นิทานสนุก..พระเครื่องและเครื่องราง (นิมิตรอัศจรรย์...รุ่นครอบจักรวาล)

กำเนิด ส้มป่อยพลิกฟ้า

ผู้บูชาตะกรุด 9 ขึ้น 9 ปัดจะได้รับส้มป่อยไปแล้ว ส้มป่อยนี้ไม่ธรรมดาเพราะเป็นส้มป่อยเขาเสกพร้อมพิธีพลิกฟ้า

ทางเหนือจะนำแช่น้ำ ปะพรมเป็นน้ำมนต์รึอาบ ถือเป็นไม้มงคล ซึ่งที่มาของสิ่งนี้คือ ตำนานทรพี ทรพา

นิทานจากพรหมจักร ชาดก ชาดกล้านนาเรื่อง "อุสสาบารส" กล่าวถึง เรื่องของส้มป่อยว่า ครั้งหนึ่ง มีควายชื่อทรพี คิดอยากเอาชนะพ่อ จึง ท้าชนทรพาผู้พ่อ ทั้งสอง ต่อสู้กันจนเวลาล่วงเลย ฝ่ายทรพีเพลี่ยงพล้ำถูก ทรพาไล่ขวิดจนถอยร่น ไปไกล ขณะนั้นเองทรพี ได้ถอยไปชนต้นส้มป่อยที่กำลังออกฝักอยู่ ด้วยกำลังที่ชน อย่างแรงทำให้ฝักส้มป่อยหล่นลงมาถูกหัวทรพี ทันใดนั้น กำลังที่เคยอ่อนล้าหมดแรง เกิดฮึกเหิมเพิ่มขึ้น ได้ทีทรพี จึงถาโถมเข้าชนทรพาอย่างเมามัน ผู้เป็นพ่อเสียที หมด แรงถอยไปชนต้นมะขามป้อม ลูกมะขามป้อมหล่นถูกหัว เรี่ยวแรงที่อ่อนล้ายิ่งหมดไป จึงถูกทรพี ผู้เป็นลูกฆ่าตาย ในที่สุด เรื่องนี้อาจเป็นต้นเหตุหนึ่งของความเชื่อในอนุภาพ ของน้ำส้มป่อย
ในวรรณกรรมชาดกเรื่อง "ปุณณนาคกุมาร" ตอนที่ ปุณณนาคกุมารเข้ากราบทูลพระบิดาเพื่อขออนุญาตทิ้ง สภาวะอันเป็นนาคให้กลายเป็นมนุษย์ พระบิดาทรงอนุญาต และได้ประทานขันทองคำให้ ๑ ใบ แล้วให้หาส้มป่อยให้ได้ฝัก ที่มี ๗ ข้อ จำนวน ๗ ฝัก เอาแช่ในขันที่มีน้ำจาก ๗ แม่น้ำ และ ๗ บ่อ นำไปที่ฝั่งแม่น้ำใหญ่ เสกคาถา ๗ บท จำนวน ๗ คาบ ถอดคราบออก และอาบน้ำมนต์พร้อมสระเกล้าดำหัว จากนั้นเอาคราบนาคนั้นใส่ในขันทองคำไหลลงน้ำเสียจึงจะ เป็นคนโดยสมบูรณ์ การใช้ส้มป่อยที่ปรากฏในเรื่องนี้ ก็แสดง ให้เห็นถึงความเชื่อในคุณสมบัติของส้มป่อยอีกเรื่องหนึ่ง

ที่มา

https://www.m-culture.go.th/young/ewt_news.php?nid=215&filename=index

ผู้ติดตามการปลุกเสกสายผมมา คงจะเห็นหลังการปลุกเสกจะมีการนำน้ำมนต์แช่ส้มป่อย ปะพรมวัตถุมงคล จึงถือว่าสำเร็จ นั่นละครับสำคัญตรงนี้


และในบรรดาส้มป่อยที่ดีที่สุดต้องเป็น ส้มป่อยเดือน 5 (ทางเหนือ)

