นิโรธสมาบัติที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร ?

นิโรธสมาบัติที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร ? แล้วที่พระหลายๆรูปในปัจจุบันท่านปฏิบัติกันจนดังเป็นพลุใช่นิโรธสมาบัติหรือไม่ คำว่านิโรธสมาบัติกับนิโรธกรรมต่างกันอย่างไร ?
และถ้าหากผู้ที่กำลังปฏิบัตินิโรธกรรมรู้ทั้งรู้อยู่ว่านิโรธกรรมไม่ใช่นิโรธสมาบัติ แต่ก็ยังน้อมจิตปรารถนาอยากให้ใครๆเข้าใจว่านิโรธกรรมกับนิโรธสมาบัติเป็นอันเดียวกัน และให้ผลเหมือนกัน อะไรจะเกิดขึ้นกับพระรูปนั้น ทั้งๆที่รู้อยู่
เป็นคำถามในใจของผมนะครับ ท่านผู้รู้ช่วยช้แจงแถลงไขให้กระผมได้คลายสงสัยด้วยนะครับ ขอบพระคุณมากมายครับ สวัสดีครับ

 

นิโรธสมาบัติที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร ?


นิโรธสมาบัติ (อ่านว่า นิโรดสะมาบัด, นิโรดทะ- ) แปลว่า การเข้านิโรธ, การเข้าถึงความดับ หมายถึงการเข้าถึงความดับสัญญา (ความจำ) และเวทนา (ความรับอารมณ์) ทั้งหมด ซึ่งสามารถดับได้ถึง 7 วัน เรียกว่าเข้านิโรธสมาบัติ เรียกย่อว่า เข้านิโรธ เรียกเต็มว่า เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ
นิโรธสมาบัติ ต้องเป็นพระอรหันต์และพระอนาคามีผู้ได้สมาบัติ 8 จึงจะสามารถเข้าได้ ถือกันมาว่าผู้ได้ถวายอาหารแด่พระสงฆ์ผู้ออกจากนิโรธสมาบัติมื้อแรกจะได้รับอานิสงฆ์ในปัจจุบันทันตา ท้งนี้เพราะเป็นอาหารมื้อสำคัญหลังจากที่ท่านอดมาถึง 7 วัน ร่างกายจึงต้องการอาหารมากเป็นพิเศษ


อ้างอิง

• พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548

แล้วที่พระหลายๆรูปในปัจจุบันท่านปฏิบัติกันจนดังเป็นพลุใช่นิโรธสมาบัติหรือไม่ คำว่านิโรธสมาบัติกับนิโรธกรรมต่างกันอย่างไร ?

ที่ประกาศ ส่วนใหญ่เป็นนิโรธกรรม....

ต่างกันตรงที่นิโรธกรรม พวกพระโพธิสัตว์เข้าได้....เป็นการอยู่กรรม(เข้ากรรม...ภาษาทางเหนือ)....หรือบำเพ็ญสมาธิฌาน.....ออกจากนิโรธกรรมแล้ว...โปรดญาติโยมเป็นหมู่คณะ....นิโรธสมาบัติ จะโปรดเฉพาะคน....นิโรธสมาบัติ น้ำก็ยังไม่ดื่ม นิโรธกรรมดื่มน้ำได้......นิโรธกรรมเป็นประเพณีนิยมของสายครูบา แห่งล้านนาไทย.....

และถ้าหากผู้ที่กำลังปฏิบัตินิโรธกรรมรู้ทั้งรู้อยู่ว่านิโรธกรรมไม่ใช่นิโรธสมาบัติ แต่ก็ยังน้อมจิตปรารถนาอยากให้ใครๆเข้าใจว่านิโรธกรรมกับนิโรธสมาบัติเป็นอันเดียวกัน และให้ผลเหมือนกัน
ก็ตามที่บอกไป.....ส่วนใหญ่ท่านก็บอกนะว่านิโรธกรรม...ท่านไม่ได้พูดว่าเป็นนิโรธสมาบัติ.....

