นิทานสนุก..พระเครื่องและเครื่องราง (นิมิตรอัศจรรย์...รุ่นครอบจักรวาล)

พักโฆษณา รอลุ้นครับ... ซื้อปอปคอน ค่ำ ๆ รอชมหนัง.....

 

สาธุ

ผมเคยไปนั่งห้องพระ
ของลูกศิษย์ สายหลววปู่
ท่านให้นั่งสมาธิ
สักพัก
ถามผมเห็นอะไรบ้าง
ผมว่า แป้บๆเห็นสีเหลือวอมส้มแบบจีวร
พี่บอก หลวงปู่มา
แต่ผมยังปฎิบัติไม่มากพอ
เบนดห็นแค่นั้น

สาธุ

 

QC กะลังลองตะกรุดครับ 555

 

ผลการลองตะกรุด

 

ช่วงเข้าพรรษาปี 2552 (9 ปีที่แล้ว) ตอนนั้นผมเวลาว่างมาก ไป ฝึกสมาธิที่พักสงฆ์แห่งหนึ่ง แถวดงพญาเย็น โคราช ซึ่งที่พักสงฆ์นี้เจ้าของได้สร้างไว้ให้พระสงฆ์มาจำพรรษา มีรูปหล่อหลวงปู่เทพโลกอุดรไว้ด้วย (ฟังว่าผู้สร้างก็เป็นศิษย์ที่นับถือหลวงปู่ใหญ่เช่นกัน)

ตามเล่าสมัยก่อนชอบเที่ยวกับพระสงฆ์รูปหนึ่ง ก็ระดับเกจิละครับ สมัยก่อนท่านมีนิมนต์นั่งปลุกเสกบ่อย ปัจจุบันชราภาพมาก ๆ แล้ว เจ็บป่วยบ่อยตามธรรมดาสังขาร เลยหยุดเที่ยวเลย

ในที่พักสงฆ์นั้น มี พระ 2 รูปคือเกจิที่ไปเที่ยวกับผมบ่อย กับพรรคพวกท่าน เราเรียกท่านว่า อาจารย์หนุ่ม เป็นพระหนุ่มชอบเที่ยวนั่นละครับ หาครูบาอาจารย์ดี ๆ

อันว่าอาจารย์หนุ่มนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ครั้งหนึ่งผมเปลี่ยนแนวภาวนา เป็นพุทโธ ตามศิษย์เอกครูบาอินสอน ก็ไม่ได้บอกใคร ตอนนั้นไปนอนค้างที่พักสงฆ์นี้ละครับ เช้ามา พระเกจิที่ผมสนิทด้วยมา ถามเลย "อาจารย์หนุ่มเขาฝากมาถาม (ชื่อผม) ....เปลี่ยนแนวแล้วเหรอ "

ผมตกใจเลยรู้ได้ไง (ภาวนาในใจไม่ได้บอกใคร) เลยเล่าให้ฟังว่าเปลี่ยนคำภาวนาตามศิษย์เอกครูบาอินสอน พระเกจิที่ผมสนิทด้วย เลยเตือนว่า "มาเปลี่ยนแนวตอนนี้ระวังเฝือนะ"

จึงได้สอบถามประวัติ ความเป็นมา ของอาจารย์หนุ่ม เลยรู้ว่า อ้อ สายเดียวกัน นับถือครูบาอาจารย์เดียวกัน

ต่อมา ผมแวะไปอีก ทราบว่า อาจารย์หนุ่ม สัตตาหะ(เดินทางไปที่อื่น ช่วงเข้าพรรษาไม่เกิน 7 วัน) ไปฝึกยุทธ แถวนครพนม ซึ่งพอเวลากลับ ผมก็ขับรถไปรับปากทาง อาจารย์หนุ่มก็ คุยให้ฟังเลย หลวงปู่องค์นี้สุดยอดมาก ๆ อภิญญาสุด ๆ อาจารย์หนุ่มเปรียบเทียบว่าเหมือนหลวงปู่ศุขเลย เสกปลัดโยนลงน้ำ ปลัดวิ่ง ๆ ๆ ทวนน้ำ เสกใบไม้กลายเป็นพระ ให้เห็นกับตา ฯลฯ ผมฟังแล้วน้ำลายหยดแหมะ ๆ 555 ฟังว่าท่านมาสายหลวงปู่เทพโลกอุดรด้วย

