บอกบุญสัตตภัณฑ์แบบล้านนาเพื่อความสว่างทางธรรมและทางโลกต้อนรับปี 2558

ขอนำกระทู้ของคุณน้ำใสมาบอกบุญเพิ่มเติมที่ห้องนี้ ครับ

ขอเชิญร่วมบุญถวายสัตตภัณฑ์แบบล้านนา หรือเชิงเทียนบูชาพระแบบทางภาคเหนือ มูลค่า 75,000 บาท ​

เนื่องจากในปี ๒๕๕๘ จะครบชาติกาล ๑๔๕ ปีของครูบาเจ้าคันธา คนฺธาโร อดีตเจ้าอาวาสวัดทาขุมเงิน ตำบลทาขุมเงิน อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน โดยพระอธิการกิตติ โสภิโน เป็นเจ้าอาวาสในปัจจุบัน (2558)

การร่วมบุญถวายสัตตภัณฑ์ครั้งนี้ ได้จากการต่อบุญจากการถวายพระบรมสารีริกธาตุ ๒ ขวด ขนาดกลาง และพระแก้วจุยเจีย กับพระอาจารย์อภิวิชญ์ อภิชโย วัดพระธาตุดอยแต อ.เหมืองจี้ จ.ลำพูน เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ ที่ผ่านมาก การร่วมบุญสัตตภัณฑ์ครั้งนี้ประหนึ่งได้ร่วมบุญถวายพระบรมสารีริกธาตุ และพระแก้วจุยเจียด้วยค่ะ


ท่านที่มีจิตศรัทธา ร่วมบุญได้ที่..

ชื่อบัญชี นายอริย์ธัชธ์ วงค์ปวณวัตร
เลขที่ 127-479232-2
ธนาคารกรุงเทพ
สาขาอารีย์


ปิดบุญวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘

โดยคุณ Vatechayana จะเป็นผู้แสดงบัญชีการโอนปัจจัยร่วมบุญเป็นระยะ ๆ ค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

สรุปปัจจัย และ ร่วมทำบุญเพื่อให้ความสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม ต้อนรับปีใหม่ 2558 กันน่ะครับ ^^

ยอดปัจจัยถึงวันที่ 2 มกราคม 2558 ที่ได้รับโอนมาแล้วทั้งสิ้น 23,560.60 บาทยังไม่รวมเงินสด อีก 2,894.-บาท บาท รวมแล้ว 26,454.60.-บาทน่ะครับ จะเอาเข้าบัญชีในวันนี้ครับ ยังคงบอกบุญเพิ่มเติมอีก 48,546.-บาท เพื่อจะเติมเต็มให้ครบ 75,000บาท ครับ

สาธุ ๆ ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่าน และ ขอให้มีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม ทั้งปี 2558 และ ตลอดไปครับ

หรือ line สอบถามได้น่ะครับ ar_0899

 

ประวัติครูบาเจ้าคันธา คฺนธาโร..​

ชาตกาล ครูบาเจ้าคันธา คนฺธาโร มีนามเดิมว่า คันธา(ยุน) นาม สกุล จินดาหลวง เกิดเมื่อวันจันทร์ ที่ ๑๐ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๑๓ บิดาท่านไม่ทราบชื่อเพราะท่านเสีย ชีวิตตั้งแต่ท่านยังเล็ก ส่วนมารดาท่านชื่อ แม่หลวงปิง จินดาหลวง (นามสกุลเดิมวงศ์ปวน) ณ บ้านขุมเงิน ท่านมีพี่น้องทั้งหมด ๓ คน คือ

๑. ครูบาเจ้าคันธา คนฺธาโร เจ้าของประวัติ
๒. พ่อปั๋น จินดาหลวง ย้ายไปมีครอบครัวอยู่ที่บ้านป่าซาง จังหวัดเชียงราย
๓. พ่อถา จินดาหลวง มีครอบครัวอยู่ที่บ้านห้วยสร้อย ตำบลเหล่ายาว อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน

