นึก-คิด..ในใจ คือการทำงาน -โดยพร้อมเพรียงกันของ จิต-สัญญา-สังขาร-

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ใครบรรลุธรรม, 16 ตุลาคม 2018.

  1. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,490
    ค่าพลัง:
    +2,363
    ปฏิจะ เริ่มต้นด้วยขณะที่ยังไม่มีอัตตาจิต(ตัวดู/ตัวกู) ด้วยซ้ำครับ แต่ในกรณีนี่คือทุกท่านที่มาเกิดนั้นไม่ได้อยู่ในเหตุปัจจัยโยเพราะ เกิดมาก็มีตนแล้ว ดังนั้นหากยังมีเวทนาอยู่ หรือมีแค่นามรูปนั้นยังไม่ใช่เหตุปัจจัยโยครับ กริยาจิตคือการกำหนดจิต ดังนั้น "มันไม่ใช่กริยาจิต" ครับ

    Edit: หากไม่เกทผมยกตัวอย่างว่า "กริยาจิต" เป็น subset ของ วงจรปฏิจสมุปบาทนะครับ
     
  2. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    ก็ใครห้ามล่ะฮับ
    พระพุทธองค์บัญญัตืไว้เรียกว่างัยก็เรียกตาม
    ท่านไป
    หรือจะบัญญัติใหม่ก็ไม่มีผลอะไร
    กับธรรมะ(ธรรมชาติ)แท้ฮับ
     
  3. ใครบรรลุธรรม

    ใครบรรลุธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +268
    :)..อะไรเป็นเหตุ-ให้คุณมาเกิด ..กรรม(ภพ)ไงครับ

    :) ..กรรมเปรียบเสมือนเมล็ดพืช ที่หว่านลงไปในผืนนา(ภพเกิด) ตัณหา เปรียบเสมือนเป็นน้ำ..ที่ชุ่มหล่อเลี้ยง ให้เมล็ดพืชเกิด(ชาติ)เจริญงอกงาม..เมื่อชาติเกิด-ชรา มรณะ ย่อมต้องเกิดตามมาแน่นอนครับ
    ..นี่แหละวงจรปฏิจจะสมุปบาท เขาทำงานตั้งแต่เกิด-จนตายเลยครับ..(อัตตา ตัวตน ..ก็คือกรรมที่พาคุณมาเกิดนั่นแหละครับ)
     
  4. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    โตะโลง เป็น ครายหว่า

    จะเรียก หรือ ไม่เรียก ให้ กำหนดรู้ ฉันทะ เข้ามาตรงๆ ฮับ

    หาก เรียกแล้ว กิเลสไม่เกิด หรือ ทำให้ พละ หรือ ละ หรือ ลุกออกจากกิเลสได้
    การกำหนด "ปฏิจสมุปบาทเป็นกริยาจิต" จะเป็น อุบาย เสมือน บริกรรมพุทโธ
    เป็นการ ตรึกระลึก ธรรมคุณ ( หากพิจารณา ความสงบแล้วโน้มไป มนัสโตโอ้โฮ ไม่ว่ากัน)

    หรือกำหนด "ปฏิจสมุปบาทเป็นกริยาจิต" เพื่อเป็น อุบายว่า อมพระมาพูด หรือ
    เป็นการระลึก พุทธานุสติ แล้ว จิตมันอึ๊ก ไม่ส่งออกไปใน กิเลส หยุดลงที่ รู้
    อันนี้ก็จัดว่าเป็น การบริกรรมพุทโธ พื้นๆ

    แต่ถ้า กำหนดรู้เป็นกริยาจิต แล้ว กิเลส ตัณหา อุปทาน ยัง งอก และ ลากไปกิน

    อันนี้แปลว่า " ศุภนิมิตใด ใช้แล้ว อกุศลเกิด " พระพุทธองค์ให้ ทรงละ ศุภนิมิต นั้น
    อย่าง พระ วัลกลิ นั่งจ้องพระพุทธองค์ทั้งวัน จิตนิ่งติดสงบสงัด ไม่น้อมไปเจริญ
    ปัญญา(ชำแรก ละ วางกิเลส) ท่านก็ไล่ไป โดดหน้าผา โน้นเลย เพื่อให้ ละศุภนิมิต

    ถ้า กำหนดรู้ ฉันทะ ได้ .......เหตุใรการกล่าวมันก็ดับ ไม่ว่าจะ กล่าวเพื่อ กุศล
    อกุศล อัพยากตา ฉันทะอันเป็นเหตุให้แล่นไป จิตส่งออก มันดับ หนทางออก
    มันจึงมี จาก ขันธ์5 เข้ามาตรงๆ
     
