นั่งสมาธิไม่เกิดปิติ คือไม่ก้าวหน้ารึเปล่าคะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย picko, 19 มิถุนายน 2018.

  1. picko

    picko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2014
    โพสต์:
    634
    กระทู้เรื่องเด่น:
    97
    ค่าพลัง:
    +2,126

    ถ้าเรานั่งสมาธิแต่ไม่เกิดอาการปิติตามที่เคยอ่านมา แปลว่า เราไม่ก้าวหน้าในการปฏิบัติรึเปล่าคะ..

    และถ้านั่งสมาธิแล้วมืดสนิท นานๆจะมีจุดแสงเล็กๆและหายไป แปลว่าไม่ก้าวหน้าด้วยรึเปล่าคะ ขอบพระคุณมากค่ะ
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ก้าวหน้า หรือไม่ก้าวหน้า เขาไม่ได้ไป ไล่ตะครุบ อาการสมาธิ(เงาของจิต)

    หากไปนั่ง นับแสง นับปิติ สุข สุขมากๆ ..... ไม่ใช่อาการของคน ก้าวหน้า
    แต่เป็น ถอยหลังเสร็จ ฌาณฤาษี ที่สรรพสัตว์ติดกันมาเป็น อสงไขย หาต้น
    หาปลายไม่เจอ

    ความก้าวหน้า จะให้พิจารณา ความตั้งมั่นของ จิต ที่ ย้อน ทวนกระแส ไปที่ "เหตุ"

    เหตุ ของปิติ ทราบหรือไม่ทราบ

    เหตุ ของสุข ทราบหรือไม่ทราบ

    เหตุ ของแสง ทราบหรือไม่ทราบ

    เหตุ ของจิตที่ควรแก่การงาน น้อมไปใน ญาณทัสนะ ทราบหรือไม่ทราบ

    หาก ทราบ ก็จะ ทราบ " กิจเดียว รสเดียว " ตามที่ตน ประกอบอยู่ แล้วได้
    เห็น อาการเกิดดับของ สิ่งที่โลกเขาเห็นว่าวิจิตร แต่ บัณฑิต หาได้ข้อง
    อยู่ไม่ เพราะ ทราบชัดในเหตุของการมี ว่า เป็นสิ่งไม่เที่ยง เหตุใดเกิด
    เหตุนั้นย่อมดับเป็นธรรมดา การ เมาอาการสมาธิ อย่างนั้นอย่างนี้ จัดเข้า
    เป็นผู้หาต้นทาง การปฏิบัติไม่เจอ โดน ฤาษีหลอกเอา ให้ติดตายในสังสารวัฏ
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    แล้ว ถ้าไป โดน นักสมาธิ สมัยนี้ มันเอา บัญญัติในอาการสมาธิ ไป สร้าง
    เป็นคำใหม่ๆ เข้าใจง่าย แล้ว หลอกให้ เจตนาเข้า ออก แช่ ปล่อย

    ตายเลย คราวนี้

    โดน พวก นักสมาธิ ที่ไม่รู้เรื่อง พุทธศาสนา มันหลอกเอา ด้วยการ คิดเอาว่าสำเร็จ

    นะ

    จขกท ต้อง ตั้งจิตให้ตรง โดยเร็ว

    พิจารณา ความก้าวหน้า ย้อนไปที่การเห็น "เหตุ" เกิดดับ โดยพ้นเจตนา จะเห็น
    ดำริจะเป็น จะปล่อย จะวาง จะจับ

    หาก กลัดกระดุมเม็ดแรกไม่ถูก หาก พวก นักสมาธิที่มันหลอกด้วย คำเข้าใจง่าย
    ไปเสียก่อน .....ก็ได้เป็น อรหันต์โดยที่ ไม่มี ข้อเท็จจริงใด นอกจาก ตะครุบเงา
    สิ่งที่ถ่ายออกมา เอามา ดม ว่า หอม
     
  4. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    ไม่เกี่ยวครับ ฌานเกิดจากสติและสมาธิ
    ช่วงที่เกิดมันก่อนเข้าฌาน บางคนมีระดับสติและสมาธิมาก พอนั่งสมาธิมันเข้าฌานเลย
    มันเลยมาแล้ว ถ้าอยากเห็น ให้ลองดูว่าปิติมีกี่แบบ อยากเห็นอะไร
    แล้วก็อธิฐานก่อนนั่งสมาธิครับ