ครอบครัวท่านนั้นมีอาชีพเกษตรกรรมทำนาทำสวนมีฐานะไม่ค่อยดีนัก และหลังจากที่ท่านถือกำเนิดได้เพียงไม่นานบิดาท่านก็ได้เสียชีวิตลง ยิ่งสร้างความลำบากให้กับครอบครัวของท่านเป็นอย่างมากทำให้ภาระการหาเลี้ยง ครอบครัวและเลี้ยงลูกน้อยทั้งสามคนตกอยู่กับผู้เป็นแม่เพียงคนเดียว นับเป็นภาระที่ค่อนข้างหนักมากสำหรับผู้หญิงในสมัยนั้น

แม่ปิงจึงตัดสินใจพาลูกน้อยย้ายไปอยู่กับน้อง (ไม่ทราบชื่อ) ที่บ้านห้วยสร้อย ตำบลเหล่ายาว อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน

ชีวิตในวัยเด็กของท่านนั้นต่างจากเด็กโดยทั่วไป คือต้องช่วยแม่ทำงานทุกอย่าง ทั้งทำงานทั้งเลี้ยงน้อง ตามภาระที่ลูกชายคนโตควรรับผิดชอบ พอท่านเจริญวัยขึ้นกอปรกับมีความเลื่อมใสศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนา และอยากเรียนหนังสือ ในสมัยนั้นคนที่จะได้เรียนหนังสือก็ต้องเข้าไปบวชเรียนเท่านั้นถึงจะได้ เรียน ท่านจึงตัดสินใจกราบลาแม่เพื่อเข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัตร์ บรรพชาเป็นสามเณรศึกษาเล่าเรียนพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ครั้นอายุครบกาลอุปสมบทท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุศึกษาพระ ธรรมวินัย ท่านศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม ไม่ว่าจะเป็นอักษรธรรมล้านนา คัมภีร์ธรรมทางพุทธศาสนาตลอดจนศาสตร์แขนงต่าง ๆ จนนับได้ว่าท่านเป็นผู้มีความรู้แตกฉานในเรื่องต่างๆ เป็นอย่างดี หลังจากที่ท่านได้อุปสมบทได้เพียงไม่นานท่านก็ได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัด ขุมเงิน ซึ่งในสมัยนั้นมีพระโหลงเป็นเจ้าอาวาส ครั้นวันเวลาผ่านไปได้เพียงไม่นานพระโหลงก็ได้ถึงแก่มรณภาพลง ทางคณะศรัทธา จึงพร้อมใจกันนิมนต์พระคันธาขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดขุมเงินรูปต่อไป

พอท่านได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสได้ไม่นานนัก ท่านก็ได้ทำนุบำรุงพุทธศาสนาและพัฒนาวัดวาอารามจนเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นอัน มาก โดยท่านได้สร้างกุฏีโฮงขึ้นมาใหม่หลังหนึ่ง เป็นกุฏิกับหอธรรมในที่ เดียวกัน คือ ตรงกลางเป็นหอธรรมและโดยรอยเป็นกุฏิที่พักของพระสงฆ์สามเณร บูรณะพระวิหารหลวงที่สร้างมาแต่เมื่อครั้งสมัยของพระปวนให้มีความมั่นคงถาวร สวยงามมากยิ่งขึ้น สร้างกำแพงที่จากเดิมเป็นเพียงรั้วไม้มาเป็นกำแพงก่ออิฐ ถือปูนโดยรอบเขตพุทธาวาส และยังได้สร้างศาลาบาตรติดกับกำแพงทางทิศเหนือและ ทิศตะวันตกของพระวิหารหลวงอีกด้วย สร้างพระเจดีย์บรรจุอัฐิธาตุของพระครูบา ยางแดง และในสมัยนี้ท่านยังได้นำศรัทธาสาธุชนไปอาราธนาพระพุทธรูปจอมธรรม ที่อยู่ในถ้ำจอมธรรมมาประดิษฐานไว้ที่วัดขุมเงินอีกด้วย วันเวลาผ่านไป วัดวาอารามก็เพียบพร้อมด้วยสิ่งก่อสร้างต่างๆ เป็นที่แล้ว ท่านจึงได้เก็บเงินเพื่อซื้อที่ทางเรือกสวนไร่นาตลอดจนสร้าง บ้านให้กับโยมแม่


