((นัดพระ-พระเครื่อง-พระบูชา-ทั่วไทย รับประกันพระแท้มาตรฐานสากล))

396) พระขุนแผนยอดขุนพล"รุ่น 1"พระอาจารย์กฤษณ์ กิตติญาโณ(อ.ตุ๋ย) วัดนิมิตโพธิญาณ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ปี 51 กดนำฤกษ์ เนื้อดำผงใบลาน-มวลสารเก่า ลป.อ่อนศรี ขันติกโร รับประกันแท้ทุกวัน เปิดแบ่งปันหนมๆแค่ 300.-ฟรีส่ง EMS

 

396) พระขุนแผนยอดขุนพล"รุ่น 1"พระอาจารย์กฤษณ์ กิตติญาโณ(อ.ตุ๋ย) วัดนิมิตโพธิญาณ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี สร้างปี 51 นำออกร่วมบญงานสมโภชน์บรรจุพระบรมสาริกธาตุ ในปี 52 เนื้อดำผงใบลาน-มวลสารเก่า ลป.อ่อนศรี ขันติกโร กล่องเดิมๆ รับประกันแท้ทุกวัน เปิดแบ่งปันหนมๆแค่ 200.-ฟรีส่ง EMS

เปิดกิจการใหม่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นายหน้านายประกัน ทหาร-ตำรวจ จัดเล้ยครับ

 

ฝากติดตามครับ พระอาจารย์กฤษณ์ กิตติญาโณ(อ.ตุ๋ย) วัดนิมิตโพธิญาณ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี
(((คลิก)))

 

397) พระขุนแผนยอดขุนพล"รุ่น 2"พระอาจารย์กฤษณ์ กิตติญาโณ(อ.ตุ๋ย) วัดนิมิตโพธิญาณ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี สร้างปี 53 มอบให้เจ้าภาพกองบุญ เนื้อมวลสารเก่า ลป.อ่อนศรี ขันติกโร ฝังพลอยเสก-ข้าวสารหิน-งาช้าง แบบนี้มีแค่ 9 องค์ในโลก รับประกันแท้ทุกวัน...ราคาไปไกลแล้ววว เปิดแบ่งปันหนมๆแค่ 1,500.-ฟรีส่ง EMS

พุทธคุณเกินบรรยาย...พระรอเจ้าของครับ

 

ได้รับแล้วครับ ขอบคุณครับ

 

ขอบพระคุณมากครับ...เฮงๆรวยๆเด้อ..สาธุ

 

398) พระขุนแผนพรายพระกาฬ"103 ปี"ลป.ถ้า อนาลโย"พระอริยสงฆ์ 5 แผ่นดิน"วัดป่าทศพลมังคลาราม อ.เมยวดี จ.ร้อยเอ็ด สุดๆไปอีกที่มี ลป.สิงห์ทอง ปภากโร ร่วมปลุกเสกด้วยครับ พิเศษกรรมการตะกรุดคู่ ออกวัด 500 น้าาา รับประกันแท้ทุกวัน เปิดแบ่งปันหนมๆแค่ 400.-ฟรีส่ง EMS

สวยเข้มขลัง...ตะวันออกพรายกมาร...อีสานใต้ก็มีพรายกัญญาและพรายพระกาฬครับ


หลวงปู่ถ้า อนาลโย พระเกจิ ๔ แผ่นดิน เกิดปีขาล พ.ศ.๒๔๕๗ ที่บ้านงิ้ว อำเภอคำชะอี (อำเภอหนองสูง ในปัจจุบัน) จังหวัดมุกดาหาร อุปสมบท เมื่ออายุ ๒๑ ปี ในปีพ.ศ.๒๔๗๘ เคยจำพรรษาที่วัดป่าดงคำชี จังหวัดกาฬสินธุ์ ปัจจุบันจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าทศพลมังคลาราม บ้านบุ่งเลิศ ตำบลบุ่งเลิศ อำเภอเมยวดี จังหวัดร้อยเอ็ด ได้ศึกษาเล่าเรียนธรรมะ เป็นเวลา ๑๕ พรรษา ด้วยภารกิจทางครอบครัว ที่หลวงปู่ต้องไปแก้ปัญหาด้วยตนเอง จึงได้ ลาสิขาบท เมื่อสะสางปัญหาต่างๆแล้วเสร็จ ด้วยใจที่ไฝ่การบรรพชา อุปสมบท ถือศีลบำเพ็ญเพียรในการเจริญกรรมฐานจึงเข้าสู่เพศบรรพชิตอีกครั้ง เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา อบรมสั่งสอนพุทธศาสนิกชน ให้เข้าถึงธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเข้าอุปสมบทเป็นครั้งที่ ๒ จำพรรษาที่วัดป่าดงคำชี จังหวัดกาฬสินธุ์ และวัดป่าทศพลมังคลาราม บ้านบุ่งเลิศ ตำบลบุ่งเลิศ อำเภอเมยวดี จังหวัดร้อยเอ็ด จนถึงปัจจุบัน