และแน่นอน วันเวลาผ่านมา เลยนัดหมายกัน โดยอาจารย์หนุ่ม สัตตาหะ เดินทางไปก่อน ผมก็เดินทางไปกับ พระเกจิ ตามหลัง เพื่อไปพบ หลวงปู่ดิ่ง สะท้านไตรภพ (ศัพท์ที่พระเกจิเรียกท่านด้วยความเคารพนะครับ)

โดยผมห้อยล็อคเก็ตตามในภาพ ติดคอ องค์เดียว

1 คน 1 พระสงฆ์เที่ยวกันต่อครับ (เวลาว่างมากตอนนั้น ตอนนี้ แก่แล้ว ตะลอนแบบนั้นไม่ได้แล้ว)

 

รอติดตามครับ

 

รออ่าน

 

....การเดินทาง ครั้งนี้ นับเป็นการเดินทางในเส้นทางที่ไม่เคยไป (ปกติไปอีสานไปเส้นอื่นครับ ไปรถทัวร์นะ)

....พระเกจิที่เดินทางไปด้วยบอกเส้นทาง 555 สมัยก่อนไม่มี GPS มีพระท่านนี้ละครับบอกเส้นทาง ท่านคุยว่า ไปมาทั่วประเทศ ....พระเกจิองค์นี้ เขาบวชแต่หนุ่มว่างั้น สมัยหนุ่ม ๆ ไปมาทั่วประเทศ ออกธุดงค์บ้าง ไปเที่ยวกับพรรคพวกบ้าง พรรคพวกชอบรับไป ที่รับไปเพื่อไปเช็คพลังนะครับ 555 (เป็นฝ่าย QC ของผมในสมัยก่อนนะ ตอนนี้เปลี่ยนเจ้าหน้าที่ QC ใหม่ จำได้ตอนนั้นท่านก็อายุ 57 ปีแล้วถ้าจำไม่ผิด) ดีอย่างมีพระเกจิไปด้วย เพราะเวลาไปปลุกเสกที่ไหน พระที่อื่นมักมาต้อนรับ จนท่านแซว "เอาหลวงตามาเชิดใช่ไหม"

....ไอ้เรื่องตอนปลุกเสกนั่งดูพลังกัน ดูความขลังกระแส ทำมาแต่สมัยนั้นแล้วครับ (ปี 2552 ) เดี๋ยวนี้พออ่านคนนำพระตระเวนเสก รึ ดูพลังกระแส ผมได้แต่ขำ ขำเพราะนึกถึงสมัยก่อนนะครับ

...จำได้ตอนนั้นผ่านเทือกเขาภูพานด้วย ซึ่งมีเรื่องแปลก ตอนขากลับ เลยแวะที่วัดพระพุทธบาทน้ำทิพย์ด้วย ตอนนั้นยังสร้างสมเด็จองค์ปฐมไม่เสร็จ เลยได้ร่วมทำบุญเพิ่ม ทีนี้ระหว่างเที่ยวๆ ดูของขลัง พระอาจารย์ที่ดูแลก็มาคุย กับพระเกจิ ที่ไปกับผม

...ระหว่างผมเที่ยว ๆ ชมนู่นี่ เลยนึกออก สมัยก่อนเคยเล่นเว็บพลังจิตนี่ละได้เคยร่วมทำบุญมาด้วยผ่านลูกศิษย์ท่าน ยังเก็บพระเครื่องที่ระลึกไว้เลย เลยสอบถามพระอาจารย์ที่ดูแลท่าน ซึ่งก็ใช่ นับว่า ผลแห่งกุศลหากเคยทำบุญที่ใด ก็จะได้กลับไปชมสถานที่นั้นจริง ๆ