คือจะเป็นฝักงาม ตามที่ส่งไป เรียกว่า ปีนึง ได้แค่ครั้งเดียว ต้องสั่งกันเลยครับ... หากเป็นเดือนอื่น จะฝักเล็ก ด้านอานุภาพเขาว่า จะน้อยกว่าส้มป่อยเดือน 5 (คล้ายๆ น้ำผึ้งเดือน 5 ) แต่เป็นเดือน 5 ทางเหนือนี่สิ การนับเดือนจะต่างกัน และต้องมาผ่านกรรมวิธีรักษาอีกที

คุ้มค่ามากครับ แช่น้ำอาบ ล้างหน้าเลย ฝักเก็บไว้ได้ ใช้ได้อีกหลายครั้ง หากไม่ใช่แล้ว แกะเม็ดปลูกเลย 55

 

อำนาจแห่งวิชาสายปราบ.....

การสร้างตะกรุดแต่ละรุ่นที่เป็นสายปราบ ผมเคยสงสัยแล้วอาศัยอำนาจจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด

เพราะตามครูบาอาจารย์สายอริยเจ้าอย่างหลวงปู่เหิรบอกมา แน่นอน พระรัตนตรัยยิ่งอำนาจพุทธคุณ แน่นอนไม่เคยปราบทำร้ายใคร มีแต่ใช้เมตตาจิต

แม้พญามารมารังควานในบทพาหุง ซึ่งกล่าวไว้ พญามารก็แพ้ด้วยอำนาจพุทธบารมี จากแม่พระธรณีบีบมวยผมเกิดสายน้ำพัดพาพญามารไป ซึ่งกล่าวในบทพาหุงบทแรก...

ในภาพ คือตำราของปู่ฤาษีวาโย ผู้ให้กำเนิดตะกรุดพญาจักรวรรติราชปราบพิภพทั้ง 4 ที่เป็นตำนานไปแล้ว


หลังจากแปลออกมา ที่ปรึกษาได้ขยายความให้ฟัง กล่าวถึงตำนาน อาฬวกยักษ์

ซึ่งกล่าวในบทพาหุง บทที่ 2 นั่นเองดังนี้

มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง
โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง
ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ



อาฬะวะกะยักษ์ผู้มีจิตกระด้าง ปราศจากความยับยั้ง
มีฤทธิ์ใหญ่ยิ่งกว่าพระยามาร เข้ามาประทุษร้ายอยู่ตลอดรุ่ง
องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ ด้วยขันติบารมี
ด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา

ที่มา
https://trang82.wordpress.com/2010/09/04/พุทธประวัติ-ตอน-โปรดอาฬว/

ในสายมหาปราบสร้างเทพอาวุธ หรือมีดหมอเป็นต้น ก็ได้กล่าวถึง อาฬวกยักษ์ ในบทคาถามีดหมอ ด้วย

สักกัสสะวชิราวุธธัง เวสสุวัณนะสะคะธาวุธธัง อาฬาวะกะสะธุสาวุธธัง ยะมะสะนัยนาวุธธัง นารายยะสะจักกะราวุธธัง ปัญจะอาวุทธานัง เอเตสังอานุภาเวนะ ปัญจะอาวุธธานัง ภัคคะภัคขา วิจุณนัง วิจุณาโลมังมาเมนะ พุทธะสันติ คัจฉะอะมุมหิ โอกาเสติฐาหิ"