หลังจากอุปสมบทหลวงปู่ถ้าฯได้ออกธุดงค์ ปลีกวิเวกไปตามสถานที่ต่างๆ ธุดงค์ลัดเลาะตามป่าเขาลำเนาไพรทั้งในเขตประเทศไทย และข้ามฝั่งเข้าสู่ดินแดนปราสาทขอมประเทศเขมร ได้ไปพบกับพระอาจารย์ไพร ผู้มีวิชาแก่กล้า ปราชญ์เปลื่องเลื่องลือในด้านวิชาอาคม มนต์ดำ มหาเสน่ห์ และการทำเครื่องรางของขลัง จึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์ พระอาจารย์ไพรได้ถ่ายทอดวิชาอาคมสายต่างๆให้โดยมิได้ปิดบังใดๆ หลวงปู่ฯอยู่ร่ำเรียนวิชาด้วยเป็นระยะเวลา ๓ ปี เมื่อหลวงปู่ถ้าฯเห็นว่าการร่ำเรียนวิชาอาคมตำหรับเขมรสำเร็จลุล่วง จึงกราบลาพระอาจารย์ไพร ผู้เป็นอาจารย์ หลวงปู่ถ้าฯ เดินธุดงค์ออกจากประเทศเขมรมุ่งหน้าสู่บ้านเกิด เพื่อนำวิชาอาคมที่ได้เล่าเรียนมาจากครูบาอาจารย์ มาช่วยเหลือญาติโยม ในการทำมาค้าขาย ทำธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จ หลวงปู่ถ้า อนาลโย กลับมาจำพรรษาที่วัดป่าดงคำชี จังหวัดกาฬสินธุ์ (หลวงปู่เคยออกธุดงค์ร่วมกับสหธรรมิกศิษย์ผู้พี่ หลวงปู่เทศ เทศรังสี หลวงปู่จาม มหาปุญโญ หลวงปู่หล้า เขมปัตโต)ไปหลายสถานที่ทั้งในประเทศไทย ลาว เขมร และประเทศพม่า การเดินธุดงค์สมัยนั้นต้องเดินลัดเลาะไปตามป่าเขาลำเนาไพร มีแต่ช้าง เสือ อสรพิษที่ดุร้ายและสิ่งลี้ลับ ล้วนแต่อันตรายทั้งสิ้น

แต่ก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลายมาได้ด้วย การปฎิบัติภาวนาสมาธิ การเจริญกรรมฐาน เมตตา แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายด้วยธรรมะ ครั้งหนึ่งคณะลูกศิษย์ ที่กรุงเทพมหานคร ทราบถึงความเก่งกล้าด้านวิชาอาคม ของหลวงปู่ฯจึงขออนุญาตสร้างเครื่องราง หนูดูดนมแมว พุทธคุณด้านเมตตามหานิยม มวลสารต่างๆที่นำมาสร้าง ประกอบไปด้วย รกแมวดำ ๙ ตัว น้ำตาปลาพะยูน ว่านดอกทอง ผงไม้รัก ไม้ขนุน ว่านนางอกแตก นำมาผสมกันเติมผงสวาทเรื่อยๆจนน้ำมันเดือดแล้วค่อยยกลง นำมากดพิมพ์ด้วยมือขึ้นรูปนำลงใส่ในไหฝังดิน พันด้วยด้ายสายสินธุ์โยงขึ้นมาให้หลวงปู่เสกเป็นเวลานานกว่า ๑ ปี จนแมวกับหนูตัวเป็นๆวิ่งมานอนเกลือกกลิ้งเล่นกัน ตรงพื้นดินบริเวณที่ฝังไหเครื่องราง ซึ่งเป็นเรื่องมหัศจรรย์ เมื่อหลวงปู่เห็นว่าเครื่องรางมีพุทธคุณเข้มขลัง จึงบอกให้ลูกศิษย์ขุดขึ้นมาใช้ เป็นที่ต้องการของพ่อค้า แม่ค้า มีไว้ติดตัวทำมาค้าขายดี คนทำงานก็เช่นกันมีไว้ติดตัวนายเมตตา เพื่อนร่วมงานที่เคยกลั่นแกล้งต่างก็มาเป็นมิตร แม้แต่คนจีนแผ่นดินใหญ่ มาเลเซีย ฮ่องกง ต่างก็แสวงหาเพื่อให้ได้มาครอบครอง เพราะมีหนูดูดนมแมวไว้ติดตัวอธิษฐานอะไรก็สำเร็จ จนเป็นที่โด่งดัง “เครื่องรางหนูดูดนมแมว” ทำให้ผู้ที่นิยมเครื่องราง ที่มีพุทคุณแรงๆทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ต่างก็รู้จัก หลวงปู่ถ้า อนาลโย พระกรรมฐานสายป่าเจ้าตำหรับวิชาเขมร

 

