บทความ...กระดานเล่าสู่กันฟัง

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย nouk, 19 ตุลาคม 2014.

  1. นิตยา11

    นิตยา11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +355
    ไปที่ไหนๆ ก็มีแต่คนบอกว่าเป็นพญานาค เหมือนมีตราบาปติดตัวยังไงก็ไม่รู้ ไม่ชอบอ่ะ ตอนนี้เป็นคนนะ เป็นมาตั้งแต่หลายอย่างแล้วในอดีต ทำไมมีแต่คนจดจำแต่พญานาคไว้อย่างเดียว

    จะเล่าเรื่องมธุรดาเทวีจ้ะ ปฐมเหตุแห่งการกำเนิดเป็นมธุรดาเทวี

    เป็นนิมิตฝันในคืนหนึ่ง ขณะที่หลับไปแล้ว ได้ไปปรากฏกายขึ้นที่หน้าบ้านทรงไทยหลังใหญ่หลังหนึ่ง ยกใต้ถุนสูง มีบันไดทอดยาวลงมาหน้าบ้าน เห็นตัวเองเป็นผู้หญิงเกล้าผมมวยใส่ชุดไทยสมัยโบราณยืนอยู่บนพื้นที่มีน้ำนองเจิ่ง แล้วก็มีผู้หญิงในวัยไล่เลี่ยกัน กำลังเดินหาอะไรก็ไม่รู้ เหมือนตามหาอะไรบางอย่าง สองคนนี้ในความรู้สึกบอกว่าคนหนึ่งริษยาคนหนึ่ง หาวิธีกลั่นแกล้งให้คนหนึ่งได้รับโทษ แต่กลั่นแกล้งมาทุกครั้งก็ไม่สำเร็จ

    (ในความฝันเห็นตัวเองมีสองคนนะ คนหนึ่งเป็นคนดูเรื่องราว และอีกคนหนึ่งอยู่ในเรื่องราวนั้น)

    เมื่อมองไปที่ไม้กระดานที่พาดบนพื้นดินสำหรับเดินขึ้นบันไดหน้าบ้าน ทางข้างขวาของไม้กระดานเป็นบ่อน้ำลึก หากมองเผินๆ จะมีลักษณะเหมือนน้ำนองเจิ่งธรรมดา หญิงที่ยืนอยู่หน้าบันไดได้บอกกับหญิงอีกคนหนึ่งให้ลองเดินไปทางขวาของไม้กระดานนั้นดู เผื่อว่าจะพบเจอของที่กำลังหาอยู่ หญิงนางนั้นก็เชื่อและเดินไป....

    เราตะโกนบอกว่า "อย่าเดินไปทางนั้นมันอันตราย" แต่ดูเหมือนนางไม่ได้ยินเสียงเรา หรือเพราะว่าอยู่กันคนละภพ แล้วนางก็ก้าวเท้าลงไป...นางจมหายลงไปในบ่อนั้น จิตอุทานขึ้นมาว่า "กำเนิดนาคี"

    นางทั้งสองนี้เป็นภรรยาของเจ้าของบ้านไม้ทรงไทยหลังใหญ่นี้
     
  2. นิตยา11

    นิตยา11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +355
    นางที่จมน้ำตาย ได้ไปกำเนิดเป็นชายาของนาคราชผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองบาดาล ส่วนอีกนางหนึ่งตายเมื่อหมดอายุขัยในชาตินั้น และไปกำเนิดเป็นบุตรีของมหาเศรษฐีของเมืองๆ หนึ่ง ความงดงามของนางเป็นที่เลื่องลือไปถึงเมืองบาดาล นางมีนามว่า มธุรดา

    เมื่อเป็นดังนั้น ข่าวความงามของนางรู้ไปถึงนาคราชผู้ครองบาดาล ทำให้อยากรู้นักว่านางจะงามขนาดไหนเชียว นาคราชไม่รอช้าได้ขึ้นมาจากเมืองบาดาล แปลงกายไปยลโฉมนางเมื่อได้เห็นนางก็ตกตลึงและหลงรักในทันที นาคราชจึงลอบคายพิษเพียงเล็กน้อยลงในน้ำดื่ม เมื่อนางดื่มน้ำแล้วจึงหลับไปไม่รู้สึกตัว นาคราชได้พานางลงมายังเมืองบาดาล

    มธุรดาฟื้นคืนสติก็เห็นตัวเองนอนอยู่บนแท่นและมีชายหนุ่มยืนมองอยู่ข้างๆ นางจึงถามว่าที่นี่ที่ไหน และเกิดอะไรขึ้น ทำไมนางจึงมาอยู่ที่นี่ได้ นาคราชจำแลงได้สารภาพรักกับนาง ด้วยความงามสง่าแห่งนาคราช นางจึงตกลงปลงใจอยู่กินกับนาคราชตนนั้น ณ นครบาดาลแห่งนั้น (ภาพนิมิตเห็นหญิงสาวสวยจูงมือเด็กผู้ชาย เดินเคียงคู่ไปกับชายหนุ่มผู้งามสง่า มีไฟแสงเทียนประดับอยู่ข้างทางเดินซึ่งเป็นสะพานไม้ทอดยาวไป) จนกระทั่งมีโอรสด้วยกันหนึ่งคน

    ระหว่างที่นางอยู่เมืองบาดาลแห่งนี้ เป็นที่ริษยาของเหล่านาคี พระชายาและพระสนมอื่นๆ เหตุเพราะนาคราชรักและหลงใหลนางมากกว่านางใด นางถูกนาคีลอบวางยาพิษในอาหารโดยคายพิษลงไปในอาหารของนาง ด้วยบุญญาธิการที่นางสั่งสมมาในอดีตพิษต่างๆ เหล่านั้นไม่สามารถทำอันตรายแก่นางได้ หลายครั้งหลายครา จนมธุรดาเบื่อหน่ายกับความริษยาและกามตัณหาของนครบาดาล
     