ซึ่งพระคาถานี้รวมอาวุธห้าประการที่ถือว่ามีอิทธิฤทธิ์ คือ


1)...วชิราวุธอาวุธประจำกายพระอินทร์ที่ปราบมารร้ายและอสูร
2)...ไม้เท้ากระบองที่ยันกายขององค์ท้าวเวสสุวรรณ อันเป็นเจ้าแห่งภูตผีทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นผีอะไรต้องเกรงกลัวท่านท้าวเวสสุวรรณทั้งนั้น
3)...ผ้าแดง ของอาฬาวะกะยักษ์ ที่พ่ายแพ้แก่บารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผ้าแดงนี้เป็นอาวุธที่ร้ายแรงตามที่โบราณกล่าวว่าถ้าผ้าผืนนี้ตกลงบนพื้นพิภพแห่งใดจะไหม้เป็นจุณและปลูกอะไรไม่ขึ้นจนตลอดกาล
4)...นัยเนตร ของท่านพญายมราช ที่เพ่งแล้วภูตผีทั้งหลายจะมอดไหม้ไปเป็นจุลมหาจุล
5)...กงจักร ของพระนารายณ์ ตามลัทธิพราหมณ์ถือว่ากงจักรของพระนารายณ์นี้ปราบได้ทั้งสวรรค์ อสูร และใต้บาดาล มีอิทธิฤทธิ์มากมายเหลือคณานับ

ที่มา
http://xn--72cfrlg1fdg1ffr8b6cwc4f5b5e.com/?name=blog&file=readblog&id=22

 

ตำราของปู่ฤาษีวาโย ได้กล่าวถึงที่มาของ อาฬวกยักษ์ ว่า...

โดยลงโทษจากท้าวเวสสุวรรณให้ไปสงบจิตใจบำเพ็ญภาวนาในเขตต้นไม้แห่งหนึ่ง จนกว่าจะได้พบพระพุทธเจ้าจึงจะพ้นการลงโทษนี้

ซึ่งในบทพาหุงบทที่ 2 ได้เล่าไว้ว่า พระพุทธเจ้าทรงโปรดตอบปัญหาและแสดงธรรมจนอาฬวกยักษ์ บรรลุเป็นพระอริยบุคคล จากนั้นก็พ้นจากการลงโทษนี้ ....

ประเด็นสำคัญในธรรมล้านนามีการขยายเพิ่มเติม ซึ่งที่ปรึกษากล่าวว่า ธรรมล้านนาจะถอดจากพระไตรปิฎกมาขยายความและสอดแทรกสรรพวิชาโดยปรมาจารย์โบราณซึ่ง ถอดซ่อนกลไว้ ยกตัวอย่างที่เกี่ยวข้องในตำราปู่ฤาษีวาโยดังนี้..

"ก่อนอาฬวกยักษ์จะทูลลาพระพุทธเจ้า ก็ได้มอบ มนต์สำคัญหรือครูบาอาจารย์ใช้คำว่า รหัส หรือคาถาไว้ หากเวลาจำเป็นสามารถดึงพลังหรือใช้อำนาจอาฬวกยักษ์ได้"

มนต์สำคัญนี้เองก็คือคาถา ซึ่งแน่นอนไม่ได้นำมาใช้ด้านเมตตาแน่ แต่มาใช้ด้านปราบครับ... และนำมาใช้ในการเสกตะกรุดพญาจักรวรรติราชปราบพิภพทั้ง 4

 

กำเนิดตะกรุดฟ้าสะท้านดินสะเทือน

มีเรื่องแปลกในการสัมผัสพลังของ QC ในตอนนั้นที่สร้างตะกรุดฟ้าสะท้าน QC ได้อาศัยกำลังของตะกรุดปราบพิภพแล้วสัมผัสจากภาพตอนเสกตะกรุดฟ้าสะท้านมองเห็นยักษ์ออกมา

ซึ่งตอนนั้นเองผมยังไม่ได้ลงภาพ ยักษ์ในภาพให้ QC ดู

จากการสอบถามที่ปรึกษาท่านกล่าวว่า "ใช้ได้ เขารู้ว่าเราดึงอำนาจของ อาฬวกยักษ์"