...ตอนนั้นจำได้เช่าขี้เหล็กไหลมา ก้อนละ 20 บาทมั่ง พระเกจิท่านบอกพลังดี เลยเช่ามา ตอนจะกลับขึ้นรถ ผมถามพระอาจารย์ที่ดูแลเก่งไหม พระเกจิท่านว่า "ไปขอท่านเป่าหัวสิ เดี๋ยวรู้ 555" เลย ไปขอท่านเป่าหัวเลย นับว่าไม่เสียเที่ยวครับ

นอกเรื่อง ไปนิด ต่อ ๆ ครับ หลังเดินทางโดย GPS นำทางส่วนตัว ก็ ไปถึงสถานที่ วัดที่ต้องการ เป็นวัดป่าจริงๆ พอลงจากรถ พระท่านบอกนั่นไง หลวงปู่ดิ่ง เห็นท่านออกมาเดิน ๆ เล่นอยู่ ผมก็รีบเข้าไปกราบเลย จำได้ ท่านหัวเราะ (เป็นเสียงหัวเราะที่ฟังแล้วสะดุ้งเฮือกเลย ) "เจ้าจะให้ข้าทำอะไรให้" "ขอหลวงปู่เสกพระให้ครับ" "กูไม่เสก" จ๋อยเลย ... จะขอถ่ายรูปท่านก็ไม่ให้ถ่ายด้วย...

ทีนี้ หลังผมจัดของ ทุกอย่างเพราะต้องนอนค้างแน่นอน อาจารย์หนุ่มที่มาก่อนแล้วแนะนำหลายอย่าง บอก อย่าบอกว่าเสกท่านไม่ชอบ ในระหว่างที่ผมเดิน ๆ ก็เห็นหลวงปู่แว็บ ๆ ท่านเดินหยิบหินที่พื้นแล้วส่งให้ผม ผมก็รับ พอดูในมือก็....เป็นพระพิมพ์หลวงพ่อปานครับ พระเกจิ รีบมาดูใหญ่ มาแซวใหญ่ โห ได้คนแรกเลย (พระองค์นี้อยู่บ้าน ต่างจังหวัดครับ จึงไม่มีภาพให้ชม อย่าถามนะผมได้ห้อยไหม 555 ห้อยจนเบื่อแล้วถอดเก็บครับ แล้วอย่าถามนะขลังไหม ผ่านการตรวจโดยครูบาอาจารย์หลายท่านแล้วครับ แจ่มจริง แจ่มจนผมห้อยแล้วเงียบจนต้องถอดเลย คือมีชีวิตที่สงบสุขจนน่าเบื่อ )

ในวัดมีคนหลายคนแต่งชุดขาวมาปฏิบัติธรรมกับท่าน ซึ่งแน่นอน พอท่านออกจากกุฏิ มาศาลาคนรีบมารุมเลย ท่านก็มาสอนธรรมะ (แต่ลึก ๆ หลายคนคงคิดเหมือนผม มาดูเรื่องแปลก ๆ ) อาจารย์หนุ่มสอนกฎไว้หลายอย่างดังนี้

1.หลวงปู่ไม่ชอบให้มาขอพระ ท่านจะพูดเสมอ "กูไม่สนองความอยากใคร" ถ้าท่านจะให้ ให้เอง การให้พระของท่าน ก็ คือ จะหยิบจากหิน ไม้ รึ อะไรแล้วแต่ให้

ผมเห็นกับตาหลายครั้ง เช่น วันต่อมา ผมเดินคุยกับพระเกจิที่ไปด้วย ท่านเดินมาเรารีบ สำรวมกันเลย ท่านหยิบใบไม้ แล้วส่งให้พระเกจิ เป็นพระเนื้อว่าน สวยเลย ผมตื้อขอแทบตายมานานก็ไม่ให้ (ทุกคนจะได้พระที่อยากได้ครับ ผมอยากได้หลวงพ่อปานมานาน 555)