  3. นิตยา11

    นิตยา11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +355
    จนกระทั่งวันหนึ่งมีเทวดาแปลงเป็นพระสงฆ์ลงไปยังเมืองบาดาล มธุรดาจึงได้โอกาสที่จะกลับคืนสู่เมืองมนุษย์ นางได้ขอติดตามพระรูปนั้นขึ้นมาด้วย โดยหลบซ่อนกายไม่ให้ใครรู้ เมื่อนางกลับขึ้นมาแล้ว นางก็ไปบวชตลอดชีวิต

    บุญกุศลใดที่นางทำไว้ดีแล้วได้อุทิศส่งให้กับพระสวามีและพระโอรสตลอดมา ด้วยบุญกุศลนี้เอง ทำให้นาคราชกลับใจ ละทิ้งทุกสิ่งอย่างหันหน้าบำเพ็ญเพียรสร้างบารมี

    พระโอรสแห่งพระนางก็เช่นกัน ถือศีลปฏิบัติธรรมจนเป็นนิสัย อธิษฐานจิตให้ได้พบนิพพาน

    เมื่อถึงกาลแห่งอายุขัยสิ้นสุดลง มธุรดาเทวีตายอย่างสงบในรสแห่งพระธรรม



    เมื่อได้พบเจอกันอีกครั้งในอัตภาพของมนุษย์กับผู้ที่อยู่ต่างภพภูมิ ท่านได้ส่งบทกลอนมาให้แก่นางอันเป็นที่รัก ดังนี้

    "โลกในนภางามแสน...แม้นอยู่ไกล
    ทุ่งกว้างใหญ่สูงสุดฟ้า...สง่าผ่าเผย
    ให้เห็นจริงสิ่งที่ทำ......อย่าลำเพย
    แม้นเจ้าเอ๋ย....ภพนี้......."มิมีเรา"
     
  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    สนุกมั้ยคะ? มธุรดาเทวี

    วันๆ ไปหลายที่ พา....งงค่ะ
     
  5. นิตยา11

    นิตยา11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +355
    คุณ tanin2507 เป็นแฟนคลับที่น่ารักและเหนียวแน่นมากๆ เลยค่ะ ตั้งใจเข้ามาอ่านอย่างเดียวเลยนะ คริคริ
     
  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ความอิ่มตัวเริ่มมาเยือนอีกครั้งแล้ว ใกล้ปีใหม่แล้วนะคะ สำหรับคนทำงานคงจะวุ่นวายมากๆ เพราะไหนจะต้องสรุปผลงานประจำปี ไหนจะต้องทำแผนงานในปีถัดไป ไหนจะต้องเอาใจครอบครัวในเทศกาลปีใหม่ ต้องเคลียร์งานให้เสร็จก่อนเทศกาลจะมาเยือน

    ลมหนาวมาแล้วนะคะ สำหรับคนที่ยังหนาวอยู่ แนะนำให้หาผ้าห่มตราคนค่ะ 555 อุ่นไปจนถึงร้อนฉ่า เอิ๊กๆๆๆ

    เราไม่หนาวอ่ะ เพราะมีผ้านวมนุ่มๆ ห่มทุกคืน เปิดพัดลมอีกต่างหาก ไม่หนาวมาตั้งแต่ปีที่แล้วค่ะ ตั้งแต่ไปอยู่วัดมา สัมผัสแค่ความเย็นสบาย มีเคล็ดลับค่ะ อุบอิบๆ บอกดีหรือเปล่าหนอ

    ความในใจ

    เมื่อปีที่แล้วมีเหตุบังเอิญได้ไปอยู่วัด เหตุบังเอิญเพราะว่าไม่ได้ตั้งใจอยู่นาน แต่ในใจอยากทำบุญทำกุศล เพราะมีผู้ทำนายไว้ว่าบารมีจะเต็มเหลืออีกนิดเดียวเท่านั้น ความโลภค่ะ โลภว่าจะไม่เต็ม คริคริ (คิดไปได้) ก็ไปถวายกฐินจากนั้นก็อยู่ปฏิบัติธรรมและช่วยงานปริวาสกรรมต่อไปเลย ไม่ต้องเสียค่ารถเดินทางไปกลับหลายรอบ นโยบายประหยัดค่ะ

    หลังจากเสร็จงานปริวาสกรรม หลวงพี่ชวนไปงานปริวาสที่วัดอื่นต่อ ท่านบอกว่ามีสอนมโนมยิทธิด้วย ตาโตเลยค่ะ เพราะได้ยินได้ฟังเรื่องมโนฯ มานานแล้ว อยากรู้ว่าเค้าฝึกกันอย่างไร ก็เลยได้อยู่วัดยาวมาเรื่อยจนชนรอบของงานปริวาสกรรมที่วัดที่นำกฐินไปทอด อยู่ยาวรวม 6 เดือนค่ะ
     
  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ตอนที่ไปอยู่วัดก็ได้ทำกิจหลายอย่างให้วัด ดูเหมือนว่าจะเคยเล่าไปแล้ว ขอข้ามไปเลยแล้วกันนะคะ ก็ขอเล่าเรื่องการพิจารณาขณะที่ได้อยู่วัด เป็นสถานที่สัปปายะเพราะอยู่บนภู บรรยากาศเงียบสงบ เพราะเป็นวัดเล็กๆ ญาติโยมจะมาทำบุญกันเฉพาะวันพระค่ะ ดังนั้น วันปกติจึงเงียบ

