บรมครูเทพโลกอุดร.(ปู่ใหญ่)+เหรียญวัดโพธิ์สุธาวาส+แร่โคตรเศรษฐี+ครูบาคำแสน+เหล็กไหล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ชโย, 3 สิงหาคม 2010.

  1. ชโย

    ชโย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +526
    บรมครูเทพโลกอุดร (หลวงปู่ใหญ่)

    พิมพ์พระมหากัจจายนะเถระเจ้าพิมพ์ใหญ่ของ-บรมครูพระเทพโลกอุดรพิมพ์นี้จะอยู่ในลักษณะท่านั่งขัดสมาธิราบครองจีวรเรียบสองมือประคองท้องพลุ้ยหูตาชัดเจนมีขนาด:ความสูง2.5ซม.และความกว้างของฐาน2.3ซม.หนึ่งในตำนานพระกันนิวเคลียร์<o:shapelayout v:ext="edit"></o:shapelayout><o:idmap v:ext="edit" data="1"></o:idmap>

    รายการสินค้าเพิ่มเติมสนใจ...ชมสินค้าและราคาเพิ่มเติม
    พระสังกัจจายกรุเก่า...บรมครูเทพโลกอุดร...(รับประกันความแท้)
    สนใจติดต่อสอบถาม 086-6218297,080-0810824 หรือทาง pm
    บูชา 15,000 ฿




     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN3137.jpg
      DSCN3137.jpg
      ขนาดไฟล์:
      292.7 KB
      เปิดดู:
      553
    • DSCN3140.jpg
      DSCN3140.jpg
      ขนาดไฟล์:
      314.9 KB
      เปิดดู:
      471
    • DSCN3144.jpg
      DSCN3144.jpg
      ขนาดไฟล์:
      266 KB
      เปิดดู:
      181
    • DSCN3149.jpg
      DSCN3149.jpg
      ขนาดไฟล์:
      346.9 KB
      เปิดดู:
      286
    • DSCN3152.jpg
      DSCN3152.jpg
      ขนาดไฟล์:
      290.4 KB
      เปิดดู:
      146
    • DSCN3160.jpg
      DSCN3160.jpg
      ขนาดไฟล์:
      245.8 KB
      เปิดดู:
      97
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 สิงหาคม 2010
  2. ชโย

    ชโย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +526
    พิมพ์ควัมปติพิมพ์ขัดสมาธิราบของบรมครูพระเทพ
    โลกอุดรคู้บรรลังก์เหนืออาสนชั้นเดียวมีลีลาผึ่งผาย-
    งดงามได้สัดส่วน
    มีขนาด:ความสูง2.8..และความกว้างฐาน 2.3..
    รายการสินค้าเพิ่มเติมสนใจ...ชมสินค้าและราคาเพิ่มเติม

    พระพิมพ์ควัมปติ ขัดสมาธิราบ.....บรมครูเทพโลกอุดร....(รับประกันความแท้)

    สนใจติดต่อสอบถาม 086-6218297,080-0810824 หรือทาง pm
    บูชา 15,000 ฿ <!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      283.7 KB
      เปิดดู:
      149
    • DSCN4331.jpg
      DSCN4331.jpg
      ขนาดไฟล์:
      304 KB
      เปิดดู:
      79
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      273.5 KB
      เปิดดู:
      189
    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      316.8 KB
      เปิดดู:
      151
    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      120.9 KB
      เปิดดู:
      116
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 สิงหาคม 2010
  3. ชโย

    ชโย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +526
    แร่ข้าวตอกพระร่วง
    แหล่งกำเนิด : บริเวณเขาพระบาทใหญ่ จังหวัดสุโขทัย
    ลักษณะของแร่ข้าวตอกพระร่วง : มีลักษณะความแข็งคล้ายหิน มีรูปทรงตามธรรมชาติเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีสีดำ สีดำปนน้ำตาล สีดำปนลายเงินลายทอง(เชื่อถือกันว่าเป็นสื่อนำโชคลาภ และเงินทอง) เมื่อนำไปเจียรนัยจะมีลักษณะเป็นเงามันสวยงามมาก
    สรรพคุณ : หลวงพ่อฤาษีฯท่านได้แจกแร่พระร่วงนี้เมื่อปี ๒๕๑๘ และได้มีประกาศไว้ดังนี้ แร่นี้มีคุณสมบัติเท่าที่ทราบจากพระธุดงค์ที่เคยประสบมาคือ
    1.เมื่อจะใช้ท่านให้อาราธณาพระร่วงแล้วอมไว้ เดินทางตลอดวันไม่กระหายน้ำ
    2.พระธุดงค์อีกคณะหนึ่งแจ้งว่า เมื่อเดินธุดงค์เพื่อนเกิดท้องร่วง ไม่มียาจึงเสี่ยงเอาแร่พระร่วงใส่กาต้มน้ำแล้วเอาน้ำให้ฉัน พระองค์ที่ป่วยหายจากอาการท้องร่วงทันที
    3.เมื่อปี 2516 พระปลัดฉ่อง แห่งอำเภอสรรค์บุรี จังหวัดชัยนาท ได้ทำเป็นแหวนแจก ผู้รับไปจำชื่อไม่ได้ มีโจรเข้าปล้นควายโจรมีปืน เจ้าของคนเดียวมีมีดด้วยความเสียดายควายแม้จะเป็นคนเดียวและอาวุธไม่ดีก็ยอม เสี่ยงเข้าไล่โจร โจรยิงด้วยปืนพกและลูกซอง ปรากฏว่าไม่มีแผล เจ้าตัวยืนยันว่าไม่มีอะไรอื่นเลยมีเพียงแร่พระร่วงเท่านั้น...
    และจากประสบการณ์ของผู้ที่ได้นำแร่นี้ไปบูชา จะพบกับความโชคดี มีโชคลาภ เมตามหานิยม แคล้วคลาด และยังสามารถนำไปฝนกับน้ำมะนาวใช้แก้พิษสัตว์กัดต่อยได้อย่างดีอีกด้วย

    ข้าวตอกพระร่วง เชื่อว่าเป็นของสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีไว้บูชา ลักษณะเป็นก้อนหินมีลักษณะสี่เหลี่ยมลูกบาศก์คล้ายลูกเต๋าสีสนิมเหล็กหรือสีน้ำตาลไหม้ ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ โดยจะพบมากบริเวณเขาพระบาทใหญ่ ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย

    แร่นี้มีพบมากที่จังหวัดสุโขทัย พบฝังอยู่ในหินผุตามเชิงเขาพระบาทใหญ่ เมื่อทุบให้แผ่นหินผุแตกจะพบหินเป็นรูปสี่เหลี่ยมคล้ายลูกเต๋าสีสนิมเหล็ก หรือสีน้ำตาลไหม้เล็กบ้างใหญ่บ้าง ก้อนใหญ่หน้าราบขนาดราว2-3 เซนติเมตร ก้อนเล็กราวครึ่งเซ็นติเมตร และก้อนใหญ่บางก้อนนั้น ถ้าทุบให้แตกอีกก็จะแตกเป็นก้อนย่อย ๆ รูปสี่เหลี่ยมอีกเหมือนกัน แต่บางก้อนเป็นรูปสี่เหลี่ยมยาวก็มี ชาวบ้านเรียกหินชนิดนี้ว่า ข้าวตอกพระร่วง เชื่อกันว่าเป็นของขลังและศักดิ์สิทธิ์ ป้องกันอสรพิษได้ ถ้าถูกแมลงมีพิษกัดต่อยให้เอาหินก้อนนั้นกดทับตรงบาดแผลจะระงับพิษได้ บางคนก็เอามาเลี่ยมทำเครื่องประดับใช้เป็นเครื่องราง

    พกติดตัีวป้องกันภูติผีปีศาจ ของมนต์ดำ ของต่ำของไม่ดี การกระทำต่างๆ ซึ่งเกิดจากคนหรือลมเพลมพัด ต้างๆทำให้หลุดล่วงหล่นไปไม่สามารถทำอันตรายเราได้ ป้องกันสัตว์ร้ายนาๆประการที่จะมาทำร้าย พระธุดงค์ สมัยเก่านิยมนำมาติดตัวเดินป่าเดินทางไกล ไปในป่าเขาลำเนาไพร ไม่มีมีด หรือปืน ติดตัว บางองค์มีข้าวตอกพระร่างซึ่งเชื่อว่าเป็นของดีพกติดตัวไว้ก็กลับแคล้วคลาดปอดภัยรอดจากสิ่งชั่วร้ายหรือสัตว์ร้ายในป่าวได้ ก็เป็นของดีอีกอย่างหนึ่งที่ควรจะมีพกติดตัวไว้บ้างเอาไว้ใช้ในยามคับขัน..ดีนักแล.......

    สนใจติดต่อสอบถาม 086-6218297,080-0810824 หรือทาง pm

    รายการสินค้าเพิ่มเติมสนใจ...ชมสินค้าและราคาเพิ่มเติม

    บูชาเม็ดละ150-(พร้อมจัดส่ง)


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      236.6 KB
      เปิดดู:
      126
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      238.7 KB
      เปิดดู:
      159
    • DSCN4347.JPG
      DSCN4347.JPG
      ขนาดไฟล์:
      226.8 KB
      เปิดดู:
      84
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 สิงหาคม 2010
  4. ชโย

    ชโย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +526
    <o:shapelayout v:ext="edit"></o:shapelayout><o:idmap v:ext="edit" data="1"></o:idmap>
    เหรียญมหาลาภวัดโพธิ์ด้านหน้าสมเด็จองค์ปฐมด้านหลังคาถาเงินล้านหลวงพ่อฤาษีลิงดำพุทธาภิเศกปี2530
    วัดโพธิ์สุทาวาสสร้าง บูชาเหรียญละ 650 ฿ (ทางด้านมหาลาภ)มีสองเหรีัยญ สวยกริ๊บๆ....สภาพเดิมๆ

    สนใจติดต่อสอบถาม 086-6218297,080-0810824 หรือทาง pm

    รายการสินค้าเพิ่มเติมสนใจ...ชมสินค้าและราคาเพิ่มเติม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN4349.JPG
      DSCN4349.JPG
      ขนาดไฟล์:
      152.4 KB
      เปิดดู:
      86
    • DSCN4360.JPG
      DSCN4360.JPG
      ขนาดไฟล์:
      146.7 KB
      เปิดดู:
      91
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 สิงหาคม 2010
  5. king938

    king938 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2009
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +1,103
    บรมครูเทพโลกอุดร....(ปู่ใหญ่)<!-- google_ad_section_end -->

    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    พิมพ์ควัมปติพิมพ์ขัดสมาธิราบ ดูรูปไม่ได้ครับ

