นั่งสมาธิเมื่อเช้าตอนตื่นใหม่ๆ เป็นครั้งแรกที่จิตมีฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย แผ่บุญ, 24 มิถุนายน 2018.

  1. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    หลังจากที่เมื่อคืนนั่งสมาธิถึงจนดึก ตอนเช้าตื่นมาเลยรู้สึกเพลียๆกำลังตกไม่สดชื่น จึงตัดสินใจลองนั่งสมาธิตอนที่มันเพลียงัวเงียสะลึมสะลือที่สุดนั่นแหละ นั่งไปแรกก็ตามปกติของจิตชอบเที่ยว แว๊บเห็นนั่นเห็นนี่เป็นปกติของมัน ดูมันไปเรื่อยๆอยากไปเที่ยวไหนก็ช่าง แต่ไม่ปล่อยคำบริกรรม แต่เช้าแห่งการเพลียและงัวเงียแปลกกว่าทุกๆครั้งที่นั่งตอนเย็นดึกๆ จู่ๆอาการสมาธิก็วูบเองมาตั้งมั่นตรงแน่ว รู้สึกเหมือนเราอยู่ชั้น 2 ของตึกที่มันคงแน่นหนา จิตที่ไปเที่ยวโน่นนี่ก็มาตรงเด่นอยู่บริเวณกลางๆสมอง ถอยจากรูจมูกเข้ามาอีกนิดหน่อย บนคอนิดๆ สว่างโพลงอยู่ตรงนั้น โดยที่ไม่คิดที่จะออกไปเที่ยวไหนเหมือนปกติที่เคยเป็นมา จิตค้างอยู่ตรงนั้นสักพัก อาการรู้สึกมันแน่นหนาอบอุ่นและปลอดภัย ร่างกายนี่จิตแทบไม่คิดสนใจเลยว่าจะนั่งท่าทางเป็นไงเจ็บปวดตรงไหน รู้เด่นมากในจิต คงอยู่ได้สักพักก็ลดกำลังลงมาเบาๆ ไหลไปไหลมาได้เหมือนเดิม

    ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่สั้น แต่มันก็รู้สึกถึงพลังของจิตเรายกขึ้นอีกระดับหนึ่งจากปกติที่เบาๆธรรมดาๆ ทางภาษาพระท่านจะเรียกว่าอย่างไรผมไม่รู้ ผมเล่าอาการที่ผมสัมผัสได้ในจิตครั้งแรกเฉยๆครับ 555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2018
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    เห้ย! ไม่ใช่พลังจิต ๕๕
    ใจเย็นๆ แห๋มๆอย่าพึ่งซ้อมโม้ ๕๕๕
    มันคือกำลังสมาธิกับกำลังสติ
    เพียงพอที่จะคุมจิตได้
    แต่ว่ามันยังขึ้นๆลงๆได้เด้อ
    ปล ดีแล้วหละ
    พูดง่ายๆคือจิตมันรวมเป็นก้อนกลมๆได้
    นิ่งๆและมีสมาธิและสติควบคุมก้อนกลมๆได้
    ควรทำต่อไปจนกระทั่งมันถอยลงมาถึง
    ที่ลิ้นปี่ให้ได้
    ต่อไปถึงจะมีโอกาสแยกรูปแยกนามได้
    เราถึงจะเดินปัญญาได้แบบที่
    ไม่ใช่วิปัสสนึก ^_^
     
  3. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    ถ้าผมจะซ้อมโม้ รอเก็บไว้โม้หลอกให้คนสวดมนต์กันเยอะๆตอนแก่ เหมือนหลวงตา ม. ชอบพูดติดตลกบ่อยๆดีกว่าครับ โม้วิปัสนึกแข่งเขาในนี้เอาสีข้างถูกันท่าจะแพ้ 555
     
  4. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    เป็นช่วงก่อนที่จะเข้าฌานครับ
    บ้างก็เรียก อุปจาระสมาธิ
     
  5. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ เป็นอาการเดียวกันกับ การ "แกล้งนั่งหลับ" แล้ว "สติแทรกตัวเข้ามาเป็น อธิปัตติปัจจัยโย (สติเป็นใหญ่ เหนือ ถีนมิทธะ)"

    +++ "ดำรงค์สติมั่น รู้ ธรรมเฉพาะหน้า" ตรงนี้เป็นอาการ "ตั้งสติมั่น" หาก แช่อยู่ กับมันได้