เมื่อทุกอย่างเพียบพร้อมเป็นที่เรียบร้อยท่านจึงไปพาโยม แม่และหลานอีก ๒ คนคือ พ่อทุนกับแม่ผัน กลับมาอยู่บ้านขุมเงินตามเดิม ( บริเวณบ้านโยมแม่ท่าน ปัจจุบันคือบริเวณบ้านอาจารย์สุพรรณ งามเลิศ ) ครั้นเวลาผ่านไปได้ไม่นานท่านครูบาก็ยังได้ไปพาเอาหลานมาอีก ๒ คน คือพ่อใจกับแม่เที่ยง เพื่อมาช่วยกันดูแลโยมแม่ที่นับวันอายุก็ยิ่งมากขึ้น ครูบาเจ้าคันธา คนฺธาโร ท่านเป็นผู้ที่มีความรู้แตกฉานในทั้งทางโลกและทางธรรม ท่านมีความรู้ทางอักขระภาษาล้านนาเป็นอย่างดีจนสามารถถ่ายทอดให้กับผู้อื่น ได้ อีกทั้งคาถาอาคม ยันต์ ตะกรุด เครื่องรางต่างๆ การทำนายทายทัก ตลอดถึงยาสมุนไพร ตำรายาพื้นเมือง การทำร่ม ทำดินไฟ โดยเฉพาะยานวดหรือน้ำมันนวด นอกจาก นั้นท่านยังมีความสามารถในการกรีดยางรัก เพื่อนำมาลงรักตามอาคารเสนาสนะ ต่างๆ ในบริเวณวัดรวมทั้งการโรยตัวลงจากหน้าผาเพื่อเก็บมูลค้างคาว ขี้นก ลง ถ้ำ ปีนหน้าผา เดินป่า ถือว่าท่านมีความชำนาญเป็นอย่างมาก และเนื่องจาก ท่านมีความรู้ความสามารถทั้งทางโลกและทางธรรม ตลอดจนมีอายุพรรษามากจนถือว่าท่านมีอายุพรรษากาลมากที่สุดในเมืองลำพูนยุค นั้น ตลอดจนท่านมีข้อวัดปฏิบัติที่น่าเลื่อมใสของท่าน จึงทำให้ได้รับการ ยกย่องให้เป็น พระครูบา ในที่สุด
พระครูบาเจ้าท่านยังเป็นสัทธิวิหาริกกับท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิ ชโย แห่งวัดบ้านปาง และที่สนิทสนมเป็นอย่างยิ่งก็คือครูบาเจ้าพรหมา พรฺมจกฺโก แห่งวัดพระพุทธบาทตากผ้า โดยครูเจ้าบาพรหมามักจะเดินทางมาสนทนาธรรมกับท่านครูบาเจ้าคันธาเป็นประจำ จนถึงขั้นที่ครูบาเจ้าพรหมาเอ่ยปากชวนท่านครูบาเจ้าคันธาไปอยู่ที่วัดพระพุทธบาทตากผ้าด้วยกัน แต่ท่านครูบาเจ้าก็ได้ปฏิเสธไป

ถึงกระนั้นครั้นถึงกาลแห่งพิธีสระสรงน้ำรอยพระพุทธบาท พระครูบาเจ้าคันธาก็มักจะเดินทางไปนอนค้างแรมอยู่ที่วัดพระนอน ครั้นรุ่งสางจึงเดินทางไปยังวัดพระพุทธบาทตากผ้า เพื่อนั่งหนักให้ศีล ให้พรแก่ศรัทธาญาติโยมอยู่เป็นประจำทุกปี เหตุผลที่ท่านนอนค้างที่วัดพระ นอนนั้นท่านได้บอกไว้ว่า ที่วัดพระพุทธบาทตากผ้านั้นเป็นที่ไว้รอยเท้าแห่ง องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นที่ศักดิ์สิทธิยิ่ง แต่ที่วัดพระนอนนั้น เป็นที่ที่พระอานนท์มานอนรอเพื่อให้น้ำในแม่น้ำทาใสสะอาด เพื่อจะได้ตักไปถวายแด่พระพุทธเจ้า ท่านจึงเลือกนอนที่วัดพระนอนด้วยเหตุ ดังนี้แล