    เมื่อก่อนผมก็งงเรื่องนี้ เพราะพอนั่งแล้วมันนิ่งอย่างเดียว แต่เพื่อนบอกว่าต้องเจอแสง
    ก็เลยไปศึกษา แล้วก็อธิฐานเลย ดูได้ 4-5 แบบ ก็เบื่อ
     
  5. แนน จันทบุรี

    แนน จันทบุรี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +82
    ...๑.อาการของปิติอย่างเช่น ขนลุกขนพอง ตัวสั่น รึอะไรก็แล้วแต่ที่เกิดขึ้น อย่าไปตกใจ ให้สิ่งนั้นๆอาการนั้นๆในสมาธิ เป็นเพียงสิ่งรู้ของจิต สิ่งระลึกของสติ ....................๒.เท่าที่ปฏิบัติมา กลางวันกลางคืน ก็มีสว่าง มีมืด สลับสับเปลี่ยนกันไปเป็นธรรมชาติ......๓..การปฏิบัติไม่จำเป็นต้องรู้ ไม่จำเป็นต้องเห็น แต่เราขอให้มีสัจจะต่อตนเอง จะทำสมาธิบริกรรมภาวนาแบบไหนอย่างไร เช่น พุทโธ นะ มะ พะ ธะ" อิสวาสุ สุสวาหิ" หรืออะไรก็ตั้งใจกระทำ เพียงมีสติรู้อยู่ กรรมฐานกองไหนๆย่อมเกิด อย่างที่กล่าวมาว่ามืด เป็นส่วนตัวเรา มืด ตัดหลับ เงียบ นั่น หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ท่านว่าจิตได้พักผ่อน ดีซะอีกเป็นคนหลับง่าย.................."ลองใช้คำบริกรรมภาวนา"...
     
  6. คุณกันฌามี

    คุณกันฌามี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +65
    ก้าวหน้าไม่ก้าวหน้ามันวัดยากมากเลยนะ บางปฎิบัติมาเป็น10ปียังไม่รู้เลยว่าก้าวหน้าหรือป่าว

    คุณเคยทำอย่างอื่นมาก่อนหรือป่าว สวดมนต์มาเยอะหรือเคยเดินจงกรม มาก่อนป่าว หรือ ไม่ก็มีของเก่าละมั้ง

    ขอให้โชคดีครับ รู้ไปก็เท่านั้นครับ
     
  7. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ปฏิบัติไปเรื่อยๆ ครับ อย่าคิดมาก อย่าฟุ้งซ่าน

    ตอนปฏิบัติ ให้มีสติอยู่กับคำบริกรรม ไม่ให้ขาดสาย
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    สำหรับการปฏิบัติธรรมในวันนี้ อยากจะย้ำเตือนพวกเราทุกคน โดยเฉพาะท่านที่เป็นคนรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่แล้วคนรุ่นใหม่ใจร้อน ใจเร็ว ถ้าพวกใจร้อนใจเร็วมาก ๆ เวลาไปหาพระ ก็มักจะอยากให้พระเสกให้ตนเองเป็นพระอริยเจ้าไปเลย ซึ่งเป็นไปไม่ได้

    ในขณะเดียวกัน อีกประเภทหนึ่ง เพิ่งจะเริ่มปฏิบัติธรรม แต่อยากให้จิตของตนสงบ อยากได้ฌานสมาบัติระดับนั้นระดับนี้ อยากเป็นพระอริยเจ้าระดับนั้นระดับนี้ ก็ขอบอกว่า ท่านอยากจะสงบ แต่กลับไป "อยาก" นำหน้าเสียก่อน ตัวอยากจะทำให้เราฟุ้งซ่าน จิตจะไม่มีวันสงบได้อย่างแท้จริง การปฏิบัติของเราต้องสะสมไปทีละเล็กละน้อย เมื่อนานไปผลของการปฏิบัติก็จะมีมากขึ้น แล้วจะเริ่มเห็นผลชัดเจนต่อเมื่อปฏิบัติต่อเนื่องไประยะหนึ่งแล้ว