อาฬวกยักษ์ กับ พระพุทธชินราช
อสูร หรือ ยักษ์ตนหนึ่ง ซึ่งปรากฏอยู่เบื้องขวาด้านหน้าขององค์พระพุทธชินราชนั้น มีนามว่า อาฬวกยักษ์ มือทั้งสองจับผ้าโพกศีรษะ ด้วยผ้าโพกของยักษ์ตนนี้ เป็นอาวุธพิเศษประการหนึ่ง เรียกว่า ทุสสวุธ หรือ วัตถาวุธ ก็เรียก ดังปรากฏในอรรถกถา อาฬวกสูตร นั้นว่า
ทุสสาวุธ ของท่านอาฬวกยักษ์นี้ จัดเป็นอาวุธอันวิเศษสุดในโลกประการหนึ่ง ดังท่านพรรณนาไว้ว่า “เมื่ออาฬวกยักษ์โกรธ พึงปล่อยทุสสาวุธ(ผ้าโพก)ไปในอากาศ ฝนจะไม่ตกตลอด ๑๒ ปี ถ้าปล่อยไปในแผ่นดิน รุกขชาติ มีต้นไม้และหญ้าทั้งหมดเป็นต้น เหี่ยวแห้งลงแล้ว จะไม่งอกขึ้นอีก ในระหว่าง ๑๒ ปี
ถ้าปล่อยไปในมหาสมุทร น้ำจะเหือดแห้งหมด อุปมาเหมือนหยาดน้ำบนกระเบื้องร้อน ถ้าปล่อยไปที่ภูเขา แม้เช่นเขาสิเนรุ ภูเขาจะพึงกระจายออก เป็นชิ้นใหญ่ชิ้นน้อย” นี่คือความร้ายแรงของทุสสาวุธนั้น
อาฬวกยักษ์นี้ เป็นอสูรเสนาบดีของท้าวเวสสวัณตนหนึ่ง ในอดีตท่านกล่าวว่า เคยเป็นมนุษย์ที่มีโทสจริตเป็นเจ้าเรือน แต่ถึงจะโกรธร้ายกาจ ก็ยังชอบบำเพ็ญบุญกุศล มีการให้ทานเป็นต้น อำนาจแห่งทานมัยกุศล จึงส่งผลให้มีอิทธิฤทธิ์มาก แต่ด้วยโทสจริตอันร้ายกาจ จึงได้บังเกิดเป็นยักษ์

ที่มา

 

โดยสรุป ตำราการสร้างตะกรุดฟ้าสะท้านดินสะเทือน อันเป็นหมายเลข 1 ของสายนี้นั้นอาศัยอำนาจของพระยายักษ์ทั้ง 3 ท่านคือ

1.ท้าวเวสสุวรรณ

2. อาฬวกยักษ์

3. พระพิราพ

มูลเหตุที่ผมนำมาลงเพื่อโครงการในรอบถัด ๆ ไปจะเกี่ยวข้องแน่นอน โปรดติดตามได้เลยครับ... (บอกใบ้ไม่ใช่ตะกรุดเผื่อคนเบื่อตะกรุดกันแล้ว)

 

โดยสรุป ในการล้างอาถรรพ์ต่างๆ แม้เป็นอาถรรพ์สถานที่ แน่นอน หากเรามีตะกรุดดีๆ เช่นชุดตั้งแต่ปราบพิภพเป็นต้นมาในสายปราบ ย่อมสามารถอาราธนาแช่น้ำ เป็นน้ำมนต์ได้

แต่ก็นั่นละครับที่ปรึกษาเตือนว่า อย่าแช่บ่อย หรือแช่นาน เพราะแผ่นตะกรุดมาจากการหลอมชนวนเก่า ตอนท่านจารรอยนิ้วมือยังติดเลย กลัวแช่น้ำนานอาจทำให้แผ่นตะกรุดเสียหายได้

หากมี มีดหมอหรือสังขวานรเก่า ชนวนสายปราบจะตรงจุดมากกว่า

ในภาพเป็นสังขวานรเก่าแก่ อายุ 700 กว่าปีล้านนายุคต้น...

