นิทรรศการ'เครื่องรางของขลัง' วัฒนธรรมพุทธ-ในสุวรรณภูมิ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย MBNY, 7 พฤศจิกายน 2010.

  1. MBNY

    MBNY Administrator ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2003
    โพสต์:
    6,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +22,504
    นิทรรศการ' เครื่องรางของขลัง' วัฒนธรรมพุทธ-ในสุวรรณภูมิ



    <TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ความ เชื่อในเรื่อง 'เครื่องรางของขลัง' มีมาตั้งแต่โบราณ แม้ในตำราพิชัยสง คราม บันทึกไว้ว่านัก รบสมัยโบราณจะมีเครื่องรางของขลังติด ตัวไว้เป็นมงคล เครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ มีหลายชนิด และมีความเชื่อต่อเครื่องรางของขลังและพระเกจิที่สร้างเครื่องรางอย่างมั่น คง เครื่องรางสำหรับคุ้มครองป้องกันในการออกศึกสงครามของคนโบราณ เป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์อย่างหนึ่ง

    ผีสางเทวดาและสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งบันดาลอำนาจเหนือธรรมชาติ มีอิทธิพลต่อความเป็นไปของชีวิตมนุษย์ทั้งทางดีและทางร้าย แม้ศาสนาพราหมณ์และพุทธจะเผยแผ่เข้ามาในไทยกว่าพันปีแล้ว

    แต่ความเชื่อในศาสนาทั้งสองกลับถูกผสมผสานกับความเชื่อเดิมจนกลมกลืนกันไปจนยากที่ที่จะแยกจากกัน

    จึงไม่แปลกอะไรที่เราจะเห็นปรากฏการณ์ความรุ่งเรืองของวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังอย่างเช่นปัจจุบัน

    สถาบัน พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) ได้ขยายผลองค์ความรู้สู่สาธารณชน หลังประสบความสำเร็จจากเวทีสัมมนาวิชาการ "เครื่องรางของขลัง วัฒนธรรมชาวพุทธในสุวรรณภูมิ" เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เปิดตัวนิทรรศการใหม่ล่าสุด "เครื่องรางของขลัง" เพื่อนำเสนอตำนาน เรื่องราว และความเป็นมาของเครื่องรางของขลังในมิติวิชาการ <TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เผยให้เห็นรูปแบบของความเชื่อในวัฒนธรรมไทยที่เกิดจากการผสมผสานความเชื่อดั้งเดิม และความเชื่อทางพุทธศาสนา

    นาย ราเมศ พรหมเย็น ผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) เปิดเผยว่า "นิทรรศการเครื่องรางของขลัง" จัดขึ้นเพื่อนำเสนอเรื่องราวของระบบความเชื่อท้องถิ่นของกลุ่มคนใน สุวรรณภูมิรวมถึงคนไทย ที่เกิดจากการหลอมรวมกับความเชื่อทางศาสนาฝังแน่นอยู่ในระบบความเชื่อของคน ไทย และแสดงออกมาในรูปแบบของเครื่องรางของขลังชนิดต่างๆ เกิดเป็นวัตถุมงคลที่มีคุณค่ายึดเหนี่ยวทางจิตใจและมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ มหาศาล

    "ความเชื่อเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นเรื่องงมงาย แต่ในมุมมองทางวิชาการกลับพบว่ามีความเกี่ยวเนื่องกับหลักธรรมทางศาสนา ซึ่งถูกมองข้ามหรือไม่สามารถเข้าถึงได้ สิ่งเหล่านี้เป็นประเด็นที่น่าสนใจและควรนำมาขยายผลโดยจัดแสดงในรูปแบบของ นิทรรศการ เพื่อให้เห็นทั้งรูปแบบและเนื้อแท้ของระบบความเชื่อดังกล่าวอย่างชัดเจน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ ประเพณี และศิลปวัฒนธรรมต่อไป" <TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อาจารย์ จุลทัศน์ พยาฆรานนท์ ราชบัณฑิต กล่าวว่าเครื่องรางของขลังเป็นภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของคนสมัยโบราณ เป็นกุศโลบายให้คนมุ่งเข้าหาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา

    "น่า เสียดายว่าคนในยุคสมัยนี้กลับไม่สนใจที่จะค้นหาและสืบทอดแก่นที่แท้จริงของ ความรู้เหล่านี้ แต่หันไปมุ่งเน้นในเรื่องผลที่จะได้รับหรือผลด้านไสยศาสตร์ และผลประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ทั้งผู้ที่จัดสร้างและผู้ที่นำไปบูชา ทำให้ภูมิปัญญาที่เชื่อมโยงกับหลักคำสอนตามหลักพระพุทธศาสนาที่มีคุณค่ากลาย เป็นความเชื่อที่งมงายไร้สาระ"

    นิทรรศการเครื่องรางของขลัง จะเปิดมุมมองใหม่ของศาสตร์อันลี้ลับในมิติวิชาการผ่านเรื่องราวในหัวข้อ ต่างๆ อาทิ ทำไมมนุษย์ต้องสร้างเครื่องราง, ไสยศาสตร์, ของขลังของผี, ไม่เชื่ออย่าลบหลู่...แต่ต้องให้รู้ด้วยปัญญา, ของขลัง... ของ(ราคา)สูง, จากเพราะความกลัวต่อสิ่งเร้นลับ...เป็น...เพราะอยากได้ กลัวไม่มี ฯลฯ

    โดย นิทรรศการจะเผยให้เห็นถึงแก่นของ ความคิดต่อสิ่งต่างๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจจากความหวาดกลัวในสิ่งลึกลับที่ มองไม่เห็น และพัฒนาต่อเนื่องมาอย่างแนบแน่นกับความเชื่อ

    ระหว่าง พุทธ-พราหมณ์-ผี อย่างแยกไม่ออก ซึ่งรูปแบบความเชื่อเหล่านี้ได้แปรสภาพมาเป็นวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังที่ มีคุณค่าและมูลทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลในปัจจุบัน

    นอกจากองค์ความรู้ เกี่ยวกับความเชื่อในสิ่งเร้นลับในแง่มุมวิชาการแล้ว ภายในงานยังจัดให้มีการจัดแสดงเครื่องรางของขลังนานาชนิดที่เกิดจากความ ศรัทธาและความเชื่อของชาวสุวรรณภูมิและคนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่ความเชื่อเรื่องภูตผี ปีศาจ เทพเจ้า

    รวมไปถึงวัตถุมงคล อันทรงคุณค่าที่มีประวัติ ศาสตร์ และเรื่องราวเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา อาทิ ผ้ายันต์, ผ้าประเจียด, ตะกรุด ฯลฯ ที่หาชมได้ยาก และพระเครื่องต่างๆ โดยเฉพาะสุดยอดวัตถุมงคลล้ำค่าของคนไทย "พระเครื่องชุดเบญจภาคี"

    "นิทรรศการ เครื่องรางของขลัง" มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม 2553 ถึงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 10.00-18.00 น. ณ ห้องจัดนิทรรศการชั่วคราว และห้องพิพิธเพลิน 1 สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ ท่าเตียน กรุงเทพฯ เข้าชมฟรี

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) โทร.0-2225-2777 ต่อ 413, 414




    -----------
    ข่าวสดออนไลน์
    �Է��ȡ��&#039����ͧ�ҧ�ͧ��ѧ&#039 �Ѳ�����ط�-�����ó���� : ����ʴ�͹�Ź�
     
  2. MBNY

    MBNY Administrator ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2003
    โพสต์:
    6,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +22,504
    การศึกษาวิเคราะห์พระเครื่อง ในฐานะเป็นกุศโลบายในการปฏิบัติธรรม<!-- google_ad_section_end -->