    ดังนั้น..เราจะใจร้อนใจเร็วไม่ได้ ต้องค่อย ๆ ตามดู ตามรู้ลมหายใจเข้าออกของเราไป หายใจเข้าตามดูไปว่าเรารู้ลมได้ตลอด จมูก อก ท้อง หรือไม่ ? หายใจออกตามดูว่าลมของเราออกจากท้อง ผ่านอก มาจมูก โดยสามารถรู้ครบถ้วนทุกฐานหรือไม่ ? ถ้าสามารถทำดังนี้ได้ก็นับหนึ่ง หายใจเข้าผ่านจมูก..ผ่านกึ่งกลางอก..ลงไปสุดที่ท้อง หายใจออกจากท้อง..ผ่านกึ่งกลางอก..มาสุดที่ปลายจมูก ถ้าไม่คิดเรื่องอื่นเลยก็นับสอง ให้ค่อย ๆ สะสมไปทีละเล็กทีละน้อยเช่นนี้ ถ้าเผลอคิดเรื่องอื่นเมื่อไร ให้ดัดสันดานตนเองด้วยการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่

    ถ้าทำดังนี้จะเห็นได้ว่า แม้แต่นับหนึ่งถึงสิบ โดยกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกไม่ให้คิดถึงเรื่องอื่นเลย ก็เป็นเรื่องที่ยากยิ่งนัก จำเป็นต้องใช้ความพากเพียรพยายาม จำเป็นต้องใช้ความตั้งใจที่แน่วแน่มั่นคง จำเป็นต้องใช้ความจริงจัง จริงใจในการปฏิบัติ อย่างชนิดทุ่มเทด้วยชีวิต

    ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ใช่อาหารจานด่วน ที่สั่งตอนนี้อีก ๒ นาทีก็มาถึงตรงหน้า ธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่ใช่กาแฟ ดื่มกินลงไปตรงนี้อีก ๑ นาทีออกฤทธิ์แล้ว แต่ธรรมะนั้นเป็นสิ่งที่ต้องค่อย ๆ สะสมไป เพราะตัวเรานั้นมาอยู่ในช่วงหลังกึ่งพุทธกาลแล้ว ถ้าเราเองสร้างสมบารมีมามากเพียงพอ เราก็คงไปเกิดในสมัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฟังธรรมจบเดียวบรรลุมรรคผลไปแล้ว

    หรือไม่ก็มาระยะหลัง ทันหลวงปู่หลวงพ่อที่มีชื่อเสียงเกียรติคุณยิ่งใหญ่ ได้รับฟังคำสอนของท่าน ปฏิบัติตนหลุดพ้นไปนานแล้ว ในเมื่อเราเองล่าช้าถึงขนาดนี้ แล้วเราจะไปคิดว่าเรามีสมรรถนะดี ถึงขนาดปฏิบัติแล้วได้อย่างนั้นอย่างนี้ทันที ย่อมเป็นไปไม่ได้

    การปฏิบัติธรรมของเราจึงต้องใช้ความอดทนอดกลั้น ค่อย ๆ พากเพียร แน่วแน่ในการปฏิบัติ ค่อย ๆ สะสมความดีของเราไปเรื่อย ๆ เหมือนน้ำทีละหยด เมื่อรวมตัวกันนาน ๆ เข้าก็ได้เป็นโอ่งเป็นไห แต่กว่าจะปรากฏให้เห็นชัดเจนนั้น ต้องผ่านการสะสมตัวเป็นระยะเวลานานอยู่ช่วงหนึ่ง

    เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกเราทุกคนจึงควรที่จะละทิ้งความใจร้อนใจเร็วอย่างที่ว่ามา ตั้งหน้าตั้งตาตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของเราเป็นหลัก ตั้งหน้าตั้งตาตรวจสอบดูว่า ศีลทุกสิกขาบทของเราบริสุทธิ์บริบูรณ์หรือไม่ และท้ายที่สุด กำลังใจของเราแน่วแน่มั่นคงต่อพระนิพพานหรือไม่ ถ้าศีลยังไม่บริสุทธิ์ ให้ตั้งใจว่าตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะรักษาศีลทุกข้อให้บริสุทธิบริบูรณ์

