เรื่องเด่น นักวิชาการแนะชาวพุทธไทย สร้างพระพุทธเจ้าพูดได้ เหมือนญี่ปุ่นสร้างเจ้าแม่กวนอิมเอไอ

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 27 กุมภาพันธ์ 2019.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,297
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,273
    ค่าพลัง:
    +9,528
    143254_th.jpg


    วันที่ 27 ก.พ.2562 หลังจากเพจTheMATTERได้เผยแพร่ข่าวที่อ้างอิงจาก https://www.japantimes.co.jp/news/2...ic-kannon-unveiled-kyoto-temple/#.XHNfDugzbIV ที่ระบุถึงวัดพุทธแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นเริ่มใช้ AI ในวัด เป็นหุ่นยนต์สำหรับการเผยแพร่คำสอนศาสนาด้วย หุ่นยนต์ตัวนี้มีชื่อว่า Mindar คือหุ่นยนต์จำลองตามพระโพธิสัตว์กวนอิม ที่ถูกออกแบบมาเพื่ออธิบายคำสอนของพระพุทธ ในวัด Kodaiji ในเมืองเกียวโต ซึ่งสามารถกล่าวหลักคำสอน Heart Sutra หรือปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร และเรื่องของมนุษชาติ โดยการเสนอเส้นทางเพื่อ “เอาชนะความกลัวทั้งหมด ทำลายการรับรู้ที่ผิดทั้งหมดและตระหนักถึงนิพพานที่สมบูรณ์แบบ”

    Mindar ได้กล่าวคำสอนในภาษาอังกฤษ พร้อมด้วยซับไตเติ้ลภาษาจีนฉายบนผนัง โดยมีดนตรีเป็นแบคกราวน์ของคำสอน โดยมันเป็นหุ่นยนต์ที่มีความสูงประมาณ 195 เซนติเมตรและหนัก 60 กิโลกรัมสร้างขึ้นโดย A-Lab Co. ที่อยู่ในกรุงโตเกียว และลำตัวของหุ่นนี้ทำจากอลูมิเนียม ส่วนใบหน้าและมือเป็นซิลิโคน

    Tensho Goto หัวหน้าผู้ดูแลวัดในเขต Higashiyama ของเกียวโต กล่าวระหว่างงานแถลงข่าวว่า “ถ้าพระพุทธเจ้าพูด คำสอนของพระพุทธศาสนาอาจจะเข้าใจได้ง่ายกว่านี้” และ “เราต้องการให้คนจำนวนมากมาดูหุ่นยนต์ เพื่อคิดเกี่ยวกับแก่นแท้ของพุทธศาสนา” ทั้งเจ้าหน้าที่วัดคนอื่นๆ ยังหวังว่า หุ่นยนต์จะช่วยให้คนที่มีความสัมพันธ์กับศาสนาพุทธน้อย หันมาสนใจด้วย

    ทั้งนี้วัด Kodaijiเปิดแสดงตัวต่อสาธารณะในวันที่ 8 มีนาคม – 6 พฤษภาคมนี้ และก่อนหน้านี้วัดพุทธในประเทศจีนก็มีการสร้างหุ่นยนต์หลวงจีนที่มีความสามารถในลักษณะเดียวกันนั้น

    เฟซบุ๊ก Uthit Siriwan ของ ศ.ดร.อุทิส ศิริวรรณ นักวิชาการด้านศาสนาและการเงิน ได้แสดงความเห็นความว่า

    ผมคิดอะไร? ยามสาย ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2562 คิดถึง เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลง วัดวาอารามในนครเกียวโต ญี่ปุ่น และอนาคตเทคโนโลยี AI อาจเปลี่ยนแปลงวัดวาอาราม ในประเทศไทย คือห้วงเวลานี้ คนรุ่น Baby Boomer คนรุ่น Gen X คนรุ่น Gen Y กำลังค่อยๆ หายไปจากสังคมไทย คนรุ่น Gen Z คนรุ่น Gen C กำลังรับช่วง รอยต่อการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกในเวลานี้

    53016266_779913339043503_6980671308954599424_n.jpg

    เวลาผมสื่อสาร ผมจะคิดอ่าน ถึงคนรุ่น เจน Z เจน C เป็นส่วนมาก เจนอื่นๆ ผมละไว้ ในฐานที่เข้าใจ https://pantip.com/topic/30807680

    ผมเองฟังญี่ปุ่นไม่รู้เรื่อง แต่ก็คาดเดาเนื้อหาได้ ว่าพระหลวงพ่อเกียวโต และคณะกรรมการวัด ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อประโยชน์ ต่อวงการพุทธ อย่างไร ? อยากให้เปิดยูทูบฟังก่อน ฟังจนจบ แล้วค่อยอ่าน ที่ผมเขียน จะได้ “ผสมผสาน” ไปพร้อมๆ กัน

