดขึ้นในตอนเช้ามืด จะเล่าให้ฟังครับ


    ครั้งแรก ในขณะที่นอนตอนเช้านี่แหละครับ รู้สึกว่าตัวเองวูบอย่างแรง จนออกมานั่งอยู่บนเตียงพอมองไปข้าง ๆ เห็นร่างเรากับเพื่อนนอนอยู่ยังไม่ทันได้ตกใจ ก็มีบุษบกแก้วระยิบระยับลอยมา ข้างในมีกษัตริย์พระองค์หนึ่งแต่งเครื่องทรงเต็มยศยืนอยู่ นอกบุษบกมีสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯทรงลอยอยู่ ท่านทรงชุดสีม่วงคาดสายสะพายสีเหลืองทรงมองผมด้วยพระพักตร์ยิ้มแย้ม พอผมเห็นทั้ง 2 พระองค์ ความทรงจำบางอย่างก็เริ่มกลับคืนมา เริ่มร้องไห้ฟูมฟายตัดพ้อท่านว่า ทำไมหลวงลุงปล่อยให้หลานตกระกำลังบากเพียงแค่คนเดียว คนอื่นอยู่สุขสบายกันหมดเลย ท่านก็ทรงตรัสสอนผมประมาณว่าชีวิตคนเราย่อมเป็นไปตามกรรมทีสั่งสมมา ก่อนที่จากจะไปท่านให้ของสิ่งหนึ่งกับผมไว้เป็นมรกตเม็ดสีเขียวขนาดเท่ากำปั้น พอรับมรกตเม็ดนั้นก็จมฝังในมือและท่านก็ตรัสว่าของสิ่งนี้จะยังไม่ได้ใช้ แต่เมื่อถึงเวลาแล้วจะได้ใช้เอง ( ผมยังไม่รู้เลยว่ามรกตเม็ดนี้หมายถึงอะไร ใครทราบช่วยบอกด้วยนะครับ ) จากนั้นทั้งสองพระองค์ก็เสด็จหายตัวกลับไป จนผมถูกดูดเข้าร่างอย่างรวดเร็ว พอลืมตาขึ้นมาร่างกายยังชา ๆ ขยับตัวแทบไม่ได้อยู่เลย ( อันนี้ไม่ทราบว่าคุณเป็นเหมือนผมหรือเปล่า ) ครั้งแรกนี้ผมยังไม่กล้าคิดอะไรจึงได่แต่บอกตัวเองว่าเราฝันนะอย่าคิดมาก


    ครั้งที่สอง ครั้งนี้ตื่นแล้วนะครับแต่นอนต่อ จนวูบอีก พอรู้สึกตัวเราก็มาลอยอยู่ข้างเตียงเห็นร่างของเรานอนอยู่เหมือนเดิม ตอนนี้เริ่มคิดแล้วล่ะครับว่าตัวเองจะไปไหนดี แต่คิดไม่ทันเสร็จจู่ ๆ เราก็ถูกแรงดึงดูดจากไหนไม่รู้ลอยทะลุฝนังบ้านไปเลยแว๊บเดียวไปตกอยู่ที่หน้าพระสงฆ์รูปหนึ่งท่านนั่งอยู่บนตั่งที่มีผ้าปูและอาสนะสีเหลือง และอะไรหลายอย่างประดับด้วยสีเหลือง พอผมเห็นท่านก็ก้มลงกราบ ท่านก็เมตตาเทศน์สอนผมด้วยครับท่านเทศน์ดีมากเลย ท่านบอกผมด้วยว่าท่านอยู่ที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ( ในใจยังคิดเลยว่าเรามาไกลอย่างนั้นเลยหรือ ) ท่านบอกชื่อผมด้วยครับแต่ผมดันจำไม่ได้เพราะยาวครับ จากนั้นผมก็ถูกดูดกลับเข้าร่างแบบขาทับขาแขนทับแขนเลยครับ พอลืมตาก็ชาเหมือนเดิม ครั้งนี้ก็ยังสงสัยอีกและก็บอกตัวเองว่าเราฝันนะไม่มีอะไรหรอก


