บัญชีหนังหมามีจริงไหม??

ภวังค์จิตคุณ อวิชชาอยุ่ตามภวังค์ จิตขึ้นสุดวิถี จะต้องลงภวังค์เพื่อเปลี่ยนอารมณ์ แล้วขึ้นวิถีใหม่

บุญบาปไม่ใช่จิต เป็นธรรมชาติไตรลักษณ์ ไม่เกี่ยวกับจิต

เจตสิกมรรค(ปัญญา) เป็นพันธมิตร ไว้ประหารกิเลส ต้องสัมปยุตกับความว่าง (ว่างจากโลภ โกรธ หลง) จึงจะเกิดมรรค(ปัญญา) จะละกิเลสได้ตามชั้นภูมิธรรมที่มันพึงจะละได้ (คือสติวิปัสสนาที่เป็นสัญญาบริสุทธิ์) มันจะลดความเข้มของกิเลสลง แต่ถ้ายังไม่ได้โสดา การันตีไม่ได้

สติปุถุชน (สติแบบสัญชาตญาณ) เป็นอวิชชา ไม่อยากเกิดชั้นอบาย มีศีล5เป็นต้น อยุ่ในขอบเขตอวิชชาอยุ่ ก้อต้องสร้างอารมณ์บวกไว้เยอะๆเข้าไปในภวังค์ ไม่ใช่สติวิปัสสนาของพระพุทธเจ้า

 

บุญบาป ก็เกิดขึ้นที่ จิต ชั่วดี เกิดขึ้นที่ จิต

ฉะนั้น ท่านจึงแยก ออกมาเป็น เจตสิก52
เป็น สิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับจิต ดับไปพร้อมกับจิต

วิบาก การสืบต่อ ในวิภีจิต เกิดดับ ชั่วแสนโกฎขณะ เห็นได้ยาก มีแต่พระศาสนา

ใครเห็นได้ นี่ โครตจะแม่น ไม่มีเพี้ยน แม้ในที่ใกล้ที่ไกล แม้หน้าบอร์ด

แค่ตามทันในชั่วขณะใดขณะนึง นี่ก้อูยยยยแล้ว ไม่งั่น อีลุงตุงนัง ติงนังตังนิง

 

อวิชชาเกาะอยุ่กับตัวจิตเลย ถึงต้องเพียรสร้างมรรครื้อมันออก
สติปัญญาสามารถเข้าไปรุ้ได้

จิตจะอยุ่เหนืออารมณ์ (เจตสิก)

 

เหรอ... ตัวเบ้อเริ่ม..

 

ตำหนักพระยายมอยู่ในเขตสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา บรรดาคนและสัตว์ที่ตายต่างพยายามมุ่งมาที่นี่ ถ้าบุญบาปไม่มากพอที่จะไปเกิดใหม่ทันที ส่วนใหญ่จะมาที่นี่ทั้งนั้น เพราะเป็นที่เดียวที่จะพยายามป้องกันไม่ให้เขาลงนรก...

ในตำหนักหรือที่ทำงานประกอบด้วย พระยายมราชเป็นประธานการสอบสวน มีสิริคุตมหาอำมาตย์ (ท่านนายบัญชีใหญ่) เป็นผู้ยืนยันผลการสอบสวน (นายบัญชีมีท่านเดียว สมุดบัญชีเล่มหนามหึมาเป็นทองคำทั้งเล่ม ไม่ใช่บัญชีหนังหมาอย่างเขาว่ากันต่อ ๆ มา...)

อดีตที่ผ่านพ้น โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

หนังหมาไม่มีนะคับ

มีแต่ เล่มหนามหึมาเป็นทองคำทั้งเล่ม

 

แต่ถ้าความจริง หนังหมา
มันถูกใข้บันทึกความชั่ว
อยู่ในแผนกเลขาฯ
ของท่านพยายมราช ณ ปัจจุบัน
คุณทัศพลจะแนะ
นำเพื่อนๆ ให้กระมู้ว์นี้ยังงัย
บ้างคับ

 

มี.. หนังกลับ... ด้วยมั้ย..