    ทั้ง 2 พิมพ์ เนื้ออะไรครับ
     
  6. ชโย

    ชโย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +526
    <o:shapelayout v:ext="edit"></o:shapelayout><o:idmap v:ext="edit" data="1"></o:idmap>
    เหรียญเข็มกลัดรูปพระพุทะ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ โดยเสด็จพระราชกุศลพระอุโบสถ คณะรังษี วัดบวรนิเวศ สร้างปี2519 สภาพสวย 350-

    สนใจติดต่อสอบถาม 086-6218297,080-0810824 หรือทาง pm
    รายการสินค้าเพิ่มเติมสนใจ...ชมสินค้าและราคาเพิ่มเติม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN4364.JPG
      DSCN4364.JPG
      ขนาดไฟล์:
      452.1 KB
      เปิดดู:
      77
    • DSCN4367.JPG
      DSCN4367.JPG
      ขนาดไฟล์:
      388.8 KB
      เปิดดู:
      76
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 สิงหาคม 2010
  7. ชโย

    ชโย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +526
    จัดการให้แล้วครับ....เป็นพระเนื้อผงครับ...กรุเก่า
     
  8. ชโย

    ชโย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +526
    เหรียญสามัคคีมีสุข-กูผู้ชนะ 250-

    สนใจติด่อสอบถามได้ที่ 080-081-0824,086-621-8297หรือทาง pm

    รายการสินค้าเพิ่มเติมสนใจ...ชมสินค้าเพิ่มเติม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 11.jpg
      11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      269.3 KB
      เปิดดู:
      138
    • 12.jpg
      12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      264.5 KB
      เปิดดู:
      100
  9. ชโย

    ชโย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +526
    รูปหล่อหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดศาลพันท้ายนรสิงห์รุ่นแรก บูชาองค์ละ 550฿
    สนใจติด่อสอบถามได้ที่ 080-081-0824,086-621-8297หรือทาง pm

    รายการสินค้าเพิ่มเติมสนใจ...ชมสินค้าเพิ่มเติม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 9.jpg
      9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      186.3 KB
      เปิดดู:
      81
    • 10.jpg
      10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      188.1 KB
      เปิดดู:
      118
  10. ชโย

    ชโย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +526
    <o:shapelayout v:ext="edit"></o:shapelayout><o:idmap v:ext="edit" data="1"></o:idmap>
    พระมหาสิริราชธาตุวัดพระธรรมกาย.ปทุมธานีปลุกเสกโดยวิชชาธรรมกาย
    สร้างวัดพระธรรมกาย-วัดปากน้ำ

    พระมหาสิริราชธาตุวัดพระธรรมกาย.ปทุมธานีปลุกเสกโดยวิชชาธรรมกายสร้างปี2541พระมหาสิริราชธาตุประกอบด้วยธาตุธาตุ มาประชุมรวมกันคือ

    )พญาเหล็กเพชรดำ
    -มีสีดำเงางามสีคล้ายเพชรดำแม่เหล็กดูดติดได้
    -เป็นธาตุให้ความเข้มแข็งเพื่อเอาชนะอุปสรรคทั้งปวง
    )คำแก้วมณี
    -มีสีเหมือนทองคำแต่สุกใสมองทะลุได้(มีการนำตัวอย่างไปให้กรมทรัพยากรธรณีพิสูจน์ปรากฏว่ามีแร่ทองคำอยู่ในตัวอย่างนั้น)
    -เป็นธาตุที่ช่วยดึงดูดทรัพย์ให้ความสง่าผ่าเผยและความบริสุทธิ์แห่งการประพฤติธรรม
    )สิทธิธาตุ
    -มีสีแดงเรื่อๆสวยงามเหมือนอาทิตย์อัสดง(พระอาทิตย์ตก)หรือเหมือนตอนอรุโณทัย(พระอาทิตย์ขึ้น)
    -เป็นธาตุที่ให้ความสำเร็จสมปรารถนา

    ธาตุทั้งสามมารวมกัน
    เป็นมหาสิริราขธาตุเป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งมหาสิริราชธาตุแปลว่าราชาแห่งธาตุเป็นที่มานอนแห่งโภคทรัพย์ อันมหาศาลหมายถึงทรัพย์ทั้งหลายทั้งโลกียทรัพย์และอริยทรัพย์เมื่อมาแล้วจะมาอยู่นิ่งไม่ผ่านเลยไป

    วิธีอาราธนา
    พระมหาสิริราชธาตุ
    พระมหาสิริราชธาตุนี้ประกอบไปด้วยธาตุธรรมอันศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ทำพระของขวัญนี้ให้เป็นพระเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นของคู่บุญ สำหรับพวกเราทั้งหลาย

    ดังนั้น
    ให้อาราธนาองค์พระของขวัญนี้ติดตัวไว้เป็นประจำและหมั่นสวดสรรเสริญท่านทุกวันวันละหลายๆครั้งผูกสมัครรักใคร่ในองค์ท่านคิดถึงท่านบ่อยๆและน้อมมาตั้งไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ทำใจให้หยุดให้นิ่งพร้อมกันภาวนาว่า"สัมมาอะระหัง"ไปเรื่อยๆจะกี่ครั้งก็ได้จนกระทั่งใจสงบนิ่งเมื่อปรารถนาสิ่งใดที่เป็นกุศลให้อธิษฐานจิตและขอความสำเร็จจากองค์พระด้วยเสียงดังพอได้ยินด้วยหูของเรา

    บุญอันเกิดจากการตั้งใจ
    บำเพ็ญมหาทานบารมีด้วยการสร้างพระธรรมกายประจำตัวรวมกับบุญที่เกิดจากการบูชาพระอย่างถูกวิธีด้วยจิตใจที่เลื่อมใสในพระรัตนตรัยนี้ย่อมส่งผลให้เป็นผู้ที่ประสบแต่ความสุขความเจริญเป็นปกติมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน แม้นมีเหตุเภทภัยใดๆก็ย่อมทำให้จากหนักเป็นเบาจากเบาก็หายไปเลยปลอดภัยเป็นอัศจรรย์และทำให้เป็นผู้ที่ถึงพร้อมไปด้วยโลกียทรัพย์และอริยทรัพย์บันดาลความสำเร็จและความสมปรารถนาให้เป็นอัศจรรย์สภาพสวยเดิม

    สนใจติด่อสอบถามได้ที่ 080-081-0824,086-621-8297หรือทาง pm

    รายการสินค้าเพิ่มเติมสนใจ...
    ชมสินค้าเพิ่มเติม

    บูชา 1200-
    จองแล้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      148.4 KB
      เปิดดู:
      131
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      158 KB
      เปิดดู:
      107
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 สิงหาคม 2010
  11. ชโย

    ชโย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +526
    พระแร่โคตรเศรษฐี สำนักสงฆ์ปฏิับัติธรรมแม่ชีปทุม โชติอนันต์ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
    มีแร่โคตรเศรษฐีติดที่ด้านหน้าและด้านหลังทุกองค์(มี2องค์)บูชาองค์ละ 500-


    สนใจติด่อสอบถามได้ที่ 080-081-0824,086-621-8297หรือทาง pm


    รายการสินค้าเพิ่มเติมสนใจ...ชมสินค้าเพิ่มเติม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      110 KB
      เปิดดู:
      82
    • 7.jpg
      7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      129 KB
      เปิดดู:
      89
    • 8.jpg
      8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      910.7 KB
      เปิดดู:
      174
  12. ชโย

    ชโย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +526
    วัวธนูครูบาคำแสน(เล็ก)

    ประวัติครูบาคำแสน คุณาลังกาโร
    ครูบาคำแสน คุณาลังกาโร
    วัดดอนมูล อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่
    ท่านหลวงปู่ครูบาู่คำแสน หรืออีกนามหนึ่งคือ
    "ีครูบาคำแสนน้อย" ท่านเป็นพระนักปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ตามแนวแห่งหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ไม่ได้แปรญัตติเป็นธรรมยุต หลวงปู่คำแสนมีอุปนิสัยเยือก เย็น อ่อนโยน ยิ้มแย้มแจ่มใส ผู้ที่ได้รับฟังธรรมจากท่านแล้วก็หายทุกข์โศก ท่านได้เสริมสร้างคุณงานความดีทั้งที่เป็นอัตตหิตประโยชน์ และปรหิตประโยชน์ไว้ในพระพุทธศาสนาเป็นอเนกประการ


    [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    [​IMG] [​IMG] [​IMG]อัฐิธาตุครูบาคำแสน คุณาลงฺกาโร อัฐิธาตุครูบาคำแสน คุณาลงฺกาโร



    <!--[if !mso]> <style> v\:* {behavior:url(#default#VML);} o\:* {behavior:url(#default#VML);} p\:* {behavior:url(#default#VML);} .shape {behavior:url(#default#VML);} v\:textbox {display:none;} </style> <![endif]--><!--[if !ppt]--><style> .O {font-size:233%;} </style><style media="print"> <!--.sld {left:0px !important; width:6.0in !important; height:4.5in !important; font-size:103% !imp</style>จะมีใครสักกี่คนที่จะได้ทราบว่า ตอนที่หลวงพ่อฯท่านมรณภาพนั้น ในย่ามของท่านนั้นได้มีเครื่องรางอยู่ชิ้นหนึ่ง
    สิ่งนั้นก็คือวัวธนูของหลวงปู่คำแสน ซึ่งในอดีตท่านเคยเป็นพี่ชายของหลวงพ่อฯ ซึ่งอานุภาพของวัวธนูนี้
    กล่าวกันว่าป้องกันอันตรายจากภูติผีปีศาจ และอันตรายจากคุณไสยต่างๆ รวมทั้งสามารถฝากให้เฝ้าดูแล
    บ้านเรือนและทรัพย์สินภายในบ้านให้ปลอดภัยจากพวกขโมยได้เป็นอย่างดี รวมทั้งทางด้านโชคลาภก็มีเช่นกัน

    สนใจติด่อสอบถามได้ที่ 080-081-0824,086-621-8297หรือทาง pm

    รายการสินค้าเพิ่มเติมสนใจ...ชมสินค้าเพิ่มเติม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 13.jpg
      13.jpg
      ขนาดไฟล์:
      551.4 KB
      เปิดดู:
      158
    • 15.jpg
      15.jpg
      ขนาดไฟล์:
      519.5 KB
      เปิดดู:
      113
    • 11.jpg
      11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      194.2 KB
      เปิดดู:
      205
    • 8.jpg
      8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      234.6 KB
      เปิดดู:
      101
    • 115.jpg
      115.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.7 KB
      เปิดดู:
      283
    • 119.jpg
      119.jpg
      ขนาดไฟล์:
      161.5 KB
      เปิดดู:
      171
    • 1120.jpg
      1120.jpg
      ขนาดไฟล์:
      134.6 KB
      เปิดดู:
      174
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 สิงหาคม 2010
  13. ชโย