    <TABLE cellPadding=3 width=700 bgColor=#f1f1f1 align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD class=m10 width=156>ชื่อวิทยานิพนธ์ :</TD><TD class=m10 width=574>การศึกษาวิเคราะห์พระเครื่องในฐานะเป็นกุศโลบายในการปฏิบัติธรรม </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=m10 width=156>ชื่อผู้วิจัย : </TD><TD class=m10 width=574>รอบทิศ ไวยสุศรี </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=m10 width=156>ปริญญา : </TD><TD class=m10 width=574>พุทธศาสตรมหาบัณฑิต( พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต )</TD></TR><TR><TD class=m10 colSpan=2>คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=156></TD><TD class=m10 width=574>พระสุธีวรญาณ (ณรงค์ จิตฺตโสภโณ) ป.ธ.๘,M.A., Ph.D.,ร.ศ.
    รศ.ดร. วัชระ งามจิตรเจริญ ป.ธ.๙,พธ.บ.,M.A.,อ.ด.





    </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=m10 width=156></TD><TD class=m10 width=574></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=700 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#f1f1f1>[​IMG]</TD><TD bgColor=#f1f1f1 align=right>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=5 width=700 align=center><TBODY><TR><TD class=m12 bgColor=#f1f1f1 align=middle></TD></TR><TR><TD bgColor=#f1f1f1><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=2 width="99%" align=center><TBODY><TR><TD class=m10>งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาวิเคราะห์พระเครื่องในฐานะเป็นกุศโลบายในการปฏิบัติธรรม จากผลการวิจัยพบว่า คำว่า “พระเครื่อง” นั้น มาจากคำว่า “พระเครื่องราง” หมายถึง พระพุทธรูปองค์เล็กๆ ที่นับถือว่าเป็นเครื่องคุ้มครองป้องกันอันตราย โดยในสมัยเริ่มแรกนั้น ถูกสร้างขึ้นในลักษณะของพระพิมพ์ที่สร้างไว้เพื่อสืบอายุพระศาสนา แต่ไม่สามารถระบุชัดเจนได้ว่า ในประเทศไทยนั้น มีคติความเชื่อในการนำพระพิมพ์ต่างๆไปปลุกเสกสร้างเป็นพระเครื่องกันตั้งแต่สมัยใด แต่หากศึกษาจากตำนานการสร้างพระรอดลำพูนก็จะพบว่า คติความเชื่อในการสร้างพระเครื่องนั้นมีมายาวนานนับพันปีแล้ว โดยได้อิทธิพลในการสร้างมาจากการผสมผสานแนวคิดในพระพุทธศาสนาทั้งเถรวาทและมหายาน ร่วมกับแนวคิดในลัทธิบูชาบรรพบุรุษ ลัทธิวิญญาณนิยม ลัทธิบอน ที่เชื่อในเรื่องผีสางเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆในธรรมชาติ รวมทั้งแนวคิดความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ในศาสนาพราหมณ์

    การสร้างพระเครื่องให้ได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์ตามหลักที่โบราณจารย์ได้วางเอาไว้นั้น มีกระบวนการในการสร้างที่ละเอียดซับซ้อนหลายขั้นตอน เช่น การเตรียมมวลสารต่างๆในการผสมสร้างพระเครื่อง การลงอักขระเลขยันต์ในแผ่นทอง การรวบรวมว่านศักดิ์สิทธิ์ ๑๐๘ ชนิด การบวงสรวงไหว้ครูบาอาจารย์เพื่อขอบารมีให้มาช่วยในการสร้างพระเครื่อง การปลุกเสกพระเครื่องด้วยการทำสมาธิภาวนาท่องบ่นมนต์คาถาต่างๆ ให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ตามที่ต้นการ เป็นต้น

    พระเครื่องมีบทบาทอยู่ในวิถีชีวิตและความเชื่อของคนไทยเป็นอย่างมาก บางคนบูชาพระเครื่องในฐานะเป็นเครื่องรางของขลังที่สามารถช่วยคุ้มครองป้องกันอันตราย พกพาไปไหนก็เป็นที่รักใคร่ของผู้ที่พบเห็น บางคนบูชาพระเครื่องในฐานะเป็นปูชนียวัตถุทางพระพุทธศาสนาเป็นอนุสสติ เป็นสัญลักษณ์เครื่องระลึก ไว้ให้ผู้ใช้พระเครื่องได้มีโอกาสกราบไหว้บูชาระลึกถึงพระรัตนตรัยอันเป็นที่พึ่งสูงสุดของเหล่าผู้นับถือพระพุทธศาสนา บางคนก็บูชาพระเครื่องในฐานะเป็นกุศโลบายในการปฏิบัติธรรม ที่จะช่วยโน้มน้าวดึงดูดให้ผู้ใช้พระเครื่องหันไปปฏิบัติธรรมเช่นใช้พระเครื่องแล้วรักษาศีลด้วย ใช้พระเครื่องแล้วต้องสวดมนต์ภาวนาทำสมาธิอยู่เสมอ เป็นต้น