อะไรจะเกิดขึ้นกับพระรูปนั้น ทั้งๆที่รู้อยู่
เป็นคำถามในใจของผมนะครับ
ไปสนใจอะไรท่าน....เป็นหน้าที่ของคุณหรือ.....คุณต้องคิดนะว่าอย่างน้อยไม่ได้เลยพระท่านเหล่านั้นก็ยังเป็นผู้ที่ปฏิบัติได้.....อย่างไม่ได้ก็ได้รูปฌานเป็นอย่างน้อย...ว่าจาท่านทั้งหลายเหล่านั้นมีความศักดิ์สิทธิ์เพราะว่าท่านสามารถรักษาสัจจะของท่านได้ในตอนปฏิบัติ.......คุณท่านมีอยู่......คุณจะไปติดใจอะไรครับ.......ถามว่าอย่างน้อยท่านที่มาตักบาตรท่านก็ยังได้อานิสงค์....คุณไม่ได้ทำแถมไปปรามาส.....เดี๋ยวก็เอากรรมปรามาสไปกินก่อนเลย.....

ท่านผู้รู้ช่วยช้แจงแถลงไขให้กระผมได้คลายสงสัยด้วยนะครับ ขอบพระคุณมากมายครับ สวัสดีครับ

 

เหอๆ ครับ ไม่ใช่เรื่องของผมหรอกครับ แต่ทว่าจะว่าไม่ใช่ก็ไม่น่าถูกอีกครับ เพราะว่าท่านให้รู้จักเลือกเนื้อนาบุญครับ อืมหากนาบุญเป็นนาที่ขาดปุ๋ยขาดน้ำข้าวกล้าที่หว่านลงไปคงตายหมดไม่มีเหลือหลอกครับ มันจึงเกี่ยวกับผมครับ คำตอบของท่านที่ตอบกระผมตรงแบบกระทุ้งครับ ขอบพระคุณมากๆนะครับที่ตอบ เออแล้วคำว่าปรามาสเนี่ยเขาวัดกันตรงไหนครับ คำถามของผมกระทบผู้ใดหรือครับผม เหอๆๆๆๆๆ

 

คำถามนะครับ
ถ้าหากผู้ที่กำลังปฏิบัตินิโรธกรรมรู้ทั้งรู้อยู่ว่านิโรธกรรมไม่ใช่นิโรธสมาบัติ แต่ก็ยังน้อมจิตปรารถนาอยากให้ใครๆเข้าใจว่านิโรธกรรมกับนิโรธสมาบัติเป็นอันเดียวกัน และให้ผลเหมือนกัน อะไรจะเกิดขึ้นกับพระรูปนั้น ทั้งๆที่รู้อยู่

อ่านหลายๆรอบแล้วค่อยตอบนะครับ

 

ก็อยากรู้ที่มา อยู่เหมือนกัน เพราะ คำว่า นิโรธกรรม ยังไม่เคยได้ยิน จากพระไตรปิฏก หรือ วิสุทธิมรรค เลย

หรืออาจหา จะไม่ทั่วถึงก็เป็นได้ ... หรือ เป็นศัพย์ที่บัญญัติขึ้นมาใหม่ ก็ไม่แน่ใจนัก ...

ส่วนนิโรธสมาบัติ นี่ คิดว่าทุกท่าน คงพอทราบ กันหมดแล้ว เพราะเป็นนักปฏิบัติ ..

 

ขอบคุณค่ะ

เข้าใจยากจัง

 

อาจกล่าวได้ว่าไม่มีครับ...เป็น คำที่บรรญัติขึ้นใหม่....ไม่กี่ร้อยปีได้มั้ง....เริ่มต้นที่ดังจริงๆคือ...เป็นข้อวัตร การบำเพ็ญบารมีพิเศษของครูบาเจ้าศรีวิชัย....นักบุญแห่งล้านนาไทย......ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะตัวของท่าน.....ต่อมาศิษย์รุ่นหลังเลยเจริญรอยตาม......เรื่องนี้ผมไม่ทราบว่ามีมาก่อนท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยท่านไม....แต่ที่รู้ๆ...ครูบาเจ้าท่านทำเป็นปกติส่วนตัวท่าน......ไม่ได้ไปเกี่ยวกับใคร......ซึ่งการปฏิบัตินิโรธกรรมนี้หลายข้อจะอยู่ในส่วนของ ธุดงค์วัตร 13 ข้อ ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านบัญญัติไว้...จะทำหรือไม่ทำก็ได้.....ไว้เฉพาะท่านที่ต้องการจะบำเพ็ญให้หนักเพิ่มขึ้นไป.....