    ชโย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +526
    สิงห์เจ้าพ่อดำครูบาคำแสน(ใหญ่)

    ประวัติครูบาคำแสน อินฺทจกฺโก
    พระครูสุคันธศีล (ครูบาคำแสน อินฺทจกฺโก)
    วัดบุพผาราม (สวนดอก) อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
    ท่านหลวงปู่ครูบาู่คำแสน หรืออีกนามหนึ่งคือ "ีครูบาคำแสนใหญ่" ท่านเป็นพระนักปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ได้เที่ยวธุดงค์เผยแพร่ ธรรม ตามป่าเขา เป็นเวลานานและต่อมา ท่านได้เป็นเจ้าอาวาสวัดสวนดอก ซึ่งเป็นวัดหลวงของจังหวัด เชียงใหม่ ท่านได้ทำนุบำรุง และอนุรักษ์วัดสวนดอกเป็นเวลา ๓๐ ปี ท่านเป็นปูชนียบุคคลที่ควรยกย่อง ท่านได้อุทิศชีวิตบำรุงพระพุทธศาสนา มั่นคงดำรงตนในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ประพฤติธรรมสมถะ มีดวงจิตหลุดพ้นจนได้รับสมญานามว่า "รอยยิ้มแห่งพระอรหันต์
    "



    [​IMG] [​IMG][​IMG]


    อัฐิธาตุครูบาคำแสน อินฺทจกฺโก ภาพพระธาตุครูบาคำแสน


    สิงห์เจ้าพ่อดำวัดบุพพาราม(วัดสวนดอก)ครูบาคำแสน(ใหญ่)ต.ทรายมูล.สันทราย.เชียงใหม่เศก4-5กพ.19
    นวโลหะกลับดำสนิทผสมชนวนโลหะศกดิ์สิทธิ์มากมาย

    สนใจติด่อสอบถามได้ที่ 080-081-0824,086-621-8297หรือทาง pm

    รายการสินค้าเพิ่มเติมสนใจ...ชมสินค้าเพิ่มเติม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 93.jpg
      93.jpg
      ขนาดไฟล์:
      346.9 KB
      เปิดดู:
      101
    • 98.jpg
      98.jpg
      ขนาดไฟล์:
      139.7 KB
      เปิดดู:
      98
    • 94.jpg
      94.jpg
      ขนาดไฟล์:
      454.6 KB
      เปิดดู:
      92
    • 96.jpg
      96.jpg
      ขนาดไฟล์:
      366 KB
      เปิดดู:
      119
    • 118.jpg
      118.jpg
      ขนาดไฟล์:
      134.6 KB
      เปิดดู:
      176
    • 111.jpg
      111.jpg
      ขนาดไฟล์:
      80 KB
      เปิดดู:
      303
    • 113.jpg
      113.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.6 KB
      เปิดดู:
      162
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 สิงหาคม 2010
  14. ชโย

    ชโย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +526
    รูปหล่อหลวงปู่ธรรมรังษีอุดผงพรายกุมารปู่ทิม วัดระหารไร่
    รูปหล่อหลวงพ่อออกให้บูชาในวันที่ 25 มกราคม 2540 เนื้อสัมฤทธิ์ 2540องค์ เนื้อนวะโลหะ สร้างเพียง 980องค์ เนื้อเงินสร้างเพียง 480 องค์ ทองคำสร้างเพียง 22 องค์ผู้บูชารูปหล่อรุ่นนี้ไปต่างมีโชคลาภไปตามๆกัน มวลสารที่ใช้บรรจุใต้ฐานรูปหล่อรุ่นนี้ ก็คือ "หวัวละแกออยส์" หรือว่า"เครือให้"อาจารย์เปล่งบุญยืนจอมเฒ่าผู้ขมังเวทแห่งท่าตูมถึงกับเอ่ย ป่าวว่าสงสัยหลวงปู่ธรรมรังษีมี "หวัวละแกออกยส์" ผู้คนถึงเอาเงินมาให้ เอาข้าวของมาให้จนสร้างวัดใหญ่โตในเวลาไม่กี่ปี อาจารย์เปล่งบอกว่าถ้า ใครมีเครือให้หรือ "หวัวละแกออยส์" ติดตัวไว้จะมีผู้คนเอาของมาให้มีกินมีใช้มิได้ขาด สงสัยว่าหลวงปู่ธรรมรังษีมี "หวัวละแก" ออยส์อยู่ด้วยผู้คนเลยไปมาหาสู่เอาข้าวของมาให้มาถวายท่านมิได้ขาด สำหรับรูปเหมือนและราชสีห์ที่คุณ ชินพร สร้างและบรรจุผงก็มี "หวัวละแกออยส์"ใส่ปนเข้าไปด้วยคนที่บูชาราชสีห์หรือรูปหล่อมหาเศรษฐีไปจึง มีโชคลาภ มีกินมีใช้มิได้ขาดมือ อานุภาพของ "เครือให้" ผนวกด้วยพลังจิตอันบิรสุทธิ์และเข้มขลังของหลวงปู่ธรรมรังษี จึงทำให้ผู้ที่นำเอาของเหล่านี้ ไปใช้ต่างมีโชค มีลาภ มีผู้คนให้อยู่เสมอมิได้ขาด จนอาจารย์เปล่งถึงกับ กล้าสันนิษฐานว่า หลวงปู่ธรรมรรรมรังษีเองนั้นก็คงจะมี"หวัวละแกออยส์"อยู่ด้วย ผู้คนจึงแห่เอาของมาให้จนท่านสามารถสร้างวัดขึ้นใหญ่โตในเวลาอันไม่นาน
    บูชา 1500-

    สนใจติด่อสอบถามได้ที่ 080-081-0824,086-621-8297หรือทาง pm

    รายการสินค้าเพิ่มเติมสนใจ...ชมสินค้าเพิ่มเติม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 9.jpg
      9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      141.9 KB
      เปิดดู:
      88
    • 12.jpg
      12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      146.1 KB
      เปิดดู:
      121
    • 7.jpg
      7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      151.8 KB
      เปิดดู:
      96
  15. ชโย

    ชโย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +526
    แร่เหล็กไหลเขาอึมครึม อ.หนองปรือ จ.กาญจณบุรี บริเวณเขาอึมครึมแห่งนี้บริเวณภูมิประเทศเป็นเทือกเขายาว อากาศเย็นและมีหมอกปกครุมอยู่ทั้งปีจึงเป็นที่มาของ"เขาอึมครึม"กล่าวกันว่าสงครามโลกครั้งที่2 ทหารญี่ปุ่นได้พบถ้ำแห่งนี้ และได้นำแร่เหล่านี้มาถลุงเป็นโลหะเพื่อใช้ประโยชน์ในกองทัพ

    ชาวบ้านแถวนี้เชื่อกันว่า ใครได้บูชาแร่เหล็กไหลเขาอึมครึมไว้ในบ้านแล้วจะทำให้พบกับความร่มเย็นเป็นสุข เหมือนเขตขุนเขาแห่งนี้ที่มีความเย็นตลอดทั้งปี และมีความเชื่ออีกว่าสามารถป้องกันอันตรายและภัยพิบัติต่างๆได้ มีอำนาจทาง คงกระพัน หนังเหนียว ปลอดภัยจากอาวุธ และ ของมีคม และยังมีคุณสมบัติพิเศษที่พกติดตัวสามารถที่จะป้องกันเขี้ยงงาต่างๆรวมทั้งสัตว์มีพิษต่างๆที่จะมาทำร้าย อย่างเช่นโดนพวกแมงต่างๆกัดเอาเช่น ตะขาบ แมงป่อง ขบกัดเอา ให้ใช้แร่นี้ทำการดูดพิษจากการโดนกันได้ เพียงวางไว้ที่บาดแผลที่โดนกันชั่วครู่อาการปวดก็จะทุเราและบรรเทาไป

    แร่เหล็กไหลพญาเพชรดำเขาอึมครีม จ.กาญจณบุรี เป็นของทนสิทธิ์มีฤทธิ์ในตัว มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ได้ผ่านการตรวจพลังมาแล้วว่ามีพลังจริงมีผู้ใช้มีประสบการณ์กันมากทางด้าน มหาอุด คงกระพัน กันเขี้ยวงา เมตตามหานิยม อันนี้ผมรองเอาไปตรวจสอบดูองค์พ่อปู่ท่านบอกว่าดีมากทางเลียกทรัพย์สินเงินทองเป็นมหาโชคมหาลาภ มีไว้ไม่อดไม่อยาก เรียกทรับย์เรียกลาภ มาหาตัวเราทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรื่องท่านบอกว่ามีผู้ครอบครอง รักษาอยู่...ให้เก็บรักษาให้ดีจะเป็นมงคล...จากการอ่านประวัติเรื่องการทำนายต่างๆ มีคำกล้าวบอกไว้อย่าง หนึ่งว่า...ต่อไปจะมีผู้คนนำเอาแร่ธาตุต่างๆที่แปลกประหลาดและไม่เคยเห็นมาก่อนจะปรากฏขึ้นและผู้คน จะนำแร่ธาตุเหล่านั้นมาเป็นเครื่องประดันตามร่างการ....เพื่อใช้ป้องกันภัย...และเป็นเครื่องประดับอย่างไม่ รู้คุณค่าแต่ก็คุ้มครองเขาไปในตัว....และจะมีของแปลกๆที่ผุดขึ้นมาบนโลกนี้อีกมากจะเป็นจำพวกคตของ ทนสิทธิ์ต่างๆเพื่อออกมาปกป้องมนุษย์จากภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้น...ในภายภาคหน้า...และยังมีของที่ครูบาอาจารย์ที่ท่านมีความรู้ความสามารถที่ท่านรู้เหตุการร่วงหน้าและได้คาดการไว้ได้ทำเอาไว้อีกจำนวนหนึ่ง...ซึ่งเป็นญาณหยั่งรู้ของท่านและท่านก็ห่วงลูกหลานในอณาคตว่าจะเกิดเหตุเภทภัยต่างๆเพราะเชื่อกันว่าต่อ ไปในภายภาคหน้าจะเกิด...เหตุการไม่คาดฝันขึ้นเช่น...แผ่นดินไหว...แผ่นดินถล่ม...น้ำท่วม...โรคระบาด.... ผู้คนจะล้มตาย กันเป็นจำนวนมากๆในที่ต่างๆทั่วโลก...อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน...เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง...หรือมีเหตุการใดๆเตือน ธรรมชาติ จึงสร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขึ้นตามธรรมชาติเพื่อเอาไว้ให้มนุษย์ป้องกันตัวจากสิ่ง....เลวร้ายต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น... กับมนุษย์เรา....นี่เป็นของขวัญจากธรรมชาติเพื่อให้มนุษย์เรา ได้อยู่เพื่อดำรงชีวิตและเผ่าพันธุ์....ต่อไป....(โอกาศ)
    สรุปแบ่งได้เป็นสองกลุ่มคือ... 1. ของที่เกิดขึ้นเองจากธรรมชาติ....และ
    2. ของที่ครูบาอาจารย์ใช้อำนาจบารมีที่ท่านมีทำขึ้นมา