  5. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,490
    ค่าพลัง:
    +2,363
    "อัตตา"ก็ไม่ใช่กรรมอีกนั่นแล ตน=อัตตาจิต/ตัวดู ที่เค้าบอกว่าจิตส่งออกจากคูหานั่นแหละครับ
    หากท่านยังไม่เกทแสดงว่าตน ของท่านคือกายเนื้อ ถ้างั้นก็หนักเลยแสดงว่า ท่านยังเข้าใจว่ากายเนื้อเป็นกรรม งั้นชาตินี้คงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วละครับ. กรรมให้ผลที่ตนได้ แต่ตนไม่ใช่กรรม. แต่ตนเป็นสิ่งที่ทำให้กรรมสำแดงผลได้ เหมือนไอศกรีมนั่นแหละ อย่านำไส้ กับ โคนมารวมกันนะครับ

    แต่ท่านดำริเอาเองว่าใช่แล้วก็ปฏิบัติไปตามที่ท่านพิจารณาแล้วกันครับ
     
  6. ไม่ใช่ตัวตน

    ไม่ใช่ตัวตน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2018
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +175
    ปฏิบัติเท่าที่มี คือ ตรงตามความเป็นจริงของจิตใจตัวเราเอง
     
  7. ใครบรรลุธรรม

    ใครบรรลุธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +268
    ..สหายเก่าทางธรรม..จำได้แน่
    ที่ล่อแล่ โดนใส่ไฟ จนสาสม
    แต่สุดท้ายก็อภัย กันโครม-โครม
    ที่สาดโดน- โคลนนั้น ไม่คิดอนิจจัง
     
  8. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    เนื่องจาก ลวกเพ่ ไม่เฉลย

    ถ้า ไม่เฉลยเนี่ยะ หากเป็น พี่เกิด สายพุทธวจน ตรึกธรรมซื่อๆ ตรงๆ

    ตรึกธรรม แบบโอนลอยใน ธรรมของพระผู้มีพระภาค

    การ กำหนดปฏิจสมุบาป จะเป็น การกำหนดเห็น ทุกขสัจจ แบบ ซื่อๆ

    อันนี้ ตรึกไปเลยฮับ ไม่ต้องมี ฌาณ แฌณ ฮ่าน อะไร

    ตรึกแล้ว พึงหวังสวรรคิ์ แล นิพพาน ได้ ตาม พุทธกฤษฏีกา ตรัสไว้

    อย่าให้ พวก สาวกหนา สันติ ที่ไหน มาโชว ฌาณ แฌณ ปันยงปันยา ข่ม สัทธรรม
     
  9. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    มันไม่หมูขนาดนั้นหรอกแฮ๊บล่วกเพี่ย
    ถ้ามันหมูขนาดนั้น
    อริยะมรรคจะมีทำแมวรัย... เอิ๊อก
     
  10. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    ต้อง ระวัง สภาวะธรรม การเข้าไปในส่วนสุด หรือ อาการเข้าไปบัญญัติ

    หรือ สภาวะ "เท่านี้ใช่ อย่างอื่นเปล่า"

    ธรรมะ ของพระพุทธองค์นั้น มี ธรรมฤทธิ์มาก ล่วงวิสัย สาวก จะ เห็นได้ทั่วถึง

    พระพุทธองค์ ทรงจำแนก แจกแจงธรรม อนุเคราะห์ บุคคล ทุกอินทรีย์ !!

    หาก ผู้ใด สมาทาน สดับธรรม ของพระพุทธองค์ เพื่อ ความสิ้นกิเลส
    จะถือว่า เห็น ตถาคต ได้ทุกวิถีทาง ล่วงวิสัย สาวก จะมาทำอาการ
    ยื่นระยางค์ ข้ามพระโอษถ์
     
  11. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    ไม่ใช่แค่ฟังเป็นหรือตรึกเป็นแล้วจะเห็น
    กิเลสอาสวะ
    ถ้าสัมมาสติไม่มา
    สมาธิไม่มี
    แชลจิตไม่ม่วน
    จะเอาแรยมาเห็นแลบแกดแหลง
    ที่เป็นนามธรรม
    หือbugha
     
  12. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    ในที่นี้ ต้อง พิจารณา ลงเป็น รายกรณี อะฮับ

    หาก เป็น บุคคลาธิษฐาน ที่ชื่อ พี่เกิด ....

