บันทึกนรกภูมิ

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 23 พฤษภาคม 2008.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    คำนำ
    เมื่อมนุษย์เกิดอุบัติมาในโลกนี้ ย่อมมีกฎแห่งกรรมเป็นผู้ลิขิตชีวิตท่าน แม้ท่านตายหรือแม้แต่สิ้นจิต (รูปกายแตกสลายดำรงอยู่พร้อมด้วยกายวิญญาณ) ในภพชาตินี้ ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ต่อไป แต่ท่านไม่รู้ไปว่าท่านนั้นจะต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่กี่ชาติ แม้สิ้นชาติจากนี้ไป ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรในอนาคตกรรม ขอท่านจงสำนึกเถิดว่า กรรมนั้นมีจริง

    สุดท้าย บทนี้ ผมขอฝากถึงมนุษย์ทั้งหลาย ที่ว่า ตัวตนนั้นไม่กลัวกรรม กลัวบาปที่ก่อ ไม่มีกรรมใดที่ทำแล้วสนองจริง มนุษย์ทั้งหลายมักพูดว่า “กรรมทั้งหลายไม่มีจริง ใครเป็นผู้ก่อ ใครทำบาปแล้วได้ดีมีมากไป “แต่ท่านรู้ไหมว่า พวกเขาเหล่านั้นจะต้องรับเสวยบุญกรรมก่อนที่เขาจะรับกรรม ในผลกรรมที่เขาได้ทำ แต่ถ้าหากผลบุญกรรมนั้นสิ้นลง ท่านจักจงดูเถิดว่า ชีวิตเขานั้นเป็นเช่นไรในอนาคต

    จงหยุดเถิด …. เวรกรรมทั้งหลายนั้น จักสิ้นด้วยภพชาติแห่งการปฏิบัติเริ่มภพชาติปฏิบัติในตอนนี้ และปฏิบัติเพียรต่อไปอย่างไม่ท้อ เวลานั้น ท่านจักแจ้งในธรรม และรู้ในผลแห่งกรรมที่มนุษย์ปฏิบัติ เวรกรรมทั้งหลายนั้นสิ้นชาติด้วยกรรมที่ได้ก่อ จงเพียรสิ้นกรรมด้วยการปฏิบัติ

    ขอจงสำนึกเถิด …
    อนันตนโมพุทธมณีสร จงฟังธรรม กรรมนี้มีจริง “ใครเป็นผู้รับกรรมนั้นจักมีอยู่ เห็นจริง ในภพชาติที่กระทำ” จงฟังเถิด อนันตมมุณีเทพเวลาศรประทาน

    “ปิยราช ไกรนรภพ”


    บุญนิสงส์

    บุคคลใดที่ได้สร้างหนังสือเล่มนี้ สามารถอธิฐานขอบุญนี้แก้กรรมเก่าในอดีตชาติของตนกับพญายมได้ทุกอย่าง
    ใครก็ตามที่ได้สร้างหนังสือเล่มนี้ จำไว้ หรือแม้เขียนเพื่อระลึกถึง ก็สามารถตัดกรรมตัดเวรได้ ๕ ส่วน
    ข้อที่สาม ท้ายสุดนี้ เราขอให้พรแก่ผู้ทำหนังสือเล่มนี้ ให้มีความเจริญสุขด้วยบุญลาภ ผลฤทธิ์สิทธิ์อันเจริญด้วยบุญนี้ จงประสิทธิ์


    องค์อัมรินทร์ทราธิราช


    คำแจ้งแก่มวลชน
    อุปัตติทานปุญญผลัง ในผลบุญร่วมที่ได้สร้างร่วมกันในนี้ จงตอบสนองท่านด้วยสิ่งสมหวังในความหวังสิ่งประสงค์ในที่หวัง ขอจงประสิทธิ์ในภพชาติภูมินี้ ขอท่าน จงได้ในสิ่งเหล่านั้นเถิด
    อนุโมทนาบุญร่วมในทานปุญญผลังหนนี้

    “ปิยราช ไกรนรภพ”


    “วิญญาณนั้น เป็นอยู่อย่างไรในภพภูมิเทวดา มนุษย์นั้นควรสังวรอยู่ว่า ตนเป็นมนุษย์ สิ่งใดที่ล้วนจากไปแล้วย่อมหวนไปกลับระหว่างโลกวิญญาณกับโลกมนุษย์ ความเปลี่ยนแปรแตกต่างย่อมมี คำพูดในหนังสือเล่มนี้ มีคำกล่าวที่เป็นคำเบื้องสูงระหว่างคนกับยมทูต คำนี้มีเรื่องมาเป็นอยู่อย่างไร ขอให้ผู้มีวิจารณญาณ จงหวนคิดตามคำกล่าวข้างต้น ย่อมแจ้งในเหตุผลดังนั้น
    ผลขอกล่าวไว้ด้วยความนัย”
    “ปิยราช ไกรนรภพ”

    ข้อความในหนังสือเล่มนี้ เขียนขึ้นจากการปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสมณโคดม ผู้ได้ตรัสสอนคำสอนแก่เวไนยสัตว์ให้รู้แจ้งเห็นจริง ซึ่งพระธรรมอันบริสุทธิ์ เพื่อความหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในภพชาติด้วยการปฏิบัติตามคำสอนจนรู้แจ้งเห็นจริงในธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้อย่างชัดแจ้ง ดั่งมีหลักฐานยืนยันปรากฏชัดในพระอภิธรรมปิฏก
    อนึ่ง การปฏิบัติกรรมฐานที่ยึดถือนำมาปฏิบัติเพื่อความรู้แจ้งนี้ ก็ได้นำมาจากคำสอนของพระพุทธเจ้าในเรื่องการปฏิบัติกรรมฐาน วิธีแห่งกรรมฐานนี้มีมากมายหลายวิธี ซึ่งสุดแล้วแต่จริตของแต่ละบุคคล ย่อมยึดถือเป็นแนวปฏิบัติได้โดยเลือกเอาแต่โดยชอบใจ สิ่งที่ผมได้ยึดถือนำมาเป็นวิธีปฏิบัติกรรมฐานนั้น ได้ใช้หลักของการเพ่งกสิณเป็นอารมณ์ ซึ่งกสิณนี้พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่ามี ๑๐ อย่าง อันได้แก่ ปฐวีกสิณ อาโปกสิณ เตโชกสิณ วาโยกสิณ นีลกสิณ ปีตกสิณ โลหิตกสิณ โอทาตกสิณ อากาศกสิณ อาโลกกสิณ ดังนี้ ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะแก่บุคคลทุกจริต ด้วยอำนาจฌาณที่เกิดขึ้นจากการเพ่งกสิณ ๑๐ นี้ ยังผลให้ได้ฤทธิ์ ๕ อย่าง ฤทธิ์อภิญญาที่เกิดขึ้นนี้ จัดอยู่ในขั้นโลกีย อภิญญา ซึ่งถือว่าเป็นธรรมะขั้นกลางไม่สามารถหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ หากบุคคลผู้ใดต้องการหลุดพ้นเพื่อพระนิพพาน ความดับ จะต้องกระทำตนให้รู้แจ้งเห็นจริงในรูปฌาณ อรูปฌาณ และภาวะแห่งจิตที่เกิดขึ้น ในระดับนี้จะเรียกว่า “กระทำวิปัสสนากรรมฐาน” เพื่อให้หลุดพ้นโดยแท้จริง
    จากแนวกรรมฐานปฏิบัติด้วยการเพ่งกสิณเป็นอารมณ์กรรมฐานนี้ (จัดเป็นสมถะกรรมฐาน ซึ่งมีกล่าวไว้โดยชัดแจ้งในหนังสือของอภิธรรมมหาวิทยาลัย ชื่อ สมถกรรมฐานทีปนี ในปริเฉจที่ ๙ หลักสูตรมัชฌิมอาภิธัมมิกะโท) ผลของการปฏิบัติ ทำให้ผมได้รู้ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น ได้ทราบว่าบุคคลนั้นกระทำกรรมเช่นไร จะต้องรับผลกรรมเช่นไรในสภาพใด และได้ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ได้ทรงตรัสสอนไว้ในบาลีต่างๆ ที่ปรากฏ
    สิ่งที่ผมได้รู้ได้เห็นนั้น มีมากมาย จากที่ผมไม่เคยรู้ว่าวิญญาณต่างๆ มีสภาพเช่นไร กรรมต่างๆ นั้นจักต้องเสวยกรรมเช่นไร ความสว่างที่ผมได้รับจากการปฏิบัติกรรมฐาน ผมสามารถนำไปเป็นความรู้ เพื่อการสอนแนะนำให้แก่ผู้ที่ยังไม่รู้ได้ว่า ผมศึกษาตามแนวคำสอนของพระพุทธเจ้าและได้รับผลธรรมแห่งการปฏิบัติที่สามารถบรรลุถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า และได้รับผลธรรมแห่งการปฏิบัติที่สามารถบรรลุถึงคำสอนของพระพุทธองค์ในเรื่องการใช้กรรมของสัตว์มนุษย์ที่ต้องรับผลแห่งกรรมจากการกระทำของตนเอง ซึ่งเป็นการพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าว่าที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้ว่า

    “กรรมใดนั้นมี สัตว์ใดได้กระทำบาปกรรมอย่างไร ตัวเขานั้น ย่อมได้รับผลแห่งบาปกรรมนั้นในนรกภูมิ บุคคลใดได้กระทำให้รู้ในอริยสัจมรรคผลที่ตถาคตได้กล่าว กรรมทั้งหลายจะไม่เกิดขึ้นแก่เขาผู้นั้น กรรมทั้งหลายจะไม่หวนกลับสู่เขาผู้นั้น ขอเจริญธรรม”

    วิญญาณต่างๆ ที่ต้องทุกข์ทรมานในอบายภูมิเพราะว่ากิเลสตัณหานำพาให้กระทำ คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระสมณโคดม ได้ประกาศพระศาสนาแห่งพระองค์ไว้เมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีก่อน เพื่อมุ่งหวังให้สัตว์ทั้งหลายได้กระทำตนให้รู้แจ้ง ในหนทางที่พระองค์ทรงค้นพบและชี้แนวได้ ผู้ใดได้ยึดถือปฏิบัติตามคำสอนนั้น ก็จะได้ในผลแห่งธรรมนั้นโดยชัดแจ้งด้วยตน

    *หมายเหตุ (สำหรับผู้ที่สนใจคำสอนในเรื่องการปฏิบัติกรรมฐาน อีกทั้งศึกษาภพภูมิต่างๆ ในนรก สวรรค์ สามารถหาซื้อหนังสืออ่าน เพื่อปฏิบัติด้วยตนเองได้ที่อภิธรรมมหาวิทยาลัย วัดระฆังโฆสิตาราม ธนบุรี หรือที่อภิธรรมมหาธาตุ วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ )
    หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นเพื่อบอกกล่าวมนุษย์ชนทั้งหลาย ให้รู้ว่าบาปบุญคุณโทษนั้นมีจริง ผลแห่งการกระทำไว้มิรู้สูญหาย

    บุคคลใดกระทำบาปกรรมเช่นไร เขาผู้นั้นจัดต้องรับผลแห่งกรรมนั้นด้วยผลกรรมอย่างไร นรกภูมินั้นมี สวรรค์ภูมินั้นมี จงแจ้งเถิดคำสอนขององค์พระสมณโคดมได้กล่าวไว้โดยชัดแจ้งแล้ว จงยึดถือนำมาปฏิบัติเป็นอาจิณด้วยวิริยะความเพียร ประดามี
    ความรู้ต่างๆ ที่ได้เขียนขึ้นมานี้ ผมได้เขียนจากประสบการณ์ชีวิตจริงที่เกิดขึ้นกับตัวผม โดยไม่มีการเสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาแต่อย่างใด ขอท่านผู้อ่านจงมีวิจารณญาณในการอ่าน ขอให้มีสติสัมปชัญญะในการพิจารณาว่า บุคคลนี้ได้ปฏิบัติตามแนวคำสอนของพระสมณโคดมพุทธเจ้า ผลแห่งการปฏิบัติจักให้ผลตอบสนองอย่างไรขึ้นอยู่กับบุญบารมีแต่ละบุคคล

    สิ่งใดที่ได้กล่าวอ้างไว้โดยละเอียดในภพภูมิแห่งการเกิดของวิญญาณ ได้มีการกล่าวอ้างคำบางคำที่ไม่แก่มนุษย์ปุถุชน แต่ผมมี ขอจงคิดไว้เถิดว่า บุคคลใดได้กระทำกรรมใด เขาผู้นั้นย่อมรับผลแห่งกรรมนั้นตามบุญบารมีแห่งการปฏิบัติ
    สรรพสิ่งใดที่ได้กล่าว ขอกล่าวอ้างคุณครูบาอาจารย์ที่ได้สั่งสอนศิษย์ ให้รู้ว่ากรรมฐานนั้นมีอยู่ เป็นแนวทางที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสไว้ ขอผู้ที่ต้องการกระทำตนให้รู้แจ้งว่า ตัวตนนั้นมีสภาพเช่นไร เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมิใด กระทำกรรมเช่นใด สรรพสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมอยู่ในความเปลี่ยนแปรของกรรมภาวะ จงตั้งสติคิดดำริกระทำตนให้รู้แต่บัดนี้ เพื่อยังผลให้เกิดความรู้แจ้งในการปฏิบัติ ได้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดโดยชัดแจ้ง ในผลนี้ผมขอกล่าวคุณครูบาอาจารย์ที่ได้สั่งสอนผมมาให้มีความรู้ทางธรรมะที่ผมระลึกอยู่มิรู้ลืมนั่นคือ อุบาสิกาพิมพา อุ้มปรีชา ผมขอทราบระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ ณ ตรงนี้ ขอความระลึกถึง



    ใครที่มีความประสงค์ต้องการจะฝึกกรรมฐานแนวกสิณปฏิบัติ ขอเชิญได้ที่ กุฎิฝึกกรรมฐานประชาชื่น วัดกำแพง บางจาก แขวงปากคลอง เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ๑๐๑๖๐ โทรศัพท์ (๐๒) ๔๕๗๐๙๕๘

    ที่มา :
    http://mindcyber.com/home
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2008
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันพฤหัสบดีที่ ๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๓๒

    ครั้งที่ ๑
    นรกขุมที่ ๗ แดนลงทัณฑ์ ๙ (พระภิกษุตกนรก)
    กายธรรมกายของผมพุ่งลงสู่นรกขุม ๗ บรรยากาศรอบ ๆ ตัวผมมีแต่ความมืดสลัว ทั่วบริเวณนั้นมีไอชื้นและมีกลิ่นเหม็นเน่าอับส่งกลิ่นอยู่ทั่วบริเวณนั้น ผมมองไปทางขวาของผมเห็นยมทูตองค์หนึ่งเดินตรงเข้ามาหาผมและหยุดยืนตรงหน้าผม นุ่งผ้าหนักรั้งสีแดงไม่สวมเสื้อ ที่แขนมีผ้าถักสีแดงสวมอยู่ที่แขน หน้าตาดุ และไว้หนวด
    “ข้าพระพุทธเจ้าขอรับธรรมทาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ด้วยบารมีพระปกเกล้า ขอถวายบังคมเดชฤทธิ์อิทธิศร ด้วยเกล้าบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมพระพุทธเจ้าข้า” ยมทูต ก้มลงถวายบังคมด้วยความเคารพ
    “เราอยากพบพระภิกษุที่ตกนรกอยู่ในขุมนี้สักหน่อย” ผมบอกความประสงค์กับยมทูต
    “เชิญทางนี้ พระพุทธเจ้าข้า” ยมทูตพูดพร้อมกับเดินตรงไปข้างหน้า
    ทางข้างหน้าที่เดินไป ยังคงเป็นสภาพเดิม บรรยากาศสลัวมืด มีกลิ่นเหม็นสาบคล้ายกลิ่นซากศพ จากทางนี้มองออกไปข้างหน้า มีแสงสว่างพอสลัวอยู่เบื้องหน้า ทางขวาของเส้นทางที่เดินไปมีป้ายปักเอาไว้ว่า “แดนมรณะ” ผมเดินไปอีกสักครู่ก็เห็นยมทูตสององค์กำลังนำตัวพระภิกษุรูปหนึ่งเดินตรงมาทางผม
    พระภิกษุรูปนี้สวมจีวรสีเหลือง จากหน้าตาดูคร่าว ๆ ก็ประมาณอายุสักสามสิบกว่าปีเล็กน้อย ที่คอสวมสร้อยประคำ ร่างกายของพระภิกษุรูปนี้ดูอิดโรยและซีดเซียว ที่ตรงหน้าผากมีรอยสักด้วยหมึกแดงว่า “นรกขุม ๗”
    “มึงทำกรรมชั่วอะไรเอาไว้บนโลกมนุษย์ มึงพูดไปให้หมด อย่างปิดบังนะมึง” ยมทูตตวาดภิกษุรูปนั้น
    “ข้าพระพุทธเจ้าเป็นคนจังหวัดกาฬสินธุ์บวชเป็นพระมาประมาณ ๑๕ ปี กระทำความผิดไว้มากมาย ข้าพระพุทธเจ้าเคยล่อลวงหญิงสาวมาข่มขืนหนึ่งคนและทอดทิ้งเธอไปแล้วข้าพระพุทธเจ้าก็หนีมาบวช แต่เพราะอารมณ์ชั่ววูบทำให้ต้องสร้างบาปเอาไว้ในพระพุทธศาสนา ข้าพระพุทธเจ้าได้ขโมยเงินที่ชาวบ้านนำมาทำบุญไปใช้บำเรอความสุขส่วนตัวไม่สนใจกิจสงฆ์ในพุทธศาสนา ทำให้ข้าพระพุทธเจ้าต้องได้รับทุกข์กรรมเช่นนี้”
    “ยังมีอีก มึงว่าไปให้หมด” ยมทูตตะคอกใส่พระภิกษุด้วยเสียงอันดัง
    “ข้าพระพุทธเจ้าเคยข่มขืนตัวเองในขณะเป็นพระภิกษุ กรรมนี้ทำให้ข้าพระพุทธเจ้าต้องถูกยมทูตลงโทษให้ใช้มือที่เคยทำข่มขืนตัวเองวันละ ๓ หน และให้กลืนน้ำเชื้อของตัวเองเข้าไป”
    “เอาตัวพระรูปนี้ไปลงโทษตามกฎแห่งกรรม เราอยางเห็นสภาพตอนลงโทษเพื่อจะได้นำไปเขียนให้มนุษย์ได้รู้ถึงบาปกรรม”
    ยมทูตทั้งสองก็เอาตัวพระภิกษุรูปนี้ไปลงโทษ เมื่อถึงที่ลงโทษยมทูตก็ดึงจีวรออก ทำให้ภิกษุรูปนั้นต้องมีสภาพเปลือยกาย หน้าตาของภิกษุรูปนั้นแสดงถึงความตกใจและหวาดกลัว ยมทูตได้ผลักภิกษุรูปนั้นล้มนอนลงบนพื้นดิน
    “มึงทำอย่างที่มึงเคยทำ” ยมทูตออกคำสั่งกับภิกษุรูปนั้น
    ภิกษุหนุ่มรูปนั้นก็เอามือทั้งสองข้างจับอวัยวะเพศแล้วทำการข่มขืนตัวเอง จนน้ำเชื้อเคลื่อนออกแล้วภิกษุรูปนั้นก็เอามือป้ายน้ำเชื้อของตนแล้วเอามาเลีย ภิกษุรูปนี้ได้กระทำดังเดิมจนครบ ๓ หน
    ทางด้านซ้ายมีสุนัขยืนอยู่ตัวหนึ่ง ตัวสูงเหนือเข่าเล็กน้อย ขนสีน้ำตาล ตาสีมันวาว ท่าทางดุร้าย มันได้วิ่งเข้าหาพระภิกษุรูปนั้นแล้วกัดอวัยวะเพศ
    “โอ๊ย ๆ กลัวแล้วครับ ผมกลัวแล้วครับ” ภิกษุรูปนั้นร้องขึ้นด้วยเสียงอันดังและดิ้นไปดิ้นมาด้วยความเจ็บปวดและทรมาน อวัยวะเพศของพระภิกษุรูปนั้นถูกสุนัขกัดจนเหลวแหลก
    แล้วยมทูตก็นำตัวสุนัขตัวนั้นจากไป เสียงพระภิกษุร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวดและทรมานอย่างยิ่ง น้ำตารินไหลออกมาอาบแก้ม ยมทูตได้นำตัวภิกษุรูปนี้จากไปจากที่นี่ ผมเดินตามยมทูตไปจนถึงที่แห่งหนึ่ง ยมทูตก็ได้ผลักภิกษุรูปนั้นลงบนพื้น เบื้องหน้ามีแสงรัศมีสีน้ำตาลแผ่เป็นแสงสว่างออกมารอบ ๆ เมื่อรัศมีได้ส่องมาถูกตัวพระภิกษุรูปนั้น ภิกษุรูปนั้นก็ดินทุรนทุรายเหมือนได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ได้ส่งเสียงครวญครางอย่างโหยหวน เมื่อผมเพ่งไปในใจกลางรัศมีนั้นก็มองเห็นเป็นผลึกสีชาก้อนใหญ่วางอยู่บนหิน
    “ยมทูต ทำไมพระรูปนี้รับรับกรรมแบบนี้หละ” ผมถามยมทูต
    “ภิกษุรูปนี้ ไม่ปฏิบัติตามวินัยสงฆ์ ต้องอาบัติ จึงต้องได้รับกรรมเช่นนี้พระพุทธเจ้าข้า”
    ยมทูตได้นำตัวภิกษุรูปนี้เดินตรงไปอีก สภาพข้างหน้าที่ปรากฏอยู่นั้นเป็นบ่อน้ำกรดหลายบ่อ มีคนอยู่ในบ่อมากมายในบริเวณนั้น ยมทูตได้ทิ้งตัวภิกษุรูปนั้นลงไปบนพื้นแล้วร้องสั่ง
    “มึงเอามือแช่ลงไปในบ่อเดี๋ยวนี้ อย่าเอาขึ้นมาก่อนกูจะสั่งนะมึง” ยมทูตสั่งด้วยความเฉียบขาด
    เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังอยู่ทั่วบริเวณนั้น ทุกคนกำลังถูกยมทูตลงโทษอยู่ บางคนที่เอามือแช่ลงไปในบ่อได้รับความเจ็บปวดจนร้องออกมาด้วยเสียงอันดังและโหยหวน ตาเหลือกขึ้น หน้าตาบูดเบี้ยว เนื้อที่ติดกับกระดูกก็ละลายไปกับน้ำกรดเหลือแต่โครงกระดูกสีขาวโพลน
    ภิกษุรูปนี้ถูกให้ใช้กรรมที่เขาได้นำเงินอันเป็นทรัพย์สินที่ประชาชนบริจาคให้กับวัดไปใช้ จึงต้องได้รับกรรมอย่างนี้
    ความเจ็บปวดที่วิญญาณได้รับ เสียงร้องที่ดังโหยหวนเพราะความเจ็บปวดสภาพทุกขเวทนา มันเป็นผลกรรมที่ต้องได้รับ ผลแห่งกรรมที่ตนได้กระทำขึ้นมาเองทั้งสิ้น
    “ยมทูต เอาตัวภิกษุรูปนี้ขึ้นมาซิ”
    ยมทูตก็เอาตัวภิกษุรูปนั้นมาอยู่ตรงหน้าผม สภาพของภิกษุรูปนี้เสมือนซากศพเดินได้ก็ไม่ปาน
    “เราอยากจะให้เธอบอกถึงความรู้สึกที่ต้องรับผลกรรมในนรกขุมนี้”
    “มันสุดแสนจะทรมาน ข้าวก็ไม่ได้กิน ได้กินแต่ขี้วันละ ๕ ขัน ไม่กินก็ไม่ได้ ยมทูตก็บังคับ” ภิกษุบอกถึงความรู้สึกด้วยน้ำตานองหน้า
    “เอาหล่ะ เมื่อเธอสารภาพความจริง ซึ่งก็ตรงตามที่บัญชาบ่งเอาไว้ เธอจะได้รับการผ่อนโทษนะ และเราจะแบ่งบุญให้เธอด้วย จงพนมมือขึ้น”
    “เราขอแบ่งบุญให้แก่วิญญาณตนนี้…”
    ฉับพลันนั้น เบื้องหน้าของภิกษุรูปนี้ก็มีอาหารวางอยู่ตรงหน้าพร้อมกับน้ำ นี่เป็นผลบุญที่วิญญาณตนนี้ได้รับตามที่ผมอธิษฐานไว้ด้วยความดีที่ภิกษุรูปนี้ได้สารภาพถึงบาปกรรมที่ตนได้ก่อขึ้นโดยไม่ปิดบัง จึงได้รับการใช้โทษให้ไปรับกรรมในนรกขุม ๔ ต่อไป
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันอังคารที่ ๓๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๓๒

    ครั้งที่ ๒

    นรกขุม ๒ แดนลงทัณฑ์ (คดีลามก)