    สนใจติด่อสอบถามได้ที่ 080-081-0824,086-621-8297หรือทาง pm

    รายการสินค้าเพิ่มเติมสนใจ...ชมสินค้าเพิ่มเติม

    บูชา 600-(มี1เม็ด)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 91.jpg
      91.jpg
      ขนาดไฟล์:
      162.9 KB
      เปิดดู:
      86
    • 93.jpg
      93.jpg
      ขนาดไฟล์:
      158.5 KB
      เปิดดู:
      100
    • 94.jpg
      94.jpg
      ขนาดไฟล์:
      173.8 KB
      เปิดดู:
      111
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 สิงหาคม 2010
  16. ชโย

    ชโย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +526
    แร่เกาะล้าน

    เกล็ดเล็กๆ เก็บมาฝาก
    *************
    แร่ เกาะล้าน หรือขี้เหล็กไหล ตามความเชื่อของบรรดาเซียนพระ อยู่ตรงที่แร่สามารถงอกได้หรือขยายตัวให้โตขึ้นได้ หากเป็นแร่ที่อยู่ตามธรรมชาติแล้วมีการงอกที่เหมือนกับหินงอกหินย้อยทั่วไป ก็ดูไม่น่าแปลก แต่ถ้านำแร่เกาะล้านมาเลี่ยมใส่กรอบพลาสติกอย่างมิดชิดแล้ว ปรากฎว่ายังสามารถขยายขนาดหรืองอกเพิ่มจนดันกรอบให้แตกออกมาได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่มหัสจรรย์แต่ก็เป็นเรื่องจริง การที่องค์แร่เกาะล้านจะงอกจะขยายมากเท่าไรขึ้นอยู่กับคนใช้ว่าหมั่นบูชาสวด มนต์ปฏิบัติกรรมฐาน แผ่เมตตาจิตอุทิศส่วนกุศลให้แก่โคตรแร่เกาะล้านก็จะงอกขึ้น

    ด้วยคำบอกเล่า ของ -คุณบรรเจิด จินดาศักดิ์ชัย เจ้าของร้านค้าริมหาดแสม ที่ฝากตัวเป็นชาวเกาะล้านมากว่า 40 ปี แร่เกาะล้านถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะล้านทุกคนให้ความนับถือ ก่อเกิดเป็นตำนานเรื่องเล่าสืบต่อกันมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า
    ถ้าเป็นชาว เกาะล้านแท้ ๆต้องมีไว้บูชา ชาวบ้านกว่า 90 % เรียกว่าแทบจะทุกบ้านจะต้องมีเก็บไว้ มีการเคยพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วพบว่า จริง ๆ แล้วแร่เกาะล้าน ก็คือ แร่แมงกานิส แต่มีความพิเศษอยู่ตรงที่เมื่อเราขุดขึ้นมาแล้ว โดยทั่วไป ปริมาณของแร่จะไม่เพิ่มขึ้นเราเรียวกว่า แร่ตาย แต่แร่ที่เกาะล้านนี้จะเป็นแร่เป็น คือ คนที่แขวนบูชาแร่ก็จะงอกออกมาเรื่อย ๆ ส่วนพุทธปาฏิหารย์ที่พบเจอนั้น ก็จะมีแตกต่างกันไปตามความเชื่อของแต่ละคน บางคนก็แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตราย บางคนก็ทำมาค้าขึ้น ร่ำรวยเป็นเศรษฐี่ก็มี
    เรื่องอิทธิ ปาฏิหารย์ที่เขาจำได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง เกิดขึ้นในสมัย หลวงจบกระบวนยุทธ (พ่อตาของจอมพลถนอม) ในสมัยนั้น ทางรัฐบาลไทยได้ทำสัญญาจะขุดแร่เกาะล้านส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น ผลปรากฏว่าเมื่อเรือบรรทุกแร่เดินทางถึงท่าเทียบเรือของญี่ปุ่น แร่ที่ขนมานั้นได้กลายเป็นหินไปทั้งหมด สร้างความประหลาดใจให้กับลูกเรือและผู้รับผิดชอบโครงการเป็นอย่างมาก จนในที่สุดญี่ปุ่นจึงยกเลิกสัญญาการขนส่งแร่เกาะล้านไป
    "กับตัวของผม เอง สมัยที่ออกทะเลเดินเรืออยู่ในตอนนั้น ต้องเอาเรือข้ามแหลมมลายูเพื่อเดินทางกลับมายังประเทศไทย ขณะออกจากสิงคโปร์ ปรากฏว่าเครื่องยนต์เสีย เดินทางต่อไม่ได้ ก็มีชาวบ้านมาช่วยซ่อมเครื่องยนต์ เขาอยากได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากเมืองไทยผมก็ให้แร่เกาะล้านไป 2 ก้อน วันรุ่งขึ้นเขายกผลไม้ ข้าวของเครื่องใช้มาให้ใหญ่เลย
    ** เขาก็บอกว่าเป็นเพราะเมื่อวานหลังจากได้แร่กลับไปที่บ้าน แล้วบังเอิญถูกสุนัขไล่กัดเสื้อผ้าขาดหมด แต่ตัวเขาไม่เป็นอะไรเลย** แล้วก็คอยมาเฝ้าเรือผมตลอดเลย คอยถามว่ามีอีกไหมจะเอาไปบูชาอีก " บรรเจิดกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

    มากกว่าวิทยา ศาสตร์คือ น้ำหนักของความเชื่อที่นอกจากจะทำให้ชาวเกาะล้านภาคภูมิใจแล้ว แร่เกาะล้านยังกลายเป็นสมบัติประจำเกาะที่ชาวบ้านหวงแหน เนื่องจากครั้งหนึ่งเคยมีการขุดแร่ออกไปจากเกาะเป็นจำนวนมากทำให้ปริมาณแร่ ลดลงอย่างรวดเร็ว ทางเทศบาลนครพัทยาจึงประกาศห้ามขุดแร่เกาะล้าน แต่สำหรับใครที่มีอยู่ก่อนแล้ว ก็ไม่เป็นไร กลายเป็นอานิสงส์สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจอยากได้ไปบูชา
    แหล่งข่าว กรุงเทพธุรกิจ ส่วนเก็บมาฝาก
    **************************
    พิธีอาบแสงจันทร์ และเสพน้ำผึ้ง
    ********************
    เหล็ก ไหลเสพน้ำผึ้งคือการนำน้ำผึ้งป่าบริสุทธฺมาให้เสพ โดยอาศัยแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญเป็นสื่อ เหล็กไหลจะเสพกลิ่น สี และรส ดังนั้นเราควรถวายน้ำผึ้งแก่เหล็กไหลในคืนวันเพ็ญโดยจัดในที่โล่งแจ้งให้แสง จันทร์สาดส่องมาโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง น้ำผึ้งที่เสพแล้วนั้นจะมีคุณสมบัติที่เปลี่ยนไปเช่นกลิ่นจางลง สีเข้มขึ้นหรืออ่อนลงเป็นต้น
    การบุชาให้กล่าวคาถาบูชาดังนี้."พุทโธเมนาโถ ธัมโมเมนาโถ สังโฆเมนาโถ โอมสิทธิครูกูสวาโหม"
    "ขอพลังอำนาจ จากธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลคุ้มครองข้าพเจ้าให้พ้นจากภัยอันตรายบนโลกธาตุนี้ด้วยเทอญ"
    ************************************
    เหล็ก ไหลในตระกูลเหล็กไหลงอกหรือโคตรทรหดหากได้รับการอาบแสงจันทร์และเสพน้ำผึ้ง แล้งอาจจะมีสีที่เปลี่ยนไปเช่นเข้มขึ้นหรือจากดำเป็นเขียวอมดำและแลดูสดใส หรือเป็นสีเหลือบรุ้ง และจะเกิดการงอกได้เร็วขึ้น แม้จะเลี่ยมไว้ในกรอบก็ตาม
    *********************************
    ข้อความบางส่วนจากหนังสือ เหล็กไหลไม่มีวันตาย ของ อ.บูรพา ผดุงไทย ขอขอบคุณมาณที่นี้ครับ (ขอบคุณเวปเพื่อนบ้านครับที่ให้ข้อมูลดีๆ)



    สนใจติด่อสอบถามได้ที่ 080-081-0824,086-621-8297หรือทาง pm

    รายการสินค้าเพิ่มเติมสนใจ...ชมสินค้าเพิ่มเติม

    บูชา300-
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 11.jpg
      11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      545.8 KB
      เปิดดู:
      155
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      660.2 KB
      เปิดดู:
      120
    • 7.jpg
      7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      891.6 KB
      เปิดดู:
      84
    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      364.2 KB
      เปิดดู:
      109
    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      517.1 KB
      เปิดดู:
      95
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 สิงหาคม 2010
  17. ชโย

    ชโย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +526
    ปลัดขลิกหลวงปู่เมฆวัดลำกระดาน

    ปลัดขิก ลป.เมฆ วัดลำกระดาน ทำจากไม้เขยตาย กันงูอสรพิษได้ดีมาก ประสบการณ์เป็นที่เรื่องลือว่าปลัดขิกท่าน สามารถกันงูได้ฉมังนัก และ อยังดี ทางด้านเมตตาค้าขายอีกด้วย ชาวบ้านที่เป็นแม่ค้าได้รับจากท่านมาก็นำไปใส่ ในตะกร้าใส่เงินเวลาทำการค้าขาย ปรากฏว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่ามีประสบ การณ์กันมามากแล้วครับ ถึงขนาดว่าสมัยก่อนมีเรื่องเล่าว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งได้ไปกราบหลวงพ่อ พอรากลับหลวงพ่อท่านก็ได้ให้ปลัด แก่หญิงคนนั้นมาสมัยก่อนก็ใช้เรือพายไม่ค่อยมีรถยนต์เหมือนกับสมัยนี พอพายมาได้ถึงกลางทางด้วยเหตุไดไม่ทราบ หรือว่าจะไม่ชอบในลักษณะของปลัดขิกที่เป็นรูปอวัยวะเพศของผู้ชายก็เป็น ได้ผู้หญิงคนนั้นก็ได้โยนปลัดขิกของหลวงพ่อทิ้งน้ำ ไปจนหมดแล้วก็พายเรือ ไปต่อ พอไปได้ซักพักก็สังเกตเห็นว่ามีอะไรรอยมาข้างๆเรือพอหันไปมอง ก็ต้องประหลาดใจ เพราะปลัดขิกของหลวงพ่อได้ลอยมาตีคู่กับเรือให้เห็นเป็น ที่น่าอัศจรรย์ใจ ว่าปลัดนั้นมาได้อย่างไรก็เมื่อได้ทิ้งไปแล้ว ทำให้คนที่ทราบ ข่าวต่างก็พากันไปขอปลัดขิกของ หลวงพ่อกันเป็นการใหญ่ผู้ที่ได้มาก็นำมา คล้องเอว หรือถ้าตัวใหญ่หน่อยก็นำมาใส่ในตะกร้าค้าขายก็ปรากฏผลและประสบการณ์ ปากต่อปากไปทั่วถึงประสบการณ์ปลัดขลิกของท่านเป็นอย่างดี........