    ช่วงเวลาที่ไปอยู่เป็นฤดูหนาวพอดีเลย อุณหภูมิต่ำสุดคือ 10 องศา ตื่นเช้ามืดตีสี่ค่ะ หมอกขาวๆ ลงจัด กายเย็นเจี๊ยบ หายใจทีเป็นควันขาวๆ เลย ไม่ได้เตรียมตัวสำหรับรับความหนาวเย็น มีเพียงชุดขาวและผ้าพันคอ ใครๆ เห็นมักจะถามว่าไม่หนาวหรอ มันหนาวนะ หนาวแบบสุดๆ ห้องนอนพื้นปูกระเบื้องมีเพียงเสื่อพลาสติก 1 ผืน หมอนขิด เค้าเรียกแบบนี้หรือเปล่า หมอนสี่เหลี่ยมเล็กๆ อ่ะค่ะ แล้วก็ผ้าห่มผืนบางๆ ที่มีคนนำมาถวายวัด ใช้สามผืนเลยค่ะ 555

    เรียกว่าอยู่อย่างสมถะจริงๆ เป็นผู้ง่าย เลี้ยงง่าย ตอนนั้นคิดว่าเราผู้ไม่มีอะไรเลย ไม่มีเรือน ไม่มีญาติ เรามาคนเดียวบนโลกนี้ และเราก็ต้องไปคนเดียวเมื่อร่างกายนี้แตกดับไป ไม่อาลัยใยดีกับสังขารอีกต่อไป มีก็กิน ไม่มีก็ไม่กิน คิดถึงพระธุดงค์ในอดีต ที่ท่านเดินจาริกไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ไม่ใส่รองเท้า มีเพียงผ้าครองแค่ชุดเดียว ครองอยู่นั่นแหละ กี่ปีก็ครองผ้าอยู่แค่ บาตรหนึ่งใบ อัฐบริขารเท่าที่จำเป็น
     
  8. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ผ้าห่มสามผืน ใช้ปูบนเสื่อเพื่อป้องกันความเย็นจากพื้นกระเบื้อง อีกสองผืนใช้ห่มค่ะ ปิดหน้าต่างห้องทุกบาน ตอนกลางคืนลมพัดแรงมาก

    ได้นอนพิจารณากายหลังจากสวดมนต์ทำวัตรเย็นแล้ว นั่งสมาธิเสร็จแล้ว ก็จะนอนภาวนาพิจารณากายต่อไป ได้เห็นความจริงในเรื่องของกายว่าไม่ใช่ของเรา จิตก็ทิ้งกาย ไม่ได้สนใจกับความหนาวหรือร้อนแต่ประการใด เพราะนั่นเป็นเรื่องของกาย การพิจารณาดำเนินไปเรื่อยๆ จนไปเห็นกายเป็นธาตุ เป็นธรรมชาติ เมื่อเป็นธรรมชาติอันมี ดินน้ำลมไฟเป็นองค์ประกอบเหมือนๆ กันกับธรรมชาติภายนอก อากาศภายนอกเย็น แล้วทำไมเราต้องหนาว ก็หันมาดูกายกับใจ กายมันรับสัมผัส ใจเป็นผู้รู้ ดังนั้น อย่าเอาใจไปปรุงแต่งว่าหนาว เพราะความหนาวเย็นนั้นเป็นเพียงอากาศ

    เราคือธรรมชาติ ทำไมเราไม่รวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติล่ะ เห็นตัวเองเป็นธาตุไปแล้ว เป็นดิน เป็นน้ำ เป็นลม เป็นไฟ ความเย็นมันเป็นลม เราก็เป็นลมเหมือนกัน เวลาลมหนาวพัดมาจะกำหนดให้มันพัดผ่านกายไปเลยค่ะ กายไม่เก็บกักความเย็นนั้นไว้ เหมือนคุยโม้ แต่ทำได้จริงๆ ค่ะ และได้ผล เพราะนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่เคยรู้สึกหนาวเลย

    หลายๆ ครั้งที่เห็นโยมมาทำบุญวันพระที่วัด มักจะพูดกันว่าอากาศหนาวทนไม่ไหว ต้องใส่เสื้อกันหนาว และมักทักทายกันว่า หนาวมั้ย ไม่หนาวหรอ ต่างๆ เหล่านี้มันคือผัสสะ ได้ยินแล้วก็วาง ไม่รับเอามาใส่ใจ เราไม่ปรุงแต่ง จิตก็ว่าง ผัสสะมันก็ดับไป
     
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    นิมิตฝันที่เป็นจริง

    เมื่อคืนฝันแปลกๆ อีกแล้วค่ะ ตั้งแต่เข้าไปที่เวปแห่งหนึ่ง วันแรกก็ฝันเห็นผีเลย วันที่สองฝันเห็นชายหนุ่มมาลาบวช บอกว่าจะไปบวชวันเสาร์นี้ เราบอกไปว่าคงจะไปไม่ได้ไม่สะดวก ก็เลยกล่าวอนุโมทนาสาธุซะดังเลยในฝันนะ

    ส่วนเมื่อคืนฝันว่าไปที่ไหนก็ไม่รู้ เพราะไม่รู้จัก มีพระด้วยหลายรูป แล้วก็ไปเจอลูกเสืออยู่ในตู้กระจกใส เป็นลูกเสือโคร่งแต่ลายเป็นสีชมพูโอรส มันน่ารักดีค่ะ ก็เลยเดินไปใกล้ๆ มันดันออกมาจากตู้แล้วไล่งับเรา ทั้งเขี้ยวและเล็บมันตะกุยเรา เหมือนรักนะ ไม่ใช่ต้องการทำร้าย ไล่ก็ไม่ไป พอดีมีน้องคนหนึ่งเดินมาก็เลยไล่ให้มันไปเล่นกับคนนั้น

