บทความ...กระดานเล่าสู่กันฟัง

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย nouk, 19 ตุลาคม 2014.

  1. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    เราก็คิดแบบนั้นเหละ
    ทุกอย่างที่บันทึกในตำรา ต้องพิจารณาให้ดี แล้วปฎิบัติตามอย่างเดียวเลย
    ท่านบอกให้ ชัด เราก็ต้อง ชัด ท่านบอกให้รู้ทั่ว เราก็ต้องรู้ทั่ว
    ต้องตามลำดับ 1 2 3 จริงๆ เพื่อให้เกิดสภาวะหนุนนำไปเรื่อยๆ ถ้า 1 ไม่ผ่านก็ต้องฝึก 1 ไปเรื่อยๆ
    มรรค 8
    กาย เวทนา จิต ธรรม ตามลำดับ แต่บางคนชอบข้ามขั้นไป ดูจิตเลย เสียเวลาไปอีกนานเลย
    ความรู้ อนุบาล ดันใช้ข้อสอบ ป 3

    คุณ nouk เข้าใจอะไรเพิ่ม ช่วยมาโพสไว้ด้วยเน้อ ช่วงนี้มาอ่านบ่อย
    ช่วงนี้เราฝึก พรหมวิหารอีกครั้ง วนมาหลายครั้งแล้วจริงๆกับพรหมวิหาร 4 เรียนเพิ่มเติม
    คราวนี้เข้าฌาน แล้วทรงอารมณ์ พอเต็มแล้วแผ่ออก ทำไปเรื่อยๆ ตอนนี้จบ เมตตา ฝึกมา ประมาณ 38 วัน เต็ม
    พอขึ้น กรุณา วันแรก หมดสภาพเลย เพิ่งรู้ว่า แผ่กรุณา ใช้กำลังจิตสูงมาก
    มากกว่า เมตตา ประมาณ 60 เท่า
     
  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ต้องรู้ทั่วกองสังขารค่ะ กองสังขารก็คือกองทุกข์
    การที่จะรู้ทั่วได้ก็ต้องใช้เวลา ใช้เหตุปัจจัย ใช้เหตุการณ์ที่เกิดจริง ประสบด้วยกายจิตตน แยบคายในธรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ณ ขณะนั้นๆ ธรรมซ้อนธรรม เกิดดับสืบเนืี่องไปเป็นสันตติ สติจึงเป็นธรรมเอก

    ส่วนใหญ่เวลาเกิดผัสสะ จิตมักจะส่งออกทันที ไม่ทันเห็นธรรมที่เกิดขึ้นภายใน ลืมเห็นอารมณ์ จึงมิได้ตามเห็นเป็นปัจจุบัน พลาดตรงนี้เป็นส่วนมาก

    ทุกวันนี้เราหัวถึงหมอนก็หลับเลย จิตเพิกในข้อวัตรที่เคยประพฤติมา เห็นธรรมชาติจริงๆ ของกายจิต
     
  3. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    เป็นไงบ้างครับคุณ nouk สู้ๆเน้อ

    ตอนนี้เราเริ่มรอบใหม่อีกแล้ว เริ่มเรียนวิชาใหม่

    เกือบทุกอย่างกลับไปเหมือนตอนจำความได้ สมาธิเหลือแค่ ก่อนเข้าฌาน

    จิต จากที่ใสๆ กลับไปเป็นสีน้ำเงินปนดำ

    นับ 1 อีกครั้ง ดีว่าบันทึกเส้นทางไว้บ้าง ไม่หนักคิดใหม่

    ต้องเริ่ม วิชชา 8 ใหม่
     
  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    สวัสดีค่ะคุณ hastin เพิ่งเข้ามาวันนี้เอง เป็นยังไงบ้าง...ตอบไม่ถูกเลย เห็นมรรคเดินตลอดค่ะ