    สนใจติด่อสอบถามได้ที่ 080-081-0824,086-621-8297หรือทาง pm

    รายการสินค้าเพิ่มเติมสนใจ...ชมสินค้าเพิ่มเติม

    บูชา350-
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 95.jpg
      95.jpg
      ขนาดไฟล์:
      139.6 KB
      เปิดดู:
      96
    • 100.jpg
      100.jpg
      ขนาดไฟล์:
      165.8 KB
      เปิดดู:
      156
  18. ญานธรรม

    ญานธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,936
    ค่าพลัง:
    +14,705
    จองรายการนี้ครับ

    ขอจองพระมหาสิริราชธาตุ
     
  19. ชโย

    ชโย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +526
    รับทราบการจองครับ.........
     
  20. ชโย

    ชโย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +526
    <center>ประวัติแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม</center>

    ฆราวาสผู้เปี่ยมด้วยธรรม

    คุณแม่บุญเรือน กลิ่นผกา เกิดเมื่อวันอาทิตย์ เดือน 4 ปีมะเมียขึ้น 15 ค่ำเวลา 11.20 น. หรือตรงกับวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2437 ท่านได้กำเนิดในครอบครัว ที่มีฐานะค่อนข้างยากจน มีนายยิ้ม กลิ่นผกา เป็นบิดา และมี นางสวน กลิ่นผกา เป็นมารดา สถานที่เกิดอยู่ที่คลองสามวา อำเภอมีนบุรี จังหวัดพระนคร

    ต่อมาบิดามารดาของท่านได้ย้ายไปอยู่ที่ตำบลบางปะกอก อำเภอราษฎร์บูรณะ จังหวัดธนบุรี อยู่ในละแวกบ้านชาวสวน และมีฐานะเป็นชาวสวนในเวลาต่อมา คุณแม่บุญเรือน ท่านก็ได้เติบโตมาในละแวกบ้านชาวสวน ที่ตำบลบางปะกอกใหญ่นั่นเอง

    นายยิ้ม บิดาของคุณแม่บุญเรือน มีภรรยาทั้งสิ้น 3 คน คนแรกก็ได้แก่ นางสวน มีบุตรด้วยกันสองคน คนโตคือ นางทองอยู่ ได้เสียชีวิตไปนานแล้ว คนที่สองก็ได้แก่ คุณแม่บุญเรือน กลิ่นผกานั่นเอง

    ภรรยาคนที่สอง ชื่อนางเทศ มีบุตรด้วยกันสามคน ได้แก่ นายเนื่อง นางทองคำ และนางทิพย์ ซึ่งทั้งสามคนนี้ ถือเป็นพี่น้องร่วมบิดาเดียวกัน
    ภรรยาคนที่สาม ไม่มีใครจำชื่อได้ และไม่มีใครยืนยันว่า นายยิ้ม ได้มีบุตรกับภรรยาคนนี้หรือไม่

    การศึกษาเล่าเรียนและชีวิตในครอบครัว

    ชีวิตในวัยเยาว์ คุณแม่บุญเรือน เป็นผู้ได้รับความรักความทะนุถนอมจากบิดามารดา เป็นอันมาก พอเหมาะสมกับฐานะของครอบครัว ท่านได้รับการศึกษาให้รู้ภาษาไทย พออ่านออกเขียนได้ และเชื่อว่าท่านได้รับการฝึกสอน จากบิดามารดา ให้มีความรอบรู้ และ สามารถทำหน้าที่เป็นแม่บ้านแม่เรือนเป็นอย่างดี พอเหมาะสมกับสมัย เนื่องจากปรากฏต่อมาในภายหลังว่า คุณแม่บุญเรือน มีความสามารถในการทำกับข้าวมีรสอร่อยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริก อาหารจำพวกแกง และ ต้ม ท่านก็สามารถทำได้อย่างดี นอกจากนี้ก็ยังมีความสามารถในการเย็บจักร ตัดเสื้อผ้าได้

    เหล่านี้เป็นความสามารถที่เป็นที่ประจักษ์แก่คนที่รู้จักทุกคน

    ฝึกหัดเป็นหมอนวดและสนใจในงานบุญ

    เมื่ออายุราว ๆ 15 ปี ท่านได้รับการฝึกสอนจากในครอบครัว ให้รู้จักการนวด ซึ่งท่านได้ให้ความสนใจอยู่เป็นอันมาก จนในที่สุด ท่านได้รับครอบวิชาหมอนวด และ ตำราหมอนวด จากปู่ของท่าน คืออาจารย์กลิ่น ซึ่งในขณะนั้นถือว่า เป็นหมอนวดผู้มีชื่อเสียง

    จากการได้รับมอบตำราหมอนวด ทำให้ท่านได้ศึกษาวิธีการนวด จากตำราดังกล่าวจนเกิดความชำนาญ และกลายเป็นแม่หมอผู้มีชื่อเสียงในการนวดต่อมาในภายหลัง

    ขณะเป็นวัยรุ่น ท่านได้รู้จักกับคุณลุงของท่าน คือหลวงตาพริ้ง ซึ่งเป็นพระภิกษุ อยู่ที่วัดบางปะกอก ด้วยความคุ้นเคยกับหลวงตาพริ้ง ผู้เป็นลุงนั่นเอง ท่านได้เริ่มนำอาหารไปถวายอยู่บ่อย ๆ ทำให้ท่านได้รับการอบรมสั่งสอนให้รู้จักธรรมะ และ คุณธรรมในการดำเนินชีวิต ตามแนวคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้เริ่มเลื่อมใสศรัทธา และมีใจรัก ในงานบุญงานกุศลมากขึ้นอันน่าจะถือได้ว่า นี่เป็นปฐมเหตุสำคัญที่ทำให้ท่านบำเพ็ญกรณียกิจเป็นนักบุญในพระพุทธศาสนาใน เวลาต่อมา หลวงตาพริ้ง จึงเป็นพระภิกษุที่คุณแม่บุญเรือนมีความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก และวัดบางปะกอกนี้ก็น่าจะเป็นวัดที่ทำให้ท่านเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธ ศาสนา จนนำไปสู่การบำเพ็ญภาวนาในเวลาต่อมา

    ชีวิตสมรสและบุตรธิดา

    เมื่อมีอายุพอสมควร ก็ได้ทำการสมรสกับ ส.ต.ท.จ้อย โตงบุญเติม ซึ่งขณะนั้นเป็นตำรวจประจำสถานีตำรวจนครบาลสัมพันธวงศ์ ได้อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาที่ดีตลอดมา แต่ก็ไม่มิบุตรธิดาด้วยกัน และเนื่องจากไม่มีบุตรธิดาด้วยกัน ทำให้คุณแม่ บุญเรือน โตงบุญเติมได้รับอุปการะเด็กหญิงชายอื่นบ้าง แต่มีผู้ที่ท่านรับอุปการะแต่มีอายุได้ 6 เดือนจนเติบใหญ่เป็นเวลายาวนานคนหนึ่งในฐานะบุตรบุญธรรมคือ นางอุไร คำวิเทียน จนกระทั่ง นางอุไร มีอายุ ได้ 19 ปีจึงได้สมรสกับ ร.ต.ท.เต็ม คำวิเทียน นางอุไร กับ ร.ต.อ.เต็ม อยู่กินกันมาจนมีบุตรสาวคนหนึ่งชื่อว่า นิดา คำวิเทียน นับว่าเป็นหลานยายที่คุณแม่บุญเรือนให้ความเมตตาเป็นอย่างยิ่ง

    ชีวิตสมรสระหว่างคุณแม่บุญเรือน และ ส.ต.ท.จ้อย โตงบุญเติม อยู่กินกันมา จนกระทั่งในปี 2479 ซึ่งขณะนั้นท่านมีอายุได้ 42 ปี ส.ต.ท.จ้อย ได้ถึงแก่กรรมลง เนื่องจากได้เข้าไปช่วยดับเพลิง เมื่อครั้งเพลิงไหม้ใหญ่ตลาดน้อย อำเภอบางรัก ต่อจากนั้นมา คุรแม่บุญเรือนก็ได้ครองความเป็นโสด บำเพ็ญงานบุญ และได้ใช้นามสกุล โตงบุญเติม ของสามีตลอดมา และได้อุปการะเลี้ยงดูนางอุไร คำวิเทียน จนกระทั่งอายุ 19 ปี และได้สมรสกับ ร.ต.ท.เต็ม คำวิเทียน ซึ่งขณะนั้นเป็นตำรวจประจำอยู่ที่โรงพักกลาง ดังนั้นจึงมีอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ที่คุณแม่บุญเรือน ได้ไปอาศัยอยู่ที่บ้านพักของทางราชการ ที่โรงพักกลาง

    ในระหว่างครองชิวิตร่วมกับ ส.ต.ท.จ้อย โตงบุญเติม คุณแม่บุญเรือน ได้ประกอบอาชีพตัดเย็บผ้า เป็นการช่วยสามีอีกแรงหนึ่ง และรับรักษาโรคโดยเป็นหมอนวด ซึ่งการเป็นหมอนวดเพื่อรักษาโรคนั้น ท่านทำเป็นการกุศลไม่มีสินจ้าง นอกจากนั้นท่านยังมีความสามารถในการทำคลอด หรือเป็นหมอตำแยแผนโบราณด้วย ซึ่งทำให้ท่านมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากในขณะนั้น

