นานไปเบื้องหน้าสัทธรรมปฏิรูปจะมากขึ้น

ถาม : ผมก็มองอย่างนั้น ว่าเหตุใดห่างไกลจากที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้มากขึ้นๆ ?

ตอบ : ก็เพราะอย่างนี้ พระพุทธเจ้าท่านถึงตรัสไว้ว่า "นานไปเบื้องหน้าสัทธรรมปฏิรูปจะมากขึ้น" ไม่ใช่ธรรมะที่แท้จริง อย่าลืมว่าตอนนี้บรรดาพระที่เรียนอยู่ เขาตีความพระไตรปิฎกแยกออกมาว่า

ประเด็นนี้ คนทั่วๆ ไปทำได้..เชื่อได้

ประเด็นนี้ คนบางประเภททำได้ บางประเภททำไม่ได้..ละไว้ก่อนอย่าเพิ่งเชื่อ

ประเด็นนี้ คนทั่วๆ ไปไม่สามารถทำได้เลย..อย่าไปเชื่อ อย่างพวกฤทธิ์ พวกอภิญญา เป็นต้น

พวกนี้เขาเก่ง..เขามาวิเคราะห์ เขาจะถือเป็นปรัชญาของพระพุทธเจ้า แบบนี้ผิดตั้งแต่เริ่มคิดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ใช่ปรัชญา เป็นอริยสัจ คือ ความเป็นจริงอันประเสริฐ สมบูรณ์บริบูรณ์อยู่ในตัว ตัดออกก็ขาด ต่อเข้าก็เกิน มีหน้าที่ปฏิบัติตามอย่างเดียว ไม่ต้องวิเคราะห์วิจัยอะไรทั้งสิ้น เรื่องของปรัชญาเป็นเพียงทฤษฎีหรือสมมุติฐานที่ยังเถียงกันไม่จบ ถ้าเถียงกันจบจะเป็นวิชาสาขาใดสาขาหนึ่ง เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เป็นต้น แล้วไปเอาธรรมะของพระพุทธเจ้าที่พระองค์ท่านรู้จบแล้ว ไม่มีใครค้นคว้าถึงขนาดของพระองค์ท่านมาเป็นปรัชญา ก็ผิดตั้งแต่คิดแล้ว..!


ถาม : อันนี้ผมถึงบอกว่า จริงๆ แล้วที่พระพุทธเจ้าบัญญัติแล้วจริง ก็รับนำมาปฏิบัติ ถ้าคุณปฏิบัติคุณก็รับผลไปเลย ?

ตอบ : ระหว่างที่ดำรงอยู่ก็ให้ปฏิบัติตามกิจวัตร อะไรต่างๆ ที่พระองค์ท่านทรงบัญญัติเอาไว้ ให้รักษาพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ก็จะอยู่สุขกันทั้งประเทศ ไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายก็ได้ เพราะว่าพระพุทธเจ้าบัญญัติกฎหมายทั้ง ๒๐๐ - ๓๐๐ ข้ออยู่แล้ว หลักการดีทุกอย่างอยู่แล้ว

ศีลที่พระพุทธเจ้าบัญญัติ สมบูรณ์บริบูรณ์ที่สุดแล้ว ไม่ต้องไปบัญญัติอะไรเพิ่มเติมทั้งสิ้น แต่เขาไม่ยอมทำตามกัน ในเมื่อไม่ยอมทำตามกัน ต่อให้บัญญัติอะไรต่อมาก็เท่านั้นแหละ ไร้ประโยชน์สำหรับพวกที่ฉลาดมาก ท่านที่ฉลาดน้อย ทำตามไปเลยคว้าไปกินหมด


สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕


ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3535






.