    เรืี่องเห็นมีเยอะนะ แต่อธิบายรายละเอียดไม่ได้ค่ะ
    เห็นเรืี่องอณูธาตุนิพพาน
    เห็นขันธ์ห้าที่มีอยู่ในจิต ความเชืี่อมโยงขันธ์ห้าที่อยู่ในกายกับขันธ์ห้าที่อยู่ในจิต หรือรูปเจตสิก เวทนาเจตสิก สัญญาเจตสิก สังขารเจตสิก วิญญานเจตสิก
    เห็นออร่าใสๆ ออกมาจากกาย อันนี้คงตาฝาด หรือสายตาเสื่อม 555

    ตอนนี้เน้นเรื่องสติอย่างเดียว เดินสติควบวิปัสสนา ดูแค่ธาตุ4 ขันธ์5 อายตนะ6 จิตวางภาระ ก็เลยไม่ค่อยได้เข้ามาเล่าค่ะ

    คุณ hastin มาเล่าบ่อยๆ นะ เราชอบอ่าน รออ่านนะคะ:D
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2018
  5. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    คงไม่ได้เล่านิทานอีกนานล่ะ
    ทั้งสมาธิ ทั้ง ญาน หายไปหมด
    ก่อนจะหายไป ได้รับแจ้งว่าจะต้องเริ่มใหม่ แล้วก็เห็นภาพตัวเองนั่งพาหนะคล้ายเรือเล็กๆ ที่นั่งได้คนเดียว
    แล้วก็หายไปไหนก็ไม่รู้ กำลังจิตตามไม่ไหว
    แล้วก็มีดวงจิตกลับมา เป็นสีน้ำเงินเข้มปนดำ
    พออีกวัน ทุกสิ่งก็หายไป
     
  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เห็นไปตามเหตุ...ดูไปตามเหตุ

    รูขุมขนหนึ่งรู มีขนมากกว่าหนึ่งเส้น a20.gif
    ขนเป็นปฏิกูลของร่างกาย
    ความรู้สึกว่าหายใจทางผิวหนังเกิดจากการเคลื่อนไปของชีพจร
    ลมหายใจไหลไปตามชีพจรทั่วร่างกาย
    ผิวหนังหายใจออกได้อย่างเดียว
    หายใจเข้าทางปาก จมูก แล้วออกทางปาก จมูกและผิวหนัง หรือท่อทวารขับถ่าย
    ปิติขนลุกชูชันเกิดจากธาตุลม
    ธาตุทำกิจเคลืี่อนไปตามสภาวธรรมที่เกิดปรากฏ :p
     
  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ทบทวนพุทธประวัติเรื่องนิมิต 4 ทำให้ได้เห็นว่ามีแต่นิมิต ซึ่งนิมิตน่ะจริง แต่ที่เห็นน่ะไม่จริง
    คงต้องพูดตามหลวงปู่ดูลย์ เพราะหาสมมติที่ใกล้เคียงกว่านี้ไม่ได้แล้ว
    รูปนิมิต อรูปนิมิต ก็คือรูปกับนาม
    ถูกปรุงแต่งให้เกิดขึ้นไปตามเหตุปัจจัย
    ทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา
    จิตเพิกหมด พอเพิกหมดก็ไม่รับอารมณ์ต่างๆ
    อธิบายต่อไม่ได้
    ไม่รับอารมณ์ แต่ยังแสดงอารมณ์ได้อยู่
    เหลือเพียงธาตุ
    กำลังจะไปที่อายตนะ
    ไปแบบช้าแต่ชัวร์
    ดูที่กายกับจิตเรานี่แหละพอแล้ว เห็นให้แจ้งแล้วกัน
    ตรวจทานจากทุกข์ ใช้ทุกข์เป็นเกณฑ์
    อกุศลเจตสิกอ่ะทำให้มันดับให้หมด
    พอมันดับหมดก็เหลือแต่กุศลเจตสิก
    วิธีดับก็คือไม่ให้อาหารแก่อกุศลเจตสิก
    ก็คือหลีกเว้นจากอกุศลวิตก
    สติเจตสิก ปัญญาเจตสิก มรรคเจตสิกทั้ง 8 ทำให้เจริญขึ้น
    สัมมัปธานสี่ขั้นละเอียด
    ธรรมที่ทรงประกาศมีความละเอียดลึกซึ้งเกินกว่าปัญญาของปุถุชนจะเข้าถึงได้ง่าย
    ขั้นแรกจึงต้องเพียรเพืี่อให้มีสติระลึกรู้ และได้ปัญญาก่อน
    เปลือก กะพี้ แก่น แต่ละขั้นแต่ละชั้นก็มีความลึกลงๆ
    เพราะยึดจึงทำให้เนิ่นช้า
    รู้แล้ววาง รู้แล้ววาง... อุเบกขาจึงเป็นธรรมสูงสุด
    เพราะจิตจะคลายออกซึ่งความยึดมั่นถือมั่นลงไปด้วยอุเบกขาธรรม
    ท่านสอนจากหยาบๆ แล้วให้ลงมือปฏิบัติเพืี่อเข้าถึงความละเอียดด้วยปัจจัตตัง
     