    ด้านการตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยจักรท่านก็ทำได้อย่างดี จนทำให้ครอบครัวท่านมีฐานะที่มั่นคงพอสมควร ในระหว่างนี้ท่านก็ใช้เวลาในการบำเพ็ญบุญ ถือศีล สวดมนต์ ฟังธรรม ด้วยความเคารพเลื่อมใสอย่างแท้จริง ท่านได้ไปประกอบการบุญที วัดสัมพันธวงศ์ เป็นประจำ และได้เริ่มฝึกหัดวิปัสสนากัมมัฏฐาน ตั้งแต่มีอายุประมาณ 30 ปี หลัง ส.ต.ท.จ้อย ถึงแก่กรรม ท่านได้ไปพักอยู่ที่โรงเรียนช่างกลสมบุญดี มักกะสันอยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่ง นางอุไร คำวิเทียน บุตรบุญธรรม ได้ทำการสมรสแล้ว ท่านจึงได้ย้ายไปอยู่ บ้านพักของทางราชการ ที่โรงพักกลางต่อไป

    ขณะที่ยังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับ ส.ต.ท.จ้อย ด้วยความเลื่อมใสในพุทธศาสนา ได้ไปฟังพระสวดมนต์ ฟังธรรมที่วัดสัมพันธวงศ์อยู่บ่อย ๆ ทั้งได้ฝึกหัดทำวิปัสสนากัมมัฐานที่วัดนี้ด้วย ต่อมา ส.ต.ท.จ้อย ผู้เป็นสามี ได้ลาอุปสมบท ที่วัดสัมพันธวงศ์ เป็นเวลา 1 พรรษา ทำให้คุณแม่บุญเรือน ได้มีความใกล้ชิดและผูกพันในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก เมื่อสามีสึกออกมาแล้ว คุณแม่บุญเรือน ก็ได้ลาสามีบวชเป็นชีและอยู่ปฏิบัติธรรมที่วัด สัมพันธวงศ์ ได้พากเพียรพยายามฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐาน ได้อยู่ปฏิบัติที่ศาลาวัดสัมพันธวงศ์ จนทำให้เกิดความเข้าใจ และ ปลอดโปร่งในธรรมะ รักความสงบประกอบการกุศลต่าง ๆ ช่วยปักหมอนสำหรับธรรมาสน์พระสวดปาฏิโมกข์เป็นต้น

    ผลสำเร็จของงานบุญ

    ในระหว่างที่บวชเป็นชีนี่เอง ด้วยความตั้งใจจริง ในการบำเพ็ญเพียร หัดวิปัสสนากัมมัฏฐาน ทำใจให้สงบระงับ ฝึกใจให้แข็งแกร่งแก่กล้า มองเห็นธรรมอันวิเศษของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังผลให้เป็นที่ทราบในหมู่ผู้ร่วมวิปัสสนาด้วยกัน ว่าคุณแม่บุญเรือนได้สำเร็จแล้วอย่างแท้จริง คือสำเร็จใน จตุตถฌาน หรือ ฌาน4 อันประกอบด้วย

    ปฐมฌาน หมายถึง ฌาน ขั้นแรก มีองค์ 5 คือ ยังมีตรึก เรียกว่า วิตก และ ตรอง เรียกว่า วิจารณ์ เหมือนอารมณ์แห่งจิตของคนสามัญ ซ้ำยังมีปิติ คือ ความอิ่มใจ มีความสุข คือความสบายใจ เกิดแต่ความวิเวก คือ ความเงียบสงบ ประกอบด้วยจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งลงไปได้ เรียกว่า “ เอกัคตา”

    ทุติยฌาน หมายถึง ฌาน ชั้นสอง ซึ่งละวิตกและวิจารณ์ ในปฐมฌานลงไปได้ คงเหลือแต่ ปิติ และ สุขอันเกิดแก่สมาธิกับเอกัคตา

    ตติยฌาน เป็น ฌาน ชั้นสาม คงเหลือแต่องค์สอง คือละปิติเสียได้ คงเหลือแต่สุขและเอกัคตา

    จตุตถฌาน เป็น ฌานสำคัญชั้น 4 มีองค์ 2 คือละสุขเสียได้กลายเป็น อุเบกขาคือวางเฉย คู่กับเอกัคตา ฌาน 4 จัดเป็นรูปสมาบัติ มีรูปธรรมเป็นอารมณ์ สงเคราะห์เข้าไปในรุปาวจรภูมิ

    ฌานทั้ง 4 นี่แหละที่เชื่อกันว่า แม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม ได้บำเพ็ญเพียรฝึกปฏิบัติจนประสบความสำเร็จ และด้วยเหตุที่ปรากฏต่อมาว่า แม่ชีบุญเรือน มีความเชี่ยวชาญในวิปัสสนากัมมัฏฐาน จนสามารถจะเข้าวิปัสสนาเมื่อใดก็ได้ และไม่จำเป็นต้องยึดสิ่งมีรูปเป็นอารมณ์ ทั้งอาจเข้าวิปัสสนาโดยลืมตาก็ได้โดยเร็วพลันด้วยเหตุนี้ ทางด้านอรูปฌาน ก็เชื่อว่าท่านสันทัดและบรรลุโดยลักษณะเดียวกัน

    ด้วยความสำเร็จใน จตุตถานนั่นเอง เป็นเหตุให้แม่ชีบุญเรือน เป็นนักเสียสละชั้นยอด มีอารมณ์วางเฉย เป็น อุเบกขา สละความโลภ ความอยากได้ในทรัพย์สินต่าง ๆ อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นคนที่รู้จักแม่ชีบุญเรือนมาก่อนก็ดี หรือเพิ่งจะมารู้จักก็ดี จะทราบคติธรรมข้อหนึ่งว่า “ คนที่จะไปหาท่าน จงไปหาด้วยการเป็นผู้รับ ส่วนท่านเป็นผู้ให้ เป็นผู้เสียสละ เป็นผู้บริการ” ท่านไม่ต้องการสิ่งใดของใคร แม้แต่ดอกไม้ ธูปเทียน ทรัพย์สินเงินทองใด ๆ ทั้งสิ้น

    บรรลุอภิญญา 6

    นอกเหนือจากการสำเร็จใน ฌาน ทั้ง4 แล้ว แม่ชีบุญเรือน ได้เพียรพยายามฝึกจิต และสมาธิอย่างแรงกล้า ทั้งได้ประกอบการบุญอันเป็นอานิสงศ์แห่งชีวิตอย่างสูงส่ง จนกล่าวว่าท่านสำเร็จรอบรู้ใน อภิญญา 6 กล่าวคือ

    1. อิทธิวิธี คือแสดงฤทธิ์ได้ ปรากฏว่าแม่ชีบุญเรือนได้กระทำมาแล้วหลายวิธี เช่น อธิษฐานต้นมะม่วง ต้นเล็ก ๆ ให้ออกดอกได้ภายในคืนเดียว ย่นหนทางยาวให้สั้น เดินตากกลางฝนไม่เปียก เรียกฝนให้ตกได้ ขอให้ฝนหยุดตกได้ เป็นต้น

    2. ทิพโสต หรือที่เรียกว่าหูทิพ แม่ชีบุญเรือน สามารถบอกเล่าเรื่องราวที่คนอยู่ใกล ๆ พูดกัน ให้คนใกล้ชิดท่านฟังได้อย่างถูกต้อง

    3. เจโตปริยญาณ อันได้แก่การกำหนดจิตให้แก่ผู้อื่น ในเวลาที่แม่ชีบุญเรือน สนทนากับใคร ไม่ว่าใครจะคิดหรือจะพูดอะไรกับแม่ชี ท่านก็สามารถทราบได้ด้วย ฌานวิเศษของท่าน

    4. บุพเพนิวาสานุสสติ ได้แก่การระลึกชาติได้ เรื่องนี้แม่ชีบุญเรือนได้เคยเล่าเรื่องราว ชาติภพก่อน ๆ ของท่าน ให้ลูก ๆ และคณะศิษย์ ได้ฟัง รวม 3 ชาติ หากจะว่าไปแล้วเรื่องระลึกชาติ เป็นเรื่องที่พิสูจน์ยาก แต่เห็นว่า แม่ชีบุญเรือนเป็นผู้ยึดมั่นในศีล 5 ละปฏิบัติธรรม เป็นอาจินต์ ก็ทำให้เชื่ออย่างมั่นคงว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นเป็นความจริง

    5. ทิพจักษุ หรือตาทิพย์ การมองเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พึงประสงค์ แม้ว่าวิ่งนั้นจะอยู่ห่างใกล ต่างบ้านต่างเมืองก็ตาม แต่เรื่องตาทิพย์นี้ แม่ชีบุญเรือน ได้บอกเล่าให้ลูก ๆ ละคณะศิษย์ฟังว่าแม้นว่าท่านจะได้ไว้ แต่ท่านก็คืนให้ไป มิได้นำมาใช้ ทั้งนี้เพราะหากใช้ตาทิพย์แล้ว จะมองเห็นสิ่งปฏิกูลมากมาย ท่านจึงงดเว้นเสีย โดยถือว่าคืนให้ทางธรรม จะมีการนำมาใช้บ้างในยามจำเป็นเท่านั้น
    6. อาสวักขยญาณ คือ ทำให้พ้นจาก ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ทำให้ตนพ้นจากสิ่งอันไม่เป็นมงคลทั้งปวง ผู้พ้นจากอาสวะ ย่อมหมายถึงปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง แม่ชีบุญเรือนได้สำเร็จในข้อนี้ จะเห็นได้จากผู้ที่เดินทางมาหาท่านไม่ว่าจะใกล้หรือไกล จะยากดีมีหรือจน ก็จะได้รับความปรานีเสมอเท่าเทียมกัน

    ความสำเร็จในการบำเพ็ญเพียรครั้งแรก

    การบำเพ็ญเพียร ในพระพุทธศาสนา จนสำเร็จ จตุตถฌาน และ อภิญญาฌาน ปรากฏว่าท่านได้ทำสำเร็จครั้งแรก ตั้งแต่ยังบวชเป็นแม่ชีอยู่ที่วัดสัมพันธวงศ์ และ ได้ผลเป็นอิทธฤทธิ์อันเกิดจากการอธิษฐานเป็นครั้งแรกเมื่อราววันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 6 พ.ศ. 2470 โดยในวันดังกล่าว แม่ชีบุญเรือน ได้กลับไปที่บ้านพักข้าราชการ ที่สถานีตำรวจสัมพันธวงศ์ คืนนั้นเข้านอนไม่หลับจนดึก สามีและบุตรบุญธรรมหลับมีอาการกัดฟันและกรน รู้สึกเกิดธรรมสังเวช และนึกเบื่อ จึงตั้งสัตย์อธิษฐานเข้าไปในศาลา พอสิ้นคำอธิษฐาน ตัวแม่ชีบุญเรือนก็เข้าไปอยู่ในศาลา ดังคำอธิษฐาน โดยที่ตัวท่านเองก็ไม่ทราบว่า ได้ออกจากห้องทางไหน และ เข้าศาลาทางไหน ในครั้งนั้นเพื่อนแม่ชีด้วยกัน ไม่ค่อยจะเชื่อกันนัก จนต่อมา อุบาสิกาฟัก ขอให้อธิษฐานใหม่ และได้ให้นางเล็ก นางคำ นางเทียบ ซึ่งดูเหมือนเป็นเพื่อนแม่ชีดูเป็นพยาน ได้ใส่กลอนประตูหน้าต่างศาลาเสียในคืนวันแรม 1 ค่ำเดือน 6 เวลาดึกสงัดปีเดียวกันนั้นเอง แม่ชีบุญเรือนก็ได้อธิษฐานจากสถานีตำรวจสัมพันธวงศ์เข้าไปศาลาได้เช่นเดียว กับคราวก่อน พวกที่คอยดูก็พากันแปลกใจไปตาม ๆ กัน