 

เรื่องนี้ควรเพียรเรียนให้รู้และทำให้เป็นที่สุด
สำหรับคนพุทธที่มีปัญญา อินทรี พละ

 

เพราะปัญญาเราไม่พอ ที่จะเข้าใจ
หรือค้นหาสิ่งที่มีแต่เกินปัญญาตนเอง
จึงต้องหวังพึ่งพระปัญญาคุณ
จากที่ทรงตรัสรู้ไว้
ส่วนที่ถามเพราะคิดว่าจะต้อง
มีคนที่มีสติปัญญาค้นคว้าหาความจริง
แล้วเอามาแชร์
แบ่งปันความรู้ที่รู้เองได้ยาก
หรือไม่มีสิทธิ์รู้เองได้เลย
ฮับท่านทรงให้พิสูจน์ก่อนเชื่อ หรือไม่เชื่อ
ใช่มิใช่

 

เวลาสติมันไปรู้เท่าทัน เหมือน มันไปเอาหอกไปเจาะแทง ช่อง ว่างของรูปและนาม

มันจะมี กลาป เขาเรียก กลาป มันเป็นช่องว่าง ระหว่างสุขุมรูปที่เกิดดับแทบจะตามไม่ทัน

เหมือน รอยต่อระหว่าง รูปนาม
สติที่เข้าไปแทง ครั้งแรก มันเลยไปทำให้เห็น
รูปส่วนนึง นามส่วนนึง จึงเรียกว่า แยกรูปแยกนาม เป็นปริเฉท
ไม่ใช่ไปนั่ง คิดเอา ว่า นี่รูป นี่เวทนา นี่สัญญา นี่สังขาร นี่วิญญาณ
แล้ว ก็บอก ว่านี่รูป นี่เรียกนาม แบบนี่ไม่ใช่

ทีนี่ คนที่เคยเจอ แยกรูปนาม ครั้งแรก
บางคนมันจะมีความอัศจรรย์ ตามมา เพราะไม่เคยรู้เคยเห็นมาก่อน

หากฝึกกับครู ก้ถือ ว่าโชคดีไป จะโดนตีกะบาลก่อน
ไม่ให้ไปหลง สภาวะใหม่ แล้วคิดว่าอัศจรรย์

ก็จะต้องฝึกแบบเดิม เข้ามาให้เห็นซ้ำ 1 ซ้ำ 2 ซ้ำ3 จนเริ่มชำนาญ
มันจึงจะเข้าใจ ในการเดินวิปัสนา อ้อ ต้นทางคือตรงนี้ ลงสติปัฏฐาน ที่ตรงนี้

ฉะนั้น ใครลงสติปัฏฐานตรงนี้ได้ ทุกคน จะมีแวว อภิญญาทั้งหมด
ไม่ใช่ที่เขาว่ากัน
ว่า สติปัฏฐาน เป็น สุขวิปัสโก ไม่มีรู้เรื่อง ของอภิญญา
ใครมาลงตรงนี้ได้ จะขำไปเอง

 

พระพุทธเจ้า บัญญัติไว้หมดเลยครับ

เราแค่เดินตามทางแล้วก้ไปเจอสภาวะที่ท่านบัญญัติ เห็นตามนั้นเลย

เวลาเอามาพูด ก็เอาของท่านมาพูดซ้ำ
เพื่อ ยันยันด้วยตัวเอง และเรียกคนอื่นมาดูได้ด้วย

จะมีเพิ่มเติมก้ รอยปลีก ย่อย ในมุมการอธิบายของตัวเองแค่นั้น
เรียกว่า ต่างแต่โวหาร แต่ความเป็นเหมือนกัน

เหมือนคำว่า

ฐิติภูตัง , อย่าปล่อยให้จิตมันว่าง , เวลานี้จิตข้าไม่สงบมันมีแต่ความคิด
สมาธิในฌานมันโง่ สมาธิในอริยะมรรคมันฉลาด , ปัญญาอบรมสมาธิ
ซึ่ง โวหาร ต่างกัน แต่ความเป็น เหมือนกัน

 

ผมคิดว่านะ
ควมชั่วก็คือความชั่ว จะบันทึกที่ไหนก็ไม่ต่างกัน
กะมู้ว์นี้....,.........
ไม่มีอะไรแนะนำใครในนึ้หรอกครับ นะ
ทุกคนเป็นคนดีกลัวบาปกลัวกรรมกันทัังนั้น
ครับ นะ ตัวใครตัวมันเถอะครับ