พระครูบาเจ้านอกจากท่านจะพัฒนาวัดวาอารามให้เจริญรุ่งเรืองสวยงามแล้ว ท่านยังได้ร่วมสร้างถาวรวัตถุอีกมากมายหลายแห่ง ที่ปรากฏเห็นได้ชัดก็ คือ ร่วมสร้างพระวิหารจัตุรมุขครอบรอยพระพุทธบาท วัดพระพุทธบาทตาก ผ้า ดังปรากฏชื่อติดอยู่ที่ซุ้มประตูด้านทิศใต้ บูรณะพระนอนรวมทั้งวิหาร พระนอนบนดอยกุญชร อังปรากฏมีจารึกชื่ออยู่ที่รั้วด้านปลายพระบาทของพระนอนนั้น และยังมีอีก มากมายที่ไม่ได้บันทึกและจารึกไว้ นับว่าท่านครูบาเจ้าท่านเป็นผู้ที่สร้างคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมืองเป็น อย่างมากทีเดียว
กาลเวลาผ่านไป สังขารทั้งหลายก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไป ครูบาเจ้าก็เช่นเดียว กัน ในขณะที่ท่านอายุได้ประมาณ ๖๐ ปี ท่านก็เกิดเป็นลมมะเฮ็งคุตขึ้นตา เป็นเหตุให้ตาขวาของท่านเสื่อมไป แต่ท่านก็ยังคงดำรงชีวิตอยู่เป็นปกติ เรื่อยมา จวบจนอายุย่างเข้าสู่วัยชราภาพมากแล้ว มีอยู่วันหนึ่งท่านก็เกิด อุบัติเหตุเหยียบเสื่อแล้วลื่นไถล พุ่งตกจากหน้าต่างกุฏิ ศีรษะทิ่มลงพื้นจนพื้นดินบริเวณนั้นเป็นหลุมรูป ศีรษะเลยทีเดียว แต่น่าแปลกที่ท่านไม่ได้เป็นอะไรมากและก็โชคดีที่กุฏิไม่ ได้สูงมากนัก

จากเหตุการณ์ครั้งนั้นเพียงไม่นานท่านครูบาเจ้าก็เริ่มอาพาธ ลูกศิษย์ ลูกหาศรัทธาญาติโยมก็คอยเฝ้าอุปัฏฐากดูแลรักษาเรื่อยมา จากนั้นไม่นาน ร่างกายที่ชราภาพก็เริ่มอ่อนแอลง อาการมีแต่ทรงกับทรุด และท้ายที่สุดสังขารทั้งหลายทั้งปวงเป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้แน่นอนตามกฎ ไตรลักษณ์ มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับสลายไปเป็นธรรมดา

ท่านครูบาเจ้าคันธา คนฺธาโร ได้มรณภาพลงด้วยอาการสงบเมื่อวันที่ ๑๖ เดือนตุลาคม พุทธ ศักราช ๒๕๐๔ ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือนเกี๋ยงเหนือ ปี ล้วงเป้า (ฉลู) รวมสิริอายุได้ ๙๑ ปี

 

ปัจจุบันในวันพระ มีผู้พบเห็นดวงกลมสีฟ้าสว่าง เสด็จจากเจดีย์บรรจุธาตุของครูบาเจ้าคันธา คันธาโร ไปยังเจดีย์วัดพระธาตุดอยแตบ้าง หรือพระธาตุบริเวณใกล้เคียงเป็นประจำ

และมีเรื่องแปลกว่า มีญาติโยมจากกรุรงเทพมาทำบุญที่วัดพบพระภิกษุชรารูปหนึ่ง ยืนอยู่บริเวณใกล้กู่ หรือเจดีย์ที่บรรจุอัฐิธาตุของครูบาเจ้าคันธา ไกล ๆ ด้วยตาเนื้อ ภายหลังมาเห็นภาพในวัด จึงทราบว่า ท่านได้มรณภาพไปนานแล้ว

สำหรับพระแก้วจุยเจียที่นำมาถวายพระอาจารย์อภิวิชญ์ วัดพระธาตุุดอยแตนั้น เป็นของคุณ rarkmai1 ซึ่งได้มอบให้น้ำใสหลังจากการประมูล เพื่อปิดบุญสร้างพระพุทธวิปัสสีโภครัศมีโชติ ซึ่งพระแก้วจุยเจียดังกล่าว ผ่านพุทธาภิเษกมา ๓ ปี ก่อนจะนำมาประมูลคราวนั้้น ซึ่งไดัรับความอนุเคราะห์จากคุณเจษฎา เยี่ยมคำนวณค่ะ