 

QC โทรมาแจ้งผลแล้วครับ พรุ่งนี้รอ QC พิมพ์มาให้

สอบถาม อีก 2 โครงการที่ไม่ใช่ตะกรุดจากวิชาทำนาย ก็ รับรองสุดๆ เช่นกัน

 

วัตถุมงคล 2 อย่างนี้ คาดว่า สิ้นเดือนนี้เสร็จครับ ซึ่ง แน่นอนตามผมแจ้งไปใช้ทุนมาก

วัตถุประสงค์

รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย พูดง่ายๆ ว่ากำไรจะเป็นทุนในการสร้างวัตถุมงคลชุดต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยสร้างและทำมา ก็คือ แหวน.....

โดยแหวนนี้จะเป็นแนว

1.ใช้วิชามหาระงับ ของปู่ฤาษีวาโย ผู้มอบตำราปราบพิภพ

2. ใช้วิชาแนว เลี่ยงโรคภัย และหากมีโรคภัยไข้เจ็บก็บรรเทา ในทางศาสตร์ครูบาข่ายเรียกว่า "ขวาดซุย...."

คือจะบอกป้องกันไม่ให้โรคภัยก็คงคุยโม้ เกินไป พระเก่งๆ ไม่มีใครไม่ป่วยไข้ แต่ผสานร่างกายได้ และครูบาอาจารย์ในสายท่านก็ อายุยืน แม้มีโรคมะเร็งก็ยังหายกันได้

แหวนนี้ แน่นอนย่อมไม่ใช่แหวนธรรมดาและมีวิชาอักขระยันต์ 4 อย่างใช้ทางนี้ซึ่งผมจะอธิบายชี้แจงต่อไป

โดยใช้ทุนมากเช่นกันจึงหวังนำกำไรจากการบูชาพระผงพระอุปคุต และมีดมาใช้ตรงนี้ครับ

ชนวนมวลสารจะมีเนื้อในตำนาน ...และเนื้อชนวนและจะนำถวายวัดหมูเปิ้งบางส่วนด้วย...

อีกนานครับ ๆ ๆ ๆ

 

บทวิเคราะห์ "ตะกรุด 9 ขึ้น 9 ปัด"

ในการอ่านกระแสครั้งเมื่อได้รับกล่องพัสดุมา ผมได้มีเวลาสัมผัสกระแสเพียงบางส่วน โดยกระแสที่จับได้จะมีการวิ่งวนและดันขึ้นยกให้สูง แต่มีกระแสบางอย่างที่ไม่ได้ถูกยกตามไปด้วย แต่กลับมาติดที่จิตแทน จึงได้กำหนดต่อไปแล้วได้ยินเสียงสะท้อนออกมาจากใจว่า "กระแสสูงหรือต่ำอยู่ที่ทำตัว" จึงเป็นปริศนาให้ขบคิดจำต้องขออ่านกระแสอีกครั้งในช่วงกลางคืน


ครั้นถึงเวลากลางคืนหลังได้ลงกรรมฐานสักพัก จึงกำหนดขอบารมีครูบาอาจารย์เพื่ออ่านกระแสอีกครั้ง ได้พบกระแสก่อตัวรอบๆ ข้าง แต่กระแสที่ก่อจะเป็นรูปแบบเหมือนเจดีย์ ที่ฐานจะกว้างแต่ช่วงบนจะค่อยๆ แคบ ครั้งนิมิตเป็นเช่นนั้น ในจุดปลายสุดของกระแสที่วนนั้น มีกระแสนึงพุ่งขึ้นตรงกลางไปเบื้องบน เหมือนดั่งฟ้าเปิดทาง ทุกสิ่งอย่างรอบตัวสว่างไสวไปหมด แต่ที่แปลกคือกระแสวนไม่ได้สลายไป แต่กลับยังคงวนอยู่รอบๆ ตลอด โดยที่มีความเร็วและรูปแบบของกระแสที่เบาและช้าเป็นธรรมชาติ ไม่เร่งรีบ กลมกลืนกับทุกสรรพสิ่ง เรียกว่ามองแล้วเหมือนไม่มีแต่มี ดังนั้นผลจากกระแสผมของสรุปรูปแบบการให้ผลของตะกรุดเป็นดังนี้