399) พระขุนแผนยอดขุนพล"รุ่น 1"พระอาจารย์กฤษณ์ กิตติญาโณ(อ.ตุ๋ย) วัดนิมิตโพธิญาณ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี สร้างปี 51 เนื้อพิเศษอังคารธาตุลป.อ่อนศรี ขันติกโร เนื้อจัดๆฟูๆคล้ายพระธาตุขึ้นเต็ม สร้างน้อย 99 องค์เองครับ รับประกันแท้ทุกวัน เปิดแบ่งปันหนมๆแค่ 550.-ฟรีส่ง EMS

 

จอง 1 องค์ครับ
โอนแล้วครับ 27/03/63 เวลา 13.39 น.จำนวน 200 บ.จัดส่งของที่เดิมครับ

 

รับทราบขอรับผม...ขอบพระคุณหลายๆครับ

 

400) เหรียญ"เจริญพรสังฆาฏิเทพประทานพร"หลวงปู่คูณ ปริสุทโธ แจกงาน งานฉลองหลวงพ่อ คูณองค์ใหญ่ที่สุดในโลก วัดบ้านไร่.2 ปี 2558 เนื้อทองแดงขัดเงา ตอกโค๊ต แจก ครบสูตร รับประกันแท้ทุกวัน เปิดลดแหลก!แค่ 250.-ฟรีส่ง EMS

ที่สำคัญสร้างแค่ 200 เหรียญ 1 ใน 200 เหรียญ ในโลก จัดเลยครับผม

 

401) เหรียญ"พิเศษ"หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ ออกวัดใหม่พิเรนท์ ปี 2519 เนื้อกะหลั่ยทอง พร้อมรอยจารมือหลวงปู่ สภาพสวยแชมป์ หายากมาก ปัจจุบันกำลังมาแรงติด TOP HIT รับประกันแท้ทุกวัน เปิดลดแหลก!แค่ 1,500.-ฟรีส่ง EMS

 

จัดส่งแล้วนะครับ
ท่าน ktv เลข EMS EI787464940TH (สามพราน)
ขอบพระคุณมากครับ...ขอให้รวยๆๆ

 

402) ชุดสมณาคุณ เหรียญ"รุ่นแรก"พระครูพิพัฒน์สิริคุณ(หลวงปู่คำไหล ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดศรีชมภู บ้านอูนนา หมู่ 3 ต.นางัว อ.นาหว้า จ.นครพนม พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่เคารพเลื่อมใสแก่ชาวนครพนม และจังหวัดใกล้เคียง พิมพ์นั่งเต็มองค์ เนื้อกะหลั่ยทอง เลี่ยมพร้อมใช้ สภาพสวยแชมป์ เก็บก่อนแพงครับ เปิดลดแหลก!แค่ 300.-ฟรีส่ง EMS

แถม...ไปด้วยกับเหรียญ ลป.คำไหล อีกเหรียญครับ เหรียญ"สร้างอุโบสถ"พระครูพิพัฒน์สิริคุณ(หลวงปู่คำไหล ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดศรีชมภู บ้านอูนนา หมู่ 3 ต.นางัว อ.นาหว้า จ.นครพนม พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่เคารพเลื่อมใสแก่ชาวนครพนม และจังหวัดใกล้เคียง เนื้อทองแดง ปี 2557

ประวัติท่านครับ
หลวงปู่คำใหล ปริสุทโธ เป็นศิษย์สืบสายธรรมจาก พระอาจารย์ขาว แห่งภูเขาเขียว สปป.ลาว ท่านมีนามเดิมว่า คำไหล ประกิ่ง เกิดในตระกูลชาวนา เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2482 พื้นเพเป็นชาวบ้านอูนนา หมู่ 3 โยมบิดามารดาชื่อ นายกิ และนางมุ้ม ประกิ่ง พออายุ 24 ปี เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดพระธาตุประสิทธิ์ อ.นาหว้า เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2506 มีพระครูประสิทธิ์ศึกษาการ เจ้าคณะตำบลนาหว้า เป็นพระอุปัชฌาย์

หลังอุปสมบท ท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรม สอบได้นักธรรมชั้นเอก สำนักศาสนศึกษาวัดโพธิ์ชัย ต.นางัว อ.นาหว้า นอก จากนี้ ยังได้ศึกษาวิปัสสนาธุระ อักษรธรรมไทยน้อย วิทยาคมและรักษาโรคสมุนไพรแผนโบราณ จนเป็นที่เลื่องลือ ปัจจุบัน หลวงปู่คำไหล สิริอายุ 78 พรรษา 58

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมา เป็นวันคล้ายวันเกิด วัดศรีชมพูจัดงานฉลองอายุวัฒนมงคล 6 รอบ 72 ปี หลวงปู่คำไหล