น้ำใสทราบว่า พระอาจารย์อภิวิชญ์มีเจตนารมณ์ เพื่อบำรุงพระพุทธศาสนา จึงได้ต่อบุญให้กับคุณ rarkmai และคุณเจษฎา เพื่อให้ทั้งสองท่านได้สร้างมหากุศลในสูงสุด จึงได้ถวายแด่พระอาจารย์อภิวิชญ์ โดยกราบอาราธนาท่าน เพื่อเป็นพระแก้วดึงดูดทรัพย์ ช่วยเหลือกิจในพระพุทธศาสนาให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี


นอกจากนี้ได้ถวายพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จองค์ปฐม และพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธสมณโคดมให้พระอาจารย์ได้ต่อบุญในพระพุทธศาสนา หรือเพื่อแจกจ่ายแก่ญาติโยมที่มาช่วยเหลือในกิจการงานพระศาสนาค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ได้มีส่วนในบุญครั้งนี้ และต่อบุญถวายสัตตภัณฑ์ด้วย


ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

ตัวอย่างของสัตตภันฑ์ อีกวัดหนึ่ง ที่ทำไว้ขึ้นรูปไว้ แล้วน่ะครับ เลยขออนุญาตินำมาให้ชมกัน​

 

ภาพเหล่านี้ เป็นความคืบหน้า ที่สั่งทำเพื่อที่จะถวายวัดฯ ช่างกำลังแกะสลัก เพื่อกำลังจะประกอบ พร้อมลงสี ปิดทองคำแท้ (ทองคำเปลว)​

 

สัตตภัณฑ์ล้านนา​

สัตตภัณฑ์ หมายถึง เชิงเทียนมีที่สำหรับปักเทียนอยู่เจ็ดที่ ตั้งอยู่บริเวณหน้าพระประธานในวิหารหรือโบสถ์ ชาวล้านนาสร้างสัตตภัณฑ์ขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาให้แก่วัด โดยมีแนวคิดและความเชื่อที่สำคัญ ๒ ประการ คือ

๑) แนวคิดเกี่ยวกับจักรวาลวิทยา สัตตภัณฑ์สร้างขึ้นโดยแฝงด้วยสัญลักษณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ใกล้ ชิดระหว่างจักรวาลกับโลก โดยจำลองสัณฐานของจักรวาลในแนวตั้ง ซึ่งมีระเบียบเช่นเดียวกับภาพจิตรกรรมเขาพระสุเมรุ ซึ่งทางล้านนาเรียกว่า สิเนรุ ที่ล้อมรอบด้วยเขาบริวารทั้ง ๗ เป็นวงกลมลดหลั่นกันลงมาประกอบด้วย ยุคันธร อิสินธร กรวิก สุทัสนะ เนมินธร วินันตกะ และอัสสกัณณ์

๒) แนวคิดเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาสัตตภัณฑ์สร้างขึ้นโดยสอดแทรกหลักธรรมหรือหลัก ปฏิบัติทางพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้องกับเลข ๗ ได้แก่ หลักโพชฌงค์ ๗ สัทธัมมะ ๗ สัปปุริสธัมมะ ๗ เป็นต้น เพื่อให้ชาวพุทธล้านนานำไปเป็นแนวปฏิบัติในชีวิต สัตตภัณฑ์จึงเป็นการช่างที่ สอดประสานกันระหว่างภูมิปัญญาด้านงานช่างกับความเชื่อและศรัทธาในพุทธศาสนา สัตตภัณฑ์จึงนับเป็นเครื่องบูชาของคนล้านนาอันแฝงไปด้วยคติความเชื่อและ ศาสนาอย่างสูงสุด ด้วยหวังว่าอานิสงส์แห่งการถวายสัตตภัณฑ์จะทำให้เกิดปัญญาอันนำไปสูการหลุด พ้นคือ นิพพาน ด้วยหลังโพชฌงค์ ๗ ประการ

 

ร่วมทำบุญถวายสัตตภัณฑ์แบบล้านนา หรือเชิงเทียนบูชาพระแบบทางภาคเหนือ จำนวน 25 บาท

เวลาที่สั่งทำรายการ : 04/01/2015 18:44
วันที่ทำการโอนเงิน : 4/1/2015
หมายเลขอ้างอิง : 2899058240201514
บัญชีที่โอน : KTB
บัญชีผู้รับโอน : BBL: ARITOUCH WONG A/C No. : 1274XXXXX2
จำนวนเงินที่โอน : THB 25.00
ค่าธรรมเนียม : THB 25.00