• ในส่วนของกระแสที่พุ่งเปรียบดั่งการเปิดทางให้กับผู้บูชา เป็นการแผ้วถางปัญหาและอุปสรรคให้หมดไป หรือไม่ก็จะเห็นถึงต้นตอของปัญหาได้อย่างไม่ยากเย็น แล้วปรับแก้ให้ถูกจุด
• ในเรื่องของการคุ้มครองป้องภัย ด้วยกระแสออกไปในแนวทาง ไปมาไร้ร่องรอย เรียกว่าไม่เพียงแต่ป้องกันปกติแล้ว ศัตรูยังถูกปิดบังอำพราง หรือถูกเบียงให้มองไม่เห็น หาไม่พบ
• สำหรับกระแสที่วนรอบๆ ประสานกับธรรมชาติรอบตัว ด้วยจิตของผมเอง บอกว่าเป็นกุศโลบายของผู้สร้างเสกที่มีภูมิจิตและภูมิธรรมที่สูง ได้จัดกระแสไว้ให้ เพราะคนเราในการดำเนินชีวิต บางคนก็ประมาท บ้างก็ไหลตามกระแสของกิเลสไม่รู้จบสิ้น กระแสนี้การเสกนี้จึงเป็นเหมือนสภาวะทางธรรมที่ท่านได้จัดไว้ให้ ไว้เมื่อใดที่เราสามารถปลดเปลื้องภาระต่างๆ หมดไปได้แล้ว ดั่งเวลาฟ้าเหมือน ก็อย่าได้หลงระเริงไปกับความสำเร็จที่มันเป็นพียงมายาชวนให้หลงใหลคล้อยตามไม่มีทางสิ้นสุด แต่ควรที่จะหันกลับมามองตัวเอง พัฒนาตนเองให้ดีขึ้นยิ่งๆ ไป ยกจิตและธรรมให้สูงขึ้น ถ้าผู้ใดเข้าใจหลักการของกระแสนี้แล้ว จะสามารถบรรลุในทางธรรมได้ไม่ยากเย็นนัก

ดังนั้นในการวิเคราะห์กระแสนี้โดยจิตยังมีความรู้อีกมากมายให้ค้นหา รวมถึงแนวทางในใช้ที่อัศจรรย์อีกมาก ถึงกับต้องถามใจตัวเองเลยว่าทำได้ขนาดนั้นเลยหรือ ว้าวววววววว.......... แต่ด้วยอยากให้ผู้บูชาทุกท่านที่ได้ไป พยายามพัฒนาเข้าถึงด้วยปัญญาของตนเองจะดีที่สุด เพราะตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ครับ ทุกสิ่งอย่างเป็นเพียงมายาทางจิตเท่านั้น ไขว่คว้าฉุดรั้งไปเรื่อยๆ ท้ายที่สุดก็เป็นเพียงความว่างเปล่า

 

ด้านชนวนมวลสารบอกได้ว่ามีเหล็กยอดฉัตร ยอดเจดีย์ เหล็กสังขวานรเจดีย์ แร่กายสิทธิ์ เหล็กน้ำพี้ เหล็กช่อฟ้า ส่วนของวัดใดที่ใดตอบได้แบบส่วนตัวเท่านั้น แต่ระบุสถานที่ได้ชัดเจนแน่นอนครับ มีรูปภาพเก็บไว้พร้อม

แต่เปิดเผยออกอากาศไม่ได้ตามเล่า

การผสมผสานชนวน แน่นอน ต้องไปทำที่อุตรดิตถ์ เพราะช่างบอกว่าเดี๋ยวนี้หาที่ทำได้ยากแล้ว เขานิยมไปตีมีดเหล็กลายกันหมด เหล็กลายเรารู้กันว่าราคาแพงมาก นิ้วละหลักพันเลย และนิยมไปตีแบบเหล็กน้ำพี้กันด้วย ได้ราคาดีกว่า