บางก็ใช้เป็นการปฏิบัติเช่นเดียวกับการปฏิบัติธุดงค์เป็นหมู่คณะ...เพื่อการปฏิบัติที่เข้มขึ้นไปกว่าที่ปฏิบัติปกติ....

บางสิ่งบางอย่างเราจะเอาคำไปเทียบในพระไตรเลยนั้นอาจไม่มี....คำบางคำอาจมีในยุคของพระอรรถกถา(ยุคของวิสุทธิมรรค) แล้วก็มีมาในยุคหลังอีก เราต้องเอาเนื้อความที่ท่านทำไปเทียบกันดูอีกที.......

 

ก็หมายความว่าพระรูปนั้น ยังติดในลาภสักการะ อยากได้ลาภสักการะ
แต่ส่วนมากผมคิดว่าเกิดจากความสับสน ของคนทั่วไปมากกว่า คิดว่าเป็นอันเดียวกัน เพราะอยากรวยทางลัด แบบข้ามคืนครับ

 

บางท่านท่านก็ทำเงียบของท่าน...ไม่ได้บอกให้ใครรู้....แต่ตัวดีคือลูกศิษย์ไปประกาศ(คือพระท่านต้องฉันน้ำที่กรองด้วยผ้าขาวเจ็ดครั้งเป็นต้น...ต้องมีลูกศิษย์อยู่ดูแล).....เรื่องเลยดัง.....

ก็อย่างว่าใครก็อยากได้บุญกับพระปฏิบัติดีใช่ไมครับ......เรื่องมันก็เลยดัง......อย่างนี้.....

แต่สมัยนี้ที่ประกาศขึ้นป้ายเลยว่าจะเข้าวันนี้ถึงช่วงนี้เลย...เป็นวันๆไป......อันนี้ผมไม่ศรัทธาเท่าสมัยที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยท่านทำ.....เพราะมันไม่เหมือนกับท่านทำในอดีต...ครูบาเจ้าท่านทำท่านไม่ขึ้นป้าย...ไม่บอกใคร...บอกเฉพาะศิษย์ใกล้ชิดที่ดูแล..แต่กลิ่นศีลมันห้ามไม่ได้...มันหอมฟุ้งไปใกล...ศรัทธาเลยมาล้นวัด.......ถ้าทำอย่างสมัยนี้จะเป็นที่ติฉินนินทาได้ว่าท่านต้องการลาภสักการะอย่างที่ว่า........

ทางที่ดีเลยบอกไว้เลยเผื่อท่านที่ไม่รู้จริงจะได้รู้ และ จะได้เข้าใจ ไปปรามาสท่านได้....

 

เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องแปลกใหม่กับพุทธศาสนิกชน ภาคอื่น.......แต่อาจเป็นเรื่องปกติสำหรับพุทธศาสนิกชน ทางภาคเหนือ......

น้อยนักที่จะพูดถึงเรื่องนี้ เพราะคนรู้จักกันน้อย.....

บางสิ่งบางอย่างสื่อที่เขาไม่รู้จัก...โดยเฉพาะสื่อทางภาคกลาง.....ก็จะใช้คำว่า นิโรธสมาบัติ หรืออาจตีความกันไปเลยว่าเป็นนิโรธสมาบัติ ทำให้เข้าใจผิดกัน.....เรื่องนี้ให้ทราบแน่ชัด.....ต้องไปถามท่านด้วยตัวเอง....

ส่วนใหญ่จะรู้จักแต่นิโรธสมาบัติ....

 

อนุโมทนา พี่ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Phanudet<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3808895", true); </SCRIPT> ครับ ได้ความรู้ใหม่มากเลย

 

ก็แค่ไถยจิต ของพระรุ่นใหม่สมัยนี้ที่ชอบอวดดี เท่านั้นครับ จะมาจากไหน ใครทำ
ใครบัญญัติ อ้างใครผมไม่สนหรอก
คนสมัยนี้กลัวผ้าเหลืองจะช้ำ ถูกก็ว่าถูก ผิดก็ว่าผิด พระไตรปิฏก ก็หัดอ่านซ่ะบ้าง
จะได้ฉลาด มัวแต่อ้างกันสืบๆมาว่า ท่านผู้นั้นผู้นี้กล่าว ดีบ่ดัง ดังบ่ดี ก็เท่านั้น
จะมัวไปชื่นชมความดี ของคนอื่นอยู่ทำไม ? คงลืมกันไปแล้วว่าตัวเองก็ดีได้
มัวแต่ไปยึดติดผู้นั้น ผู้นี้เสียเวลาปฏิบัติตนเองให้ดี....อย่าเสียเวลาเลย