  8. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    นรก สวรรค์ คือภูมิที่มีอยู่ในจิต นิพพานก็มีอยู่ในจิต แต่จิตไปติดวนเวียนอยู่แค่มนุสสภูมิ 1 นรก 14 กับสวรรค์ 16 ไม่พ้นไปได้สักที จึงไม่พบนิพพาน

    นิวรณ์ 5 ปิดกั้นทางเดินของจิต

    นิวรณ์ แปลว่า เครื่องกั้น หมายถึงธรรมที่เป็นเครื่องปิดกั้นหรือขัดขวางไม่ให้บรรลุความดี ไม่เปิดโอกาสให้ทำความดี และเป็นเครื่องกั้นความดีไว้ไม่ให้เข้าถึงจิต เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ผู้ปฏิบัติบรรลุธรรมไม่ได้หรือทำให้เลิกล้มความตั้งใจปฏิบัติไป

    นิวรณ์มี 5 อย่าง คือ

    กามฉันทะ ความพอใจ ติดใจ หลงใหลใฝ่ฝัน ในกามโลกีย์ทั้งปวง ดุจคนหลับอยู่

    พยาบาท ความไม่พอใจ จากความไม่ได้สมดังปรารถนาในโลกียะสมบัติทั้งปวง ดุจคนถูกทัณท์ทรมานอยู่

    ถีนมิทธะ ความขี้เกียจ ท้อแท้ อ่อนแอ หมดอาลัย ไร้กำลังทั้งกายใจ ไม่ฮึกเหิม

    อุทธัจจะกุกกุจจะ ความคิดซัดส่าย ตลอดเวลา ไม่สงบนิ่งอยู่ในความคิดใด ๆ

    วิจิกิจฉา ความไม่แน่ใจ ลังเลใจ สงสัย กังวล กล้าๆ กลัวๆ ไม่เต็มที่ ไม่มั่นใจ

    พละ 5 ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อนิวรณ์

    ศรัทธา แก้วิจิกิจฉา
    วิริยะ แก้ถีนมิทธะ
    สติ แก้พยาบาท
    สมาธิ แก้อุทธัจจะกุกกุจจะ
    ปัญญา. แก้กามฉันทะ

    ผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต
     
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ตั้งจิตไว้จะใช้สองมือนี้สร้างแต่บุญความดี
    ไม่ใช้มือไปเบียดเบียน ไม่ใช้มือไปผิดศีล คดโกงใคร ใช้สองมือทำนุบำรุงพระศาสนา ใช้สองมือช่วยเหลือเกื้อกูลสัตว์
    ทำสองมือที่มีอยู่ให้เป็นมือวิเศษ
    หยิบจับสิ่งใดสำเร็จสมความปรารถนาทุกประการ
    เป็นความคิดโง่ๆ ของตน
    มีศีลกำกับทุกอวัยวะ มีสัจจะในการรักษาศีล จึงเกิดความวิเศษได้
    ตั้งมั่นในการไม่เบียดเบียน
    จะพิมพ์คำด่านี่เลิกเลย คิดอย่างเดียวพอ 555
    ไล่จากอวัยวะทีละส่วนๆ ให้มีศีล
    ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แขน ขา มือ เท้า
    กามมันหลุดไปเองเลย
    เรืี่องพื้นๆ คือศีลที่รักษา ที่เกิดจากการรักษาศีล
    ศีลไม่รักษาจะไปเอาธรรม ก็ได้ธรรมเหมือนกัน แต่ไม่ใช่สัจธรรม แก้ทุกข์ไม่ได้
    ยังไม่เห็นมีใครตั้งสัจจะไม่ใช้กายในการเบียดเบียน
    ที่เห็นทุกวันคือด่ามาฉันด่าตอบ
    หลักเบื้องต้นของการประพฤติธรรมเลย ถ้ายังทำไม่ได้อย่าเพิ่งหมายอย่างอื่น
    เมื่อก่อน ก่อนสวดมนต์ไหว้พระ จะตรวจศีลจากการกระทำในวันนั้นๆ ก่อน แล้ววิรัติศีล
    สมาทานศีลใหม่ แล้วสวดมนต์นั่งสมาธิภาวนา
    ทำแบบนั้นเป็นประจำ
    คนทำงานที่ศีลบริบูรณ์นั้นเป็นไปได้ยาก มีทะลุ ด่างพร้อยในทุกวัน
    แต่เราสามารถทรงศีลบริสุทธิ์ได้ตอนหลับ
    จึงต้องมีการสมาทานก่อนนอน ตั้งใจรักษาให้บริสุทธิ์
    อานุภาพของศีลบริสุทธิ์ ทำให้เข้าสมาธิได้ไวและทรงไว้ได้นาน
    อย่ามองข้ามความปลอดภัยเรื่องศีล ศีลรักษาผู้รักษาศีลได้จริง
    เวลาสวดมนต์ตาก็จ้องจับที่พระพุทธรูป ระลึกถึงคุณทั้งหลายที่ไม่มีประมาณ
    พอหลับตาทำสมาธิ จะเห็นพระพุทธรูปลอยอยู่ในความมืดหลังม่านตา
    ครบสูตรในเวลาเดียวกันเลย ศีล สมาธิ ปัญญา
    จิตเกาะพระรัตนตรัยเป็นอารมณ์ภาวนา
    เมื่อเกิดสมาธิจึงเป็นสัมมาสมาธิ เพราะเริ่มต้นจากสัมมาทิฏฐิ
     
  10. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    รสของกามคุณห้า เกิดแล้วดับ

    รสชาดอาหาร เสพแล้วอร่อย...ดับ ดับแล้วเกิดสัญญาอารมณ์ฝังลงไปในจิต (ยึด) เกิดตัณหา ใคร่ได้เสพอีก
    รสชาดอาหาร เสพแล้วไม่อร่อย...ดับ ดับแล้วเกิดสัญญาอารมณ์ฝังลงไปในจิต (ยึด) เกิดวิภวตัณหา ไม่อยากเสพอีก

    อารมณ์พอใจ รักใคร่ สวยงาม เกิดเมื่อตากระทบรูป ดับแล้วเกิดเป็นสัญญาอารมณ์ลงไปในจิต (ยึด) เกิดตัณหา อยากเห็นอีก
    อารมณ์ไม่ชอบ เกลียดชัง ไม่สวยไม่งาม เกิดเมื่อตากระทบรูป ดับแล้วเกิดเป็นสัญญาอารมณ์ลงไปในจิต (ยึด) เกิดวิภวตัณหา ไม่อยากเห็นอีก

