นักวิทย์ชี้โอโซนขั้วโลกใต้ลดฮวบ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Catt Bewer, 27 ธันวาคม 2006.

  1. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    ผลสำรวจที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ระบุว่า โอโซนบริเวณขั้วโลกใต้หรือใจกลางทวีปแอนตาร์คติกาลดลงในปริมาณมากและเป็นบริเวณกว้าง โดยการลดลงของโอโซนบริเวณดังกล่าวเริ่มมาตั้งแต่ช่วงปลายยุคทศวรรษที่ 70 แต่การลดลงอย่างรวดเร็วเริ่มต้นขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 80

    นายโรเบิร์ท พอร์ทแมน หนึ่งในกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ขององค์การบริหารด้านมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐ (เอ็นโอเอเอ) ซึ่งเป็นผู้ศึกษาเรื่องดังกล่าว เปิดเผยว่า พบการขาดหายไปของโอโซนในชั้นบรรยากาศจากตัวอย่างของอากาศบริเวณขั้วโลกใต้ที่เก็บมาศึกษาทดลองตั้งแต่หลังปี พ.ศ.2523 เป็นต้นมา ในขณะที่การสูญเสียโอโซนในชั้นบรรยากาศบริเวณทวีปอาร์คติกหรือแถบขั้วโลกเหนือนั้นเกิดขึ้นเป็นพักๆ และในปริมาณที่ไม่มากแม้กระทั่งช่วงที่พบว่ามีการลดลงของโอโซนในชั้นบรรยากาศบริเวณดังกล่าวมากที่สุดก็ยังไม่เท่ากับอัตราการสูญเสียโอโซนตามปกติในบริเวณขั้วโลกใต้

    นักวิทยาศาสตร์หลายกลุ่มได้ทำการศึกษาวิจัยเรื่องเกี่ยวกับการลดลงของโอโซนบริเวณชั้นบรรยากาศเหนือทวีปแอนตาร์คติกามาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว โดยเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ระบุว่า ช่องโหว่ของโอโซนในชั้นบรรยากาศบริเวณทวีปแอนตาร์คติกาที่พบนั้นมีเนื้อที่ถึง 11 ล้านตารางไมล์ (28,489,870 ตารางกิโลเมตร)

    ทั้งนี้อัตราการลดลงของโอโซนในชั้นบรรยากาศบริเวณทวีปแอนตาร์คติกานั้นสูงถึง 90% และอาจจะเพิ่มขึ้นถึง 99% ในช่วงหน้าหนาว ในขณะที่บริเวณทวีปอาร์คติกนั้นอัตราการลดลงของโอโซนนั้นสูงสุดอยู่ที่ 70% แต่โดยปกติแม้ในช่วงอากาศหนาวก็จะพบว่ามีอัตราการลดลงของโอโซนเพียง 50% เท่านั้น (เอเอฟพี)


    http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01for06271249&day=2006/12/27
     
  2. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เมื่อ 10ปีก่อนครีมซันบล็อค Spf 20 ก็กันได้สุดๆแล้ว เดี๋ยวนี้ ต้องใช้ค่า SPF 50 แล้วครับถึงจะเอาอยู่ ดังนั้นแนวโน้มในการเกิดมะเร็งผิวหนัง และต้อ จอประสาทตาเสื่อม จะสูงขึ้นเรื่อยๆครับ
     
  3. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    ชั้น"โอโซน"ขั้วโลกใต้ เสียหายมากกว่าขั้วโลกเหนือ



    [​IMG]
    ชี้ "ขั้วโลกเหนือ" และ "ขั้วโลกใต้" สูญเสียชั้นโอโซนแตกต่างกันในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยพบว่าชั้นโอโซนที่ขั้วโลกใต้เป็นรูโหว่มากกว่าขั้วโลกเหนือ

    สำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติ สหรัฐ (โนอา) ศึกษาพบว่า ใจกลางชั้นโอโซนที่ขั้วโลกใต้เป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่และแผ่วงกว้าง เริ่มมาตั้งแต่ปลายคริสต์ทศวรรษที่ 1970 แต่เห็นได้ชัดในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1980 และ 1990 เพราะในตัวอย่างอากาศที่เก็บมาหลังปี 2523 บางตัวอย่างแทบไม่พบโอโซนเลยเมื่อเทียบกับหลายสิบปีก่อน ส่วนที่ขั้วโลกเหนือนั้นพบช่องโหว่ชั้นโอโซนกระจัดกระจาย แต่ช่องโหว่ที่ใหญ่ที่สุดก็ไม่ใหญ่เท่าช่องที่พบทั่วไปที่ขั้วโลกใต้

    ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนต.ค. สำนักงานอวกาศแห่งชาติสหรัฐ (นาซ่า) เคยรายงานว่า ช่องโหว่โอโซนที่พบในปีนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบมา โดยกินพื้นที่เกือบ 17.6 ล้านตารางกิโลเมตร