    อนาคตอันใกล้ ผมเชื่อว่า “ธัมมเจติยะ” หรือ “ธรรมเจดีย์” คำสอนของพระพุทธเจ้า จะกลับฟื้นคืนชีพ แต่ต้องพึ่งพา และใช้ “เทคโนโลยีสื่อสาร” สนับสนุน และขับเคลื่อน “ธัมมเจดีย์” ทำ “พระพุทธเจ้า” ให้มีชีวิตชีวา

    คือทุกวันนี้ มีคนจำนวนมากสนใจคำสอนพุทธ แต่เบื่อหน่าย “พระ” เลยไม่ยอมเข้าวัด ทว่าศึกษาค้นคว้าเรียนรู้พระพุทธศาสนาด้วยตนเอง มีคนแบบนี้จำนวนหลายล้านคน !

    ที่ผมเล่าคือ “ความจริง” พระแต่ละวัด จะได้นำไปขบคิด และกำหนด “นโยบายเผยแผ่” ให้ “โดนใจ” คนที่ไกลวัด และห่างวัด !

    ขนาดรายการ “ยกวัดมาไว้ซีพี” ผู้บริหารยังแอบบอกผมว่า คนชอบ “ฟัง” ชาวบ้าน เล่า “ธัมมะ” มากกว่าฟัง “พระ” เทศน์

    เป็นประเด็นที่อย่าเดือดดาล บันดาลโทสะ โมโห แต่ควรนำมา “ขบคิด” ว่าทำไมคนส่วนใหญ่ ถึงไกลวัด ห่างวัด และเบื่อหน่ายพระ ?

    ผมลองเทียบ “พุทธไทย” กับ “ลังกา” ไทยเรา “ฝืน” ธรรมชาติ คือ “ศรัทธา” แบบ “ปรุงแต่ง” ผสมผสาน ระหว่าง พุทธ-ไสย-ผี-วิทยาศาสตร์-ไฮเทค

    เทียบกับบางประเทศ ยกตัวอย่างลังกาเป็น “พุทธเถรวาท” ออกตัวก่อนว่า ผมไม่ได้สัมผัส “คนลังกา” ลึกซึ้ง

    แต่ภาพที่เห็น คนลังกาเอง ถูกกระทำย่ำยีจาก “ศาสนาอื่น” ถึง2 ๒ ศาสนา เลือด “รัก” พุทธศาสนา จึงเข้มข้น และเวลาเข้าวัด ก็ “ธรรมชาติ” จะยืน เดิน นั่ง นอน
    ก็ธรรมชาติ เหมือนที่ผมเคยเห็น “คนแก่” เข้าวัด สมัยบวชเณรเมื่อเกือบ 40 ปีก่อน ฟังพระเทศน์ก็ไม่ต้อง “พนมมือ” ให้เมื่อยจะยืนฟัง นั่งฟัง นอนฟัง เดินฟัง
    พระท่านก็เทศน์ไปเรื่อยๆ ไม่มีใครจับผิดใครว่าไม่สำรวมไม่มีมารยาท

    แต่สังเกตจะนุ่งขาว ห่มขาว มาวัดกันแน่นขนัด คือ “ศรัทธาแบบธรรมชาติ”

    คนลังกา “ศรัทธา” แบบ “จิตวิญญาณชาวพุทธ” ที่ว่า “พุทธศาสนาจะกลับไปตั้งมั่นในลังกา” เป็นจุดสุดท้าย ตามคัมภีร์พุทธต่างๆ ทำนาย ก็น่าจะเป็นความจริงอยู่ เพราะฆ่าเท่าใด พุทธก็ไม่ตายจากเกาะลังกา ตายสิบ ก็เกิดใหม่ นับหมื่นนับแสน

    มองเมืองไทยเรา มีแต่ “เสียงดัง” ทว่า “น้อยราย” ที่มีจิตวิญญาณเพื่อพระพุทธเจ้า เทียบกับ “พม่า” พม่าเป็น “พุทธเถรวาท” ในพม่า คนหนุ่มสาวมาไหว้พระกัน
    สบตากัน ปิ๊งกันในวัด สุดท้ายรักกัน แต่งงานกัน มีลูกมีหลาน ก็ชวนกันเข้าวัด เหมือนรุ่นที่ตนเองเป็นหนุ่มสาว

    พม่าก็เคยถูก “อคติ” จากอังกฤษปกครอง คราวหนึ่ง “ผู้นำอังกฤษ” ดำริจะ “สวมรองเท้า” ตามคติ “ผู้ดีอังกฤษ” เยี่ยมชมมหาเจดีย์ชเวดากอง