    กายธรรมกายของผมปรากฏอยู่ท่ามกลางต้นไม้สูงใหญ่ หลายๆ ต้น ต้นไม้นี้เป็นต้นไม้กลปลูกขึ้นเพื่อป้องกันวิญญาณหลบหนีเหนือขึ้นไปบนกิ่งไม้ยังมี “อีกาปากเหล็ก” เกาะอยู่ ผมเดินออกจากต้นไม้กลนี้ตามเครื่องหมายที่ปรากฏบนต้นไม้
    เมื่อผมเดินพ้นออกมา เบื้องหน้าผมมียมทูตยืนอยู่สององค์ ยมทูตสององค์นี้สวมกางเกงขาสั้นสีกากี ไม่สวมเสื้อ รูปร่างบึกบึน มีผมสีทองออกน้ำตาล ไว้หนวดเครามีขนขึ้นอยู่บริเวณหน้าอก ที่แขวนขวาของยมทูตจะมีเครื่องหมายบอกไว้ว่าอยู่นรกขุมไหนที่คอและเท้ามีห่วงเหล็กคล้องอยู่บนคอและข้อเท้า ห่วงเหล็กจะแสดงถึงยศของยมทูต ยมทูตแต่ละชาติจะถืออาวุธและมีเครื่องหมายบอกยศไม่เหมือนกัน การแต่งกายในแต่ละองค์ก็จะผิดกันยมทูตอีกองค์หนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ นั้นผมดำหยิกเหมือนนิโกร ที่หน้าอกมีเส้นขนขึ้นเป็นกลุ่มอยู่ทั่วไป และแต่งกายด้วยเครื่องแบบเดียวกันกับยมทูตองค์ที่ยืนข้างๆ ยมทูตทั้งสององค์นี้เป็นยมทูตประเทศอังกฤษ และถืออาวุธเป็นหอกยาวเหน็บอาวุธด้วยเหล็กเรียกว่า “ปืนยาวไร้วุทธ์”
    ข้างๆ ของยมทูตมีผู้หญิงสองตน มีชื่อว่า “ผีลามก” เป็นผีที่มืออวัยวะเพศใหญ่เกินตัว ผีทั้งสองตัวกำลังคุกเข่าชันมือชันเข่ากับพื้นดิน ผีหญิงตัวหลังกำลังใช้ลิ้นเลียอวัยวะเพศของผู้หญิงตนข้างหน้า ความรู้สึกของผีทั้งสองตนในตอนนี้กำลังเมามันกับความทุกข์ของตน เขาได้รับกรรมทาสเสมือนหนึ่งดังตัวเองได้เข้าไปร่วมเพศกับเพศชายจริงๆ เพราะกรรมเก่าที่เขาได้เคยทำในอดีตเขาทั้งสองจะเป็นผีที่มีอวัยวะเพศใหญ่ยาวในลักษณะของเพศหญิงเพราะเขาได้ร่วมเพศกับเพศเดียวกันกับตน
    อดีตชาติของหญิงสองตนนี้ เป็นผู้หญิงที่มีอาชีพขายบริการให้กับขายกลัดมันที่เข้ามาเที่ยวหาความสุขกับตน หญิงทั้งสองตนนี้ได้สร้างกรรมหนักไว้กรรมชายหลายคน เขาได้แพร่กระจายเชื้อโรคจากกายของตนเข้าสู่ร่างกายผู้อื่นด้วยการร่วมเพศและแพร่พันธุ์เชื้อให้เขา
    เขาได้ถูกลงโทษในนรกขุมนี้อยู่นาน จนกว่าเขาจะพ้นกรรมนั่นเป็นบาปกรรมที่พวกเขาได้รับเนื่องจากกรรมลามก
    จากการลงทัณฑ์ในที่นี้เขาจะถูกนำตัวไปที่อื่นอีกตามกำหนดกรรมที่กำหนดไว้ ผมเดินตามไปเรื่อย ๆ ยมทูตได้นำวิญญาณสองตนไปสู่สระน้ำกว้างใหญ่มีชื่อบอกว่า สระกาเม ผีทั้งสองตนนี้เมื่อเห็นสระน้ำต่างก็วิ่งลงไปเล่นน้ำด้วยความไม่รู้ว่าน้ำนั้นเป็นอย่างไร เขาได้ถูกน้ำกรดในน้ำกัดกินร่างกายจนขาดวิ่น เขาทั้งสองได้โผล่ขึ้นมาจากน้ำด้วยความทุรนทุราย บนใบหน้าของพวกเธอได้แสดงถึงความบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดอันสุดจะทนและได้ร้องออกมาอย่างสุดเสียง ผิวหนังของพวกเธอถูกกัดกินด้วยการกัดของกรดในน้ำจนแหลกเหลว เมื่อผีทั้งสองรู้สึกตัวเช่นนั้นต่างก็กระเสือกกระสนหนีอย่างสาละวน โดยหารู้ไม่ว่าการลงทัณฑ์นี้เขาไม่สามารถหลบหนีได้แม้มีชั่วเวลาว่าง รูปร่างที่ออกมาใหม่ของพวกเธอ ผมเห็นแล้วแทบจะวิ่ง ดวงตาเธอหลุดออกมานอกเบ้าปากของเธอ หูของเธอ ขาของเธอ ขาดหายไปจากร่าง ไม่รู้ว่าหายไปไหน แต่ผมสันนิษฐานว่าคงจะถูกน้ำกรดกัดกินจนหมดแล้ว นี่เป็นความคิดเห็นของผม ผมออกจากแดนนี้ไปด้วยความรู้สึกหดหู่ ใจคิดว่าเขาจะพ้นกรรมเมื่อไหร่ สักวันหนึ่งคงไม่นาน… เขาทั้งสองคนพ้นกรรมในเร็ววัน
    เขาทั้งสองได้ถูกไฟนรกในขุมนี้เผาลายร่างกายจนหมด เถ้าถ่านเหลืออยู่บอกได้เพียงว่ากองนี้เป็นของใคร เพราะไฟนรกนั้นเป็นไฟกรดที่มีอำนาจกรรมบังคับอยู่ ไม่อาจบอกได้ว่ามีอานุภาพเพียงใด ผมเดินตามยมทูตไปอีก เธอทั้งสองถูกนำตัวไปในบ่อซึ่งหนอนอยู่เต็ม หนอนแต่ละตัวนี้มีความยาวห้านิ้วคน ความยาวของหนอนนี้จะทำให้ร่างกายของคนหดสั้นเข้าด้วยน้ำลาย ของหนอนนี้ (หนอนนี้เมื่อเกาะคนก็จะคายน้ำลายออกมาตามร่างกาย) คนที่ถูกหนอนนี้เกาะจะมีสภาพเหมือนเปรตไม่มีผิด เน่าเปื่อยไม่มีเหลือ บาปกรรมที่ได้ก่อได้ชดใช้กับตอนนี้ ใครหนอ…. กล่าวว่าบาปกรรมนั้นไม่มี ผมว่าบาปกรรมนั้นมี แต่มีใครเล่าจะรู้ว่ามันมีเช่นไร ไปไหน และในสภาพใด (นี้เป็นคำพูดที่ผมกล่าวไว้เพียงผู้เดียว)
    “สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นแล้วย่อมเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ไม่มีผู้ใดหลีกหนีไปได้”
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันพุธที่ ๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๒
    ครั้งที่ ๓
    นรกขุม ๖ แดนลงทัณฑ์ ๔ (คดีลามก)
    กายธรรมกายในกายมนุษย์ยืนอยู่ข้างล่างบนพื้นพิภพยมโลก ในนรกขุมนี้ผมยืนอยู่เบื้องล่างพร้อมกับยมทูตสององค์ ยมทูตสององค์ที่ยืนอยู่ข้างผมมีลักษณะเหมือนยมทูตทั่วไปแต่มีผมสีทอง เมื่อผมมองไปที่ตายมทูตมองไม่เห็นแววตาที่เขามอง เนื่องจากกรรมที่เขาได้ทำไว้บนพื้นมนุษย์ตั้งแต่ครั้งในอดีต นี่เป็นกรรมที่เขาต้องได้รับภพนี้ ยมทูตองค์นี้ไม่สวมเสื้อ ร่างกายกำยำ บึกบึนด้วยกล้ามอย่างได้สัดส่วน โดยถือปืนยาวเป็นอาวุธ มีผมสีทองไว้หนวดดกยาวหน้าตาดุเหี้ยมเพราะจะต้องลงโทษวิญญาณอยู่เสมอ
    ยมทูตที่ยืนอยู่สององค์กำลังลงทัณฑ์วิญญาณคู่หนึ่งอยู่ เป็นผู้ชายหนึ่งและเป็นผู้หญิงหนึ่ง ทั้งสองกำลังได้รับกรรมที่เขากระทำอยู่บนพื้นพิภพ อาการของคนทั้งสองอยู่ในลักษณะซ้อนกายด้วยเพศ (เป็นการร่วมเพศของสัตว์ในนรก) เขาทั้งสองได้ร่วมเพศกันด้วยอาการเมามันและเหนื่อยอ่อน
    “ยมทูต เราต้องการเอาอาการของชายหญิงสองตนนี้มาร่วมบันทึกในบาปกรรมของมนุษยธรรมที่เราบันทึกไว้ในหนังสือบาปกรรม (เป็นหนังสือที่รวมเรื่องราวต่าง ๆ ในนรกไว้หมด) เนื่องจากเราได้รับพระบัญชาจากองค์มหาเทพให้แต่งหนังสือจากการปฏิบัติกรรมฐานส่วนตัว เรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์ที่ทำบาปกรรมและตกนรกใดไว้บนโลกมนุษย์ เพื่อเป็นอุทธาหรณ์สอนใจมนุษย์ที่คิดจะทำบาป จะได้รู้ตัวว่าทำไปแล้วจะได้รับผลกรรมเช่นไร”
    “เราต้องการทราบเรื่องของเธอที่เธอทำไว้บนโลกมนุษย์จ๊ะ” ผมถามวิญญาณหญิง
    “เกล้าหม่อมฉันกล่าวคำสัตย์คำกล่าวที่เกล้าหม่อมฉันจะกล่าวต่อไปนั้น ขอกล่าวด้วยความสัตย์จริงหากเท็จแม้แต่คำเดียวขอให้อายตนะในกายเกล้าหม่อมฉันนี้สิ้นสลายไป ณ บัดนี้เทอญ สาธุ เกล้าหม่อมฉันขอกล่าวคำสัตย์”
    “เกล้าหม่อมฉันได้ทำกรรมหนักไว้กับตน เนื่องจากเกล้าหม่อมฉันและเพื่อนชายคนนี้เป็นคนมีกรรมหนักเนื่องจากเกล้าหม่อมฉันทั้งสองได้ร่วมกันก่อกรรมในทางเพศเพราะกรรมเก่ามากระทำ ดังนั้นเกล้าหม่อมฉันทั้งสองจึงได้ร่วมกันทำกรรมในครั้งนี้”
    “เกล้าหม่อมฉันได้กล่าวคำสัตย์ครั้งนี้ด้วยความเกรงกลัวในบาปแห่งตนครั้งนี้ เกล้าหม่อมฉันเคยประมาทกับตนทำให้ตนเองรับทุกข์กรรมอยู่ในเช่นนี้”
    เมื่อสัตว์นั้นได้กล่าวกรรมเช่นนั้นแล้ว ผมเห็นว่ากรรมนั้นสมควรจะช่วยได้จึงช่วยไป สัตว์ตนนี้ได้กล่าวคำจริงในความจริงที่ตนไดกระทำสิ้น ดังจากความจริงที่ปรากฏ
    “เกล้าหม่อมฉันเป็นเพศหญิงมีกรรม เนื่องจากเกล้าหม่อมฉันเป็นหญิงลามกอาศัยร่างกายหลอกชายหลายคน รวมทั้งชายคนนี้เข้ามาร่วมเพศกับตนแล้วหลอกเอาเงินเขาด้วยการใช้เพศเข้าล่อ ทำให้เขาลุ่มหลง เกล้าหม่อมฉันจึงต้องตกนรกขุมนี้”
    “ข้าพระพุทธเจ้าได้สร้างกรรมเวรไว้หนัก” ผีผู้ชายหันมาตอบคำถาม
    “เธอได้สร้างกรรมเวรไว้หนักเนื่องจากกรรมอะไร”
    “เนื่องจากข้าพระพุทธเจ้าได้สมสู่กับหญิงตนนี้ อาศัยความเป็นชายทำลายร่างเธอ”
    “เธอจงจำไว้ แม้เธอกระทำผิดเพียงนี้ แต่ด้วยความเมตตาของสวรรค์ได้มีบัญชาราชให้ตัวเรารับหน้าที่ช่วยเหลือพวกเธอพ้นจากขุมนรก จากการสอบถามบัญชีกรรมที่ตัวเธอได้รับและการกระทำของเธอกับการแสดงออกของเธอว่ามีความเป็นจริงเช่นไร หากแม้มีความเป็นจริงเราสามารถช่วยเธอให้พ้นจากขุมนรกนี้ได้ หากไม่มีความจริงโดยเธอโกหกมดเท็จ เธอจะได้รับกรรมตอบแทนเพิ่มสองเท่า เข้าใจไม๊”
    ชายคนนี้ได้สมสู่กับเพศสมรส (แปลว่าได้สมสู่กับเพศที่มีตัวตนด้วยความเป็นเจ้าของ) และได้ใช้อำนาจกรรมกายที่เกิดกับตนเข้าร่วมการกระทำนั้นโดยมิชอบ และได้สร้างความทรมานด้วยความงามในร่างกายของตน นี่เป็นกรรมที่เขาจะต้องได้รับ
    ในกรรมเก่าของชายคนนี้ ชาติหนึ่งมีส่วนช่วยให้สวรรค์สงบ แต่จากการกระทำของเขาในบางชาติเขาได้กระทำบาปไว้ และได้มีการติดสินใช้โทษไป เขาจึงต้องรับผลกรรมนั้นอยู่ก่อนจนเขาได้รับตนกรรม (กรรมที่ตัวเองทำขึ้น) สามชาติ จากนั้นเขาจะต้องจบชีวิตด้วยการเป็นเพศดิถี (ชายที่มีสองเพศ) ในภพมนุษย์สองเพศ มนุษย์ผู้นี้คงจะต้องถูกทรมานด้วยกรรมทัณฑ์ไปอีกนาน จนกว่าพระศรีอารย์มาตรัสบนโลกมนุษย์จึงจะพ้นกรรมนั้นได้
    จากที่ที่ผมยืนอยู่นี้ ผมอาศัยแสงสว่างที่พอมองเห็นเดินไปตามทางที่เห็นด้วยความระมัดระวัง อากาศรอบ ๆ หนาวเย็นอย่างรู้สึกได้ ผมเดินไปถึงจุดลงทัณฑ์ที่สอง ผมเห็น “แดนต้นงิ้ว” ขึ้นอยู่เบื้องหน้าที่ข้าง ๆ นั้นมีเจ้าหน้าที่ยมทูตหนึ่งองค์นั่งอยู่กับโต๊ะ บนโต๊ะนั้นมีสมุดเล่มใหญ่วางอยู่หนึ่งเล่มพร้อมกับขนนกสำหรับเขียนเสียบอยู่ในที่เสียบ ยมทูตที่นำวิญญาณทั้งสองไปข้าง ๆ โต๊ะ มียมทูตองค์หนึ่งแยกตัวไปลงบันทึกในสมุดเล่มนั้นและย้อนกลับมาพร้อมกับนำวิญญาณทั้งสองไปลงโทษ
    วิญญาณทั้งสองได้ถูกนำตัวไปยืนใต้ต้นงิ้วต้นหนึ่ง ยมทูตสั่งให้วิญญาณทั้งสองปีนขึ้นไปบนต้นงิ้ว ต้นไม้งิ้วแต่ละต้นมีวิญญาณชายหญิงเปลือยกายกำลังปีนป่ายบนต้นงิ้วอยู่มากมายหลายตน วิญญาณบางตนถูกหนามของต้นงิ้วเสียบทะลุกลางอกตายคาต้นงิ้วก็มี และก็มี “อีกาปากเหล็ก” หลายตัวบินโฉบเข้าจิกตีตามร่างกายวิญญาณเหล่านั้นจนร่วงตกลงสู่พื้นและยมทูตก็เอาน้ำทิพย์ที่ถืออยู่เข้าพรมไปตามร่างกาย สักครู่วิญญาณเหล่านั้นก็ฟื้นกลับขึ้นมา วิญญาณเหล่านี้จะถูกลงโทษเช่นเดิมอีกจนกว่าจะหมดกรรม ถ้าหากวิญญาณไม่กล้าปีนขึ้นไปยมทูตก็เอาปืนยิงไล่ (ยมทูตต่างชาติให้ปืนเป็นอาวุธ-ตามแต่ตนมี) ในส่วนการลงโทษนี้เป็นการลงโทษวิญญาณชาติอื่น
    ต้นงิ้วเหล่านี้ได้ถูกสร้างขึ้นด้วยธาตุทิพย์จึงมีความพิเศษและแตกต่างไปจากต้นไม้ธรรมดา คือจะเจริญงอกหนามแหลมได้เองดั่งมีชีวิต ด้วยเหตุนี้วิญญาณที่ปีนป่ายขึ้นต้นงิ้วจึงถูกหนามแหลมของต้นงิ้วทิ่มแทง
    วิญญาณทั้งสองที่ถูกนำตัวมาลงโทษนี้ก็ได้รับกรรมเช่นเดียวกันนี้ทุกคน จากการลงทัณฑ์นี้ผมได้เดินตามยมทูตไปอีก ในระหว่างทางมีเสียงครวญครางของ วิญญาณและเสียงด่าอย่างหยาบ ๆ ของยมทูตสลับกันสักครู่ก็ถึงที่ ๆ หนึ่ง
    ที่แห่งนี้คือ “แดนกระทะทองแดง” มีกะทะขนาดใหญ่อยู่มากมาย มีไฟสุมเป็นเชื้อเพลิงอยู่ข้างใต้กะทะไฟที่ลุกโชนอย่างร้อนแรง อนึ่งไฟนี้เป็นไฟกรดที่มีเฉพาะในยมโลก มีวิญญาณหลายตนตกอยู่ในกะทะมากมายวิญญาณบางตัวพยายามปีนป่ายออกนอกกะทะ แต่ก็ถูกยมทูตคอยไล่ให้กลับเข้าไปในนั้นมีแต่การลงโทษไม่มีการปราณี จะหนีก็หนีไม่ได้ ตกอยู่ในสภาพที่แสนจะทุกข์ทรมาน ผิวหนังลอกเปื่อยออกมาต่างร้องให้ครวญครางเสียงระงม วิญญาณบางตัวก็หมดสติจมลงไปในน้ำเดือด ยมทูตก็เอาตัววิญญาณนั้นออกมาและพรมน้ำมนต์ เพื่อให้วิญญาณนั้นฟื้นและยมทูตก็จะนำตัวเขาไปลงโทษอีก วิญญาณที่ยมทูตนำตัวมาพร้อมกันนั้นก็ถูกยมทูตบังคับให้ลงไปในกะทะเช่นกัน แม้เขาจะมีการลงทัณฑ์ก็ตาม ยมทูตก็มีความปรานีให้เขาได้พักในยามที่ไม่มีการลงทัณฑ์
    สภาพของวิญญาณต่าง ๆ ที่ถูกลงโทษนั้น เกิดจากบาปกรรมในความลามกของตนเอง ฉะนั้นขอให้ผู้ที่กระทำกรรมชั่วไว้ จงรีบสร้างบุญและอย่าทำกรรมชั่วสวรรค์ก็จะลดโทษให้แก่ผู้นั้น ให้รับโทษเบาบาง
    “ดวงตาสวรรค์นั้นมี” สามารถเห็นการกระทำของมนุษย์อยู่ทุกเมื่อ จงอย่าคิดว่าสิ่งที่ตนทำนั้นไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ขอให้คิดเสียใหม่ว่ากรรมนั้นมี มีตัวตนจริง
     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันจันทร์ที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๒
    ครั้งที่ ๔
    นรกขุมที่ ๒ แดนลงทัณฑ์ ๘
    สภาพรอบกายผมมีแต่ความมือสลัวปกคลุมอยู่รอบ ๆ ด้วยอากาศที่ชื้นเย็น บริเวณรอบ ๆ ที่ผมยืนนั้นมีกอหญ้าขึ้นประปราย ตรงที่ผมยืนอยู่นี้คือทางเข้าของแดนลงทัณฑ์ในนรกขุม ๒ แดนลงทัณฑ์แต่ละแดนจะมีอยู่มากมายเป็นส่วน ๆ อยู่ในยมโลก โดยจะแบ่งเป็นส่วนการลงทัณฑ์ออกไป ข้างหน้าผมมีป้ายไม้ปักอยู่หนึ่งอันอ่านว่า “ทางเข้า” ซึ่งเขียนด้วยหมึกสีแดง
    มองไปข้างหน้า ยมทูตประจำอยู่ขุมนี้เดินเข้ามาหาผมสองค์แต่งกายเหมือนยมทูตไทยทั่วไป คือนุ่งผ้าหยักรั้งสีแดง ไม่สวมเสื้อ มีผ้าถักคล้ายเชือกสีแดงรัดอยู่ทีแขน เรียกว่า “ผ้าถักแขน” ถักอยู่ทั้งสองข้าง บนใบหน้าไว้หนวดดกดำ ใบหน้าเหี้ยมเหนือหัวของยมทูตมีแสงสว่างเรือง ๆ สีแดงลอยอยู่บาง ๆ เรียกว่า “แสงมรณะ” ซึ่งที่ทำหน้าที่ลงทัณฑ์วิญญาณจะมีแสงอยู่ทุกองค์ อำนาจของแสงมรณะนี้จะทำให้วิญญาณหรือผี เปรต เกิดความรู้สึกเกรง
    “เราต้องการมาสัมภาษณ์วิญญาณที่ได้รับกรรมในนรกขุมนี้”
    ยมทูตนำผมไป มีวิญญาณเปรตตนหนึ่งอยู่เบื้องหน้า เป็นเปรตผู้หญิงสภาพร่างกายเน่าเปื่อยจนแทบสลายผมเผ้ารุงรัง ตามเนื้อตัวของเปรตตนนี้มีน้ำเหลืองไหลเยิ้มออกทางร่างกาย ส่งกลิ่นสาบอยู่ทั่วบริเวณนั้น เปรตตนนี้มีรูปร่างผอมลีบ สูงประมาณเกือบเท่าต้นตาล นัยน์ตากลมโต รูกลม ๆ ที่ปากทำให้เขาพูดไม่ได้ มีเสียงแหลมเล็กออกมา นั่นเป็นเสียงของเปรตตนนี้ นมของเปรตตนนี้เหี่ยวแห้งหย่อนยานติดหน้าอก ที่ขาของเปรตตนนี้มีโซ่ขนาดใหญ่ล่ามติดไว้ทั้งสองข้าง สายของโซ่ผูกติดไว้กับต้นไม้ใหญ่ข้าง ๆ วิญญาณตนนี้มีชื่อว่า “เปรตอาจม” บนพื้นดินข้าง ๆ เท้าเปรตมีขันใบใหญ่วางอยู่สามขัน เป็นภาชนะที่ใช้ใส่ให้เปรตกิน ผมมองดูต่อไปเบื้องล่างของกาย มีอวัยวะหนึ่งที่สะดุดตาผม ผมมองเห็นอวัยวะเพศชายงอกออกมาจากอวัยวะเพศหญิงของเธอ ทำให้ผมสงสัยมาก
    “เบื้องหลังของหญิงตนนี้ เป็นหญิงกาลีมีอาชีพเป็นหญิงบริการในสถานเริงรมย์แห่งหนึ่ง ได้ใช้ความสวยของตนเข้าล่อผู้ชายให้มาหลง และได้หลอกลวงทรัพย์สินของชายนั้นมาปรนเปรอความสุขของตนเองความสวยงามของหน้าตาที่เสริมแต่งขึ้น ทำให้เธอ (เปรต) ตนนี้ดูเด่นกว่าผู้หญิงคนอื่น ชายมากมายที่หลงใหลในความงามก็ถูกเธอหลอกล่อให้อยู่กินกับเธอ และใช้เงินของเขาอย่างสุรุ่ยสุร่าย ไม่มีความเกรงกลัวต่อกรรมที่ทำ เมื่อชายใดไม่สามารถให้ความสุขกับเธอได้อีก เธอก็จะทอดทิ้งไปพร้อมกับดูแคลนอย่างสิ้นเยื่อใย สตรีเช่นนี้สมควรที่จะได้รับโทษในนรก ต้องเกิดเป็นเปรตที่อดอยากและได้รับโทษอย่างสาสม พระพุทธเจ้าข้า” ยมทูตเล่าความผิดของหญิงผู้นี้
    ผมมองไปที่ใบหน้าของเปรตนั้น ใบหน้าเศร้าสลดในกรรมที่เธอก่อ ถึงรู้ตัวก็สายเสียแล้ว น้ำตาของวิญญาณตนนี้รินไหลออกจากดวงตาทั้งสองข้างและส่งเสียงสะอื้นเบา ๆ
    “เอาหล่ะ ด้วยผลกรรมในการอธิบายความผิดของเธอ เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับมนุษย์ได้ทราบว่ามนุษย์ใดทำกรรมชั่วเช่นนี้ ก็จะต้องรับโทษในลักษณะนี้ทุกคน เธอจงพ้นกรรมนี้เถอะ” ผมกล่าวไปด้วยความสงสาร
    ยมทูตก็เข้าไปถอดโซ่ตรวนที่ล่ามเปรตเอาไว้ และนำตัวไปถวายตัวต่อองค์พญายมเพื่อพิจารณากรรมต่อไป
    “เราต้องการสัมภาษณ์พวกผีอื่นอีก”
    “พระพุทธเจ้าข้า” ยมทูตรับคำและเดินนำผมไปทางซ้าย
    ทางเดินที่ผมเดินผ่านมาเริ่มมืด คล้าย ๆ กำลังเข้าไปในถ้ำ มีเสียงซ่า ๆ ดังขึ้นเมื่อเท้าเหยียบย่างลงไปบนก้อนหินบนพื้นดิน ข้างหน้าผมมีป้ายปักไว้เขียนไว้ว่า “แดนลงทัณฑ์ ผมเดินผ่านป้ายนี้ไปชั่วครู่ก็มองเห็นโพรงอยู่โพรงหนึ่งลักษณะคล้ายถ้ำเล็ก ๆ เป็นโพรงใหญ่พอประมาณ มีความกว้างขนาดคนเข้าไปอยู่ได้ ที่หน้าโพรงนั้นมียมทูตถือตรีวุธ (สามง่ามยาวคล้ายหอก) เป็นอาวุธอยู่องค์หนึ่ง
    ยมทูตนั่งคุกเข่าลงพร้อมกับพนมมือขึ้น พร้อมกับกล่าวถวายบังคม
    “ข้าพระพุทธเจ้าขอรับธรรมทาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ด้วยบารมีพระปกเกล้า ขอถวายบังคมเดชฤทธิ์อิทธิศร ด้วยเกล้าบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมพระพุทธเจ้าข้า”
    “เราต้องการมาสัมภาษณ์ผีที่อยู่ในนรกแดนนี้ เรียกผีที่อยู่ในโพรงนั้นออกมาซิยมทูต”
    “เฮัย ไอ้ผีโพรง มึงออกมานี่หน่อยซิ” ยมทูตเรียกผีตัวนั้นพร้อมกับกระตุกโซ่
    มีผีตัวหนึ่งเป็นผู้ชายไม่ใส่เสื้อผ้า ค่อย ๆ คลานออกมา ที่มือและขาของผีตัวนี้ถูกล่ามโซ่เอาไว้ สภาพร่างกายของผีตัวนี้ผอมแห้ง ผิวหนังเป็นปุ่ม ๆ คล้ายเป็นโรคผิวหนัง ที่คอมีป้ายแขวนคอบอกชื่อผีตัวนี้ว่า “ผีโพรง” ที่หูของผีตนนี้มีลักษณะใหญ่ผิดปกติขนาดเท่ากับพัดที่ใช้พัดถ่านไฟหุงข้าว ที่รูหูของเขามีน้ำหนองไหลเยิ้มออกเพราะอยู่ในโพรงที่มืดตลอดเวลา มือทั้งสองข้างของเขาบวมพองมีรอยแผลอยู่มากมาย แผลนี้เกิดจากการลงโทษของยมทูต
    “เธอจงเล่าการกระทำของเธอ เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ออกมาให้หมดซิ” ผมถามด้วยอำนาจจิต เพราะหูของเขาไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแล้ว
    “เมื่อสมัยเป็นมนุษย์ ข้าพระพุทธเจ้าเป็นลูกของคนมีอันจะกินคนหนึ่ง เนื่องด้วยเป็นคนร่ำรวยมีกิจการงานมากมาย แต่ข้าพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นลูกกลับมิได้สนใจใยดีในกิจการของพ่อแม่เลย เอาแต่เที่ยวเตร่สนุกเฮฮากับเพื่อนฝูงทุกเช้าค่ำ จนแม่ตรอมใจตาย แต่ข้าพระพุทธเจ้าก็ยังเที่ยวอยู่เหมือนเดิม ซ้ำยังเที่ยวหนักกว่าเก่าเพราะถือว่าไม่มีใครมาคอยควบคุมเราอีกแล้ว กิจการของครอบครัวก็เริ่มทรุดพ่อก็ล้มป่วย ญาติ ๆ ก็เริ่มเข้ามาครอบครองทรัพย์สมบัติของคุณพ่อ ในบั้นปลายสุดท้ายของคุณพ่อ คุณพ่อได้เรียกข้าพระพุทธเจ้าเข้ามาอบรมสั่งสอนถึงเรื่องต่าง ๆ แต่ข้าพระพุทธเจ้าก็ไม่สนใจที่จะฟัง กลับทำหูทวนลมเสีย อยู่มาวันหนึ่งข้าพระพุทธเจ้าเมาเหล้ากลับมาและเอ่ยปากขอเงินคุณพ่อเพื่อไปเล่นการพนัน แต่คุณพ่อไม่ให้ข้าพระพุทธเจ้าจึงใช้กำลังทำร้ายคุณพ่อบังเกิดเกล้าด้วยมือทั้งสองข้างนี้และหลบหนีออกจากบ้าน จากนั้นไม่นานคุณพ่อก็เสียไปทรัพย์สินต่าง ๆ ของคุณพ่อที่เหลือไว้ก็ถูกข้าพระพุทธเจ้าล้างผลาญจนหมดสิ้น เพื่อนที่ข้าพระพุทธเจ้าเคยช่วยเหลือกลับปฏิเสธเมื่อข้าพระพุทธเจ้าไปขอร้องให้ช่วยทุกคนหมางเมินอย่างสิ้นเยื่อใย ข้าพระพุทธเจ้าเริ่มรู้แล้วว่าบาปกรรมที่เคยกระทำกับพ่อแม่นั้นได้มาถึงแล้ว ชีวิตสุดท้ายของข้าพระพุทธเจ้าต้องเป็นขอทาน ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของข้าพระพุทธเจ้าสิ้นลงเพราะทนความหิวไม่ไหว ซากศพของข้าพระพุทธเจ้าได้ถูกนำไปฌาปนกิจโดยผู้ใจบุญช่วยกันเรี่ยไรเงินค่าทำศพจากคนแถว ๆ นั้นมาทำศพข้าพระพุทธเจ้า ทุกวันที่พระสวดอภิธรรมวิญญาณของข้าพระพุทธเจ้าจะถูกนำตัวมาฟังพระสวดอภิธรรมจนวันสุดท้ายของการฌาปนกิจ ข้าพระพุทธเจ้าก็ถูกตัดสินให้มารับโทษในนรกขุมนี้”
    ผลกรรมที่ทำให้หูทั้งสองข้างโตผิดปกติและใช้การไม่ได้ เพราะทำให้บุพการีอบรมสั่งสอนแต่แกล้งทำเป็นหูทวนลม มือทั้งสองข้างที่เคยใช้ทำร้ายบิดา ทำให้เขาต้องรับโทษอย่างทรมาน มือที่บวมพองเพราะบาดแผลที่ถูกยมทูตลงโทษ
    “เมื่อเธอสารภาพถึงความผิดที่เธอได้ก่อไว้เพื่อเป็นอุทธาหรณ์แก่มนุษย์ทั้งหลาย เราจะช่วยให้เธอพ้นจากขุมนี้จ๊ะ”
    เราจะขอกลับสู่ยมโลกแดนสอง (แดนมนุษย์) แล้ว กายธรรมกายกลับสู่โลกมนุษย์…
     