เหรียญรุ่นนี้ แม้จะระบุว่าเป็นรุ่น 1 ในวาระดังกล่าว แต่แท้จริงวัตถุมงคลรุ่นแรกของ หลวงปู่คำไหล เป็นพระเนื้อผง ส่วนรุ่น 2 เป็นเหรียญอายุครบ 67 ปี

หลวงปู่คำไหลนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสกในกุฏิ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2553
ปัจจุบันได้สร้างวัตถุมงคลอีกหลายพิมพ์หลายรุ่น ราคาแรงมากขึ้นเป็นลำดับ และเริ่มหายากแล้วครับ

ภาพเมื่อ 29 ต.ค.57 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จไปทรงถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดศรีชมภู อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม วัดศรีชมภู ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2448 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี 2526 มีสิ่งก่อสร้างสำคัญ อาทิ อุโบสถ, ศาลาบำเพ็ญบุญ, โรงเรียนพระปริยัติ-ธรรมแผนกสามัญศึกษา, ศูนย์พิพิธภัณฑ์วัตถุโบราณ และพระธาตุเจดีย์ ปัจจุบันมีพระครูพิพัฒน์สิริคุณ หรือ หลวงปู่คำไหล ปริสุทโธ เป็นเจ้าอาวาส และพระภิกษุสามเณรจำพรรษา จำนวน 95 รูป โอกาสนี้ ประทานของที่ระลึกแก่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคทรัพย์ร่วมสร้างพระธาตุเจดีย์ จากนั้น ทรงนมัสการพระบรมสารีริกธาตุภายในอาคารพิพิธภัณฑ์วัตถุโบราณ และทรงพระสุหร่ายแผ่นโลหะ เพื่อจะจัดทำวัตถุมงคลเหรียญพระครูพิพัฒน์-สิริคุณ หรือหลวงปู่คำไหล ปริสุทโธ รุ่นสร้างพระธาตุเจดีย์ และรูปเหมือน เพื่อมอบให้แก่ผู้ร่วมบริจาคทรัพ
ที่มา:เจ้าพระยานิวส์

ภาพเมื่อ 30 ก.ย.58 เวลา 15.00 น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เสด็จไปยังวัดศรีชมภู อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม ทรงเททองหล่อรูปเหมือนหลวงปู่คำไหล ปริสุทฺโธ และทรงเป็นประธานถวายผ้าป่ามหากุศลสมทบทุนสร้างพระธาตุเจดีย์
ซึ่งทางวัดฯ คณะศิษยานุศิษย์ และพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันสร้างขึ้น ในโอกาสที่หลวงปู่คำไหลฯ หรือพระครูพิพัฒน์สิริคุณ เจ้าอาวาส มีอายุ 77 ปี ในปี 2558 และในโอกาสการก่อตั้งวัด 110 ปี
ที่มา:ชมรมคนรักในหลวง

ทั้ง 2 พระองค์ จะเสด็จ ณ วัดหลวงปู่คำใหล ปริสุทโธ ปีละหลายครั้งและในหลายโอกาส ทั้งพิธีเททอง ทอดถวายผ้าพระกฐิน ฯลฯ

 

ปิด 403) ชุดสมณาคุณ เหรียญอายุวัฒนะมงคล 72 ปี และ82 ปี"หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม วัดป่าสีห์พนมประชาราม จ.สกลนคร ทายาทธรรมสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต สภาพสวย มาพร้อมกัน 2 เหรียญ เนื้อทองแดงรมดำ และเนื้ออัลปาก้า ท่านไม่ธรรมดา มีปฏิปทาที่งดงามยิ่ง เปิดลดแหลก!แค่ 150.-ฟรีส่ง EMS (songsakth)


หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม

ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม วัดป่าสีห์พนมประชาคม ต.บงใต้ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

“หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม” ท่านถือกำเนิดตรงกับวันจันทร์ที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๗๑ แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง ณ บ้านขาม ต.ค้อใต้ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร บิดาท่านชื่อ นายเข่ง ธิอัมพร มารดาท่านชื่อ นางชาดา ธิอัมพร สำหรับบิดาของหลวงปู่บุญมาภายหลังได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบรูปหนึ่ง มีชื่อและฉายาตามพระพุทธศาสนาว่า “หลวงปู่เข่ง โฆสธัมโม” ขณะนั้นหลวงปู่บุญมาได้พรรษาที่ ๑๐ แล้ว จากนั้นจึงได้ออกธุดงค์ไปในที่ต่างๆ และบั้นปลายชีวิตหลวงปู่เข่ง ท่านได้มาอยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่บุญมา ที่วัดป่าสีห์พนมประชาคม จ.สกลนคร และได้มรณภาพลงเมื่อประมาณต้นปี พ.ศ.๒๕๓๗ ขณะมีอายุได้ ๙๐ ปี พรรษา ๓๓