    จนครั้งที่สาม ที่ทำให้ผมเห็นทุกขั้นตอนอย่างชัดเจน วันนี้ผมตื่นเร็วกว่าทุกวันลุกขึ้นแล้วมานอนต่อ ไม่หลับด้วยนะครับ พอนอนไปเรื่อย ๆ ไม่นานอยู่ดี ๆ มีแสงสีน้ำเงินฟ้าไหลจากคิ้วทั้งสองข้างมาบรรจบกันตรงหว่างคิ้วที่เราเคยกำหนดจิต จนกลายเป็นจุดกลมทึบหมุนวนอยู่กลางหน้าผาก สักพักจุดนั้นกลายเป็นประกายพฤกสว่างจ้าและหนักอึ้งจนค่อย ๆ ดันให้กายในเลื่อนจากกายนอกคล้ายชักดาบออกจากฝัก จนเห็นว่าร่างกายของเราไม่ต่างอะไรกับท่อนไม้ที่วางอยู่เฉย ๆ พอพ้นแล้ว กายในก็ลอยอยู่เหนือกายนอกจนผมคิดไปถึงลูกน้องที่เป็นมอญ แว๊บเดียวไปอยู่ในบ้างเค้าเลยครับ ผมเห็นทุกอย่างทั้งที่ไม่เคยเข้าไป เห็นสีชุดที่เค้าใส่นอน เห็นเปล เห็นเชือก และได้ยินเค้าพูดภาษามอญกับหลานเค้าด้วย แต่แปลกมาที่เราฟังเค้าเข้าใจว่าพูดอะไรกัน จนร่างถูกดูดกลับมาครับครั้งนี้ผมเห็นชัดเจนที่สุดว่ากายนอกกับกายในค่อย ๆ เลื่อนมาทับซ้อนกันแบบอวัยวะต่ออวัยวะ พอทับซ้อนกันสนิทแล้วผมก็ลืมตาขึ้นมาเช่นเคย ร่างกายนี่ชามาก ๆ พอลูกน้องมาถึงบ้านผมถามเค้าในสิ่งที่ผมเห็น ปรากฏว่าทุกอย่างถูกต้องหมดเลยครับแม้แต่คำพูดที่ได้ยิน จนมันแซวว่าอย่าแอบดูตอนมันอาบน้ำนะ 555


    ครั้งนี้และครับที่ทำให้ผมเชื่อในโลกของวิญญาณแบบร้อยเปอร์เซ็นเต็มและฝักใฝ่ในทางธรรมมากขึ้นตั้งใจปฏิบัติมากขึ้น และลองมาหลายวิธีจนมาจบอยู่ที่พุท – โธ ถึงแม้ว่าจะไม่มีประสบการณ์อย่างนั้นอีกแล้วแต่ มันก็ทำให้ผมลืมไม่ลงเลยครับ


    ผมรู้นะครับว่าคุณเองก็รู้สึกอึดอัดและสับสน เพราะบางทีการเล่าเหตุการณ์ที่คนอื่นไม่เคยสัมผัสเราก็กลายเป็นคนบ้าเหมือนกัน ผมก็มากระจ่างในเว็บบอร์ดนี้เหมือนกันแหละครับ ในเรื่องของการปฏิบัติผมคงไม่อาจแนะนำอะไรได้หรอกครับเพราะหากเทียบความรู้ในทางธรรมแล้ว ผมราวกับเป็นเด็กอนุบาลที่เขียน ก ไก่ ยังไม่ครบเลยครับ แต่ผมเชื่อว่าหากเราตั้งอยู่บนสัมมาทิฎฐิ ไม่นานธรรมะก็จะจัดสรรกัลยาณมิตรและประทานคำตอบมาให้เอง อย่างน้อยในเว็บบอร์ดนี้ก็มีผู้มีภูมิรู้ภูมิธรรมสูงหลายท่าน ที่จะช่วยคุณได้ครับ


    สุดท้ายแล้วครับวันนี้เขียนยาวหน่อยเพราะรู้สึกดีใจที่ได่เจอเพื่อนร่วมประสบการณ์เดียวกันเช่นคุณ ขออนุญาติสมัครเป็นกัลยาณมิตรอีกคนหนึ่งนะครับ ขอให้เจริญทั้งทางโลกและทางธรรมนะครับ

    ปล ท่านใดที่อ่านแล้วไม่เชื่อก็ให้คิดเสียว่าเป็นนิทานแล้วกันนะครับ อนุโมทนาสาธุครับ
    ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...