ดังเคยเล่า หัวหน้าเซลแมนมาคุยโว ได้ช่างตีมีดดาบชื่อดัง มาโวว่าเขานับถือพระดัง (ใครจะบอกไม่นับถือพระดังละวะ55 แต่พระดังไม่ได้เกี่ยวกับหัวหน้าเซลแมนเลย แค่อ้างชื่อ) แต่เสี่ย ว.รู้เบื้องหลังช่างคนนั้นว่า มีปัญหานิยมย้อมแมวขาย

ถามว่ารู้ได้ไง ตามเล่าเราไปมาก่อนหัวหน้าเซลเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว ผู้เปิดเผยก็ตีแบบน้ำพี้แท้ๆ มาให้เราหลายเล่ม และตรวจสอบมาแล้ว 55

ผู้ตรวจสอบคือหลวงปู่ประหยัด และหลวงปู่เหิร ถามว่าหัวหน้าเซลเก่งกว่า 2 หลวงปู่ไหมคงไม่ติดขี้เล็บท่าน (ขี้โม้นักให้โดนหลอกต่อไป) ยิ่งบริวารหัวหน้าเซลยิ่งไปกันใหญ่ ส่องนิมิตรส่องพลังมั่ว มิน่าคบกันได้

นั่นละครับ ของแท้ๆ ทำจริงๆ เราผู้บริโภคมักเห็นตอน พร้อมขายแล้ว แต่เบื้องหลังการผลิตเรามักไม่ได้เห็น

 

แหวนที่จะสร้างถวายวัดในอนาคต ได้คิด CONCEPT คือ

1.ใช้วิชามหาระงับตามตำราฤาษีผู้มอบวิชาปราบพิภพ ในตำรามหาระงับก็ยกตัวอย่างง่าย ๆ ป้องกันการทะเลาะเบาะแว้ง หรือคดีความ และระงับเหตุวุ่นวายต่าง ๆ

2. การเลี่ยงโรคภัยซึ่งแนวทางฤาษีจะอธิบายต่อไปตามที่ครูบาข่ายสอน ไม่ได้บอกว่า ป้องกันโรคนะครับ เกิดแก่เจ็บตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ พระเกจิก็ยังมีป่วยไข้ แต่อาจนานๆ ทีและบรรเทาร่างของท่านได้ แบบเจ็บหนักให้เบาหายป่วยเร็วเป็นต้น

แน่นอน แหวน นอกจากเป็นเครื่องรางก็เป็นเครื่องประดับ จึงจะหาเนื้อแหวนที่ขลังและสวยกันต่อไป ในศาสตร์แห่งเนื้อโลหะ...ฯลฯ

คาดว่าปลายปีนี้ละครับถึงเป็นรูปเป็นร่าง....

 

ในภาพ ไม้ที่จะบรรจุในด้ามปากกาเป็นไม้ประดู่โบสถ์นะครับ

ใบกริชจะไปยิงเลเซอร์ โค้ดและคาถาที่ต่างจากรุ่นแรก...

การบรรจุด้ามจะใช้กาวอีพอคซี่ผสมผงมวลสารต่างๆ

มวลสารจะต่างจากพระผงมี ผงมวลสารลับด้วยที่ใช้สร้างของสำหรับผู้ฝึกจิต

เราเรียกว่า ผงพลังงานฯ.....

 

ประสบการณ์จากผู้บูชารุ่นแรกเมื่อ 2 ปีก่อนครับ เรียกว่าใช้เป็นของประจำตัวได้เลย

 

จองพระอุปคุต 2 องค์ครับ

 

ขณะนี้ ยอดจองสามารถทำแหวนได้ตามต้องการแล้วครับ ประมาณ 50 วงขั้นต่ำ

จากที่คุยกับช่างการทำแหวนมีปลีกย่อยจุกจิกดังนี้

1. การออกแบบแหวน ขณะนี้รอที่ปรึกษากำหนดนิมิตรจากครูบาอาจารย์โดยจะไม่ทำแบบใหญ่เกินไป ให้ ชาย ก็ใส่ได้ ญ ก็ใส่ได้