 

กระทู้นี้นะครับหากท่านผู้ตอบไม่ลำเอียงจะสามารถแก้ความเห็นผิดให้กับผู้หลงผิดได้นะครับ แต่ถ้าเกิดความลำเอียงขึ้นมาก็ตัวใครตัวมันครับ ผมไม่ได้ติดใจและเคียดแค้นผู้ใดหรอกครับผม แต่ก็อย่างที่บอกนะครับหากตอบตรงจะเป็นประโยชน์ก่อเกิดกุศลอันยิ่งใหญ่แท้ หากบิดเบือนก็จะกลายเป็นมหานรกทันทีครับ ขอบคุณมากมายครับผม

 

.....ไม่รู้นะว่าท่านหมายถึงผมไม.....

นิโรธกรรมนี่เป็นส่วนของพระทางเหนือ.....เป็นการปฏิบัติพิเศษ

ถ้าถามผมว่ามาจากพระไตรใหม....ผมตอบได้ครับ....ว่ามาจากพระไตรปิฏก.......ในพระวินัยปิฏก เรื่องธุดงค์วัตร ๑๓ ข้อ ที่พระพุทธองค์กล่าวไว้......เรื่องนี้ผมได้ศึกษามาแล้ว.....และยินดีให้ท่านพิสูจน์นะครับ...ซึ่งผมจะขอกล่าวไว้ว่านิโรธกรรมมีหลายส่วนที่สอดคล้องกับธุดงค์วัตรนี้...ขออนุญาติจะให้ลิงค์ไว้ข้างท้าย...จะไม่ยกมาให้นะ...เพราะเห็นว่าอาจเปล่าประโยชน์ที่จะยกมาเพราะไม่ต้องการโต้แย้ง......เชิญศึกษาได้ครับ....

ทุกอย่างล้วนมีเหตุมีผลทั้งหมด.....ทั้งนี้ผมกล่าวไว้แล้วว่าเป็นสิ่งที่ท่านได้ปฏิบัติเพิ่มเติมขึ้นมาจากศีล ๒๒๗ ของพระสงฆ์โดยทั่วไป......ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้ว่าจะทำหรือไม่ทำก็ได้.....ให้ไว้กับท่านที่ต้องการปฏิบัติที่ยิ่งๆขึ้นไป.......

ถ้าจะให้ผมเห็นด้วยกับที่ท่านพูดว่า เป็น สิ่งที่ภิกษุอวดดีนั้น.....และอีกหลายข้อที่ท่านกล่าว....ผมถือว่าอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด....และถ้าถามตามที่ผมศึกษามานั้น.....ใจผมคงจะเห็นด้วยกับท่านนั้นไม่ได้.....

แน่นอนว่าการปฏิบัติของตนเองนั้นย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุด.......แต่สิ่งที่ผมตอบในกระทู้นี้...ผมตอบตามที่เจ้าของกระทู้ถาม......อย่างไรถ้าท่านเห็นว่าการดูตัวเองเป็นสิ่งที่ดี......ท่านอย่าได้ส่งจิตออกไปหาท่านอื่นแม้แต่พระสงฆ์ทั้งหลายที่ท่านกล่าวถึง......หรือแม้แต่การตอบกระทู้นี้......ถ้าท่านยังส่งออก...และสนใจการตอบกระทู้นี้ย่อมเป็นสิ่งที่แสดงออกว่าสิ่งที่ท่านพูดไป.....ท่านทำไม่ได้จริง......

ยินดีที่ชี้แนะ.....แต่ผมไม่ขอรับ.......โมทนากับเจตนาที่ดีของท่านครับ.....

๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙

ธุดงค์วัตร ๑๓ ประการ.....

http://www.watkoh.com/data/ssn_dhm/tudong13.php

 

ผมทราบว่าอย่างน้อย จขกท ก็ต้องรู้อยู่แล้วเป็นพื้นฐาน เพราะไม่งั้นไม่สามารถที่จะถามคำถามอย่างนี้ได้......