    พี่เกิดเขาเคย ฟาด สำนักที่เอาแต่ ดูจิ ... ไม่ทำ สมถะ และ
    เขาก็ ร่ำไรใน จิตสว่าง สุขมาก สุขมาก เป็น ต้นทุนของการ ภาวนา มาแล้ว

    ครั้นมาหลายปี เขาคง พิจารณา อุปกิเลส กุปธรรม ในตน เพียรเผาอยู่
    จึงได้เปลี่ยนไปจาก สมถะ แกว่งไปทางด้าน ปัญญา จับ พุทธวจน ตรงๆ

    ซึ่ง พอจับแล้ว ตอนแรกๆ นิสัย ช่างไล่ตื๊บสำนัก ก็ยังมีอยู่ แต่ พอปฏิบัติไป
    นานๆ เขาก็ แสดงการ พิจารณา อุปกิเลสในตน เป็นใหญ่ มากกว่า อาการ
    ทำเป็น เก่ง ใครหน้าไหน มาใหม่ แปรงร่างมาจาก คว้า เมฆง เมฆา เขา
    ไม่ได้ แล่นไปในอาการเดิม

    บุคคลแบบนี้ จะจัดว่า เอา "ธรรมเป็นใหญ่" ซึ่ง หมายถึงมี อินทรีย์ไปทาง
    ปัญญาวิมุตติ สัทธาวิมุตติ ซึ่ง อินทรีย์ภาวนาแบบนี้ ไม่ต้อง ปฏิบัติอะไร
    มาก .....ใช้ สัทธินทรีย์ หรือ ปัญญา ตัดฉั๊วะ ได้ตามจริง [ และ มักจะตัดสิน
    กันใน อัสสาสะ ปัสสาสะ สุดท้ายแห่งชีวิต ...แม้นระหว่างมีชีวิต จิตจะไม่รวม
    ฮ่านอะไรอีก ก็ ประมาทไม่ได้ สามารถ ไม่กลับมาเกิด อีกเลยได้ ด้วย ธรรมฤทธิ์ ]

    มันจะต่างกับ แรงกีตาร์ ที่ออกแนว ย้อนแย้งเพื่อแสดง "ขนมยาย" ไม่ใช่
    เฝ้นธรรม เอาธรรมเป็นใหญ่
     
  13. ใครบรรลุธรรม

    ใครบรรลุธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +268
    สมาธิ..ไม่ใช่การมาทำให้จิตนิ่งโดยจับอยู่แต่อารมณ์เดียว หรือทำจิตให้ตั้งมั่น อยู่ภายในอารมณ์เดียว ต้องละนิวรณ์5 ให้ได้ด้วย สภาพจิต หากสกปรก อนุสัยก็ส่ง ความสกปรก ออกมาผสมด้วย..ตามเหตุ-ปัจจัย ที่สะสมไว้ในจิต..นี่แหละจึงควรปูพื้นฐานจิตด้วย มรรค์8

    :):):) เมื่อสภาพจิต ก่อนทำสมาธิ-ดี- สดใส -ไม่มีขุ่นมัว..การละตัณหา ราคะ โกรธ พยาบาท ขณะจะทำสมาธิก็จะทำได้ง่ายและดี..ตามไปด้วย จิตก็จะ สงบปราณีต นิ่ง-สนิท-สดใส ..สมาธิก็เกิดเองตามเหตุ-ปัจจัย ที่กำลังปฏิบัติ จำไว้ให้ดีนะครับ
     
  14. ใครบรรลุธรรม

    ใครบรรลุธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +268
    การละ วิตก-วิจารณ์-ปิติ-สุข-จนถึงอนัตตา ก็จะได้สัมผัสง่ายขึ้น..ปูพื้นฐานจิต..ดีๆนะครับ ไม่งั้น เพี้ยน-เพี้ยน จริงๆด้วยครับ
     
  15. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    มรรค 8 เป็นหนทางของอริยบุคคลซึ่ง
    ใช้ในการปฏิบัติภาวนา
    ส่วนการ
    จะปูพื้นฐานให้ปุถุชนต้องใช้ ทานศีลและ
    ภาวนาเบื้องต้นปูไปก่อน เป็นการเริ่มปฏิปทา
    น้อมจิตใจให้ศรัทธาในพระรัตนตรัยฮับ
     
  16. ใครบรรลุธรรม

    ใครบรรลุธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +268
    :) มรรค8.. ย่อลงมาเป็น
    :) ปัญญา-ศิล-สมาธิ (โยมใช้-ทาน-ศิล-ภาวนา) -ย่อลงมาเป็น
    :) สมถะ-วิปัสสนา
     
  17. ใครบรรลุธรรม

    ใครบรรลุธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +268
    :):):) สมถะ คือ..การทำจิตให้ละนิวรณ์5 ให้หมด..ทำจิตให้สงบปราศจากกิเลส ทำจิตให้เจริญนั่นเอง
    .ปฐมฌาน ทุติยฌาน ..ฯล (ละวิตก ก็ฌาน1 ละวิจารณ์ก็ฌาน 2.ฯล)
    เห็นไหมครับ ธรรมทุกบท ของ พจ.ท่านเกี่ยวโยงกันหมด-ไม่มีขัดกันเองในธรรมที่สอน..
     