    ต่อมา แม่ชีบุญเรือน ได้อธิษฐาน ไปเขาวงพระจันทร์ พบพระผู้วิเศษ ขอพระธาตุท่าน ๆ ก็ให้มา 1 องค์ แล้วได้กลับมาที่เดิมตามคำอธิษฐานพร้อมพระธาตุ การสามารถทำปากิหารย์ดังกล่าวที่ปรากฏขึ้นได้เป็นผลแห่งความสำเร็จครั้งแรก ทำให้ท่านอฺธิษฐานเมื่อเข้าสมาธิ ผ่านที่ปิดล้อม หรือไปที่ ไกล ๆ ได้ชั่วระยะเวลาลัดนิ้วมือเดียว ในขณะนั้นท่านมีอายุเพียง 33 เท่านั้น

    การอธิษฐานของคุณแม่บุญเรือน

    1. การอธิษฐานด้วยสัจจวาจา ด้วยความที่แม่ชีเป็นผู้บรรลุ ฌาน 4 และอภิญญา 6 ทำให้วาจาของท่านมีอิทธฤทธิ์ ที่จะพูดหรือสั่งการสิ่งใดในทางที่ชอบเกิดผงได้ เช่น อธิษฐานให้หายโรค ให้ร่ำรวยในทางที่ชอบ ให้ปลอดภัยจากอันตราย หรืออาจอธิษฐานให้เป็นไปตามคำอธิษฐานของท่านได้ เช่น ให้ฝนตก หรือให้ฝนหยุด อธิษฐานถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรม ราชินีนาถ

    2. อธิษฐานสิ่งของทั่วไป ได้แก่การนำสิ่งของต่าง ๆ มาให้ท่านอธิษฐาน เช่น น้ำ ปูน ไพลเกลือ พริกไทย การอธิษฐานต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ที่นำไปใช้ได้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ เช่น อธิษฐานปูนกินหมาก ให้เป็นยาทิพย์ รักษาโรคให้หาย แก้โรคนา ๆ ชนิด เช่น มะเร็ง วัณโรค โรคไต เป็นต้น

    3. อธิษฐานของพิเศษเป็นครั้งคราว เช่น อธิษฐาน กรวด ทราย กันไฟไหม้ อธิษฐานก้อนหิน ศิลาน้ำ เพื่อใช้ป้องกันภัยบางประการ โดยเฉพาะศิลาน้ำ ใช้แทนของอธิษฐานของท่าน เวลาวายชนม์ไปแล้ว เมื่อใช้ศิลาน้ำใส่ในน้ำ ก็กลายเป็นน้ำอธิษฐาน ไว้รับประทานแก้และป้องกันโรค ทั้งใช้ป้องกันอันตรายต่าง ๆ ได้ด้วย

    ณ โรงพักกลางนี่เอง ท่านได้ปวารณาตัวในทำนอง ขอช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ให้พ้นจากโรคร้าย และท่านได้เริ่มแนะนำ สั่งสอนธรรม แก่ผู้เลื่อมใสศรัทธา ท่านได้แสดงความปรารถนาที่จะไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทั่วประเทศ ด้วยเหตุนี้ ราว พ.ศ. 2472 ท่านได้ไปอยู่เชียงใหม่ชั่วคราว

    การไปอยู่จังหวัดเชียงใหม่ ท่านไปพำนักอยู่ที่วัดเจดีย์หลวง ท่านได้ปฏิบัติธรรม บำเพ็ญการบุญ และช่วยเหลือผู้ทุกข์ร้อนของผู้มาขอร้อง และได้ช่วยรักษาโรคด้วยการอธิษฐาน ปูนและน้ำ พริกไทย และสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย เช่นมีอยู่คนหนึ่ง อุจจาระผูกมาเป็นแรมปี ถ่ายอุจจาระไม่ออก รักษาแผนปัจจุบันและแผนโบราณเป็นเวลานานก็ไม่หาย ได้มาหาท่าน คุณแม่บุญเรือนได้อธิษฐานพริกไทยให้รับประทาน 3 เม็ดรุ่งขึ้นปรากฏว่า อุจจาระถ่ายคล่อง หายเป็นปกติ ด้วยการบำเพ็ญตัวที่จังหวัดเชียงใหม่นี่เอง ส่งผลให้ชื่อเสียง และเกียรติคุณของคุณแม่โด่งดังเป็นอันมาก จนมีหนังสือพิมพ์นำท่านไปลงข่าวอยู่หลายครั้ง

    กลับกรุงเทพฯ และย้ายไปอยู่บ้านวิสุทธิกษัตริย์

    ด้วยเหตุที่คุณแม่บุญเรือน ต้องทำการบุญ และอธิษฐานจิตอยู่บ่อยครั้ง ทำให้บรรดาสานุศิษย์เห็นว่าเมื่อกลับจากเชียงใหม่แล้ว จะไปอยุ่ที่โรงพักกลางอีกคงไม่เหมาะสม ทั้งไม่สะดวก เมื่อเวลามีผู้ไปหาบำเพ็ญการบุญกับท่าน เป็นการสมควรที่จะอยู่อย่างเอกเทศ ในที่สุด คุณนายพัธนี ได้ร่วมกับศิษย์ที่ใกล้ชิดช่วยกันเป็นผู้สร้างอาคารหลังเล็กขึ้นมาหลังหนึ่ง ในที่ดินคุณนายพัธนีเอง ณ ถนนวิสุทธิกษัตริย์ อยู่ใกล้กับโรงพิมพ์วิบูลย์กิจ บ้านอยู่ลึกจากถนนไป 2 ถึง 3 เส้น เป็นที่สงัดเงียบ และมีบริเวณกว้างขวางเพียงพอ

    อาคารที่สร้างขึ้นนี้เป็นเรือนไม้มีขนาดพอสมควร มีห้องนอน ห้องพระ ห้องครัว ห้องโถงสำหรับผู้บำเพ็ญการบุญ จะร่วมสวดมนต์จำนวนราว 50 คนได้
    เมื่อสร้างเสร็จได้เชิญคุณแม่ให้มาอยู่หลังจากท่านกลับมาจากเชียงใหม่ท่าน ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านวิสุทธิกษัตริย์ เมื่อราวต้นปี พ.ศ. 2492

    ก่อตั้งสามัคคีวิสุทธิ

    เนื่องจากผู้มาร่วมการบุญกับท่านที่บ้านนี้มากมาย มีผู้เจ็บป่วยที่มาขอให้ท่านรักษา จนหายจากโรคภัยไข้เจ็บเป็นจำนวนมาก คนจำนวนมาก จึงมายอมตัวเป็นศิษย์ เป็นลูก เป็นหลาน ฟังธรรมคำสั่งสอนจากท่าน เมื่อปฏิบัติตามก็ปรากฏว่า ได้รับความสุขทางใจอย่างประหลาด ผู้คนที่มาหาจึงคับคั่งขึ้นตามลำดับ และเพื่อให้ผู้ร่วมการบุและสานุศิษย์ มีความเป็นปึกแผ่น มีชื่อเรียกที่เหมาะสม คุณแม่บุญเรือนจึงขนานนามคณะของท่านว่า “ สามัคคีสุทธิ” และเรียกบ้านที่ท่านอยู่ว่า บ้านสามัคคีวิสุทธิ แต่คนที่คุ้นเคยบางคนจะเรียกว่า”บ้านวิสุทธิกษัตริย์” ก็มี

    วัตรปฏิบัติทั่วไปที่บ้านสามัคคีวิสุทธิ วันธรรมดา คุณแม่ จะสวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ ทำกัมมัฏฐาน และรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้แก่ผู้ป่วยที่มาหา

    วันเสาร์ จะอธิษฐานด้วยสัจจวาจา และสิ่งของให้ผู้ป่วย เช่น ปูน ไพล ผลไม้ พริกไทย หลังจากนั้น 14.00 น.ท่านจะนำสานุศิษย์สวดมนต์เป็นเวลา 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นทำ กัมมัฏฐานเป็นเวลา 15 นาที กว่าจะเสร็จก้ประมาณ 15.00 น. เป็นเช่นนี้ทุกวันเสาร์ ตลอดช่วงเวลาที่คุณแม่มีชีวิตอยู่

    งานบุญสำคัญที่บ้านสามัคคีวิสุทธิ

    คุณแม่อยู่ที่บ้านสามัคคีวืสุทธิ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2492 ถึง พ.ศ.2489 เป็นเวลา 7 ปี นอกจากการบำเพ็ญการบุญธรรมดาแล้ว ท่านยังได้อธิษฐานธรรมประกอบงานบุญสำคัญ ๆ อีกมากมายหลายครั้ง เช่น

    1.ก่อนวันขึ้นปีใหม่ทุกปี คุณแม่จะอธิษฐานธรรมอวยพรให้บรรดา สานุศิษย์ ผู้ร่วมประกอบการบุญกับท่าน

    2. ท่านได้อธิษฐานธรรมประจุพระพุทธรูป และ พระเครื่องสำคัญรวมทั้งร่วมสร้างด้วย คือ

    ก. พระพุทโธองค์ใหญ่ ซึ่งได้จัดทำพิธีหล่อสร้างที่วัดสัมพันธวงศ์ จนถวายพระประธานสำเร็จ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2496 แล้วสมโภช ต่อมาได้สมโภชที่วัดสัมพันธวงศ์อีก เมื่อวันที่ 4 ถึง 13 มีนาคม พ.ศ. 2499 อัญเชิญไปวัดสารนาถธรรมาราม อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พงศ. 2499 เคลื่อนกระบวนเวลา 06.09 น. ถึงวัดสารนาถธรรมารามเวลา 16.00 น.ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถวัดสารนาถธรรมารามจนถึงปัจจุบัน คุณแม่ได้อธิษฐานธรรมในการก่อสร้างรวมทั้งการนำไปประดิษฐานโดยตลอด