    พอหันไปอีกทางก็เห็นแมวลายเสือนอนอยู่ ก็เลยเดินเข้าไปใกล้ๆ มันเหมือนเจ้าเหมียวที่เคยเลี้ยงตอนที่อยู่วัดค่ะ มันนอนนิ่งๆ เรากำลังจะเอามือลูบหัวมันๆ ดันลุกขึ้นแยกเขี้ยวจะกัดเรา พอมันลุกขึ้นก็เลยเห็นรกแมวแห้งๆ อยู่ที่พื้นที่มันนอนทับไว้ หันกลับมาอีกทีเห็นแมวอีกตัวสีและลายเดียวกัน มันมากินรกนั้น และแมวตัวแรกยืนอยู่แต่ในปากของมันมีลูกแมวตัวเล็กๆ อยู่ในนั้น........

    ก็เลยเดินต่อไปอีก คราวนี้มีงานมงคลค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นงานอะไร แต่มีพระสงฆ์อยู่ประมาณห้ารูป (ไม่ได้นับ อิอิ) ก็ไปช่วยเค้าจัดสถานที่ จัดอาสนะให้พระ ปูเสื่อแล้ววางอาสนะ แต่เสื่อไม่ได้ขนาด เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา สถานที่แห่งนั้นเป็นสถานที่โล่งแจ้งค่ะ ปูเสื่อกับพื้นดินติดชิดริมน้ำ....จบค่ะ เพราะว่าตื่นพอดี จำมาได้แค่นี้ 555
     
  10. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ก็มาพิจารณาว่าต้องเกี่ยวกับสมาชิกที่นั่นแน่นอน

    วันนี้เข้าไปอีกก็เลยถามไปว่า ในนี้มีใครที่เลี้ยงรกแมวบ้าง? ได้ผลค่ะ มีผู้ออกมาตอบรับบอกว่ามีคนให้รกแมวแห้งๆ มา เค้าไม่รู้วิธีว่าจะต้องทำยังไง ก็เลยบอกว่าอย่าเก็บไว้ จะเป็นกรรม ให้ไปทำสังฆทานส่งบุญให้แมว และนำรกนั้นไปเผาทิ้งซะ

    ส่วนพระสงฆ์นั้นเป็นอดีตชาติของสมาชิกที่อยู่ที่นั่นค่ะ แต่ในอดีตไม่ใช่พระปฏิบัติ เป็นพระที่รับกิจนิมนต์อย่างเดียว คริคริ ก็มีคนออกมายอมรับว่าใช่อีกค่ะ

    ทีนี้มาถึงเรื่องผู้ชายที่มาลาบวชกับเราในฝัน.... มีสมาชิกเข้ามาในห้องค่ะ และบอกเล่าว่าพรุ่งนี้จะไปงานบวช เพื่อนบนบวชกับหลวงพ่อโสธรให้ชนะคดี แล้วเค้าก็ชนะคดี จึงจะไปบวชในวันเสาร์นี้ (20-12-57)

    ไม่รู้ว่าแม่นหรือฟลุ๊กกันแน่ คริคริ ส่วนเรื่องลูกเสือ...ขอไม่เล่านะคะ เพราะปัจจัตตังค่ะ
     
  11. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ๓ จบ

    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต

    หากข้าพเจ้า จงใจหรือประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินบิดา-มารดา ครูบาอาจารย์ พระพุทธ พระธรรม พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์เจ้า ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึงผู้มีพระคุณ และท่านเจ้ากรรมนายเวร จะด้วยกาย วาจา ใจ ขอได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย

    ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูก ที่ชอบ ที่ควร ขอบุญบารมีในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จงส่งผลให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม ตั้งแต่บัดนี้จนตราบเข้าสู่นิพพานเทอญ

    วันนี้ขึ้นต้นด้วยคำขอขมากรรมค่ะ เพราะในระหว่างวัน ในทุกๆ วัน เราอาจจะไปล่วงเกินใครด้วยกาย วาจา ใจ โดยไม่รู้ตัว เนื่องเพราะขาดสติไปกับความเพลิดเพลินนั้นๆ ทำให้เป็นอุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ กับการดำเนินชีวิตประจำวัน และอาจส่งผลปิดกั้นหนทางธรรมทำให้ไม่มีความเจริญก้าวหน้าไปตามลำดับที่ควรจะเป็น

    เมื่อใดที่เรายืนอยู่บนความประมาท ภัยนั้นๆ ย่อมมาสู่ตน ทุกเวลานาทีจึงมีค่าสำหรับการครองสติให้มั่นคง
     
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    มาทะลายกำแพงสมมติกันดีกว่า...

