น้ำตาไหล

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย thaiza257, 29 ธันวาคม 2014.

  1. thaiza257

    thaiza257 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2014
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +6
    ขอถามหน่อยครับ คือก่อนอื่นขอเล่าเรื่องก่อนเลย ผมอายุ22ปียังไม่ได้บวชนะครับ แต่เคยคุยเรื่องบวชกับแม่อยู่ เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่าเวลาผมนั่งสมาธิ แล้วทีนี้ผมก็แวปไปนึกถึงคำพูดแม่ที่พูดว่า "ถ้าลูกบวชแม่จะไปตักบาตรลูกทุกวัน" แล้วอยู่ดีๆน้ำตาก็ไหลออกมา ผมพยายามไม่นึกถึงอะไรแค่นึกถึงลมหายใจที่เข้าออกเลยอยากจะถามว่า พอจะมีทางไหนที่นึกแล้วน้ำตาไม่ไหลไหมครับแบบให้หยุดคิดแล้วมาจดจ่อกับลมหายใจอย่างเดียว?
     
  2. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,942
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ไม่ใช่สิ

    กำหนดรู้ ผิดวิธีนี่ จะไปภาวนาให้ กายเที่ยง จิตเที่ยง แบบ หิน แล้วแบบนั้น

    การที่อาศัย วิหารธรรมคือ ลมหายใจ อันนี้ดีอยู่แล้ว เขาเรียกว่า ตั้งอกตังใจ เอาจริงเอาจัง

    ทีนี้ จิตเขามีธรรมชาติไม่เที่ยง แปรปรวนไปตาม ผัสสะ

    ผัสสะ มันมีทั้งจาก ธรรมภายนอก ...และ ธรรมภายใน

    เวลา เราปลีกวิเวก หรือ ฉลาดในสัปปายะ ( แม้จะอยู่ที่ใด ก็ สามารถ โน้มจิต
    เข้ามายังวิหารธรรม ให้ สงัดจาก รูปราคะ มีปฐมฌาณเกิดขึ้นที่จิต จนจิตมัน
    ถอยออกจาก ธรรมภายนอก )

    พอเรา ฉลาดในสัปปายะ จิตจะเป็น อุเบกขา มีปิติ

    พระพุทธองค์บอกว่า จิตที่มี ปิติ จิตที่มี อุเบกขา ควรแก่การงาน ไม่ใช่ นิ่งเป็นหิน
    ภาวนาเป็น หัวตอ จิตเขาจะ เลือกเฝ้นธรรม ขึ้นมา ทำการเห็น ความแปรปรวน
    ของจิต

    ดังนั้น

    คุณสมาทานสิกขา มีวิหารธรรม จิตนุ่มนวล ควรแก่การงาน ( มีปิติ มีปัสสัทธิ มีจิตตั้งมั่น )
    จิตมันจะไปเห็น ผัสสะที่เป็น ธรรมมารมณ์ เป็น กามธรรม อันเกิดจาก ธรรมภายใน
    ผุดขึ้น แล้วแปรปรวนไป

    ในที่นี้ จิตคุณควรแก่การงาน ก็ไป เห็น ธรรมารมณ์คือ " คำแม่ " คำพูดของพระอรหันต์
    ของลูก ผุดขึ้นมา เสร็จแล้วก็ แปรปรวน ยุบยับ ห้ามไม่ได้ มี บ่อน้ำตาเป็นที่สุด มีบ่อน้ำตา
    เป็นมหาสมุทร น้ำตาไหลอย่างนี้มา หากเอาน้ำตากระปิดกระปรอยนั้นไปรวมกัน พระพุทธองค์
    ตรัสบอกว่า จะมากกว่า น้ำในมหาสมุทร ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า

    เนี่ยะ ให้กำหนดรู้ เห็นกระบวนการแปรปรวนของจิต

    อาการทางกาย ทางกามธรรม( คำพูดแม่ ) เหล่านั้น มันออกมาจาก จิต ที่แส่ส่าย
    ไปเรื่อย ไม่เที่ยง ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของๆเรา

    แล้วเราก็ หลงไปเงา สิ่งที่ออกมาจากจิต นั้น มานานแสนนาน อันคนไม่รู้เขา
    ชมว่า นั่นแหละความวิจิตร แต่ ผู้รู้ หาข้องอยู่ไม่


    เขาไม่ได้ ภาวนาให้ จิตไม่มีอะไรปรากฏ

    เขา ภาวนาเห็น จิตแสดง อนิจจัง อนัตตา ไปตามความเป็นจริงๆ ไปเรื่อยๆ จน อ๋อ อริยสัจจ เขาศึกษากัน จังซี่
     