  6. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันศุกร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๒
    ครั้งที่ ๕
    นรกขุม ๓ แดนน้ำกรด
    ผมอธิษฐานจิต “ขอโปรดสัตว์ในนรก” กายธรรมกายของผมแสดงฤทธิ์ขอต่อนรก (ขอไปนรก)…ด้วยกายธรรมกาย และปรากฏอยู่ ณ นรกขุม ๓
    เบื้องล่างในพื้นยมโลก มียมทูตยืนอยู่สององค์เป็นยมทูตชาวจีน สวมกางเกงขายาวหรือขาสั้นผมมองไม่แน่ แต่เมื่อลงไปข้างล่างความสงสัยต่าง ๆ ก็กระจ่าง ผมเห็นยมทูตทั้งสองสวมกางเกงขาสั้นสีแดงและถืออาวุธเป็นหอกจีนเหมือนในหนังจีนโบราณ
    “ข้าพระพุทธเจ้าขอรับธรรมทาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ด้วยบารมีพระปกเกล้า ขอถวายบังคมเดชฤทธิ์อิทธิศร ด้วยเกล้าบารมีปกเกล้าปกหม่อมพระพุทธเจ้าข้า”
    “เราต้องการสัมภาษณ์วิญญาณที่รับกรรมอยู่ในนรกแดนนี้”
    “พระพุทธเจ้าข้า”
    แล้วยมทูตก็เดินนำหน้าผมไป เดินย้อนไปตามทางที่ยมทูตเขาเดินมาเมื่อสักครู่ มีกลิ่นคาวเลือดลอยลมมาจาง ๆ โชยมากับสายลมเบื้องล่าง กลิ่นนี้มีต้นเหตุมาจากซากวิญญาณบริเวณนั้น ข้างหน้าผมมีบ่อน้ำอยู่บ่อหนึ่งมีขนาดใหญ่พอสมควร น้ำในบ่อเดือดจัดจนเป็นฟองอากาศเต็มไปหมดทั่วผิวน้ำ มีควันสีขาวลอยอยู่เหนือผิวน้ำบาง ๆ ผมสังเกตดูความร้อนของน้ำในบ่อคงจะร้อนมาก รอบ ๆ ขอบบ่อมีเส้นสีขาวตีเส้นอยู่รอบ ๆ เส้นนี้หมายถึงเตือนว่าอย่าเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้กว่าเขตกำหนดนี้ จะเดือดร้อน บ่อน้ำนี้คือ “บ่อน้ำกรดพิษ” ผู้ที่ต้องรับโทษในแดนนี้คือวิญญาณที่โกงทรัพย์สินผู้อื่นด้วยเจตนาที่จะนำทรัพย์สินนั้นมาเป็นของตัว หรือเบียดเบียนผู้อื่นด้วยเจตนาที่จะลักทรัพย์สิน ของมีค่า อันมิใช่ของตน
    เมื่อผมลงไปสู่นรกเบื้องล่าง มีวิญญาณหลายตนร้องขอ ขอให้ผมช่วยบอกกล่าวแก่มนุษย์ที่มารอรับกรรมรับเวรอยู่ในโลกมนุษย์ให้มาสร้างบุญด้วยตนเองให้เร็วที่สุด เพราะเวลาในโลกมนุษย์นั้นมีน้อย หากใครมีบุญน้อยก็จะมีเวลาอยู่ในโลกมนุษย์นั้นน้อย นอกจากเป็นผู้มีกรรมที่จะต้องมารับกรรมรับเวรในโลกมนุษย์เท่านั้นจึงจะมีเวลาอยู่ใช้กรรมจนกว่าจะหมดจากตัวในชาตินั้น นี่เป็นคำขอร้องให้บอกแก่มวลมนุษย์ทั้งหมด
    สักครู่ก็มียมทูตสององค์นำตัววิญญาณตนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาผม ยมทูตองค์ทางซ้ายมือของผมมีอาวุธถืออยู่ในมือเป็นอาวุธทิพย์ลักษณะเป็นหอกปลายคู่รูปร่างคล้ายหอก แต่เนื้ออาวุธทำเป็นรูปคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว อาวุธนี้เรียกว่า “จันทร์วงเสี้ยว” ที่บนหัวของยมทูตมีเขาปรากฏอยู่ซึ่งเขานั้นเป็นเครื่องหมายบอกถึงยศอำนาจของยมทูตองค์นั้น
    ส่วนยมทูตอีกองค์หนึ่งแต่งกายคล้าย ๆ กัน แต่ไม่มีเขาปรากฏอยู่บนหัว ถือหอกยาวเป็นอาวุธ วิญญาณที่ถูกนำตัวมาเป็นผู้ชายอายุประมาณสามสิบเศษไม่เกินสี่สิบ ไม่สวมเสื้อผ้ามีป้ายแขวนอยู่ที่คอบอกชื่อว่า “ผีกระหายทรัพย์” หน้าตาหมองเศร้า บนใบหน้ามีหนวดเคราขึ้นบางๆ
    “มึงลงไปในบ่อนั้นเดี๋ยวนี้” ยมทูตตวาดด้วยเสียงอันดังพร้อมกับชี้มือไปที่บ่อ
    แต่วิญญาณตนนี้ไม่กล้าลงไป ยมทูตจึงใช้เท้าเตะเข้าไปที่ตรงท้อง ผีตนนั้นล้มกลิ้งตกลงไปในบ่อ มีเสียงเหมือนวัตถุตกลงไปในน้ำ สักครู่ในน้ำตรงที่ผีตัวนั้นตกลงไปมีฟองอากาศพรูขึ้นมา แล้วมีโครงกระดูกขาวโพลน มีเนื้อเยื่อของร่างกายติดมาคู่กับกระดูก
    ยมทูตที่ถือหอกก็ใช้หอกที่ถือนั้นดึงเอาโครงกระดูกขึ้นมาบนพื้นดิน และมียมทูตองค์หนึ่งถือน้ำทิพย์บรรจุในขันมาราดลงไปที่โครงกระดูกนั้น จากโครงกระดูกก็แปรเปลี่ยนรูปร่างเป็นรูปร่างเดิมของชายผู้นั้นที่มีเนื้อหนังมังสาประกอบอยู่
    “ยมทูต เอาตัวเขาขึ้นมาซิ”
    “เธอทำกรรมอะไรเอาไว้ในสมัยที่เป็นมนุษย์ จึงต้องมาตกนรกขุมนี้ จงเล่าไปตามความจริง”
    “เอ่อ…เอ่อ…อ” ไม่มีเสียงพูดออกมา ผมจึงบอกให้ยมทูตเอาน้ำในผีตัวนี้ดื่ม
    “ข้าพระพุทธเจ้าเป็นชาวสิงคโปร์ ครั้งหนึ่งข้าพระพุทธเจ้าร่วมทำธุรกิจกับญาติของตนเอง จนมีกำไรพอที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวได้ แต่ด้วยความโลภของข้าพระพุทธเจ้า จึงได้ยักยอกเงินส่วนหนึ่งของบริษัทมาเป็นของตัว โดยเก็บเป็นความลับแต่ผู้เดียว ต่อมาธุรกิจที่ทำก็ล้ม ญาติคนนั้นต้องขายบ้าน รถ และทรัพย์สินอื่นเพื่อผ่อนใช้หนี้ ต่อมาข้าพระพุทธเจ้าได้อพยพย้ายครอบครัวไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ภายหลังได้ข่าวว่าญาติคนนี้ได้เสียชีวิตลงด้วยความตรอมใจ ครอบครัวของเขาต้องแยกย้ายที่อยู่ นับเป็นความผิดที่ข้าพระพุทธเจ้าได้ก่อไว้อย่างมหันต์ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าตาย วิญญาณก็ถูกนำตัวมาตัดสินให้ได้รับโทษเพื่อให้ใช้กรรมที่ตนเองได้ก่อไว้ในนรกขุมนี้”
    “เมื่อเธอสารภาพความจริงออกมา เธอก็จะได้รับอภัยโทษเนื่องด้วยสวรรค์ได้ประกาศว่าจะลดกรรมให้แก่วิญญาณที่ให้สัมภาษณ์ถึงความผิดที่ได้ก่อขึ้นเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ ด้วยความเมตตาของสวรรค์ในครั้งนี้ เราจะให้เธอพ้นจากนรกขุมนี้ไปเกิดใหม่…เธอจงพนมมือขึ้นแล้วว่าตามที่เราพูด”
    “สาธุ ข้าเจ้าขอให้คำสัตย์ต่อสวรรค์ว่า ข้าพเจ้าจะไม่ประพฤติตนเยี่ยงเดิมอีก และจะพยายามสร้างกรรมดีให้ปรากฏเพื่อชดใช้กรรมที่ก่อไว้ในชาตินี้ หากเมื่อใดข้าพเจ้าผิดคำสัตย์ที่ให้ต่อสวรรค์ในครั้งนี้แล้ว ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ข้าพเจ้าเพิ่มสองเท่าเถิด”
    “ดี เมื่อเธอให้สัจจะต่อสวรรค์แล้ว เราขออวยพรให้ชีวิตใหม่ของเธอได้อยู่ภายใต้บารมีแห่งพระพุทธศาสนาเถิด”
    “ยมทูตนำตัวเขาไปชำระคดีให้เสร็จสิ้น แล้วส่งไปเกิดใหม่เป็นคนที่ต้องสร้างฐานะตั้งแต่เริ่มแรกจนตั้งตัวได้ แล้วใช้กรรมผูกพันธ์ของเขาที่ได้ทำเอาไว้เมื่อครั้งเป็นมนุษย์”
    “เมื่อมนุษย์ทั้งหลายเกิดลงมาสู่มนุษย์โลก ได้สู่กรรมวาระกรรม (การเข้าสู่วาระกรรมแห่งกรรมทาส) (กรรมทาสคือการใช้กรรมในภพชาติแห่งภพมนุษย์) ภพภูมิแห่งมนุษย์นี้มีผู้ชายผู้หญิงอยู่ร่วมกันเพื่อเป็นการเกิดก่อกันของมนุษยชาติ ดังนั้นเมื่อชายหญิงใดได้มีการผิดเพศผิดธรรม หรือผิดเพศผิดชาติ ก็จะต้องรับกรรมในยมโลกแน่…นี่คือความจริงในยมโลก” นี่เป็นความหมายของธรรมชาติกฎ
    ข้อความนี้สลักบนก้อนหินในยมโลกแดน ๒ ของมนุษย์โลก ณ ห้องศิลา
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันอังคารที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๒
    ครั้งที่ ๖
    นรกขุม ๕ แดนหลุมพิษ
    โลภะคือความโลภ ด้วยความหลงผิดคิดอยากได้ในทรัพย์สินอันมิใช่ของของตนมาครอบครอง ด้วยอำนาจหน้าที่หรือการกระทำอันมิชอบแล้ว ผลกรรมที่จะได้รับดั่งเช่นอุทธาหรณ์ตัวอย่างจากการสัมภาษณ์วิญญาณในนรกนี้ มีปรากฏให้เห็นเป็นที่ประจักษ์
    กายธรรมกายปรากฏอยู่ ณ เบื้องล่างบนพื้นพิภพยมโลก ในนรกขุม ๕ บริเวณนั้นพื้นดินเป็นทางลูกรังสีแดง ฝุ่นละอองจากดินลอยคลุ้งอยู่ทั่วบริเวณนั้น ข้างหลังผมมียมทูตสององค์เดินเข้ามาหาผม
    “เราต้องการสัมภาษณ์วิญญาณบาปที่ตกนรกขุมนี้หน่อย”
    “พระพุทธเจ้าข้า”
    ยมทูตก็นำทางผมเดินไปข้างหน้า เส้นทางข้างหน้าที่เดินไปนั้นมือพอสมควร แต่ก็พอที่จะมีแสงที่ช่วยให้มองเห็นเส้นทางได้รำไร ตรงข้างทางมีป้ายปักไว้ว่า “แดนหลุมพิษ” เมื่อเดินเข้าไปสักหน่อยก็มองเห็นเงาดำ ๆ สามสี่คนจมอยู่ในพื้นดิน ลำตัวของเขาจมอยู่ในพื้นดิน ส่วนหัวกับแขนโผล่อยู่เหนือพื้นดิน เมื่อผมมองอย่างเพ่งพินิจก็เห็นผีผู้ชายหลายคนอยู่ในดิน ผิวหนังตามแขนและใบหน้ามีแผลเป็นอยู่หลายแห่ง ชายเหล่านี้หายใจอย่างรวยรินเหมือนคนไม่มีแรง ผีทุกตัวมีชื่อว่า “ผีหลุมดิน”
    “วิญญาณเหล่านี้เป็นใคร” ผมถามยมทูต

    “วิญญาณเหล่านี้เป็นพวกที่กินสินบน พระพุทธเจ้าข้า”

    “เราคือ________________ได้รับพระบรมราชโองการจากสวรรค์ ให้แต่งหนังสือท่องนรกขึ้นจากการสัมภาษณ์วิญญาณบาปในภูมินรก วิญญาณบาปตนใดที่ให้สัมภาษณ์ถึงการกระทำของตนในโลกมนุษย์จะได้รับการลดหย่อนโทษจากสวรรค์”
    “ข้าพระพุทธเจ้าเป็นคนไทย อาศัยอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นข้าราชการชั้น ๓ ทำงานอยู่ที่สถานที่ราชการแห่งหนึ่ง…มีคนเข้ามาติดต่อขอให้ข้าพระพุทธเจ้าช่วยจัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เป็นของญาติเขาให้มาเป็นของเขา โดยเขาให้เงินตอบแทนข้าพระพุทธเจ้าจำนวนสามพันบาท และให้ใช้ชื่อของเขาว่าเป็นผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยถูกต้องตามกฎหมาย ด้วยกรรมอันนี้ทำให้ข้าพระพุทธเจ้าต้องมารับโทษในนรกขุมนี้”
    “เธอได้รับสิ่งใดเป็นอาหาร” ผมถาม
    “ข้าพระพุทธเจ้าต้องกินกรวดกินดินห้าจานทุกวัน รสชาติของดินนั้นเหมือนกับกรวดทรายทั่วไป แต่เมื่อตกถึงท้องจะปวดท้อง ทรมานมาก เมื่อข้าพระพุทธเจ้าไม่กินก็ถูกยมทูตสองท่านนี้ลงโทษ”
    “เธอได้สารภาพถึงกรรมที่ได้ก่อไว้ตามความเป็นจริง เราตรวจดูกับบัญชีกรรมแล้วตรงกันกับที่เธอพูด เธอจะพ้นโทษตามสัญญาสวรรค์จ๊ะ เธอจงพนมมือขึ้นแล้วว่าตามเรา”
    “สาธุ ข้าพเจ้าให้คำสัตย์ต่อสวรรค์ว่า ข้าพเจ้าประพฤติตัวเป็นคนดี ไม่กินสินบนอีกต่อไป หากข้าพเจ้าผิดคำสัตย์ที่ให้ต่อสวรรค์แล้ว ขอให้ข้าพเจ้าต้องตก “นรกหมกไหม้” จนกว่า พระศรีอาริยเมตไตรตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมมาพุทธเจ้า” ผีตนนี้กล่าวพร้อมกับพนมมือขึ้นจรดเหนือศรีษะ
    “ยมทูต นำตัวชายผู้นี้ไปนรกขุม ๙ ที่ “ศาลพิพากษา””
    ยมทูตก็ได้นำตัววิญญาณตนนี้ไป
    จากนั้นผมก็เดินเลี้ยวขวาไปตามป้ายลูกศรชี้ ผมพบทางเข้าทางหนึ่งมีป้ายเขียนบอกไว้ว่า “แดนลงทัณฑ์ ผมเดินตรงเข้าไปตามทางเดินจนถึงสถานที่ลงทัณฑ์ มีวิญญาณบาปตนหนึ่งกำลังนอนกอดตำราดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนพื้น พร้อมกับร้องให้ไปด้วย ปากก็พูดแต่คำว่า “ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้…” ผมดูตามวัยของวิญญาณตนนี้ก็ประมาณหกสิบกว่า ๆ รูปร่างเปลือยเปล่า ไร้สิ่งปกปิดร่างกาย ที่คอมีป้ายแขวนบอกชื่อไว้ว่า “ผีปุจฉา”
    “ยมทูต วิญญาณตนนี้ทำกรรมอะไรไว้หรือ” ผมถามยมทูต
    “พระพุทธเจ้าข้า”
    “ชายผู้นี้ในอดีตเคยบวชเป็นพระภิกษุ ศึกษาพระธรรมจนนึกว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์กลับชาติมาเกิด จึงตั้งตัวเป็นอาจารย์สอนหลักธรรมผิดจากเดิม มักจะโต้แย้งหลักธรรมกับพระภิกษุสงฆ์หลายท่าน ด้วยเล่ห์กลทำให้พระภิกษุเหล่านั้นต้องขายหน้าและด้วยความลำพองฮึกเหิม ทำให้ต้องมารับกรรมอยู่ในนรกขุมนี้นาน ๙๐ ปี พระพุทธเจ้าข้า”
    “เธอทำกรรมอะไรไว้ จึงต้องมารับผลกรรมเช่นนี้ เธอจงเล่าไปตามความจริงเถอะจ๊ะ”
    “ข้าพระพุทธเจาเป็นชาวกรุงเทพฯ เคยบวชเรียนอยู่ที่วัด ด้วยความอวดตัวอวดฉลาดว่าตนเป็นผู้รู้บวชเรียนมาหลายพรรษา จึงถกเถียงหลักธรรมกับพระภิกษุรูปอื่นด้วยความคิดว่าตนเองคือพระอรหันต์กลับชาติมาเกิด จึงใช้คารมเอาชนะพระภิกษุอื่นด้วยเล่ห์และใช้ให้ลูกศิษย์ป่าวประกาศว่าข้าพระพุทธเจ้าคือ “พระโมคคัลลานะ” กลับชาติมาเกิดเพื่อช่วยมนุษย์ ทำให้คนแตกตื่นกันแล้วพากันมาหาข้าพระพุทธเจ้า ลาภสักการะต่าง ๆ มีมาไม่ขาดทำให้ข้าพระพุทธเจ้ามีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ด้วยกรรมดังกล่าวทำให้ข้าพระพุทธเจ้าต้องมารับผลกรรมที่ก่อไว้เช่นทุกวันนี้” ผีตนนี้สารภาพบาปพร้อมกับร้องให้ไปด้วย
    “เธอได้สารภาพถึงบาปกรรมที่เคยก่อไว้ตามความจริง เบื้องบนมีมติให้เราสัมภาษณ์วิญญาณบาปต่าง ๆ ที่ใช้กรรมอยู่ในนรก แล้ให้ช่วยเหลือเมื่อวิญญาณนั้นสารภาพถึงบาปกรรมที่ได้ก่อไว้ในอดีต”
    “หากวิญญาณนั้นเคยก่อกรรมในอดีตไว้มากมาย ทั้งยังอวดอ้างว่าตนคือพระอรหันต์กลับชาติมาเกิดเป็นการลบหลู่พระศาสนาอย่างมาก เราจึงไม่สามารถช่วยเธอให้พ้นจากนรกไปได้ ด้วยผลกรรมที่เธอได้สารภาพความจริงถึงบาปกรรมที่เธอได้ก่อเอาไว้ เราจะให้เธอได้ไปสู่นรกภูมิขุมที่ ๓ เพื่อให้เธอใช้กรรมที่เคยก่อไว้ให้หมด เมื่อนั้นเธอจะพ้นกรรม” ผมกล่าวกับผีตนนั้น
    “ยมทูต นำตัวชายผู้นี้ไปเผาไฟให้ไหม้เกรียมเพื่อใช้กรรมที่ได้ลบหลู่พระศาสนา ตามเวลาโทษแล้วนำตัวไปตัดสินใหม่”
    กายธรรมกายกลับสู่โลกมนุษย์
    “กรรมให้ผลทันตา หลบหลีกไม่พ้น ใครก่อกรรมใดไว้ก็ต้องได้รับผลกรรมนั้นตอบสนองทุกคน จงอย่าเพลิดเพลินในกิเลสตัณหา รู้ไว้เถิดว่ากรรมสนองนั้นมีจริง ให้ผลทุกกัลป์กาล”
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันพุธที่ ๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒
    ครั้งที่ ๗
    นรกขุม ๖ แดนประหาร

    เบื้องล่างบนพื้นดินพิภพยมโลก ที่นี่คือ นรกขุม ๖ ในแดนหนึ่งของนรกภูมิในอีกหลาย แดนนี้มีชื่อว่า “แดนประหาร” เป็นแดนที่มีการประหารวิญญาณบาปเพื่อให้ร่างเดิมแตกสลาย จิตวิญญาณของกายก็จะ แยกออกจากกายนั้นเพื่อจะ ไปเกิดใหม่ตามวาระกรรมของแต่ละบุคคล กายใหม่ที่แยกออกไปนี้จะเข้าสู่ภาวะดับจิตจนกว่าจะได้เกิดใหม่
    ข้างหน้ามียมทูตเดินเข้ามาหาผมสององค์ เป็นยมทูตชาวโปรตุเกสทั้งสององค์ แต่งกายเหมือนยมทูตทั่วไปแต่สวมกางเกงสีแดง ไม่สวมเสื้อ ถือหอกเป็นอาวุธทั้งสององค์และมีห่วงเหล็กรัดอยู่รอบศีรษะเป็นเครื่องหมายบอกถึงตำแหน่งหน้าที่ที่ทำ ข้าพระพุทธเจ้าขอรับธรรมทาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ด้วยบารมีพระปกเกล้า ขอถวายบังคมเดชฤทธิ์อิทธิศรด้วยเกล้าบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมพระพุทธเจ้าข้า
    “เราต้องการสัมภาษณ์วิญญาณบาปที่ตกนรกขุมนี้หน่อย”
    “พระพุทธเจ้าข้า”
    ยมทูตนำทางผมไป จนถึงที่แห่งหนึ่ง ตรงหน้าผมมีชายรูปร่างใหญ่ยืนอยู่องค์หนึ่ง ดูจากรูปร่างและเครื่องแต่งกายไม่ใช่ยมทูตและวิญญาณบาปแน่นอน เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ชายคนนั้นก็หันหน้ามาทางผม พร้อมกับยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
    “ท่านท้าวเวสสุวรรณ” ผมเอ่ยชื่อออกมา
    ท่านก็รับคำผมว่า “ใช่ เราคือเวสสุวรรณ”
    รูปลักษณะของท้าวเวสสุวรรณ เป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเป็นยักษ์ สวมเสื้อผ้าสีเขียว ท่อนบนหรือเสื้อผ้าที่สวมอยู่ท่อนบนเป็นผ้าสีเขียวอ่อน และสวมผ้าโจงกระเบนสีเขียวแก่เนื้อผ้ามีลายทองบนเนื้อผ้าพราวระยิบระยับห้อยสังวาลย์เพชร พาดเฉียงซ้ายเป็นเครื่องประดับกายและใช้เป็นอาวุธด้วย เบื้องล่างของท่าน สวมรองเท้าทองคำปลายงอน ในมือถือบัญชีอยู่เล่มหนึ่ง
    “สวัสดี ________________ สบายดีหรือ” ท่านท้าวเวสสุวรรณถามผม
    “สบายดี …. (มีข้อความต่อจากนี้แต่ผมมีอาจเขียนได้)
    หลังจากลาท่านเวสสุวรรณแล้ว ผมก็อธิษฐานไปนรกขุม ๕ และผมก็เดินเลี้ยวขวาไปตามทางที่ยมทูตเดินนำทางอยู่ สักพักของเวลาก็ถึงสถานที่ลงทัณฑ์ ผมเห็นคนสองคนกำลังนอนอยู่บนพื้น ชายคนที่นอนอยู่ทางซ้ายสวมเสื้อยืดสีขาวเก่า ๆ สกปรก แต่ไม่สวมกางเกง อีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิงไม่สวมเสื้อผ้า ลักษณะของคนทั้งสองคล้ายคนบ้า ที่คอของผีทั้งสองตนนี้มีป้ายบอกชื่อว่า “ผีปัญญาอ่อน”
    ผมจึงเรียกยมทูตมาถาม “ผีพวกนี้ทำกรรมอะไรไว้หรือ ยมทูต”
    “ผีพวกนี้ ชาติก่อนเป็นคนที่มีสติสมบูรณ์เช่นมนุษย์ทั่วไป แต่ไม่สนใจที่จะศึกษาเล่าเรียน เอาแต่เที่ยวเตร่หาความสนุกไปวันๆ ทำให้พ่อแม่ต้องทุกข์ทรมาน จึงต้องมาเกิดเป็นผีปัญญาอ่อน พระพุทธเจ้าข้า”
    “เราต้องการรู้ว่า ทำไมผีผู้ชายตัวนี้จึงมีเสื้อใส่”
    “แม่ของชายผู้นี้ เคยทำบุญและอุทิศบุญกุศลให้แก่เขา ด้วยผลบุญนั้นสนองให้ชายผู้นี้มีเสื้อใส่พระพุทธเจ้าข้า
    “แล้วผีผู้หญิงตัวนี้หล่ะ” ผมถาม
    “หญิงผู้นี้เคยเป็นหญิงคณิกามาก่อน แล้วถูกฆ่าข่มขืนจนตาย เนื่องจากในอดีตหญิงผู้นี้เคยหนีออกจากบ้าน เที่ยวเร่ร่อนไปตามสถานที่ต่างๆ ถูกชายล่อลวงไปข่มขืนหลายครั้ง หนีพ้นมาได้ครั้งหนึ่ง พ่อแม่ของหญิงผู้นี้ก็ได้ออกตามหาจนหมดเงินหมดทองไปหลายแสนบาท แต่ก็หาไม่พบ จึงแจ้งความต่อตำรวจท้องที่ หลายปีผ่านไป หญิงผู้นี้ก็ตายลงเนื่องจากถูกฆ่าข่มขืน บาปกรรมที่เธอได้ก่อไว้กับพ่อแม่ทำให้เธอต้องตกนรกขุมนี้ห้าสิบปีพระพุทธเจ้าข้า”
    พวกเธอสร้างบาปกรรมตามที่ยมทูตว่ามาจริงหรือไม่ ผีทั้งสองตัวพยักหน้าตอบรับ
    “พวกเธอทั้งสองได้สารภาพว่า บาปกรรมต่างๆ ที่ยมทูตเล่ามานั้นเป็นความจริงทุกประการ และพวกเธอก็ได้รับผลแห่งกรรมนั้นแล้ว เราจะช่วยพวกเธอให้พ้นจากนรกนี้ไป พวกเธอของพนมมือขึ้นแล้วว่าตามที่เราพูด”
    “สาธุ ข้าพเจ้าขอให้คำสัตย์ต่อสวรรค์ว่า ข้าพเจ้าจะประพฤติตนเป็นคนดีไม่เกเรดั่งเช่นก่อนอีก และจะพยายามสร้างบุญกุศลเพื่อลบล้างบาปกรรมที่เคยก่อไว้ในอดีต หากข้าพเจ้าผิดคำสัตย์ที่ให้ต่อสวรรค์แล้ว ขอให้ข้าพเจ้าได้ทุคติเป็นที่สุดเถิด”
    “ยมทูตเอา “น้ำคืนสติ” ให้พวกเขาดื่มซิ”
    น้ำคืนสตินี้จะช่วยให้ความทรงจำเก่ากลับคืนมาเหมือนเดิม ​
     
  9. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันพฤหัสบดีที่ ๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒

    ครั้งที่ ๘
    นรกขุม ๔ แดนดับจิต (คดีลามก)
    กายธรรมกายของบนยืนอยู่เบื้องล่างบนพื้นพิภพยมโลก ที่ข้างหน้าผมมียมทูตกำลังควบคุมการลงโทษวิญญาณบาปอยู่ มีวิญญาณบาปสองตนกำลังสมสู่กันด้วยร่างอันเปลือยเปล่า
    “ข้าพระพุทธเจ้าขอรับธรรมทาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ด้วยบารมีพระปกเกล้า ขอถวายบังคมเดชฤทธิ์อิทธิศร ด้วยเกล้าบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมพระพุทธเจ้าข้า”
    “ยมทูต เราต้องการสัมภาษณ์วิญญาณบาปที่ถูกลงโทษอยู่ในนรกขุมนี้”
    “พระพุทธเจ้าข้า” ยมทูตรับคำสั่ง
    “วิญญาณบาปพวกนี้ทำกรรมอะไรถึงต้องตกนรกขุมนี้”
    “วิญญาณทั้งสองนี้เป็นชาวเขมรอพยพ ย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ในประเทศไทย หญิงผู้นี้ทำงานเป็นสตรีหาเวลาตามบาร์ ใช้ความสวยและเรือนร่างทำมาหากิน ปอกลอกเงินทองของชายจนหมดเนื้อหมดตัวแล้วทอดทิ้งไปหาชายคนใหม่ ต่อมาได้พบกับชายผู้หนึ่งรับเลี้ยงดูและอุปการะอย่างมีความสุข แต่เธอก็ไม่พอใจในความสุขนั้นไม่เพียงพอในการมณ์ที่ชายผู้นั้นให้กับเธอ เธอจึงออกหาชายคนใหม่ จึงได้พบกับชายผู้นี้และตกลงอยู่กินกันฉันสามีภรรยาทั่วไป แต่ก็ไม่สามารถทำให้เธอพอใจในสิ่งที่เธอมีได้ ความรักไม่มีความหมายต่อเธอ แต่ความสุขที่ได้จากการสมสู่กับชายนั้นเธอปรารถนายิ่ง ทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานรับกรรมตามกฏแห่งกรรมอยู่ในนรกขุมนี้พระพุทธเจ้าข้า”
    “แล้วชายผู้นี้หล่ะ เขาทำกรรมอะไรไว้”
    “ชายผู้นี้เคยเป็นแมงดาคุมซ่อง คอยหากินกับผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อของเขาแล้วใช้กำลังบังคับเอาทรัพย์สินจากหญิงจนหมด แต่เขาก็ไม่พอใจจึงได้ใช้ให้ผู้หญิงออกหากินเป็นหญิงบริการตามสถานที่ต่างๆ เมื่อได้เงินมาแล้วเขาก็ได้นำไปซื้อเหล้า กัญชามาดื่มกินกับเพื่อนฝูง ทั้งยังคุยทับถมหญิงผู้นั้นว่าเป็นหญิงขายตัว ไม่เหมาะสมที่จะมาเป็นเมียของเขา เขาจึงต้องรับผลแห่งกรรมสนองในแดนนี้ พระพุทธเจ้าข้า”
    ผมมองไปที่ผีผู้ชายตนนั้นแล้วถามว่า “เธอทำกรรมไว้ตามที่ยมทูตบอกมาใช่หรือไม่”

    “ใช่ พระพุทธเจ้าข้า” เขาตอบรับพร้อมกับพยักหน้า
    “แล้วเธอหล่ะ ทำกรรมไว้ตามที่ยมทูตพูดมาใช่หรือไม่”
    “ใช่ เพคะ” หญิงคนนั้นยอมรับ
    “พวกเธอได้รับสิ่งใดเป็นอาหารหรือ”
    “พวกข้าพระพุทธเจ้าได้รับ “ขี้” เป็นอาหารวันละ ๓ ขัน “ ผีผู้ชายตอบกับผม
    “แล้วความรู้สึกที่พวกเธอได้รับในการสมสู่กันนั้น ตอนนี้เป็นเช่นไร”
    “ข้าพระพุทธเจ้ารู้สึกเจ็บปวดอวัยวะเพศไปหมด เหมือนมีเข็มร้อยเล่มมาทิ่มแทง แต่ก็ไม่สามารถหยุดการสมสู่กันได้ ความรู้สึกในขณะนั้นเหมือนมีแม่เหล็กดูดดึงอยู่จนกว่าจะครบห้าชั่วโมง ตามเวลาโทษ” ผีผู้ชายตอบ
    ผมหันไปมองทางผีผู้หญิงแล้วถามเธอว่า “ เธอเป็นผีลามกตอนนี้ เธอคิดสำนึกบาปที่เธอก่อไว้บ้างไม๊”
    “เคยทุกเวลาเพคะ”
    “พวกเธอทั้งสองจงฟัง บัดนี้สวรรค์ ได้มีประกาศให้เราสัมภาษณ์วิญญาณบาปที่ตกนรกในขุมต่างๆ และถ้าวิญญาณนั้นสารภาพถึงบาปกรรมที่ตนได้เคยก่อไว้ในอดีตที่ทำให้ตนต้องตกนรก ก็จะได้รับอภัยโทษให้ได้ไปเกิดใหม่เข้าใจไม๊ ……. พวกเธอทั้งสองจงพนมมือขึ้นแล้วว่าตามเรา”
    “สาธุ ข้าพเจ้าขอให้คำสัตย์ต่อสวรรค์ เมื่อข้าพเจ้าได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว จะขอสร้างความดีเพื่อลบล้างกรรมที่เคยก่อไว้ในอดีต หากข้าพเจ้าผิดคำสัตย์ที่ให้ในครั้งนี้แล้วก็ขอให้ชีวิตใหม่ของข้าพเจ้าแตกดับด้วยสายฟ้าเถิด”
    “เราขออวยพรให้พวกเธอทั้งสองได้เกิดอยู่ในร่มบุญแห่งบวรพระพุทธศาสนาและได้ปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นของเธอเองเถิดจ๊ะ”
    กายธรรมกายกลับคืนสู่โลกมนุษย์
     
  10. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันศุกร์ที่ ๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒

    ครั้งที่ ๙

    นรกขุม ๕ แดนเพลิงพิษ

    กายธรรมกายของผมปรากฏว่าอยู่บนพื้นพิภพในนรกขุม ๕ เส้นทางยาวข้างหน้าเป็นทางยาวทอดไปอย่างไม่รู้สุด มีเส้นทางหลายเส้นทางในยมโลก แต่เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ผมจะเดินไป ผมเห็นคนหลายคนเดินผ่านผมไป สองข้างทางมีหญ้าขึ้นอยู่มากมาย ผมเดินไปตามทางจนถึงที่แห่งหนึ่ง
    มียมทูตสององค์กำลังนำตัววิญญาณตนหนึ่งเดินผ่านผม ผมเรียกให้หยุด ยมทูตมองหน้าผม ผมตอบไปว่า “เราต้องการให้วิญญาณนี้พ้นกรรมจากนรกนี้ มีกรรมอะไรบ้างที่เขาทำและทำอย่างไร เราอยากให้เขาเล่าไป จงให้เขาหยุดก่อนซิ”
    “ข้าพระพุทธเจ้าขอรับธรรมทาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ด้วยบารมีพระปกเกล้า ขอถวายบังคมเดชฤทธิ์อิทธิศร ด้วยเกล้าบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมพระพุทธเจ้าข้า”
    “ยมทูต เราต้องการสัมภาษณ์วิญญาณบาปที่ตกนรกในขุมนี้สักหน่อย วิญญาณตนนี้ทำบาปกรรมอะไรเอาไว้หรือ”
    “วิญญาณตนนี้ เมื่ออดีตเคยก่อคดีฆ่าศพหลายศพ ถูกพวกเดียวกันยิงตายพระพุทธเจ้าข้า”
    ผมมองไปที่ชายคนนี้ และได้บอกให้ยมทูตนำตัวไปลงโทษเพื่อดูสถานการณ์การลงโทษนั้นก่อนว่าเป็นเช่นไรแล้วจึงนำมาเขียนเป็นเรื่องราว
    ยมทูตนำหน้าผมไปครู่ใหญ่ก็ถึงสถานที่หนึ่งมีเปลวไฟกองใหญ่ลุกโชนขนาดท่วมศีรษะคนอยู่เบื้องหน้าเปลวไฟนี้มีอานุภาพรุนแรงกว่าเพลิงในยมมนุษย์ (โลกมนุษย์) นักตรงทางเข้าของทางนี้มียมทูตประจำอยู่หนึ่งองค์ ยมทูตองค์นี้ทำการตรวจสอบผู้ที่ผ่านเข้าออกในแดนนี้ด้วยตนเอง นี่เป็นหน้าที่ภาระของยมทูตบาป (ยมทูตที่มีกรรมอยู่ร่วมกับมนุษย์แต่ไม่ถึงกับบาป หลังจากตายลงได้ตัดสินให้ไปเกิด แต่ยมทูตขอทำหนี้ลดกรรมเพื่อลดกรรมให้หมดเร็วขึ้น นี่เป็นความหมายของ “ยมทูตบาป” บนโต๊ะมีสมุดอยู่เล่มหนึ่ง เป็นสมุดที่ใช้เซ็นชื่อและประทับรอยนิ้วมือเพื่อเป็นหลักฐาน และข้าง ๆ สมุดก็มีแท่นน้ำหมึกประทับวางอยู่ และมีปากกาหรือขนนกซึ่งแล้วแต่ในแต่ละขุม ตรงโต๊ะมีเครื่องหมายป้ายบอกว่า “ทัณฑ์เพลิงพิษ” เขียนอยู่บนป้าย
    ผมเดินผ่านช่องประตูไป ผมเห็นยมทูตนำตัววิญญาณตนนั้นเข้าไปในห้อง ๆ หนึ่ง ห้องนี้มีสภาพเหมือนห้องทั่วไป มีเครื่องหมายสี่เหลี่ยมกลม (ที่ ๆ ใช้ลงทัณฑ์วิญญาณบาป) มีรอยดำ ๆ ปรากฏเป็นรอยไหม้อยู่ทั่วไปบนพื้นนั้นเป็นรูปวงกลม และยมทูตก็ได้โยนตัวชายตนนั้นไปที่จุดนั้น แล้วนำน้ำมันเชื้อไฟใส่เข้าไป โดนกายของผีตนนั้น แล้วยมทูตก็ใช้ไฟจากกายใจของตนพุ่งลงสู่กองไฟกองนั้นแล้วเกิดเป็นเปลวเพลิงมาอย่างฉับพลัน ผีตนนี้ดิ้นรนอยู่ในกองไฟอยู่พักใหญ่เมื่อรู้สึกตนก็ทำให้ความรู้สึกในกาย แล้วจึงกระโดดกายขึ้นออกจากกองไฟแล้วพุ่งลงสู่น้ำอย่างรวดเร็ว
    ยมทูตเข้าไปนำตัวชายตนนั้นออกมาจากน้ำ รูปร่างผิวทั่วตัวของชายตนนั้นเป็นแผลเหวอะหว่ะ และพุพองด้วยพิษไฟ รอยน้ำไหลเยิ้มออกทั่วตัว เส้นผมบนหัวกลับหายไปอย่างไม่มีที่มาจนหมด มีกลิ่นเหม็นลอยอยู่ทั่ว
    “ยมทูตนำตัววิญญาณบาปตนนี้ขึ้นมาซิ เราจะถามเขาซักหน่อย”
    “เธอทำกรรมอะไรไว้ จึงต้องมารับกรรมอยู่เช่นนี้ เธอจงเล่าความจริงให้หมดเถิด สัตว์โลก “
    ชายคนนั้นมองหน้าผม แล้วบอกว่า “ข้าพระพุทธเจ้าเป็นมือปืนให้กับผู้มีอันจะกินคนหนึ่งในกรุงเทพฯ ด้วยอำนาจเงินที่เขาให้กับผมทำให้ผมหลงผิดฆ่าคนให้เขามาหลายศพ ตลอดชีวิตของข้าพระพุทธเจ้าไม่เคยได้รับความสุขในชีวิต เมื่อเป็นเด็กต้องออกจากโรงเรียนเพราะทำร้ายเพื่อนนักเรียนจนถึงแก่ความตาย ต่อมาก็ถูกนำเข้าสถานดัดสันดาน จนเติบใหญ่ก็ออกมาทำมาหากิน เลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างเป็นมือปืน ในชีวิตได้ฆ่าคนมาหกศพแล้วแต่ก็เพราะความจำเป็น …… *** (ชีวิตข้าพระพุทธเจ้าต้องตกระกำลำบากใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายของสังคมแต่ก็เพราะข้าพระพุทธเจ้าต้องหาเลี้ยงพ่อแม่ที่แก่เฒ่าในชนบทจึงต้องมารับจ้างเป็นมือปืน”)
    ยมทูตที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวขึ้นด้วยความโมโห
    “ไอ้สัตว์ มึงยังคิดโกหกอยู่อีกหรือวะ” ยมทูตกล่าวด้วยความโกรธแค้น
    ผมมองหน้ายมทูตแล้วกล่าวว่า “ช่างเขาเถอะ เรารู้ว่าเป็นอย่างไร”
    “เธอกล่าวมาซิว่า เธอทำกรรมอย่างไรจึงต้องตกนรกขุมนี้ เราอยากได้ความจริงจากเธอ หากเธอโกหกเธอจะได้รับการเพิ่มโทษจากเดิมเป็นสิบเท่า”
    “ข้าพระพุทธเจ้าพูดผิดไป ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หากข้าพระพุทธเจ้าพูดผิดคำใด ขอให้ท่านผู้รู้ช่วยเมตตาแก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า” เขาเลียนแบบยมทูตในคำลงท้ายของข้อความ
    “เมื่อเธอคำกล่าวคำสัตย์ แต่เธอกลับไม่กระทำเช่นนั้น บังอาจโกหกเราด้วยความคิดว่าเราไม่รู้ หารู้ไม่ เรานั้นคือ ………ผู้มาสัมภาษณ์วิญญาณบาปในนรกขุมนี้ เอาหล่ะเมื่อเธอคิดกล่าวคำเท็จกับเรา แต่แม้กรรมนั้นจะเป็นไปด้วยกรรมใหญ่ เราก็อาจขอลดโทษให้กับเธอได้ เธอจงตั้งสัตย์ว่าจะไม่ทำอีกเราจะช่วยเธอ ขอให้เธอพูดว่า “เราขอพ้นกรรมด้วยตัวเอง” แค่นี้เธอก็จะพ้นกรรมจ๊ะ”
    “ข้าพระพุทธเจ้าขอกล่าวคำสัตย์ ข้าพระพุทธเจ้าผิดไปแล้วที่บังอาจกล่าวความโกหกแก่ท่านผู้นี้ ข้าพระพุทธเจ้ากล่าวไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ข้าพระพุทธเจ้าขอรับผิดด้วยตนเอง …. “ เขากล่าวด้วยความเท็จ
    เรื่องนี้มีที่มาอยู่ว่า เบื้องแรกแห่งข้อความมีความจริงอยู่ท่อนหนึ่งแต่ตอนปลายหาใช่ความจริงไม่ ผมจึงจำเป็นต้องลงโทษเพื่อให้เกิดความหลาบจำ นี่เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นในยมโลก
    “ไอ้สัตว์นรก ชิชะ มึงนี่คิดบังอาจโกหกเจ้านายกู กูจะฆ่ามึง เอาหล่ะ เมื่อมึงคิดทำดี กูจะช่วยมึง หันหน้ามาให้กูตบ แล้วกูจะไม่เอาความ”
    วิญญาณตนนั้นไม่ยอมหันมา ผมจึงต้องจำยอมให้ลงโทษตามใจ
    “ไอ้สัตว์ …. กูคิดจะช่วยมึง แต่มึงกลับโกหกท่าน กูมิอาจช่วยมึงได้แล้ว มึงสมควรแล้วที่จะไปรับโทษ ถุย ….. ยมทูตถุยน้ำลายใส่น้ำแล้วคายน้ำลายออกจากปากรดหน้าด้วยความแค้น แล้วบ่นต่อไปว่า ไอ้สัตว์นรก มึงมันเลี้ยงไม่เชื่อง” ยมทูตกล่าวพร้อมกับตบลงบนใบหน้าของชายตนนั้นอย่างแรงและล้มเซถลาไปตามแรงตบของยมทูต ผมมองเห็นวิญญาณตนนี้กล่าวร้ายออกมาว่า “ไอ้สัตว์” แต่ต้องเบือนหน้าหลบด้วยความอายเพราะฟันซี่หนึ่งของเขาหลุดออกมาจากปาก เลือดสีแดงอยู่ทั่วปาก นี่เป็นกรรมที่เขาต้องรับเนื่องจากโกหก
    ด้วยกรรมนี้เขาจะต้องได้รับกรรมในนรกต่อไป เพราะเขาได้กระทำกรรมอันบังอาจต่อเบื้องสูง


    *** คำกล่าวที่โกหก

    "ชีวิตสัตว์โลกหลงมัวเมาในกิเลส ก่อบาปสร้างเวรกันมิรู้จบสิ้นจงรู้ไว้เถิดว่าสวรรค์นั้นเมตตาช่วยเหลือสัตว์โลกผู้ทำความดีตลอดเวลาแต่จะไม่ช่วยเหลือผู้ที่ก่อกรรมชั่วอย่างเด็ดขาด
    มนุษย์เอ๋ย....จงสำนึกถึงบาปกรรมที่เคยก่อแล้วหมั่นสร้างกรรมดีเพื่อผลแห่งความสุขในภพหน้าโน้นเถิด
    เราผู้เป็นใหญ่แห่งสวรรค์พร้อมที่จะให้อภัยในความผิดที่เคยก่อหากเขาผู้นั้นสำนึก
    ในบาปกรรมที่เคยก่อและสร้างความดีชดเชยเราจะรับกลับคืนสู่สวรรค์ดังเดิม "
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒
    ครั้งที่ ๑๐

    นรกขุม ๕ แดนลงทัณฑ์ ๗

    กายธรรมกายพุ่งลงสู่นรกภูมิ ด้วยอิทธิฤทธิ์แห่งพระธรรมกายได้บังเกิดอิทธิฤทธิ์แสง บันดาลให้เกิดแสงสว่างทั่วบริเวณนั้น
    สตรีตรงหน้าผมเป็นสาวกำลังได้รับโทษจากยมทูตอยู่ ยมทูตที่อยู่กับเธอกำลังลงโทษเธอด้วยการใช้ “หวายพิษ” เฆี่ยนตีจนเกิดแผลและใช้สารพิษที่มีในยมโลกโรยทั่วไปให้เกิดพิษทั่วตัวและใช้เกลือเค็มที่มีอยู่ในโลกมนุษย์สาดเข้าที่ร่างของหญิงตนนั้น รอยแผลที่เกิดจากการเฆี่ยนตีผสมกับรอยแผลจากผลพิษที่สาดเข้าร่างทำให้เกิดรอยเน่าอย่างมิรู้หาย แม้มียาดีก็อาจจะรักษาให้หายได้ นี่เป็นกรรมที่เขาจะต้องได้รับในยมโลกในขั้นแรกเนื่องจากสตรีตนนี้เป็นหญิงกาลี ได้ใช้รูปเรือนร่างกายมนุษย์โลกของตนบำเรอร่างชายจนอิ่มหนำแล้วจากไป
    ที่คอของหญิงตนนี้มีป้ายแขวนอยู่ที่คอบอกว่าชื่อ “ผีสำส่อน” ผีตนนี้ถูกมัดพันธนาการอยู่กับเสาไม้ดำสูงเหนือพ้นประมาณหนึ่งศอก แขนและขาพันธนาการด้วยตรวนเหล็ก
    ผมถามยมทูต “วิญญาณตนนี้ได้ทำกรรมอะไรไว้หรือ จึงต้องลงโทษเช่นนั้น”
    ยมทูตกล่าวว่า “ผีตนนี้ชาติก่อนเป็นคนไทย หาเลี้ยงตนด้วยการขายตัวบำเรอความสุขให้กับชายที่มาเที่ยวโดยแลกเปลี่ยนกับเงิน ตายลงด้วยพิษไข้ขึ้นสมอง พระพุทธเจ้าข้า”
    “เราอยากจะสอบถามอะไรเขาสักหน่อย เอาตัวเขาลงมานี่ซิ” และยมทูตก็เอาตัวเขาลงมาตามคำสั่งของผม
    “ฟังนะ สัตว์โลกเราอยากจะช่วยเธอ แม้เธอมีจิตคิดจะช่วยตัวเอง ขอให้เธอกล่าวความจริงทุกประการ แล้วเธอจะพ้นทุกข์ เอาหล่ะจงกล่าวความจริงมาเถิด เราจะคอยฟัง … “
    “เตรียมบันทึกบัญชี” ผมบอกกับยมทูต
    “เกล้าหม่อมฉันเป็นหญิงกาลี สมสู่กับชายไม่เลือกหน้า อาศัยความมีเงินของชายตนนั้น ด้วยความอยากได้ในทรัพย์สินของเขา เมื่อตายลงต้องถูกยมทูตนำชีวิตมาชำระคดีในนรก และได้ตัดสินให้มาอยู่ในนรกนี้นานสิบปีแล้วเพคะ “ เขากล่าวกับผมด้วยน้ำตา
    อดีตชาติของหญิงตนนี้เป็นชาวจังหวัดสกลนคร แต่ด้วยความแห้งแล้งที่นาเก็บเกี่ยวได้น้อย ไม่พอค่าอยู่อาศัย จึงต้องออกมาทำงานเพื่อส่งเงินให้พ่อแม่ใช้จ่าย เกล้าหม่อมฉันเป็นลูกสาวคนเดียว เมื่อเกล้าหม่อมฉันมาทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ ทำงานเป็นคนใช้ก็ถูกนายจ้างข่มขืนและไล่ออกจากบ้าน ต้องระหกระเหเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ เพื่อของานทำ แต่ก็ไม่ได้งาน จึงทำงานเป็นหมอนวดในสถานที่แห่งหนึ่ง ขายตัวให้กับแขกที่มาเที่ยวได้เงินทองมาแต่งตัวที่เหลือรวบรวมเป็นทุนเก็บเอาไว้ แต่ก็ไม่มีความสุขเหมือนคนทั่วไป เพาะต้องกินภายในโรงแรมไม่สามารถออกไปไหนได้ตามใจเท่าใดนัก นอกจากบริเวณใกล้โรงแรม เกล้าหม่อมฉันขายตัวมาได้เจ็ดปี ก็ต้องออกจากงานเพราะถูกบังคับให้ออก จึงออกขายตัวตามที่สาธารณะ ได้เงินไม่กี่บาทก็เอา จนเป็นโรคภายในช่องคลอด ไม่ได้รักษากับหมอเพราะค่ายาแพง จึงใช้ยากลางบ้านรักษา แต่ก็ไม่หาย จนคืนหนึ่งเกิดอาการรู้สึกแน่นหน้าอกและคับ หายใจถี่ จนขาดใจตาย ตอนนั้นก็ถูกท่านยมทูตนำตัวมาสอบสวนคดี และต้องถูกให้มาใช้กรรมในนรกนี้”
    หลังจากที่ผีตนนั้นถูกเฆี่ยนตีแล้วเธอก็ถูกนำตัวไปยังอีกที่หนึ่ง ที่แห่งหนึ่งนั้น คือ ที่ ๆ มีชื่อว่า “แดนหมาดุ” ยมทูตที่นำเธอมาก็ผลักเธอเข้าไป ภายในแดนนี้วิญญาณถูกขังอยู่หลายคน แต่วิญญาณเหล่านั้นไม่ใช่คน เป็นวิญญาณต่างๆ ที่แปลงร่างเป็นสุนัขด้วยกรรมเก่า ทำให้เขาต้องมาเกิดเป็นสุนัขอยู่ในนรกนี้ (หาใช่ที่วิญญาณพวกนี้จะไม่ต้องรับกรรมเลย ตรงกันข้ามเขากลับต้องรับกรรมด้วยการตัดอวัยวะออก เพราะชาติหนึ่งของเขาก่อนที่มาเกิดเป็นหมา เขาได้ล่วงประเวณีต่อหญิงเพศแม่ และตัวเองก็อาศัยความเป็นชายชาตรีของตนที่ได้มาจากเพศผู้เป็นพ่อ เข้าล้ำกายเข้าไปในกายของหญิง ด้วยกรรมนี้ทำให้เขาต้องมาเกิดเป็นผีเปรตอยู่ในนรกขุมนี้) ด้วยกรรมที่เขาได้เคยกระทำกรรมนี้ด้วยความเมามันแห่งชีวิต ไม่ใช้ชีวิตให้เป็นไปในทางที่คุ้มค่าแห่งการเกิดเป็นมนุษย์ผลกรรมอันนั้นจักทำให้ตนเองเกิดเป็นเปรตในยมโลกยังแดนต่างๆ ด้วยรูปร่างต่าง ๆ แต่ละคนย่อมมีกรรมเป็นของ ๆ ตนจนกว่าเขาจะหมดกรรมจากไปจากเบื้องบาทกรรมแห่งมนุษย์ หญิงใดชายใดที่เคยล่วงประเวณีต่อกันโดยไม่ได้มีความเห็นจากผู้ใหญ่ของครอบครัว เขาจะต้องรับโทษจากการลงทัณฑ์ในยมโลกด้วยรูปร่างต่างๆ ตามแต่กรรมของตน เขาหมดสิ้นรูปร่างด้วยกรรมนี้ รอวันจนกว่าจะหมดกรรม นี่เป็นกรรมของเขาที่ต้องได้รับกรรมในนรก
    ยมทูตที่คอยยืนควบคุมวิญญาณอยู่ได้ปล่อยให้ผีต่าง ๆ ที่เกิดในรูปของผีเปรตหมาในกายมนุษย์เข้าสู่กายมนุษย์ที่มารออยู่ วิญญาณต่างๆ เมื่อได้รับคำสั่งให้ทำการ วิญญาณต่าง ๆ นั้นก็ได้เข้ากัดกินวิญญาณตนนั้นด้วยกรรมทัณฑ์ที่บังคับอยู่ เสียงคำรามดังขึ้นอย่างระงม วิญญาณต่างๆ ที่เกิดเป็น “สุนัขปากเหล็ก” ผีตนนี้ถูกไล่ขึ้นไปบนต้นไม้จนยมทูตเขามาไล่สุนัขกลับเข้ากรง เนื่องจากผมได้สั่งให้ยมทูตจัดการเช่นนั้น
    ยมทูตเอาตัววิญญาณตนนั้นมาอยู่ต่อหน้าผม
    “ยมทูตเขาลงโทษเธออย่างไรบ้าง เธอจงเล่ามาเถิด” ผมถามยมทูตต่อ
    “เกล้าหม่อมฉันถูกยมทูตเฆี่ยนตีทุกวันแล้วยังโรยเกลือบนตัวเกล้าหม่อมฉันเพคะ”
    “แล้วเธอได้รับสิ่งใดเป็นอาหาร”
    “เกล้าหม่อมฉันได้รับข้าวสุกเพียงเมล็ดเดียวเป็นอาหารทุกวันพระ”

    เนื่องจากอดีตชาติของหญิงตนนี้เคยทำบุญในวันพระ และอธิษฐานขอบุญนี้จงถึงแก่ผู้ไม่มีญาติ และบุญนี้ก็ได้มาสนองเธอในนรก หลังจากได้สอบถามบัญชีกรรมจากยมทูตและขุมนรกพญายม ณ แดนกองบัญชีกรรม ก็ได้ตรวจสอบร่วมกันเพื่อหาความถูกต้องของข้อมูล และพบว่าหญิงตนนี้กล่าวความจริงทุกประการ
    “เราอยากทราบความรู้สึกของเธอว่า เธอมีความรู้สึกเช่นไรที่ได้รับกรรมจากนรก”
    “เกล้าหม่อมฉันรู้สึกเจ็บปวดไปหมด และทรมานมาก ไม่เคยได้รับความสุขเลย แม้มีเวลาว่างก็ต้องรับกรรมด้วยการแพร่ตัวเองเป็นเชื้อให้แก่ยมทูตที่จะนำเชื้อไปยังยมโลกแดนหนึ่ง ณ แดนเพาะเชื้อ และต้องกินขี้กินเยี่ยว ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย”
    “เธอกล่าวความจริงทุกประการ เราจะช่วยเธอ”
    “ยมทูตบันทึกบัญชีไปตามจริงเราได้บอกกับผู้รักษาบัญชีกรรมใครก็ตามที่ได้บอกความจริงกับเราสัตว์ตนนั้นจะพ้นกรรมไปจากนี้ และด้วยบัญชาสวรรค์ที่ให้เราช่วยเหลือชีวิตสัตว์ที่กล่าวความจริงในการกระทำผิดของตน เราจึงมีสิทธิ์ช่วยเหลือเขาไปจากขุมนรกขุมนี้
    “บัดนี้ สวรรค์ได้มีบัญชาให้เราเขียนหนังสือท่องนรกภูมิจากการสัมภาษณ์วิญญาณบาปตามความจริงและเธอก็เป็นคนหนึ่งที่ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรรมนั้นด้วยตัวเองจงพนมมือขึ้นเถิด สัตว์โลก …. “
    ผมกล่าวนำ “สาธุ ข้าพเจ้าขอให้คำสัตย์ต่อสวรรค์ว่า ข้าพเจ้าจะพยายามสร้างบุญกรรมให้มากเพื่อชดใช้หนี้กรรมที่ข้าพเจ้าได้ก่อขึ้นเอาไว้ในอดีต และหากข้าพเจ้าผิดคำสัตย์ที่ให้ต่อสวรรค์ในครั้งนี้แล้วละก็ ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ข้าพเจ้าเถิด “ ผีตนนี้ให้คำสัตย์ต่อสวรรค์
    สภาพคำสัตย์ที่เธอกล่าวนั้น กล่าวด้วยความไม่ซื่อ ไม่มีจิตที่จะพ้นทุกข์จริง จึงเร่งรีบสาบานจนผมจับผิดได้เธอได้กล่าวคำโกหกผมและได้ให้คำสาบานต่อสวรรค์อย่างเป็นความจริง แต่ความจริงนั้นย่อมมีอยู่ในโลก ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ตัวเองนั่นแหละเป็นคนเห็นแท้สุดด้วยตัวเอง
    “ยมทูต รับคำบัญชาจากเรา วิญญาณบาปตนนี้ยังไม่รู้สำนึกถึงกรรมที่ตนก่อเอาตัวเขาไปลงโทษยังขุมนรกขุม ๓ เพื่อรับกรรมที่เขากล่าวผิดกับเราและเบื้องบน”
    ยมทูตทั้งสองรับคำและนำตัวผีตนนั้นไปตามคำบัญชา
     
  12. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันเสาร์ที่ ๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒

    ครั้งที่ ๑๑

    นรกขุม ๗ แดนลงทัณฑ์ ๕

    นับแต่ครั้งโบราณกาลมา ปู่ย่าตายายของเราใช้วัวควายช่วยไถนาเลี้ยงลูกหลานจนเติบใหญ่ แต่ก็จะมีใครเล่าจะรู้ถึงสภาพแท้จริงของวัวควายนั้นว่าเขามีความรู้สึกอย่างไร เจ็บปวดมากแค่ไหนที่ถูกใช้ไถนา ถูกเฆี่ยนถูกดุด่า คุณที่มันมีต่อชาวนาและลูกหลานไทยนั้นมีมากกว่ามหาสมุทรเสียอีก จะมีใครบ้างที่นึกถึงคุณของมัน
    เนื้อวัวควายเกิดขึ้นจากชีวิตและวิญญาณ มันมีความรู้สึก มีชีวิตจิตใจ มีร้องไห้ มีเสียใจ แรงงานที่มันใช้ไถนาให้เรานั้น มาจากสายเลือดที่หล่อเลี้ยงภายในกายของมัน ฉะนั้น ทุกคนที่กินเนื้อมันก็เท่ากับมีบาปติดตัวเพราะวัวควายนั้นเป็นสัตว์มีคุณกับมนุษย์
    เมื่อมันแก่เฒ่าลงใช้งานไม่ได้แล้วก็ควรนำมันเลี้ยงไว้กับบ้าน ไม่ควรนำออกไปไถนาอีก ป้อนข้าวป้อนน้ำให้มันกินแค่นี้มันก็พอใจแล้ว
    กายพุทธธรรมของผมปรากฏอยู่เบื้องล่าง เส้นทางต่อไปจากนี้เป็นเส้นทางเดินไปสู่แดนลงทัณฑ์ ๕ เป็นสถานที่ ๆ ใช้ลงทัณฑ์มนุษย์ที่ทำบาปเวรไว้กับสัตว์ ผมเดินตรงไปตามทางเรื่อย ๆ ผ่านเส้นทางที่เป็นป่าปลกขึ้นคลุมทั่วบริเวณ ไม้ป่านี้เป็นไม้ที่ขึ้นในยมโลกอยู่เฉพาะ ไม่มีขึ้นที่อื่น และสุดท้ายก็ถึงที่ ๆ ผมต้องการไปที่นั่นคือสถานลงทัณฑ์
    ผมมองเห็นชายสองคน คนหนึ่งเป็นยมทูตที่ที่ประจำอยู่ในนรกขุมนี้ อีกตนหนึ่งเป็นวิญญาณบาปที่ถูกลงทัณฑ์ในสถานที่แห่งนี้ เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ ผมเห็นชายคนนั้นกำลังตัวใช้แรงลากคันไถไปข้างหน้า มีสายเทียมไว้กับหลังของชายคนนั้น ตรงหลังของเขามีโหนกสูงขึ้นมา มีขนขึ้นประปราย ดูสภาพแล้วก็เหมือนกับวัวควายที่ใช้ไถนา มียมทูตถือคันไถควบคุมและใช้แส้โบยชายคนนั้น ปากก็ร้องว่า “ไป …. ๆ
    ผมบอกให้ยมทูตหยุดลงโทษไว้ก่อน และนำตัววิญญาณนั้นเข้ามาหาผม
    ยมทูตได้เดินเข้าไปปลดสายเทียมออก แล้วนำตัววิญญาณตนนั้นเข้ามาหาผม หน้าตาของชายคนนี้แหลมยื่นออกมาข้างหน้า ที่จมูกของเขามีเชือกร้อยจมูกอยู่ อยู่ในลักษณะเปลือยกาย ผิวกายหยาบดำกร้าน มีป้ายแขวนอยู่ที่คอว่า “ผีไถนา” ปากของเขาเขยื้อนไปมา คล้ายกับกำลังเคี้ยวอะไรอยู่สักอย่าง แต่ในปากของเขาไม่มีอะไร นี่เป็นรายละเอียดที่ผมพอมองเห็นได้
    “เธอได้ทำกรรมอะไรเอาไว้หรือ เธอจึงต้องมารับกรรมอยู่เช่นนี้” ผมเริ่มซักถามเธอ
    “ข้าพระพุทธเจ้าเป็นคนสุพรรณบุรี มีอาชีพเป็นชาวนา ไถนามาเป็นสิบปี ใช้วัวใช้ควายมาหลายตัว พอตายลงมาก็พบว่า วิญญาณต่างๆ ที่ข้าพระพุทธเจ้าใช้มัน มาฟ้องอยู่ ณ ห้องบัญชีกรรมว่าผมแกล้งมันต่าง ๆ นา ๆ ให้ทำโน่นทำนี่โดยไม่มีเวลาพักผ่อน ทั้งยังไม่มีความปราณีเวลาใช้ อาศัยความดุเข้าว่า มันโกรธมาก เมื่อตายลงก็ผูกพยาบาทอาฆาตข้าพระพุทธเจ้า และได้บอกกับท่านพญายมว่า ข้าพระพุทธเจ้าฆ่ามันเพื่อเอาเนื้อมันมากินหลังจากมันใช้งานไม่ได้แล้ว นี่เป็นการกระทำของข้าพระพุทธเจ้าที่อยู่บนโลกมนุษย์โดยเล่าจากปากคอของวิญญาณบาปตนนี้”
    “เธอใช้กรรมอยู่ในนรกขุมนี้มานานเท่าไหร่แล้ว” ผมถาม
    “ข้าพระพุทธเจ้าได้ใช้กรรมมาเป็นเวลาสิบปีแล้วพระพุทธเจ้าข้า”
    ผมได้กล่าวต่อว่า “เมื่อเธอรับกรรมนี้มา บัดนี้สวรรค์ได้มีประกาศให้เราจัดการแก้ไขบัญชีกรรมแห่งมนุษย์ เพื่อให้วิญญาณบาปที่ตกนรกได้ขึ้นสู่โลกมนุษย์ด้วยการโปรดของเรา เมื่อเธอได้รับกรรมนั้นเป็นเวลานานเราจะช่วยเธอให้พ้นทุกข์ด้วยการเล่าความจริงจากปากของเธอ เอาหล่ะ เธอจงเล่าความจริงมาเถิดว่าตัวเธอกระทำกรรมเช่นไรบ้างอย่างละเอียด เราอยากฟังจากปากของเธอ”
    “ข้าพระพุทธเจ้าได้จากโลกมนุษย์มา ไม่รู้ว่าบัดนี้มีผู้สร้างธรรมด้วยการโปรดสัตว์ในนรกให้พ้นทุกข์ จึงมิทราบว่าจะถวายบังคมเช่นไร ขอท่านผู้เป็นใหญ่ อย่าได้ถือโกรธข้าเลย” เสร็จแล้ววิญญาณนั้นก็ได้กราบลงที่เท้าผม
    รายละเอียดต่างๆ ถูกพรั่งพรูออกจากปากของวิญญาณตนนี้อย่างละเอียดสุดท้ายผมได้ช่วยให้ เขาพ้นจากทุกข์ด้วยการให้เขารับคำสัตย์ต่อคำสัตย์ของตนเองที่ให้ต่อสวรรค์ว่า มาดแม้นตนเองได้กระทำกรรมนั้นอีกก็ขอให้มีอันสิ้นสุดแห่งภพมนุษย์ และได้กลับสู่มวลโลกด้วยกายดำในกายมนุษย์นี้เกิด (กายดำคือกายวิญญาณที่วิญญาณเรียกกันและรู้ว่าตนเองมีกายวิญญาณอยู่ในตนหลังจากได้ตายไปแล้ว นั่นคือสภาพของกายวิญญาณในตน)
    “สาธุ ข้าพเจ้าขอให้คำสัตย์ต่อสวรรค์ ข้าพเจ้าจะไม่ประพฤติตนเช่นเดิม จะมีเมตตาต่อสัตว์ทั้งหลาย และจะพยายามสร้างกรรมดีเพื่อชดเชยบาปกรรมที่ได้ก่อขึ้นมาในอดีตชาติ หากข้าพเจ้าผิดคำสัตย์ที่ให้ต่อสวรรค์ในครั้งนี้แล้ว ขอให้ข้าพเจ้าถูกสัตว์ร้ายกัดกินจนตาย”
    “เธอจงประพฤติตนเสียใหม่ให้เป็นคนดี อย่าสร้างบาปเวรอีก เราขออวยพรให้เธอได้ไปเกิดในร่มประเทศที่รุ่งด้วยพระพุทธศาสนาจ๊ะ”
    หลังจากนั้นยมทูตก็ได้นำตัวเขาไปตัดสินคดีกรรมต่อจากนี้
    ผมได้อธิษฐานเพื่อขอไปนรกขุม ๙ เพื่อขอเปลี่ยนขุม หลังจากได้ทราบบัญชีกรรมจากยมทูต ผมก็ได้ไปตามแผนที่ที่ได้รับจากยมทูต ผมไปสู่นรกขุม ๓ ปลายทางของเส้นทางนี้ เป็นเส้นทางสุดท้ายที่ผมจะไปในวันนี้ ตัวธรรมในกายผมเดินธรรมละเอียดเข้ากายธรรมสุทธฤทธิ์ในกายธรรมกายสุด นั่นคือกายธรรมกายขั้นละเอียด และได้อธิษฐานตามฤทธิ์กาลเพื่อโปรดสัตว์ในยมโลก นั่นคือคำอธิษฐานที่ผมใช้ประจำในการโปรดสัตว์หลังจากที่ผมได้อธิษฐานฤทธิ์ไปตามกาลแล้ว อิทธิฤทธิ์แห่งกายนี้ก็ได้บังดาลให้กายทั้งหลายเข้าสู่ธรรมกายโดยละเอียดโดยเป็นที่สุด และได้เข้าสู่อธิษฐานธรรมเป็นธรรมกายอัจจฤทธิ์แห่งพระธรรมกายญาน วิญญาณต่าง ๆ ที่เห็นกายนี้จะได้รับการโปรดสัตว์ทุกคน นี่เป็นคำสัญญาของสวรรค์
    “บัดนี้ได้มีประกาศสวรรค์ ให้ผมเป็นผู้รับหน้าที่ในการโปรดสัตว์ในยมโลกจนกว่าในยมโลกจะสิ้นด้วยการลงทัณฑ์ แม้มีสัตว์ตนใดไม่เชื่อก็ให้อธิบายธรรมให้รู้แจ้งด้วยธรรมกายที่ผมมี นั่นเป็นความหมายแห่งสุดด้วยกายธรรมสิทธิ์” (สิทธิแห่งกายธรรม)
    มนุษย์รับฟังธรรม ทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมแจ้งชัดแก่ตน ด้วยว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนรู้เห็นและแจ้ง ย่อมมีความถูกหรือผิดเป็นธรรม ขอให้ตรัสคิดฟัง รู้ตาย ในความคิดของตน และรู้จักพิจารณาสังเกตด้วยเหตุผลว่า สิ่งที่รู้ สิ่งที่เห็น มีอยู่เป็นจริงเช่นไร
    มวลมนุษย์ทั้งผอง ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ การเคลื่อนดับนั้นเป็นสิ่งอนิจจังทั้งหมดเป็นเรื่องของกรรมไม่มีใครให้ใครเป็นอย่างไรได้ ตัวตนเองทั้งสิ้นเป็นผู้ก่อกำเนิดกรรม ทั้งหมดเป็นเรื่องของกรรมบาท (สิ่งที่เป็นไปเกี่ยวกับกรรม ดังนั้น ขอให้มนุษย์ทั้งผองจงคิด จงรู้ว่า เหตุผลตัวตนนั้น คิดแจ้งรู้จริง อย่างไร เป็นอย่างไร แล้วจึงคิดจะทำตามเหตุผล สิ่งที่ตนคิด และรับทราบ
    ด้วยธรรมทั้งหมดที่ได้กล่าว ผมขอให้ทุกท่านจงมีความพร้อมในญาณ ปฏิบัติตนให้รู้แจ้ง กระทำตนให้เลิศในมรรคผลทางธรรม ปฏิบัติโดยชอบแจ้งแล้วด้วยเหตุวิสุทธิ์ สิ่งแจ้งทั้งผองนั้น จักรวมอยู่เป็นทุกข์ธรรม (ธรรมที่รู้แจ้งในความเป็นทุกข์) วิญญาณธรรม (สรรพสิ่งที่แจ้งในวิญญาณ) สองสิ่งทั้งสอง ย่อมรวมอยู่เป็นธรรมะที่พระบรมศาสดาได้ตรัสไว้โดยแจ้งแล้ว
    ทุกสิ่งย่อมเกิดมาจากการเคลื่อนตัวเกิดดับในเรื่องของกรรมทั้งสิ้น การเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิของกรรมย่อมแจ้งอยู่ในความทุกข์ สิ่งที่เห็นจริง ประจักษ์จริง จักเป็นเหตุผลให้ท่านได้รู้ทราบในสิ่งบอกชัดโดยละเอียด สิ่งทั้งผองในมวลธรรม ย่อมมีความรู้พร้อมในธรรม อันเป็นทางดำเนินสิ้นแล้วด้วยดีของพระพุทธองค์ด้วยความรู้แจ้งสิ่งทั้งหมดที่เป็นคำสอนของพระพุทธองค์ย่อมประจักษ์อยู่ในธรรม สรรพสัตว์ที่ได้รู้เห็นในกรรมโดยแจ้งแล้ว ขอจงประจักษ์รู้ เกิดรู้ธรรมด้วยตนในความมีพร้อมอยู่ด้วยความแจ้งชัดในธรรม
    ขอมวลมนุษย์จงสิ้นกรรม ขอจงรู้เห็นธรรมตามกาล ขอจงประจักษ์ในคำสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ปิยราชไกรนรภพ
    เรื่องกระจ่างชัดในกรรม สิ่งอรรถาธิบายต่างๆ ย่อมมีอยู่ให้เห็น รู้ได้ด้วยตน อันความมีพร้อมในกรรมที่สัตว์ทั้งหลายได้แจ้งชัดแล้ว จักประจักษ์อยู่พร้อมด้วยธรรม ดำเนินตามอย่างอันดี
    ในความรู้พร้อมเรื่องกรรม สัตว์ทั้งหลายจักแจ้งชัดด้วยการกระทำ อันเป็นหนทางรู้ของผู้ปฏิบัติ มนุษย์ผู้ใดใคร่ในการปฏิบัติ จักประมวลธรรมให้แจ้งชัดด้วยการรู้แจ้งเห็นจริงอย่างถูกต้อง ด้วยคำสอนแห่งองค์สมเด็จพระศาสดาสัมมาสัมพุทธะเจ้า
    คำสอนแห่งองค์สมเด็จพระศาสดา ย่อมมีอยู่ล้วนถูกต้องโดยแจ้ง ในสิ่งอันเป็นเครื่องรู้พร้อมในมรรคผลแห่งพุทธภูมิ สวรรค์ภูมิ เทวภูมิ มนุษย์ภูมิ เทวโลกภูมิ ทุกสิ่งอันเป็นเครื่องอยู่แห่งโลกธรรม จักแจ้งด้วยคำสอนอันรู้ได้ด้วยตน
    บารมีธรรมแห่งการรู้พร้อมของสรรพสัตว์ จักแจ้งชัดอยู่ด้วยความดับในกาย สูญในภาวะแห่งอารมณ์ อันถือเสมือนหนึ่งเครื่องรู้เห็นในธรรม อันประจักษ์ด้วยตนกระทำ
    สิ่งอรรถาธิบายที่ได้แจ้งไว้แล้วนี้ ขอจงรู้เห็นอยู่ด้วยสติปัญญาของท่านเองทั้งสิ้นเทอญ
    ขอจงถึงพร้อมโดยธรรมกันเทอญ ​
    “ปิยราช ไกรนรภพ”

    ผมมองเห็นถ้ำ ๆ หนึ่งมีแสงสว่างเรืองรองอยู่ภายใน ผมได้เดินเข้าไปภายในและได้พบกับยมทูตองค์หนึ่งกำลังทำหน้าที่อยู่ภายใน ผมได้เอ่ยนามผมกับเขา และยมทูตก็ได้คุกเข่ารับบัญชาอยู่เบื้องหน้า
    “ข้าพระพุทธเจ้าขอรับธรรมทาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ด้วยบารมีพระปกเกล้า ขอถวายบังคมเดชฤทธิ์อิทธิศร ด้วยเกล้าบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมพระพุทธเจ้าข้า”
    “เรามาสัมภาษณ์วิญญาณบาปที่ทำบาปและตกอยู่ในนรกขุมนี้สักหน่อย”
    “พระพุทธเจ้าข้า”
    ยมทูตเดินนำทางผมไปข้างหน้าและได้เลี้ยวเข้าช่องถ้ำช่องหนึ่งเบื้องหน้าผม ผมเดินตามเขาไปพบว่ามียมทูตอยู่อีกองค์หนึ่งกำลังลงโทษชายตนหนึ่งอยู่ เขาได้ใช้หอกแทงลงบนร่างของชายตนนั้นด้วยความรุนแรง
    “เดี๋ยวยมทูต หยุดก่อน” ผมร้องสั่ง
    “ข้าพระพุทธเจ้าขอรับธรรมทาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ด้วยบารมีพระปกเกล้า ขอถวายบังคมเดชฤทธิ์อิทธิศร ด้วยเกล้าบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมพระพุทธเจ้าข้า”
    “เมื่อกี้เธอทำอะไร เราอยากรู้”
    เขาก็อธิบายให้ผมฟังว่า วิญญาณตนนี้กำลังใช้กรรมในการลงทัณฑ์อยู่ในนรกขุมนี้ และเขากำลังลงทัณฑ์อยู่ มิอาจหยุดรับเบื้องยุคลบาทได้ เขาจึงได้กล่าคำขออภัยว่า “ข้าพระพุทธเจ้าน้อมกราบแทบเบื้องยุคลบาท เนื่องด้วยข้าพระพุทธเจ้ากำลังปฏิบัติงานอยู่ มิอาจทราบได้ว่าใครเสด็จมา จึงมิได้ออกไปต้อนรับ
    “ฮืม… เราเข้าใจ” ผมตอบไป
    “ที่เรามานี่ก็เพื่อสัมภาษณ์วิญญาณบาปตนนี้ เราอยากคุยกับเขาสักหน่อย เอาตัวเขาออกมานี่ซิ”
    สักครู่ยมทูตก็เอาตัวเขามาหาผม และได้กล่าวคำถวายบังคมด้วยความเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่ง
    วิญญาณตนนั้นได้กล่าวคำถวายบังคมที่ไม่ค่อยชัดนัก ผมจึงได้ให้เจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญทางด้านนี้เข้ามาสอนสั่งให้เกิดความรู้เพื่อให้เกิดการปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและเรียบร้อยตามกฏแห่งธรรมบาลเบื้องบนบัญญัติและเขาก็ได้กล่าวคำที่ถูกต้องออกมา
    ผมยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่ชื่นใจที่เห็นเขาสามารถพูดได้ด้วยความเต็มใจและเต็มใบหน้าแห่งการพ้นทุกข์ที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า
    วิญญาณเบื้องหน้าของผมตนนี้มีสภาพเป็นวิญญาณที่ไม่ครบสูตร ผมหมายถึงการเข้าเป็นรูปร่างแห่งการเป็นมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์และมีสภาพร่างกายเหมือนกับผีเปรตที่มีวิญญาณต่างจากมนุษย์อื่น นี่เป็นความหมายที่ผมกำหนดให้ไว้ในความหมายนี้ สภาพของวิญญาณที่อยู่เบื้องหน้าผมนี้มีสภาพร่างกายเหมือนไม่มีผิด ผมหมายถึงวิญญาณตนนี้มีสภาพรูปร่างไม่เป็นคนเท่าใดนัก (นั่นเป็นความหมายที่ผมกล่าวแจ้งไว้)

    ใบหน้าที่ซีดแห้ง รูปศีรษะผอมลีบ เส้นผมบนหนังศีรษะมีอยู่เพียงน้อย ผิวหนังตามตัวเขียวคล้ำ รูปกายผอมลีบแห้ง อยู่ในลักษณะเปลือยกาย ที่ขาของเขา มีตรวนเหล็กผูกติดอยู่ที่ขา บนแผ่นเบื้องหลังของเขาขาวโพลนเหมือนถูกน้ำร้อนลวก พอมองเห็นเส้นเอ็นและเนื้อเยื่อต่างๆ ที่ตรงปลายก้นของเขามีอวัยวะอย่างหนึ่งงอกออกมาจากก้น มีขนาดเท่าผลมะนาว ผีตัวนี้มีป้ายบอกชื่อไว้ว่า “ผีช่องหิน”
    “เขาทำกรรมอะไรเอาไว้หรือ ยมทูต” ผมถาม
    “ชายผู้นี้ ก่อกรรมคดีฆ่ากบ พระพุทธเจ้าข้า”
    “ประวัติกรรมของเขาเป็นมาอย่างไร”
    “อดีตชาติ ชายผู้นี้เป็นชาวจังหวัด “นครปฐม” มีอาชีพทำสวน บางวันก็ออกไปจับกบมาขาย เมื่อจับกบมาได้แล้วเขาก็หยิบเอาน้ำร้อน ๆ มาลวกกบเหล่านั้น และลอกเอาหนังมันออก จากนั้นเขาก็นำไปขายในตลาดและจะทำอย่างนี้ทุกครั้งเมื่อฆ่ากบพวกกบทั้งหลายได้ตั้งจิตอาฆาตไว้อย่างมาก มีกบมากมายต้องตายเพราะเขาและมาร้องทุกข์ในนรกให้ลงโทษชายคนนี้ พระพุทธเจ้าข้า”
    ก้อนเนื้อที่งอกขึ้นตรงก้นของชายตนนี้ก็เพราะ ในอดีตเขาได้ใช้ไม้เสียบอวัยวะของกบทุกตัวที่นำมาขายและด้วยกรรมนั้นทำให้เขาต้องกรรมด้วยการทรมานของก้นอย่างหนัก
    “เธอถูกบาปกรรมตามสนอง เพราะเธอเองเป็นคนก่อขึ้นมาทั้งสิ้น แล้วจะร้องไห้ให้ใครช่วย เราต้องทรงความยุติธรรมเอาไว้ เมื่อเธอทำผิดจริงก็สมควรได้รับกรรมนั้นตอบสนองใครทำใครรับ ไม่มีทางหลีกเลี่ยงไปได้หรอกเข้าใจไม๊”
    ผีตัวนั้นร้องไห้คร่ำครวญถึงกรรมที่เคยก่อไว้ ถึงสำนึกผิดก็สายเสียแล้ว
    “เราจะช่วยเธอให้พ้นนรกไปเกิดใหม่ แต่เธอต้องให้คำสัตย์ต่อสวรรค์ก่อนว่าจะไม่ประพฤติตนเช่นเดิมอีกเราจึงจะช่วยเธอ”
    “พระพุทธเจ้าข้า” ผีตัวนั้นตอบผม
    “เอาหล่ะ จงพนมมือขึ้นแล้วกล่าวตามเราจ๊ะ”
    “สาธุข้าพเจ้าขอให้คำสัตย์ต่อสวรรค์ว่า ข้าพเจ้าจะประพฤติตนเป็นคนดีเสียใหม่ ไม่ขอประพฤติตนอย่างเก่าอีก บาปกรรมที่ได้เคยก่อไว้กับสัตว์ทั้งหลายขอให้อโหสิกรรมให้กับเราด้วยเถอะ ผมขอกราบขอโทษที่ได้ล่วงเกินชีวิตท่านมาก่อนครั้งหนึ่ง แต่บัดนี้ผมจะขอสร้างบุญกรรมเพื่ออุทิศให้แก่ท่านทั้งหลาย ขอให้ท่านไปสู่ภพภูมิอันประเสริฐเถิด ….” ผีตัวนั้นกล่าวตอบไปพร้อมกับก้มกราบวิญญาณกบมากมายที่กลายร่างเป็นคนในยมโลก
    วิญญาณเหล่านี้ได้กลายร่างเป็นคนเนื่องจากมีกรรมวาระในการกระทำหมดจากร่างความเป็นมนุษย์ในร่างของสัตว์ที่มาเกิด ขอให้ทำความเข้าใจว่า ตัวเองมีกรรมเช่นไรเมื่อหมดกรรมดวงวิญญาณก็จะหลุดพ้นออกจากร่างนั้นไปสู่ร่างใหม่ นี่เป็นสัจธรรมบนโลกมนุษย์ แต่เป็นความจริงในพิภพยมกาฬ (พิภพที่มีผู้สำเร็จธรรมในภาคมนุษย์เป็นผู้ปกครอง)
    เมื่อมนุษย์ลงมาเกิดบนพื้นพิภพ มียมทัณฑ์บังคับอยู่ ด้วยกรรมเก่าทำให้เกิดในรูปร่างต่าง ๆ นี่เป็นความจริงที่ปรากฏอยู่ เมื่อมนุษย์มาเกิดต่างก็หนุนกรรมกลับร่างในชาติของตน รอวันหลุดพ้นกรรมในชาติต่างๆ นี่เป็นความเป็นไปบนพื้นพิภพมนุษย์
    “หากข้าพเจ้าได้เกิดเป็นมนุษย์แล้วประพฤติตนเยี่ยงเก่าอีก ขอให้สวรรค์ลงโทษให้ข้าพเจ้าให้ตายดิ้นอย่างกบดิ้นอย่างกบที่ข้าพเจ้าได้เคยฆ่านั้นเถิด”
    ผีตัวนั้นร้องไห้ น้ำตาไหลรินอาบแก้ม เขาสารภาพผิดด้วยความทุกข์ในตนที่อยากจะพ้นทุกข์
    มีเสียงกบตัวหนึ่งกล่าวขึ้นมาว่า “เราขออโหสิกรรมให้กับท่าน ขอให้ท่านได้ไปเกิดในที่ ๆ ดีต่อไปเถิดเราขออวยพรให้ท่านเป็นสุข”
    “เมื่อทุกตนได้อโหสิกรรมให้แก่กันแล้ว เราก็จะจัดการให้เสร็จสิ้นไปเรื่องหนึ่ง”
    “สรรพสัตว์ทุกคนมีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ ไม่สิ้นสุดแห่งกรรมด้วยบาปเวรที่ตนก่อ ขอให้สัตว์ทั้งหลาย จงสำนึกเถิดว่าบุญกรรมนั้นมีจริง ให้ผลจริงตามวาระกาล”


    "ฉันโพธิสัตว์กวนอิมขอให้สัญญาว่าจะไม่เข้าสู่พระนิพพานจนกว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายจะพ้นทุกข์หมด และจะอยู่ข้างเคียงท่านเสมอ "
    " นำมอออนีถ่อฮุก "
    จากเรา" โพธิสัตว์กวนอิม "
     
  13. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันจันทร์ที่ ๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒

    ครั้งที่ ๑๒

    นรกขุม ๘ แดนลงทัณฑ์ ๖

    รอบ ๆ บริเวณคอกสัตว์เป็นโคลนขึ้นแฉะ มียมทูตอยู่ข้างหน้าผมองค์หนึ่งกับวิญญาณบาปตนหนึ่ง ที่นี่คือ “คอกหมู” วิญญาณบาปที่ถูกนำตัวมาลงโทษที่นี่เป็นพวกที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่คนชรา บรรพบุรุษของตน ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงให้ตก ระกำลำบาก จะต้องมาใช้กรรมในนรกขุม ๘ ในแดนนี้ก่อนจึงจะพ้นไปเกิดใหม่หรือใช้กรรมในนรกขุมอื่นต่อไป
    นรกขุมนี้จะเก็บสัตว์โลกที่ต้องใช้เวรกรรมกับสัตว์ด้วยกันเพื่อให้กรรมนั้นตอบสนอง และวิญญาณนั้นจะรับกรรมอยู่ในนรกนี้นานเท่าใดขึ้นอยู่กับกรรมที่ตนได้กระทำกับบุคคลอื่นเอาไว้ ฉะนั้น บุคคลที่ต้องมาใช้กรรมอยู่ในนรกขุมนี้ จะไปเกิดใหม่ได้ ต้องมารับผลกรรมให้หมดก่อน
    ผมกำลังยืนมองชายตนหนึ่งอยู่ด้วยความสงสัยว่าเขากำลังทำอะไร ชายตนนี้ใช้อาการของเขาทั้งหมดร่วมกับชีวิตในภพนี้ในร่างของเปรต เขาได้ใช้อาการของเขาใช้ปากคุ้ยเขี่ยอาหารอยู่กับพื้นด้วยความเอร็ดอร่อยเมื่อเสร็จสิ้นการกินนี้ เขาจะต้องไปกินขี้เพื่อเป็นการชดใช้บาปกรรมที่เขาได้ก่อขึ้นในภพมนุษย์ ที่คอของวิญญาณตนนี้มีป้ายแขวนบอกไว้ว่า “ผีหมี” หรือ “เปรตหมู”
    วิญญาณที่ทำบาปกรรมไว้มาก เขาจะต้องรับกรรมของเขาในยมโลกจนกว่าจะหมดกรรม และเขาจะต้องไปเกิดเป็นเปรต รอกว่าจะหมดร่างจากเปรตไปจึงจะไปเกิดเป็นผี นี่เป็นกรรมช่วงวาระที่มีในยมโลก
    วิญญาณบาปที่เกิดเป็นเปรต เขาจะต้องรับกรรมของเขาในยมโลกจนกว่าจะหมดกรรม และเขาจะต้องไปเกิดเป็นเปรต รอจนกว่าจะหมดร่างจากเปรตไปจึงจะไปเกิดเป็นผี นี่เป็นกรรมช่วงวาระที่มีในยมโลก
    วิญญาณบาปที่เกิดเป็นเปรต มีสภาพต่างกันในภาพของตนนิมิต (รูปร่างกายที่ตนนิมิตก่อนตาย) เมื่อหมดกรรมจากภพนี้ ดวงวิญญาณเขาก็จะแปรเปลี่ยนร่างตามกรรมวาระของตน นี่เป็นความหมายของผู้ที่เป็นเปรต ดวงวิญญาณบาปก่อนที่จะมาเกิดเป็นเปรตเขาได้อธิษฐานไว้ว่า หากแม้เขามีบุญ เขาจงได้ไปเกิดเป็นสัตว์ในภพภูมิมนุษย์เพื่อใช้กรรมให้หมดสิ้นโดยเร็ว แต่เขาต้องรับกรรมในภพมนุษย์แดนสองนี้เสียก่อน (แดนสองนี้เป็นแดนที่มีความเป็นอยู่คล้ายเคียงกับมนุษย์) ดวงวิญญาณของเขาก็จะพ้นกรรม สภาพของผีจะเป็นอยู่ในสภาพภูมินี้จนกว่าจะหมดกรรม นี่เป็นสภาพสิ้นสุดของภพภูมิ
    “ยมทูต เราอยากจะถามอะไรเขาสักหน่อย นำตัวเขามานี่ซิ”
    สักครู่ วิญญาณตนนั้นก็ได้ถูกนำมาเข้ามาหาผม
    “ข้าพระพุทธเจ้ากราบขอถวายบังคม …” นี่เป็นคำที่ยมทูตสอนให้ในชั้นต้น
    ดังนั้นผู้มีบาปทุกตนจึงได้ทราบการถวายบังคมโดยถูกต้องจากยมทูต
    “เธอทำกรรมอะไรไว้ เธอจึงต้องมารับผลกรรมอยู่ตอนนี้”
    “ข้าพระพุทธเจ้าทำร้ายน้าชายของตัว แล้วก็ผลักไสไล่ส่งเขาไปสถานรับเลี้ยงดูคนชรา และไม่สนใจความเป็นอยู่ของเขา ปล่อยให้เขาต้องทนทุกข์ทั้งกายและใจในสถานแห่งนั้น กรรมชั่วอันนี้ทำให้ข้าพระพุทธเจ้าต้องมารับผลกรรมนั้นอยู่ในแดนนี้”
    “แล้วเธอได้รับสิ่งใดเป็นอาหาร”
    “ข้าพระพุทธเจ้าได้รับข้าวหมูเน่าเศษอาหารที่มีก้อนกรวดผสมอยู่ ทุกวันต้องกินขี้กินเยี่ยวเข้าอีกด้วย”
    ชายผู้นี้กล่าวด้วยเสียงเครือ สองข้างตามีน้ำตาไหลรินออกมาเบาบาง
    “ยมทูต เราต้องการรู้ว่า ใครถือบัญชีกรรมในนรกขุมนี้”
    “ข้าพระพุทธเจ้าขอตอบ ท้าวนาคา นั่นคือผู้รักษาบัญชีกรรมในยมโลกขุมนี้ พระพุทธเจ้าข้า”
    “ไปตามเขามาพบเราหน่อยซิ ยมทูต”
    ยมทูตก็หายไปสักครู่ และกลับมาพร้อมกับชายผู้หนึ่ง เป็นผู้ชายที่มีฤทธิ์มากจากแสงรัศมีกายของเขา ผมมองเห็นอยู่มากมาย รูปกายของชายตนนี้มีสภาพร่างกายเหมือนเทพทั่วไป แต่ที่เศียรมีชฎารูปเศียรนาคสวมอยู่ ที่บ่าทั้งสองห้อยสังวาลย์สร้อยทองด้วยกันทั้งสองข้างและมีสายพาดลงมาสู่เอว ชายนี้สวมเสื้อสีแดงเข้มลายทองและสวมกางเกงขายาวระดับเข่าสีเขียว มีเครื่องประดับแต่งกายหลายชิ้นด้วยกัน
    “ข้าพระพุทธเจ้า ขอถวายบังคมพระพุทธเจ้าข้า”
    “เธอไม่รู้หรือว่าเราเป็นใคร” ชายผู้นั้นมองหน้าผมนิดหนึ่ง แล้วตอบว่า “ ข้าพระพุทธเจ้าไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร ขอท่านช่วยเอ่ยนามออกมาด้วยเทอญ พระพุทธเจ้าข้า”
    “เรารู้ว่าเธอไม่รู้ว่าเราเป็นใคร เอาหล่ะเราจะบอกให้ วันนี้เรามาสัมภาษณ์วิญาณบาปในนรกขุมนี้และต้องการพบเธอเพื่อสอบถามบัญชีกรรมให้ถูกต้องก่อนตัดสิน”
    “เราต้องการทราบบัญชีกรรมของชายตนนี้สักหน่อย”
    ชายองค์นี้มีนามว่า “ท้าวนาคา” สักครู่เขาก็เอาบัญชีกรรมมาให้ผมและอ่านให้ฟังว่า “ชายคนนี้ในอดีตได้ก่อกรรมเอาไว้กับญาติพี่น้องของเขา เขาได้ทอดทิ้งให้ญาติสนิทไปอยู่ในสถานรับเลี้ยงคนชรา และปล่อยให้เขาอดอยากไม่มีข้าวจะกินญาติของเขาได้สาปแช่งเอาไว้ก่อนตายว่า จะขอล้างแค้นเขาผู้นี้ให้ได้ โดยได้ไปเกิดเป็นหมูอยู่ในจังหวัดอุทัยธานี เขาขอให้เรา (ทางยมโลก ) ช่วยรับคำร้องของเขาและให้ญาติของเขาคนนี้ (เขาชี้มือไปที่ผีตนนั้น) ต้องรับกรรมที่ก่อไว้ในยมโลกด้วย เขาจึงจะอโหสิกรรมให้พระพุทธเจ้าข้า”
    เมื่อชายคนนี้ได้ตายลง เขาได้อาฆาตไว้ก่อนตายว่า จะขอสาปแช่งเขาให้ตายลงด้วยกัน แต่ไม่สามารถทำได้เพราะกรรมเก่าตามมาทัน ในอดีตชาติของชายคนนี้ (ชายคนที่ก่อเวรนี้) ได้เคยเป็นอาของเขามาก่อน และได้กลับชาติมาเกิดเป็นญาติของเขาในชาตินี้ ดังนั้นจึงเป็นการใช้กรรมเก่าในอดีตให้หมดสิ้น
    “เอาหล่ะ บัดนี้เบื้องบนได้บัญชาราชย์ให้เรามาจัดการเรื่องภพนี้ โดยให้เราสัมภาษณ์วิญญาณบาปที่ก่อเวรไว้ในภพมนุษย์และตายลงแล้วมาเกิดเป็นผีอยู่ในยมโลก จากการสัมภาษณ์เขาและให้เขียนเป็นหนังสือขึ้นเกี่ยวกับการท่องนรกของเรา และให้จัดแจงกรรมมาให้กับสัตว์ตนนั้นที่ได้ให้การสัมภาษณ์ หากสัตว์ตนใดให้การสัมภาษณ์ด้วยความเป็นจริง ปรากฏตรงกันตามบัญชีกรรม ก็ขอให้เราช่วยสัตว์ตนนั้นขึ้นจากพื้นนรก นี่เป็นสัญญาของสวรรค์”
    ผมกล่าวกับวิญญาณตนนั้นว่า “เธอจะสารภาพบาปกรรมได้ไหมว่า ชาติก่อนเธอเคยทำกรรมอะไรเอาไว้จึงต้องมาอยู่ในสภาพอย่างนี้ ถ้าเธอเล่ามาทุกอย่างตามความจริง เราจะช่วยเธอให้พ้นกรรมนี้ไป”
    เขาก็เล่าตามความจริง “ในอดีต ข้าพระพุทธเจ้าได้เคยสร้างเวรกรรมเอาไว้กับน้าชายของข้าพระพุทธเจ้าทำให้เขาต้องทุกข์ทรมานอยู่ในสถานรับเลี้ยงคนชราคนตาย ข้าพระพุทธเจ้ามีแม่ที่ต้องรับเลี้ยงดูอยู่สองคนเพราะว่าพ่อของข้าพระพุทธเจ้าเป็นคนเจ้าชู้ จึงมีเมียหลายคน นับจากพ่อของข้าพระพุทธเจ้าตายไป สภาพทางบ้านก็ย่ำแย่ลงทุกวัน ข้าวก็ไม่ค่อยจะมีกิน ทั้งยังมีภาระเรื่องหนี้สินที่ต้องใช้อีกด้วย จึงต้องหลบหนี้หนีมาอยู่กับบ้านญาติญาติของข้าพระพุทธเจ้าคนนี้เป็นพ่อค้าขายเนื้อสดอยู่ในตลาด วันหนึ่งเขาถูกชนจนขาพิการ ไม่สามารถขายของได้อีกต่อไป ข้าพระพุทธเจ้าจึงต้องรับภาระเลี้ยงดูครอบครัวของเขาอีกด้วย หนี้สินที่รุงรังทำให้ข้าพระพุทธเจ้าเป็นคนหงุดหงิดง่าย โมโหร้าย พาลเตะข้าวของในบ้านจนเสียหายเกือบหมด แต่ก็ไม่สำนึกตัว เพราะถือว่าตนเองเป็นผู้เลี้ยงครอบครัวอยู่ อยู่มาวันหนึ่งน้าชายของข้าพระพุทธเจ้าเมากลับบ้าน พูดจาหาเรื่องแม่ของข้าพระพุทธเจ้าทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทนไม่ไหวจึงว่าเขาแรง ๆ ว่า “ไอ้สัตว์ มึงว่าแม่กูทำไมวะ แน่จริงเจอกับกูตัวต่อตัวซิวะ ไอ้หน้าด้านรังแกแม้กระทั่งผู้หญิง” ด้วยความโมโห ข้าพระพุทธเจ้าจึงคว้ามีดในครัวไล่ฟันเขา เขาก็หนีเตลิดไปไม่กลับมานอนบ้าน ได้ข่าวว่า เขาพักอยู่ที่สถานรับเลี้ยงคนชรา จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย สุดท้ายเขาก็ตายลงด้วยโรคหัวใจวายตาย วิญญาณเขาสู่ยมโลกเข้าฟ้องร้องต่อท่านพญายม ให้ท่านลงโทษข้าพระพุทธเจ้าด้วย เขาจึงจะยอมไปเกิดใหม่ และจะอโหสิกรรมให้ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าตายลงด้วยโรคโลหิตเป็นพิษ วิญญาณก็ถูกนำตัวมาสู่นรกเพื่อตัดสินคดีกรรมในชาติปางก่อน ข้าพระพุทธเจ้าได้พบเขาในสภาพของผีเปรตที่รอคอยการใช้กรรม หลังจากนั้นข้าพระพุทธเจ้าก็ได้ถูกตัดสินให้ไปเกิดเป็นผีเปรตอยู่ในนรกขุมนี้ พระพุทธเจ้าข้า”
    “เธอรับกรรมนี้มานานเท่าไหร่แล้ว” ผมถาม
    “ข้าพระพุทธเจ้ารับเบื้องกรรมนี้มานานห้าปีแล้ว พระพุทธเจ้าข้า”
    ผมหันไปถามเทพองค์นั้นว่า ชายคนนี้จะพ้นกรรมเมื่อไหร่ เขาตอบผมว่า
    “ชายคนนี้จะพ้นกรรมอีกสามชาติ พระพุทธเจ้าข้า”
    “เอาหล่ะ เราจะช่วยเธอ เธอจงกล่าวกรรมตามเราเถิด”
    เขาได้กล่าวตามผม “สาธุ ข้าพเจ้าขอให้คำสัตย์ต่อสวรรค์ว่า ข้าพเจ้าจะประพฤติตนเสียใหม่ ไม่ประพฤติตนเช่นเดิมอีก หากข้าพเจ้าผิดคำสัตย์ที่ให้ต่อสวรรค์ในครั้งนี้แล้ว ขอให้ข้าพเจ้าตายอย่างหมูอย่างหมา ไม่มีที่ฝังด้วยเถิด” และยกมือขึ้นจรดศีรษะ
    เขาเงยหน้าขึ้นมามองผม และกล่าวว่า “ ข้าพระพุทธเจ้ากราบเบื้องยุคลบาท พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้ายินดีน้อมรับกรรม สุดท้ายข้าพระพุทธเจ้าพ้นจากที่นี้ไปด้วยการกระทำของท่าน ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบทานด้วยใจจริงและศรัทธา” นี่เป็นคำกล่าวของเขา
    “ยมทูต เอาตัวเขาไปให้องค์พญายม”
    ทุกองค์กราบลาผมกลับสู่โลกธรรมบท (โลกวิญญาณที่ต่อสู้กันด้วยกรรม)