    ผ่านหนทางของความเป็นมนุษย์มาเนิ่นนานหลายปี แต่จริตเดิมก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงหรือเปลี่ยนไป ชอบความจริง เกลียดความหลอกลวง มองข้ามสิ่งสมมติ นั่นคือสิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า สิ่งที่สามารถมากระทบใจได้เท่านั้นเอง

    เล่ห์เหลี่ยมเพทุบายต่างๆ ถูกนำมาใช้เพื่อให้ใครบางคนตกลงไปในกับดักหลุมพราง โดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่คาดหวังนั้นมันเกิดจากกรรมเป็นตัวกระตุ้น ให้ทำ พูด คิดอย่างนั้น หนทางแห่งกรรมจึงยาวไกล กับเรื่องบางเรื่องที่ทำพูดคิดไป เพียงเพื่อสนองความต้องการแห่งตนกลับส่งผลได้มากมาย อย่างนี้คงต้องเรียกว่า "เหมารวม"

    เมื่อยกกำแพงสมมติออกไป จะเหลือเพียงความว่างเปล่า....จริงๆ นะ
     
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    มีคนบอกว่าอ่านแล้วเศร้า...อยากร้องไห้
    แต่ตอนนี้อ่านแล้วคงไม่เศร้านะ เพราะว่าฤดูฝนได้ผ่านพ้นไปแล้ว

    วอนสายลม พาใจ ส่งไปหา
    วอนนภา ส่งไป ใจห่วงหวง
    วอนสายน้ำ ยามเย็นรื่น แสนชื่นทรวง
    วอนเวลา อย่าเลยล่วง ให้ห่วงกัน

    วอนสายฝน บนฟ้า ว่าคิดถึง
    วอนเสียงฟ้า อื้ออึง คนึงฝัน
    วอนคนผ่าน มาใกล้ ไม่ลืมกัน
    ขอให้ฝัน สวยงาม ยามนิทรา

    วอนเมฆหมอก ฝากบอกไป ไม่มีหลบ
    มองไม่พบ แสงสว่าง กลางเวหา
    น้ำกระเซ็น ยามดึก นั่งนึกมา
    ใครมองฟ้า คงหลับ กลับฝันดี

    มาฟังเพลง คลอเคล้าลม ผสมฝน
    ไม่สับสน มองดาว นั้นมาหนี
    เสียงน้ำหยด รดหล่น มากมายมี
    ดึกแล้วนี่ ฝนนี้ ไม่มีจาง

    เสียงหรีดหริ่ง เรไร เงียบหายหมด
    น้ำหยาดหยด ลงมา อย่าเมินหมาง
    มีเสียงกบ อึ่งเขียดมา ละตามทาง
    มองฟ้ากว้าง ยังไร้แรง แสงแห่งจันทร์
     
  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    อืมมมมมมมมม...น่าคิดเนาะ



    [​IMG]
     
  15. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ตั้งชื่อเรื่องว่าอะไรดีหนอ??? แต่ที่แน่ๆ เป็นนิทานจ้าาาาาา... (เล่าแบบย่อๆ)

    พระแม่อุมาปารวตีมหามาตา ทรงมีอัญมณีประดับมงกุฎหนึ่งชิ้นเป็นบุษราคัม ทรงเป่าเสกให้เป็นเทวีมีรูปที่งดงาม ทุกครั้งที่พระมหามาตาเจ้าได้ยินเสียงสวดอ้อนวอนของหมู่มนุษย์เมื่อครั้งเกิดกลียุค ท่านจะต้องช่วยเหลืออยู่ตลอด เทวีบุศราคัมเห็นว่ามาตาทรงไม่ได้พักผ่อนทรงไม่สำราญ จึงทรงขอองค์มาตาว่านางอยากช่วยปัดเป่าทุกข์ภัยให้มนุษย์บ้าง เพื่อแบ่งเบา

    พระมาตาจึงส่งพระนางมาเกิดเพื่อบำเพ็ญบารมีก่อน พระนางจึงมาเกิดเป็นดาบส(ฤาษี) ท่านฤาษีได้ช่วยพญานาคไม่ให้ครุฑจับกิน ดาบสผูกพันกับเหล่านาคราชที่มาดูแลรับใช้ ด้วยอาศัยใบบุญหลบลี้หนีเหล่าครุฑ เมื่อทรงได้ฌานถึงที่สุดแล้วก่อนละสังขาร พระมหามาตาทรงมาให้พร ดวงจิตดาบสกลับไปอยู่กับพระแม่เจ้าเช่นเดิม

    เทวีบุศราคัมเป็นห่วงเหล่านาคราชที่เคยมาเฝ้ารับใช้ใกล้ชิด และด้วยตอนเกิดเป็นฤาษีฝืนกฏการที่ครุฑต้องจับนาคกิน พระนางจึงถือกำเนิดเกิดเป็นนาคี แล้วโดนครุฑจับกิน (เป็นปฐมศึกสงครามครุฑกับนาคในแม่น้ำสินธุ) เมื่อถูกครุฑจับกินแล้วจึงได้กลับมาหาพระมาตา ครั้นเมื่อถึงคราวจุติอีกครั้ง พระนางจึงขอพรพระมหามาตาเจ้า ไปจุติยังนาคพิภพเพื่อโปรดหมู่นาค
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2014
  16. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ดวงจิตเทวีมุ่งสู่อาศรมฤาษี (ผู้เล่าจะไม่เอ่ยนามองค์มหาฤาษีเพราะจะเกิดเป็นกรรม) ฤาษีออกจากบำเพ็ญตบะอยู่อาศรมกลางป่า มีเมียนามว่านางยาตรา ไปหามหาฤาษีบังเกิดมีแสงสว่างพุ่งสู่ลำธารข้างอาศรมไหลไปพร้อมกับน้ำลงสู่ถ้ำตกสู่แก้วมณีนารายณ์ในถ้ำ บังเกิดแสงสว่างไสวไปทั่วถ้ำ น้ำม้วนตัวสูงขึ้น