  3. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +259
    1. ขุททกาปิติ ปิติเล็กน้อย
    2. ขณิกาปิติ ปิติชั่วขณะ
    3. โอกกันติกาปิติ ปิติเป็นพักๆ
    4. อุพเพงคาปิติ ปิติโลดโผน ตัวโยกไปมา
    5. ผรณาปิติ ปิติซาบซ่าน น้ำตาไหล


    มันเป็นพรรณา หรือ ผรณาปิติ

    เป็นปิติ ก่องจะเข้าสุ่อารมณ์ฌาณ เป็นกุศล

    ไม่ใช่ อกุศล เป็นสิ่งที่ดี ก็จับลมไปตามปกติละครับ

    เดี๋ยวสักพัก อารมณ์ก็จะแนบแน่นขึ้น พอเข้าสู่ อัปปณาสมาธิ

    อารมณ์ฌาณเต็ม อาการเล่านี้ ก็จะหายไปเอง เป็นขั้นตอนของการ ทำสมาธิอะ

    ครับไม่มีอะไร ทำดีแล้วครับ
     
  4. thaiza257

    thaiza257 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2014
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +6
    อ่อขอบคุณมากครับ สรุปคือจิตต้องไม่เป็นหินใช่ไหมครับแต่ก็ไม่ใช่ว่าตะเลิดไปไกล งั้นขอถามอีกข้อนะครับ ผมคิดแค่ลมหายใจ อย่างนี้ถูกไหมครับ?
     
  5. thaiza257

    thaiza257 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2014
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +6
    ครับคือทำสมาธิถูกวิธีแล้วใช่ไหมครับ กลัวทำผิด คือแค่รู้ว่ามีลมเข้านะมีลมออกนะไม่ต้องคิดอะไร พอจิตมันไปคิดเรื่องอื่นก็พยายามดึงกลับมาที่ลมหายใจอย่างนี้ใช่ไหมครับ?
     
  6. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,942
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ผิดหรือถูก คุณใช้ อุปกิเลส มาวัดได้เลย ในแง่ วิหารธรรม ที่กำหนดรู้อยู่
    ถูกส่วนไหม ถ้าผิดส่วน มันจะนิ่งสนิท ไม่ก็ ลืมการภาวนาไปเลย ( หากยัง
    อยู่ที่รัตนบัลลังก์ จะตกข้าง หลับ ถ้า ลุกออกจากรัตนบัลลังก์ ก็ จมโลก )

    นะ

    ใช้ "อุปกิเลส10" แทน การดู กิเลส(โลภ โกรธ หลง แบบ บ้านๆ )
     
  7. thaiza257

    thaiza257 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2014
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +6

    อ่อขอบคุณครับ ขอถามอีกข้อนึงครับ เวลาผมนั้งขาจะสั่นเบาๆอะครับเหมือนเกรงๆอะครับ แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้เกรงมันวางทับกันอยู่ อยากรู้ว่ามีวิธีไหนแก้ไหมครับ ?
    (ถ้าผมถามเยอะไปต้องขอโทษด้วยผมไม่ค่อยมีความรู้แต่อยากทำครับหาจากในเน็ตก็มาแนวๆเดียวกัน)
     
  8. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,942
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ถ้าเกร็ง ก็ สำรวจไปสิ มี อุปกิเลสใดเกี่ยวข้องหรือเปล่า ถ้าไม่มี มันเป็นเรื่อง
    การแสดงธรรมโดย ใช้กายสังขารเป็นธรรมภายใน

    ธรรมภายใน จะเป็น คำพูดแม่ นี่ก็ปรากฏเป็น ธรรมภายใน ที่ถูกรื้อค้น ได้

    กายที่แสดงความเสื่อมสลาย ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของๆเรา ก็ก็แสดงเป็น ธรรมภายใน ให้ถูกรื้อค้น ได้

    " กาย เวทนา จิต ธรรม " ทั้งสี่ สามารถยกขึ้นเป็น ประตูชัย เป็น ธรรมข้างหน้า (เฉพาะหน้า)
    ไม่เลือกฐาน จิตรู้อะไร ก็สำรวจตรวจตราอันนั้น ตามเห็น ความไม่เทียง เป็นทุกข บังคับบัญชา
    ไม่ได้ เหมือนๆกัน

    ภาวนาแบบนี้ 7วัน ก็สามารถ

    7เดือนก็สามารถ

    7ปีก็สามารถ

    7ชาติก็ว่ากันไป ตามแต่จะสำคัญผิดว่า ธรรมต้องฟังจากสิ่งนอกกายนอกใจ
     
  9. thaiza257

    thaiza257 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2014
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +6
    ขอบคุณที่ให้ความรู้มากครับเดี๋ยวจะลองดูครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...