 

สาธุ ๆ ๆ ขออนุโมทนาบุญกับคุณ Aki_p ด้วยน่ะครับ ขอให้มีความสว่างไสวทั้งทางธรรมและทางโลกน่ะครับ ^^

 

ขอสรุปยอดปัจจัย ร่วมบุญสัตตภันฑ์ หรือ เชิงเทียนแบบล้านนา (ภาคเหนือ) เพื่อจุดถวายเป็นพุทธบูชาต่อหน้าพระประธาน วัดทาขุมเงิน ถึงเมื่อวาน วันที่ 10 มกราคม 2558 (ผมดูยอดในบัญชี วันนี้ (11 มกราคม 2558 ) ยังมียอดเท่าเดิมน่ะครับ จึงขอนำเอายอดดังกล่าวมาสรุปให้ทุกท่านได้อนุโมทนาบุญกันครับ )ได้ยอดทั้งหมด ซึงได้นำเงินสดที่หลาย ๆ ท่านได้ร่วมบุญเข้าบัญชีไปแล้วน่ะครับ อีก 2,899.-บาท รวมเป็นปัจจัยทั้งสิ้น 28,403.60.-บาท ยังคงค้างอีกปัจจัยอีก 47,596.40.-บาทที่จะครบ 75,000บาท น่ะครับ

 

ร่วมบุญถวายสัตตภัณฑ์และฯลฯครับ

โอนปัจจัยแล้ววันนี้ 14/01/58 เวลา 14:52 น. จำนวน 1,232 บาท

รายชื่อผู้ร่วมบุญ
1. ท่านภทฺทาชญฺโญภิกขุและหมู่คณะ 200 บาท
2. ในนามคุณปู่พัฒ คุณย่าจู ปิงมูลทาและหมู่ญาติ และเหล่าบริวารทั้งหลาย 100 บาท
3. แม่ชีจันทร์ 50 บาท
4. คุณประไพ นาวิก คุณนัฐพล เพ็งตา 100 บาท
5. คุณณิลาวัลย์ คุณณัฎฐ์พร คุณวัชรพงษ์ คุณพรเทพ ดญ.ปริมชญาพร หิรัญรัตน์ 150 บาท
6. คุณกัญญารัตน์ โปษยาทรและบุตรธิดา 150 บาท
7. คุณวีณา วงษาวิชัยและครอบครัว 30 บาท
8. คุณปัทมพันธ์ คุณสมศักดิ์ สิทธิบุญเรืองและครอบครัว 100 บาท
9. คุณประสิทธิ์ คุณพิมพ์วลัญช์ สุริยา 100 บาท
10. คุณมิตรธิรา อึ้งตระกูล 20 บาท
11. คุณระพีพรรณ ปิงมูลทา 50 บาท
12. คุณรุ่งรวี เรืองมณีรัตนกุลและครอบครัว 50 บาท
13. คุณผ่องศรี ดวงฤทธิ์และครอบครัว 50 บาท
14. คุณกัญญา ปัญญาละ 20 บาม

ขออนุโมทนาบุญครับ

 

สาธุ ๆ ๆ ขออนุโมทนาบุญกับ Phaththachayo พร้อมหมู่คณะด้วยน่ะครับ ขอให้มีความสว่างไสวในธรรมและเจริญรุ่งเรืองทางโลก ด้วยครับ ^^

 

ร่วมบุญกันน่ะครับ..

 

วันนี้ โอนแล้ว ร่วมทำบุญถวายสัตตภัณฑ์แบบล้านนา หรือเชิงเทียนบูชาพระแบบทางภาคเหนือ จำนวน 80บาท อนุโมทนาบุญสาธุครับ

 

ุ

ขออนุโมทนาบุญด้วยน่ะครับ
สาธุๆ

 

สรุปยอดปัจจัยในการสร้างสัตตภัณฑ์ ถึงวันที่ 11 -02-2558

 

ความคืบหน้าในการสร้างสร้างสัตตภัณฑ์

 

ความคืบหน้าการสร้างสัตตภัณฑ์ ถึงวันนี้และยอดปัจจัยที่ร่วมบุญกันมาครับ