ชีวิตในวัยเด็กของหลวงปู่บุญมา ท่านได้เรียนจนจบชั้นประถมบริบูรณ์ แล้วได้ออกจากโรงเรียนมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพทำนา เมื่ออายุได้ ๑๗-๑๘ ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรศึกษาธรรมอยู่ได้ ๑ พรรษา ช่วงนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ (ระหว่างปี พ.ศ.๒๔๘๔-๒๔๘๘) หลังจากสึกออกมาช่วยบิดามารดาทำนานั้น ในใจท่านก็คิดเสมอว่า “ถ้ามีโอกาสเมื่อไร ก็จะรักษาศีลอุโบสถเมื่อนั้น” ท่านปฏิบัติอยู่อย่างนี้ จนเป็นที่เลื่องลือของผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านว่า ทำไมเด็กหนุ่มนี้จึงมีอุปนิสัยแตกต่างจากคนรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่หันเหมาทางพระพุทธศาสนา เข้าวัดเข้าวารักษาศีลอุโบสถเหมือนคนเฒ่าคนแก่

หลวงปู่บุญมาท่านได้เล่าถึงชีวิตเมื่อวัยหนุ่มว่า “เมื่อเข้าหาครูบาอาจารย์ท่านก็เทศน์ให้ฟัง ในเรื่องอานิสงส์ในการรักษาศีล ๕ และทุกข์โทษของการละเมิดผิดศีลผิดธรรมเป็นอย่างไร ก็นำมาพิจารณา และครั้นเวลาครูบาอาจารย์ชวนไปวิเวก ฝึกสมาธิ ศึกษาธรรมะ ก็สนใจปฏิบัติตาม ทำให้จิตเกิดความสงบเยือกเย็น” นับว่าท่านเป็นผู้มีวาสนาบารมีที่ส่อแววให้เห็นมาตั้งแต่เด็กๆ

หลวงปู่บุญมาเล่าถึงสมัยชีวิตฆราวาส ได้พิจารณาความตายถึง ๓ วาระ สมัยท่านเป็นฆราวาสได้แต่งงานมีเหย้ามีเรือน ใช้ชีวิตตามวิถีชาวโลก จนมีบุตรด้วยกันหนึ่งคน เหตุการณ์หลังจากนั้นวาสนาบารมีทางธรรมท่านได้ใกล้เข้ามา จึงดลบันดาลให้เหตุการณ์กระทบอารมณ์ เป็นทุกข์อย่างหนักทางโลก ปีแรก น้องสาวท่านตาย ปีที่สองมารดาก็มาตายอีก หลวงปู่บุญมาท่านเล่าว่าตอนนั้น จิตของท่านเกิดธรรมะ ได้คิดว่า “ความตายมันได้ใกล้เข้ามาหาเรา...ถ้าเราอยู่ต่อไป ไม่กี่วันก็คงตาย ถ้าจะตาย ขอให้ไปส่งความดีก่อนตาย เพื่อจะได้เป็นที่พึ่งในอนาคต” เป็นทางออกที่ดีที่สุด ก่อนความตายจะมาถึง แต่ไม่ทันที่ท่านจะได้ออกบำเพ็ญความดีตามที่ท่านตั้งใจไว้ พายุโลกโหมกระหน่ำซ้ำเติมซ้ำสามในระยะเวลาไม่นาน ภรรยาท่านก็มาเสียชีวิตลง “ทุกข์เกิดขึ้น” เป็นทุกข์ที่ทำให้ท่านต้องตั้งคำถาม และพิจารณาปัญหาต่อไปว่า “ลูกที่่เกิดมา จะทำอย่างไร ใครจะเลี้ยงลูก”

แล้วท่านก็พิจารณาเรื่องลูกว่า “ถึงแม้ว่าแม่จะตาย พ่อก็ยังอยู่ เด็กบางรายเกิดมาไม่กี่วันก็ตาย บางคนเดินได้ วิ่งได้ แล้วก็มาตาย แล้วแต่บุญวาสนาของแต่ละคน ไม่ถึงวันตายก็ไม่ตาย ถ้าจะให้ทานลูกแก่ผู้ต้องการ ลูกก็คงเติบใหญ่ขึ้นได้ด้วยบุญวาสนาบารมีของตนเองที่สร้างสมมาแต่ปางก่อน” ท่านคิดได้อย่างนี้ จึงยกลูกให้แก่พ่อตา แม่ยาย เป็นผู้เลี้ยงดู และตัดสินใจออกบวช ช่วงนั้นประมาณเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๔๙๔ ใกล้เข้าพรรษาแล้ว ระหว่างช่วงจัดงานศพให้ภรรยาท่านนั้น ได้นิมนต์ หลวงปู่สิงห์ สหธัมโม ไปสวดบังสุกุล หลวงปู่สิงห์ พระอาจารย์ผู้ที่ให้ธรรมะแนะนำการปฏิบัติแก่ท่านอยู่ก่อนแล้ว ได้ถามท่านว่า “จะบวชไหม” ซึ่งท่านก็ตอบหลวงปู่สิงห์ไปว่า “บวชแน่นอนครับ” หลังจากจัดการงานศพของภรรยาเสร็จ ท่านก็ลาบิดา พ่อตา แม่ยาย เข้าไปวัดพระธาตุฝุ่น ต.ค้อใต้ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร เพื่อรอบวชในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๔๙๔