    กลิ่นถูกใจ ได้กลิ่นแล้วก็ดับ เกิดเมื่อจมูกกระทบนาม เกิดสัญญาอารมณ์ลงไปในจิต (ยึด) เกิดตัณหา อยากดมกลิ่นอย่างนั้นอีก
    กลิ่นไม่ถูกใจ ได้กลิ่นแล้วก็ดับ เกิดเมื่อจมูกกระทบนาม เกิดสัญญาอารมณ์ฝังลงไปในจิต (ยึด) เกิดวิภวตัณหา ไม่อยากได้กลิ่นนั้นอีก

    รสสัมผัสทางกายจากการกอด การแตะต้อง หรืออุตุ สัมผัสแล้วชอบ เกิดเมืี่อกายกระทบรูป นาม แล้วดับไป กลายเป็นสัญญาอารมณ์ฝังลงไปในจิต (ยึด) เกิดตัณหา อยากได้รับรสสัมผัสนั้นๆ อีก
    รสสัมผัสทางกายจากการกอด การแตะต้อง หรืออุตุ สัมผัสแล้วไม่ชอบเกิดเมืีอกายกระทบรูป นาม แล้วดับไป กลายเป็นสัญญาอารมณ์ฝังลงไปในจิต (ยึด) เกิดวิภวตัณหา ไม่อยากรับรสสัมผัสนั้นอีก

    เสียง สำเนียง ถ้อยคำ ได้ยินได้ฟังแล้ว เกิดอารมณ์ชอบ หลงใหล เกิดเมืี่อหูกระทบรูปแล้วดับไป กลายเป็นสัญญาอารมณ์ฝังลงไปในจิต (ยึด) เกิดตัณหา อยากได้ยินเสียง สำเนียงอย่างนั้นอีก
    เสียง สำเนียง ถ้อยคำ ได้ยินได้ฟังแล้วไม่ชอบ เกิดจากหูกระทบรูปแล้วดับไป กลายเป็นสัญญาอารมณ์ฝังลงไปในจิต (ยึด) เกิดวิภวตัณหา ไม่อยากได้ยิน ได้ฟังอีก

    รสอร่อย รูปสวยงาม เสียงไพเราะ กลิ่นหอม สัมผัสนุ่มนวล อบอุ่น เมื่อได้เสพแล้วก็อยากเสพอีก เกิดภวตัณหา อยากเกิด อยากเป็น อยากมีซึ่งรสต่างๆ เหล่านั้น

    ....จบ....
     
  11. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    เคยได้อ่านข้อความว่า ปราถนาช่วยเหลือสัตว์ทั้งหลายไปตลอด จวบจนหมด จึงจะเข้านิพพาน

    อ่านข้อความนี้ แล้วสงสัยเป็นอย่างมาก ว่าจะเป็นไปได้ไหม

    นิทานสักเรื่อง

    นิมิตไปว่า ถอดจิตออกไป พบเห็นการจัดกลุ่มของกลุ่มดาวต่างๆ แต่ละกลุ่มมีขอบเขตคล้ายวุ้นใสๆล้อมรอบอยู่ มี 3 กลุ่มใหญ่ ระหว่างกลางของ 3 กลุ่ม ไม่มีบรรยากาศใดๆ เป็นจุดที่มีแสงสว่างเจิดจ้ามาก ไม่มีเวลาใดๆ

    และรอบๆ กลุ่มดาว 3 กลุ่มใหญ่นั้น มีคล้ายๆวงกลมล้อมรอบอยู่ เรียกว่า 1 จักรวาลรวม
    ก็คือใน 1 จักรวาลรวมจะมี 3 กลุ่มดาวใหญ่ และ มีที่ๆแสงสว่างเจิดจ้ามากและไม่มีเวลาอยู่ตรงกลาง