2. สมัยนั้น ไฟฟ้าจะมีที่ศาลา กับโรงครัว และ ที่วัดนั้น ฉันเพลมื้อเดียว เล่นเอาหิวแทบตาย ต้องซมซานมาโรงครัวต้มมาม่ากิน มีบ้างหิวอาหารเช้ามาก ผมต้องขับรถมาซื้อด้านนอก ไปฝากพระเกจิท่านด้วย 555

3. ทำวัตรเช้ากัน ตี 4 ่ และหลวงปู่จะออกมาจากกุฏิเป็นระยะ ๆ แน่นอนท่านมาที พวกมาปฏิบัติธรรมในวัดมารีบเฝ้าเลย

4. หลวงปู่ชอบคนมาปฏิบัติธรรมดังนั้น พอเห็นหลวงปู่ ผมจะหยุดเมาท์กับพระเกจิทันที ต้องวางมาดเดินจงกรม หน้ากุฏิ ที่พัก (กุฏิที่พักจะไม่มีไฟฟ้า เราต้องหาไฟฉาย เทียนกันเอง)

5. แปลกในวัดอยู่ในป่าที่ไม่มียุงเลย

6.ท่านจะมีตะกรุดที่ท่านจารเอง ถักเชือกเองแจก แต่ อาจารย์หนุ่มสอนไว้ ห้ามขอ ถ้าท่านจะให้ ท่านให้เอง ห้ามขอหลายดอกด้วย อาจารย์หนุ่มเล่าว่าปาฏิหารย์มาก มีคนไปลองยิง นัดแรกปืนแตกทันที

หลวงปู่ ดิ่ง สะท้านไตรภพ ท่านยึดตามแนวสายพระป่า คือไม่จับเงิน ไม่รับเงิน นับเป็นการไปทัวร์ที่ประหยัดสุด ๆ ในวัดจะมีตู้บริจาคที่ศาลาริมน้ำตู้เดียว เงินเต็มตู้เลยครับ 555

หลังผิดหวังในวันแรก ผมไม่ย่อท้อ ถือหลัก ด้านได้อาย อด ต้องหาของขลังที่ระลึกให้ได้ ก็รอลุ้นวันต่อ ๆ ไปครับ เพราะเรา กะไว้ว่าจะอยู่ซัก 3 คืน (อยู่เกิน 7 วันไม่ได้ ช่วงเข้าพรรษา ต้องกลับไปที่ ๆ จำพรรษาทีแรกคือ ที่พักสงฆ์ที่ ดงพญาเย็น )

มาลุ้นกันครับ ว่ารอบนี้จะได้ของขลังที่ระลึกไหม รึว่า จะได้ปฏิบัติธรรม รึว่าจะได้อะไรดี ๆ ย้ำว่า มีเรื่องหลวงปู่เทพโลกอุดรด้วย จากคำกล่าวหลวงปู่ดิ่งเอง นิดนึง แต่สำคัญ ๆ ๆ

 

หลวงปู่ดิ่ง ท่านจะออกมาที่ศาลาเป็นระยะ ๆ คือท่านจะกลับไปพักที่กุฏิ เป็นช่วง ๆ บางที ตี 2-3 ท่านก็ออกมา (ฟังเขาเล่านะเพราะผมหลับ55) บางทีก็ไปนั่งเมาท์ที่กุฏิ พระเกจิ

อนุสาสนีปาฏิหารย์ก็ได้พบอีกครั้ง คือ คำสอนอันเป็นอัศจรรย์ แบบคิดอะไรสงสัยอะไร หลวงปู่ก็จะเทศน์สอนมาเอง ถ้าตั้งใจฟังนะ และในวัดจะมีเปิด เทปธรรมะสายหลวงปู่มั่นตลอด หลวงปู่บอกว่า พวกมาปฏิบัติธรรมจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน

ตามเล่ากุฏิที่พักพวกเราจะไม่มีไฟฟ้า ต้องหาไฟฉายเทียน ส่องเอา แต่ตามทางเดินจะจุดเทียนตลอดครับ และหน้ากุฏิจะมีทางเดินจงกรม

จำที่หลวงปู่ท่านสอนได้หลายอย่าง เช่น หากจะปฏิบัติธรรม อย่าคิดนอน 8 ชม.