    “สรรพสัตว์ทุกคนก่อกรรมใดไว้ ก็ได้รับผลกรรมนั้นตอบสนอง ไม่มีผู้ใดหลีกหนีไปได้ ขอให้ทุกคนจงสำนึกในบาปกรรมที่ตนก่อ แล้วหันหน้ามาปฏิบัติธรรมมุ่งมั่นสร้างกรรมดีเพื่อลบล้างบาปกรรมที่ตนได้ก่อขึ้นนั้นเถิด”
     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันอังคารที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒

    ครั้งที่ ๑๓

    นรกขุม ๕ แดนลงทัณฑ์ ๑๒

    “ขอโปรดสัตว์ในนรก” คำอธิษฐานนี้ผมใช้ทุกครั้งในการโปรดสัตว์ ในการสัมภาษณ์วิญญาณบาปในนรก ด้วยการแสดงสัจกรรมให้กับตน
    เส้นทางเบื้องล่างที่ผมเดินไป เป็นเส้นทางยาวมีแสงสว่างเรือง ๆ ตามทาง ผมใกล้เข้าไปยังถ้ำแห่งหนึ่งเหนือปากถ้ำมีอักษรเขียนบอกไว้ว่า “ ถ้ำค้างคาวพิษ ”มีเสียงยินแว่ว ๆ ดังขึ้นว่า “อย่าเข้าไปครับท่าน”
    ผมหันมามอง เมื่อยมทูตเห็นหน้าผม เขาก็คุกเข่าลงน้อมกราบถวายบังคมแล้วบอกว่า “ข้าพระพุทธเจ้าไม่ทราบว่าเป็นใครในตอนแรก จึงมิได้ถวายบังคมไป และด้วยกรรมนี้ขออย่าเป็นไปซึ่งความบังอาจในตนแห่งข้าด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า”
    “เราไม่เอาความเธอหรอก ยมทูต” ผมบอกต่อไป
    แล้วเขาก็ได้กล่าวขึ้นมาว่า “ข้าพระเจ้าขอรับธรรมทาน ด้วยเก้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ด้วยบารมีพระปกเกล้าขอถวายบังคมเดชฤทธิ์อิทธิศร ด้วยเกล้าบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมพระพุทธเจ้าข้า”
    “เธอลุกขึ้นเถิด”
    “ทำไมถึงห้ามไม่ให้เราเข้าไป จงบอกเราเถิด”
    ยมทูตบอกกับผมว่า ในถ้ำนั้นมีค้างคาวพิษอยู่มากมาย เขาจึงห้ามไม่ให้ผมไป
    “ที่เรามานี่ก็เพื่อจะสัมภาษณ์วิญญาณบาปที่ตกนรกในขุมนี้สักหน่อย”
    ผมเดินก้าวไปตามยมทูตชี้ให้ ผมพบทางหลายทางแยกอยู่ แต่ผมก็อธิษฐานเพื่อรู้เส้นทางในยมโลกก็เกิดความรู้ขึ้นว่าเส้นทางนี่ไม่ใช่เส้นทางจริง เส้นทางข้างขวาของผมนั่นคือเส้นทางจริง ผมจึงได้เดินไปตามเส้นทางขวา ผมเดินไปสุดถ้ำแห่งหนึ่ง มีเสียงโอดครวญออกมาจากถ้ำ ผมก็เดินเข้าไปในถ้ำ และเห็นชายคนหนึ่งกำลังถูกลงโทษ ในถ้ำแห่งนั้นมีแสงสว่างพอสมควรพอมองเห็นสภาพภายในได้ ทรายบนพื้นนั้นทอแสงเป็นประกายเมื่อต้องกับแสงไฟจากไต้หลายอันที่ปักไว้ตามผนังถ้ำ พื้นทรายในถ้ำมีความเห็นหินและทรายผสมอยู่ จึงมีทั้งความนิ่มและความแข็ง
    “ไปอีก…” ยมทูตร้องสั่ง

    ผมเห็นชายตนนั้นไถตัวไปตามพื้นอย่างแรง และมีเสียงสืดสาดดังขึ้นจากการเคลื่อนตัวของเขา
    ลักษณะของชายคนนี้ มีลักษณะอยู่หลายอย่างอันเป็นสิ่งบอกถึงว่าทำกรรมอะไร ชายคนนี้คนเปลือยกายอยู่บนพื้นดินในลักษณะนอนคว่ำราบอยู่กับพื้น เข่าสองข้างขันอยู่กับพื้นเพื่อที่จะคืบคลานไปข้างหน้าตามคำสั่งยมทูต เบื้องหลังของเขามีเท้าของยมทูตเหยียบอยู่บนแผ่นหลังเขา
    หลังจากที่ผมได้ยืนดูสภาพการลงโทษอยู่พักใหญ่ ยมทูตก็ได้เงยหน้าขึ้นมามองผมและรีบทรุดลงนั่งทันทีพร้อมกับถวายบังคมผม
    “ข้าพระพุทธเจ้าขอรับธรรมทานด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ด้วยบารมีพระปกเกล้า ขอถวายบังคับเดชฤทธิ์อิทธิศร ด้วยเกล้าบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมพระพุทธเจ้าข้า”
    ผมรับคำ พร้อมกับบอกเขาว่า “เราต้องการมาสัมภาษณ์วิญญาณบาปที่ตกอยู่ในนรกขุมนี้สักหน่อย”
    “ไปเอาตัววิญญาณนั้นมานี่ซิ ยมทูต” ผมร้องสั่ง
    ยมทูตสององค์ที่คุมการลงทัณฑ์อยู่ได้เดินกลับเข้าไปตามทางที่เดินออกมา และกลับมาพร้อมกับวิญญาณบาปตนหนึ่ง พร้อมกับกล่าวว่า “ข้าพระพุทธเจ้าได้นำวิญญาณตนนี้มาแล้ว พระพุทธเจ้าข้า”
    ผีตนนี้มีชื่อว่า “ผีลามก” ผีตนนี้มีลักษณะสังเกตใหญ่ ๆ ของผีตนนี้คือ มีเลือดไหลเปรอะทั่วบริเวณอวัยวะเพศของเขา อวัยวะเพศของเขายับเยินจนดูไม่เป็นรูปเป็นร่าง ซึ่งพอจะทราบถึงกรรมที่เขาได้ก่อไว้
    “ข้าพระพุทธเจ้าเป็นคนจังหวัด “จันทบุรี” มีอาชีพเป็นพ่อค้ากุ้งอยู่ในตลาด และรับจ้างทำงานทั่วไป แต่ต่อมาลักขโมยของ ๆ นายจ้างจึงถูกไล่ออกมา เขาให้เงินเดือน ๆ ละ สี่ร้อยบาท พร้อมกับอาหาร ทำให้ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีเงินเหลือเก็บ จึงต้องลักขโมยของ ๆ เขาไปขายเอาเงินมาใช้จ่าย ต่อจากนั้นก็ถูกนายจ้างจับได้และแจ้งตำรวจให้จับข้าพระพุทธเจ้าเข้าคุก เมื่อออกมาจากคุก มีความต้องการที่จะแก้แค้นนายจ้างคนนี้ให้ได้ จึงไปดักพบเขาและใช้กำลังบังคับข่มขืนจนสำเร็จแล้วหนีไปด้วยกรรมอันนั้นทำให้ข้าพระพุทธเจ้าต้องพิการตลอดชีวิต เพราะว่ากรรมลักทรัพย์ตอบสนอง และตายด้วยโรคมะเร็งในปอด ศพของข้าพระพุทธเจ้าถูกตำรวจนำไปเก็บรักษาไว้ที่โรงพยาบาลเพื่อรอญาติมิตรมารับไปฌาปนกิจ”
    ผมได้กล่าวต่อไป “เธอยังมีกรรมต้องใช้อีก แต่ด้วยกรรมที่เธอได้สารภาพผิดถึงการกระทำที่เธอได้ทำไว้ในอดีตนั้นได้ช่วยให้เธอไม่ต้องใช้กรรมนั้นอีกต่อไป เธอจงพนมมือขึ้นแล้วกล่าวตามที่เราว่าเถิด”
    “สาธุ ข้าพเจ้าให้คำสัตย์ต่อสวรรค์ว่า ข้าพเจ้าจะขอรักษาพรหมจรรย์ตลอดชีวิตเพื่อชดใช้กรรมที่เคยก่อไว้ในอดีต และจะสร้างบุญกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นที่เดือดร้อน หากข้าพเจ้าผิดคำสัตย์เมื่อใด ขอให้ข้าพเจ้าถูกธรณีสูบด้วยเถิด”
    “ขอให้เธอจงรักษาคำสัตย์ที่เธอให้ต่อสวรรค์ ให้มั่นคง แล้วเธอจะพ้นกรรม”
    ถึง มวลมนุษย์โลก
    “ชีวิตทุกชีวิตมีค่า จงอย่าเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ขอให้รักษาศีลให้มั่น และหมั่นสร้างบุญบารมีเพื่อความหลุดพ้นของตัวท่านเองนั้นเถิด”
    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี
     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันพุธที่ ๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒
    ครั้งที่ ๑๔

    นรกขุม ๘ แดนลงทัณฑ์ ๙

    เบื้องล่างให้พื้นยมโลก มีชายสองคนยืนอยู่พร้อมกับวิญญาณสองตน ชายสององค์นั้นคือ ยมทูตที่ประจำงานอยู่ในเวลานั้น มีวิญญาณสองตนปรากฏอยู่เบื้องล่างกำลังถูกยมทูตเหยียบร่างอยู่
    “โอ๊ย….” วิญญาณหญิงและวิญญาณชายร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด
    “ไอ้สัตว์เดรัจฉาน มึงทำกรรมกับกูไว้ กูก็ต้องทำมึงกลับบ้าง อย่าร้องไปเลยไม่มีใครช่วยมึงได้หรอก” ยมทูตองค์ที่ยืนขวาอย่างโกรธแค้น
    วิญญาณทั้งสองคนนี้กับยมทูตองค์นี้ มีกรรมผูกพันกันมาในอดีต เขาจึงต้องมาชดใช้กรรมจนกว่าจะสิ้นกรรม แล้วจึงจะพ้นจากขุมนรกนี้ได้
    “ยมทูตเธอกำลังทำอะไรอยู่” ผมถาม
    เมื่อยมทูตทั้งสองเห็นผม ก็คุกเข่าลงน้อมกราบผมทันที
    “ข้าพระพุทธเจ้าขอรับธรรมทาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ด้วยบารมีพระปกเกล้า ขอถวายบังคมเดชฤทธิ์อิทธิศร ด้วยเกล้าบารมีปกกระหม่อมพระพุทธเจ้าข้า”
    “เอาหล่ะ เราเชื่อเธอ”
    ผมหันไปมองสัตว์นั้น แล้วพูดว่า “วิญญาณทั้งสองนี้ได้ทำกรรมอะไรไว้หรือ จึงต้องลงโทษเช่นนั้น”
    “หญิงชายคู่นี้เคยร่วมกันกลั่นแกล้งข้าพระพุทธเจ้าไว้ในอดีตชาติ เขาทั้งสองเป็นญาติพี่น้องของข้าพระพุทธเจ้าคนหนึ่งเป็นพี่เขย อีกคนหนึ่งเป็นน้องสะใภ้ในชาติก่อน แต่ในชาติที่เกี่ยวพันกันกับยมทูตนี้ หญิงผู้นี้ได้กลับชาติมาเป็นหญิงภรรยาของยมทูต แต่ด้วยกรรมเก่ายังไม่หมด พวกเขาได้ก่อกรรมขึ้น ทำให้ยมทูตองค์นี้เกี่ยวพันกับชีวิตเขาอีกด้วยในชาตินี้ พวกเขาทั้งสองได้ร่วมกันโกงทรัพย์ของข้าพระพุทธเจ้าไป และได้ใช้ให้คนอื่นมาทำร้ายข้าพระพุทธเจ้าอีก ลูกเมียของข้าพระพุทธเจ้าก็ถูกเขาแกล้งต่างๆ นา ๆ เขาผู้นี้ (ยมทูตชี้ไปยังผู้ชายที่นอนอยู่) เป็นโรคปอดบวมตายเมื่อสิ้นปีที่แล้ว ส่วนหญิงผู้นี้เขาตายลงด้วยกระสุนปืนฝังในสมองพระพุทธเจ้าข้า”
    “เราอยากพบผู้คุมขุมนรกนี้ ไปตามเขามาพบเราสักหน่อย บอกเขาว่ามีคนมาหา ให้มาพบด่วน”
    “รับด้วยเกล้าพระพุทธเจ้าข้า” ยมทูตองค์หนึ่งรับคำพร้อมกับจากไป
    ผมถามยมทูตองค์ที่เหลืออยู่ “พวกเขาทั้งสองรับกรรมมานานเท่าไหร่แล้ว”
    “วิญญาณทั้งสิงนี้รับกรรมสองเดือนแล้วพระพุทธเจ้าข้า”
    เวลาผ่านไปชั่วครู่ ยมทูตที่แยกตัวออกไปได้กลับมาพร้อมกับชายคนหนึ่ง ผู้ที่มาใหม่นี้มีรูปร่างกายไม่เหมือนกับชายทั่วไป แต่มีสภาพกายเหมือนกับชายทั่วไปที่มีหน้าที่เบื้องบน บนสวรรค์
    “ข้าพระพุทธเจ้า ไชยราช “ ขอน้อมกราบถวายบังคม ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ บารมีปกเกล้าปกกระหม่อม พระพุทธเจ้าข้า” แล้วเขาก็เอามือจรดที่หน้าผาก
    “ข้าพระพุทธเจ้ารับหน้าที่ดูแลขุมนรกแดนนี้ พระพุทธเจ้าข้า”
    ที่เรามานี่ ก็เพื่อสัมภาษณ์วิญญาณบาปตามคำบัญชาของเบื้องบน หากวิญญาณตนใดให้การสัมภาษณ์ถึงกรรมนั้นด้วยความจริงแล้ว เมื่อตรวจสอบบัญชีกรรมตรงกันกับความจริงที่สัตว์ตนนั้นได้กล่าวแล้ว ก็ให้สิทธิ์ที่จะช่วยสัตว์ตนนั้นไปได้โดยไม่ผิด”
    “เอาบัญชีกรรมของวิญญาณทั้งสองมาให้เราดูหน่อยซิ”
    แล้วเขาก็ได้อธิษฐานเพื่อขอรับบัญชีกรรมจากสวรรค์มาดู ฉับพลันนั้นก็มีบัญชีกรรมสองฉบับปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา แล้วเขาก็นำมอบให้กับผมด้วยความเคารพ
    “วิญญาณทั้งสองนี้ ในอดีตเคยทำกรรมเอาไว้กับยมทูตองค์นี้ เมื่อก่อนชายคนนี้เคยเป็นพ่อค้าขายปลาและได้ยืมเงินของยมทูตองค์นี้ไปแล้วไม่ใช้คืน ส่วนหญิงคนนี้ อดีตเคยเป็นโสเภณีมาก่อน แล้วหลอกให้ยมทูตองค์นี้เชื่อว่าหล่อนเป็นหญิงบริสุทธิ์และจะแต่งงานด้วย ถ้าเขามีเงินเป็นค่าสินสอด สามหมื่นบาท เมื่อแต่งกันแล้วจะคืนเงินค่าสินสอดให้ แต่ก็พยายามหลบเลี่ยงตลอดมา จนกระทั่งชายผู้นี้เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตเขาทำให้ครอบครัวของยมทูตองค์นี้แตกแยกกัน หญิงชายสองคนนี้ได้แอบเป็นชู้กัน เมื่อยมทูตองค์นี้รู้เข้าก็ตามล่าตัวชายคนนี้ให้รับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น จนพบและนำตัวมาตกลงกัน แต่ชายคนนี้ไม่ยอมจึงเกิดการเถียงกันขึ้น ฝ่ายชายคนนี้ก็พาหญิงคนนี้หลบหนีไป ทำให้ยมทูตองค์นี้ช้ำใจมากจึงกินยาฆ่าตัวตาย แต่ไม่ตาย ในครั้งที่สองเขาแอบซื้อยานอนหลับมากินจนตาย แล้วกลับมารับหน้าที่ยมทูตเหมือนเดิม พระพุทธเจ้าข้า”
    ผมหันไปถามวิญญาณบาปทั้งสองเพื่อต้องการสอบถามความจริงจากเขา
    “พวกเธอได้กระทำกรรมดังที่ยมทูตว่ามาจริงหรือไม่”
    “ข้าพระพุทธเจ้ากระทำจริง พระพุทธเจ้าข้า” วิญญาณผู้ชายตอบกับผม
    “เกล้าหม่อมฉันกระทำตามนั้นจริงทุกประการ เพคะ” หญิงตนนั้นตอบบ้าง
    “เมื่อเธอทั้งสองรับสารภาพว่ากระทำจริง เราก็จะช่วยให้เธอทั้งสองได้พ้นกรรมไปจากขุมนรกนี้ แต่ก่อนไปเธอจงกล่าวคำสัตย์ว่าจะไม่ปฏิบัติกรรมเช่นเดิมอีก เพื่อเป็นสิ่งหลักฐานยืนยันต่อยมโลกว่าเธอจะไม่กระทำบาปดังเก่าอีก”
    เมื่อผีพวกนั้นรับคำ ผมก็นำพวกเขากล่าวคำให้สัตย์ต่อสวรรค์
    “สาธุ ข้าพเจ้าขอให้คำสัตย์ต่อสวรรค์ว่า ข้าพเจ้าจะขอกลับเนื้อกลับตัวเสียใหม่ ไม่ประพฤติตนดังเช่นเดิมอีก หากข้าพเจ้าผิดคำสัตย์นี้ ขอให้ข้าพเจ้าตายด้วยโรคภัยสิ้นชีพอย่างอนาถด้วยเถิด” ผีทั้งสองจรดมือขึ้นสู่หน้าผาก
    “เราขอเธอทั้งสองกราบขออโหสิกรรมกับยมทูตองค์นี้ด้วย