    ปรากฏร่างสตรีสวมอาภรณ์สีมรกตสลับบุศราคัม เดินขึ้นจากน้ำกำเนิดเป็น พระนางกฤษณายาตรานาคิณีเทวีเจ้า องค์กฤษณาฯ มาเฝ้าบิดามหาฤาษีและพระนางยาตรา มหาฤาษีบอกว่าแต่นี้ต่อไปพระนางจะเป็นผู้ดูแลเหล่านาคทั้งหลายที่อยู่ณ อาณาเขตถ้ำแก้วนารายณ์นี้ต่อจากท่าน

    เพราะหมดภาระที่ท่านจะดูแลเหล่านาคนี้แล้ว องค์กฤษณายาตรานาคิณีเทวีบำเพ็ญบารมี รักษาศีลอยู่ในถ้ำแก้วนารายณ์ ดูแลเหล่านาคบริวารของพระนาง ด้วยความงดงามและน้ำทัยโอบอ้อมอารีย์ต่อบริวารนาค ทำให้เกิดเป็นที่เสน่หาหมายปองพระนางในหมู่นาคหนุ่มทั้งหลาย หนึ่งในนั้นมีนาคหนุ่มผู้องอาจงดงามได้ขอพรให้ในหนึ่งชาติใดได้เคียงคู่กับพระนาง องค์กฤษณาได้บำเพ็ญภาวนา และช่วยเหลือสรรพสัตว์จนถึงการแตกดับของโลกมาถึง

    นางไปเฝ้าพระมหามาตาเจ้าแล้วทูลลาขอให้นางได้เสียสละด้วยชีวิตนี้ขอต่อลมหายใจให้มนุษย์และหมู่สรรพสัตว์ ทรงเลื้อยลงมาเอาวรกายพันโลกไว้แต่หาได้ฝืนซึ่งกำหนดเวลาได้ โลกแตกเป็นเสี่ยงผ่าร่างพญานาคิณี ทรงแผดร้องด้วยความเจ็บปวดเสวยทุกขเวทนาเป็นอย่างมาก จากนั้นดวงจิตพระนางล่องลอยขึ้นสู่สวรรค์กลับไปหาพระมหามาตาเช่นเดิม ทุกครั้งที่จุติมาเกิดใหม่เมื่อสิ้นอายุขัยดวงจิตพระนางจะกลับคืนสู่พระมหามาตาทุกครั้งไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2014
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    และเมื่อถึงกาลจุติเพื่อเกิดใหม่จะเสด็จลงมาและจะทรงเลือกที่จะถือกำเนิดเกิดเป็นสิ่งใดด้วยองค์เอง ครั้งนี้พระนางเกิดเป็นมนุษย์พระนามว่าพระนางเมยาวีปรีย่ามหาราณีแห่งนครเตรมันดู ทรงถูกรุกรานด้วยอริราชศัตรูต่างแคว้นถูกจับเป็นเชลยด้วยกลอุบาย เพื่อหวังยึดเมืองพระนางด้วยเป็นขวัญกำลังใจแห่งอาณาประชาราษฎร

    กษัตริย์ปรารถนาจะครอบครองพระนางและเมือง จึงจะให้พระนางทรงรับการอภิเษกแทนการประหาร พระนางไม่ทรงยินยอมจึงทรงถูกจองจำในถ้ำ พระนางบำเพ็ญฌานในถ้ำที่จองจำนั้น ไม่รับเครื่องเสวยใดจนสิ้นอายุขัย ดวงจิตกลับสู่สวรรค์

    จากนั้นเมื่อถึงกาลจุติมาถือกำเนิดเกิดเป็นนางมัทธุรดาธิดาเศรษฐี มีวรรณะงดงามเป็นที่เลื่องลือตั้งแต่พิภพจบวังบาดาล พญานาค(ผู้สื่อไม่ขอเอ่ยนาม) ได้ยินคำล่ำลือจึงขึ้นมายลโฉมนางมัทธุรดา ครั้นได้ยลโฉมก็เกิดเสน่หาหวังพานางกลับพิภพบาดาล จึงได้คายพิษเพียงน้อยนิดลงในคันโทน้ำที่นางดื่ม นางมัทธุรดาเกิดร่างกายร้อนรุ่ม จึงลงเล่นน้ำแล้วเกิดจมน้ำหายไป

    ในพิภพบาดาลพญานาคราชอุ้มสตรีขึ้นแท่นบรรทม เมื่อนางมัทธุรดาตื่นขึ้นก้อเกิดตกใจไม่รู้ว่าตนอยู่ที่ใด พญานาคราชแจ้งแถลงไขความในใจตน ด้วยความงดงามของพญานาคราช นางมัทธุรดาเกิดเสน่หาเช่นกัน นางมัทธุรดาอยู่กินเป็นเมียพญานาคให้กำเนิดเกิดบุตรชายครึ่งนาคครึ่งมนุษย์ ด้วยความรักที่สวามี มีให้นางเกิดการริษยาในหมู่นาคีมเหสีนาค(จะไม่เล่าความที่นำพาให้เกิดกรรม) จึงขอเล่าถึงนางมัทธุรดาเกิดความเบื่อหน่ายในความเป็นอยู่ในพิภพบาดาลจึงขอตั้งจิตอธิษฐานขอให้นางได้กลับสู่พื้นดิน ด้วยบุญเก่าที่นางได้เคยทำมา จากนั้นนาวาเกิดหมุนเป็นเกลียวนำพานางสู่พื้นธรณี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2014
  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เมื่อนางฟื้นขึ้นมาเกิดความศรัทธาในเทวดาผู้พานางขึ้นมาจากบาดาล จึงขอตั้งปณิธานจะปฏิบัติบำเพ็ญจนสิ้นอายุขัย เมื่อสิ้นอายุไขได้จุติยังเทวโลก