พระสงฆ์ และนักปฏิบัติที่มาวัด สอบถามธรรมะท่านหลายอย่าง ผมได้แต่นั่งฟังเหวอ เพราะไม่รู้เรื่องเลย เขาใช้ศัพท์ชั้นสูงกัน แต่ พอได้ประโยชน์เข้ามาในสมองบ้างเล็กน้อย 555

อิทธิปาฏิหารย์มีบ้างครับ ที่เห็นกับตาเช่น อยู่ ๆ ท่านคุย ๆ เดินไปที่ปฏิทิน ท่านเอามือท่านไปวนรอบปฏิทิน หยิบออกมาเป็นพระเครื่องแล้วคุย ๆ กับพระในวัด ว่าจะทำแบบนี้ 555

หรือมีเด็กชาวบ้านมา ท่านก็หยิบ หินแถววัดส่งให้ ส่วนจะเป็นอะไรไม่ทราบ 55

หรือ ท่านหยิบชิ้นสมุนไพร ส่งให้คน เราก็ไม่กล้าขอดูคืออะไร

จนคืนที่ 3 มั่งผมคุยกับพระเกจิที่ไป เราจะกลับพรุ่งนี้ต้องหน้าด้านแล้ว เลย หยิบของชิ้นหนึ่งที่นำติดรถไป อาศัยจังหวะไม่มีคน และมี กองหนุนกำลังใจ 55 หน้าด้าน บอกหลวงปู่ "หลวงปู่เมตตาอธิษฐานให้ผมนะครับ"

"เออน่า มึงยังไม่กลับไม่ใช่เหรอ"

เย้ๆ ๆๆ สำเร็จ

ในช่วงนึง ก็อาศัย หน้าด้านขอตะกรุดท่าน ท่านก็หยิบให้ ก็ได้ตามจำนวนที่คิด (โดนไถไปเพียบเลยครับ 55 )

ช่วงนึง ผมกับพระเกจิ ได้อยู่กับหลวงปู่ ปลอดคน พระเกจิถามหลวงปู่ดิ่งท่านว่า ขอเรียนวิชาทำตะกรุดได้ไหม หลวงปู่ดิ่งกล่าวว่า สอนไม่ได้หรอก แต่ทำรูปแบบยันต์ให้ดู "กูเรียนมาจากหลวงปู่คำคะนิง"

และพระเกจิถาม การหยิบพระทำอย่างไรครับ "สอนกันไม่ได้ เป็นวิชาของพวกไสบาบา คือทำจากที่ไม่มีให้มี จากที่มีให้ไม่มี"

ท่านเรียกผมไปที่รูปภาพปิดข้างกุฏิ และเอานิ้ว จิ้ม ที่นึง "มึงดูซิ ว่าต้องเป็นอะไร"

ผมไล่ดู ตรงที่ท่านจิ้มเป็นแถวตัวเลข และที่ท่านจิ้มต้องเป็นเลขอะไรนี่ละ (นานแล้วจำไม่ได้)

ท่านยกนิ้วออก ตัวเลขในนั้นหายไป "มึงอย่าไปเล่าให้ใครฟังนะ เขาจะว่ามึงบ้า"

คืนสุดท้าย เราก็นั่งคุยที่ศาลา อยู่ ๆ หลวงปู่ดิ่ง หันมาที่พระเกจิ "จะให้ของที่ระลึก ก่อนท่านเดินทางกลับ"