ท่านอุปสมบทเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๙๔ เวลา ๑๔.๑๕ น. ขณะอายุได้ ๒๔ ปี ณ วัดโพธิสมภรณ์ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมี พระธรรมเจดีย์ (หลวงปู่จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระครูสมุห์สวัสดิ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “คัมภีรธัมโม” ซึ่งแปลว่า ผู้มีธรรมอันลึกซึ้ง

เมื่ออุปสมบทแล้วเสร็จ ท่านได้ไปอยู่จำพรรษาศึกษาข้อวัตรปฏิปทากับหลวงปู่สิงห์ สหธัมโม วัดพระธาตุฝุ่น จ.สกลนคร ในพรรษาแรก หลวงปู่สิงห์ได้ให้ท่านฝึกปฏิบัติสมาธิภาวนาขนานใหญ่ ขนาดยอมอดนอน ไม่ยอมหลับในตอนกลางคืน ช่วงเข้าพรรษาตลอด ๓ เดือน พระเณรที่อยู่ด้วยต้องยืน เดิน นั่ง ๓ อิริยาบถตลอดทั้งคืน ห้ามนอนเวลากลางคืน จึงทำให้ได้รับผลจากการภาวนามากตลอดพรรษา

พอพรรษาที่ ๒ พระบุญมา จิตท่านเกิดฟุ้งซ่านอยากจะสึก ครั้นเมื่อออกพรรษาแล้ว หลวงปู่สิงห์ สหธัมโม จึงได้ให้ท่านไปหาหลวงปู่ขาว อนาลโย ซึ่งขณะนั้นท่านอยู่ที่ถ้ำค้อ อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี ห่างจากวัดถ้ำฝุ่นไป ๒๐-๓๐ กิโลเมตร เมื่อไปถึงถ้ำค้อ ที่หลวงปู่ขาว อนาลโย ท่านพำนักจำพรรษาอยู่ พระบุญมาได้เข้าไปกราบคารวะ หลวงปู่ขาวจึงได้พูดขึ้นว่า “ทำไมถึงอยากสึก แยกจิตออกนอกทำไม” พระบุญมาท่านยังไม่ทันตอบ หลวงปู่ขาวก็พูดต่อไปอีกว่า “ออกก็ออกมาจากที่นั่น จะเข้าไปที่เดิม มันถูกรึ” หลวงปู่ขาวท่านรู้วาระจิต จากนั้นก็อบรมสั่งสอนให้ท่านอยู่ป่าเป็นวัตร อยู่กับช้าง กับเสือ กับผีสาง เป็นการให้มีสติอยู่กับตนไป ไม่ให้ฟุ้งซ่านส่งจิตออกไปไหน” หลวงปู่บุญมา ท่านเล่าว่า “ช่วงนี้กลัวมาก ถึงสวดมนต์อย่างไรก็กลัว กลัวตาย ช่วงที่อยู่กับหลวงปู่ขาว อนาลโย จึงตั้งใจบำเพ็ญเพียรภาวนาตามคำสอนขององค์ท่าน ปรากฏผลดีมาก จิตใจสบาย วิเวกดี จิตไม่ปรุงแต่งอะไร ไม่ออกไปสร้างบ้านสร้างเรือน สร้างครอบครัวอีก เพราะกลัวตาย คนกลัวตายต้องหาที่พึ่ง ถ้าได้ที่พึ่งทางจิตแล้วสบาย ไม่กลัวตายต่อไปอีกแล้ว”

ครั้นออกพรรษาได้จาริกธุดงค์เข้ากราบรับข้ออรรถข้อธรรมจากพระเถระผู้ใหญ่ ศิษย์ในองค์หลวงปู่ใหญ่มั่น ภูริทัตโต หลายองค์ อาทิ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู, หลวงปู่หลุย จันทสาโร วัดถ้ำผาบิ้ง จ.เลย และหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม จ.อุดรธานี เป็นต้น และได้จาริกธุดงค์ร่วมกันกับ หลวงปู่คำบุ ธัมมธโร ซึ่งเป็นพระอาจารย์รูปสำคัญของท่าน ออกวิเวกตามสถานที่ต่างๆ ไปยังป่าช้าง ป่าเสือ ฝึกจิตตามป่าตามเขาโถงถ้ำ ไปในที่ๆ ขึ้นชื่อว่าอาถรรพณ์ผีดุ เปลี่ยนที่จำพรรษาไปเรื่อยๆ ไม่ติดถิ่น ทั้งที่กันดารห่างไกลจากบ้านจากเรือนสลับกับการไปฝึกอบรมยังสำนักของพ่อแม่ครูอาจารย์ ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานถึง ๒๙ พรรษา