    ถอยห่างออกมา เห็นจักรวาลรวม หลายๆที่ เรียงต่อกันไปไม่เห็นที่สิ้นสุด
    แต่พอเห็นการแบ่งได้ออกเป็นชุดละ 1024 จักรวาลรวม
    แต่ละ 1024 จักรวาลรวม จะมีที่ๆแสงสว่างมากอีกที่ เรียกว่า ขาวะดี
    ใน 1024 จะ แบ่งขอบเขตออกเป็นชุดละ 64 จักรวาลรวม
    ใน 1 จักรวาลรวมมี 3 กลุ่มดาวใหญ่ และมี ที่ๆมีแสงเจิดจ้าและไม่มีเวลาอยู่ตรงกลาง

    นิทานจะเล่าถึงชุด 64 จักรวาลรวมของเรา
    มีจักรวาลรวมที่มีกลุ่มดาวใหญ่ครบ 3 กลุ่ม และ ที่ๆมีแสงสว่างเจิดจ้าอยู่ 16 จักรวาลรวม
    และมีจักรวาลรวมที่เหลือแค่ กลุ่มดาว 1 กลุ่มและ ที่ๆมีแสงสว่างเจิดจ้า อยู่ 48 จักรวาล
    แสดงว่าใน 48 จักรวาลนี้ มีกลุ่มดาวและสิ่งที่อาศัยกลุ่มดาวนั้น ได้หายไปบางส่วนแล้ว
    โดยไปสถิตที่แสงสว่างเจิดจ้าและ ไม่มีเวลาที่อยู่ในจักรวาลรวมนั้น
    และเมื่อจิตทั้งหลายหายไปจากกลุ่มดาวทั้งหมด กลุ่มดาวนั้นจะสลายไป

    แต่ของเรายังมีครบทั้ง 3 กลุ่มดาว
     
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เคยอ่านเจอเรื่องมิติต่างๆ ค่ะ นิทานที่คุณ hastin เล่ามา น่าจะเป็นมิติที่ 8 เรื่องเห็นจักรวาลในจักรวาล
     
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ไขปริศนาเรื่องคนทรง คนมีองค์

    วันนี้ พบคำเฉลยที่แก้ข้อสงสัยมานานของเราได้บางส่วนแล้ว จากหนังสือคำสอนของหลวงพ่อวิริยังค์ ดังนี้