    ผลการศึกษาของโนอาระบุว่า พื้นที่ขั้วโลกใต้บางจุด โอโซนหายไปถึงร้อยละ 90 และมักหายไปเกือบหมดในช่วงฤดูหนาวนับตั้งแต่ปี 2523 เป็นต้นมา เทียบกับเมื่อหลายสิบปีก่อน ส่วนที่ขั้วโลกเหนือ โอโซนเคยหายไปสูงสุดร้อยละ 70 และหายไปร้อยละ 50 ในช่วงกลางคริสตทศวรรษหลังปี 1990 ซึ่งเป็นช่วงที่อุณหภูมิลดลงอย่างผิดปกติ แต่ระดับปัญหาที่ขั้วโลกเหนือถือว่ารุนแรงน้อยกว่าขั้วโลกใต้

    ทั้งนี้ โอโซนทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้รังสีที่เป็นอันตรายจากดวงอาทิตย์ตกมาถึงโลกมากเกินไป

    http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03tec01291249&day=2006/12/29
     
  4. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เคยได้ไปถามพระท่านดูเกี่ยวกับว่าทำไม โอโซนที่ขั้วโลกใต้จึงหายมากกว่าที่ขั้วโลกเหนือ

    พระท่านบอกว่า

    เป็นเรื่องเกี่ยวกับ แม่เหล็กไฟฟ้าของโลก ที่ทำปฏิกิริยา กับตัว ประจุของโอโซน ที่ประกอบไปด้วย อออกซิเจน สามโมเลกุล นั่นเอง

    ส่วนหนทางแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศจากปรากฏการโลกร้อนเนื่องจาก ชั้นโอโซนรั่ว

    พระท่านให้ใช้วิธี รีเวอร์ส เอ็นจิเนียริ่งของธรรมชาติ
    โดยให้ดูจากสมัยที่โลกเย็นลงใหม่ๆ ไม่มีชั้นบรรยากาศและสิ่งมีชีวิต

    และสิ่งมีชีวิตชนิดแรก ก็คือสาหร่ายเซลล์เดียว ที่ขยายพันธุ์ โดยการแบ่งตัวจาก หนึ่งเป็นสอง สองเป็น สี่ ในอัตราการยกกำลัง
    สาหร่ายเหล่านี้ดูดซึม คาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซพิษพวกซัลเฟอร์ต่างๆจากบรรยากาศ มาสังเคราะห์แสง ได้ก๊าซออกซิเจนออกมา และรวมตัวกันเป้นกลุ่มก๊าซโอโซน ของชั้นบรรยากาศในที่สุด

    พระท่านให้ใช้สาหร่ายเกลียวทองโปรยไปยังท้องมหาสมุทรตามแนวการไหลของกระแสน้ำอุ่นในทะเลเขตร้อน จากนั้นให้กลไกธรรมชาติ เยียวยาตัวมันเอง จากการที่สาหร่ายเหล่านี้
    -ดูดซับพลังงานความร้อนในทะเลทำให้อุณหภูมิลดลง
    -รงควัตถุของสาหร่าย เป็นตัวกรองแสงและรังสีความร้อนไม่ให้สะท้อนกลับขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ
    -การแบ่งตัวที่เร็ว ในอัตรายกกำลังจึงจะทันกับการทำลายโอโซนของก๊าซเรือนกระจกที่ทำลายโอโซนด้วยปฏิกิริยาลูกโซ่
    -สาหร่ายเป็นอาหารของสัตว์ทะเลขนาดเล็ก ทำให้ห่วงโซ่อาหารชั้นล่างสุดสมบูรณ์มีผลต่อเนื่องในการสร้างความสมบูรณ์ให้กลับมาสู่ท้องทะเล
    -การปลูกต้นไม้ โตไม่ทันการตัดทำลายจากฝีมือมนุษย์
    -กว่าต้นไม้จะโตใช้เวลาสิบปีขึ้นไป

    -ดังนั้นจึงต้อง

    -หยุดการใช้ก๊าซเรือนกระจก
    -ลดใช้พลังงานสกปรก
    -เพิ่มการใช้พลังงานสะอาด
    -ช่วยกันปลูกต้นไม้ทุกคน
    -ออกกฏหมายผู้ทำผิดเกี่ยวกับป่าไม้ให้รุนแรงเฉียบขาด
    -ใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มโอโซน
    -ใช้สาหร่ายโปรยลงสู่มหาสมุทรโดยเป็นโครงการของคนทั้งโลกร่วมกันทำ

    ปัญหาโลกร้อนยังมีความหวังครับ

    ผมยังคิดเสมออยู่ว่า

    "ถ้าร่างกายของผมต้องแหลกสลายกลายเป็นสาหร่ายโปรยปรายลงสู่ท้องมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ มาช่วยสร้างโอโซนปริมาณมหาศาลจนปิดรอยโหว่ของชั้นบรรยากาศได้ทั้งหมด เพื่อช่วยสรรพชีวิตทั้งหมดบนโลกนี้ได้ ผมก็ยินดีตาย แทนทุกๆคนครับ"
     

แชร์หน้านี้

Loading...