หลวงปู่ ออกไปนอกกุฏิ หยิบมือกวักในอากาศแล้วมาส่งให้พระเกจิ (อิจฉามาก ๆ ได้ตั้ง 2 องค์ ผมไถมาแทบตายหลายปียังไม่ได้เลย 555)

แล้วคุย ๆ ท่านหันมาที่ผม (ขณะนั้นผมห้อยล็อคเก็ตหลวงปู่เทพโลกอุดรที่สั่งทำเองนะครับ )



แล้วท่าน ได้กล่าวคำพูด อันชวนระทึก ต่อมา........ ค่อยเล่าโพสหน้าครับ... สั้น ๆ แต่ เป็นความหมายที่สำคัญ ในเวลาต่อมา ที่ผมพึ่งเข้าใจเมื่อไม่นานนี้เอง....

 

หลายท่านอยากทราบหลวงปู่ดิ่งอยู่วัดไหน ปรากฎว่าพึ่งทราบว่าท่านละสังขารแล้วครับ จึงเปิดเผยได้

หลังกลับมาผมเคยมาลงเรื่องท่าน โดน อาจารย์หนุ่มตามรอยโทรมาด่าเลย เพราะมีคนเปิดเว็บพวกผม แล้วจัดรถตู้ไปกัน จนต้องรีบลบ

ขอไว้อาลัยหลวงปู่ดิ่งสะท้านไตรภพพระอริยอภิญญาครับ

ตามที่บอก อภิญญาท่าน และธรรมสุด ๆจนพระเกจิที่ไปกับผมกล่าวว่า

"สมัยก่อนหลวงตาเคยไปปฏิบัติธรรมกับ หลวงปู่.... และหลาย ๆ ท่าน ได้เห็นธรรมอภิญญามากมาย จนคิดว่าเก่งสุด ๆ แล้ว มาเจอหลวงปู่ดิ่ง อภิญญาท่านสุด ๆ จริง ๆ "

ที่เล่ามา เพื่อผูกเรื่องราวที่ผมได้พบ รับฟังมาเองครับ จนเวลาผ่านมาจนปัจจุบันพึ่งเข้าใจ (สติปัญญาน้อย ๆ ครับ) ไอ้ประะเภท เขาว่า ฟังว่า หรือฟังแล้วขัดแย้งผมไม่เชื่อครับ.... ไม่ใช่ว่าอาจไม่จริงนะ แต่ถือหลัก ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้นั้นไม่จริง

มีหลวงปู่ผ่านสะท้านแผ่นดิน (พระเกจิเรียกท่านนะครับ) ครั้งหนึ่งหยิบพระวังหน้าขอท่านเสกเพิ่ม ท่านเห็นปุป บอกเลย หลวงปู่ใหญ่ พร้อมยกมือขึ้นจบหน้าผากท่าน ผมถาม หลวงปู่รู้จักเหรอครับ "รู้จัก" เคยพบท่านไหมครับ "เคย"

จนต่อมานิมนต์ท่าน ไปที่หนึ่งผมขับรถให้ จึงได้คุย 2 ต่อ 2 จึงได้เรื่องราวหลวงปู่ใหญ่มาเพิ่ม ท่านกล่าวว่า เคยรู้ว่าหลวงปู่ใหญ่มาที่หนึ่ง พอจะไปหาท่าน ท่านไปแล้ว

จึงเข้าใจว่า อย่าตามหาเลย ถ้าธรรมถึง หรือปฏิบัติถึง ท่านจะมาหาเองถ้ามีวาสนากับท่าน....