    บางทีเราจะพบกับผู้ทำสมาธิเกิดตัวสั่นเหมือนผีเข้า อย่างนี้เป็นกิริยาอาการหนึ่งของใจ ความสั่นนี้จะเกิดขึ้นจากการทนไม่ไหวในการที่จิตกำลังจะเข้าสู่อาทิสมานกาย เมื่อจิตละความรู้สึกของกายหยาบสู่อาทิสมานกาย ความเป็นตัวของตัวเองจะไม่มี เพราะอาทิสมานกายนั้นยังไม่ได้ถูกจุดพลังอำนาจดำเนินการ จึงต้องคล้อยไปตามอารมณ์อุปาทานที่คั่งค้าง เพราะขาดจุดพลังอำนาจที่ได้ฝึกให้เกิดพลังแห่งความสามารถบังคับอาทิสมานกายได้ ณ เวลานั้น เป็นความสำเร็จขั้นสำคัญของสมาธิ แต่บุคคลไม่ได้ผ่านการทำสมาธิ หรือผ่านแต่ไม่ถึงจุดพลังอำนาจ การเป็นไปของอาทิสมานกายจะต้องไปตามอารมณ์และอุปาทาน เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงต้องเคลิ้มไปตาม เนื่องจากจิตได้เคลียร์ปลายสุดประสาทของกายหยาบได้แล้ว กายหยาบก็หมดสิทธิ์ที่จะทำงาน จึงเป็นหน้าที่ของอาทิสมานกายในการสั่งการไปตามอารมณ์และอุปาทาน จิตของคนเรานั้นเป็นตัวสะสมทุกสิ่งทุกอย่างที่มันได้ประสบมา เมื่อประสบพบเห็นก็ฉายเข้ามาเก็บเอาไว้นานัปการ ครั้นเมื่อจิตเข้าภวังค์ จิตที่ฉายเอาไว้หรือเท่ากับถ่ายเป็นฟิล์มเก็บไว้ที่จิต ก็จะถูกอัดรูปออกมา เป็นไปด้วยอารมณ์อุปาทานนั้นๆ ด้วยเหตุนี้ กายหยาบจึงแสดงวิธีหรืออาการต่างๆ ออกมาอย่างไร้สติ เป็นสิ่งที่ถูกกดดันจากอทิสมานกายให้พูดสำเนียงต่าง ๆ อักขระต่างๆ อารมณ์อุปาทานติดค้างเจ้าพ่อเจ้าแม่อยู่ในใจแต่ก่อนก็จะแสดงวิธีหรืออาการเหล่านี้ออกมา ซึ่งผิดปกติธรรมดา ไม่เหมือนคนที่มีสติโดยทั่วไป การแสดงออกเหล่านี้ทำให้คนที่มีสติปกติเข้าใจว่าเทพบ้าง ปิศาจบ้าง เจ้าพ่อบ้าง วิญญาณต่างๆ บ้าง เกิดมีความเชื่อด้วยความประสงค์ต้องการให้ช่วยเหลือต่างๆ นานา เป็นต้นว่า ดูชะตา ดูคู่ ดูเมียน้อยเมียหลวง รักษาโรคภัยไข้เจ็บ ดูอนาคต ให้ช่วยในหน้าที่การงาน ค้าขายให้มีโชคลาภ

    ด้วยประการใดก็ตาม หรือด้วยความประสงค์ของประชาชนเอง ตลอดความเชื่อที่ยังไม่ได้รับการกลั่นกรองของผู้คนทั้งหลาย หาที่พึ่งอื่นไม่ประสบความสำเร็จ ก็ต้องมาเอาสิ่งที่ไม่มีตัวตนเป็นที่พึ่ง โดยคิดว่ามันก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร ประชาชนมาคิดกันอย่างนี้ การที่จิตเข้าภวังค์ด้วยความโน้มน้าวของอารมณ์ อุปาทานจึงเกิดขึ้นแล้วตั้งเป็นกลุ่มตามความที่บุคคลมิได้มีการกลั่นกรองให้ทราบและเข้าใจในกรณีเช่นนี้

    (จากหนังสือหลวงพ่อ หน้า ๑๔ – ๑๕)

    เมื่อได้แก้ข้อสงสัยไปเป็นส่วนใหญ่แล้วดังนี้ ถือเป็นอุทาหรณ์สำหรับเราเองว่าไปภายหน้า หากพบเห็นปรากฏการณ์อะไรที่แปลกไปจากความสามารถรู้เห็นปกติของเรา ก็อย่าเพิ่งรีบไปให้ราคามันว่าเป็นสิ่งวิเศษมหัศจรรย์ และอย่าได้รีบโยงเข้ามาเป็นเรื่องในพุทธศาสนาอย่างเด็ดขาด อย่าได้รีบทึกทักว่าเป็นทางเดียวกับสิ่งที่เรากำลังปฏิบัติอยู่อย่างเด็ดขาด

    ที่มา ... http://oknation.nationtv.tv/blog/ditto/2011/10/04/entry-1
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    เมื่อสักครู่ ไปอ่านเรื่อง มิติ จักรวาลในจักรวาล ที่คุณ nouk บอก

    ก็มีหลายๆอย่าง คล้ายกัน มีเรื่องของ แสง เวลา เราคิดไว้นานแล้วว่า โลกทิพย์เป็นมิติของแสง