    ข.พระพุทโธองค์เล็ก ซึ่งได้แก่พระเครื่องที่สร้างขึ้นที่วัดอาวุธกสิตาราม บางพลัดนอก ธนบุรี คุณแม่ได้ร่วมสร้าง และทำพิธีอธิษฐาน เมื่อ 11-12-13 กันยายน พ.ศ. 2494 รวมจำนวน 100,000.องค์

    พระทั้งสองอย่างนี้ปรากฏว่าได้กลายเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ ในระยะต่อมาเป็นอันมาก ทั้งด้านเมตตามหานิยม ป้องกันภัย แคล้วคลาด เจริญโภคสมบัติ กำจัดโรคร้าย ( นอกจากโรคกรรมโรคเวร )

    3. อธิษบานถุงเขียวเหนี่ยวทรัพย์ แก่ลูก ๆ และ สานุศิษย์ เมื่อต้นปี พ.ศ. 2498
    นอกจากนี้ก็ยังมีการสรงน้ำพระพุทโธที่บ้านในวันสงกรานต์ทุกปี

    การช่วยรักษาโรคร้ายสำคัญ เช่น ไส้ติ่งอักเสบ แผลปวดบวมต่าง ๆ อัมพาต ในทุกภาคของประเทศไทย จนชื่อเสียงของท่านกระจายไปอย่างกว้างขวาง

    ไปอยู่บ้านนาซาจังหวัดระยอง

    ราวเดือนมีนาคม พ.ศ. 2498 คุรแม่ได้พาพวกลูก ๆ ไปพักอยู่ที่บ้านพักของนางสาววาย วิทยานุกรณ์ ตำบลปากน้ำประแส อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เพื่อปฏิบัติธรรมและอธิษฐานธรรมบางประการ ได้ห้ามสานุศิษย์จากกรุงเทพฯตามไปจนกว่าจะครบเวลา 1 ปี

    และเมื่อวันที่ 8 มียาคม พ.ศ. 2499ลูกหลานและศิษย์ได้ไปรับท่านกลับ โดยไปที่วัดสารนาถธรรมาราม ได้เช่ารถยนต์โดยสารขนาดใหญ่จำนวน 2 คันไปกันประมาณ 80 คน ได้ร่วมทำบุญสร้างโบสถ์ที่นั่น ค้างที่วัด 1 คืน รุ่งเช้าวันที่ 9 มีนาคม 2499 เวลา 06.00 น . จึงได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ

    อยู่บ้านพระโขนง

    หลวงแจ่มวิชาสอน เจ้าของบริษัทยาสีฟันวิเศษนิยม ได้สร้างบ้านใหม่ เป็นอาคารไม้หลังใหญ่ มีบริเวณกว้างขวาง เพื่อเป็นที่ปฏิบัติธรรมให้คุณแม่ที่บ้านพระโขนง หลังกลับจากบ้านนาซา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง คุณแม่ก็ได้เข้าอยู่ที่บ้านหลังใหม่ในวันที่ 10 มีนาคม และทำพิธีเปิดป้ายเมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2499 หลังจากนั้น คุณแม่ท่านก็ได้อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้จนกระทั่งถึงวันวายชนม์

    ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญอย่างมากมายที่บ้านหลังนี้ เช่น อธิษฐานธรรมบรรจุที่พระพุทโธองค์กลาง ให้ลูก ๆ และศิษย์ร่วมกันสร้าง พระพุทธรูปทองเหลืองหน้าตักกว้าง 6 นิ้ว

    และยังมีพิธีเก็บศิลาน้ำ เมื่อ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2499 อธิษฐานสศิลาน้ำศักดิ์สิทธืเพื่อป้องกันอันตรายต่าง ๆ ซึ่งในวันดังกล่าวมีผู้ไปร่วมงานประมาณ 400 คน
    กิจกรรมต่าง ๆ เช่นการอธิษฐาน การรักษาโรค ท่านทำให้โดยที่ไม่เคยเรียกร้องใด ๆ และกระทำอย่างนี้เรื่อยมาเป็นเวลา 20 กว่าปี บรรดาค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ก็ได้บรรดาเหล่าสานุศิษย์และลูก ๆ ช่วยกันถวายเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ

    ช่วงท้ายของชีวิต

    ในปี พ.ศ. 2501 ท่านเริ่มปฏิญาณไม่รับรักษาโรคด้วยวิธีการนวดให้แก่ผู้ชาย เว้นไว้แต่ธรรมจะบันดาล การรักษาโรคในระยะนี้จะเป็นการรักษาโดยอธิษฐานเพียงอย่างเดียว ส่วนการสั่งสอนและอบรมธรรมะยังคงปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันก่อนที่ท่านวายชนม์ 1 วัน

    ประมาณปี พ.ศ. 2506 ท่านเริ่มมีอาการป่วยบ้าง หายบ้าง แต่ก็ยังคงบำเพ็ญการบุญอย่างต่อเนื่อง

    การวางสังขารทิ้งร่างวายชนม์

    นับแต่เดือน มกราคม พ.ศ. 2507 เป็นต้นมา คุณแม่มีอาการป่วยเป็นโรคไต หัวใจอ่อน โลหิตจาง และความดันโลหิตสูง ติดต่อกันมาเป็นลำดับ อาการมีแต่ทรงกับทรุด ท่านไม่ยอมรับการรักษาจากแพทย์ แม้ว่านายแพทย์ปรีดา ล้วนปรีดา กับ แพทย์หญิงวัฒนา ดวงจันทร์ ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิดได้อ้อนวอนขอให้รับการรักษาจากแพทย์ โดยวีฉีดยา ให้น้ำเกลือ และกลูโคส และให้รับประทานยาแผนปัจจุบันบ้างเป็นครั้งคราว ท่านก็ไม่ยอม จะพาไปโรงพยาบาลท่านก็ไม่ไป ท่านต้องนอนป่วยลุกนั่งไม่ได้เป็นเวลา 9 เดือน

    บรรดาศิษย์ได้พากันอ้อนวอนว่า “ คุณแม่ได้อธิษฐานธรรมด้วยสัจจวาจา รักษาโรคร้ายของลูก ๆ หลาน ๆ และคนอื่นให้หายได้ ทำไมเล่าคุณแม่จึงไม่อธิษฐานเพื่อตนเองบ้าง”

    ท่านตอบว่า “ ถ้าแม่อธิษฐานเพื่อตนเอง ก็เท่ากับว่าแม่ยากมีชีวิตอยู่ อยากมีความสุข อยากพบสิ่งใหม่ ๆ บนพื้นพิภพล้วนเป็นกิเลส แม่ทำเช่นนั้นไม่ได้”
    บรรดาบุคคลในคณะสามัคคีวิสุทธิ์ เมื่อได้ยินคำพูดของท่านแล้ว เต็มไปด้วยความเศร้าใจ สะเทือนใจอย่างคาดไม่ถึง นี่ละคือผู้สิ้นอาสวะกิเลศ ผู้บรรลุ อาขยญาณโดยแท้ สมแล้วที่ท่านเป็นนักบุญ เป็นผู้นำในงานบุญของชาวคณะ สามัคคีวิสุทธิ์ที่ท่านก่อตั้งขึ้นมา

    เมื่อวันที่ 3-4-5 กันยายน พ.ศ. 2507 ท่านมีอาการอ่อนเพลียมาก เหนื่อยในเวลาพูด เบื่ออาหาร มีเสมหะเหนียว ๆ ในลำคอ รับประทานอาหารได้เพียง 2-3 คำเท่านั้น

    ในวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2507 คุณแม่ก็ยังคงทักทายทุกคนอย่างแจ่มใส การสวดมนต์ก็ยังคงปฏิบัติกันเป็นปกติ ไม่เคยมีใครรู้สึกสงสัย และเอะใจเลย ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 สัปดาห์คุณแม่ได้สั่งให้หยุดนาฬิกาเรือนใหญ่ไว้ในเวลา 11 นาฬิกาเศษทั้งสองเรือน โดยท่านให้เหตุผลว่า “หนวกหู”

    แล้ววันสำคัญที่ชาวคณะสามัคคีสุทธิ ได้ประสบความเศร้าโศกรันทดใจ อย่างใหญ่หลวงก็มาถึง เพราะในเวลา 11.20 นาฬิกา ของวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2507 คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ได้วางสังขารทิ้งร่างจากไปอย่างไม่มีวันกลับ

    คุณบุญเนื่อง ชิตะโสภณ ได้บันทึกเหตุการณ์ดังกล่าว ไว้ด้วยความเศร้าสลดดังนี้

    “ เช้าวันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2507 ก่อนเวลา 11.00 น.คุณแม่ยังพูดคุยกับคุณอุไรและหลานนิดาอย่างเคย แต่อาหารไม่ยอมรับประทาน เวลาประมาณ 10.00 น.พี่ละมัย มาเยี่ยมพบว่าอาการอ่อนเพลียมาก หายใจตื้น ไม่คุยหลับตา เอามือขวากุมศีรษะ หายใจช้าลง ชีพจรอ่อนคลำไม่พบ หายใจออกกว่าเข้าระยะสั้น หยุดหายใจสนิทเมื่อเวลา 11.20 นาฬิกา โดยปราศจากอาการทุรนทุรายแต่ประการใด นับว่าท่านไปอย่างสงบจิง ๆ ไม่มีการสั่งเสียใด ๆ”

    เมื่อคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม วายชนม์แล้ว บรรดาคณะสามัคคีวิสุทธิรับแจ้งข่าว ทราบข่าว ต่างหลั่งไหลมากราบศพ เคารพศพ สวดอภิธรรมบำเพ็ญกุศลที่บ้านพระโขนงทุกคืน ได้ร่วมแห่ขบวนศพไปวัดธาตุทอง วันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2507 เวลา 13.00 น. และร่วมบำเพ็ญกุศลศพถึงวันที่ 13 กันยายน และต่อมาทุกวันอาทิตย์อย่างคับคั่งตลอดมาจนกระทั่ง วันที่ 23-24และวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2507 อันเป็นวันประชุมเพลิง

    สนใจติด่อสอบถามได้ที่ 080-081-0824,086-621-8297หรือทาง pm

    รายการสินค้าเพิ่มเติมสนใจ...ชมสินค้าเพิ่มเติม
    บูชา 800-
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 70.jpg
      70.jpg
      ขนาดไฟล์:
      173.1 KB
      เปิดดู:
      106
    • 71.jpg
      71.jpg
      ขนาดไฟล์:
      158.9 KB
      เปิดดู:
      91

แชร์หน้านี้

Loading...