 

ต่อ ๆ ..... คืนสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ หลวงปู่ดิ่ง ท่านสอน ๆ ธรรมแล้วหันมามองหน้าผม (ซึ่งห้อยล็อคเก็ตหลวงปู่เทพโลกอุดร เดี่ยว ๆ )




"ท่านโลกอุดรนะ ท่านยังติดโลกอยู่ ท่านอยากให้คนอื่นได้อย่างท่าน ปฏิบัติให้ถึงท่าน"

นับว่าฟังแล้วสะดุ้งเฮือกได้จริง ๆ .... ซึ่ง คำพูดนี้ยังติดอยู่ในใจผมมาหลายปี (9 ปีแล้ว)

จนปัจจุบันผมพึ่งเข้าใจละเอียดเมื่อไม่นานนี้เอง.......

สาธุ...เมตตาลาโภ นะโสมิยะ อะหะพุทโธ....

 

ติดตามครับ

 

วันเดินทางกลับ ผมก็รอ จนช่วงหลังเพล คุยกับพระเกจิ รอหลวงปู่อธิษฐานของขลังที่ระลึกให้ (ผมวางไว้ที่โต๊ะหมู่บูชาที่ศาลา)

จนเห็นหลวงปู่ดิ่งท่านไปจำวัดที่ใกล้โต๊ะหมู่บูชา พระเกจิ กับอาจารย์หนุ่มมากระซิบ "หลวงปู่ลงให้แล้ว"

รอจนหลวงปู่ลุกขึ้น จะเดินกลับไปที่กุฏิที่ริมน้ำ ผมได้เดินเข้าไปถาม "หลวงปู่อธิษฐานให้ผมแล้วนะครับ" หลวงปู่ดิ่งพยักหน้า... เย้ ๆๆ ๆๆ ๆ

ก็รอ จนหลวงปู่เข้ากุฏิ และรอจนท่านออกจากกุฏิ อาจารย์หนุ่มบอก หลวงปู่คงใช้พลังมาก

ซักครู่หลวงปู่ออกจากกุฏิ เดินมาที่ศาลา สีหน้าท่านสดชื่นมาก ๆ

พระเกจิ ก็ลาท่านกลับ ผมก็เข้าไปกราบ จับเท้าท่าน ในใจรู้สึกละอายใจ แม้สมหวังทุกอย่างแต่ก็ไม่ได้ปฏิบัติธรรมจริงจังอะไรเลย คิดในใจหากมีโอกาสเข้าถึงธรรมแล้ว จะมาฝึกกับท่านอีกครั้ง (กลายเป็นก็ยังไม่ได้กลับไปอีกเลย)

หลังลากลับ ผมกับพระเกจิ ก็ไปเที่ยวพระธาตุพนม แล้วแวะวัดพระบาทน้ำทิพย์ ตามเล่า

กลับถึงที่พักสงฆ์ ดงพญาเย็น ก็ 4 ทุ่มกว่า ๆ ได้ นอนค้างคืนนึง เช้ามา ก็ตรวจพลังกัน 555

 

เมื่อถามถึง ได้นำของอะไรขอหลวงปู่ดิ่งอธิษฐานให้ ก็ มีในภาพนี่ละครับ รักษา มา 9 ปีแล้ว

ผมกลับไปบ้าน ต่างจังหวัดพบเจอ จึงนำมา ปิดในลูกอมกายสิทธิ์มหาลาภนี่ละครับ ถึงได้ สำเร็จดังหวัง....

จากการ ตรวจสอบกระแส โดยพระเกจิ และหลังจากนั้นได้ขอผู้มีจิตสัมผัสตรวจ ก็ตรงกัน

คือเป็นพลังแห่งความสงบร่มเย็น ด้านภาวนา และ เป็นความสำเร็จในการอธิษฐานขอพร...

 

รอตามตอนต่อไปครับ

 

รออ่านต่อ...