เริ่มจำพรรษาที่ วัดป่าสีห์พนมประชาคม บ้านหนองกุง ต.บงใต้ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ในพรรษาที่ ๒๐ เป็นพรรษาแรก ตรงกับปี พ.ศ.๒๕๑๔ จากนั้นจึงออกจาริกธุดงค์ไปจำพรรษาในที่ต่างๆ แล้วเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๓ หลวงปู่บุญมาท่านก็กลับมาจำพรรษาอยู่ที่ วัดป่าสีห์พนมประชาคม มาโดยตลอดจวบจนกระทั่งปัจจุบัน

แถวยืนจากซ้าย : ลป.พวง สุวีโร, ลพ.คำบ่อ ฐิตปัญโญ และ ลป.บุญมา คัมภีรธัมโม
แถวนั่งจากซ้าย : ลพ.คำพอง ติสฺโส, ลป.ผ่าน ปัญญาปทีโป, ลป.จันทร์แรม เขมสิริ และ ลป.ท่อน ญาณธโร

 

404) ชุดสมณาคุณ เหรียญเม็ดแตง ลพ.สมชาย วัดเขาสุกิม จ.จันทบุรี ลป.ลี กสลฺธโล วัดภูผาแดง จ.อุดรธานี กองทัพธรรม ศิษย์กรรมฐาน ในพระอาจารย์มั่น มาพร้อมกัน 3 เหรียญ เปิดลดแหลก!แค่ 100.-ฟรีส่ง EMS

 

405) ชุดสมณาคุณ เหรียญ"รุ่นแรก"ลป.ลี อนาลโย วัดป่าหลวง จ.อุดรธานี กองทัพธรรม ศิษย์กรรมฐาน ศิษย์ ลพ.วิริยังค์ สิรินธโร เนื้อทองแดง สวยแชมป์ เปิดลดแหลก!แค่ 150.-ฟรีส่ง EMS

 

ขอจอง 403) ชุดสมณาคุณ เหรียญอายุวัฒนะมงคล 72 ปี และ82 ปี"หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม วัดป่าสีห์พนมประชาราม จ.สกลนคร ทายาทธรรมสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต สภาพสวย มาพร้อมกัน 2 เหรียญ เนื้อทองแดงรมดำ และเนื้ออัลปาก้า ท่านไม่ธรรมดา มีปฏิปทาที่งดงามยิ่ง เปิดลดแหลก!แค่ 150.-ฟรีส่ง EMS

 

รับทราบการจอง...ขอบคุณมากครับ

 

406) ลูกอมมหามงคล"วาระ 59"รุ่นหัวใจหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พิธีใหญ่ ฝังตะกรุด ลงบอร์นทอง No.1737 แท้สบายใจ เปิดหนมๆพิเศษที่ 100.-ส่งฟรี EMS