และท่านกล่าวว่าผมได้ลำเอียงหรือตอบไปไม่ตรงนั้น...แสดงว่าท่านต้องรู้ว่าความจริงนั้นเป็นอย่างไร.....ผมยินดีรับฟังครับ...และหากว่าผิดประการใดผมยินดีพิจารณา....

ความเห็นของเรานั้นอาจต่างกัน.....ผมได้แสดงความเห็นของผมตามที่ได้ยินได้ฟังมาจากครูบาอาจารย์สายเหนือหลายท่าน....

ถ้าเกิดว่าสิ่งที่ท่านรู้ท่านเคยได้ยินมานั้นแตกต่างจากผม....ขอให้ท่านเสนอได้เลยครับ......คำถามก็เป็นคำถามเดิมทั้งหมดที่ท่านถามไป.....ตรงต้นกระทู้.....ผมยินดีครับ.....

 

หลายท่านอาจยังไม่รู้จัก....เรื่องนี้เป็นเรื่องน่าสนใจ....เชิญทุกท่านร่วมศึกษา ธุดงค์วัตร ๑๓ ข้อที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้......ลิงค์อยู่ข้างบนนะครับ......

กราบนมัสการครูบาเจ้าทั้งหลายที่เป็น บุญ เป็น ศรี แห่งล้านนาไทย...

ยินดีครับ.....โมทนาสาธุบุญกับผู้ตั้งใจศึกษาทุกท่าน.......

 

เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ มีคนไปอ่านหรือเจอข่าวที่ว่าเกจิดังท่านมรณะภาพขณะนั่งสมาธิ
ในขณะนั้นก็ยังมีความเคลือบแคลงใจอยู่ว่า จะศรัทธาดีหรือจะไม่ศรัทธาดี ก็ด้วยความเข้าใจที่ว่า

พระนั่งสมาธิมรณะภาพ หรือ มรณะภาพในขณะที่นั่งสมาธิ
สาธุชนทั้งหลายก็ตีความตามที่เห็นไปต่างๆนานาและภายใต้อิทธิพลทางความคิดก็ยังมีข้อขัดแย้งในตัวเองอยู่ว่า

พระตาย..
..มีคนไปเจอนั่งพิงประตูทางเข้า
ย้ายศพ..
..หน้าศพมีเครื่องปลุกเสก

เมื่อใช้ความคิดตามมโนภาพและข่าวสารแล้วจึงเกิดกระบวนการวาดภาพในหัวจากนั้นก็เรียงลำดับเหตุการณ์เพื่อโยงใยเหมือนการสืบสวน จากนั้นจึงยังไม่ขอศรัทธาเสียก่อน
แล้วกลับมาพิจารณาและสรุปใจความของตนเองจนกระทั้งได้คำตอบเบื้องต้น จึงได้มาถาม..




คงพอจะเข้าใจ
อนุโมทนาครับ

 

เห็นด้วยกับท่าน <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Phanudet<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3809122", true); </SCRIPT> ทุกประการครับ

 

ใครจะไปตอบถูก แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเขาตอบถูกหรือไม่ถูก

ถึุงไปถามพระอรหันต์ก็ไม่แน่ว่าท่านจะตอบอีกนั่นแหละ

ทางที่ดี คำสอนที่เป็นสายกลางที่สุด พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงสั่งสอนมาเหมือนกันหมดอย่างนี้คือ

ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์

นี้เป็นหนทางดำเนินของผู้ไปสู่ความสิ้นกิเลส

ถ้าเราไปตามหนทางนี้ได้ อนาคตเรานั้นแหละจะเป็นผู้เข้าถึง และเรานั้นแหละจะเป็นผู้พิสูจน์สัจธรรมนั้นด้วยตัวของเราเอง...

สำหรับผมขอตอบแบบนี้ คงไม่โกรธกันนะ

 

เหอๆ สำหรับคุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Phanudet<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3809200", true); </SCRIPT> แปลกจังนะครับที่พยายามดึงผมให้เป็นคนถกเถียง ทั้งๆที่ผมไม่ได้ถกเถียงและไม่ได้กล่าวหาอะไรใครเลย ผมหนะท่านใดตอบมาอย่างไรก็ไม่มีโกรธหลอกครับ รับฟังได้หมดทุกๆคำตอบ ขอบคุณมากครับที่เข้ามาสนทนาธรรมกันเพื่อสร้างศรัทธาอันเป็นบาทฐานแห่งการเจริญรอยตามธรรมต่อไป สวัสดีครับ