  18. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    เจ๊งดิรอลมหายใจเฮือกสุดท้าย
    จิตสันตติเท่านั้นจึงจะว่าง
    จากโมหะได้มีเฉพาะจิตที่จบกิจเช่น
    ของพระอรหันต์แล้วยังต้องภาวนาตลอดเวลา
    อย่างอัตโนมัติ
    ถ้าไม่หรือวูบสุดท้าย
    ก็คล้อกกกลงนรกจิฮับ
    เป็นปกติของจิตมักไหลลงต่ำ
    อาศัยลูกฟลุ๊คตามคัมภีร์หากินได้ยาก
    ฮับพี่น้อง
     
  19. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    ก็ ฝากสังเกต ฮับ

    หากยังปรากฏ " เท่านี้ใช่ อย่างอื่นเปล่า "

    ร้อยละร้อย จิตรู้ไม่ถึงฐาน หรือ ยังหา สติ ไม่เจอ

    ถ้า หา สติเจอ จะทราบทันทีว่า จิตที่ถึงฐานนั้น นิพพาน ก็อยู่ตรงหน้า แล้ว !!

    ดังนั้น หาก สหธรรมิกใด เพียงแค่ ปรารภความเพียร เท่านี้ ก็ประมาทไม่ได้
    เพราะ ผู้ที่ปรารภความเพียรนั้น จิต จะถึง พระนิพพาน แล้ว ...เพียงแต่.....

    บางสิ่งบางอย่าง ยังร้อยรัด แล ให้ผล ต่อจิตอยู่ จึงเกิด ธัมมุธธัจจะ ขวางไว้
    ( คนละอย่างกับ พวก แรงเรดกีตาร์ ที่เป็นลักษณะ อกุศล ขวางไว้ )

    นะ ถ้า สติ หาไม่เจอ จิตถึงฐานคืออะไร

    รู้แต่อาการ "เท่านี้ใช่ อย่างอื่นเปล่า" หรือ อุปาธิยังกำเริบ
    ก็ให้กำหนดรู้ ทุกขสัจจ ไปตรงๆ ฮับ ห้ามไม่ได้ เพราะวิบาก
    ย่อมเกิด ไม่มีใครจะไปช่วยใครได้ แม้นแต่ คนรับวิบากก็ได้แต่
    แผ่สองสลึง สถาณเดียว เว้นแต่ ไม่ประมาท หรือ กำหนดรู้
     
  20. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    พระ สมณโคดม เป็น สััพพัญญที่มีปัญญาเลิศกว่าพระพุทธเจ้า ทั้งในอดีต และ อนาคต

    ธรรมฤทธิ์ ที่มีใน สัทธรรม แม้นเพียง อักขระเดียว ก็หาประมาณไม่ได้ ในธรรมฤทธิ์

    หาก ภาวนาแล้ว ยังย้อนแย้ง ไม่เห็นธรรมคุณ

    ยังปรารภ " เท่านี้ใช่ อย่างอื่นเปล่า " สัทธาง่อนแง่น อย่าไปกล่าวถึง จิตถึงฐาน

    ถ้า ปล่อยให้ สภาวะธรรม " เท่านี้ใช่ อย่างอื่นเปล่า " มันเกิดบ่อยๆ

    สังเกตอีกอย่างเลยฮับ จะค่อยโดน สภาวะนั้นกล่อมว่า พระพุทธองค์ไม่ได้ จี้ ตรงจุดนี้

    ชะรอย เราพบ หนทางลับ ที่พระพุทธองค์ไม่ได้ บัญญัติ ไม่ได้เน้น ไม่ได้เข้ม เท่าเรา
    พอแล่นไปแบบนั้น เดี๋ยวจะมีต้นธาตุ ต้นธรรม มานั่งตั่งแก้ว ส่งยิ้ม กวักมือเรียกไป
    เอออวย ว่าใช่ ยินดีด้วย ขอนุโมทนา

    ฮิวววววววววววววววววส์
     

แชร์หน้านี้

Loading...