    พระมหามาตาทรงถามองค์บุศราคัมว่าเจ้ายังอยากจะช่วยเราโปรดเหล่าสรรพสัตว์หรือไม่ องค์บุศราคัมยังปรารถนาเช่นเดิม

    กาลต่อมา...พระองค์ได้กำเนิดเป็นเทวบุตรนามว่าพระกุสุมายิงสู สถิตอยู่ณ สวรรค์ชั้นดุสิต กาลครั้งนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระสมณโคดม ได้ถือกำเนิดบังเกิดขึ้นในโลกแล้ว กล่าวความถึงผู้มีบุพกรรมเกี่ยวพันเทวีบุศราคัม พระองค์มีพระอนุชานามว่าศุภวาส เทพศุภวาสมีกรรมจากการทำผิดกฎสวรรค์ ทำให้พระองค์มาถือกำเนิดเกิดเป็นนาค นามว่า ปางนียาง์นาคเทวี ทรงอภิเษกด้วยองค์สุปปะพุทธนาคราช(ราชบุตรองค์ท่านท้าวนาคพันธ์ปริวัตร) ท่านท้าวนาคพันธ์จะพาลูกหลานไปฟังธรรมของพระศาสดาทุกคืนวันเพ็ญ 15 ค่ำ นางนาคปางนียาง์ไปกับพระสวามีพร้อมทั้งโอรสและธิดา

    เมื่อฟังธรรมนางนาคปางนียาง์ปรารถนาในพระนิพพาน ด้วยเห็นว่าการเกิดมาของนางมีกรรมทำให้เสวยทุกขเวทนา และเป็นนาคก็ไม่สามารถนิพพานได้จึงอยากเกิดเป็นมนุษย์

    ฝ่ายองค์เทวบุตรพระกุสุมายิงสูท่านมาฟังธรรมเช่นกันด้วยดวงจิตผูกพันกันมา พระองค์เห็นนาคปางนียาง์ก็เกิดสงสารจึงบอกนางว่า หากเจ้ามีความปรารถนาใดเราช่วยได้เราจักให้พร

    เมื่อครั้นนางนาคปางนียาง์ใคร่ครวญแล้วว่า เป็นนาคนั้นนางยังคงไม่สามารถถึงนิพพานซึ่งเป็นที่สิ้นสุดความดับทุกข์ จึงสวดวิงวอนขอพรพระกุสุมายิงสู ขอพรให้นางจุติจากภพนาคสู่ภพมนุษย์ เพื่อบำเพ็ญให้ตนเองได้ถึงนิพพาน แต่ด้วยนางนาคปางนียาง์ยังไม่ถึงเวลาจุติ(นางนาคปางนียาง์หนีมาเกิด) เป็นเหตุให้พระกุสุมายิงสู ได้ฝืนกฎให้สวรรค์ พระองค์จึงทรงต้องจุติมาเกิดอีกครั้งเป็นปักษา นามว่าสุคัณฑราในป่าหิมพานต์



    โปรดติดตามตอนต่อไป....
     
  19. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เทพนิมิต 3 คืนติดๆ กันเลย คงต้องปฏิบัติแล้วหละ ท่านมาบอกให้ปลุกจิตมังกร เส้นทางของเราจึงแตกต่างจากคนอื่นๆ จะว่าเป็นพุทธภูมิก็ไม่ใช่ แต่ไปอยู่ในเรื่องของพุทธเกษตรซะงั้น เวลาออนเวปคงจะลดลงค่ะ ก็ต้องจัดสรรเวลาให้ตัวเองใหม่

    "สัมโภคกาย" คำนี้ผุดขึ้นมาในหัว ความชัดเจนของตัวเองคือ ไม่มีกาย ไม่มีจิต ล่องลอยเพื่อเรียนรู้ หากมองผู้คนที่อยู่รอบๆ ตัวเอง ณ ขณะนี้ เราก็คือคนบ้าดีๆ นี่เอง ไม่มีใครที่จะเข้าใจได้หรอกสักคน

    ในทางเถรวาทเชื่อว่ามีพระพุทธเจ้าอยู่หลายพระองค์ก่อนหน้านี้ แต่ในภัทรกัปนี้มีอยู่ 5 พระองค์ ความเชื่ออันนี้เป็นที่ทราบกันดี

    ในเรื่องเล่า หรือตำนานของพระพุทธบาทสี่รอย ก็กล่าวไว้ว่า เมื่อพระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 คือพระศรีอริยเมตไตย์มาเกิด พระองค์ก็จะมาประทับรอยพระบาทที่นี่ เพื่อให้ทั้งสี่รอยนั้นกลายเป็นรอยพระบาทรอยเดียว เรื่องเล่าเกี่ยวกับพระพุทธบาทสี่รอยนี้ น่าสนใจไม่น้อย เรื่องเล่านี้สะท้อนความเชื่อของการมีพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ได้เป็นอย่างดี

    พอมาเรียนรู้ของมหายาน และวัชรยาน ก็มีเรื่องราวของพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ อีก มีเรื่องราวของพระโพธิสัตว์ เรื่องราวของพระพุทธเจ้า 5 สกุล ตามหลักวัชรธาตุมนฑล โดยทางมหายานและวัชรยานกล่าวว่า มีพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ อีกมากมาย ที่อยู่ในโลกของสัมโภคกาย พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันที่เรารู้จัก คือพระศากยมุนีพุทธเจ้า เป็นเพียงตัวแทนของพระพุทธเจ้าพระองค์อื่นๆ ที่มาให้เราได้รับรู้ ได้รู้จัก ในโลกของนิรมาณกาย แต่ยังมีอีกหลายๆ พระองค์ สถิตอยู่ในโลกของสัมโภคกาย