    ถ้าสมาธิไม่ทรงตัวให้พยายามตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของตนเองไปเรื่อย ๆ อยากปฏิบัติ อยากได้ดี ไม่ใช่ความผิด แต่ถ้าตอนช่วงปฏิบัติแล้วมัวแต่อยากได้ดีอยู่ นั่นจะผิด เพราะตอนปฏิบัติถ้ามัวแต่อยากอยู่ เราจะฟุ้งซ่าน กำลังใจไม่รวมตัว

    ปัญญาของเราให้รู้อยู่เสมอว่า ชีวิตนี้เป็นของน้อย จะสูญสิ้นลงไปเมื่อไรก็ไม่รู้แน่ เราควรที่จะสะสมความดีในทาน ศีล ภาวนาให้มากเข้าไว้ ตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว ถ้าไม่เข้าใจว่าพระนิพพานมีสภาพอย่างไร ก็ให้นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่ง ที่เรารักเราชอบมากที่สุด ว่านั่นคือรูปเปรียบแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน เรานึกถึงพระองค์ท่านได้คือเราอยู่กับพระองค์ท่าน เราอยู่กับพระองค์ท่านก็คือเราอยู่บนพระนิพพาน

    เมื่อวางกำลังใจเช่นนี้ได้แล้ว ก็ย้อนกลับมาดูลมหายใจเข้าออกเป็นหลัก ถ้ายังมีลมหายใจเข้าออกอยู่ ให้กำหนดดู กำหนดรู้ ลมหายใจเข้าออกของเราไป ถ้าลมหายใจเบาลง คำภาวนาหายไป ก็ให้กำหนดรู้ไว้เช่นนั้น อย่าดิ้นรนอยากให้เป็นอย่างนั้น และอย่าดิ้นรนให้หลุดพ้นจากสภาพเช่นนั้น เรามีหน้าที่ตามดูตามรู้โดยไม่ต้องปรุงแต่งใด ๆ ทั้งสิ้น ให้ทุกคนรักษาสภาพอารมณ์เช่นนี้เอาไว้ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันศุกร์ที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖

    ที่มา www.watthakhanun.com
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ทำสมาธิได้ในระดับขณิกสมาธิครับ
    ส่วนกิริยาปกติ อย่าไปสนใจ ถ้าเกิดควรปล่อยสุดๆ
    และมันจะผ่านได้ในครั้งเดียว ไม่งั้นมันจะไปติด
    และเราจะแป๊กแค่ในระดับปฐมฌานครับ
    ส่วนสมาธิ มันต้องอาศัยความต่อเนื่องและ
    มันต้องอาศัยการเจริญสติในชีวิตประจำวัน
    ให้ต่อเนื่องร่วมด้วย ไม่ว่าจะระลึกรู้ลมหายใจ
    หรือรู้กายที่กำลังเคลื่อนไหว
    ไม่ใช่จะไปรอทำเป็นพิธีการ
    อย่างเดียวมันจะช้ามากๆๆๆๆ
    เพราะเราเสียกำลังสมาธิและใช้ไป
    ในระหว่างวันไปมากโดยเฉพาะเรื่อง
    การใช้วาจาและความคิดครับ....

    คำว่าสมาธิ จะพัฒนาหรือไม่พัฒนานั้น
    เราวัดกันที่ ที่มันสามารถใช้ผลของสมาธิได้แล้วครับ
    ว่ามันเสื่อมหรือว่า มันพัฒนาขึ้นเรื่อยๆตามระดับ
    การเดินปัญญาทางธรรมของเรา.....

    ถ้ายังอยุ่ในระหว่างการฝึก และยังใช้งานอะไรไม่ได้
    ไม่ว่าจะโน้มมาทางด้านวิปัสสนา หรือใช้งานทางด้านพิเศษก็ตาม
    มันยังไงก็มีเสื่อมได้ทั้งนั้นหละครับ แค่มัน
    ดีขึ้นกว่าที่เคยผ่านมาเท่านั้นเองครับ.....
     
  10. picko

    picko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2014
    โพสต์:
    634
    กระทู้เรื่องเด่น:
    97
    ค่าพลัง:
    +2,126
    ขอบพระคุณทุกๆท่านนะคะ ได้ข้อคิดหลายอย่างเลย.. ขอบพระคุณมากค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...