    ประวัติศาสตร์พม่าจารึกบันทึกไว้ว่า ชาวพม่าอัดอั้นตันใจทั้งประเทศ บอกกันปากต่อปาก ด้วยเทคโนโลยี Word by Word ยกกันมานับหมื่นคน
    นอนเต็มลานเจดีย์ชั้นบน ประท้วงเงียบ เพราะจะประท้วงจริงจัง
    ก็โดน “ปืน”

    โชคดีว่าผู้นำอังกฤษ แม้จะเป็นคริสต์ แต่ก็มีความเข้าใจ “พลังศรัทธาของศาสนิกศาสนาอื่น” ท่านเห็นอกเห็นใจ ประนีประนอม ถ้อยทีถ้อยอาศัย บอก “คนรายงานเท็จ” ว่าให้ “เลิก” สวมรองเท้า และท่านเองก็ “ถอดรองเท้า” เดินชมมหาเจดีย์ชเวดากอง
    เยี่ยงชาวพุทธปกติทั่วไป

    ที่ญี่ปุ่น เดือนหน้า 8 มีนาคม ถึง 6 พฤษภาคม 2562 พระพุทธเจ้าจะกลับมากลายเป็น “Living Buddha” ทดสอบทดลอง
    ก่อนนำมาใช้เผยแผ่คำสอน “ปรัชญาปารมิตาสูตร” จริง

    วัดและผู้ใจบุญทั้งหลายในไทยรับชมให้จบแล้ว อาจเกิดไอเดียนำเสนอ “AI Lord Buddha” พระพุทธเจ้าปัญญาประดิษฐ์ ทรงสอน “ธัมมบท” บ้าง
    “อภิธรรม” บ้าง เป็นต้น จาก “พระโอษฐ์”

    ทุกวันนี้เมืองไทยเราก็มีแต่ในรูปแบบของ “ต้นไม้พูดได้” ถ้า “พระพุทธเจ้าพูดได้” เหมือน “พระญี่ปุ่น” กล้าลงทุนและนำเสนอ หุ่นยนต์ “ปัญญาประดิษฐ์”
    เป็นตัวแทน “พระพุทธเจ้า” จาก “พระเจ้านั่งดิน” เหมือนที่เห็น พระพุทธรูปแถวพะเยา เป็นต้น กลายเป็นพระพุทธเจ้ามีชีวิตชีวา พูดสอน “ปรัชญาปารมิตาสูตร”
    สอน “คำคมบ่มชีวิต”

    เป้าหมายหลวงพ่อสายมหายานในเกียวโต และคณะกรรมการวัด ต้องการให้เกิดความฮือฮา และจุดกระแส ให้เด็กรุ่นใหม่สนใจ “คำสอนพุทธศาสนา” ที่เป็นรูปธรรม เพราะเด็กรุ่นใหม่ในญี่ปุ่นเอง ก็รักและศรัทธาในพระพุทธศาสนา ลดน้อยถอยลง เสื่อมความนิยมลงตามลำดับ ไม่เข้มแข็งดุจดังแต่เก่าก่อน ถ้าเป็นเมืองไทย อาจถูก “ก่นด่า” ตามเคยของคนส่วนใหญ่ที่ไม่ชอบเห็น “การเปลี่ยนแปลง”

    การใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสื่อสาร คำสอนพุทธศาสนา ผ่านเทคโนโลยี AI น่าจะดีกว่า “งานบุญงานบวช” ที่ปล่อยปละละเลย ปล่อยให้ “เมาแล้วซ้อมครู
    ซ้อมนักเรียนปางตาย” จน “งานบวช” วัดสิงห์ ย่านฝั่งธน กลายเป็น “คดีใหญ่” ก่ออาชญากรรมระดับอุกฉกรรจ์ ส่งผลกระทบในวงกว้าง วัยรุ่น 20 คนเศษ
    ติดคุกติดตะราง ถูกดัดสันดาน ดัดนิสัย เป็นจำนวนมาก

    ศาลไม่ยอมให้ประกันตัว ทำให้ “วัดวาอาราม” ในภาพรวม กลายเป็น “เสีย” ภาพลักษณ์ คล้าย “ปลาเน่า” ตัวเดียว แต่เหม็นทั้งข้อง เช็คเรตติ้งในสื่อสังคมออนไลน์ดู

    เด็กวัยรุ่นยุคใหม่ ไม่ได้ศึกษา กรรม-กิเลส-วิบาก ก่นด่า เมาธ์มอยส์พระ อ่านแต่ละความคิดอ่านดูแล้ว “นรก” ชัดๆ

    กรรมใคร กรรมมัน คนใดก่อกรรม คนนั้น สักวัน ก็รับผลกรรมที่ก่อ ด้วยตนเอง

    สัพเพ สัตตา สัพเพ ปาณา


    ขอขอบคุณที่มา
    http://www.banmuang.co.th/news/education/143254
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กุมภาพันธ์ 2019

แชร์หน้านี้

Loading...