    เมื่อนำกระบวนการสร้างและการใช้พระเครื่องมาพิจารณาวิเคราะห์เทียบเคียงกับหลักการปฏิบัติธรรมต่างๆที่สำคัญในพระพุทธศาสนา เช่น หลักบุญกิริยาวัถุ หลักไตรสิกขา เป็นต้น พบว่า กระบวนการสร้างและการใช้พระเครื่องนั้น เป็นกุศโลบายที่แฝงเอาไว้เพื่อดึงดูดให้ผู้สร้างและผู้ใช้พระเครื่องได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมตามหลักบุญกิริยาวัตถุ หรือหลักไตรสิกขาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนี้

    ๑) การสร้างและใช้พระเครื่องกับหลักบุญกิริยาวัตถุ – ผู้สร้างพระเครื่องจะต้องรักษาศีล ๕ เป็นอย่างน้อยทุกครั้งในการทำพิธีปลุกเสกสร้างพระเครื่อง (สีลมัย) หรือได้มีโอกาสสั่งสอนธรรมะต่างๆให้แก่ผู้มารับแจกพระเครื่อง (ธัมมเทสามัย) เป็นต้น ส่วนผู้ใช้พระเครื่อง เมื่อเข้าวัดไปบูชาพระเครื่อง ย่อมมีโอกาสได้บริจาคทานแก่วัด (ทานมัย) หรือได้มีโอกาสฟังธรรมศึกษาหาความรู้จากพระเกจิอาจารย์ต่างๆ (ธัมมัสสวนมัย) เป็นต้น

    ๒) การสร้างและใช้พระเครื่องตามหลักไตรสิกขา – ผู้สร้างพระเครื่องจะต้องฝึกปฏิบัติสมาธิภาวนาอย่างยิ่งยวดให้ได้ในระดับฌาน ๔ เป็นอย่างน้อย จึงจะสามารถปลุกเสกสร้างพระเครื่องให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ได้ (อธิจิตตสิกขา) เป็นต้น ส่วนผู้ใช้พระเครื่อง เมื่อบูชาพกพาพระเครื่องติดตัวอยู่เสมอ คนผู้นั่นย่อมไม่กล้าทำผิดศีลเพราะกลัวจะผิดข้อห้ามในการบูชาพระเครื่อง เมื่อรักษาศีลไปอย่างสม่ำเสมอนานเข้า ศีลนั้นก็จะกลายเป็นนิสัยตามธรรมชาติในชีวิตไป ไม่อยากฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เป็นต้น ไปด้วยตนเอง ไม่ต้องรักษาศีลอีกต่อไป เพราะมีศีลเป็นปกติในชีวิตและจิตใจอย่างสมบูรณ์แล้ว (อธิสีลสิกขา) เป็นต้น

    ดังนั้น พระเครื่องจึงไม่ใช่เรื่องของความงมงายในอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆดังที่คนทั่วไปเข้าใจ แต่กลับเป็นกุศโลบายอันลึกซึ้งที่เหล่าโบราณจารย์สร้างเอาไว้ เพื่อดึงดูดให้ผู้สร้างและผู้ใช้พระเครื่องหันมาเข้าวัด และโน้มน้าวให้ผู้สร้างและผู้ใช้พระเครื่องได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมตามหลักบุญกิริยาวัตถุ หรือหลักไตรสิกขา ซึ่งถือเป็นหลักการปฏิบัติธรรมที่สำคัญในพระพุทธศษสนาได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.mcu.ac.th/site/thesisdeta...?thesis=255237
    </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...