รายชื่อพระเกจิปลุกเสกโดย
1.ลพ.หวั่น วัดคลองคูณ จ.พิจิตร
2.ลป.ฮก วัดมาบลำบิด จ.ชลบุรี
3.ลพ.รักษ์ อนาลโย วัดสุทธาวาสวิปัสสนา จ.พระนครศรีอยุธยา
4.ลป.สิน วัดระหารใหญ่ จ.ระยอง
5.พระมหาสุรศักดิ์ อติสกโข วัดประดู่อารามหลวง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม
ฯลฯ
มวลสารตระกูลว่านในการจัดสร้างครั้งนี้ .....ว่านในตำนานที่ถูกบดระเอียดและถุกนำมาเป็นมวลสาร. พระขุนแผนหลวงปู่ทิม "หัวใจหลวงปู่ทิม"59 ในครั้งนี้...ได้แก่
1. ว่านสาวหลง หรือว่านฤษีสร้างฤษีผสม(ตัวเมีย) ” เพียงได้ยินชื่อ ก็ชวนให้นึกถึงความมีเสน่ห์ ความหลงใหล ในเมื่อมีชื่อถึงขนาดว่าสาวหลงละก็ต้องไม่ธรรมดาแน่ (พูดถึงการค้าขาย ลูกค้าหลงไหลเข้ามาไม่หยุดสายกันแน่)
2. ว่านกากยายักษ์หรือดินกากยายักษ์ โดยถือว่าเป็นธาตุวิเศษอย่างหนึ่ง ที่พึงมี ในการสร้างวัตถุมงคล ของ ทางภาคใต้ อานุภาพของว่าน ดินกากยายักษ์นั้นดีทางแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี โชคลาภ ป้องกันคุณไสย์มนต์ดำ ...และนอกจากนี้ยังมีความเชื่อกันว่าว่านดินกากยายักษ์ยังเป็นอาหารของเหล็กไหลอีกด้วย
3. ว่านดอกทองเสน่ห์(ตัวเมีย)ดอกทองในตำนาน ของเสน่ห์ ของเสน่แรงๆ มีสรรพคุณใช้ทางเสน่ห์มหานิยมแก่ผู้ปลูกผู้ใช้รุนแรงมากหากชายหรือหญิงได้กลิ่นจะทำให้กระตุ้นความต้องการทางเพศได้ จึงเรียก “ว่านมหาเสน่ห์" ได้กลิ่นของดอกโชยมา ก็ชวนให้หลงใหลมัวเมาในกามโลกีย์ จึงมีความเชื่อต้องเด็กดอกทิ้งเสีย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงนิยมนำว่านดอกทองนี้มาทำวัตถุมงคลประเภทเมตตามหานิยม โดยเฉพาะพระเครื่องที่นิยมนำส่วนดอก ใบ และเหง้า ใช้เป็นส่วนผสมสำหรับในการทำพระเครื่อง ส่วนของดอก และเหง้านิยมนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย นำมันนวด ใช้ทาผม ทาผิว ทาริมฝีปาก เป็นน้ำมันมหาเสน่ห์ หรือ ลูกอมสีผึ้ง นำมาใช้บดรวมกับสีผึ้งทาปาก ใช้น้ำมันทาตัว เมื่อถึงคราวจะไปพบหญิงสาว สตรีคนใดที่ต่อคารมด้วยเมื่อได้กลิ่นว่านในน้ำมันหรือสีผึ้ง ก็มักจะใจอ่อนคล้อยตามโดยง่าย และนับว่าเป็นว่านเสน่ห์มหานิยมที่มีฤทธิ์รุนแรงมาก นอกจากเรื่องกามารมณ์แล้ว ยังเกี่ยวข้องกับการค้าขายอีกด้วย เชื่อว่าหากร้านค้าขายใดมีว่านดอกทองตัวเมียปลูกไว้หน้าร้าน จะช่วยทำให้ค้าขายดี มีลูกค้าเข้าออกร้านไม่ขาดสาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานบันเทิงต่าง ๆ ร้านจำหน่ายเหล้าเบียร์ ด้วยเป็นว่านเมตตามหานิยม จึงมีการนำมาใช้ในทางค้าขาย การเจรจาตกลง ช่วยทำให้ประสบผลสำเร็จได้โดยง่าย โดยใช้หัวว่านนำมาโขลกให้ละเอียดผสมกับสีผึ้งนำมาใช้ทาปากก่อนจะออกไปพบปะเจรจา แต่ไม่ควรปลูกว่านชนิดนี้ไว้ในบ้าน ด้วยเชื่อว่ามันอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดการผิดลูกผิดเมียของคนในครอบครัวได้ เพราะคนไทยสมัยก่อนนั้นจะอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ การปลูกไว้ในบ้านมีความเชื่อเรื่องเมตตามหานิยมทำให้ผู้คนเคารพ รักใคร่ แต่บางตำรากล่าวถึงเรื่องอัปมงคลที่ไม่ควรปลูกไว้ในบ้าน เพราะอาจทำให้สามีหรือภรรยาเกิดความนอกใจกัน ปัจจุบันนับว่าหายาก ที่พบเจอส่วนใหญ่มีแต่โดนหลอก ส่วนใหญ่ผู้มีคุณที่ทราบจะปกปิดเพราะเกรงว่าคนที่มีจิตใจต่ำทรามจะเอาไปใช้ ในทางไม่ดี คนสมัยก่อนนิยมเก็บดอกของว่านดอกทองไว้หุงกับน้ำมันจันทน์ หรือ บดรวมกับสีผึ้ง โดยวิธีใช้ คือใช้น้ำมันทาตัว หรือใช้สีผึ้งสีปาก เมื่อถึงคราวจะต้องไปพบปะผู้คน ใครต่อคารมด้วย พอได้กลิ่นว่านในน้ำมันหรือสีผึ้ง มักใจอ่อนคล้อยตามได้ง่ายนับเป็นว่านที่เป็นเสน่ห์มหานิยมที่รุนแรงมาก ลักษณะทั่วไป :โดยแบ่งเป็นว่านดอกทองตัวเมีย และว่านดอกทองตัวผู้ ลักษณะเป็นว่านดอกทองจะ มีหัว ลำต้นใต้ดินเป็นเหง้า เหง้าหลักเป็นรูปทรงกลม แตกแขนงเป็นไหลขนาดเล็ก เนื้อในหัวสีเหลือง (ตัวผู้) เนื้อในหัวสีขาว(ตัวเมีย ฤทธิ์แรงกว่า)ลำต้นและใบเหมือนขมิ้น ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปใบหอก โคนใบมน ปลายใบแหลม มีสีเขียว เส้นกลางใบและกาบใบมีสีแดงระเรื่อ มีดอกสีขาว กลีบปากดอกสีขาวมีแถบกลางสีเหลือง กลิ่นหอมเย็น(คาว)
4. ว่านสบู่เลือด แต่โบราณ เชื่อว่าดีทางด้าน คงกระพันชาตรี...โชคลาภ ป้องกันคุณไสย์มนต์