    เมื่อได้ฟังธรรมเทศนาของหลวงพ่อชา มีตอนหนึ่งหลวงพ่อกล่าวว่า พระพุทธเจ้านั้นยังไม่ตาย พระองค์ยังอยู่ ใครๆ ก็กล่าวว่าท่านนิพพานไปแล้ว แต่พระองค์ยังอยู่นะ

    ถ้าใครได้อ่านประวัติเรื่องราวของหลวงปู่มั่น มีเรื่องเล่าตอนหนึ่งว่า พระศากยมุนีพุทธเจ้าเสด็จมาพบท่านพร้อมพระสาวก ?? ข้าพเจ้าผู้ชอบสงสัยก็นึกแปลกใจว่า ไหนพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วยังไงล่ะ พระองค์จะมาอีกได้อย่างไร สิ่งที่บอกเล่านี้จะอธิบายแบบไหนดี

    มีอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ที่ได้อ่านเรื่องราวของฆารวาสที่บรรลุธรรม ท่านก็กล่าวว่ามีหลวงปู่หลายรูปที่เป็นอริยสงฆ์และละสังขารไปแล้ว กลับมาสอนธรรมให้ท่านในขณะทำสมาธิภาวนา เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอีกเช่นกัน เพราะสำหรับพระอริยสงฆ์นั้น คือผู้ถึงซึ่งนิพพาน ผู้ที่ถึงซึ่งพระนิพพานแล้วจะกลับมาได้อย่างไร ??

    อย่างนี้จะบอกว่าเป็นเรื่องอจิณไตยได้หรือเปล่าหนอ??
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2014
  20. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    สวัสดีผู้อ่านทุกท่านค่ะ

    ได้พบเจอลูกหลานนาคอีกแล้ว ต่างก็ดีใจ

    คืนก่อนฝันอีกแระ ปกติตื่นมาจะลืมทุกที แต่ถ้าเป็นเทพนิมิตจะไม่ลืม เดินทางค่ะ เดินอีกแล้ว ตัวเองใส่รองเท้าส้นสูงแหลมๆ สูงประมาณสี่นิ้ว แล้วไปเดินบนสะพานที่มีความกว้างประมาณ 1 ฟุต คือเดินได้คนเดียว เป็นสะพานที่ทอดยาวสูงจากน้ำประมาณ 1 เมตร ก้าวพลาดตกน้ำชัวร์ 555 สะพานนั้นทำจากยางสีออกเทาๆ ค่ะ ไม่ใช่ไม้ มันก็มีความแข็งที่ยืดหยุ่นได้ บอกไม่ถูกเหมือนกัน สุดปลายสะพานเหมือนเป็นสะพานขาดนะ แล้วมีก้อนหินวางอยู่ในน้ำประมาณ 2-3 ก้อน ในฝันจะเดินไปที่บ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านชั้นเดียว จะไปพักที่บ้านนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปพักทำไม 555 (มีคนบอกให้ไปพัก)

    ก็เหยียบก้อนหินข้ามไปจนถึงบ้านหลังนั้น พอเปิดประตู บานประตูต้องผลักเข้าด้านในค่ะ เห็นน้ำนองอยู่ในบ้านสูงประมาณ 1 เมตร น้ำขุ่นๆ ไม่ใสนะ ก็เพ่งมองดูน้ำ ปรากฏหัวงูโผล่ขึ้นมาเรียงกัน 3 ตัว ทีแรกไม่เห็นตัวค่ะ ก็เพ่งมองต่อไป คราวนี้งูมันเลื้อยก็เห็นลำตัวโผล่ขึ้นมา ไม่ใช่มีแค่ 3 ตัวแล้วทีนี้ มันนอนแออัดกันอยู่ในบ้านหลังนี้ เรียกว่าเต็มพื้นที่เลยค่ะ มีขนาดลำตัวที่ใหญ่มาก ไม่ใช่งูธรรมดาแน่นอน แต่ลายของมันเหมือนงูเหลือม

    อั้ยย่ะ แล้วเราจะเข้าไปพักได้ไงเนี่ย ก็เลยปิดประตูไว้อย่างเดิม พอหันกลับมาก็เห็นแม่น้ำ ตอนที่เดินข้ามสะพานมามองไม่เห็นแม่น้ำ แต่รู้ว่าด้านล่างเป็นน้ำ ที่แม่น้ำมีงูขนาดที่เห็นในบ้านและเป็นงูเหลือมยักษ์เหมือนกัน ว่ายน้ำเล่นอยู่หลายตัวค่ะ น่าย่านเด้

    เดินข้ามสะพานกลับมาที่ท่าน้ำอีกฝั่งหนึ่ง มีศาลาท่าน้ำค่ะ บนศาลามีงูเหลือมยักษ์นอนเรียงกัน แต่ๆๆๆๆๆ คราวนี้เป็นครึ่งคนครึ่งงู เพราะท่อนล่างเป็นงูเหลือม ท่อนบนเป็นผู้ชายเปลือยเปล่า แล้วมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่รวมกับพวกงูนั้น

    เรามองดูพวกเขาทั้งหมดด้วยความสงสัย แล้วผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "พวกนี้ทั้งหมดต้องการมาช่วยงานพระพุทธศาสนา" ขอได้โปรดรับไว้ (ทำนองนี้แหละ) เรายังงงๆ อยู่ ยังไม่รับปากหรือพูดอะไรออกไป ก็ตื่นพอดี 555
     

แชร์หน้านี้

Loading...