    หญิงชายทั้งสอง ก็หันไปหายมทูตและกราบลงแทบเท้ายมทูต
    “ท่านยมทูต ครับ/คะ ผม/ดิฉัน กราบขออโหสิในบาปกรรมที่ได้เคยล่วงเกินท่านมา บัดนี้ ผม/ดิฉัน สำนึกผิดแล้ว ขอท่านยมทูตโปรดอโหสิกรรมให้แก่เราทั้งสองด้วยเถิด”
    ยมทูตมือขวาขึ้นเสมอระดับอก แล้วกล่าวว่า “เราขออโหสิกรรมให้พวกเธอทั้งสองจ๊ะ”
    ผีทั้งสองก้มกราบลงแทบเท้ายมทูตแล้วร้องไห้
    “เธอทั้งสอง จงรักษาคำสัตย์นั้นให้ตลอด และประพฤติตัวเสียใหม่ ไม่สร้างบาปกรรมกับใครอีก แล้วเธอจะพ้นกรรมนั้นเอง”
    ผมกลับขึ้นสู่โลกมนุษย์
    “สรรพสัตว์ทั้งหลาย”
    เธอจงรู้ไว้เถิดว่า ศาสนาทุกศาสนานั้นสอนคนให้เป็นคนไม่ทำความชั่ว สวรรค์ นรก นั้นมีจริง ใช่ว่าเป็นเรื่องแต่งขึ้นมาเพื่อหลอกมนุษย์ไม่ฉะนั้น ขอให้ทุกคนจงกระทำแต่กรรมดี ละเว้น กรรมชั่ว สวรรค์ นิพพานนั้นอยู่ไม่ไกลเกินตัว จงหมั่นสร้างบุญบารมีเพื่อความหลุดพ้นของตัวท่านเอง”
    หลวงปู่ทวดโพธิสัตโต
    “อดีตชาติ เคยทำกรรมไว้เช่นไร ปัจจุบันชาติก็จะรับผลเช่นนั้น”
    ท้าวมหาพรหมเมตไตย
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒
    ครั้งที่ ๑๕
    นรกขุม ๘ แดนน้ำวน
    ผมยืนอยู่ข้าง “สระน้ำวน” ในยมโลก ในสระนั้นมีวิญญาณหลายตนลอยอืดอยู่ในน้ำ สภาพร่างกายของแต่ละตนอืดพองน้ำด้วยกันแทบทั้งนั้น สภาพร่างกายที่เหม็นเน่าเฟะ ได้ส่งกลิ่นโชยออกมาอย่างรุนแรง วิญญาณแมลงวันต่างก็รุมตอมแทบไม่มีที่ว่าง
    สายน้ำในสระนี้ถูกควบคุมด้วยเครื่องกรรมอันมีอยู่ในยมโลก มีสายโยงอยู่ใต้ดิน อาศัยแรงดันจากโลกเป็นตัวควบคุม ทำให้น้ำในสระนี้หมุนวนอยู่ตลอดเวลา ณ ขอบสระมียมทูตหลายองค์ยืนควบคุมการลงทัณฑ์อยู่ในสระอันกว้างใหญ่มีผิวดินโผล่ขึ้นกลางน้ำ เรียกว่า “เกาะกลางน้ำ” โผล่ขึ้นมา ซึ่งเป็นที่เกาะของเหล่าวิญญาณนกกาที่มาถูกใช้กรรมในยมโลกด้วยเหมือนกัน วิญญาณเหล่านี้จะถูกใช้กรรมให้กัดกินซากสัตว์ด้วยกันจนสิ้นชีพแล้วจึงจะเปลี่ยนภพไปเกิดในรูปกายอื่น นกที่เกาะอยู่นี่มีชื่อว่า “นกแร้งปากเหล็ก”
    วิญญาณที่ลอยอยู่ในน้ำมีชื่อว่า “ผีลอยน้ำ” ผมดูจากป้ายที่แขวนคอผีบอกเอาไว้เป็นภาษาคูโบ้ต แต่ผมแปลเป็นภาษาไทยได้ความว่าดังนั้น ป้ายนี้จะถูกแขวนไว้ที่คอผีจนกว่าจะถูกเอาออกโดยยมทูต ที่เอาป้ายมาแขวนคอผีพวกนี้ไว้ก็เพื่อว่า จะให้มนุษย์ที่ลงมาในยมโลกได้แจ้งในชื่อของผีและเข้าใจว่าผีตนนี้มีกรรมอะไร ได้ไปเกิดเป็นอะไร เนื่องจากผลกรรมอะไร นี่เป็นความหมายของการให้ป้ายแขวนคอผีเอาไว้
    เหนือหน้าผากขึ้นไปหนึ่งนิ้ว มีเครื่องหมายภาษาคูธัมบอกเอาไว้เป็นเครื่องหมายสามสี บอกถึงชื่อของเปรตผีตนนั้น และมีเครื่องหมายสามขีดบ่งบอกถึงนรกที่อยู่ของเปรตผีตนนั้น
    ผมดูวิญญาณพวกนั้นอยู่ชั่วครู่ ก็ได้มียมทูตสององค์เดินเข้ามาหาผมแล้วกล่าวคำถวายบังคมโดยพร้อม
    “ข้าพระพุทธเจ้าขอรับธรรมทาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ด้วยบารมีพระปกเกล้า ขอถวายบังคมเดชฤทธิ์อิทธิศร ด้วยเกล้าบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมพระพุทธเจ้าข้า”
    ผมถามต่อว่า “วิญญาณพวกนี้ได้รับกรรมด้วยผลกรรมใดหรือ ยมทูต”
    “วิญญาณพวกนี้ได้เคยฆ่าสัตว์น้ำด้วยการใช้เครื่องมือทันสมัย พระพุทธเจ้าข้า”
    ผมหันไปมองทางสระน้ำ เห็นวิญญาณตัวหนึ่งกำลังลอยมาหาฝั่ง จึงให้ยมทูตไปนำตัววิญญาณบาปมา ยมทูตทั้งสองเข้าไปเอาผีตัวนั้น ด้วยการทำบ่วงบาศก์ขึ้นแล้วขว้างไปที่ร่างของผีตนนั้น
    สักพัก ผีตัวนั้นก็ได้ขึ้นมาบนฝั่ง ผีตัวนั้นมีความรู้สึกอย่างช้า ๆ และลืมตาดูรอบ ๆ อย่างงงงัน ยมทูตก็ได้ปลุกวิญญาณตนนั้น และนำตัวเข้ามาหาผม วิญญาณตนนั้นอยู่หน้าผม
    “ชาติก่อน ข้าพระพุทธเจ้ามีอาชีพเป็นคนจับปลาทะเล ได้เคยฆ่าสัตว์มากมาย เมื่อก่อนข้าพระพุทธเจ้าใช้อวนเป็นเครื่องมือจับ แต่ภายหลังเปลี่ยนมาใช้วิวัฒนาการของโลกที่ทำขึ้นเพื่อให้จับได้ง่าย โดยใช้ระเบิดสังหารชีวิตสัตว์น้ำในน้ำจนตาย”
    ภาพกรรมต่าง ๆ นั้นได้ถูกบันทึกโดยยมทูตที่อยู่รักษาตัวเรา นับตั้งแต่เราเกิดมาจะมียมทูตคอยอยู่รักษาตัวเราอยู่เสมอ ในยามค่ำคืนจึงนำภาพต่าง ๆ เหล่านั้นมาสู่ยมโลกแล้วบันทึกบาปกรรมนั้นในสมุดภาพ ฉะนั้นใครก็ตามที่คิดว่าเรากระทำกรรมอะไร ไม่มีใครรู้ใครเห็น ขอบอกให้ทราบไว้เลยว่า ยมทูตนั้นเห็นการกระทำของเราทั้งหมด ไม่มีใครหลีกเลี่ยงกฎข้อนี้ไปได้
    “เราต้องการรู้ว่า มีใครให้อาหารใดเป็นอาหารแก่เธอ และเป็นสิ่งใด”
    “ข้าพระพุทธเจ้าได้รับขี้หนึ่งก้อนเป็นอาหารกินผสมกับน้ำเยี่ยวหนึ่งขันในวัน ๆ หนึ่ง ข้าพระพุทธเจ้าจะได้รับห้าหนพระพุทธเจ้าข้า และยมทูตผู้เป็นเจ้าของคดีของข้าเป็นผู้ให้ข้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าข้า”
    “เราต้องการรู้ว่า เธอชดใช้กรรมนี้มาเป็นเวลากี่ปีแล้ว”
    “ข้าพระพุทธเจ้าได้รับกรรมนี้มาเป็นเวลาสามสิบปี พระพุทธเจ้าข้า”
    “เมื่อเธอได้พูดถึงความจริงที่เธอได้กระทำไว้ในยมโลก และได้สารภาพบาปกรรมดังกล่าวกับเราโดยความจริงเราก็จะช่วยเธอ”
    “คำกล่าวต่อไปนี้ เธอจงกล่าวตามเราเถิด”
    “สาธุ ข้าพเจ้าขอให้คำสัตย์ต่อสวรรค์ว่า ข้าเจ้าจะขอรักษาศีล ปฏิบัติธรรม เพื่อใช้หนี้กรรมที่ได้เคยก่อไว้กับวิญญาณต่าง ๆ เจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า และถ้าข้าพเจ้าผิดคำสัตย์ที่ให้ต่อสวรรค์ในครั้งนี้แล้ว ขอให้ข้าพเจ้าตายดั่งเช่นสัตว์ที่ข้าพเจ้าได้เคยฆ่ามาแล้วนั้นเถิด”
    ทางขวาของผมองค์หนึ่งยืนถือบัญชีกรรมเล่มหนึ่งอยู่ พรหมองค์นี้คือ “ท้าวเนมิกราช” รับหน้าที่รักษาบัญชีกรรมของวิญญาณบาปที่ตกนรกขุมนี้ และคอยตรวจสอบกรรมที่พวกวิญญาณบาปตนนี้พูดออกมาว่าตรงกันกับบัญชีที่บ่งไว้หรือไม่
    ผมมองไปที่ชายคนนั้น และได้ทราบถึงบาปกรรมที่เขาได้ก่อขึ้นแล้วกล่าวกับเขาว่า “เรารู้แล้ว”
    ชายผู้นี้ได้เคยข่มขืนผู้หญิงสามคน เป็นหญิงหม้ายหนึ่งคน หญิงวัยกลางคนหนึ่งคน และหญิงวัยรุ่นหนึ่งคน
    “เราอยากทราบว่าเธอได้กระทำกรรมตามนั้นจริงหรือไม่ หากจริงจงกล่าวว่าจริง หากไม่จริงก็ขอให้กล่าวว่าไม่จริง จำไว้อย่าโกหก”
    ชายผู้นั้นบอกกับผมว่า “จริงพระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้ากระทำกรรมตามนั้นจริง”
    ผมได้บอกกับวิญญาณตนนั้นว่า “เราได้ดูบัญชีกรรมของเธอ ที่ได้บ่งไว้ถึงกรรมที่เธอได้ทำไว้ในอดีตของเธอไว้อย่างละเอียด เราได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเธอยังมีกรรมที่ต้องชดใช้อยู่อีกสองขุมนะ แต่ด้วยกรรมดังกล่าวที่เธอให้สัมภาษณ์ถึงบาปกรรมที่เธอได้กล่าวมาทั้งหมด เราจะให้เธอพ้นทุกข์ในวันนี้ เอาหล่ะเตรียมพนมมือขึ้นแล้วว่ากล่าวตามเรา”
    “สาธุ ข้าพเจ้าขอให้คำสัตย์ต่อสวรรค์ ข้าพเจ้าจะไม่กินเนื้อปลาทะเลอีกต่อไป หากแม้ข้าพเจ้ากระทำผิดคิดกระทำบาปดังเช่นคำที่ข้าพเจ้าได้เคยลั่นเอาไว้ ขอให้ข้าพเจ้าตายอย่างสิ้นสติเต็มสมบูรณ์”
    สัตว์ตนนี้ได้ไปเกิดเป็นคนพิการ ด้วยกรรมที่เขาได้ทำไว้กับหญิงสาวทั้งสาม
    ผมได้หันไปบอกกับยมทูตว่า “นำตัววิญญาณเจ้ากรรมนายเวรที่ผูกพันกับชายตนนี้มานี่ซิ ยมทูต”
    ยมทูตก็ได้หันหลังกลับไป สักครู่ก็กลับมาพร้อมกับวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรกลุ่มหนึ่ง มีวิญญาณที่เป็นร่างเดิมในร่างมนุษย์เดินมาอยู่มากมายที่ขาของเขามีโซ่ตรวนผูกติดอยู่มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มีวัยต่าง ๆ กันไป ที่ป้ายบอกชื่อกันทุกคน บางชื่อมีชื่อบนป้ายว่า “ปลาหมึก” “ปลา” เป็นต้น
    ผมได้ถามเจ้ากรรมนายเวรว่า “พวกเธอจำได้ไม๊ว่าชายคนนี้เป็นใคร”
    เมื่อผมถามเสร็จวิญญาณดังกล่าวก็ได้มองหน้าชายตนนั้นแล้วกล่าวขึ้นว่า “พวกผมจำไม่ได้ขอรับ”
    “เอาหล่ะ เราจะคืนสติให้กับเธอ เธอจงพ้นกรรมนั้นเถิด”
    เมื่อคลายฤทธิ์เสร็จ วิญญาณหลายตนกลับจำขึ้นมาได้และร้องตะโกนขึ้นมาว่า “ฆ่ามัน มันฆ่าพวกเรา เอาเลยเว้ยพวกเรา” เสียงตะโกนดังขึ้นทุกที
    สักพักเสียงดังนั้นก็เงียบลงด้วยการปรามของยมทูต ผมกล่าวขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ
    “เราได้ตามวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรของเธอมาแล้ว ขอให้เธอจงกราบขออโหสิกรรมกับพวกเขาเสีย กรรมนั้นจะได้สิ้นสุดกัน” ผมกล่าวกับผีลอยน้ำ
    ผีลอยน้ำตนนั้นได้พนมมือขึ้นไหว้ผีทั้งหมดแล้วกล่าวว่า “กรรมอันใดที่เราได้เคยสร้างกรรมกันไว้กับพวกท่าน ขอให้ท่านทั้งหลายในอดีต ด้วยเจตนากรรมที่จะนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินเพื่อยังชีพ แต่อาศัยซากสัตว์ของท่านอันเป็นเวรกรรมซึ่งกันและกัน มาบัดนี้เรากราบขออโหสิกรรมกับท่านทั้งหลายเถิด”
    มีวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรบางตัวยอมที่จะอโหสิกรรม แต่มีบางตัวไม่ยอมกลับโกรธแค้นยิ่งขึ้น วิญญาณที่อยู่ข้าง ๆ ก็ช่วยปรามและอธิบายให้ฟังถึงเหตุผลที่จะไปเกิดใหม่ให้วิญญาณตนนั้นฟัง และจึงได้สงบลง
    “เราขออโหสิกรรมให้กับท่าน กรรมอันใดในอดีตที่ได้เคยล่วงเกินกันมา เราทั้งหลายยินดีอโหสิกรรมให้แก่ท่าน ขอให้ท่านจงสำนึกบาปและจงอย่ากระทำก่อบาปกรรมกับเพื่อนของเราอีก”
    “เมื่อเธอทั้งสองมีจิตอภัยให้กันและกันแล้ว เราก็ขออวยพรให้พวกเธอทั้งสองจงมีสุขเกษมในภพใหม่นั้นเถิด”
    “มนุษย์ทั้งหลาย…”

    เราได้มรณะทิ้งสังขารจากโลกมนุษย์มานานแล้ว แต่ยังมีจิตห่วงในชนชาติไทยทุกท่าน แสงสว่างเบื้องหน้านั้นคือพระรัตนตรัย จงยึดมั่นไว้เป็นที่พึ่งเถิดแล้วจะพ้นทุกข์ทั้งสิ้นสู่แดนนิพพาน
    สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์)
     
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันศุกร์ที่ ๑๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒
    ครั้งที่ ๑๖
    นรกขุม ๑๗ แดนไอร้อน
    เปลวเพลิงลุกโชนขึ้นอย่างแรงกล้า แผ่เปลวร้อนออกรอบตัว มีเสียงร้องของวิญญาณหลายตัวดังขึ้นอย่างโหยหวน รอบ ๆ กองไปอันแรงกล้านั้น มีหลักไม้ปักขึ้นอยู่หลายหลัก หลักแต่ละหลักมีวิญญาณถูกมัดติดอยู่กับหลักนั้นหลายตน แต่ละตนอยู่ในสภาพเปลือยกาย แต่ละตนดิ้นรนที่จะหลุดหนี ยมทูตก็ใช้หอกแทงไปตามร่างวิญญาณพวกนั้นจนหยุดร้องล้มพับลงกับต้นไม้ ผีพวกนี้มีชื่อว่า “ผีลอยฟ้า” วิญญาณพวกนี้จะต้องถูกอังไฟอยู่กับไฟตลอดเวลา
    ผมยืนมองอยู่สักครู่ ก็มียมทูตสององค์เดินเข้ามาหาผม แล้วกล่าวว่า
    “ข้าพระพุทธเจ้าขอรับธรรมทาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ด้วยบารมีพระปกเกล้า ขอถวายบังคมเดชฤทธิ์อิทธิศร ด้วยเกล้าบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมพระพุทธเจ้าข้า”
    “ยมทูต ผีพวกนี้กระทำกรรมอะไรไว้หรือ จึงต้องมารับกรรมเช่นนี้”
    “ผีพวกนี้ ชาติก่อนเป็นขโมยลักทรัพย์สินชาวบ้าน พระพุทธเจ้าข้า”
    “ยมทูต ไปนำตัววิญญาณบาปมานี่หน่อยซิ เราต้องการรู้ว่าเขากระทำกรรมอย่างไร จากปากของเขา”
    “พระพุทธเจ้าข้า” ยมทูตรับคำ
    ยมทูตก็ได้หายไป และกลับมาพร้อมกับวิญญาณบาปตนหนึ่งมาคุกเข่าต่อหน้าผม
    “เธอจงเล่าความจริงไป ว่าทำกรรมอย่างไรจึงมีกรรมภาพอยู่เช่นนี้ ในนรกขุมนี้จ๊ะ”
    “ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายบังคม ตามยมทูตด้วยพระพุทธ เอ่อ…” เขาเอ่ออึ้งด้วยความงง
    ยมทูตกล่าวว่า “มึงไม่ต้องกล่าวตามกูหรอก”
    “ยมทูต ปล่อยเขาเถอะ เขาอยากถวายบังคมเราก็ให้เขาทำ เธอคอยชี้แนะเขาว่าเป็นอย่างไรจึงถูกต้องตามความจริงเถอะ”
    และเขาก็เงยหน้าขึ้นมองผมอีกครั้งแล้วกล่าวว่า “ข้าพเจ้าไม่อาจกล่าวได้ แต่จำได้จากยมทูตที่นำมาพูดเมื่อกี้ จึงได้กล่าวตามไปอย่างเคร่งเครียดและไม่เข้าใจความหมายเท่าใด แต่ก็พูดไปเท่าที่จำเสียงได้ พระพุทธ…” เขายกมือไหว้ผม
    ผมยิ้มให้แล้วตอบว่า “ขอให้กรรมนั้นจงทำให้เธอสงบสุขในภพภูมิอันประเสริฐเถิดจ๊ะ สัตว์โลก เราต้องการโปรดสัตว์ในชาตินี้ให้พ้นทุกข์ ขอให้เธอจงกราบเราแล้วกล่าวว่า ขอถวายบังคมอย่างล้ำลึกยิ่งและประเสริฐล้ำ ด้วยความเคารพที่สุด ขอให้เธอจงพูดตามนี้เถอะ”
    และสัตว์ตนนั้นก็ได้พูดตามนี้ด้วยเสียงอันราบเรียบ เมื่อกล่าวกรรมดังกล่าวแล้ว ผมได้บอกเขาว่า “เธอจงบอกมาเถิดว่า ทำกรรมอย่างไรจึงมีกรรมภาพอยู่เช่นนี้ในเวลานี้”
    “ข้าพเจ้า เอ๊ย ข้าพระพุทธเจ้า (เขายกมือไหว้ผมอีกครั้งเพื่อขอโทษ) (เขาพยักหน้าและกล่าวต่อไป) ขอตอบไปตามความจริงที่ได้กล่าวมา ทุกคำที่ข้าพระพุทธเจ้าจะพูดเป็นความจริงทุกอย่าง พระพุทธ…จ…”
    “เมื่อก่อน ตัวข้าได้ก่อกรรมไว้อย่างหนึ่ง และทำให้ข้าพเจ้า (เขาค่อย ๆ พูดได้) ต้องรับกรรมนั้นอยู่ในเวลานี้ ดังที่ข้าพระพุทธเจ้าจะพูดต่อไป (เขายังพูดผิดอยู่ตามเคย) เมื่อก่อนตัวข้า (เขากลับสู่คำเดิมอีกครั้ง) เป็นคนหาเช้ากินค่ำ หาเลี้ยงตัวไปวัน ๆ แต่จำนวนที่หาเลี้ยงมาไม่พอกิน จึงต้องหาทางด้วยการดังจี้ปล้นชาวบ้านที่เดินผ่านไปมา จำนวนรายได้ที่ได้ก็ดีพอสมควร และกระทำมาเรื่อย จนถูกตำรวจจับได้และถูกนำตัวส่งเข้าคุกในเมืองมนุษย์ เมื่อพ้นคุกออกมาก็ได้ประพฤติตนเช่นเดิมอีก วันหนึ่งทำการปล้นบ้านของชายผู้หนึ่ง แต่เจ้าของบ้านไหวตัวรู้ทันจึงยิงข้าพระพุทธเจ้าเสียชีวิต เมื่อตายลงก็ถูกยมทูตนำตัวข้ามาคุมขังและได้รับการตัดสินให้รับกรรมมาใช้โทษอยู่ในนรกนี้เป็นเวลานาน”
    ผมหันไปทางยมทูต และบอกให้เขาไปเอาตัววิญญาณตนหนึ่งมา สักพักเขาก็นำตัววิญญาณตนหนึ่งมาแล้วเขาก็คุกเข่าต้อหน้าผม แล้วกล่าวว่า
    วิญญาณตนนี้เป็นวิญญาณชายมีอายุประมาณสี่สิบกว่าปี เส้นผมหงอกขาวแล้วบางเส้น และผิดหนังตามตัวมีแผลพุพองอยู่ตามตัว
    “ผมขอถวายบังคมท่านครับ ผมเป็นมนุษย์ ไม่รู้คำราชาศัพท์ที่จะกล่าวขอท่านอย่าได้โกรธหรือโทษกระผมเลยขอรับ” เขากล่าวด้วยคำไทย ๆ
    “อืม (ผมทำเสียงในคอ) เราเข้าใจเธอ เธอจงพูดตามความเข้าใจของเธอเถอะ”
    “เราอยากรู้ว่าเธอทำกรรมอะไร จึงได้รับกรรมเช่นนี้”
    “ตัวผมเป็นคนจังหวัด “เชียงราย” มีอาชีพเป็นคนรับส่งฝิ่นและเฮโรอีนให้กับบุคคลที่ซื้อ เมื่อได้เงินมาก็นำไปใช้ทำอย่างนี้ทุกครั้งจนมีฐานะอยู่ในขั้นดี และมีลูกน้องติดตามมากมาย พวกตำรวจก็เกรงใจ ตัวผมก็ยึดเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัวมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของผู้อื่นมานานหลายปี จนในช่วยหนึ่งของชีวิตผมเป็นโรคไตและเสียชีวิตลงด้วยโรคเรื้อรัง เมื่อตายลงก็ถูกท่านยมทูตนำตัวมาขังรอท่านพญายมตัดสินและถูกให้มารับโทษอยู่ในนรกขุมนี้เจ็ดสิบปี ขอรับ”
    ผมหันไปถามความยมทูตว่า ความนั้นเป็นความจริงหรือไม่
    ยมทูตตอบว่า “ชายผู้นี้ปิดบังความจริง ไม่ถูกถึงความชั่วที่ก่อไว้บนโลกมนุษย์บางอย่าง พระพุทธเจ้าข้า”
    เมื่อผีตนนั้นได้กล่าวเท็จ ผมจึงได้สั่งลงโทษด้วยความจำเป็น ด้วยเจตนาที่จะสอนให้รู้จักความถูกต้องในกรรม
    ยมทูตกลับร่างไปหาชายคนนั้น แล้ใช้มือตบลงบนใบหน้าของผีตนนั้น จนฟันซี่หนึ่งหลุดออกจากปาก
    ผมหันไปทางผีตนแรก และได้ถามว่า “เธอได้ทำกรรมอะไรไว้อีกหรือไม่”
    ผีตนนั้นแสดงความตกใจออกมา แล้วตอบว่า “ข้าพระพุทธเจ้ามีกรรมชั่วบางอย่างที่ยังไม่ได้บอก ชาติก่อนข้าพระพุทธเจ้าได้เคยสร้างกรรมเอาไว้กับญาติผู้น้องคนหนึ่ง เมื่อสมัยวัยรุ่นได้เคยขโมยสร้อยทองคำสองเส้นของน้องไปจำนำและไม่ได้คืนให้เขา เขาไปฟ้องพ่อของข้าพระพุทธเจ้า ๆ ถูกพ่อลงโทษ ด้วยความเจ็บใจจึงขโมยเงินของพ่อแล้วหนีออกจากบ้านมาหากินเป็นโจรลักเล็กขโมยน้อย”
    ผมหันไปถามผีตัวที่สองว่า “แล้วเธอหล่ะ ได้ทำกรรมอะไรไว้อีก”
    เขาตอบด้วยความตกใจอย่างยิ่ง “ชาติก่อน ข้าพระพุทธเจ้ายังได้เคยเอาเงินของเพื่อไปใช้จ่ายโดยมิได้บอกเขา เมื่อเพื่อนถามก็ทำแกล้งไม่รู้ไม่ชี้ และยังเคยข่มขืนคนใช้ของข้าพระพุทธเจ้าเอง แล้วไล่เขาออกจากบ้านไป”
    “เมื่อเธอทั้งสองสำนึกผิด สวรรค์ก็จะช่วยเธอให้พ้นจากนรกนี้ไป แต่เธอต้องให้คำสัตย์กับสวรรค์ก่อนว่า จะไม่ประพฤติตนเช่นนี้อีก เอาหล่ะ เธอจงพนมมือขึ้นแล้วกล่าวตามเรา”
    “สาธุ ข้าพเจ้าขอให้คำสัตย์ต่อสวรรค์ว่า ข้าพเจ้าจะประพฤติตนเสียใหม่ จะละทิ้งนิสัยเดิมไม่ก่อกรรมชั่วอีก ถ้าหากข้าพเจ้าผิดคำสัตย์นี้ ขอให้ข้าพเจ้าทั้งสองตายดั่งหอกเล่มนี้เถิด”
    หอกข้างกายผมเล่มหนึ่งได้หักลงด้วยฤทธิ์
    “ยมทูต นำตัวชายสองคนนี้ไป “แดนบัญชีขุม แล้วนำตัวส่งต่อให้พญายมเถอะ”
    กลับหวนคืนสู่โลกมนุษย์
    “มนุษย์ทุกคน จงคิดสร้างสรรค์แต่กรรมดี อย่าประกอบกรรมชั่ว แล้วจะพบทางสวรรค์นั้นแล”
     
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันเสาร์ที่ ๑๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒
    ครั้งที่ ๑๗
    นรกขุม ๖ แดนลงทัณฑ์ ๗ (คดีโกงทรัพย์)
    ผมยืนอยู่หน้าถ้ำแห่งหนึ่งบนยมโลก ถ้ำนี้มีชื่อว่า “ถ้ำรูหนีบ” มีรูขนาดใหญ่พอควร อยู่เหนือผนังถ้ำ รูนี้จะขยายตัวหดตัวหนีบเข้าหนีบออกได้เอง ช่องรูแต่ละช่องจะมีตัวเลขเขียนด้วยสีแดงติดอยู่ตามผนังถ้ำ
    ข้างทางนั้นมียมทูตสององค์นำตัววิญญาณผู้หญิงตนหนึ่งผ่านมา
    เสียร้องโวยวาย “ไม่ไป ไม่ไป…”
    ยมทูตทั้งสองได้มายืนตรงหน้าผมแล้วบอกว่า
    “ข้าพระพุทธเจ้าขอรับธรรมทาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ด้วยบารมีพระปกเกล้า ขอถวายบังคมเดชฤทธิ์อิทธิศร ด้วยเกล้าบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมพระพุทธเจ้าข้า” ข้าพระพุทธเจ้าทั้งสองขอถวายบังคม
    “วิญญาณหญิงตนนี้ได้กระทำกรรมใดไว้หรือ จึงได้พามาที่นี่”
    ยมทูตตอบว่า “หญิงคนนี้ ในอดีตเป็นหญิงขายบริการอยู่ในสถานที่ผู้ชายเข้าไปใช้เงินและหาความสุข และได้เป็นภรรยาน้อยของชายคนหนึ่ง มีอาชีพเป็นผู้รักษาสันติราษฎ์ในจังหวัดนครราชสีมา พระพุทธเจ้าข้า”
    “เราอยากรู้ว่า กรรมนั้นมีสภาพเช่นไร”
    “ชาติก่อนหญิงตนนี้ ทำตัวเป็นหญิงแพศยามั่วผู้ชายไม่เลือก ทำให้ผัวเมียต้องแตกแยกกัน กรรมชั่วอันนั้นทำให้เธอต้องรับโทษให้หนอนกัดกินเนื้อ เมื่อหมดโทษก็ต้องไปเกิดเป็น “เปรตลามก” พระพุทธเจ้าข้า”
    “จัดการเอาวิญญาณตนนี้ไปรับโทษก่อน เราต้องการดูว่าสัตว์ตนนี้มีกรรมเช่นไรในนรกนี้”
    ผมให้ความสนใจกับวิญญาณในถ้ำนั้น ด้วยความสนใจว่าบาปใดทำให้เขาต้องรับกรรมอยู่เช่นนี้ และผมบอกให้ยมทูตนำตัววิญญาณบาปตนหนึ่งมา เป็นวิญญาณที่รับโทษนานที่สุดในนั้น เพื่อให้สัตว์ตนที่ได้รับโทษก่อนได้หลุดพ้นก่อนแต่ก็ไม่เสมอไป
    ยมทูตก็ได้นำวิญญาณตนหนึ่งมาให้ผม และกล่าวว่า “ข้าพระพุทธเจ้าทั้งสองได้นำตัวชายตนนี้มาเพื่อขอกราบถวายบังคมน้อมเข้าเฝ้า ด้วยเดชพระคุณเจ้ายิ่งแล้ว พระพุทธเจ้าข้า”
    รูปร่างของผีตนนี้เป็นผีผู้ชาย รูปร่างผอมลีบลำตัวผอมบางจนมองเห็นซี่โครงบางซี่ ผิวหนังลีบบางติดตัวเมื่อมองดูแล้วเหมือนใบไม้ลอยได้มากกว่า ตามที่ผมคิดยมทูตได้หอบหิ้วปีกแขนชายตนนี้เข้ามาหาผมชื่อของผีตัวนี้ “ผีรูมืด” ผมดูสายตาของผีตนนี้คล้าย ๆ กับพร่ามัวแสงอยู่พักใหญ่
    ผมถามวิญญาณตนนั้นว่า “เธอได้ทำกรรมอะไรไว้เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์”
    “ข้ากระผม (เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่ชัด) (ยมทูตได้แก้ไขคำเขาให้ถูกต้องด้วยคำราชาศัพท์ แต่เมื่อเขาได้ฟังแล้วเขาก็กล่าวได้ถูกต้อง แต่ไม่ตรงเสียงเท่าใดนัก) ข้าพเจ้า เอ๊ย ข้าพุทธเจ้า (เขาสายหน้าด้วยน้ำเสียเบื่อหน่าย) แต่ยมทูตได้เตือนว่าให้ทำความเคารพด้วยน้ำเสียงดีกว่านั้น หลังจากเขากล่าวเคารพเสร็จเขาก็ได้ตอบว่า ข้ากระผมได้บังอาจล่วงเกินท่านขออภัยด้วย ข้าพุทธเจ้า (เขาเริ่มกล่าวได้บ้าง) เป็นคนไทยที่เกิดในเมืองจีน เมื่อครั้งเล็กได้อยู่เมืองไทย เพราะเตี่ยเป็นคนไทย อาหม่ะเป็นคนจีนจึงได้มีสภาพเช่นนี้ เขาได้ชี้ให้ดูที่ใต้ตาของเขา ผมบอกว่าไม่ต้องหรอกเรารู้ แล้วเขาก็ได้บอกต่อไปว่า ข้าพเจ้าไม่อาจพูดได้ขอให้ท่านอย่าโกรธเลย”
    ผมมองหน้าเขาแล้วกล่าวว่า “เธอไม่ต้องพูดหรอกเราอนุญาติเป็นกรณีพิเศษ”
    เมื่อเขาได้รับการอนุญาติจากผม เขาก็ได้พูดต่อไปว่า “ผมเป็นคนไทยที่พูดไทยไม่ชัด เพราะว่าตนไม่ได้ฝึกตั้งแต่เล็ก”
    แล้วเขาก็ได้เล่าต่อว่า “กระผมเป็นชาวจีนที่อาศัยในเมืองไทย ทำอาชีพค้าขายของเก่า เมื่อทำการค้าเริ่มโตขึ้นผมก็เริ่มหาทางคดโกงเขา ด้วยการโก่งราคาสินค้ากับลูกค้าที่ไม่รู้จักสินค้าดี จนมีฐานะพอกินพอใช้ในหมู่บ้านหน้าตาคนทั่วไป บรรดาลูกเมียก็อาศัยเงินที่กระผมหาได้มานั้นเลี้ยงชีพตนและเขา แต่ในที่สุดผมก็ตาย กระผมก็ล้มเจ็บ กระผมล้มเจ็บด้วยโรคหัวใจและถูกนำตัวมายังนรกนี้ (พร้อมกับชี้ลงบนพื้นดิน) และถูกท่านพญายมตัดสินให้รับกรรมอยู่ในนรกนี้เจ็ดปี”
    “เมื่อเธอเป็นคนจีน ญาติพี่น้องของเธอที่อยู่บนโลกมนุษย์ ไม่มีใครทำบุญด้วยวิธีจีนมาให้เธอกินบ้างหรือ” ผมถาม
    “ก็มีบ้างเหมือนกันครับ แต่ก็ไม่อิ่ม เพราะท่านยมทูตเอาไปหมด”
    ยมทูตที่อยู่ข้างตัวเขาก็ตวาดขึ้น “ไอ้สัตว์ มึงคิดโกหกอีกหรือ กูจะฆ่ามึงง่าย ๆ นะโว้ย” ยมทูตตวาดพร้อมกับถลึงตาใส่ เขาตกใจกลัวด้วยอาการหดตัวเข้าหากัน
    ผมถามยมทูตว่า “เธอทำจริงเปล่า ยมทูต”
    ยมทูตตอบว่า “ไม่จริงพระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าไม่ได้ทำ สัตว์ตนนี้บังอาจโกหกใส่ร้ายข้าพระพุทธเจ้า ขอพระองค์อย่าได้เชื่อมัน” เขาบอกพร้อมกับชี้มือไปที่สัตว์ตนนั้น
    “ในเมื่อเธอโกหก เราไม่อาจช่วยเธอได้ กรรมที่เธอต้องสนองผลกรรมยมทูตกันเองนะ เราไม่อาจช่วยได้ เอาหล่ะ ยมทูตเธอจัดการไปตามที่เห็นชอบ” (เนื่องด้วยสัตว์ตนนี้มีกรรมกับยมทูต ผมจึงมิอาจช่วยได้)
    หลังจากที่ยมทูตจัดการกับนั้นเสร็จ ปากของสัตว์ตนนี้ได้ถูกกรีดออกด้วยมีดด้ามสั้นจนขาดออกจากกัน สภาพปากตอนนั้นขาดวิ่นออกจากกัน กว้างออกจากปากสภาพไม่น่าดูชมเลย
    “เย็บปากให้เขาเสีย” ผมชี้มือไปที่ปากเขา
    มียมทูตองค์หนึ่งถือกล่องพยาบาลมาทางนี้ และเข้าช่วยเหลือ หลังจากเสร็จเขาได้ถวายบังคมผมและกล่าวว่า “ข้าพระพุทธเจ้ามาช้า ขออภัย ขอให้ท่านเอ่ยนามด้วย” พร้อมกับพนมมือขึ้นเหนือเศียร
    ผมบอก “เราคือ______________บัดนี้มีบัญชาสวรรค์ ให้เรามาจัดการเรื่องสัตว์ที่รับบาปกรรมในนรกด้วยกรรมนั้น และให้ช่วยสัตว์ตนนั้น ถ้าหากสัตว์ตนนั้นได้กล่าวความจริงออกมา เราจะนำไปทำหนังสือเพื่อสอนแก่มนุษย์ที่ยังไม่รู้อีกมาก”
    “ข้าพระพุทธเจ้าขอรับธรรมทาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ด้วยบารมีพระปกเกล้า ขอถวายบังคมเดชฤทธิ์อิทธิศร ด้วยเกล้าบารมีปกเกล้ากระหม่อมพระพุทธเจ้าข้า”
    “ข้าพระพุทธเจ้าทราบแล้ว ขอกราบถวายบังคมลา” แล้วเขาก็พูดว่า
    “ข้าพระพุทธเจ้าได้กราบถวายบังคมเมื่อครั้งที่แล้ว แต่ครั้งนี้ขอถวายบังคมลา ด้วยเดชพระคุณเจ้ายิ่งแล้วขอน้อมเศียรถวายบังคมยิ่ง ด้วยบุญนั้นขอให้บุญนี้จงเป็นไปซึ่งกรรมดีอันมิสิ้นสุดแก่ข้าด้วยเทอญ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคารพ
    ผมหันมาทางผีตนนั้น “กรรมทั้งหลายนั้น เธอเป็นผู้ก่อแก่ยมทูต เราไม่อาจช่วยเธอได้ ขอให้จำไว้หากเธอได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ขอได้อย่าโกหกใครอีก เพราะจำทำให้เธอได้รับกรรมเช่นเมื่อสักครู่นี้อีก”
    เธอจงกล่าวต่อไปเถิด “อาหารที่ทางมนุษย์ส่งมาให้ก็มีบ้างเหมือนกัน แต่กระผมมิอาจกินได้ เพราะบางอย่างเป็นอาหารที่ไม่ใช่คนกิน มีทั้งเศษขี้เถ้าของกระดาษเงินกระดาษทอง อาหารต่าง ๆ ที่มิใช่อาหารจริง” (เขาหมายถึงทรัพย์สินต่าง ๆ ที่เผามาให้มิอาจใช้ได้)
    “หากแม้ญาติของเขา หรือตัวเขาได้ทำกรรมอาหารจริงแก่พระภิกษุสงฆ์หล่ะ” ผมถามยมทูต
    “มิอาจกินได้เหมือนกัน เพราะว่าสัตว์ตนนี้ยังมีกรรมอยู่มิอาจกินได้”
    ในนรกมีกฎการรับทานอาหารจากญาติพี่น้องไว้ดังนี้ วิญญาณที่จะได้รับอาหารจะต้องมีบุญมากพอและมีกรรมเหลือเพียงสามส่วนในคดีกรรมนั้น เขาจึงจะมีสิทธิ์รับอาหารจากญาติพี่น้องที่อุทิศมาให้ พระพุทธเจ้าข้า
    หากแม้สัตว์ตนนี้ได้กระทำบุญทานอาหารแก่ผู้อื่นมาก่อน ก็สามารถมีสิทธิ์รับบุญอาหารได้แต่ต้องมีกฎกรรมดังเช่นก่อน หากแม้สัตว์ตนนั้นได้ทำบุญแก่พระภิกษุสงฆ์โดยเต็มที่ (หมายถึงทำด้วยเจตนากรรม กายกรรม วจีกรรม จิตกรรม) ด้วยกรรมนั้น เขาสามารถรับบุญได้เต็มที่ทุกอย่าง แต่ต้องมีบุญมากกว่าสิบส่วนและมีกรรมน้อยกว่าสิบ จึงจะมีกรรมสุท (หมายถึงกรรมที่สามารถรับอาหารได้) ให้ได้เท่ากับสามส่วนจึงจะมีสิทธิ์รับอาหารนั้นได้เต็มที่ทุกอย่าง พระพุทธเจ้าข้า
    “เมื่อเธอสารภาพถึงบาปกรรมที่เคยก่อด้วยความเต็มใจ และได้กล่าวถึงกรรมนั้นอย่างละเอียด เธอจะได้หลุดพ้นกรรมนั้นไปตามสัญญามนุษย์ที่สวรรค์มอบให้ด้วยความว่า หากสัตว์ตนใดได้มีกรรมเจตกรรมแสดงถึงความประสงค์ที่จะหลุดพ้นกรรม ในส่วนที่หมายถึงการมีเจตนาที่จะช่วยเหลืองานสวรรค์ด้วยความพร้อมกับกรรมเจตนั้นโดยเต็มที่ ขอให้สัตว์ตนนั้นอธิษฐานว่า “จะไม่ทำกรรมนั้นอีก สวรรค์เบื้องบนก็จะปลดกรรมนั้นให้กับสัตว์ตนนั้น ด้วยความเมตตาในมนุษย์เป็นที่สุด””
    ขอให้เธอจงพนมมือขึ้นแล้วกล่าวว่า “สาธุ…ข้อความต่อไปเราจะเป็นผู้พูดก่อน ขอให้เธอพูดตาม”
    เขาพยักหน้าตอบรับ ยมทูตบอกเขาว่า “ไม่ได้เธอต้องบอกว่า ขอรับพระเจ้าข้า”
    สัตว์ตนนี้กล่าวว่า “ขอรับ พระเจ้าข้า” เขาตอบผิดอย่างถนัด
    ยมทูตต้องการจะสอนให้ถูก แต่ผมว่า “ไม่ต้องหรอกยมทูต เขาพูดไม่ชัดอยู่แล้วเราอนุญาตให้เขาพูดได้”
    ผมดัดเสียงช่วยให้เขาพูดได้ชั่วคราว แล้วกล่าวนำว่า “สาธุ ข้าพเจ้าขอให้คำสัตย์ต่อสวรรค์ว่า ข้าพเจ้าจะไม่ประพฤติตนเช่นเดิมอีก จะพยายามสร้างบุญกุศลเพื่อใช้หนี้กรรมในบาปที่ได้สร้างไว้ หากข้าพเจ้าผิดคำสัตย์ที่ให้นี้เมื่อใด ขอให้ข้าพเจ้าตายด้วยอาการทรมานเถิด” ผีตนนั้นกล่าวรับคำสัตย์ พร้อมกับยกมือพนมขึ้นเหนือศรีษะหนึ่งครั้ง
    ผมติดต่อแดนบัญชีกรรม เพื่อขอบัญชีกรรมมาตรวจสอบ หลังจากตรวจสอบแล้วได้จัดส่งให้ชายคนนี้ไปรับกรรมสถานตามที่ต่าง ๆ เพื่อให้หมดกรรมแล้วตัดสินให้ไปเกิดในยมโลกแดนสอง
    “กรรมนั้นมีจริง ให้ผลตามกาล ทุกอย่างล้วนอยู่ที่ตัวท่านเองเป็นผู้กำหนดขึ้น อย่าโทษฟ้าดินเลย ฉะนั้นขอให้มนุษย์ทุกคนจงสำนึก และปฏิบัติธรรมสร้างบุญบารมีให้แก่ตนเอง เพื่อเป็นกุศลกรรมในภพหน้าเถิด”
    ท้าวมหาพรหมเมไตย
     