รูปแบบต้องสวยไว้ก่อน ไม่สวยไม่เอา...และสอดรับกับ CONCEPT แน่นอนเราจะไม่ทำแหวนรูปพระ เพราะ จะไม่อาศัยกำลังแนวพุทธคุณ คือมีแต่ไม่มาก เป็นแนวเทา ๆ เช่นเดิม 55 และที่สำคัญแหวนรูปพระ จะลำบากใจในชีวิตประจำวันทางโลก เช่นล้วงกระเป๋ากางเกง ก็เกรงใจ หรือเข้าห้องน้ำ ธุระส่วนตัวที เกรงใจพระอีก

2. แหวนมีปัญหาเรื่องขนาด แน่นอนครับ ลองวัดขนาดนิ้วไว้ได้เลยครับ จากประสบกาณ์ผู้ชอบสะสมแหวนพระจะมีปัญหาดังนี้

- นิ้วคนเรามีการขยายบางเวลา เช่นเช้าอาจคับ บ่ายอาจหลวม จึงแนะนำ หลวมดีกว่าคับ เพราะถ้าคับ จริง ๆ ไปขยายขนาดได้ที่ คลีนิคอัญมณี ไม่กระทบความขลังครับ หากหลวม พันด้ายที่แหวนหรือสั่งทำปลอกได้ หรือกลัวยุ่งยากสั่งหลายวง เรียงขนาดไปเลยครับ 55

3. ดังกล่าวแหวนเป็นเครื่องประดับ จึงจะให้สวยไว้ก่อนและแน่นอน เมื่อใส่โดนเหงื่อ หรือโดนน้ำ สีย่อมมีการเปลี่ยน จึงพยายามให้ผิวเนื้อธรรมชาติที่นานไปก็ยังสวยอยู่ อาจดำคล้ำก็ให้เงางาม

แน่นอนชนวนจัดเต็มแต่ คำนวณตามสูตรเนื้อด้วย

ในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีโรงหล่อ พัฒนาไปมาก มีการใช้น้ำกรด น้ำยาแต่งผิว หรือรมดำให้สวยได้ แต่แน่นอน เมื่อเป็นแหวนนานไป การรมดำ น้ำยาก็จะหลุดลอกเห็นเนือในจริงๆ อาจตกใจได้ เหมือนทองเหลืองไร้ราคาหรือทองแดงเก่าไม่สวย

แน่นอน ฝ่ายเราต้องทำให้ดีถึงเนื้อในมิใช่ย้อมแมวขายแน่นอนครับ

ในภาพ เป็นตัวอย่างเนื้อชนวนผิวรุ้ง ซึ่งรุ้งเกิดจากการพ่นไฟและใส่ชนวนเงินไปโดย ปฏิกิริยากับเงินและชนวนอื่นจะทำให้ผิวสีรุ้ง นานไปโดนเหงื่อน้ำ ก็จะคล้ำและดำเงาสวยครับ

ยังอีกนานครับ รอดูแบบก่อน

 

ตื่นมาตกใจ ข้อความจองแหวนเพียบ

ยังไม่เปิดจองครับ รอดูแบบก่อนคาดว่า กลางเดือนหน้าหรือปลายเดือนหน้าละครับ

เป็นโครงการคิดคร่าวๆครับยังอีกนาน

แหวนจะให้ไม่ใหญ่เทอะทะ ให้ชายก็ใส่ได้ ญ ก็ใส่ได้

ชนวนมีแล้วเพียบครับ

ติดตามได้เรื่อยๆครับ

 

สัมภาษณ์คนพื้นที่มาแล้ว ทุกเรื่องผมได้บอกไปแล้ว เล่ห์เหลี่ยมในวงการแต่ไม่บอกมาก เดียวโดนกระทืบเอา

หมดรุ่นนี้ อาจปิดเกมเลยครับ เพราะช่างก็จะเลิกตีมีดกันแล้ว

ต้นทุน กำไร ใครก็อยากได้เงินมาก ๆ เราต้องเข้าใจครับถ้าทำเองจะรู้เลยไม่คุ้ม