    +++ ก็จะเปลี่ยนจาก "ตั้ง" สติมั่น มาเป็น "ดำรงค์" สติมั่น ได้เอง

    +++ ให้ลองเทียบเคียงอาการ กับในกระทู้ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ดู

    http://board.palungjit.org/10746169-post34.html
    +++ เมื่อ "สติเป็นใหญ่ จิต ย่อมไม่ซุกซน" เป็นธรรมดา

    +++ ตรงนี้ คือ "จิตมันจับ ฐานอัตตาจิต (ตัวดู/ผู้นึกว่ารู้)" ได้แล้ว

    +++ อาการที่ "จิตหยุด/หยุดจิต" จึงเกิดขึ้น

    +++ จากนั้นอาการ "สติสังขาโต (ในโภชฌงค์)" จึงเกิดขึ้น
    +++ ตรงนี้เป็นอาการ "รู้สึกตัวทั่วถึง ทั้งตัว" เป็นอาการของ "สัมปชัญญะ" เป็นอาการแรกเริ่มของ "โภชฌงค์ 7"
    +++ ตรงนี้ "ถอนออกมาแล้ว"
    +++ คำว่า "พลังจิต" ยังไม่ถูก ตรงนี้ยังเป็นเพียงแค่ "ตระหนักรู้ รู้สึกได้ถึง อาการนิ่งเฉยของ ตน"

    +++ ยังก่อน "ยังไม่ได้ใช้ตน" ที่เป็น "โรงงานพลังจิตจริง ๆ" ตรงนี้เรียกว่า "จอดรถหน้าโรงงาน" ได้แล้วเฉย ๆ แต่ยังไม่ได้เข้าไปใน "โรงงาน"

    +++ เมื่อเข้าไปในโรงงานได้แล้ว จึงค่อย "ตั้งกายตรง ดำรงค์สติมั่น รู้ ธรรมเฉพาะหน้า" ซึ่งเป็นการ "เรียนรู้การควบคุม โรงงานตัวนี้" ก่อนที่จะดำเนินการ "เดินเครื่อง" ต่อไป

    +++ ถ้าเป็น "พระ" ที่เคยทำผ่านมาทางนี้ บางท่านก็จะไม่รู้ว่า จะเรียกมันว่าอย่างไรเหมือนกัน ที่จะทำให้ "ประชาชนทั่วไป" เข้าใจอาการได้

    +++ เท่าที่ทราบ หลวงพ่อสุวัจจ์ สุวโจ เรียกมันว่า "หนักแน่นเหมือนแผ่นดิน" หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม จันทบุรี ท่านเรียกมันว่า "พลังสติ"

    +++ อาจจะมี ครูบาอาจารย์อื่น ๆ ที่ใช้ภาษาที่แตกต่างกันออกไป แต่ ตรงนี้ยัง "ไม่ใช่ จิตรวมใหญ่" เพียงแต่มี "อาการคล้ายกัน" เท่านั้น


    +++ สำหรับส่วนตัวผมเอง เรียกมันว่า "กายเวทนา" คือ "เอาเวทนาของกายทั้งตัว เป็นกาย" จะเรียกตรงนี้ว่า "นามกาย" ก็ได้

    +++ บางครั้งผมก็เรียกมันว่า "กายสัมปชัญญะ" เพราะ "เอาสัมปชัญญะ เป็นกาย" คำศัพท์ต่างกัน แต่ อาการเดียวกัน ทั้งหมด

    +++ ตรงนี้ "เป็นอาการแรกเริ่มของ โภชฌงค์ 7" อาการที่ "สติเด่นชัด เป็นอาการของ สติสัมโภชฌงค์"

    +++ หากทำได้เป็นประจำ ก็จะได้ "สติครองฌาน" ซึ่งเป็นอาการ "รู้" ที่เด่นเหนือ ฌาน ทั้งหมด


    +++ สำหรับตัวคุณเอง จะใช้ "ภาษาคำศัพท์" อะไรก็ได้ แต่ให้พยายามใช้ให้มัน "ตรงกับอาการ" ที่สุด เท่าที่ "บุคคลที่คุณจะพูดให้ฟัง เข้าใจได้ไม่ยาก"

    +++ อาจจะใช้ "ความรู้สึกตัวทั่วถึง" เป็น คำศัพท์นำร่อง พอผู้ฟังเข้าใจได้แล้ว ก็เปลี่ยนมาเป็น "สัมปชัญญะ" ก็ได้ เพื่อให้ตรงกับภาษา "พระ"

    +++ ตรงนี้แล้วแต่คุณ จะใช้ภาษาให้เข้าใจง่ายตามแบบฉบับของคุณเอง เพื่อประโยชน์ใน กลุ่มหมู่คณะที่เกี่ยวข้องกับคุณ นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...