  19. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันอาทิตย์ที่ ๑๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒
    ครั้งที่ ๑๘
    นรกขุม ๘ แดนทะเลโคลน
    เสียงซัดซ่าของน้ำที่พัดเข้าหาฝั่ง สถานที่ ๆ ผมยืนอยู่นั้นคือ “ทะเลโคลนดูด” สีของน้ำเป็นสีดำคล้ำมีกลิ่นเหม็น ผมอยู่ ณ ริมฝั่งของสถานที่นี้ ห่างจากตัวผมไม่ไกลในนำมีวิญญาณสามตนกำลังลอยคออยู่ในทะเลโคลนอยู่ และมียมทูตสององค์ยืนอยู่ในเรือลำเล็ก ๆ พร้อมกับใช้อาวุธทิ่มแทงลงบนร่างของเหล่าวิญญาณนั้น
    เข้ามาในชายฝั่ง มีวิญญาณสองตนเดินเข้ามาหาผมจนถึงระยะใกล้ ๆ ผมจึงเห็นว่าเป็นยมทูตที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ และเขาได้เข้ามาถวายบังคมด้วยข้อความเดิม
    “เราต้องการพาหนะลอยลำหนึ่ง เธอไปจัดหามาให้เราหน่อย”
    และยมทูตก็ได้หายไป ผมมองตามไป ผมเห็นยมทูตองค์ที่ไปนั้นเดินเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่งแล้วนำแพออกมาขนาดหนึ่ง รูปร่างของแพเป็นต้นกล้วยหลายต้นมัดรวมกันเป็นปึกใหญ่
    ผมเดินขึ้นไปบนแพและเคลื่อนออกไปในน้ำด้วยฤทธิ์อะไรบางอย่าง…ลำแพนั้นก็ได้เคลื่อนตัวเข้าไปหาวิญญาณพวกนั้นเข้าไปทุกที
    เมื่อผมเข้าไปใกล้ ผมเห็นยมทูตที่ยืนอยู่นั้นเป็นชาวฝรั่งและได้บอกยมทูตให้นำตัววิญญาณดังกล่าวกลับเข้าหาฝั่ง
    วิญญาณทั้งหมดได้ถูกนำตัวเข้ามาหาฝั่งวิญญาณทั้งหมดนี้เปลือยกายหมดทุกตัวและเข้าพบผม วิญญาณทั้งหมดเข้าพบผมและถวายบังคมด้วยความเคารพจากการแนะนำของยมทูต
    “พวกเธอทำกรรมอะไรเอาไว้หรือ จึงมีสภาพเช่นนี้”
    ลำตัวของผีพวกนี้มีสาหร่าย คราบตะไคร่เกาะอยู่ตามตัวมากมาย
    ผีตัวที่หนึ่งบอกว่า “ข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยทำร้ายผู้ให้คุณและน้ำนมแก่ข้าพระพุทธเจ้ามาก่อน ด้วยกรรมนั้นทำให้ข้าพระพุทธเจ้ามารับกรรมอยู่ในสภาพเช่นนี้”
    ผีตัวที่สองหันมากล่าวว่า “ข้าพระพุทธเจ้าได้ทุบตีเมียของตัวเอง”
    ผมหันไปถามวิญญาณตนที่สามบ้าง เขาตอบว่า “ข้าพระพุทธเจ้า เคยเป็นอันธพาลนักเลงหัวไม้ประจำถิ่น เมื่อมีใครจ้างให้ทำอะไรก็ทำ มีอยู่วันหนึ่งมีคนว่าจ้างให้ข้าพระพุทธเจ้าทำร้ายผู้อื่น ด้วยอำนาจเงินทำให้ข้าพระพุทธเจ้ายอมทำทุกสิ่งเพื่อเงิน”
    “พวกเธอทั้งสามตน ได้ทำกรรมเอาไว้มาก ตอนนี้จึงต้องรับบาปอยู่ในเวลานี้”
    ยมทูตที่อยู่บนเรือ ได้พูดว่า “พวกมึงก่อบาปสร้างเวรเอาไว้มาก กรรมจึงสนองพวกมึง”
    ผมหันไปหายมทูตแล้วพูดว่า “หยุดเถอะ” เขาก็น้อมเศียรให้ผมหนึ่งครั้งเพื่อเป็นการยอมรับ
    “วิญญาณทั้งสามตนนี้รับผลกรรมมานานเป็นเวลาเท่าใดแล้ว”
    “ชายตนแรกนี้มีบัญชีกรรมบ่งไว้ว่า จะต้องรับกรรมเป็นกำหนดเวลาสิบปีกว่าจึงจะพ้นกรรม พระพุทธเจ้าข้า”
    “แล้วชายตนที่สองนี้หล่ะ” ผมถามต่อ
    “วิญญาณตนที่สองนี้ ได้รับกำหนดกรรมเป็นเวลาแปดสิบปีมาแล้ว แต่ยังไม่พ้นกำหนดกรรม ส่วนชายตนที่สามนี้ได้รับกรรมเป็นเวลาสี่สิบปี พระพุทธเจ้าข้า”
    “พวกเธอทั้งสาม จงฟังเราถ้าพวกเธอสารภาพถึงบาปกรรมที่ได้เคยก่อไว้ตามความจริงด้วยเจตนาที่จะปลดปล่อยกรรมด้วยตนเองแล้ว เราก็สามารถช่วยพวกเธอให้พ้นกรรมนี้ได้”
    วิญญาณทั้งสามได้ฟังแล้วนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ วิญญาณตนที่หนึ่งซึ่งมีชื่อว่า “ผีเที่ยวเตร่” ตอบว่า “ในอดีตข้าพระพุทธเจ้าเป็นคนเกเรไม่สนใจการเรียน เอาแต่เที่ยวเตร่ทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจ ไม่เป็นอันกินอันนอน พี่น้องของข้าพระพุทธเจ้ามีแต่สตรี ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีเพื่อนเล่นจึงได้เที่ยวเตร่ออกนอกบ้านบ่อย และได้คบเพื่อนเสียจิต (คนที่ไม่ดีด้วยใจ) ไว้หลายคน ทำให้ข้าพระพุทธเจ้าต้องกลายเป็นอันธพาลกับเขาด้วย เมื่อมีคนมาว่าจ้างให้ทุบตีผู้อื่นด้วยเงินไม่กี่บาท จนถูกพวกเดียวกันรุมตีตายเนื่องจากเมาเหล้าแล้วเกิดการทะเลาะวิวาท”
    วิญญาณของชายอีกตนหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า “ผีใจเหี้ยม” ได้กล่าวว่า “ข้าพระพุทธเจ้าเป็นคนหาเช้ากินค่ำเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปวัน ๆ วันหนึ่งข้าพระพุทธเจ้าได้กลับเข้าบ้านก็พบเมียของตัวเองกำลังเล่นชู้กับคู่รัก ด้วยความโมโหจึงคว้ามีดในครัวไล่ฟันคนทั้งสองจนบาดเจ็บ และฆ่าเมียของตนเองจนตาย ส่วนไอ้ชู้รักนั้นหนีไปได้ ด้วยความตรอมใจข้าพระพุทธเจ้าจึงใช้มีดเล่มเดียวกันนั้นฆ่าตัวเองตายตามไปในเวลานั้น”
    วิญญาณตนที่สามได้ตอบว่า “ข้าพระพุทธเจ้า เป็นคนชั่วร้ายมือทั้งสองข้างของข้าพระพุทธเจ้านี้ เคยใช้ไม้ตีพ่อแม่ของตนเอง สาเหตุเนื่องจากเหตุที่ว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอเงินพวกเขาเพื่อไปซื้อเหล้ามาดื่ม แต่พ่อแม่ได้ว่ากล่าวตักเตือนก็ไม่ฟัง ข้าพระพุทธเจ้ากลับใช้วาจาโต้เถียงท่านจนเกิดความโมโห จึงใช้กำลังกับพ่อของข้าพระพุทธเจ้าและแม่ของข้าพระพุทธเจ้าก็ได้เข้ามาห้ามปราม แต่ก็ไม่เป็นผลในขณะที่ต่อสู้นั้นมือข้างหนึ่งของข้าพระพุทธเจ้าได้พลาดไปถูกศรีษะของแม่จนล้มลงหัวฟาดพื้น การต่อสู้นั้นจึงต้องยุติและข้าพระพุทธเจ้าจึงได้นำแม่ไปส่งโรงพยาบาลใกล้บ้าน แต่ไม่ทัน แม่ของข้าพระพุทธเจ้าได้เสียชีวิตกลางทาง ด้วยกรรมชั่วอันนี้ทำให้ข้าพระพุทธเจ้าต้องมีสภาพกรรมเช่นทุกวันนี้”
    และผีตนนี้ได้ยกมือทั้งสองข้างให้ผมดู มือทั้งสองข้างของเขาได้ถูกตัดออก ใบหูทั้งสองข้างของเขาก็ถูกตัด ปากของเขาฉีกกว้างออกเนื่องจากโดนมะพร้าวห้าวยัดปากและขาทั้งสองข้างของเขาถูกไฟลวกจนพิการ
    ผีตนนี้กล่าวออกมาและร้องให้ออกมาด้วยความเสียใจ วิญญาณตนนี้มีชื่อว่า “ผีน้ำตา” เพราะทำให้พ่อแม่ตนเองตกทุกข์ระกำลำบาก จึงต้องมีชื่อเช่นนี้ (ด้วยกรรมที่วิญญาณตนนี้กระทำ ทำให้เขาต้องกลายเป็นผีที่ต้องร้องให้ตลอดเวลา ไม่สามารถหยุดได้)
    “บาปกรรมที่พวกเธอทั้งสามได้ก่อขึ้น ได้สนองตอบกับพวกเธอทั้งสามดังที่เธอได้รับอยู่นี้ เราอยากทราบความรู้สึกของพวกเธอในขณะนี้”
    ชายตนหนึ่งได้ตอบว่า “ข้าพระพุทธเจ้ารู้สึกเจ็บปวดตามร่างกายมาก เนื่องจากถูกแช่กรดเกลือในน้ำจนร่างกายปวดเมื่อยด้วยพิษของเกลือในน้ำ ความเย็นของน้ำในทะเลโคลนนั้นเย็นจัดยิ่งกว่าน้ำแข็ง จะหนีก็หนีไม่ได้ถ้าหนียมทูตก็จะแทงด้วยหอกให้ได้รับความเจ็บปวด ด้วยความเย็นของน้ำนั้นทำให้ขาเขาต้องชาอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้ เนื่องจากกรรมที่เขาได้ตีคน”
    ผมหันกลับมาที่วิญญาณอีกตนหนึ่ง “ข้าพระพุทธเจ้าต้องแช่อยู่ในน้ำโคลนเป็นเวลาหลายชั่วโมง ผิวหนังของข้าพระพุทธเจ้าคันไปทั้งตัว”
    วิญญาณอีกตนหนึ่งได้กล่าวว่า “ข้าพระพุทธเจ้าต้องกินน้ำโคลนเข้าไปด้วยเนื่องจาก ไม่มีมือเท้าที่จะว่ายน้ำ ทำให้ต้องใช้แขนและขาช่วยพยุงตัวไม่ให้จมน้ำ”
    “ขอให้พวกเธอทุกตน จงกล่าวกรรมวาจา ด้วยกรรมนั้นจะส่งผลให้เธอหลุดพ้นจากชาตินี้ไปในชาติใหม่นั้นจ๊ะ”
    ผมกล่าว นะโม สามจบแล้วตามด้วยบทไตรสรณคมน์
    “สาธุ ข้าพเจ้าขอให้คำสัตย์ต่อสวรรค์ว่า ข้าพเจ้าจะขอประพฤติตนเป็นคนดีจะกลับเนื้อกลับตัวเสียใหม่ไม่ละเมิดศีล หากข้าพเจ้าผิดคำสัตย์ที่ให้ต่อสวรรค์เมื่อใดขอให้อัสนีบาตฟาดลงที่กระหม่อมของข้าพระพุทธเจ้าทุกตนทุกกาลเถิด”
    “เมื่อพวกเธอได้กล่าวกรรมวาจาเช่นนั้น เราขอให้พวกเธอทุกคนจงรักษาคำสัตย์นั้นให้ดี อย่าละเมิดกรรมสัตย์เป็นอันขาดขอให้จำไว้ให้ดี เราขออวยพรให้พวกเธอทุกตนมีความสุขความเจริญในภพภูมิใหม่ที่ไปอยู่เถิดจ๊ะ”
    ผมบอกให้ยมทูตเอาตัวชายทั้งสามนี้ไปหาพญายม เพื่อตัดสินคดีกรรม
    เคลื่อนกายกลับสู่โลกมนุษย์
    “อดีตชาติเคยทำกรรมไว้เช่นไร ปัจจุบันชาติก็จะรับผลเช่นนั้น”

    ท้าวมหาพรหมเมไตย
     
  20. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วันจันทร์ที่ ๒๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒

    ครั้งที่ ๑๙

    นรกขุม ๑ แดนลงทัณฑ์ ๓ (คดีลักทรัพย์)

    เบื้องหน้าผม มียมทูตทั้งสององค์กำลังต่อสู้อยู่กับผีผู้ชายตนหนึ่งอยู่ ผีผู้ชายตนนี้พยายามดิ้นรนการจับกุมของยมทูต ทั้งมือทั้งเท้าของยมทูตถูกอัดไปบนร่างของชายตนหนึ่งอย่างถนัด ผมมองเห็นที่ได้ตาของวิญญาณนั้นมีรอยเท้าเขียวช้ำมองเห็นได้ชัด ที่ปากบวมเจ่อและมีรอยเลือดไหลเปรอะอยู่ตรงมุมปาก วิญญาณตนนี้มีชื่อว่า “ผีขโมยทรัพย์”
    “ไอ้สัตว์ มึงคิดจะหนีการลงโทษหรือวะ” ยมทูตพูดแล้วก็ตบลงไปที่ศีรษะของผีตนนั้นทีหนึ่ง
    ยมทูตอีกองค์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ถุยน้ำลายใส่หน้าวิญญาณตนนั้นพร้อมกับว่า “ไอ้เหี้ย มึงคิดจะหนีกูเหรอ ไม่มีทางหรอก” ยมทูตกล่าวด้วยความสบถ
    ผมเข้าไปหายยมทูตแล้วกล่าวว่า “เรามาจากมนุษย์โลก และเห็นพวกเธอทำกรรมกับผีตนนั้น เราอยากรู้ว่าสภาพเป็นอย่างไร (มีความเป็นมาอย่างไร) จึงมีผลเช่นนี้”
    เมื่อยมทูตเห็นผมต่างก็ตกใจ แต่ก็กล่าวด้วยเสียงเบา ว่า “ข้าพระพุทธเจ้าได้ทำร้ายผีตนนี้ เนื่องจากผีตนนี้หนีการจับกุมและลงทัณฑ์อยู่ พระพุทธเจ้าข้า”
    เมื่อเขาบอกเช่นนั้น ผมก็บอกกับยมทูตว่า “เรามายมโลกนี่ก็เพื่อสัมภาษณ์วิญญาณบาปตามคำบัญชาสวรรค์ และมีหน้าที่ช่วยเหลือสัตว์ที่ประกอบกรรมดีให้หลุดพ้นจากขุมนรกนี้ เมื่อสัตว์ตนใดได้กล่าวคำสัตย์และแจ้งต่อกรรมใดความละเอียดด้วยความประสงค์ที่จะหลุดพ้นทุกข์ตามความจริง เรามีสิทธิ์ที่จะช่วยเขาให้หลุดพ้นได้”
    และผมได้บอกกับยมทูตว่า “เราต้องการจะสัมภาษณ์เขาสักหน่อย นำตัวเขามานี่ซิ”
    และยมทูตก็ได้ตัววิญญาณตนนี้มาหาผม พร้อมกับกล่าวว่า “วิญญาณบาปตนนี้ถูกนำตัวมาแล้วเพื่อขอเข้าเฝ้าตามพระประสงค์ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมเดชะ ขอพระราชทานวโรกาสให้เข้าเฝ้าด้วย พระพุทธเจ้าข้า”
    “เธอจงบอกเรามาเถิด ว่าทำกรรมไว้อย่างไรจึงมีสภาพกรรมเช่นนี้” ผมบอกไปด้วยเสียงอ่อนโยน
    “ข้าพระพุทธเจ้าเป็นคนจังหวัด “อุทัยธานี” ได้เคยขโมยทรัพย์สินของชาวบ้านมาหลายแห่ง เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามล่าตัวอยู่เสมอ บางครั้งถูกจับได้ก็ถูกนำส่งตัวฟ้องศาลมนุษย์ และศาลก็ได้ตัดสินให้รับโทษอยู่ในคุกเป็นเวลาสามเดือน เมื่อพ้นโทษออกมาก็เที่ยวจี้ปล้นชาวบ้านอีก ด้วยที่ข้าพระพุทธเจ้าเป็นคนการศึกษาน้อยไม่รู้ว่าจะไปประกอบอาชีพอะไรดี จึงต้องจี้ปล้นชาวบ้านกิน แต่ก็ไปไม่รอด เนื่องจากถูกตำรวจยิงตายเนื่องจากขัดขืนการจับกุม เมื่อตายลงก็ถูกยมทูตนำตัวมาในนรก และถูกตัดสินให้รับโทษอยู่ในนรกขุมนี้เจ็ดปี พระพุทธเจ้าข้า” (คำนี้เป็นคำที่ยมทูตสอนให้พูดก่อนการตอบ)
    ผมหันไปถามยมทูต “สิ่งที่เขาพูดมานี้เป็นความจริงหรือเปล่า”
    “ทุกอย่างเป็นความจริง พระพุทธเจ้าข้า”
    “เราต้องการได้เห็นการลงทัณฑ์วิญญาณตนนี้สักหน่อย”
    “พระพุทธเจ้าข้า” ยมทูตรับคำ
    หลังจากได้ฟังคำสั่งผมยมทูตทั้งสององค์ก็ได้นำตัวชายตนนี้ไปสู่ “แดนวิญญาณสอง” ในแดนนี้มีการลงทัณฑ์หลายสภาพ เมื่อเข้าไปตามทางที่บอกไว้ตามป้ายลูกศรสีแดงชี้ ผมก็ถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ชื่อว่า “ดงสนามเหล็ก” ที่ที่ผมเห็นเหล็กแหลมหายแท่งโผล่ขึ้นมาบนที่ดินมากมาย ดูแล้วคล้ายกอหญ้า หลาย ๆ กอ ความสูงของกอหญ้านี้ มีขนาดครึ่งขาคน รูปร่างของเหล็กนี้มีสีดำ อ่อนไหวพริ้งงอได้ตามสภาพของมัน
    แล้วยมทูตก็ผลักวิญญาณตนนั้นเข้าไปในดงสนามเหล็ก วิญญาณตนที่ถูกผลักเข้าไปก็เซถลาไปตามแรงผลักของยมทูต ฝ่าเท้าที่เปล่าเปลือยก็เหยียบถูกเหล็กแหลมที่ไหวพริ้วอยู่ ความยาวและแหลมของเหล็กแหลมได้ทิ่มแทงเนื้อนั้นจนทะลุออกมา ผมดูแล้วหวาดเสียวน่าดู ลำตัวก็ถูกผลักล้มไปข้างหน้า และถูกเหล็กแหลมที่โผล่ออกมานั้นทิ่มแทงตามร่างกาย ตามรอยแผลนั้นมีเลือดไหลซึมออกมาตามรอยทะลุของแผล กลิ่นเลือดเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว
    แต่ด้วยกรรมสานนั้นทำให้วิญญาณตนนี้ไม่ตาย เขาพยายามกระเสือกกระสนหนี และพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นจากพื้นขึ้นมา แต่ก็ถูกยมทูตเหยียบเอาไว้ไม่ให้หนี แล้วใช้หอกที่มีลักษณะสามง่ามทิ่มแทงตามร่างกายเสียงร่างกายถูกแทงดัง “ฉึก” ยมทูตที่เข้าไปเหยียบสัตว์ตนนี้สวมรองเท้าหนังยาวหุ้มหนาจึงไม่เป็นอันตรายใด ๆ
    สภาพวิญญาณตนนี้ถูกแทงตามร่างกาย เพราะกฏแห่งกรรมที่ทำเอาไว้ กรรมนี้ใครทำใครได้ เฉกเช่น ผู้ใดก่อผลไว้สิ่งใด ก็จะได้รับผลเช่นนั้น”
    ผมบอกให้ยมทูตนำตัววิญญาณตนนี้มาหาผม และผมก็ได้กล่าวกับวิญญาณตนนั้นว่า “ต่อไปนี้ เธอจะไม่ต้องมาเกิดเป็นผีที่นี่อีกต่อไปแล้ว แต่ถ้าหากเธอขึ้นไปแล้ว เธอได้กระทำผิดอีก ก็จะต้องรับกรรมในสถานที่ใดที่หนึ่งในยมโลกอย่างแน่นอน เราจะช่วยเธอให้พ้นทุกข์ไปจากที่นี้ เราได้รับบัญชาจากสวรรค์ให้มาสะสางกรรมในนรกนี้ให้แก่สรรพสัตว์ที่ทำบาปและตกนรกในนรกขุมต่างๆ ตามกฏกรรม (ใครทำใครรับกรรมนั้น) ของตนด้วยกรรมที่เธอได้แสดงกรรมต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายเพื่อเรานำไปเป็นตัวอย่างในการแสดงกรรมแก่มวลมนุษย์ที่คิดจะทำผิด จะได้สังวรณ์ไว้ว่า ทำแล้วจะได้รับกรรมเช่นนี้ ขอให้เธอกล่าวตามเราทุกคำ”
    “สาธุ ข้าพเจ้าขอให้คำสัตย์ต่อสวรรค์ว่า ข้าพเจ้าจะประพฤติตนเป็นคนดีเลิกอบายมุขต่างๆ ที่เคยทำมาหากวันใดที่ข้าพเจ้าละเมิดคำสัตย์นี้ ขอให้ข้าพเจ้าตายด้วยสายไฟในโลกมนุษย์ช็อตใส่ร่างกายด้วยเทอญ”
    หลังจากนั้นผมได้แจ้งต่อแดนบัญชีกรรมให้แก้ไขบัญชีกรรมตนนี้ให้ได้ไปเกิดในยมโลกแดนสอง เพื่อให้กรรมนั้นสิ้นสุดในภพนี้เท่านี้
    “เราขออวยพรให้เธอจงมีสุขภาพแข็งแรง อย่าได้เจ็บปวดได้ไข้นะ เราขออวยพรให้”
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมหวนคืนสู่มาตุภูมิ ขอให้สรรพสัตว์รู้แจ้ง และหวนกลับธรรมเข้าสู่กายธรรมกาย นั้นแหละเป็นทางพ้นทุกข์ที่ถูกต้อง
    “สิ่งทั้งหลายในโลกนี้ ล้วนเกิดอยู่ภายใต้กฏแห่ง อนิจจัง ทุกขัง อนันตตาทั้งสิ้น”
     

แชร์หน้านี้

Loading...