จนถึงบัดนี้

มีทั้ง กบุ่มที่เชื่อว่า หลวงปู่เทพโลกอุดรมีจริง ผมอยู่ในกลุ่มนี้

กับ กลุ่มที่ไม่เชื่อ ก็มากพอสมควร

 

รูป avatar ของคุณ konun พระผลหลวงปู่เทพโลกอุดร คล้ายๆ ของพระหลวงปู่กอง วัดสระมณฑลเลย เคยได้รับมาสององค์ แจกเขาไปหมดแล้ว สนใจเรื่องหลวงปู่โลกอุดรเหมือนกันครับ ขอติดตามอ่านด้วย

 

ช่วงที่ได้พระวังหน้าใหม่ๆ อะไรดีหมดผมก็ เชื่อนะ ท่านมีจริง

บางครั้งไปหา พระเกจิดังๆ ศิษย์ท่านยังมาทักเลย มีอาจารย์ดีนี่ เขาบรรยายลักษณะ มาเลย นั่งบนตอไม้ (เขาไม่รู้จักปู่เทพ)

จนช่วงมีทุกข์มาก ใจเริ่มเสื่อมศรัทธาละครับ เริ่มไม่เชื่อแล้ว

จน ได้รับการยืนยันจากครูบาอาจารย์ เช่นปู่เหิร ซึ่งจะเล่าละเอียดต่อไป และ หลายๆท่านที่ผม มั่นใจ

มั่นใจจากอนุสาสนีปาฏิหารย์ ไม่ล่อให้เรางมงาย นั่นละครับ

และวิธีให้เราเข้าถึงท่าน

ที่เขียนมา ผมพยายามสอดแทรกคำสอน สาระ และการเข้าถึงทีละนิดๆ เพราะอย่างที่บอก หลวงปู่อยู่วัดไหน พบท่านยังไงยังไม่รู้เลย 555

 

ปาฏิหาริย์ มี ๓ อย่าง คือ

1.อิทธิปาฏิหาริย์ ฤทธิ์เป็นอัศจรรย์

2.อาเทสนาปาฏิหาริย์ ดักใจเป็นอัศจรรย์

3.อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คำสอนเป็นอัศจรรย์

อิทธิปาฏิหาริย์ คือ การแสดงฤทธิ์ได้ เช่น คนเดียวเป็นหลายคนก็ได้ เป็นต้น

อาเทสนาปาฏิหาริย์ คือ สามารถรู้ใจผู้อื่นได้ว่าผู้นั้นคิดอย่างไร

ส่วน อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คือ คำสอนของพระพุทธเจ้าที่แสดงกับเหล่าสาวก อันสามารถทำให้ละกิเลสประการต่างได้

อนุสาสนีปาฏิหาริย์เป็นเลิศ ประเสริฐที่สุดครับ ดังนั้นถ้าจะกล่าวว่า สุดยอดปาฏิหาริย์ของพระพุทธเจ้าคืออะไร ก็ต้องกล่าวว่า อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คือ สุดยอดปาฏิหาริย์ของพระพุทธเจ้า เหตุผลเพราะว่า อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ ไม่สามารถสละขัดเกลา และละกิเลสได้เลย จึงไม่ใช่ปาฏิหาริย์จริงๆ ครับ แต่ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คือ คำสอนของพระพุทธเจ้าที่สอนสาวกให้รู้ว่าสิ่งใดมีโทษ สิ่งใดไม่มีโทษ สิ่งใดควรเจริญ ไม่ควรเจริญ สิ่งนี้เป็นกุศล สิ่งนี้เป็นอกุศล หนทางนี้คือทางดับกิเลส คือ อริยมรรค การสอนด้วยพระธรรมทีเป็นสัจจะนี้เองที่สามารถให้สาวก หรือ ผู้ที่ได้ฟัง ละ สละ ขัดเกลากิเลส และมีปัญญาถึงการดับกิเลสได้ นี่คือ ปาฏิหาริย์สูงสุด เพราะว่ากิเลสเป็นสิ่งที่ละยาก การละกิเลสได้จนหมดสิ้นด้วยพระธรรม จึงเป็นสิ่งที่เป็นปาฏิหาริย์สูงสุดครับ

ที่มา

https://www.dhammahome.com/webboard/topic/26294