    แต่จริงๆก็ไม่รู้ว่าเป็นไงเหมือนกัน

    แต่บางครั้งก็ต้องเล่านิทานไว้ เผื่อเกิดใหม่มาอ่าน จะได้เร็วขึ้น 5555

    ยิ่งพบเจออะไรมากๆ ก็ยิ่งรู้สึกว่า โชคดีที่เกิดมาได้พบ พุทธศาสนา

    ไม่งั้นไม่รู้ว่าจะหาทางออกไปได้ยังไง ทุกอย่างมันซับซ้อนเกินกว่า ปัญญาเราจะเข้าใจ

    พระธรรม สอนตั้งแต่เริ่มต้น จนไปถึงปลายทางเลย โชคดีที่ได้ศึกษา

    สักวันจะหยุดวงจรเกิดของตัวเองซะที
     
  15. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ทุกสิ่งทุกอย่างมีอยู่แล้วในจิตค่ะ เพียงแค่ฝึกจนจิตมีความละเอียดเล็กลงจนถึงที่สุด ก็จะเห็นละเอียดลุ่มลึกลงไปเป็นลำดับๆ มิติต่างๆ ก็คือมิติที่เรียงทับซ้อนกันอยู่ในจิต แต่เพราะอำนาจของอวิชชาที่ครอบงำจิตไว้ จึงพาคิดไปว่าสิ่งเหล่านั้นอยู่ไกลเหลือเกิน
     
  16. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    อยู่กับสติ อยู่กับการปั้นพระพุทธรูป จิตจดจ่อเป็นเอกัคตา หลวงพ่อฤาษีฯ บอกว่า
    พุทธานุสสติเป็นกรรมฐานที่ง่ายต่อนิพพาน
    ก็เลยเจริญๆ แต่พุทธานุสสติในพรรษานี้
    มีความสุข สงบ จิตไปไหนไม่รู้ รู้แต่สติ
    ดูโลก เห็นโลก แต่ไม่คิดตามโลก
    เพราะโลกก็เป็นโลกอยู่อย่างนั้น
    โลกคือสังขาร โลกคือการปรุงแต่ง โลกคืออุปาทาน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    นิทานสักนิด
    วิมุตติ เป็นไฉนหนอ เห็นเป็นดวงกำลังของปัญญา บางคนเป็นดวงกำลังของสมาธิ ล้อมรอบดวงวิบาก
    มีคำถามเพลินๆ ใครสนใจจะลองคิดก็ได้

    กลัวความตายหรือไม่

    กลัวตัวเองตายหรือไม่

    ร่างกายมีความสำคัญต่อการเรียนรู้ธรรมอย่างไร

    เรียนสิ่งที่จำเป็นมาครบหรือยัง

    โลกคืออะไร

    นิพพานคืออะไร
     
  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    อยู่ดีๆ ก็มาทดสอบกันซะแล้ว
    เอางี้ดีกว่า คุณ hastin ส่องดูเข้าไปดูในจิตเราเลยดีกว่า ชัวร์กว่ากันเยอะ เราเรียบเรียงสมมติบัญญัติไม่ค่อยถูก การสื่อสารมีปัญหาค่ะ:D
     
  19. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    สมมติ...มีวันเสื่อม
    แต่สัจจะ...ไม่มีวันเสื่อม

    เงาเกิดเมื่อมีแสงสว่าง
    เงาดับเมื่อไม่มีแสงสว่าง
    เงาไม่มีเจ้าของแน่นอน
     
  20. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    การสร้างบันไดราวพญานาควัดภูเพียงดำเนินไปเรื่อยๆตามเหตุปัจจัย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอน
    ขุดหลุมวางเสาตอม่อ วางคานคอดิน คานพื้น ต่อระเบียงขยายพื้นที่หน้าโบสถ์ และวันนี้ไฟฟ้าก็ดับอีกแล้ว พร้อมฝนตกเป็นระยะๆ

    แบบบันไดที่จะสร้างที่หน้าพระอุโบสถ วัดภูเพียง จังหวัดน่านค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...